[ประเทศญี่ปุ่น] นครโอซาก้า

NPC CABIN 6 | Daughter of AthenaC l a r a       S c h u l z

23.05.2025 --- 08.30 AM

นอนพักเติมพลังไป 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ ชดเชยเจ็ทแลค จนคิดว่า 'บ้าน่า นี่ฉันหลับยาวขนาดนี้ไปได้ไง!' แต่ก็โอเคแหล่ะ ถ้าผลออกมาคือการรับเช้าวันใหม่อย่างสดใส แถมยังปรับเวลาให้เข้ากับประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย

คลาร่าจัดการธุระยามเช้าของตัวเองเสร็จจากนั้นก็ลงมารับประทานอาหารเช้าของโรงแรม ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้าวปั้นคลุกผงโรยข้าวที่เรียกว่า ฟุริคาเกะ ซุปมิโสะ และผักดองเป็นกับแกล้ม อย่างว่าล่ะของฟรีในที่พักราคาถูกก็เรียกว่าสุดเจ๋งแล้ว หลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางไปยังยูเมะชิมะ สถานที่ตั้งของาน Japan Expo 2025 ที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่สถานีเดียว

ยูเมะชิมะ หรือ เกาะแห่งความฝัน ชื่ออาจดูฟุ้ง ๆ ไปหน่อยแต่มันสมควรถูกตั้งด้วยชื่อนี้แล้ว

ยูเมะชิมะ เป็นเกาะเทียมบนอ่าวโอซาก้าที่ถูกสร้างด้วยนวัตกรรมยุคปี 70 โดยนำขยะมาถมเป็นเกาะ มีจุดประสงค์หลักเพื่อเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและท่าเรือในอนาคต รวมถึงใช้เป็นเขตถมขยะจากเมืองโอซาก้า อย่างไรก็ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมล้มเหลวหลายครั้งเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความไม่คุ้มทุน

แต่ในช่วงปี 2010 นี้เอง เมืองโอซาก้าเริ่มผลักดันให้ยูเมะชิมะกลายเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและการท่องเที่ยว เช่น การเสนอให้เป็นสถานที่สร้างรีสอร์ตคาสิโน สวนสนุก และแหล่งจัดงานใหญ่ ซึ่งมันเหมาะเอามาก ๆ ที่จะรวมศูนย์กลางของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เอาไว้ที่นี่ เพราะว่ามันใกล้กับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง และ สวนสนุก Universal Studios Japan ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เรียกว่าสะดวกต่อนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโอซาก้าเป็นอย่างมาก

งาน Expo จะเปิดให้เข้า 9 นาฬิกา สาวน้อยคลาร่ามาถึงก่อนครึ่งชั่วโมงซึ่งเป็นเวลาที่เธอคำนวนไว้อย่างเหมาะเหม็ง แม้คนจะเยอะแต่ชาวญี่ปุ่นเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ช่างเป็นเอกลักษณ์ที่หาจากไหนในโลกได้ยาก.. หลายคนอาจคิดแบบนั้น แต่คลาร่าอยากจะบอกว่า 'ที่เยอรมันก็เป็นแบบนี้นะ!' ราวกับว่า 2 ประเทศนี้เป็นแฝดคนละฝาที่เกิดกันคนละทวีป

พาวิลเลียนต่าง ๆ ที่จัดแสดงภายในงานมีมากกว่า 188 พาวิลเลียน จำเป็นต้องจองคิวล่วงหน้าเพื่อเข้าชม ที่บอกว่าต้องจองคิวก็เพราะว่ามีผู้เข้าชมแต่ละวันในจำนวนมหาศาล หากไม่จองคิวไว้ล่ะก็ได้ยินรอจนขาแข็ง กระนั้นก็มีพาวิลเลียนยิบย่อยที่ไม่ต้องจองคิวไว้ก็ได้

หญิงสาววางแผนจะเที่ยวงาน Japan Expo 2 วันด้วยกัน โดยพาวิลเลียนที่เธอจะไปในวันแรกซึ่งก็คือวันนี้ ได้แก่ Japan Pavilion ที่ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง เน้นความยั่งยืน สะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย ต่อไปคือ null² Pavilion ของประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน มาในคอนเซป ความว่างเปล่า โครงสร้างใช้ระบบ Voxel หรือ พิกเซล 3 มิติ ที่มีลักษณะสีเงินโค้งงอ ดัดและปรับรูปร่างได้ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่เห็นครั้งแล้วแล้วรู้สึก 'ว้าว' แบบสุด ๆ

'พี่แอนนาเบ็ธต้องถูกใจสิ่งนี้'

พักรับประทานอาหารกลางวันที่ ORA Gaishoku Pavilion ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังที่เขาบอกว่าดีที่สุดในจังหวัดโอซาก้า มาเปิดบูทให้ลองได้ซื้อรับประทานกันในงาน ซึ่งร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะไม่พ้น 'คัตสึไคเซกิ' หรือเซ็ตข้าวหมูทอดสุดอลังการจากร้านชื่อดังในย่านนาคัตสึ แต่คิวต่อแถวยาวเป็นหางว่าวชนิดที่เห็นแล้วเมื่อยขาล่วงหน้า หญิงสาวจึงหาสักร้านที่คนไม่เยอะมากจัดของอร่อยใส่ท้อง ยังไงร้านที่ถูกเชิญมาก็เป็นร้านขึ้นชื่อของจังหวัดอยู่แล้วใช่ไหม? ดีกรีความอร่อยคงไม่น้อยหน้ากันเท่าไรหรอกน่า

พักเสร็จก็เที่ยวงานต่อ เดินผ่าน Thailand Pavilion แต่ไม่ได้เข้าชมเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันกับคิวพาวิลเลียนใหญ่ที่จองไว้จึงได้แต่ส่องจากด้านนอก พาวิลเลียนของประเทศไทยก่อสร้างขึ้นเป็นรูปทรงศาลาที่คงไว้ซึ่งศิลปะประจำชาติเป็นอย่างดีที่แค่เห็นครั้งแรกก็รู้เลยว่ามาจากไหน แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัด พาวิลเลียนของประเทศไทยจึงสามารถสร้างศาลาออกมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งสร้างเป็นกำแพงกระจกขนาดใหญ่ประกบไว้ สะท้อนภาพอีกครึ่งมาเติมเต็ม นับว่าเป็นไอเดียที่เจ๋ง!

มาถึง USA Pavilion ที่สร้างเป็นทรงลูกบากศ์คล้ายกับพิธิภัณฑ์วิทยาศาสตร์เฮย์เดน เห็นภายนอกแอบผิดหวังนิดหน่อย แต่ของจริงจัดแสดงอยู่ด้านในกล่องลูกบากศ์เชย ๆ นั้นต่างหาก สิ่งที่อเมริกานำเสนอคือความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ และอนาคตของโลก เพราะเหตุนี้ล่ะมั้งถึงได้สร้างออกมาคล้ายกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เฮย์เดน

และพาวิลเลียนสุดท้ายที่รับชมในวันแรกคือ Earth Mart ตามคอนเซปตลาดแห่งอนาคต นำเสนอนวัตกรรมอาหารยุคใหม่ที่ใส่ใจโลกและสิ่งแวดล้อมโดยยึดแนวคิดแห่งความยั่งยืน ก็เป็นงานกินอีกแล้วค่ะท่าน!

จบจากนี้คลาร่าก็เดินเที่ยวชมพาวิลเลียนที่คนน้อยอีกนิดหน่อยก่อนออกมาจากงาน แต่เหมือนว่าคนที่ไม่ได้ออกจากค่ายมานานยังไม่หนำใจกับการเดินทั้งวัน

'เวลาเหลืออยู่อีกนิด แวะเที่ยวสถานที่ใกล้ ๆ สักหน่อยดีกว่า'

หญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนเดดาลัสขึ้นมาตรวจสอบหาสิ่งที่น่าสนใจใกล้เคียงที่ยังเปิดอยู่ในตอนเย็น

"ศาลเจ้าซูซาโนโอะ เห.. ตั้งชื่อจริงตามเทพเจ้ายิ่งกว่าศาลเจ้าสุสะอีกแฮะ แถมยังอยู่ห่างจากที่พักไปอีกไม่เท่าไรด้วย"

ด้วยความโดดเด่นของชื่อทำให้เธอคิดอยากลองไปเยือนศาลเจ้าของเทพท้องถิ่นดูสักครั้ง

---

 รางวัลโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคม  หินตีบวกตามจำนวนไบต์

NPC CABIN 6 | Daughter of AthenaC l a r a       S c h u l z

24.05.2025 --- 08.30 AM

Japan Expo วันที่ 2 คลาร่ามีประสบการณ์จากวันแรกมาแล้ว อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างจึงง่ายไปหมดสำหรับธิดาอะธีน่าผู้ชาญฉลาดแบบเธอ วันนี้โปรแกรมเที่ยวชมงานมีดังนี้

ช่วงเช้าเข้าชม France Pavilion ตัวอาคารมีลักษณะเป็นบันไดวนสีโรสโกลด์หรูหราในกรอบอาคารสี่เหลี่ยมทรงโมเดิน สถาปนิกออกแบบมาได้ น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮเฟชั่น ตามคอนเซป 'โรงละครแห่งชีวิต' ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความรู้ดั้งเดิมของฝรั่งเศส มรดกทางวัฒนธรรม และผลงานร่วมสมัย ผ่านแบรนหรูอย่าง Dioe หรือ Louis Vuitton ไม่ใช่แนวของเธอสักเท่าไร แต่ก็ไม่เสียเวลาที่มาชม

ต่อมาหญิงสาวไปเยือน Germany Pavilion คราวนี้มาแปลกที่เยอรมนีบ้านเกิดเลือกจะนำเสนอการทำเศรษฐกิจหมุนเวียนบนพื้นที่วงกลมสีเขียว แทนที่จะนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ที่ถนัด แต่จะให้เหมือนเดิมทุก 5 ปี คงน่าเบื่อแย่ ทำเรื่องอื่นที่ประเทศอยากเดินไปก็น่าสนใจดีออก นิทรรศการเชิงโต้ตอบในพาวิลเลียนทำได้น่าสนใจ เล่นเอาเรียนรู้จนสนุกจนเกือบจะลืมเวลา

ต่อไปคือ Italy Pavilion ที่พี่แอนนาเบ็ธก็น่าจะถูกใจสิ่งนี้อีกเช่นกัน พาวิลเลียนนี้นำเสนอ 'เมืองในอุดมคติ' ที่ผสมผสานศิลปะยุคเรอเนสซองส์กับนวัตกรรมสมัยใหม่ ผ่านการออกแบบสไตล์กรีก-โรมันโมเดิร์น สไตล์คล้าย ๆ กันกับโรงละครในค่ายฮาล์ฟบลัดที่เธอออกแบบใหม่ ภายในมีเวิร์กช็อปที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านหัตถกรรม ดิจิทัล และวิทยาศาสตร์ของอิตาลี นอกนี้ยังจัดแสดงผลงานศิลปะเลื่องชื่อ และอาหารอิตาเลี่ยนเลิศรส เธอจึงรับประทานอาหารกลางวันที่พาวิลเลี่ยนนี้ไปเลย

ช่วงบ่ายคราล่าเดินเที่ยวต่อ เข้าไปยัง Cartier Women’s Pavilion ออกแบบโดยสถาปนิกหญิงสมชื่อพาวิลเลียน โดยใช้แรงบันดาลใจจากงานไม้ Kumiko และวัสดุรีไซเคิลจาก Expo 2020 Dubai ซึ่งนับว่าดี เธอแอบคิดอยู่ว่าพอดีว่าเมื่องานนิทรรศการจบลง สิ่งปลูกสร้างชั่วคราวเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ทำอะไร ภายในพาวิลเลียนนี้นำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อโลก เช่น นักเขียนหญิง นักประพันธ์เพลงหญิง หรือนักเคลื่อนไหวทางสังคมผู้มีเชื่อเสียง เป็นศาลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของผู้หญิง คราวนี้เทพีอะธีน่ามารดาของเธอน่าจะปลื้มใจมาก

ออกจากพาวิลเลียนพลังหญิงก็ไปสู่ Saudi Arabia Pavilion ราวกับจำลองยกส่วนหนึ่งของเมืองโบราณดิรอียะฮ์มาตั้งไว้ ต้นปาล์มที่ปลูกไว้เป็นหย่อม ๆ ให้บรรยากาศของเมืองทะเลทรายได้ดี ซึ่งภายในนี้ทำเสนอเทคโนโลยีเอไอและพลังงานสะอาดอย่างที่ประเทศภาคภูมิใจ แล้วไปจบวันที่ Swiss Pavilion ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามล้อมโดมแก้วทรงกลม เธออยากปล่อยใจแล้วเน้นถ่ายรูปสวย ๆ เพราะเริ่มเหนื่อย

"ถ่ายรูปให้ไหมครับ?"

หนุ่มชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งพูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ หน้าตาของเขาหล่อเหลาทีเดียวแต่ก็ยังไม่ใช่สเปคของหญิงสาว หากมีรูปตัวเองที่ไม่ใช่การเซลฟี่เห็นแค่หน้าอย่างเดียวบ้างก็ดีเหมือนกันนะ

"คุณจะถ่ายให้ฉันเหรอ? ขอบคุณนะคะ"

คลาร่าไม่ปฏิเสธน้ำใจของหนุ่มเจ้าบ้าน เธอยื่นสมาร์ทโฟนให้เขา จากนั้นยืนโพสต์ท่าให้ชายหนุ่มถ่ายภาพให้ จนได้ภาพสวย ๆ มาประมาณหนึ่ง

"ถ่ายรูปสวยจัง ขอบคุณมาก ๆ เลย"

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งคุณผู้หญิง จะว่าไปคุณมีตุ๊กตามาสคอตเมียคุเมียคุหรือยังครับ?"

พูดถึงมาสคอตของเจ้า เมียคุเมียคุ แล้วก็ไม่รู้ว่านักออกแบบไปติสต์แตกมาจากไหน ที่เอาแนวคิดสิ่งมีชีวิตลึกลับมาสร้างเจ้าตัวนี้ขึ้นมา 'เมียคุเมียคุ' คือเสียงของชีพจร ถ้าเข้าใจง่าย ๆ ในภาษาบ้านเราก็คือ 'ตุ้บ ๆ' สีน้ำเงินเป็นตัวแทนของน้ำ สีแดงแทนเซลล์ ที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันจนเกิดชีวิต ซึ่งดีไซน์เนอร์นำแนวคิดนั้นเปรียบเทียบโครงสร้างสิ่งมีชีวิตกับการเชื่อมโยงของประเทศต่าง ๆ ในโลก หน้าตาของเจ้าเมียคุเมียคุออกจะประหลาดนิดหน่อย แต่จะมองว่าน่ารัก... ก็พอได้แหล่ะ

"ยังไม่มีเลยค่ะ คิดว่าเดี๋ยวจะไปซื้อก่อนกลับ"

"ถ้างั้นคุณสนใจไหม ผมเป็นพนักงาน" พูดแล้วหนุ่มตี๋ก็จับป้ายสต๊าฟที่ห้อยคอขึ้นมา "ผมพาคุณไปซื้อได้ในราคาพิเศษครับ"

"ว้าวดีจัง"

ถึงพูดแบบนั้นแต่คนฉลาดอย่างคลาร่าก็เฉลียวใจ ในงานใหญ่แบบนี้ได้ข่าวว่ามีมิจฉาชีพปะปนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เธอคิดว่าเอาตัวรอดได้จึงอยากลองดู เผื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดจริงหรือถ้าไม่จริงก็ได้โอกาสเปิดโปงคนชั่ว

"งั้นขอรบกวนพาไปซื้อหน่อยได้ไหมคะ?"

"ได้สิครับคุณ เชิญตามผมมาทางนี้"

หนุ่มญี่ปุ่นเดินนำไปอย่างมีมารยาท เขาดูรู้เส้นทางดีว่าเดินไปทางไหนจะปลอดคน แต่แล้วชายหนุ่มก็หยุดเดินต่อเสียดื้อ ๆ ในมุมอับสายตา

'เอาแล้วไง เริ่มโผล่หางมาแล้วสินะเจ้ามิจฉาชีพ!'

แล้วหางก็โผล่ออกมาจากชายคนนั้นจริง ๆ แถมยังมีตั้ง 2 หาง หนุ่มหล่อหน้าตี๋คนนั้นหันกลับมาทางคลาร่าด้วยใบหน้าของสุนัขจิ้งจอก มันเลียริมฝีปากเหมือนอดอยากปากแห้งจากเนื้อของเดมิก็อดมานาน

"ปะ..ปีศาจจิ้งจอกงั้นเหรอ!?"

เหนือคาดนิดหน่อยจนคลาร่ารีบตั้งหลัก เธอเรียกหอกแห่งปัญญาออกมาเผชิญหน้ากับอสุรกายท้องถิ่น

"หึ! สาวน้อย เจ้าจงมาเพิ่มพลังเป็นหางที่สามของข้าเสียเถอะ!!"

ปีศาจร้ายจิ้งจอกพุ่งตัวใส่คลาร่าด้วยความเร็วสูงจนแทบมองไม่เห็นตวัดกรงเล็บใส่เหยื่อที่ไม่เคยพลาดเป้า แต่มันเลือกเหยื่อผิดไปหน่อย เพราะว่าเดมิก็อดสาวคนนี้เป็นธิดาแห่งอะธีน่าที่มีดวงตานกฮูกที่มองทุกสิ่งเป็นภาพ Slow Motion การเคลื่อนไหวที่ไวหนักหนาจึงกลายเป็นเพียงภาพช้าทำให้เธอหลบได้

"อยากกินฉันก็ไวให้มันมากกว่านี้!"

เธอพุ่งหอกสีทองในมือใส่ปีศาจจิ้งจองสองหางเข้าเต็มกลางหลัง จากนั้นมันก็สลายกลับไปข้ามแม่น้ำซันสึอีกรอบ ทิ้งสินสงครามเป็นของกำนัลให้เธอชิ้นหนึ่ง

"เสียดายชะมัดอดได้ส่วนลดเมียคุเมียคุเลย..."

แต่พอพูดถึงตุ๊กตาก็อยากได้ขึ้นมา จบจากนี้เธอจึงไปร้านขายของฝากแล้วเหมาตุ๊กตามาสคอตของงานมกรรมมาจำนวนหนึ่ง ถึงที่พักแล้วก็ถ่ายรูปไปอวดลิเลียน่าสักหน่อย

Clara: สักตัวไหมจ๊ะลิเลียน่า
Liliana: ว้ายย ตัวอะไรอ่า น่าเกลียด ฮ่า ๆๆๆๆ

---

 หลักฐานการต่อสู้  ปีศาจจิ้งจอก Lv.52 [LINK]
 สินสงคราม  ใบไม้วิเศษ 5 ea
 รางวัลโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคม  หินตีบวกตามจำนวนไบต์