12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

[รัฐเท็กซัส] ซานอันโตนิโอ

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-12-16 02:31:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
243
การเดินทางไกลของสามหนุ่มสามมุม

               11/12/2024 - 9.30 น.

               ใช้เวลาอยู่กลับครอบครัวอย่างเต็มอิ่มถึงหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ตอนนี้ก็ได้เวลากลับค่ายฮาล์ฟบลัด ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ดีนกับแมคเคนซี แต่ยังมีสมาชิกใหม่อย่าง ‘เชมัส แคตต์’ เพิ่มมาด้วยอีกหนึ่งคน ตอนแรกคิดว่าจะจองตั๋วเพิ่มไม่ได้แล้วเสียอีก ยังดีที่พอมีที่ว่างให้พวกเขาแอดที่นั่งของเด็กเพิ่มไปอีกหนึ่ง

               น่าประหลาดใจเหลือเกิน... ทั้งที่ช่วงนี้อยู่ในฤดูกาลแห่งการเดิน ระหว่างเทศกาลสำคัญช่วงปลายปี ที่ติดกันจนเป็นวันหยุดยาวแท้ ๆ แต่คุณฌอนพ่อของเชมัสยังจองตั๋วรถไฟมาได้ แถมยังได้อัพตั๋วเป็นตู้นอนสองขบวนเลยอีก หรือบางที... นี่อาจเป็นความอนุเคราะห์จากเทพบิดาหรือมารดาเด็กชายคนนี้ก็เป็นได้ ที่กล่าวแบบนั้นเป็นเพราะดีนยังไม่วางใจว่าเทพผู้ปกครองของเชมัสเป็นหญิงหรือชายจากกรณีของเจโรมที่เขาเคยรู้มา

               นางอัลวาเรซขับรถมาส่งหนุ่ม ๆ ที่สถานีรถไฟซานอันโตนิโอ จะว่าตื่นเต้นก็คงได้ แม่ซื้อรถใหม่มาในช่วงที่ดีนไปเรียนที่นิวยอร์ก นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้นั่งบนรถญี่ปุ่นสีน้ำทะเลคันนี้ (ไม่นับที่เขาช่วยเอารถของแม่เข้าที่จอดรถในวันแรกที่เจอกัน) หากปกติคงนั่งได้สะดวกสบายกว่ารถกระบะของลุงไมค์เยอะ ทว่าพวกเขามีสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทางใบโตถึงสามใบ และกระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงอีกหนึ่ง เรื่องกระเป๋าพอยัดใส่ไว้หลังรถได้สองใบ คนที่เบาะหลังต้องนั่งเบียดกับกระเป๋าอีกหนึ่ง ส่วนออมเล็ตดีนอุ้มไว้บนตัก ค่อยไปกางกระเป๋าใส่สุนัขตอนขึ้นรถไฟทีหลัง

               “เดินทางปลอดภัยนะหนุ่ม ๆ ถึงค่ายแล้วอย่าลืมโทรหาแม่ล่ะ”

               “ครับแม่ แม่ก็ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะ”

               ดีนเข้าไปสวมกอดมารดาผู้ให้กำเนิดด้วยความรัก เขาไม่อายเลยที่จะทำตัวเป็นเด็กอย่างการหอมแก้มแม่ซ้ายขวาขณะอยู่หน้าสถานีรถไฟ ใคร ๆ เขาก็ทำกันจะมัวอายทำไมล่ะ...

               หลังบอกลากันเสร็จก็ถึงเวลาออกเดินทาง จัดการออมเล็ตให้อยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงเรียบร้อย จากนั้นก็เข็นกระเป๋าขึ้นรถไฟแอมแทรกเส้นทางเท็กซัสอีเกิ้ล เชมัสดูไม่ได้ตื่นเต้นมากนักที่ต้องเดินทางไกลเพราะว่าเขานั่งเครื่องบินติดตามบิดามาจนชิน แต่การนั่งรถไฟข้ามรัฐแบบนี้อาจเป็นครั้งแรก

               ห้องโดยสารเป็นห้องนอนแบบเดิมที่นอนได้สี่คน เพียงแต่คราวนี้มีเด็กเดินทางมาด้วย การละเล่นจ้ำจี้บนตู้โดยสารจึงเป็นเรื่องต้องห้ามโดยเด็ดขาด

               “อยู่ในนี้อึดอัดไหมเชมัส ถ้านายอยากออกไปสูดอากาศล่ะก็ขึ้นไปที่ตู้ชมวิวได้นะ”

               “ผมยังไงก็ได้ฮะ” เด็กชายผมดำเชื้อสายไอริชครึ่งเทพตอบกลับ

               “แล้วนายล่ะแมคซี่ อยากขึ้นไปสูดอากาศข้างบนไหม?”

               @Mackenzie

               ไม่ผิดคาดสักเท่าไรกับคำตอบของแมคเคนซี

               ในเมื่อคนนึงบอกว่ายังไงก็ได้ ส่วนอีกคนบอกว่าอยากอยู่ในตู้ส่วนตัว งั้นก็เอาเป็นพักผ่อนกันในนี้จนกว่าจะถึงเวลามื้ออาหาร แม้ว่าคนไฮเปอร์อย่างดีนอยากจะออกไปยืดเส้นยืดสายข้างบนเสียหน่อยก็เถอะ แต่ดูจากปริมาณผู้โดยสารจำนวนมากแล้วนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องนอนนี้ก็ได้

               รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนขบวนออกไปจากชานชาลา เด็กชายและสิงโตนีเมียนน้อยต่างแย่งกันเกาะกระจกชมวิว เชมัสมีท่าทีเกร็ง ๆ อยู่บ้างตอนที่ออมเล็ตแทรกเข้ามา แต่เหมือนเขาจะทำใจได้แล้วกับรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน เพราะก่อนหน้านี้เด็กชายเห็นสิงโตเป็นสุนัขมาตลอดจนถึงวันเกิดของตัวเองที่ผ่านมาได้สัปดาห์เศษ ๆ ไม่เพียงเท่านั้น... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เลื่อนผ่านกรอบสายตาก็ดูเหมือนจะผิดปกติไปเสียหมด

               และอาจเป็นโชคดีของเด็กชายที่เขาบังเอิญได้มาเจอกับรุ่นพี่ทั้งสองคน

               “โอ๊ะ นอกหน้าต่างมีคุณวัวถือค้อนด้วยฮะ!”

               เชมัสดูจะตื่นเต้นกับภาพที่เขาเห็นอยู่ไม่น้อยโดยหารู้ไม่ว่านั้นน่ะตัวอันตราย ที่นอกหน้าต่างรถไฟมีมิโนทอร์ตัวหนึ่งถือค้อนใหญ่โตทำท่าทางฉุนเฉียวอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวฟ่าง

               “อ่าใช่ นั่นน่ะมิโนทอร์ เห็นเป็นคุณวัวเท่ ๆ แต่ถ้าเจอแล้วต้องรีบวิ่งหนีให้ไวเลยล่ะ ไม่งั้นโดนมันทุบแบนแต๊ดแต๋เป็นเนื้อบดในแฮมเบอร์เกอร์แน่ ๆ” ดีนเบ้ปากตอบ

               “ดีนะที่เราอยู่บนรถไฟ คุณวัววิ่งตามไม่ทันแน่ ๆ” น้องน้อยหัวเราะขำ ๆ ดูท่าทางไม่หวั่นเกรงภัยที่มาไม่ถึงตัว ราวกับลืมไปแล้วว่าเคยถูกอสุรกายหกหัวระดับไฮดร้าวิ่งไล่ตาม “ไม่มีตัวไหนที่เชื่องเหมือนออมเล็ตเลยเหรอฮะ”

               “อื้ม… จริง ๆ เผ่าพันธุ์ของออมเล็ตก็ดุร้ายนะ เพียงแต่ว่าเจ้านี่ถูกฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดมันก็เลยเชื่อง ถ้าเจอสิงโตนีเมียนที่ไหนก็ห้ามเข้าใกล้เหมือนกัน อสุรกายที่เชื่องมีไม่เยอะหรอก ระวังตัวเองไว้ก่อนปลอดภัยกว่า.. จะว่าไปสงสัยจังแฮะว่าเชมัสเป็นลูกของเทพองค์ไหน”

               จากที่คลุกคลีกันมาเป็นเดือน ดีนพอรู้ข้อมูลของเด็กชายคร่าว ๆ เชมัสเป็นคนไอร์แลนด์ เดินทางกับพ่อบ่อย งานอดิเรกคือการว่ายน้ำแถมเคยเป็นตัวแทนลงแข่งว่ายน้ำเยาวชนรุ่นอายุต่ำกว่าสิบสองปี

               ‘คงไม่ใช่ว่า… ไม่หรอกมั้ง คงไม่จู่ ๆ ก็มีน้องชายงอกมาคนนึงหรอกนะ…’

               “นายคิดว่าไงแมคซี่ มาเล่นเกมทายกันไหม?” ดีนหันไปถามคนรักหลังจากที่เขามัวแต่คุยกับเด็กมาพักนึง

               @Mackenzie

               “ไม่เสมอไปหรอก พ่อเจโรมยังเป็นผู้ชายเลย มีเทพกรีกไม่น้อยเลยนะที่เป็นไบเซ็กส์ชวลแล้วก็มีลูกกับเพศเดียวกันได้..”

               พูดไปก็นึกขึ้นได้ว่ามีเด็กทำหน้างงอยู่ตรงนี้ ดีนจึงกระแอมแล้วตัดจบ ไม่ตั้งข้อสงสัยเรื่องระบบการสืบพันธุ์แบบพิศวงต่อ แม้จะได้คำตอบเรื่องนี้จากไนแอดสาวแห่งแม่น้ำซานอันโตนิโอมาแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจินตนาการอยู่ดี หนุ่มเท็กซัสผู้จากบ้านเกิดอีกครั้ง หันไปจับสีหน้าของแมคเคนซีที่ดูจะเคร่งเครียดเหมือนกับตอนที่เขาคิดว่าเชมัสอาจเป็นน้องชายของตัวเอง

               “ดูนายทำหน้าสิ อย่างกับคิดว่าเชมัสจะเป็นน้องของนายว่างั้น” เขาหัวเราะในขณะที่นึกสนุก “งั้นฉันเดาว่าเชมัสเป็นบุตรของเทพีเฮคาทีแล้วกัน นายจะได้มีน้องเพิ่ม แต่ว่านายเนี่ยนะ.. องุ่นมันต้อง 'ไชน์ มัสคัท' ไม่ใช่เหรอ”

               เชมัสได้แต่มองรุ่นพี่สองคนสลับกันไปกันมา พลางคิดว่าถ้าได้เป็นน้องชายของหนึ่งในสองคนนี้ก็คงดี ถึงจะเป็นลูกคนเดียวมาตลอดอายุสิบสองปีแต่ถ้ามีพี่ชายที่สนิทกันตั้งแต่แรกก็น่าจะไม่ลำบากหากห่างไกลบิดา

               “ผมยังไงก็ได้ฮะ”

               “ไม่ยังไงก็ได้สิ นั่นแม่หรืออาจจะพ่อแท้ ๆ ของนายก็ได้เลยนะ จะว่าไปนายมีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับแม่ของตัวเองบ้างไหม?”

               เด็กชายยังคงทำหน้างงกับท่อนหนึ่งของประโยค ‘นั่นแม่หรืออาจจะพ่อแท้ ๆ ของนายก็ได้เลยนะ’ แต่คำถามหลังทำให้เขาต้องเปลี่ยนจุดโฟกัสไป เชมัสจึงพยักหน้าหงึกหงัก

               “พ่อบอกว่าแม่เป็นคนที่วิเศษที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอมาเลยฮะ เธอเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ถ้าอยากบอกเล่าเรื่องราวอะไรให้เขียนจดหมายแล้วเผาลงในเตาผิงแล้วคุณแม่จะรับรู้เองฮะ”

               เพียงได้ฟังคำบอกเล่าของเด็กชายดีนก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งพลางครุ่นคิดตาม ดูเหมือนว่าคุณฌอนพ่อของเชมัสจะรู้เรื่องอะไรเยอะดีเหมือนกันแฮะ ถึงว่าตอนที่เขาไปบอกอีกฝ่ายตามตรงถึงไม่มีท่าทีตกใจมากมายไปกว่า ‘คุณรู้ได้ไงว่าลูกชายผมเป็นเดมิก็อด’ แถมยังบอกวิธีการสื่อสารถึงเทพเจ้าอีก ขนาดว่าตนยังเพิ่งมารู้เอาตอนอยู่ค่ายฮาล์ฟบลัดแล้วเลย การบอกความจริงกับลูกแบบนี้จะเข้าใจว่าคุณแม่เสียไปแล้วก็ได้ เป็นวิธีการที่แยบยล ต่อให้เล่าให้คนธรรมดาร้อยคนฟังก็ไม่มีทางคิดว่าแม่เด็กเป็นเทพเจ้าหรอก

               “แต่ถ้าพูดว่าแม่คงไม่ใช่เทพผู้ชายสินะ พ่อฉันคงไม่ปลอมตัวไปหรอกเนอะ จินตนาการไม่ออกเลยว่าเทพโพไซดอนเวอร์ชั่นไม่มีหนวดจะหน้าตาเป็นยังไง”

               ถึงเฟิร์สอิมเพรสชั่นตอนเจอกับภาพในอุดมคติในหัวจะโคตรต่าง มีแค่หนวดเคราบนใบหน้านี่แหล่ะที่เหมือนภาพมโนไม่มีผิด

               @Mackenzie

               “นายขี้บุลลี่นี่หว่า แต่รู้เลยว่าพอเชมัสเจอคุณดีจะถูกเรียกว่ายังไง”

               ต่อยแขนคนรักเบา ๆ ไปทีนึงแล้วก็ต้องหัวเราะกับสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นตอนอยู่ค่าย เสียดายชะมัดที่วันเกิดของเชมัสเพิ่งผ่านไป หากถึงวันเกิดของเด็กชายอีกครั้ง ต้องมีป้าย ‘สุขสันต์วันเกิดไชน์มัสคัส’ พร้อมประดับเถาองุ่นติดอยู่เต็มแน่ ๆ

               “ผมยังไงก็ได้ฮะ” เชมัสพูด

               “ยังไงก็ได้อีกแล้วนะ นายติดปากคำพูดนี้จัง ถ้าไม่ชอบอะไรก็หัดปฏิเสธบ้าง”

               ไม่รู้ว่าเป็นแค่คำติดปากเพราะขี้เกรงใจเหมือนพ่อ หรือว่าเด็กคนนี้ไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ กันแน่ …ส่วนเรื่องเทพปลอมตัวเป็นหญิง

               “ใครจะรู้ ลงทุนเป็นกวาง เป็นวัว เป็นฝนยังมีมาแล้วเลย โอ๊ย ไม่อยากจะคิดภาพ”

               @Mackenzie

               “ยังไงก็ได้.. หมายถึงทั้งสองอย่างเลยฮะ”

               เด็กชายตอบกลับพร้อมกับยิ้มให้ อาจเพราะฌอนไม่เคยบอกว่าตัวตนที่แท้จริงของแม่เด็กคือใคร ก็เลยเป็นใครก็ได้ล่ะมั้ง ยังไงมีแม่เป็นเทพเจ้าก็พิเศษกว่าใคร ๆ อยู่แล้ว จากที่เข้าใจว่าแม่เสียไปแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าแม่มีตัวตนเป็นอมตะอยู่บนโอลิมปัส ยังไงอย่างหลังก็ดีกว่าอยู่แล้ว

               แต่จะว่าไป.. เด็กนี่รู้เรื่องตำนานเทพกรีกมากน้อยแค่ไหนกันนะ?

               พอมีสมาชิกร่วมทางเพิ่มมาด้วยอีกหนึ่งก็เผลอสนทนาอย่างออกรสจนถึงเวลามื้ออาหารทั้งสองมื้อ ดีนได้กินเมนูที่อยากลองตอนขามาอย่างจุใจ เผื่อเอาไว้เพราะตอนที่ต่อรถจากชิคาโก้กลับนิวยอร์กจะไม่ได้กินหรูอยู่สบายแบบนี้อีกแล้ว

               จนมาถึงเวลาเข้านอน เชมัสนอนหลับไปก่อนสมกับเป็นเด็กดีจริง ๆ เหลือแต่เพียงผู้ใหญ่สองคนที่ต้องแยกเตียงกันนอนในคืนนี้

               “วันนี้ไม่ได้นอนด้วยกัน นายคงไม่เหงาจนนอนไม่หลับหรอกนะที่รัก”

               นอนตะแคงเอียงข้างกระซิบถามแมคเคนซีที่นอนอยู่บนเตียงตรงกันข้ามที่มีระยะห่างกันเพียงแค่หนึ่งช่วงแขน

               @Mackenzie

               .
               .
               .

               1.34 น.

               แรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยของรถไฟปลุกเดมิก็อดสายเลือดโพไซดอนให้ตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มหลับหูหลับตาคว้าแว่นที่หัวเตียงมาใส่ พยายามลืมตาตื่นขึ้นมามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าทุกคนยังหลับสนิท

               ‘ปวดฉี่แฮะ…’

               ไม่ต้องคิดให้มากความในเมื่อห้องน้ำส่วนตัวบนรถไฟได้อยู่ภายในห้อง ดีนสไลซ์ตัวลงมาจากเตียงก่อนจะเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวรวมล้างมือไม่ถึงนาทีก็เสร็จ

               “หงิง”

               คงมีเพียงดีนและสิงห์น้อยที่ตื่นอยู่ เขาเห็นมันพยายามเอาตัวมุดผ้าห่มของสัตว์เหมือนกับว่าหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และทิศทางที่มันมองออกไปคือหน้าต่างรถไฟ

               ‘จะว่าไป.. ถึงไหนแล้วนะ’

               ดีนเดินไปที่หน้าต่างจากนั้นแง้มผ้าม่านออกดู สิ่งที่เขาเห็นเล่นเอาแทบช็อค มีปีศาจเงือกเกาะอยู่ที่หน้าต่าง มันพยายามทุบกระจกรถไฟอย่างเอาเป็นเอาตายจนกระจกบานหนาสั่นสะเทือน กลิ่นของเดมิก็อดสามคนมารวมตัวกันคล้ายกลิ่นของอาหารมื้อใหญ่ที่กินได้แบบบุฟเฟต์

               “เหวอ!!”

               ดีนร้องออกมาเสียงหลง แต่คนในห้องโดยสารเดียวกันกลับไม่มีใครขยับตัวตื่นลุกขึ้นมาดู ไม่รู้ด้วยทั้งคู่เป็นคนหลับลึก หรือสถานการณ์คนเจอผีก็มักจะเป็นแบบนี้… ปลุกใครไม่เคยตื่น นอกจากตกใจแล้วเขายังสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปีศาจเงือกขึ้นมาเกาะบนกระจกรถไฟได้ยังไง ตอนนี้รถไฟก็วิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ใช่เหรอ!?

               ‘ไม่สิ.. แรงสั่นตอนที่ทำให้ตื่นเมื่อกี้คือ…’

               ในตอนนี้ดีนไม่รู้สึกถึงเสียงของล้อรถบดกับราง หรือเพราะรถไฟหยุดวิ่งเจ้าพวกนี้จะตามมาทันกันนะ? หรือไม่ก็อีกอย่าง.. ปีศาจพวกนี้ก็ทำให้รถไฟต้องหยุดชะงักชั่วคราว จากนั้นก็ทุบกระจกลากเอาเดมิก็อดทั้งสามออกไปหม่ำ ๆ กู๊ดเกิร์ลต่อในน้ำ

               แต่จะด้วยเหตุใดก็ช่าง ถ้ารถไฟยังออกวิ่งไม่ได้ล่ะก็แย่แน่ ไม่รู้เสียด้วยว่ากระจกจะทนทานต่อแรงกระแทกได้มากน้อยแค่ไหน บางทีเขาควรจะออกไปจัดการกับมันก่อนที่นางจะทุบกระจกแล้วแห่กันเข้ามาได้ โล่และหอกถูกหยิบจับอย่างรวดเร็วส่วนชุดเกราะช่างแม่ง ถึงจะไม่ใส่เกราะแต่แว่นตาว่ายน้ำค่าสายตาแปดร้อยคือสิ่งที่จำเป็น งานนี้ได้มีฉากต่อสู้ในน้ำแน่!

               จากนั้นรีบหุนหันออกจากตู้นอน เท่าที่สังเกตดูภายในตู้โดยสารขบวนนอนเงียบกริบ มีเพียงเสียงเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่ด้านนอก พอจับใจความได้ว่าระบบรางมีปัญหาอะไรสักอย่างถึงทำให้รถไฟต้องชะลอและหยุดวิ่ง แต่ดีนจะมัวแต่หูผึ่งฟังเขาคุยกันไม่ได้ เพราะตอนนี้ชีวิตของแมคเคนซีและเชมัสกำลังตกอยู่ในอันตราย เผลอ ๆ จะเป็นตัวเขาเองด้วย

               ดีนลักลอบออกจากขบวนรถไฟ จึงได้เห็นว่าตอนนี้ขบวนรถจอดอยู่เหนือน่านน้ำของทะเลสาบพอนชาร์เทรน ชายหนุ่มวิ่งไปตามรางอันคับแคบ ยังเห็นปีศาจเงือกเคาะกระจกหน้าต่างรถไฟอยู่เลย หนุ่มโพไซดอนรวบรวมน้ำไว้ที่ฝ่ามือก่อนจะยิงบอลน้ำไปสะกิดปีศาจเงือกพวกนั้น

               “เฮ้!! ที่แกต้องสนใจคือตรงนี้พวก!!”

               “อึก!”

               ปีศาจเงือกสาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนคำรามใส่ ดูเหมือนว่าโปเกม่อนน้ำสู้กับโปเกม่อนน้ำจะตีกันไม่เข้าแฮะ บอลน้ำที่ดีนยิงออกไปถึงได้เบาหวิว มันส่งเสียงกรี๊ดใส่ด้วยคลื่นเสียงแหลมสูงจนหูอื้อ ทำเอาเดมิก็อดหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาใช้กำลังเพียงอึดใจกระโดดลอยตัวขึ้นสูงเพื่อพุ่งหอกใส่มัน

               ทว่า…

               “เฮ้ย!!!”

               ร่างหนึ่งพุ่งกระโจนจากน้ำขึ้นมาด้านข้างรวบตัวของชายหนุ่มลงไปยังผืนน้ำอันเงียบสงบ มันคือปีศาจเงือกอีกตัวที่พยายามกอดรัดเดมิก็อดลงไปกินใต้น้ำ เขาถูกพาดำดิ่งลึกลงไปอย่างรวดเร็ว จากแสงตะวันที่ส่องสว่างอยู่เหนือหัวบัดนี้เขาเห็นเพียงแค่แสงเลือนลาง หากเป็นคนอื่นที่ไม่มีพรหายใจใต้น้ำคงไม่อาจสู้ศึกนี้ไหวแน่ ๆ

               ดีนมองไปที่เจ้าอสุรกาย ใช้กำลังดิ้นขัดขืนออกมาแต่มันกลับรัดเขาแน่นด้วยหางทั้งสองข้าง

               ‘เงือกสายพันธุ์ไหนวะเนี่ย ตอนที่เจอกับเจโรมไม่ได้หน้าตาแบบนี้นี่!’

               ในเมื่อใช้กำลังกายไม่ได้คงต้องใช้กฎฟิสิกส์เสียหน่อย ถึงเป็นอสุรกายแต่คงไม่อาจต้านทานกฎของธรรมชาติได้หรอก

               ‘จะไหวไหมนะ… ตรีศูลน้อย’

               ดีนควบคุมมวลน้ำที่อยู่รอบตัวให้เชื่อฟัง เสกตรีศูลน้อยให้ปรากฏอยู่เบื้องหน้า จากนั้นใช้พลังควบคุมเพิ่มแรงกดดันมหาศาลไปที่ร่างอสูรสาว ปีศาจเงือกเริ่มดินทุรนทุรายด้วยอาการหายใจไม่ออก จากมวลน้ำมหาศาลที่บีบอัดจนมันปล่อยอ้อมกอดอันเย็นเฉียบออก แต่ถ้าไม่กำจัดให้สิ้นคงก่อเรื่องอีก สายเลือดแห่งโพไซดอนจึงไม่ผ่อนพลังซ้ำยังใช้มันมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น... จนกระทั่งสภาพสุดท้ายของปีศาจเงือกสองหางไม่ต่างจากบล็อบฟิช ร่างนั่นสลายไปเหลือแต่สินสงครามที่ลอยเท้งเต้งขึ้นมาเหนือผืนน้ำ

               ‘เหลืออีกตัว’

               ดีนควบคุมน้ำส่งแรงดันที่ใต้ขา เขายังไม่อยากมีสภาพเหมือนอสุรกายที่ตายไปจึงเสกฟองน้ำล้อมตัวเองไว้ก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นสูงเหนือน้ำในเวลารวดเร็ว

               “เฮ้! ฉันกลับมาแล้ว!!”

               ไม่ทันสิ้นเสียงหอกสัมฤทธิ์ก็พุ่งทะลุร่างของอสุรกายอีกตัว มันส่งเสียงกรี๊ดแหลมสูงอีกครั้งก่อนสิ้นชีพแล้วเหลือไว้เพียงสินสงคราม

               “อุก.. เวียนหัวชะมัด”

               ชายหนุ่มทรุดตัวโซเซ ใช้แขนค้ำยันตู้รถไฟเอาไว้ เมื่อครู่เขาใช้พลังมากเกินไป อาจเพราะจำนวนน้ำมหาศาลยากจะควบคุม หรือไม่ก็จากการเคลื่อนที่ขึ้นสู่ผืนน้ำอย่างรวดเร็วเกินไปจนร่างกายปรับสภาพตามไม่ไหว แม้ว่าเขาจะเสกฟองน้ำกันไว้อีกหนึ่งชั้นแล้วก็ตามที แต่จะปล่อยให้ตัวเองหมดสติตอนนี้ไม่ได้ เขาได้ยินเสียงการซ่อมแซมรางว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาที่ต้องรีบกลับไป ดีนใช้พลังทำให้ตัวแห้งก่อนจะปีนขึ้นตู้รถไฟทางประตูเก่า พยายามเดินสะโหลสะเหลกลับไปทางห้องพักจากนั้นทรุดตัวลงตรงเบาะนอนของออมเล็ต

               “อ๊าววว” แมวยักษ์ตัวน้อยเข้ามาเลียใบหน้า ส่วนดวงตาของดีนค่อย ๆ ปิดปรือ เขาตบสีข้างของมันบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร ก่อนจะสลบไปทั้งอย่างนั้น

สินสงคราม: น้ำตาเมลูซีน 10 ชิ้น


แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
49. Seamus Catt & Shine Muscat ?M -11.12.24 / 09:30AM.- [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดก็ถึงเวลาต้  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-16 13:45
God
ดี: 4
  โพสต์ 2024-12-16 07:35
โพสต์ 47505 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-12-16 02:31
โพสต์ 47,505 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-16 02:31
โพสต์ 47,505 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-16 02:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-12-16 13:45:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-16 15:19
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-12-16 02:31
243การเดินทางไกลของสามหนุ่มสามมุม
               11/12/2024 - 9.30 น. ...

49.1. Seamus Catt & Shine Muscat ?
M

-11.12.24  /  09:30AM.-

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องบอกลาครอบครัวอันแสนอบอุ่นของดีนที่ซานอันโตนิโอและเดินทางกลับไปยังค่ายฮาล์ฟบลัดกันเสียที ซึ่งรอบนี้มีเดมิก็อดน้อยนามว่า ‘เชมัส แคตต์’ ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาด้วย ซึ่งแมคเคนซีเองรู้เพียงแค่ว่าคนรักของเขารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กและคอยสอนการบ้านให้เซมัสช่วงที่พวกเขาอยู่ซานอันโตนิโอ แต่เรื่องที่ว่าดีนรู้ได้อย่างไรว่าเด็กชายคือเดมิก็อด
นั้นคงต้องให้เจ้าตัวเล่าให้ฟังในภายหลัง

แมคเคนซียิ้มเล็กน้อยมองดีนกอดลาผู้เป็นแม่ราวกับเด็กที่กำลังถูกส่งไปเข้าค่าย (ซึ่งพวกเขาก็กำลังจะกลับค่ายจริง ๆ นั่นล่ะ) ซึ่งคุณมาเรียนน่าก็แบ่งปันความอบอุ่นนั้นมาให้เขาและเชมัสด้วย หนุ่มเชื้อสายอังกฤษกอดคุณมาเรียนน่าผู้ซึ่งเปรียบเสมือนแม่อีกคนก่อนจะคลายกอด เมื่อบอกลากันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็พากันขึ้นรถไฟขบวนที่จะเดินทางไปยังชิคาโก

“ฉันว่าจะอยู่ตรงนี้ก่อน อีกสักพักค่อยออกไป ไม่ก็ไปตอนมื้ออาหารเลย”

แมคเคนซีบอกขณะไปนั่งตรงที่นั่งริมหน้าต่าง ช่วงนี้ชั้นบนคนน่าจะยังเยอะอยู่

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

สุดท้ายพวกเขาก็ตกลงกันที่ว่าจะนั่งอยู่ในตู้นอนส่วนตัวจนถึงเวลามื้ออาหาร แมคเคนซีจึงนั่งมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเชมัสร้องขึ้นมาว่าเห็น ‘วัวถือค้อน’ เขาจึงมองตามไป ให้ตายสิ นั่นมันอสุรกายไม่ใช่เหรอ ด้วยความเร็วของรถไฟมันคงไม่ทันสังเกตเห็นพวกเขา จากนั้นแมคเคนซีก็ฟังดีนกับเชมัสคุยกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่ถูกโรคกับเด็กสักเท่าไหร่ แต่เพราะการมาอยู่ค่ายฮาล์ฟบลัดที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นเด็กเป็นเวลาหลายเดือน จึงทำให้แมคเคนซีคิดว่าตนเองก็พออยู่ร่วมกับเด็ก ๆ ได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนในระดับนึง…ล่ะมั้ง

“หืม…ให้ทายว่าเชมัสเป็นลูกใครน่ะเหรอ”

อยู่ ๆ ก็ถูกชักชวนให้เข้าร่วมวงสนทนาด้วย แมคเคนซีที่กำลังนั่งด้วยท่าสบาย ๆ จึงขยับตัวนั่งดี ๆ ดวงตาสีฮาเซลมองไปทางดีนก่อนจะย้ายไปยังเด็กชายชาวไอรีชที่กำลังมองหน้าเค้าด้วยใบหน้าไร้เดียงสา

“อืม…ถ้าพ่อเป็นมนุษย์ แม่ของเชมัสก็ต้องเป็นเทพีสักองค์น่ะสิ…”

ฉับพลัน ดวงหน้าของหญิงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิด ผู้ให้กำเนิดที่เขาเจอในภวังค์ที่ร้านเวทมนตร์ในซานอันโตนิโอ ‘เทพีเฮคาที’

บ้าน่า…’

แมคเคนซีส่ายหน้าไปมาไล่ความคิดในหัว ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับหากตนเองจะมีน้องชายร่วมมารดาเพิ่มอีกคน แต่หากเชมัสเป็นน้องชายของตนจริง ๆ แม่ของเขาน่าจะบอกอะไรสักอย่างหรือฝากฝังเชมัสไว้กับเขาเมื่อยามพบกัน

“ฉันว่า…เชมัสเป็นลูกของเทพีดีมิเทอร์ เพราะชื่อคล้ายพันธุ์องุ่น เทพีคงอยากตั้งชื่อลูกให้เกี่ยวโยงกับพวกพืชพรรณอะไรแบบนี้…”

ไม่รู้ว่านี่ถือเป็นการบูลลี่ชื่อหรือเปล่า แต่พอพูดชื่อและนามสกุลของเด็กชายติดกันทีไรแมคเคนซีก็อดนึกถึงองุ่นไม่ได้ทุกที นี่น่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์ที่ตื้นเขินที่สุดครั้งหนึ่งของเขาเลยก็เป็นได้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละสำหรับที่นี่ ถ้าเป็นลูกแม่ฉันก็ดีเหมือนกัน จูลี่จะได้มีเพื่อนด้วย ช่วงนี้ยิ่งดูเหงา ๆ อยู่”

ใช่…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทพกรีกมีลูกกับเพศเดียวกันได้ หรือแม้แต่เขาจะมีน้องชายเพิ่มมาอีกคนก็ตาม นึกถึงน้องชายคนเล็กในบ้านแล้วก็เป็นห่วงขึ้นมา ส่วนทางชาร์ล็อตที่ออกไปทำภารกิจแล้วยังไม่กลับค่ายมาจนถึงตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน แม้บางทีจูลี่จะเล่าให้ฟังว่าเธอใช้ช่องทางสัญญาณของไอริสติดต่อมาเป็นครั้งคราวก็ตามที

“เห็นไหม มันก็คล้ายจริง ๆ องุ่นไชน์ มัสคัส ส่วนนี่เชมัส แคตต์”

ว่าแล้วก็ออกเสียงเปรียบเทียบให้ฟังซะเลย จากนั้นก็กลับมาสนใจเรื่องผู้ปกครองของเด็กชายต่อ เมื่อได้ฟังที่เชมัสเล่าก็ถึงกับมุ่นคิ้วอีกครั้ง ‘แม่เป็นคนที่วิเศษที่สุด’ ประโยคนี้คล้ายกับที่พ่อเล่าเรื่องแม่ของเขาให้ฟังไม่ผิดเพี้ยน จะไม่เหมือนก็แค่พ่อของเขาไม่เคยบอกว่าแม่เป็น ‘นางฟ้า’ ก็เท่านั้น ซึ่งแมคเคนซีก็คิดว่าพ่อทำถูกแล้วที่ไม่พูดคำนี้ออกมา งั้นเรื่องที่ว่าเชมัสเป็นน้องชายเขาน่าจะตัดออกไปได้เลย

“ถ้าถึงขั้นต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิง พ่อนายคงชอบเขามากเลยล่ะ”

นึกแล้วก็ยิ้มฝืด ก็นะ…ขนาดเรื่องเล่าในตำนานที่เขาเคยอ่านมา พวกเทพก็แปลงกายเป็นนั่นนี่มาเกี้ยวพาราสีมนุษย์เยอะแยะไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นายก็พูดไป บอกแล้วว่าฉันแค่เทียบเสียงให้ฟังเฉย ๆ”

จะหัวเราะผสมโรงไปด้วยเดี๋ยวก็จะกลายเป็นการบูลลี่ชื่อเด็กจริง ๆ แต่อยู่ ๆ คำตอบของเชมัสที่พูดขึ้นมาก็ทำเอาแมคเคนซีงงไปเล็กน้อย

“ยังไงก็ได้ของนายนี่…หมายถึงจะเป็นลูกเทพองค์ไหนก็ได้ หรือจะให้เรียกนายว่าเชมัสหรือไชน์มัสคัสก็ได้ล่ะ”

คำถามฟังดูน่าโดนต่อยซ้ำแต่เขาก็สงสัยกับความ ‘ยังไงก็ได้’ ของเชมัสจริง ๆ

“คิดมากตอนนี้ไปก็เท่านั้น เราแค่ทายกันเล่น ๆ เองนี่ใช่ไหม เดี๋ยวถึงค่ายแล้วก็รู้เอง”

ว่าแล้วก็เอนหลังพิงผนังตู้นอนต่อ เจ้าไข่เหลืองที่นั่งเอียงคอฟังคนนั้นทีคนนี้ทีก็อ้าปากหาวเดินไปนอนตรงประจำตัวเอง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

เมื่อได้ฟังคำตอบแมคเคนซีก็ยักไหล่เล็กน้อย บางทีนี่อาจไม่ใช่คำพูดติดปาก แต่เป็นความรู้สึกจริง ๆ ของเด็กชายก็เป็นได้ ซึ่งเขาก็หวังว่าเชมัสจะไม่ตอบว่า ‘ยังไงก็ได้ฮะ’ ไปเสียทุกเรื่อง

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีพระจันทร์ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง แต่วันนึงก็ผ่านไปเร็วเสมอ และตอนนี้ก็ถึงเวลานอนของพวกเขาแล้ว

“ไม่น่า ห่างกันแค่นี้เอง ฉันนอนมองหน้านายเดี๋ยวก็หลับแล้ว”

ดีที่เชมัสหลับไปแล้ว ไม่งั้นคงได้กลิ่นตุ ๆ หรือเกิดอาการ ‘เหม็นความรัก’ แน่ ๆ พรุ่งนี้พวกเขายังต้องโดยสารรถไฟขบวนนี้ต่อ หลังจากที่นอนมองหน้าคนรักพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักแมคเคนซีก็หลับไปภายใต้แสงอาทิตย์ยามกลางคืน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18470 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-12-16 13:45
โพสต์ 18,470 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2024-12-16 13:45
โพสต์ 18,470 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2024-12-16 13:45
โพสต์ 18,470 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2024-12-16 13:45
โพสต์ 18,470 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-12-16 13:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2025-12-16 18:51:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
88.Surprise in the backyard garden

- 19.06.2025 / 06:00AM -


การนอนบนรถบัสไม่ได้สะดวกสบายเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าการนอนกลางดินกินกลางทราย อย่างน้อยก็ยังมีเบาะนุ่ม ๆ และเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย รวมถึงคนรักที่ได้นอนข้าง ๆ กัน


กว่าเกือบสิบชั่วโมงที่เดินทางมา ในที่สุดรถบัสก็จอดที่จุดแวะพักสุดท้ายนั่นคือ ‘เมืองมอนเทอร์เรย์’ ในช่วงตอนหกโมงเช้า เดมิก็อดทั้งสี่พากันลงไปล้างหน้าล้างตาและยืดเส้นยืดสายให้สมกับที่นั่งรถมานานจนเมื่อยขบ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปยังจุดข้ามแดนสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า


ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะรับประทานมื้อเช้า แต่พวกเขาก็ซื้ออาหารจากร้านฟาสต์ฟู้ดแถวนั้นเตรียมไว้ก่อน เผื่อไว้รับประทานในรถตอนเดินทาง หรือไม่ก็ระหว่างรอเวลาตรวจคนเข้าเมือง จนเมื่อใกล้กำหนดเวลาแล้วทั้งหมดก็พากันกลับขึ้นรถ แล้วเริ่มออกเดินทางต่อ 


ไม่มีอสุรกายโผล่มากลางทางชวนให้หัวใจเต้น ไม่มีเรื่องชวนระทึกอย่างการตรวจเข้มเป็นพิเศษ อาจเพราะมีหน้าพาสปอร์ตอันทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกสองฉบับด้วยกัน (ส่วนของชาร์ล็อตและไฮรี่เป็นเอกสารปลอมเหมือนเดิม) จึงทำให้เข้าด่านตรวจบริเวณชายแดนลาเรโดได้อย่างฉลุย จนถึงตอนนี้ต้องปรับเขตเวลาใหม่ลดลงหนึ่งชั่วโมง คล้ายกับเป็นกำไร ทว่าบ้านเกิดกลับยิ่งดูห่างไกลกว่าเดิม


จนมาถึงเวลาสิบหกนาฬิกา เวลาท้องถิ่นของรัฐเท็กซัส เหล่าเดมิก็อดทั้งสี่ก็มาเกือบถึงจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ ‘เมืองซานอันโตนิโอ’ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดีน


“หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ บ้านพี่ดีนจะเป็นยังไงกันนะ”


ชาร์ล็อตบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดขณะพวกเขาอยู่บนรถบัสที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองซานอันโตนิโอ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอมีโอกาสไปเที่ยวบ้านคนอื่น ในขณะที่ไฮรี่เอาแต่เกาะหน้าต่างมองวิวทิวทัศน์แปลกใหม่ข้างทางซึ่งดึงดูดความสนใจเขาไปทั้งหมด


“เป็นบ้านที่น่าอยู่มากเลยชาร์ล็อต คุณพ่อกับคุณแม่ดีนใจดีมาก เธอจะรักพวกเขา”


แมคเคนซียิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงกลุ่มผู้ปกครองที่บ้านคนรัก บรรยากาศที่นั่นช่างอบอุ่นเหมาะสมกับที่จะเรียกว่า ‘บ้าน’ อย่างแท้จริง


“ว่าแต่นายได้บอกคุณไมค์กับคุณโดนัลด์หรือยังว่าวันนี้พวกเราจะไปที่บ้าน แล้วคุณแม่นายล่ะ เธออยู่บ้านหรือเปล่า”


เหมือนจะลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลยหันมาถามผู้เป็นเจ้าบ้าน คราวนี้พวกเขามากันหลายคนเสียด้วยสิ จะเป็นการรบกวนหรือเปล่านะ


“พูดแบบนี้แปลว่านายรักบ้านของฉันจริง ๆ” ดีนหัวเราะ “เอาไงดี ฉันไม่ได้บอกที่บ้านเลยว่าจะแวะมาหา บอกพวกเขาแค่ว่ามีภารกิจอีกแล้ว ส่วนแม่ก็เหมือนว่าจะอยู่บ้านนะช่วงนี้”


เป็นทั้งการบอกกล่าวและการสั่งเสีย เพราะไม่รู้ว่าการเดินทางแต่ละครั้งจะมีลมหายใจกลับมายังบ้านแสนรักได้ทุกครั้งหรือเปล่า


“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันเซอร์ไพรส์ไปโผล่หน้าบ้านให้แม่ พ่อ แล้วก็ลุงให้ตกใจเล่น”


คล้ายกับมีแผนร้ายในหัวสมกับเป็นตัวแสบประจำบ้านจริง ๆ


หลังจากที่รถบัสระยะไกลมาถึงซานอันโตนิโอแล้ว เจ้าบ้านก็พาทั้งสี่ขึ้นรถประจำทางอย่างชำนาญสมกับเป็น ‘เด็กซานแอน’ อย่างแท้จริง ถนนเอนคานโต้ครีดยังมีชีวิตชีวาเหมือนเก่า แล้วยิ่งช่วงนี้ตรงกับปิดเทอมฤดูร้อนจะเห็นว่ามีกลุ่มเด็กวิ่งเล่นตามซอยบ้านอย่างคึกคัก จะว่าไปบรรยากาศช่างแตกต่างจากถนนบูเลอวาร์ดจุดหมายแรกของภารกิจโดยสิ้นเชิง


สี่เดมิก็อดเดินมาจนหยุดอยู่หน้าบ้านอิฐสีส้มหมายเลขสองห้าสอง ดีนก็นึกไอเดียบางอย่างได้


“ฉันว่าเข้าทางประตูหน้าเรายังเซอร์ไพรส์ไม่พอ แอบย่องเข้าทางหลังบ้านกันดีกว่า”


“นายเล่นซนเป็นเด็ก ๆ อีกแล้ว ไม่กลัวพวกเขาตกใจหรือไง”


แมคเคนซีส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้มีแววไม่พอใจอยู่ในอารมณ์นั้น ตรงกันข้าม ริมฝีปากสีสดกลับยังคงระบายยิ้มเมื่อได้เห็นคนรักกลับมาร่าเริงมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม


ช่างต่างกับตอนไปทำภารกิจจริง ๆ


“งั้นนายไปเถอะ พวกฉันจะรออยู่ที่นี่”


“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันมานะ”


ดีนยิ้มกว้างจนตาหยี จากนั้นก็อ้อมไปทางรั้วหลังบ้าน ปีนเข้าไปอย่างชำนาญราวกับว่าตอนที่อยู่บ้านหลังนี้เขาแอบปีนรั้วเข้าหลังบ้านเป็นประจำ


ตอนนี้แม่น่าจะอยู่บ้าน บางทีอาจอยู่ในครัว เป็นไปได้ว่าประตูหลังบ้านอาจไม่ได้ล็อก หรือไม่แน่แม่ก็อาจมานั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่หลังบ้านอย่างที่เธอชอบทำ จากนั้นก็ได้เวลา….


“จ๊ะเอ๋! …เฮ้ย!!!”


เสียงของบุตรแห่งโพไซดอนจากร่าเริงสดใสกลายเป็นตกใจสุดขีดเมื่อสิ่งที่เขาเจอในสวนหลังบ้านไม่ใช่คุณแม่คนสวยแต่กลับกลายเป็นก็อบลินฝูงใหญ่ขุดสวนหลังบ้านของเขาจนพรุน


“กี้!”


แม้จะเป็นบุตรแห่งโพไซดอนที่ผ่านศึกภารกิจมาอย่างโชกโชนก็อาจแพ้อสุรกายตัวเล็กที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า เสียงดังโหวกเหวกโวยวายที่สวนหลังบ้านทำให้นางมาเรียนนาผลักประตูออกมาพร้อมกับกระทะในมือเป็นอาวุธ


“ดีน! นั่นลูกเหรอ แล้ว… ทำไมสวนหลังบ้านเราถึงได้มีแรคคูนเต็มไปหมด ว้าย!!”


ก็อบลินตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่หมายจะจับคุณแม่ของดีนเป็นตัวประกัน


“แม่!!”


ดีนตะโกนลั่น เขาฟาดฟันก็อบลินหลายตัวเพื่อจะไปช่วยคุณแม่แต่เจ้าพวกนี้ตีให้ตายเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปเสียที


‘หายไปนานจังแฮะ….’


ความคิดนี้ผุดขึ้นมาหลังจากที่ยืนรออยู่หน้าบ้านจนนานผิดสังเกต แต่ความสงสัยนี้ก็อยู่ในใจได้ไม่นานเมื่อเสียงที่ดังมาจากด้านหลังบ้านเป็นน้ำเสียงแห่งความตกใจมากกว่าความดีใจยามได้พบกัน แถมยังมีเสียงโครมครามจากอะไรบางอย่างด้วย


“เหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้วสิ พวกเรารีบไปดูกัน”


บอกแค่นั้นแล้วแมคเคนซีก็รีบวิ่งนำชาร์ล็อตและไฮรี่ไปยังหลังบ้านทันที ภาพที่เห็นทำให้ตื่นตะลึงได้ไม่ยาก มันเหมือนกับครั้งก่อนที่เขามาบ้านดีนไม่มีผิด 


ฝูงก็อบลินบุกบ้านคนรักของเขาอีกแล้ว


“คุณมาเรียนนา!”


ไวกว่าความคิด ดาบทองคำจักรพรรดิปรากฏขึ้นในมือแมคเคนซีพร้อมกับร่างที่พุ่งเข้าไปฟาดฟันก็อบลินที่กำลังจะทำร้ายมารดาของดีนได้ทันท่วงทีจนร่างของมันสลายไปต่อหน้า


“สวัสดีครับคุณมาเรียนนา”


“อ..เอ่อ สวัสดีจ้ะแมคเคนซี”


ได้แค่ทักทายกันเพียงสั้น ๆ และส่งยิ้มให้กันแบบงง ๆ หนุ่มอังกฤษก็ต้องหันไปช่วยคนอื่นสู้รบปรบมือกับฝูงอสุรกายตัวเขียวจนมือเป็นระวิง แต่ไม่เป็นไร…หลังจากนี้พวกเขายังมีเวลาสนทนากันอีกยาว


ถึงจะผ่านการต่อสู้มามากแต่เรื่องกำลังก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าเดมิก็อดเสียเปรียบอยู่ดี ไม่รู้ว่าบ้านของดีนมีดีอะไร พวกก็อบลินถึงได้ติดใจกลับมาทำรังกันอีก ราวกับพวกหนูเจอแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ก็ไม่ปาน ดูจากจำนวนแล้วคราวนี้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัว


“กี้ กี้ ๆ—!”


ก็อบลินสองสามตัวพร้อมใจกันถือดาบวิ่งมาทางแมคเคนซี จากที่ยังสะสางกับก็อบลินตัวหนึ่งตรงหน้าค้างอยู่ก็กลายเป็นมีศึกเพิ่มขึ้นมาอีก แถมเวลานี้ยังใช้ได้แค่อาวุธแต่ไม่สามารถใช้เวทได้ ภาพในอดีตตอนที่ถูกเจ้าฝูงตัวเขียวรุมตีจนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดที่ฝรั่งเศสผุดขึ้นมาอีกครั้งจนความกลัวเกือบเกาะกุมจิตใจ


“กิ้ว—!”


ร่างสีทองอันคุ้นตาบินโฉบลงมาจากฟ้า มันใช้กรงเล็บจิกก็อบลินตนหนึ่งที่กำลังจะลงคมดาบใส่แมคเคนซีหิ้วขึ้นไปบนฟ้าแล้วปล่อยลงมาจนร่างเล็ก ๆ นั้นตกกระทบพื้นอย่างแรงแล้วสลายเป็นผงไป


“นั่นอินทรีแห่งซุสนี่คะ น้องนกมาช่วยพวกเราเหรอ”


ชาร์ล็อตที่กำลังจัดการกับฝูงก็อบลินที่อยู่อีกด้านมองตามนกสีทองอร่ามตนนั้น


“หืม…ใช่เหรอ อินทรีนั่น….”


แม้จะไม่อยากเชื่อว่าเป็นอินทรีตัวเดียวกัน แต่เมื่อดวงตาสีอำพันของมันสบเข้ากับดวงตาสีฮาเซลของเขาแล้วก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างน่าประหลาด


อย่าบอกนะว่า…มันบินตามพวกเขามาตั้งแต่ประเทศเม็กซิโก


“โอ๊ะ ไข่ซุสเหรอนั่น”


ดีนที่สังหารก็อบลินไปได้นับสิบตัวแหงนหน้ามองฟ้า ปีกของอินทรีศักด์สิทธิ์แห่งซุสแผ่กว้างจนสามารถบดบังพระอาทิตย์อันเจิดจ้าจนสลดแสงลงได้ แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่ร้อน.. แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดว่าอะไรเป็นอะไรในเมื่อก็อบลินตัวเขียวกำลังกรูกันออกมาจากโพรงที่เคยปิดเอาไว้เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง


‘นี่มันเยอะกว่าคราวที่แล้วอีก!’


แต่ไม่ว่าพวกมันจะมากันเยอะแค่ไหนก็ไม่คณนามือเดมิก็อดทั้งสี่ที่มีรูปแบบการรบอันหลากหลาย เพียงไม่นานสวนหลังบ้านอันเละเทะของดีก็เต็มไปด้วยดาบก็อบลินที่เป็นสินสงคราม พวกมันไม่ได้ทิ้งอาวุธเป็นของดูต่างหน้าเพียงอย่างเดียวแต่ยังสร้างความเสียหายแก่บริเวณตัวบ้านด้านหลังอีกประมาณนึง


“โอ๊ยยย ฉันจะเป็นลม”


คุณนายอัลวาเรซแทบจะทรุดลงไปกับพื้นทันทีที่เห็นสภาพบ้านของเธอและเพื่อนรักทั้งสอง ความเสียหายครั้งนี้คงต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมแซมเลยทีเดียว ดีนต้องค่อย ๆ พยุงแม่ที่เกือบจะลมจับมานั่งที่ห้องรับแขก กว่าจะได้แนะนำเพื่อนใหม่อีกสองคนนอกจากแมคเคนซีให้รู้จักก็ต้องทนฟังคุณแม่สวดไปชุดใหญ่ และคงจะมีอีกชุดหลังจากที่พ่อและลุงกลับมาบ้าน…




สินสงครามเพิ่มเติม (LUK 50)

ดาบก็อบลิน 30 ea


หลักฐานการพิชิต

Link

—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 83753 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-12-16 18:51
โพสต์ 83,753 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความศรัทธา จาก แหวนดาราจรัส  โพสต์ 2025-12-16 18:51
โพสต์ 83,753 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-12-16 18:51
โพสต์ 83,753 ไบต์และได้รับ +12 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก เหรียญนกฮูก  โพสต์ 2025-12-16 18:51
โพสต์ 83,753 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก สร้อยคอดีไซน์เท่  โพสต์ 2025-12-16 18:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
92.time to say goodbey to the warmest family

-09.12.2025 / 10:00PM-


ห้าเดือนผ่านไป จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่านานก็นาน สำหรับดีนแล้วระยะเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัวและคนรักผ่านไปไวเหมือนแค่ห้าวัน เขาโหยหาช่วงเวลาอันสงบสุขเช่นนี้มาตลอด


ชายหนุ่มไม่ต้องการพลังวิเศษ ไม่ต้องการเหนือกว่าใคร ไม่ได้อยากเป็นลูกรักของเจ้าสมุทร (แต่อยากให้พ่อรักลูกทุกคนอย่างเท่าเทียม) อันที่จริงเขาเพียงแค่อยากจะมีชีวิตเรียบง่ายไม่ต้องเสี่ยงภัยหรือพิชิตอสุรกาย อย่างแรกเลี่ยงได้นิดหน่อย แต่อย่างที่สองบางทีพวกมันก็วิ่งเข้ามาหาเอง และดีนคิดว่าแมคเคนซีก็อาจคิดเช่นเดียวกัน และคงจะดีกว่านี้หากครอบครัวที่ว่ามีคุณแมคคอยพ่อของหนุ่มอังกฤษรวมอยู่ด้วย


ฉะนั้นห้าเดือนที่เอาตัวออกห่างจากค่ายฮาล์ฟบลัด ห่างจากกระดานภารกิจเทพ ห่างจากภารกิจคำพยากรณ์เดลฟีแล้วมีชีวิตเยี่ยงปุถุชนคนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ มีความสุขอย่างเรียบง่ายกับคนรัก ครอบครัว สัตว์เลี้ยง และเบียร์สักเหยือก มีเพื่อนบ้านที่ดีคอยซัพพอร์ต การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอันสงบสุขไม่เร่งรีบจนเกินไปทำให้สุขภาวะทางอารมณ์ฟื้นฟูขึ้นมา 


จากที่ดีนเคยแพนิกกับเสียงระเบิด ตอนนี้เขาไม่ค่อยมีอาการผวาจากเสียงตูมตามแล้ว (และแน่นอนว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่เคยปริปากเล่าถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการนี้ให้แมคเคนซีฟังสักที)


ทว่าเวลาอันแสนสุขราวกับนิยายชวนฝันก็ต้องถูกหยุดเอาไว้ก่อน เมื่อภาระหน้าที่ที่แท้จริงยังไม่ถูกสะสาง แมคเคนซียังต้องกลับไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก ดังนั้นดีนที่เป็นคนรักตัวติดกันจึงต้องกลับไปยังมหานครอันวุ่นวายด้วย


แต่ไม่ใช่ตอนนี้.. พวกเขาต้องแวะไปที่อื่นกันก่อน

.


.

“ไม่ลืมอะไรกันแล้วนะเด็ก ๆ?”


โดนัลด์ดูจะห่วงใยลูกชาย (ที่ไม่ได้ให้กำเนิด) มากเป็นพิเศษ หากจัดกระเป๋าเดินทางให้ได้คงจัดให้ไปแล้ว เพียงแต่เจ้าเด็กเดมิก็อดสองคนดันมีไอเท็มวิเศษที่เสกสัมภาระให้หายไปได้ภายในพริบตาราวกับเล่นกล พ่อบุญธรรมจึงไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น


“ไม่ลืมอะไรแล้วครับ ก็มีแค่… กระเป๋าใส่ไข่หอยเม่น แอนโทส แล้วก็กรงไข่ซุส”


“กิ้ว!!”


“นายนี่นะ รู้ว่าแอนซิลอสไม่ชอบชื่อนี้ก็ยังไปแกล้งมันอีก”


แมคเคนซีดุอย่างไม่จริงจังนักเมื่อลูกอินทรีศักดิ์สิทธิ์ที่เขาตัดสินใจเลี้ยงไว้ตั้งแต่ที่มาถึงบ้านอัลวาเรซวันแรกส่งเสียงร้องท้วงทันทีเมื่อดีนไม่หยุดเรียกมันว่า ‘ไข่ซุส’ ท่าทางมันเกลียดชื่อนี้มาก และที่เกลียดยิ่งกว่าก็คือการที่บุตรแห่งโพไซดอนเรียกมันเช่นนั้น 


แต่ดีนก็เคยให้เหตุผลว่า “แอนซิลอสออกเสียงยากจะตาย เป็นไข่ซุสต่อไปน่ะดีแล้ว”


ด้วยเหตุนี้ ‘ไข่ซุส’ จึงกลายเป็นชื่อเล่นของ ‘แอนซิลอส’ ไปโดยปริยาย


“ดีนทะเลาะกับไข่ซุส เอ้ย แอนซิลอสอีกแล้ว”


โดนัลด์หัวเราะอย่างเอ็นดูที่ดีนมักจะทะเลาะกับ ‘นกกระตั้ว’ ของแมคเคนซีเป็นประจำ แต่พูดให้ถูกก็คือเจ้านกนั่นหัวร้อนอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า แล้วยิ่งทุกคนในบ้าน (ยกเว้นแมคเคนซีกับโดนัลด์ที่ไม่ลืมตัวเผลอเรียกชื่อนั้น) พากันเรียกแอนซิลอสว่าไข่ซุส เจ้านี่ก็ยิ่งจงเกลียดจงชังดีนมากกว่าเดิม


สัมภาระของทั้งสองคนมีเพียงแค่นี้ อุปกรณ์อย่างอื่นถูกเก็บอยู่ในแหวนห้วงมิติ แต่สัตว์เลี้ยงไม่สามารถเก็บเข้าไปในแหวนได้ ตามกฎการโดยสารรถไฟแอมแทรคระบุไว้ชัดเจนเรื่องการพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถไฟ เจ้าของจะต้องนำสัตว์เลี้ยงใส่กรงไว้ตลอดเวลา เตรียมน้ำกับอาหารให้พร้อม และควบคุมสัตว์เลี้ยงไม่ให้เสียงดังก่อความรำคาญ


สำหรับแอนโทสและไข่หอยเม่นคงไม่ค่อยมีปัญหา แมวทั้งสองตัวค่อนข้างเงียบ มันมักจะส่งเสียงเฉพาะตอนหิวหรืออยากขับถ่าย ส่วนแอนซิลอส.. ถ้าดีนไม่แหย่มัน อินทรีย์แห่งซุสก็จะเกาะอยู่บนขอนไม้เงียบ ๆ อย่างสง่างามได้ทั้งวันสมกับที่เป็นสัตว์ในสังกัดของมหาเทพแห่งท้องฟ้า


ลุงไมค์ปิดปากหาวจนดีนต้องทัก


“ขอบคุณที่มาส่งนะ พ่อ แม่ ลุงไมค์ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ผมกับแมคซี่ดูแลตัวเองได้”


“แม่รู้ พ่อคนเก่ง”


มาเรียนน่ายิ้ม จับไหล่ดีนพร้อมกับบีบเบา ๆ ดวงตาสีเปลือกไม้ที่ประดับไปด้วยแพขนตายาวจ้องมองมายังลูกชายคล้ายกำลังพินิจพิเคราะห์ว่าเด็กแสบในวันนั้นโตขึ้นมากมายแค่ไหน แม้ว่าดีนอาจจะยังอ่อนประสบการณ์ในโลกของมนุษย์ธรรมดา แต่เขากลับกลายเป็นวีรบุรุษในโลกแห่งทวยเทพ แม้ไม่อยากภาคภูมิใจที่เกียรติยศนั้นมาจากการเสี่ยงตาย แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็แอบภูมิใจไม่ได้ที่อย่างน้อยลูกชายก็เอาตัวรอดมาได้ในวันที่แสนยากลำบาก


“ผมคงไม่ได้กลับบ้านอีกนานเลย ต้องคิดถึงทุกคนมากแน่ ๆ”


ดีนรวบตัวของมารดาเข้ามาสวมกอด ในฐานะเดมิก็อดแล้วเขาไม่รู้ว่านี่คือการกลับบ้านครั้งสุดท้ายหรือเปล่า ซึ่งขอให้ไม่ใช่แบบนั้น 


“บ้านเรายินดีต้อนรับลูกเสมอ”


“แน่สิ ก็ชื่อผมเป็นเจ้าของบ้านนี่นา”


ดีนพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศของการลาจากซึมเศร้าจนเกินไป เขารับไออุ่นจากแม่ให้มากพอ (ซึ่งมันไม่เคยพอ) ก่อนจะผละออกแล้วไปกอดพ่อกับลุง


“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกผมนะ ผมกับแมคซี่ดูแลตัวเองได้ ซึ่งแมคซี่เขาดูแลผมได้แบบโคตรดีเลยล่ะ”


“พ่อรู้ว่าแมคเขารักลูกมากแค่ไหน” โดนัลด์กอดตอบลูกชาย พยายามไม่ทำน้ำตาตกใส่แจ๊กเก็ตยีนส์ที่ดีนสวม


“ห่วงอย่างเดียวก็คือเรื่องโอนลี่แฟน” มุกตลกของไมค์ทำให้คนรักของเขาหัวเราะได้เสมอ “ยังไงก็เดินทางปลอดภัยล่ะ ขอให้โชคดี นายด้วยแมคซี่ อย่าเอาตัวหลานชายของฉันไปกกนานไป ปล่อยให้เขาได้ออกมาวิ่งเล่นบ้าง” ไมค์ขยิบตาให้แมคเคนซี


“คุณก็รู้ว่าผมไม่ทำแบบนั้น ดีนตัวติดกับผมเองจนผมไปไหนไม่ได้ต่างหาก”


แมคเคนซีทำทีเป็นตบมุกกลับอย่างมั่นใจในตัวเองจนไมค์หัวเราะร่า ช่วงเวลาห้าเดือนนี้เขาสนิทกับคนในครอบครัวของดีนขึ้นมาก โดยเฉพาะไมค์ที่มักจะชวนเขากับดีนไปทำอะไรห่าม ๆ หรือมีเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟังจนบางครั้งก็อดนึกถึงพ่อที่อยู่กลอสเตอร์ไม่ได้ 


ส่วนโดนัลด์ก็เหมือนพ่อที่อ่อนโยนใจดี หากไม่ได้ไปทำงานที่ร้านตัดผม แมคเคนซีมักจะเห็นคนคนนี้ไปขลุกอยู่ในสวนหลังบ้านบ่อย ๆ และดีนน่าจะได้นิสัยรักสัตว์มาจากเขาจริง ๆ หลังจากที่ถูกมาเรียนน่าสั่งห้ามไม่ให้ให้อาหารพวกแรคคูน (หรือก็คือพวกก็อบลิน) ที่ตอนนี้พวกมันก็ไม่โผล่มาให้เห็นอีกตั้งแต่ที่ถูกจัดการยกฝูงไป โดนัลด์ก็หันมาเล่นกับแอนซิลอสและลูกแมวดำสองตัวที่ดีนกับแมคเคนซีบอกว่า “เก็บมาเลี้ยง” แทน ซึ่งการดูแลสัตว์ได้เป็นอย่างดีของโดนัลด์บอกได้เลยว่าช่วยแบ่งเบาภาระของทั้งคู่ที่ต้องทำงานพาร์ทไทม์ไปได้มากโข


และมาเรียนน่า ที่ถึงแม้เธอจะเป็นแม่ที่ค่อนข้างดุไปสักหน่อย แต่พอใจดีก็ใจดีจนน่าใจหาย เธอเป็นคนตรงไปตรงมา และมีอารมณ์ขันในบางเวลาจนแมคเคนซีคิดว่าเธอเข้าถึงได้ง่ายยิ่งกว่ามารดาแท้ ๆ ของตนเองเสียอีก บางครั้งนอกจากจะโวยวายใส่ดีนแล้ว เธอก็ดุพวกเขาแบบเหมารวมสองคนอย่างไม่เกรงใจ นั่นอาจเป็นเพราะเธอคิดว่าแมคเคนซีเป็นลูกอีกคนของเธอไปแล้วก็ได้ ซึ่งแมคเคนซีก็ไม่ถือสาและเต็มใจให้เป็นเช่นนั้น 


เรียกว่าเขายินดีมากเสียด้วยซ้ำที่ทุกคนในบ้านของดีนยอมรับเขาเป็นส่วนนึงในครอบครัว


หลังจากที่กอดลูกชายสุดแสบของเธอแล้ว มาเรียนน่าก็มากอดแมคเคนซีต่อ และตามด้วยไมค์กับโดนัลด์ หากเป็นไปได้ แมคเคนซีก็ไม่อยากให้ช่วงเวลาห้าเดือนนี้หมดไปเลยจริง ๆ

.


.

หลังการร่ำลาจบลง รถเก๋งญี่ปุ่นสีน้ำทะเลของแม่ก็ขับออกไป เหลือเพียงแค่ดีน แมคเคนซี และเหล่าสัตว์เลี้ยงที่ยืนเหงากันอยู่หน้าสถานีซานอันโตนิโอ 


“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะที่รัก อยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่าจะโดนปล้นเมื่อไหร่”


ดีนชะโงกมองไปรอบ ๆ เวลานี้แทบไม่มีใครผ่านไปผ่านมา เสริมด้วยบรรยากาศยามเย็นที่ความจริงนั้นดึกแล้วให้ดูน่าสยองขวัญขึ้นมานิดหน่อย น่ากลัวทั้งผี… น่ากลัวทั้งโจร…


ตอนนี้เป็นเวลายี่สิบสองนาฬิกา ต้องรออีกถึงสี่ชั่วโมงกว่าที่รถไฟสายซันเซ็ตลิมิเตดที่มุ่งสู่ลอสแอนเจลิสจะมาถึง ภายในชานชาลาแทบไม่มีใคร กระนั้นตั๋วรถไฟสู่เอเมอรี่วิลล์ก็จองยากจองเย็นเพราะมักเต็มมาจากสถานีต้นสาย


“อย่าพูดเป็นลางสิ แต่เข้าไปข้างในก็ดีเหมือนกัน อากาศหนาวจะแย่”


ถึงจะเป็นช่วงต้นเดือนธันวาคม แต่พอพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงและมีพลบค่ำมาแทนที่ อากาศในตอนกลางคืนก็เริ่มเย็นลงจนอุณหภูมิเหลือเพียงเลขตัวเดียว แม้จะไม่มีหิมะตกแต่ก็มีลมเย็น ๆ พัดผ่านปะทะร่างพอให้เหน็บหนาว แม้จะสวมเสื้อผ้าหลายชั้น แต่การเข้าไปหลบในสถานีน่าจะอบอุ่นกว่า


“ถ้านายง่วงจะหาที่งีบตรงม้านั่งสักตื่นก็ยังได้ ถ้ารถไฟมาแล้วเดี๋ยวฉันปลุกนายเอง”   


“บรรยากาศแบบนี้ถึงจะง่วงแต่ทำเอาฉันหลับไม่ลง”


ดีนขยับยิ้มที่มุมปากให้แมคเคนซี แต่พวกเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เวลาผ่านไปจนถึงตีสองสี่สิบห้า จากนั้นก็ขึ้นรถไฟแอมแทรครอบดึกสงัดมุ่งตรงสู่ลอสแอนเจลิส ระหว่างนี้พวกเขามีเวลานั่ง ๆ นอน ๆ และรับประทานอาหารสุดหรูของครัวซันเซ็ตลิมิเตดไปอีกราว ๆ สี่สิบชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ


ที่เมืองนิวโรมจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่กันนะ

—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 69474 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 69,474 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความศรัทธา จาก แหวนดาราจรัส  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 69,474 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 69,474 ไบต์และได้รับ +12 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก เหรียญนกฮูก  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 69,474 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก สร้อยคอดีไซน์เท่  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้