หลังจากเสร็จธุระกับ 7-11 ไนมีเรียก็ตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศ เท้าเรียวใต้รองเท้าบู๊ตหนังพาเธอเดินลัดเลาะจากโถงอาหารมายังหอจัดแสดงศิลปะและงานฝีมือ อาคารโปร่งแสงที่มักจะอบอวลไปด้วยกลิ่นสี กลิ่นดินเหนียว และเสียงหัวเราะของเหล่าเดมิก็อดรุ่นเยาว์ วันนี้กลับเงียบสงบเป็นพิเศษ อาจเพราะชาวค่ายส่วนใหญ่คงไปฝึกซ้อมที่ลานต่อสู้กันหมด
ร่างบางก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้าง แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ฝุ่นละอองในอากาศเต้นระริกราวกับภูติตัวจิ๋ว สายตาของเธอสะดุดเข้ากับกระดานขาตั้งกลางห้อง บนนั้นมีแผ่นหนังขนาดใหญ่ขึงอยู่ พร้อมกับหัวข้อที่เขียนด้วยลายมือกลมๆ ว่า "ตรงนี้มีอะไรน่าสนใจด้วย… มาช่วยกันต่อเถอะ!"
ข้างใต้หัวข้อนั้นคือเรื่องราวที่ถูกเขียนค้างไว้ ไนมีเรียเดินเข้าไปใกล้ขึ้น นัยน์ตาสีเฮเซลหรี่ลงเล็กน้อยขณะพยายามเพ่งอ่านตัวอักษรที่ดูเหมือนจะเต้นระบำอยู่บนหน้ากระดาษ...เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ ตัวอักษรภาษาอังกฤษมักจะบิดเบี้ยวเป็นพักๆ ก่อนที่สมองจะค่อยๆ ประมวลผลและถอดรหัสออกมาได้สำเร็จ
มุมปากของเธอกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา ช่างเป็นจินตนาการที่น่ารักเสียจริง ธิดาแห่งเฮคาทีอ่านต่อไปจนถึงจุดที่กัปตันเอสเปรสโซ่กำลังจะพ่ายแพ้ต่อฟองหวานกลิ่นวานิลลา แล้วเรื่องราวก็หยุดลงตรงนั้น มีเพียงปากกาขนนกวางอยู่ข้างๆ รอให้ใครสักคนมาสานต่อ
“จินตนาการของเด็กๆ นี่มัน...ไร้ขอบเขตดีนะ” คลาริสซ่าเอ่ยขึ้นในห้วงความคิด น้ำเสียงเจือแววขบขัน “แล้วเธอจะทำอะไรล่ะ? ยืนชื่นชมผลงานศิลปะของเด็กอมมือพวกนี้รึไง?”
ไนมีเรียไม่ตอบ แต่เจ้าของถุงมือลูกไม้ดำกลับหยิบปากกาขนนกขึ้นมาอย่างนุ่มนวล นิ้วเรียวหมุนมันเล่นชั่วครู่ก่อนจะจรดปลายปากกาลงบนแผ่นหนัง บางที...การเติมความขมขื่นที่สมจริงลงไปในโลกอันแสนหวานก็คงจะสนุกไม่น้อย
แล้วเธอก็เริ่มเขียน ปล่อยให้จินตนาการที่ต่างขั้วกับผู้ริเริ่มเรื่องราวไหลผ่านปลายปากกา
ใต้ผืนน้ำสีชมพูอ่อนของทะเลหวานนั้น แสงอาทิตย์ตกกระทบผิวน้ำจนระยิบระยับดั่งเกล็ดน้ำตาล จากใต้พื้นผิวนั้น เสียงร้องประหลาดดังก้องขึ้นมาเป็นทำนองคล้ายบทเพลงเก่าแก่ที่ไม่มีใครในโลกเบื้องบนจดจำได้อีกแล้ว
“พวกเจ้าทำให้ทะเลนี้ขม... แล้วคิดว่าจะไม่มีใครตอบโต้หรือ?”
เสียงนั่นแว่วขึ้นมาจากหญิงสาวผู้มีผมยาวสีคาราเมล และเกล็ดหางสีฟ้าน้ำตาลลายคุกกี้ — เธอคือนางเงือกแห่งแนวปะการังน้ำเชื่อม นามว่า มิสซี่ดรอป
“นั่น... นั่นมันเสียงใครกัน!?” กัปตันเอสเปรสโซ่ร้องลั่น พลางยืนเกาะหางเสือเรือ ดวงตาสีดำเข้มของเขาเบิกกว้าง
“กัปตัน! ดูนั่น!” ลูกเรือคนหนึ่งชี้ไปยังเบื้องหน้า
คลื่นปลาบิสกิตยักษ์ยังคงพุ่งเข้ามา เสียงกรอบแกรบของคุกกี้กระทบกันก้องคล้ายเสียงฟ้าร้อง พวกมันเป็นปลาบิสกิตสายพันธุ์หายากที่มีเปลือกช็อกโกแลตหนาและหัวใจหวานไส้สตรอว์เบอร์รีเย็น ยามรวมตัวกันเป็นคลื่น ดูเหมือนภูเขาของหวานเคลื่อนที่ได้
มิสซี่ดรอปโผล่ขึ้นมาเหนือคลื่น ยกไม้เท้าน้ำผึ้งของเธอชูสูง
“เจ้าทำให้ทะเลหวานแห่งนี้ขมด้วยคาเฟอีน! ทะเลนี้เป็นของเด็กๆ และผู้ฝัน ไม่ใช่ของผู้เสพติด!” เธอโบกไม้เท้าไปข้างหน้า คลื่นปลาบิสกิตพุ่งตรงเข้าหาเรือด้วยความเร็ว
“ทุกคน! ต้มนมสดให้เร็วที่สุด! เราต้องทำลาเต้ป้องกัน!” กัปตันเอสเปรสโซ่สั่งการทันทีลูกเรือต่างวิ่งวุ่น บ้างต้มนม บ้างปั่นฟองนมจนละอองสีขาวพวยพุ่งรอบเรือ เกิดเป็นม่านหมอกลาเต้หนาทึบ
ตู้ม!
คลื่นปลาบิสกิตกระแทกเข้าใส่ม่านฟองนม เกิดเป็นเสียงแตกกระจาย ปลาบางตัวลอยคว้างก่อนจะละลายกลายเป็นเศษบิสกิตลอยฟ่อง แต่พลังของมิสซี่ดรอปยังไม่จบเพียงเท่านั้น เธอว่ายขึ้นมายืนบนหัวปลาบิสกิตตัวยักษ์ หันไปพูดกับพวกมันเบาๆ
“พวกเรา... เปลี่ยนพวกเขาให้รู้จักความหวานอย่างแท้จริง!!”
แล้วปลาบิสกิตก็ต่างร้อง “บิ๊บ!” พร้อมกัน ก่อนจะเปลี่ยนทิศ พุ่งวนเรือโจรสลัดเอสเปรสโซ่จนเกิดเป็นวงกลมยักษ์จากกลางวงนั้น ฟองหวานกลิ่นวานิลลาลอยขึ้นมาปกคลุมเรือ ลูกเรือแต่ละคนเริ่มชะงักชายผิวเข้มที่เคยดุดันเริ่มร้องไห้ขณะจิบลาเต้
“ข้า... ข้าคิดถึงแม่ที่เคยทำขนมอบให้ตอนเด็กๆ...”
กัปตันเอสเปรสโซ่นิ่งไป ราวกับโดนจี้เข้าไปในหัวใจบางจุดที่เขาเองก็ลืมไปแล้วว่าเคยมี
ไนมีเรียวางปากกาลงพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ "แบบนี้สิถึงจะสมจริงหน่อย" เธอพึมพำกับตัวเอง
หลังจากเล่นสนุกพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาของธุระที่แท้จริง ร่างบางเดินไปยังมุมหนึ่งของหอศิลป์ที่แสงจันทร์จำลองสาดส่องลงมาพอดี เธอเปลี่ยนเป็นชุดเดรสเจ้าหญฺงอันฟูฟ่องงดงามแต่ขยับและใช้ชีวิตยากราวกับจัดมาเพื่อพิธีกรรมบางอย่าง จากนั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างและหยิบของสำคัญออกมาอย่างระมัดระวัง— เริ่มจากสร้อยไข่มุกดำที่งดงามและแพระยับ ตามด้วยดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้มดุจท้องฟ้ายามราตรีสิบดอก และดอกกุหลาบสีทองอร่ามราวกับสมบัติของทวยเทพอีกสิบดอก พวกมันคือดอกไม้จากสวนของเทพีอโฟรไดรต์โดยตรงที่ไครอนเคยบอกเธอถึงวิธีที่จะได้รับพรจากเจ้าของสวน
เธอจัดวางดอกไม้ทั้งยี่สิบดอกบนแท่นหินอ่อนว่างเปล่า เรียงสลับสีกันอย่างงดงาม ก่อนจะหลับตาลง เอ่ยคำอธิษฐานด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและชัดเจน ไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการเชื้อเชิญ
“ข้าแต่เทพีแห่งความงาม ผู้รังสรรค์ทุกสิ่งที่น่าหลงใหล...ข้านำของกำนัลที่ท่านชื่นชมมามอบให้ เพื่อแลกกับความโปรดปรานของท่าน”
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป อากาศอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้นานาพรรณและน้ำหอมราคาแพงจนน่าเวียนหัว แสงสว่างนวลตาเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า ก่อนจะก่อตัวเป็นร่างของสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่ใครจะจินตนาการได้ เมื่อมองให้ดีอีกครั้งไนมีเรียพบว่าร่องนั้นกลายเป็นบุรุษหูแหลมคล้ายเอลฟ์ผมยาวสีขาวที่งดงาม ทว่าท่อนล่างกับเป็นสตรีผิวแทนทรงสะบึ้ม เทพีอโฟรไดรต์ในชุดเดรสผ้าไหมสีชมพูอ่อนแย้มยิ้มให้เธอ ดวงตาของเทพีเป็นประกายระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านซ่อนอยู่
ธิดาแห่งเฮคาทีตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่สิบวิ สวยนั้นก็สวยอยุ่แต่กลับมองแล้วแปลกๆ พิลึกชอบกล
“ไนมีเรีย...ที่รัก” น้ำเสียงเทพแห่งความงามหวานล้ำดุจน้ำผึ้ง “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตั้งแต่งานฉลองที่โอลิมปัสนั่นแน่ะ เป็นอย่างไรบ้างล่ะจ๊ะ?”
“ถ้าไม่นับหวิดกลายเป็นหินจากสาวหัวงูไปหนึง่รอบ ตีกับไซคลอปส์และสิงโตอารมณ์ร้อนไปนิดหน่อย.... เจอเทพมิจฉาชีพจะหลอกให้ทำงานฟรีอีกนิด ฉันสบายดีค่ะ คุณอโฟรไดรต์” ไนมีเรียย่อตัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อมแต่ยังคงไว้ซึ่งท่าทีที่มั่นคง “หวังว่าท่านเองก็จะเปี่ยมด้วยรักในทุกวันเช่นกัน”
“ยังมีอารมณ์ขันไม่เปลี่ยน อย่างนี้นี่เองคงผ่านเรื่องราวน่าสนใจมาสินะเฮคาทีคงภูมิใจในตัวเจ้าไม่น้อย... แน่นอนอยู่แล้วที่รัก…” เทพีหัวเราะเบาๆ สายตาของนางกวาดมองดอกกุหลาบทั้งยี่สิบดอกด้วยความพึงพอใจ “ดอกกุหลาบที่ข้ามักมอบให้เหล่าวีรบุรุษที่คอยช่วยงาน… ช่างเป็นการบูชาที่น่าเอ็นดู..” พระองค์โบกมือเล็กน้อย ดอกกุหลาบทั้งหมดยี่สิบดอกก็ลอยขึ้นแล้วค่อยๆหลอมรวมกันกลางอากาศ กลายเป็นดอกกุหลาบหนึ่งเดียวที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ กลีบของมันเป็นสีน้ำเงินและสีทองสลับกันไปมาอย่างลงตัว เปล่งประกายเรืองรองในตัวเอง
“จงดู รัศมีแห่งความงามที่สมกับความพยายามของเจ้า” เทพีอโฟรไดรต์เอ่ย พลางยื่นกุหลาบดอกนั้นให้ไนมีเรีย “พรแห่งข้าจะสถิตอยู่กับมัน...และความงามมักจะดึงดูดสิ่งสวยงามอื่นๆ เข้ามาเสมอ จำไว้ให้ดีนะ”
“มันสวยกว่าที่จินตนาการไว้ตอนแรก ขอบคุณมากค่ะ” ไนมีเรียรับดอกกุหลาบน้ำเงินทองมาถือไว้ สัมผัสได้ถึงพลังงานอันอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากมัน
“เอาล่ะ...ข้าคงต้องไปแล้ว มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ให้ต้องจัดการอีกเยอะ” เทพียิ้มกว้างเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของพระองค์จะค่อยๆ เลือนหายไปกับสายลม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจางๆ และดอกกุหลาบอันเป็นเอกลักษณ์ในมือของธิดาแห่งเฮคาที
ไนมีเรียมองดอกกุหลาบในมือเงียบๆ ‘ความงามมักจะดึงดูดสิ่งสวยงามอื่นๆ…’ คำพูดของเทพีช่างกำกวมและเปี่ยมด้วยนัยยะเสียจริง
“เทพเจ้านี่พูดจาตรงไปตรงมาไม่เป็นรึไงนะ” คลาริสซ่าบ่นอุบในหัว “ระวังตัวไว้ด้วยแล้วกัน จะของหรือพรจากเทพแห่งความรักอาจจะมาพร้อมกับปัญหาที่เธอไม่ต้องการก็ได้”
ไนมีเรียเพียงยิ้มมุมปาก ก่อนจะเก็บดอกกุหลาบดอกนั้นลงในกล่องบุผ้านวมที่เตรียมมาอย่างดี อย่างน้อยวันนี้เธอก็ได้ของที่ต้องการมาแล้ว ส่วนปัญหา...นั่นเป็นเรื่องของอนาคต
**************
กิจกรรมต่อนิทานชาวค่าย : เงิน 5 ดรักม่า, +10 EXP , +5 ป้ายเกียรติยศ สำหรับการเข้าร่วมครั้งแรก
รวมดอกกุหลาบทอง และดอกกุหลาบน้ำเงิน อย่างละ 10 ดอก
เป็นดอกกุหลาบทองน้ำเงิน [สวมใส่]
ชุดเดรสเจ้าหญิง : สวมชุดนี้และได้เจออโฟรไดต์โดยตรงจะได้รับความโปรดปรานโบนัส+10
BELIEVER [ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ] โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15
จากการเติม VIP โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15
มอบสร้อยไข่มุกตาฮีติให้ เทพีอโฟร์ไดต์ (ไปพร้อมของบูชานั่นล้ะ)
@God