|

วันที่ 04 เดือนกันยายน ปี 2558 ช่วงเช้า เวลา 07.00 - 09.00 น. ณ ห้องครัว บ้านหมาป่า หุบเขาโซโนมา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ทานอาหาร ประจำวัน)
ห้องครัวของบ้านหมาป่าในเช้านี้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของปลาย่างบนเตาถ่าน ซูกิในชุดสบาย ๆ ผูกผ้ากันเปื้อนลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว มือซ้ายคีบตะเกียบพลิกตัวปลาให้หนังกรอบสวยงาม ในขณะที่อีกหม้อหนึ่งบนเตาก็ส่งกลิ่นหอมละมุนของซุปมิโสะที่เดือดปุด ๆ พร้อมสาหร่ายวากาเมะนุ่ม ๆ และเต้าหู้หั่นเต๋า โมนีก้านั่งรออยู่ตรงโต๊ะไม้กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งทำให้ท้องของเธอร้องโครกเบา ๆ จนเธอหัวเราะแล้วกุมท้องพลางบ่นเสียงใส “โอ้ย หิวแล้วเนี่ย ขอกินปลาเลยได้มั้ยคะคุณเชฟ~”
ซูกิเหลือบตามองอย่างขำ ๆ แต่ก็ยังคงทำงานเงียบ ๆ จัดเรียงทุกอย่างลงถาดไม้ตามสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งปลาย่างหนังกรอบวางคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ซุปมิโสะหอมกรุ่น และเต้าหู้เย็นราดซอสโชยุโรยต้นหอม ก่อนจะยกไปวางตรงหน้าโมนีก้าอย่างภูมิใจ “เสร็จแล้ว กินได้”
โมนีก้าแทบไม่รอช้าตักข้าวคำใหญ่ตามด้วยเนื้อปลาที่นุ่มกำลังดี แววตาเทาเงินของเธอทอประกายสดใสเต็มไปด้วยความสุข “อร่อยยยยยย! ซูกิ เธอนี่สุดยอดเลยอ่ะ ปลาคือที่สุดอะ กินกับข้าวคือฟินมาก!” เสียงสดใสของเธอทำเอาซูกิเพียงยักไหล่เล็กน้อย แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง ๆ แต่พอโมนีก้าใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้เย็นขึ้นม เธอก็ชะงักใบหน้าเบ้ทันทีเหมือนเด็กไม่อยากกินยา เธอเอียงหัว พึมพำเบา ๆ “ฮือออ เต้าหู้อีกแล้ว…ทำไมทุกเมนูญี่ปุ่นต้องมีเต้าหู้ด้วยเนี่ย”
“ก็เพราะมันดีต่อสุขภาพ แล้วก็เป็นของหลักของอาหารญี่ปุ่นไง” ซูกิยกคิ้วสูงเล่าให้ฟัง
โมนีก้าลองกัดไปคำเล็ก ๆ แล้วเบ้หน้าเหมือนถูกบังคับก่อนจะรีบวางตะเกียบลงทันที “ไม่เอาอ่ะ! รสสัมผัสมันแปลก ๆ ไม่ชอบเลย! ขอแค่ปลาย่างกับข้าวพอ!”
ซูกิถอนหายใจยาวแต่ก็ไม่ได้บังคับ เพียงยกถ้วยซุปมิโสะไปเลื่อนให้ใกล้โมนีก้ามากขึ้น “งั้นกินซุปแทน เต้าหู้ในซุปเล็ก ๆ คงไม่ทำให้เธอตายหรอก” โมนีก้าหัวเราะคิกคักพยายามเลี่ยงไม่ตักเต้าหู้ในซุปขึ้นมา กินแต่น้ำซุปกับสาหร่ายแทน ดวงตาเทาเงินเป็นประกายระยิบเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ พลางบ่นติดขำ “นี่ถ้าใครรู้ว่าฉันไม่ชอบเต้าหู้ขนาดนี้คงโดนล้อไปทั้งปีแน่ ๆ” ซูกิเพียงส่ายหัวพลางทานอาหารของตัวเองเงียบ ๆ แต่แอบเหลือบมองโมนีก้าอย่างเอ็นดู เห็นเพื่อนร่าเริงกินข้าวไปบ่นไปก็รู้สึกว่าบรรยากาศเช้านี้ผ่อนคลายดีเหลือเกิน
แต่หลังจากนั้นโมนีก้ายังคงนั่งกอดแขนทำหน้างอนิด ๆ พลางจิ้มปลาย่างใส่ปากไปด้วย พอเคี้ยวเสร็จก็หันมาพึมพำเสียงอู้อี้ “ข้าวญี่ปุ่นมันน้อยจริง ๆ นะ ทำไมต้องตักน้อย ๆ ด้วยอ่ะ ไม่เหมือนคุณป้าแม่บ้านคนไทยที่บ้านเลย ใส่มาเต็มถ้วยแทบล้น” แววตาเทาเงินฉายแววเอาแต่ใจเล็ก ๆ แบบเด็กหิวไม่อิ่ม
ซูกิเห็นแล้วก็ถอนหายใจยาว ยกมือไปหยิบกล่องข้าวที่ซ่อนไว้ด้านหลังโต๊ะ เปิดออกมาเผยให้เห็นโอนิกิริหลายชิ้น เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แถมยังมีหลากหลายไส้ ทั้งปลาแซลมอนย่าง บ๊วยดอง และสาหร่ายสับละเอียด กลิ่นหอมโชยทันทีที่กล่องถูกเปิด “รู้ว่าเธอต้องบ่นเรื่องนี้ ก็เลยเตรียมมาให้แล้ว” น้ำเสียงราบเรียบแต่ในดวงตาคมกริบแฝงรอยเอ็นดู โมนีก้าตาโตทันที หน้างอเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะยื่นมือมารับกล่องไปกอดแน่นเหมือนเจอสมบัติล้ำค่า “เย่! รู้ใจที่สุดเลยซูกิ! แบบนี้สิค่อยอิ่มหน่อย”
ซูกิส่ายหัวนิด ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “งั้นกินเสร็จแล้วรีบไปฝึกครั้งต่อไปกันเถอะ อย่าลืมว่ายังมีคาบของคุณลูปัสรออยู่” โมนีก้ายกโอนิกิริขึ้นมาแกว่งไปมาเหมือนจะเชิดชู “ได้เลยจ้า~ กินเสร็จแล้วไปฝึกต่อก็ได้! อย่างน้อยท้องอิ่มแล้วแรงก็มาแน่นอน!” เธอยิ้มกว้างรอยยิ้มสดใสเหมือนแสงแดดยามเช้า บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่น เสียงหัวเราะเบา ๆ ของโมนีก้าขัดกับท่าทีสุขุมของซูกิแต่ก็ผสมกันอย่างลงตัวจนทำให้เช้านั้นดูมีสีสันมากกว่าที่เคยเป็น

อื่น ๆ: อยากกินซูชิแต่ท้องไม่ดีง่ะ งืออออ
รางวัล : +30 พลังงาน จากการกินอาหารประจำวัน
|