เนื้อหาโรลเพลย์:
หลังจากที่ทีน่า แซนโดวาล พาภริดา หรือที่ทุกคนในค่ายเรียกว่า ริดา เดินชมบรรยากาศที่คึกคักของโรงตีเหล็กจนทั่วแล้ว เสียงค้อนโลหะที่กระทบเหล็กดังก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอพร้อมกลิ่นควันไฟที่อวลอบอวลไปทั่วบริเวณ ทีน่าอธิบายหน้าที่และประวัติของสถานที่แห่งนี้อย่างละเอียด ก่อนจะหันกลับมามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นกันเอง
“เหนื่อยไหมจ๊ะริดา? ที่นี่เสียงค่อนข้างดังและร้อนหน่อยนะ” ทีน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะยกมือเช็ดเหงื่อบางเบาบนหน้าผากของตน
ริดาส่ายหน้าเบาๆ พลางยิ้ม “ไม่เหนื่อยเลยค่ะคุณทีน่า แค่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่า ทุกอย่างดูน่าทึ่งไปหมดเลย”
น้ำเสียงของริดาแฝงความประหลาดใจและความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่เคยเห็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานและชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน การได้เห็นเหล่าลูกครึ่งเทพกำลังตีดาบ สร้างเกราะ หรือซ่อมบำรุงอาวุธด้วยความมุ่งมั่นนั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งตำนานจริงๆ
ทีน่าหัวเราะเบาๆ กับความซื่อของเด็กสาว “ดีแล้วจ้ะ ถ้าชอบล่ะก็ ต่อไปฉันจะพาเธอไปดูอีกสถานที่หนึ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง รับรองว่าเธอจะต้องประทับใจแน่”
ริดาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย “ต่างออกไปเหรอคะ? สถานที่แบบไหนกัน”
“ศูนย์ศิลปะและหัตถกรรม” ทีน่าตอบด้วยน้ำเสียงเปี่ยมรอยยิ้ม “ที่นั่นเป็นเหมือนหัวใจอีกดวงของค่ายนี้เลยนะ เด็กๆ หลายคนใช้เวลาที่นั่นในการสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม หรือบางครั้งก็ใช้ทำอุปกรณ์พิเศษที่จำเป็นสำหรับการผจญภัยด้วย ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะได้มาจากโรงตีเหล็กหรอก”
ดวงตาของริดาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ฟังดูน่าสนุกจังเลยค่ะ ฉันชอบงานประดิษฐ์นะคะ ตอนอยู่บ้านก็ชอบวาดรูป ทำเครื่องประดับเล่นๆ บ้างเหมือนกัน”
“งั้นยิ่งต้องไปดูเลยล่ะจ้ะ” ทีน่ากล่าวพร้อมโบกมือเชิญ “ตามฉันมาเถอะ ทางนี้เลย”
ทั้งสองเดินไปตามเส้นทางที่บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนจากความร้อนแรงของโรงตีเหล็กไปสู่ความสงบเย็นและร่มรื่นของสวนดอกไม้และลานหญ้า ระหว่างทางมีเสียงนกร้องแว่วก้อง และกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ป่าลอยตามลมมาประโลมจิตใจ ริดาหันซ้ายแลขวาด้วยความประทับใจไม่หยุด บางครั้งก็หยุดมองประติมากรรมเล็กๆ ที่ตกแต่งอยู่สองข้างทาง
ในที่สุดพวกเธอก็มาหยุดอยู่หน้าอาคารขนาดกลางที่ดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว ผนังภายนอกถูกตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักที่ดูมีชีวิตชีวา บางส่วนเป็นภาพของเทพโบราณ บางส่วนเป็นเรื่องราวการผจญภัยของลูกครึ่งเทพที่ถูกถ่ายทอดอย่างงดงาม หน้าต่างทำจากกระจกสีที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายหลากสีราวกับอัญมณี
“ถึงแล้วจ้ะ นี่แหละศูนย์ศิลปะและหัตถกรรม” ทีน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ พลางผลักประตูไม้บานใหญ่ที่สลักลวดลายซับซ้อนออกช้าๆ
. ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นไม้สนและสีน้ำมันก็ลอยมาต้อนรับ สายตาของริดาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นบรรยากาศภายใน มีโต๊ะยาวเรียงรายไปทั่วห้อง แต่ละโต๊ะเต็มไปด้วยงานประดิษฐ์หลากหลายแบบ บางมุมมีเด็กๆ กำลังเพ้นท์โล่ด้วยลวดลายซับซ้อน อีกมุมกำลังปั้นดินเหนียวเป็นรูปสัตว์ในตำนาน และบางกลุ่มก็กำลังสานตะกร้า ทำสร้อยข้อมือ หรือแม้กระทั่งทอผ้า
. เสียงหัวเราะและการพูดคุยดังก้องคลอไปกับเสียงเครื่องมือที่กำลังทำงาน ราวกับเป็นบทเพลงแห่งความสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันจบสิ้น
“ว้าว…สวยจังเลยค่ะ” ริดาอุทานเบาๆ พร้อมก้าวเข้าไปช้าๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายเหมือนเด็กน้อยที่ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
ทีน่าหันมายิ้ม “เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นเกิดจากสองมือของลูกครึ่งเทพที่นี่ทั้งนั้น”
ริดาพยักหน้าช้าๆ พลางเดินเข้าไปใกล้โต๊ะหนึ่งซึ่งมีเด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มกำลังเพ้นท์โล่ขนาดใหญ่ ลวดลายบนโล่นั้นเป็นภาพของนกฟีนิกซ์ที่กำลังโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีต
“สวยมากเลยค่ะ!” ริดาเอ่ยด้วยความจริงใจ
เด็กสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร “ขอบคุณนะ พวกเราที่นี่เชื่อว่าศิลปะก็เป็นอาวุธหนึ่งในการต่อสู้เหมือนกัน”
ทีน่าหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยเสริม “บางครั้งงานศิลปะก็ช่วยให้หัวใจของเรามีแรงสู้ต่อได้ ไม่ต่างจากดาบและโล่เลยนะ”
ริดายิ้มกว้างขึ้นพร้อมหัวใจที่อบอุ่น เธอเริ่มรู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงค่ายฝึกเพื่อต่อสู้กับอสุรกาย แต่ยังเป็นสถานที่ที่หล่อหลอมวิญญาณให้เข้มแข็งและงดงามไปพร้อมกัน
ทีน่าหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะเดินดูรอบๆ กันก่อน แล้วค่อยไปยังสถานที่สุดท้ายของทัวร์ในวันนี้นะจ๊ะ”
ริดาพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “ค่ะ! ฉันอยากเห็นให้ทั่วเลย”
และแล้วทั้งสองก็เริ่มต้นการเดินชมรอบๆ ศูนย์ศิลปะและหัตถกรรม เสียงหัวเราะ ความสร้างสรรค์ และกลิ่นหอมของสีและไม้ยังคงอบอวลไปทั่ว ราวกับโลกใบนี้กำลังถักทอเรื่องราวแห่งความฝันให้คงอยู่ตลอดกาล
รับรางวัล : +15 EXP
.