...ยกเว้นการเรียน
เธอไม่ปฏิเสธว่าตนเองรักการเรียนรู้ การได้ศึกษาสิ่งที่ไม่เคยพบพาน รู้จักและทำความเข้าใจมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอ ซึ่งมันสามารถใช้ได้กับแทบทุกอย่างในชีวิตจริง ๆ หากไม่ใช่การเรียนประเภทที่ต้องมานั่งจับเจ่ากับหนังสือ การเรียนรู้ด้วยการอ่านเขียนเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับเธอ ซึ่งคาร์ล็อตต้าสามารถใช้นิยาม 'การศึกษาทำร้ายฉัน' ได้อย่างน่าไม่อายแม้ว่ามันจะผิดบริบทไปบ้าง แต่ว่ากันตามตรง ต่อให้วิชากำลังภายในโบราณที่ว่าหายสาบสูญไปนานแล้ว เจ้าหล่อนก็ยังคิดว่ามันง่ายต่อการศึกษายิ่งกว่าตัวอักษรเจ้าปัญหาที่ชอบวิ่งพล่านไปทั่วในแต่ละหน้ากระดาษทุกครั้งที่เธอเปิดมัน
ด้วยเหตุนี้ ผลการเรียนตั้งแต่เล็กจนโตของเธอจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดินตรงข้ามกับวิชาที่ใช้กำลังกาย รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ มากมายอันโดดเด่นเกินหน้าเกินตา
เธอถูกเรียกว่าเจ้าแม่แห่งลานกิจกรรม ในขณะเดียวกันก็เป็นยัยบื้อหลังห้องที่ไม่รู้หนังสือ แต่ก็ยังอุตส่าห์ผ่านชั้นเรียนมาได้ด้วยบารมีครอบครัว— เป็นเรื่องน่าบัดซบที่ไม่อยากยอมรับนัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งผลให้ประทับความอคติลงเต็มหน้าหนังสือ และปิดใจในเรื่องเรียนไปโดยปริยาย
จนกระทั่งตอนนี้ เมื่อนึกย้อนไปกลับรู้สึกตะหงิดใจ
'ตอนนั้นฉันทำคะแนนสูงขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ' ตามธรรมชาติแล้วภาษาที่ได้ยินผ่านหูบ่อยมาตั้งแต่แบเบาะจะถูกนับเป็นภาษาแม่ ที่ต่อให้เขียนไม่เป็นอ่านไม่ออกก็ยังพูดได้ เหมือนภาษาจีนที่เธอใช้สื่อสารกับมารดาและอาจารย์ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลินย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่อิตาลี ความรู้ด้านภาษาจีนของคาร์ล็อตต้าจึงมีน้อยนิดเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษและอิตาเลียนที่ซึมซับมาหลายปี
ปัญหาของเธอไม่ได้อยู่ที่การพูด แต่เป็นการเขียนและอ่าน
แม้ในโรงเรียนจะใช้การสื่อสารด้วยภาษาอิตาเลียนบ้าง แต่โดยส่วนมากเนื้อหาการเรียนมักใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเนื่องจากเป็นโรงเรียนนานาชาติ และคาร์ล็อตต้าก็ต้องเจอปัญหาจากโรคดิสเล็กเซียเป็นประจำ กระนั้นแล้วมันเกิดได้น้อยเมื่อมีวิชาจำพวกภาษาโรแมนซ์ เธอจำได้ว่าเมื่อตอนยังเด็ก มีครั้งหนึ่งที่ลงเรียนวิชาภาษาอิตาเลียนและสเปนแล้วสอบได้คะแนนสูง (อันที่จริงคือผ่านเกณฑ์มานิดหน่อย แต่คาร์ล็อตต้ามองว่ามันเป็นคะแนนที่สูงมากแล้ว) สาเหตุมาจากหัวเธอไม่ได้ลอยเคว้งหรือถูกเขย่าไปมาตามตัวอักษรเหมือนวิชาอื่น ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษล้วน แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ง่าย
อ้อ
"เพราะภาษาพวกนั้นมีรากศัพท์มาจากละตินนี่เอง"
"คิดสิ่งใดอยู่รึ?"
แน่นอนว่าลูปาได้ยินสิ่งที่เธอโพล่งออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย อันที่จริงคาร์ล็อตต้าเพียงคิดเรื่องอื่นไปพลาง ๆ จนเผลอหลุดปากออกมาเท่านั้น แต่ในห้องสมุดนี้มีแค่ครึ่งเทพหนึ่งตนและหมาป่า(ในร่างมนุษย์)อีกหนึ่ง ต่อให้เป็นเพียงเสียงงึมงัมก็ยังถูกนับว่าดังมากอยู่ดี คนถูกยิงคำถามใส่ราวกับเพิ่งฟื้นคืนจากภวังค์ หล่อนโคลงหัวขึ้นจากฝ่ามือก่อนจะสั่นหน้าไปมา กองหนังสือยังคงวางเรียงรายบนโต๊ะ การเรียนในตอนนี้ยังไม่จบลง
"เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดไปถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่สมัยเรียน แล้วก็นึกขึ้นได้จากการเรียนคาบที่แล้วว่าภาษาละตินคือรากศัพท์ของกลุ่มภาษาโรแมนซ์ ก็เลยประติดประต่อบางอย่างขึ้นมาน่ะ"
ดวงตาหลุบลงบนตัวอักษรหลากหลาย ทั้งหมดล้วนเป็นภาษาละติน "ที่ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเรียนภาษาอิตาเลียนกับสเปน กระทั่งโปรตุกีสง่ายเมื่อเทียบกับวิชาอื่น คงเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้"
น่าอายที่ต้องพูดแบบนี้ ในวัยเยาว์เธอเคยหลงระเริงคิดว่าอาการอ่านเขียนไม่ออกบ้าบอนี่หายดีแล้วหลังผลสอบภาษาโดดเด่นกว่าวิชาอื่น จึงวิ่งแจ้นไปรายงานทุกคนในบ้าน แต่สุดท้ายก็โดนความจริงตีแสกหน้าว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน พวกเขาคิดว่าเด็กอย่างเธอกำลังหัดปั้นน้ำเป็นตัว สัญญาณแห่งความดื้อรั้นกำลังปรากฏ สุดท้ายจึงถูกลงโทษหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ
นัยนาเกือบมีคลื่นอารมณ์อ่อนไหวพาดผ่าน แต่มันจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อย้อนคิดไปคาร์ล็อตต้าก็ไม่ได้สัมผัสถึงความเศร้าใด ๆ อีก ที่จะเหลือคงมีร่องรอยความขุ่นเคืองเท่านั้น เธอเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มแกน ๆ ให้ลูปา
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณให้ฉันมาเรียนเจ้าพวกนี้ใหม่ตั้งแต่ท่องอาบีซีไปจนถึงเซตานี่ก็...เกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ"
"รู้ตัวหรือไม่ คาร์ล็อตต้า สีหน้าของเจ้ากำลังบอกข้าว่า 'ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเด็กหรืออย่างไรถึงได้เริ่มสอนจากเรื่องพวกนี้' อยู่นะ" คาร์ล็อตต้าไม่ได้สะดุ้งแต่อย่างไร กระนั้นกลับรู้สึกได้ว่ามีความร้อนไหลผ่านหลังจากล่างขึ้นบนให้ร้อนรนเล่นนิด ๆ
"ฉันไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ แต่ก็ไม่อยากแคลงใจในการตัดสินใจของคุณเหมือนกัน"
อย่างไรหล่อนก็เป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ดังนั้นความสงสัยในการกระทำใด ๆ ว่ามีนัยยะแอบแฝงหรือไม่จึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คาร์ล็อตต้าอยากจะนึกถึง
หลังได้รับทราบเหตุผล ลูปาเพียงทอดมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ต่อมาจึงอธิบายอย่างใจเย็นว่าเพราะการที่เธอปิดกั้นความคิดที่อยากเรียนรู้ และพึ่งพาอาศัยเพียงภาษาพูดจนถึงปัจจุบันมันทำให้ตนเองขาดความรู้พื้นฐานไป ดังนั้นจึงต้องเริ่มสอนไปตั้งแต่สิ่งแรกเริ่มอย่างการจดจำพยัญชนะไปจนถึงการออกเสียงอักษรให้ถูก...อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าแปลกที่ตัวเธอสามารถทำความเข้าใจมันได้ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก จนไม่นานการเรียนการสอนก็มาถึงบทการผันกริยาตามประธาน กาล มาลา และลงลึกกับคำศัพท์มากขึ้น
"Casi diretti จึงมี—" เหมือนท่องให้เธอตอบอย่างไรอย่างนั้น แน่นอนว่าเป็นจริง และคาร์ล็อตต้าที่กำลังซึมซับเนื้อหาจึงกล่่าวต่ออย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
"Nom, Acc, Voc ที่เป็นกริยาตรง และของ Casi indiretti มี Gen, Dat, Abl เป็นการอ้อม ที่ต้องใช้คำบุพบทมาคั่น"
การเรียนการสอนยังคงดำเนินต่อไป คาร์ล็อตต้าลืมเรื่อง 'การศึกษาทำร้ายฉัน' ที่เคยพูดไว้จนหมดสิ้น บัดนี้เบื้องหน้าลูปาเหลือเพียงอิสตรีใฝ่รู้ที่กำลังพยายามเค้นสมองอ่านขั้นตอนในภาษาที่ไม่เคยเปิดใจเรียนรู้มันเลยแม้จะทำได้ดี หากคาร์ล็อตต้ามองขึ้นไป บางทีเธออาจได้รับบรรยากาศที่คล้ายกับมารดาที่จากไปของตนเองผ่านนัยน์ตาหมาป่าตนนี้ก็ได้
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ทั้งผู้เรียนและผู้สอนก็ต่างลืมสายธารเวลาที่หมุนผ่านไปอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งคาร์ล็อตต้าผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการยืดตัวบิดคร้านไปมา ศิษย์-อาจารย์จึงนึกขึ้นได้ว่านี่คงเลยคาบเรียนอื่น ๆ ไปไกลโข
"การเรียนครั้งนี้คงต้องจบลงเพียงเท่านี้ก่อน"
"บอกตามครั้งว่าฉันเองก็ลืมเวลาไปเสียสนิทเลยค่ะ" เอ่ยกลั้วหัวเราะไม่พอ รอยยิ้มที่ยากจะหาได้ก็ประทับขึ้นดวงหน้าด้วย "นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าการเรียนหนังสือสนุกขนาดนี้"
"แต่พอคิดถึงตัวหนังสือมากมายก็รู้สึกหดหู่อยู่ดี" เธอพรูลมหายใจเฮือก อย่างไรก็ดี มันคงไม่สร้างความรู้สึกลบ ๆ ให้เธอเหมือนกับที่ผ่านมาอีกแล้ว ต่อให้จะไม่ได้มีความสุขทุกครั้งที่เห็นหนังสือก็เถอะ เห็นได้ชัดว่าอคติของเจ้าหล่อนกำลังคลายตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
"นั่นก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเจ้าแล้วล่ะ" ลูปาเปรยขึ้น
"ในอนาคตต้องมีวันที่เจ้าสามารถพากเพียรกับมันได้เหมือนการฝึกฝนทางร่างกายอื่น ๆ อย่างแน่นอน"
โฉมฉายไหวไหล่ โยนให้ตัวเองในอนาคตเป็นคนรอรับผิดชอบสิ่งเหล่านี้แทน หลังจากนั้นข้าวของที่กองรวมบนโต๊ะจึงถูกโยกย้ายเข้าชั้นหนังสือและชั้นวางเดิมของมัน กระทั่งปัดถูเสร็จแล้วลูปาจึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
"นี่อาจไม่นับเป็นการบ้าน— แต่เป็นความต้องการส่วนตัวของข้า"
"คาบเรียนครั้งถัดไป ก่อนบททดสอบภาษาละตินจะเริ่มขึ้น ข้าอยากให้เจ้ายกตัวอย่างวลีละตินที่ชื่นชอบมันมาสักประโยคหนึ่งพร้อมกับบอกเหตุผลด้วย"
แน่นอนว่าหลังฟังคำขอที่ว่านี้ คาร์ล็อตต้าก็ไม่ลังเลที่จะปัดมันไปอยู่ในหมวดหมู่การบ้านทันที กระนั้นระหว่างเก็บเก้าอี้ตัวสุดท้าย แว่วเสียงก็ดังมาจากนักเรียนคนเดียวในห้องสมุด
"—นี่ก็ไม่ใช่การตอบการบ้านล่วงหน้าหรอกนะคะ แต่เป็นสิ่งที่ฉันนึกถึงพอดีน่ะ"
"Veni, Vidi, Vici" ( ข้ามา ข้าเห็น ข้าพิชิต )
"เป็นวลีแรกที่ผุดขึ้นในหัวฉันทันทีที่คุณตั้งแบบฝึกหัดให้เลย"
คาร์ล็อตต้านึกไม่ออกแล้วว่าเธอเคยเห็นมันมาจากที่ไหน หรือได้ยินจากใครกันแน่ แต่หลังได้เริ่มเรียนรู้ภาษาละตินอย่างจริงจังกับลูปา ประโยคนี้ก็มักผุดขึ้นมาในหัวเป็นระยะเสมอ มันมาพร้อมกับความไม่แน่ใจและลังเลในบางอย่างในคราวแรกเริ่ม หลังจากนั้นราวกับความรู้สึกถูกขัดเกลาให้ชัดเจนทีละระดับ จนถึงตอนนี้ที่อิสตรีกึ่งเทพกล้ากล่าวมันออกมา
อะไรบางอย่างที่กดทับใจเธออยู่ก็เบาบางลงไปด้วย
"ส่วนเหตุผล... อันที่จริงจะบอกว่าชื่นชอบก็แปลก ๆ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ดูยึดติดกับประโยคนี้นัก แต่พอมาตอนนี้แล้ว—" หล่อนเว้นช่วงไป
เสียงสูดหายใจดังขึ้นตัดตอน เพิ่มความมั่นคงในอารมณ์อย่างยิ่งยวด
"ฉันคิดว่า ที่ฉันชอบวลี 'ข้ามา ข้าเห็น ข้าพิชิต' คงเพราะฉันเป็นธิดาของเบลโลน่า เทพีแห่งสงครามก็ได้ หรือไม่ก็มีความเลือดนักสู้ในตัวสูง? ....อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ" คาร์ล็อตต้าปิดเปลือกตาลง นึกขบขันตนเองในใจที่พูดได้อย่างไม่อายฟ้าดินเป็นครั้งแรก ดีว่าตบมุกปิดท้ายกลบเกลื่อนไปด้วยจึงไม่ได้กระดากปากมากนัก แม้ไม่เคยเห็นหน้าบุพการีอีกคน แต่ดูเหมือนจะเริ่มเปิดใจยอมรับได้มากขึ้นเสียแล้ว
"คำที่องอาจ แสดงถึงพลังอำนาจ ความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งแบบนั้น คงทำให้ฉันนึกถึงคนคนหนึ่งที่คุณพูดถึงและฉันเองก็เพิ่งได้รู้จักไม่นานได้อย่างไร้ข้อกังขาเลยค่ะ ไม่สิ...ต้องเรียกว่าเทพีองค์หนึ่งสินะ"
อย่างที่กล่าวไป วลีนี้เมื่อพูดออกไปย่อมจินตนาการถึงอื่นใดไม่ได้นอกจากเทพีเบลโลน่า ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นเรื่องราวที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่ยอมรับในทีแรก กระทั่งรู้จักได้ไม่นาน แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาดเทียบเท่าความรักที่มีต่อแม่ที่เสียไป ลึกซึ้งยิ่งกว่าอาจารย์ที่เฝ้าสั่งสอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายสัมพันธ์กับพ่อเลี้ยงใจมารคนนั้นเลย
แม้จะยังมีความขุ่นข้องใจกับเทพีองค์นี้เป็นการส่วนตัวด้วยเรื่องในอดีตที่ไม่เคยพบหน้าคนรักของตนจนกระทั่งแม่ของเธอสิ้นใจ และมีเพียงตัวตนที่เขียนเอาไว้ในไดอารี่ถึงสตรีรักแรกปริศนาของมารดาก็ตาม พอคิดดูแล้ว คำกล่าวที่ว่าเลือดข้นกว่าน้ำนี่น่าจะพอให้เชื่อถือได้อยู่กระมัง
มีปริศนาที่ยังยากจะทำความเข้าใจได้ในคราวเดียวเยอะจริง ๆ
ลูปาเงียบไปอักโขหลังได้ยินคำนั้น สัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ในใจหญิงสาวผู้นี้ ครั้งแรกที่มาถึงบ้านหมาป่าและรับรู้เรื่องสายเลือดของตนเอง หล่อนยังคล้ายว่าจะไม่ยอมรับชะตากรรมของเดมิก็อตอยู่เลยแท้ ๆ —ยามนี้จึงกดรอยยิ้มซึมลึก ส่งมอบความละมุนละไมแก่คาร์ล็อตต้า แลผลิแย้มหนึ่งในปริศนาที่เธอสงสัยออกมาแถลงไขให้กระจ่าง
"คาร์ล็อตต้า ทายาทแห่งเบลโลน่าเอ๋ย"
"ตามข้ามาสักประเดี๋ยว มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าสมควรได้รับรู้แล้ว"
หมายเหตุรางวัล : เรียนภาษาละติน ครั้งที่ 2/2
+15 EXP / +2 คะแนน
+15 ความโปรดปรานลูปา (ตั้งใจเรียนภาษาละตินกับลูปา)
[ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ] ได้รับโบนัสความโปรดปราน +15
หมายเหตุ (ooc) : *ตัดฉากฉับ ๆ ตัดยับ ๆ นอนอืด เขียนไปแค่นี้แต่เหนื่อยมา—*