เจ้าของ: God

[เอเชียอาคเนย์] ประเทศไทย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-9-12 02:24:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-9-11 12:49
38. Formula MongM
ถึงเมื่อคืนจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปแต ...

209
Thailand P.9 - เพชรบูรณ์

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ กับการตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เพื่อชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น แถมเมื่อคืนพวกเขายังหลับสบายก็อบลินมากวนใจ พอได้สูดอากาศดี ๆ แบบนี้ต่อให้ยังง่วงอยู่ก็ตื่นขึ้นมาได้อย่างเต็มตา

               “อื้อ แถมยังสวยอีกด้วย อย่างกับก้อนเมฆอยู่ใต้เท้าพวกเรายังไงยังงั้นแน่ะ” ดีนหัวเราะน้อย ๆ “เย็นได้ถึงแค่ช่วงสายสินะแล้วกลับมาร้อนต่อ ครีมกันแดดฉันใกล้จะหมดหลอดแล้วเนี่ย”

               พูดตรง ๆ เลยว่าเมืองไทยนี่แดดแรงดีจริง ๆ จนต้องพอกครีมกันแดดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อกันไม่ให้ผิวหนังถูกเผาทำลายจนเกิดเป็นมะเร็งตัวร้ายขึ้นมา จะว่าไปคนที่อยู่ข้างกายออกจะคล้ำ ๆ ขึ้นนิดหน่อยหรือเปล่านะ ส่วนตัวเองที่เป็นคนผิวเข้มอยู่แล้วเขาแยกไม่ค่อยออก

               “โปรแกรมเช้านี้ยังว่างอยู่นะ พวกเราเอาไงกันดี? นอนเล่นต่ออีกหน่อยแล้วค่อยไปที่มรดกโลก หรือว่านายอยากจะเช็กเอาต์ออกไวหน่อยแล้วไปตามจุดชมวิวให้ครบก็เลือกได้เลยที่รัก”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ได้เลยที่รัก งั้นเรามาเที่ยวให้จุใจกัน”

               ยิ้มกรุ้มกริ่มหลังถูกหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง ส่วนเขาค่อยจับอีกฝ่ายมาหอมมาฟัดหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ก็ได้ ตอนนี้ก็เลยเข้าไปเก็บของใช้พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งพนักงานโรงแรมให้มาเก็บเตาหมูกระทะเมื่อคืนแล้วเสิร์ฟอาหารเช้าตามแพ็กเกจ พนันได้เลยว่าคงไม่พ้นข้าวต้มที่เป็นอาหารเช้าหลักของชาวไทยแน่ ๆ

               ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หลังจากที่ทั้งสองทำธุระยามเช้าและเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ซึ่งไม่มีอะไรให้เก็บเท่าไร เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็อยู่ในรถ) อาหารเข้าก็มาเสิร์ฟ ซึ่งก็คือข้าวต้มจริง ๆ ด้วย ดีนกินข้าวต้มเกือบทุกวันจนตอนนี้เขาคิดถึงสลัดหรือไม่ก็อาหารเช้าสไตล์อเมริกัน สงสัยความอยากไก่ทอดเมื่อวานที่ตุนมาจะเริ่มหมดเสียล่ะมั้งเขาถึงได้คิดถึงอาหารบ้านเกิดรัว ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็มายังสถานที่เที่ยวแรก ‘จุดชมวิวทุ่งกังหันลมเขาค้อ’ ที่นี่ให้ฟีลบรรยากาศคล้าย ๆ กับกังหันลมที่โอคลาโฮม่าที่เขาเคยเดินทางผ่าน เพียงแต่ที่เขาค้อมีส่วนที่เป็นสีเขียวเยอะกว่าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าแพร์รี่ที่ดูแห้งแล้งสุดลูกหูลูกตา รถบริการพาพวกเขานั่งชมสิ่งที่น่าสนใจรายทางมากมาย ซึ่งสิ่งที่ดีนสนใจที่สุดคงไม่พ้นเครื่องเล่นที่แมคเคนซีชิงทักขึ้นมาก่อน

               “น่าสนุกดีแฮะ เอาสิฉันอยากเล่น”

               ชายหนุ่มตาเป็นประกายเหมือนเด็ก ๆ พนันได้เลยว่าเครื่องเล่นไม้ที่ตั้งอยู่กลางลานไม่ได้มีเฉพาะให้เด็กเล่นแต่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้

               “ฟอร์มูล่าม้งงั้นเหรอ? ดูน่าสนุกดีนะ เหมือนรถเด็กเล่นเลย”

               ความสนใจในเครื่องยนต์กลไกทำให้ดีนหยุดมองอยู่นาน เท่าที่เห็นคนอื่นเล่นไปก่อนหน้าผู้ขับจะต้องใช้แรงแขนและแรงโน้มถ่วงในการผลักรถไปข้างหน้า ดูเหมือนไม่มีอะไรทว่ากระตุ้นต่อมความซนได้เป็นอย่างดี

               ‘ว่าแต่มันบังคับซ้ายขวายังไงนะ? ช่างเถอะ ไม่ลองก็ไม่รู้’

               แล้วก็หันมาทำตาใสให้คนรัก

               “แมคซี่ฉันอยากลองอ่ะ เรามาเล่นกันนะ”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ถึงจะอยากเล่นเป็นคนขับแต่ก็ไม่ขัดศรัทธาแมคเคนซีผู้เป็นคนออกเงิน ดีนขึ้นไปนั่งซ้อนหลังซึ่งมันออกจะอึดอัดนิดหน่อยที่ผู้ชายตัวหมีสองคนต้องมาซ้อนกัน

               “ไปเลย!!”

               มือข้างหนึ่งเกาะไหล่แมคเคนซีเอาไว้ส่วนอีกมือชูขึ้นเหนือหัวอย่างฮึกเหิม ฟอร์มูลาม้งไหลลงเนินไปอย่างรวดเร็วหลังถูกปล่อยตัว ทำเอาเขาต้องเกาะหลังคนขับติดหนึบไม่ต่างอะไรจากโคอาล่า แม้ไม่ได้ขับเองแต่การนั่งรถไม้สไลด์ลงเขานี่ช่างสุดมัน เขากู่ร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัวจนไม่รู้ว่าทำคนข้างหน้าหูดับไปแล้วหรือเปล่า

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เอาสิ ๆ ฉันอยากเป็นคนขับ!”

               เย้ว ๆ อย่างกระตือรือร้นหลังจากลงมาจากรถไม้เมื่อหมดรอบ หัวใจยังคงเต้นตุ้บอะดรีนารีหลั่งไหล เพราะงั้นแค่รอบเดียวมันจะไปพออะไร พวกเขาเดินขึ้นเนินกลับไปยังจุดปล่อยตัวอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้มีดีนเป็นคนขับส่วนแมคเคนซีซ้อนหลัง เรียนรู้วิธีการบังคับล้อปรับทิศทางและเบรก ช่างเป็นการขับรถในแบบที่ไม่เคยขับมาก่อนหวังว่ามันจะไม่ยากเกินไป

               “เอาล่ะพร้อม! ถ้าฉันขับคว่ำอย่าโกรธกันนะแมคซี่”

               แกล้งพูดที่เล่นทีจริงไว้ก่อนให้ได้ลุ้น หลังจากที่รถถูกปล่อยตัวออกมามันก็ไหลลงเนินด้วยความรวดเร็ว ล้อไม้ที่บดผ่านถนนลูกรังทำเอาหัวสั่งหัวคลอน ดีนบังคับรถเกือบลงข้างทางไปสามสี่รอบให้ได้หวาดเสียว (สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจ) แต่สุดท้ายก็มาถึงเส้นชัยได้โดยสวัสดิภาพ

               “โอ๊ย กว่าจะถึง ตื่นเต้นชะมัด!” ยกมือขึ้นทาบอก

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “จริงเปล่า ความจริงฉันขับรถได้ดีกว่านี้นะ อย่างน้อยก็ไม่เคยทำรถคว่ำ”

               กับคำว่าทำรถคว่ำคงใช้คำว่าอย่างน้อยไม่ได้ แต่เอาเถอะ.. เล่นสนุกไปแล้วก็เที่ยวชมจุดต่าง ๆ ภายในเขาค้อต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงแล้วท้องก็เริ่มหิวร่างกายหมดแรงข้าวต้ม

               “เอาสิ ร้านนั้นดูดีเลย”

               ระแวกนี้เต็มไปด้วยคาเฟ่สวย ๆ แข่งกันเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวที่นอกจากจะอยากจิบอาหารชิมกาแฟแล้วก็ช่างสรรหาแต่งร้านให้มีมุมสวยเอาไว้ถ่ายคู่กับวิวธรรมชาติของป่าเขา นอกจากสยามจะเป็นเมืองยิ้มแล้วยังเป็นดินแดนแห่งคาเฟ่นับล้านอีกด้วย

               ดีนเปิดหน้าเมนูไปมา มีทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก เยี่ยมยอด! มื้อนี้จะได้รับประทานอะไรที่คุ้นปากเสียที

               “พิซซ่าน่ากินจังแมคซี่ เอาเป็นพิซซ่าแฮมเห็ด กับเฟรนฟรายได้ไหม? แล้วก็… ซีซาร์สลัดด้วย” ได้ทีก็สั่งใหญ่

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เอ๋ ให้ฉันสั่งทั้งหมดเนี่ยนะ? แล้วนายไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษเหรอ?”

               พิซซ่าแค่ถาดเดียวน่าจะไม่พออิ่มสำหรับชายฉกรรจ์สุขภาพดีสองคน งั้นสั่งเพิ่มดีกว่า

               “งั้น.. เอาไก่นิวออลีนเพิ่ม แล้วก็พิซซ่าหน้าทริปเปิ้ลชีสเพิ่มอีกถาด เครื่องดื่มขอเป็นโกโก้ปั่นกับน้ำส้ม ขอบคุณ”

               หันไปสั่งอาหารเพิ่มจากนั้นก็หันกลับมายิ้มกว้างให้แมคเคนซี

               “ฉันสั่งโกโก้ของโปรดให้นายด้วย เป็นไงรู้ใจมะ” ถึงจะไม่ใช่โกโก้ร้อนหวานน้อยก็เถอะ..

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันรู้ ของนายกินอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด ไม่มีกลิ่นฉุนใช่ไหมล่ะที่รัก”

               ขนาดว่าตัวเองเป็นคนกินง่ายแต่พอเทียบกันแล้วเผลอ ๆ อีกฝ่ายจะกินง่ายกว่า ..หรือเปล่า?

               อาหารที่พวกเขาสั่งต้องใช้เตาอบซึ่งใช้เวลานานกว่าปกตินิดหน่อย แล้วยิ่งในวันที่การท่องเที่ยวคึกคักแบบนี้ทำให้ต้องรอพิซซ่านานเป็นสองเท่า แต่ยังดีที่เครื่องดื่ม ไก่นิวออรีน และเฟรนฟรายมาก่อนให้ได้รองท้องกันหิว แล้วเมื่อพิซซ่าทั้งสองถาดมาเสิร์ฟก็ไม่รีรอที่จะรับประทาน (แต่หลังจากถ่ายรูปเสร็จ)

               “อื้ม อร่อย รสชาติที่คิดถึงมาก”

               กินอาหารจำพวกชีสด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข นอกจากของทอดแล้วชีสนี่แหล่ะที่เติมเต็มทุกอย่างได้ดี ถ้ามีน้ำหมักผลไม้ด้วยจะยิ่งแจ๋ว แต่ถ้าเขาสั่งของมึนเมาตั้งแต่หัววันต้องถูกมองค้อนเอาแน่ ๆ

               พิซซ่าที่ทานกันไปคนละถาด (แต่คละรส ที่เขากินรสทริปเปิ้ลชีสมากกว่าอีกฝ่ายนิดหน่อย) เติมช่องว่างในกระเพาะอย่างแน่นเอียด เมื่ออิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังที่ถัดไป ซึ่งดีนค่อนข้างตื่นเต้นให้ความสนใจเนื่องจากเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกแบบมาแรงแซงทางโค้งโบราณสถานแห่งอื่น ๆ ไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               โบราณสถานที่มาเยือนให้ความแตกต่างจากที่สุโขทัยอยู่พอควร เนื่องด้วยอยู่คนละยุคคนละสมัยห่างไกลกันเกือบพันปี อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพมีรูปร่างคล้ายกับพิรามิดแห่งเม็กซิโกมากกว่า น่าประหลาดที่สถานที่ทั้งสองอยู่กันคนละมุมโลกแต่กลับมีรากฐานบางอย่างที่ดูคล้ายคลึงกันราวกับมีมนุษย์ต่างดาวบินมาช่วยสร้าง แม้ความจริงผู้ที่ชี้แนะจะเป็นเทพเจ้าก็ตาม

               “ใช่ซะที่ไหน ฉันก็ไม่ได้ชอบที่ตัวเองเรียนอะไรขนาดนั้น แต่นี่เป็นมรดกโลกเชียวนา”

               แต่ถ้าพูดถึงท่องเที่ยวตามความชอบเขาก็จัดตารางไปสวนสัตว์มาตั้งสองที่

               ‘ว่าแต่ไทยแลนด์นี่สวนสัตว์น้อยชะมัด…’

               ถ้าเป็นที่สหรัฐอเมริกาล่ะก็มีสวนสัตว์ให้เที่ยวฉ่ำ ๆ เมืองละแห่งแน่นอน

               แดดยามบ่ายแผดเผาผิวกายจนแสบเนื้อตัว ดีนนึกสงสัยว่าทำไมที่นี่ต้นไม้น้อยใจ ในสมัยหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีก่อนก็ต้นไม้น้อยแบบนี้หรือเปล่านะ หรือที่ต้นไม้น้อยเพราะมันบดบังการสำรวจ? แถมโบราณสถานแต่ละแห่งในอุทยานก็อยู่ห่างไกลกันจนไม่สามารถเดินเท้าได้ในสภาพอากาศแบบนี้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องเข้า ๆ ออก ๆ รถยนต์ เดี๋ยวก็เย็นเดี๋ยวก็ร้อนจนหน้าจะมืด

               เมื่อเที่ยวกันจนพอใจก็ได้เวลาหาที่พักในคืนนี้ที่ไม่ได้จองมา จะว่าด้วยความประมาทก็ได้ที่คิดว่าที่พักใกล้ ๆ นี้น่าจะเยอะเพราะอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก แต่เท่าที่ขับรถผ่านก็ดูเหมือนจะมีอยู่แค่ไม่กี่แห่งซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองเอามาก ๆ

               “เหมือนว่าก่อนทางเข้าอุทยานจะมีรีสอร์ทอยู่นะ ลองไปดูตรงนั้นไหม? ไม่งั้นเราอาจต้องขับไปไกลถึงลพบุรีเลย”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันไม่อยากเรียน”

               ดีนหัวเราะออกมาเบา ๆ ตามความจริงที่เป็นแบบนั้น ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงเรียนคณะวิทยาศาสตร์… ไม่รู้สิ คงต้องไปถามตัวเองเมื่อสี่ปีก่อนว่าทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้

               เมื่อมาถึงรีสอร์ตตามที่ว่าดีนก็ลงไปสอบถามรีเซปชั่นว่ามีห้องว่างหรือเปล่า แล้วพอได้คำตอบเขาก็กลับขึ้นมาบนรถพร้อมกับพนักงานคนนึง ดูแล้วที่นี้คล้ายกับโมเตลมากกว่ารีสอร์ตเสียอีก เอารถมาจอดที่หน้าห้องพักได้เลยก็ดีเวลาเอาของจะได้สะดวก ๆ

               “มีห้องล่ะ เราขับรถไปจอดหน้าห้องได้เลย เดี๋ยวตามเขาไป”

               พอได้ห้องแล้วพนักงานคนไทยก็แจกแจงการเข้าพักรวมถึงราคาแสนถูก พวกเขาสั่งอาหารกันได้ถึงแค่หนึ่งทุ่ม ส่วนร้านค้าแถวนี้ใกล้ที่สุดต้องขับรถออกไปหนึ่งกิโลเมตรแล้วไม่รู้ว่าขายอะไร จะกินได้ไหม เรียกว่าค่อนข้างเสี่ยงดวง

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็ประมาณนั้น แต่จะเที่ยวหรือทำอะไรก็ได้ที่ฉันมีความสุข แค่นั้นเลย”

               ดีนหัวเราะ ยังไงโลกนี้ก็ขับเคลื่อนไปด้วยระบบทุนนิยมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขยับตัวนิดหน่อยก็ต้องใช้เงิน โดยเฉพาะถ้าอยากมีความสุขก็ต้องมีเงินเยอะ ๆ แต่ต้องมาติดแหงกอยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัดแบบนี้จะไปทำมาหากกินอะไรได้ ทำภารกิจก็ได้ดอลลาร์หรือดรักม่ามาเพียงน้อยนิด แต่เขาไม่คิดที่จะอยู่ที่ค่ายไปตลอดชีวิตหรอก มีเวลาทำงานหาเงินช้ากว่าคนอื่นไปนิดหน่อยคงไม่เป็นไร แต่จากนี้ไปจะหางานอะไรทำล่ะเนี่ย งานผู้ช่วยนักวิจัยที่ปฏิเสธไปคงทำให้เขาถูกติดแบล็กลิสต์ไปแล้ว แต่งานที่เวนดี้ส์คงกลับไปทำได้เสมอถ้ามีตำแหน่งว่าง แต่จะให้ทำงานร้านฟาสต์ฟู้ดไปตลอดชีวิตคงน่าเบื่อแย่ แค่คิดก็เหี่ยวเฉาแล้ว…

               “โอเคตามนั้น” ดีนอ่านชื่อเมนูตามแอปฯ แปลภาษา “ฉันเอานี่ก็แล้วกัน.. ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย”

               มีเวลาพักผ่อนหน่อยก็ดี ดีนก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือมาไถเล่นระหว่างรออาหาร แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้จองทัวร์ล่องเรือของวันพรุ่งนี้เลยนี่นา ถ้าโทรไปตอนนี้หวังว่าจะจองทัวร์ทันนะ…




แสดงความคิดเห็น

210Thailand P.10 - พระนครศรีอยุธยา ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ขับรถข้ามจังหวัดจนมาถึง ‘พระนครศรีอยุธยา’ ราชธา  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-9-19 10:56
โพสต์ 35324 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-9-12 02:24
โพสต์ 35,324 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-9-12 02:24
โพสต์ 35,324 ไบต์และได้รับ +5 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-9-12 02:24
โพสต์ 35,324 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-9-12 02:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-9-19 10:56:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-9-12 02:24
209Thailand P.9 - เพชรบูรณ์
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mac ...

210
Thailand P.10 - พระนครศรีอยุธยา

               ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ขับรถข้ามจังหวัดจนมาถึง ‘พระนครศรีอยุธยา’ ราชธานีเก่าของประเทศไทยในเวลาเกือบเที่ยง ได้เวลาท่องเที่ยวและรับประทานอาหารเที่ยงไปในตัว ทำไมถึงพูดแบบนั้นน่ะเหรอ? ไปดูกัน

               ดีนตั้งจีพีเอสบอกเส้นทางให้แมคเคนซีขับรถไปที่ ‘วัดพนัญเชิง’ วัดสำคัญเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอยุธยามาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ซึ่งคำว่าหลายร้อยปีที่ว่านั้นยาวนานกว่ายุคสมัยของอยุธยาเสียอีก อาจยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัยเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องการเที่ยววัดพนัญเชิงต้องเอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ เพราะตอนนี้ทั้งสองหนุ่มมีนัดกับไกด์นำเที่ยวล่องเรือแม่น้ำป่าสักเพื่อเที่ยวชมเกาะอยุธยา

               ในแพ็กเกจมีให้รับประทานอาหารกลางวันบนเรือด้วย ซึ่งดีนรีเควสตอนจองไว้ว่า ‘จัดอาหารแนะนำมาเลย แต่ขอรสไม่จัดฝรั่งกินได้’ ซึ่งเมื่อพวกเขาขึ้นไปบนเรือไม้ตกแต่งสไตล์วินเทจแบบไทย ๆ ก็เห็นว่าอาหารถูกจัดสำรับไว้รอแล้ว เพียงแค่ครอบฝาชีที่ทำจากไม้สานเอาไว้อยู่ ลุ้นอยู่เหมือนกันนะว่าข้างในจะมีอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

               “แมคซี่ ๆ มาเซลฟี่กัน” ดีนกวักมือเรียกคนรักให้ขยับมาใกล้ ก่อนจะยัดกล้องถ่ายรูปใส่มืออีกฝ่าย “นายแขนยาวกว่าถ่ายให้หน่อย”

               ยิ้มกว้างยกมือชูสองนิ้วรอให้คนรักกดชัตเตอร์

CMS. by RC Rose Cheyn

               @Mackenzie

               “อื้อ ดี ดีมาก ๆ ฉันชอบนะ เดี๋ยวหาคอลเลคชั่นอื่นใส่กันอีก”

               คลี่ยิ้มกว้างตอบคนรักไป

               ทั้งคู่นั่งแสตนบายอยู่บนเรือไม่ถึงสิบนาทีก็ได้เวลาออกเดินทาง ไกด์นำเที่ยวเป็นสาวไทยผิวน้ำผึ้งที่ดูจะคล่องแคล่วงภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ซึ่งสมแล้วกับที่ทำอาชีพนี้ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างขวักไขว่ เมื่อเริ่มออกเดินทางไกด์ก็แนะนำสถานที่ตามสองฝั่งริมแม่น้ำให้ได้รับทราบ

               “จุดที่ออกเดินทางของพวกเราคือวัดพนัญเชิงค่ะ ที่ตั้งของวัดอยู่ที่จุดบรรจบกันของแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี ซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศไทย”

               แล้วหล่อนก็อธิบายความเป็นมาของวัดพนัญเชิงเหมือนกับที่ดีนไปหาข้อมูลมาแต่เพิ่มเติมรายละเอียดมากขึ้น

               “ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า ‘วัดเจ้าพระนางเชิง’ และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อ ‘พระเจ้าพแนงเชิง’ ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปจาก ‘พระนางเชิง’ ก็ถูกเปลี่ยนเสียงไปเป็น ‘พนัญเชิง’ ค่ะ”

               บอกตามตรงดีนไม่รู้ถึงความแตกต่างของชื่อเลยด้วยซ้ำ คิดว่าทุกคำเป็นคำเดียวกันหมดเสียอีก

               @Mackenzie  

               หลังจากที่เรือเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือวัดพนัญเชิงแล้วใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะถึงที่หมายถัดไป ระหว่างที่ชมวิวสองฝั่งแม่น้ำสำรับอาหารกลางวันก็ถูกเปิดออก นี่แหล่ะช่วงเวลาที่รอคอย!



               เมื่อเห็นอาหารตรงหน้าดีนก็ทำตาโตเป็นประกาย เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทานกุ้งตัวเป้ง ๆ แบบนี้เลย อย่างว่าล่ะ ภาคเหนือมีทะเลให้ติดเสียที่ไหน …ว่าแต่อยุธยามีทะเล?

               “คุณลูกค้ารีเควสเป็นอาหารแนะนำที่ไม่เผ็ดใช่ไหมคะ แม้สีสันจะดูจัดจ้านแต่รสชาติไม่เผ็ดแน่นอน ที่คุณลูกค้าเห็นอยู่กลางโต๊ะคือวัตถุดิบขึ้นชื่อของแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ว่าอยุธยาจะไม่ติดทะเลแต่ในแม่น้ำอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย และที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือกุ้งแม่น้ำ ซึ่งในเซ็ตจะประกอบด้วย ยำถั่วพูกุ้งสด กุ้งผัดกะเพรากรอบ ปลากระพงทอดซอสมะขาม ต้มยำกุ้งน้ำข้น และไฮไลต์คือกุ้งเผาอยุธยาค่ะ เชิญรับประทานได้ เอ็นจอยค่ะ”

               ไกด์แนะนำอาหารให้ด้วยซึ่งดีนไม่รู้หรอกว่าชื่อแปลก ๆ อย่าง ‘ถั่วพู’ คืออะไร คงเป็นถั่วอย่างนึงที่หาไม่ได้หรือหาได้ยากทางฝั่งตะวันตกล่ะมั้ง บางทีอาจไม่ต่างจากที่ส้มตำใส่ถั่วฝักยาวเท่าไรหรอก ด้วยความสงสัยเขาจึงตักชิมเป็นอย่างแรก เมื่ออาหารเข้าปากชายหนุ่มก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ มันไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวกันเป็นเอกลักษณ์อย่างถั่วฝักยาว เรียกว่ากินง่ายเลยทีเดียว แต่ที่ว้าวสุด ๆ คืออะไรกรอบ ๆ ที่โรยอยู่บนนั้นมากกว่า คืออะไรนะ? หัวหอม กระเทียมเจียว?

               “อร่อยดีนะแมคซี่ ไม่เผ็ดจริงด้วย คราวนี้นายกินได้สบายแน่ ๆ”

               @Mackenzie

               “เผ็ดนิดหน่อยแต่ก็กินได้ใช่ไหมล่ะ”

               ดีนยิ้มแฉ่งให้ สีแดง ๆ ที่เจืออยู่ในอาหารน่าจะมาจากน้ำมันพริกล่ะมั้ง ดีนก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรเหมือนกัน แล้วเขาก็ลองชิมปลาทอดที่แมคเคนซีตักให้ ซอสรสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ที่ราดบนตัวปลาที่ทอดกรอบจนหอมเป็นรสชาติกลมกล่อมลงตัว

               “อร่อยจัง ฉันชอบนะ ว่าแต่มันชื่ออะไรนะ ปลาทอดซอสมะขาม? ซอสมะขามที่เหมือนกับวูสเตอร์ซอสน่ะเหรอ?”

               ส่วนตัวชายหนุ่มคิดว่ารสชาติไม่คล้ายกันเท่าไร ที่ทราบก็เพราะเขาเคยหยิบขวดเครื่องปรุงมาอ่านฉลากเล่น ๆ แล้วเห็นว่ามะขามถูกนำมาเป็นส่วนผสมซอสหลายอย่าง เช่น วูสเตอร์ซอส และบาร์บีคิวซอส เป็นต้น ส่วนรูปร่างหน้าตาของมะขามเป็นอย่างไรเขาไม่รู้จัก

               “นี่ ๆ มากินไฮไลต์ของมื้อนี้ดีกว่า กุ้งแม่น้ำอโยธยา”

               กล่าวจบก็จิ้มส้อมลงบนเนื้อกุ้งอวบขาวแล้วเอาเข้าปากโดยไม่แตะต้องยังส่วนหัวกุ้ง ซึ่งดีนไม่เคยเห็นการเสิร์ฟกุ้งแบบมีหัวติดด้วยมาก่อน ทำไมคนไทยไม่เอาหัวกุ้งออกนะ อย่าบอกนะว่าคนไทยกินเครื่องในกุ้งที่อยู่บนหัวมันด้วย คนที่เรียนชีววิทยามาได้แต่ขมวดคิ้ว นั่นมันตัวกรองของเสียนะเฮ้ย! แต่ถ้าไม่ใส่ใจมันกุ้งสีส้มสวยงามนั่นแล้วเนื้อกุ้งที่เด้งดึ๋งนี่ก็สดมาก หวานอร่อยรสชาติดีเลยทีเดียว

               “อร่อยดีนะ แต่ว่านี่ไฮไลต์เหรอ?”

               น้ำเสียงกึ่งผิดหวังเข้าหูของไกด์สาวเธอจึงให้คำแนะนำส่วนที่เธอตกหล่นไป

               “ลองทานมันกุ้งดูค่ะ กุ้งอยุธยาขึ้นชื่อเรื่องมันกุ้งที่อร่อย ถ้าราดน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยจะอร่อยมาก”

               นั่นไง คนไทยกินมันกุ้งดิบจริงด้วย…

               @Mackenzie

               เห็นแมคเคนซีกินไปแล้วก็อยากลองบ้างโดยทำเป็นลืม ๆ ไปว่าตับของกุ้งมีเอาไว้ทำหน้าที่อะไร จากนั้นจึงลอกเลียนแบบการกินของอีกฝ่ายแล้วทำตามเพียงแต่ยังไม่ทันได้ราดน้ำจิ้มสีเขียวอีกฝ่ายก็ร้องไอมาก่อน

               “จริงดิ ซอสนี่เผ็ดขนาดนั้นเลย?”

               ขมวดคิ้วมองซอสสีเขียวแล้วลองตักดู ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพสโต้ซอส แต่เมื่อสังเกตดี ๆ แล้วนี่มันพริกสีเขียวปั่นชัด ๆ เลย

               ‘ขอบคุณนะแมคซี่ที่เป็นหนูทดลองไปก่อน’

               พอมีตัวอย่างคนไฟแล่บให้ได้เห็นเขาจึงตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดลงบนมันกุ้งแค่นิดเดียวจากนั้นก็ลองรับประทาน

               “โอ้ พระเจ้า นี่มันอร่อยกว่าที่คิดไว้ซะอีก!”

               ถึงกับต้องป้องปากทำตาโตเมื่อได้ชิมรสมันกุ้งและน้ำจิ้มซีฟู้ด ความมันหอมหวานนี่มันสุดยอดจริง ๆ และสิ่งที่ชูให้รสมันกุ้งเด่นขึ้นมายิ่งกว่านั้นคือรสของน้ำจิ้มเปรี้ยวนำ แม้จะเผ็ดแต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ (อาจเพราะเขาใส่มันลงไปน้อย) เป็นของดีที่ทำเอาอยากเอามากินแทนมินโญเน็ตซอสที่ปกติจะใช้กินกับซีฟู้ดเลย

อาหารรสชาติถูกปากไปสามอย่างแล้วดีนจึงลองชิมอย่างที่สี่และห้าที่ถูกจัดเสิร์ฟ กุ้งผัดกะเพรากรอบกับต้มยำกุ้งก็อร่อย แต่ว่าดีนไม่ได้รู้สึกว้าวขนาดนั้นอาจเพราะตลอดการเดินทางเขาเคยชิมต้มยำกับผัดกะเพรามาแล้วก็ได้ มันจึงไม่ใช่เฟิร์สอิมเพรสชั่นที่จะมาประทับใจอย่างเวอร์วัง

               “ต้มยำกุ้งก็อร่อยนะ เผ็ดน้อยกว่าที่เคยกิน แต่ว่าเปรี้ยวหวานเค็มนี่ไม่ลดเลย”

               @Mackenzie

               “นั่นสิ รู้สึกว่าตั้งแต่เข้าสุโขทัยมาอาหารจะหวานขึ้นนะ”

               แปลว่าไม่ได้คิดไปเองคนเดียว แม้บางเมนูจะซ้ำกันแต่พอเป็นคนละภาคแล้วกลับได้รสชาติที่แตกต่าง แปลว่าคนภาคเหนือไม่ค่อยกินหวาน เน้นเค็มกับเปรี้ยวเป็นหลัก พอมาคิดแบบนี้ชักอยากรู้เลยว่าอาหารเมนูเดียวกันแต่เป็นภาคอื่น ๆ จะให้รสชาติแตกต่างกันแค่ไหน

               คิดเพลิน ๆ หันไปมองคนรักอีกที คนที่นั่งตรงกันข้ามก็รับประทานข้าวหมดจานซะแล้ว กินไวจริง ๆ เขากินข้าวพร่องไปยังไม่ถึงไหนเอง สงสัยว่าอาหารจะถูกปากและอีกฝ่ายกำลังหิว อย่างว่าแมคเคนซีต้องใช้พลังงานมากกว่าเขาเลยต้องกินมาก ๆ หน่อย

               “มีข้าวให้เติมไหมนะ?” ดีนพึมพำ จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นโถบางอย่างที่อยู่บนชั้นวางของข้างโต๊ะเลยลองเปิดดู “โอ้ ในนี้มีข้าวนี่นา นายเติมหน่อยไหม?”

               @Mackenzie

               “คงงั้นแหล่ะ” แต่ไม่ว่าอาหารชาติไหนก็คงจะมีรสมีชาติกว่าอาหารอังกฤษหมดนั่นแหล่ะ… “ข้อดีของการเป็นคนซนไง”

               ดีนหัวเราะก่อนจะตักข้าวเติมใส่จานให้แมคเคนซีไปแบบพูน ๆ

               ระหว่างที่กำลังเอร็ดอร่อยอยู่นั่นเองเรือไพรเวททริปของพวกเขาก็ผ่านจุดแลนมาร์กแรก



               “ยอดเจดีย์ที่คุณลูกค้าเห็นทางซ้ายมือคือ ‘วัดมหาธาตุ’ ตัวพระปรางค์ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรม ‘ขอม’ หรือกัมพูชาในยุคหลายพันปีที่แล้ว โดยวัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วหกร้อยห้าสิบปี ในอดีตยอดพระปรางค์ได้ถูกต่อเติมให้มีความสูงใหญ่ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ยอดพระปรางค์ได้ถล่มลงมาจนเหลือเพียงแค่ที่เห็นค่ะ ความสำคัญของวัดมหาธาตุนั้น นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยา โดยมีสมเด็จพระสังฆราชประทับอยู่ที่นี่ และไฮไลต์ของวัดมหาธาตุคือ ‘เศียรพระพุทธรูปในรากไม้หน้าวิหารเล็ก’

               น่าเสียดายที่พวกเขาได้แค่นั่งเรือชมแบบผ่าน ๆ แล้วถ่ายรูปวัดภายนอกจากในเรือ ไม่ได้ลงไปดูสภาพวัดและเศียรพระในรากไม้อย่างที่ไกด์พูด แต่ถ้าจะให้ลงไปเที่ยวทั้งยังที่กินอาหารแสนอร่อยยังไม่เสร็จเขาก็คงไม่ยอมหรอก

               “ผมสงสัยอย่างนึง ทำไมวัดโบราณในไทยถึงมีสภาพเหมือนซากปรักหักพัง ผมเคยผ่านวัดมาหลายแห่งที่มีอายุพอ ๆ กันก็ไม่ได้มีสภาพทรุดโทรมแบบนี้”

               ดีนตั้งข้อสงสัย โบราณสถานของไทยหลายแห่งมีสภาพผุพังทั้งที่อายุยังไม่ถึงพันปี ตอนแรกตั้งข้อสันนิษฐานว่าเพราะบ้านเรือนทำด้วยไม้เลยผุพังเหลือแต่ฐานรากที่ทำจากอิฐปูน แต่วัดที่สำคัญถึงขนาดใช้จัดพิธีสำคัญยังปล่อยให้ทรุดโทรมเหลือแต่ซากตอราวกับถูกเผาเมืองอย่างไรอย่างนั้น แต่ครั้นจะเดาเอาต่อไปก็ใช่ที่ ตอนนี้พวกเขามีไกด์อยู่ตรงหน้าก็ถามไปเลยสิให้มันรู้แล้วรู้รอด

               “เป็นคำถามที่ดีค่ะ ตามพงศาวดารเขียนไว้ว่าเมื่อก่อนวัดในกรุงศรีอยุธยาทำจากทอง ที่พวกคุณได้เห็นวัดในสภาพนี้อาจทำให้จินตนาการลำบากนิดนึง แต่ถ้าคุณอยากเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเมื่อก่อนสวยงามแค่ไหน เมื่อเข้ากรุงเทพฯ อยากให้คุณลองไปที่วัดพระแก้วค่ะ ที่นั่นจำลองวัดจากกรุงศรีอยุธยามาเกือบหมด”

               “โห ทำจากทอง แล้วทองไปไหนหมดล่ะครับ?” ดีนถาม

               “เมื่อปี 1767 กรุงศรีอยุธยาถูกกองทัพพม่าตีแตก บ้านเมืองจึงถูกเผาทำลาย ถ้าในหนังสือเรียนเก่าจะระบุว่าพม่าได้เผาองค์พระแล้วหลอมทองแล้วนำกลับเมืองไป แต่จากหลักฐานใหม่ที่ถูกค้นพบได้ข้อเท็จจริงว่า หลังจากที่เสียกรุงศรีฯ มีนักรบคนหนึ่งชื่อพระเจ้าตากสินพยายามรวบรวมไพร่พลที่กระจัดกระจายและตีเมืองคืนจากพม่า”

               “ทว่าเมืองหลวงเก่าถูกทำลายไปเยอะแล้วกอปรกับว่าศัตรูได้รู้ทางหนีทีไล่ของอยุธยาเป็นอย่างดี พระองค์จึงทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ใหม่คือ ‘กรุงธนบุรี’ และปราบดาภิเษกตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ที่ธนบุรีไม่มีทรัพยากรอื่นใดไปกว่าทุ่งนา จึงสันนิษฐานว่าพระเจ้าตากสินได้นำทรัพย์สินเก่ามาเป็นวัสดุในการก่อสร้างแปลงเมืองใหม่ค่ะ อย่างวัดภูเขาทองก็ว่ากันว่าได้ใช้รากฐานอิฐหินปูนทรายจากซากวัดเก่าในอยุธยามาก่อสร้างถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นเป็นเพียงหลักฐานที่ไม่ได้มาจากการจดบันทึกค่ะ จึงเป็นเพียงหนึ่งในข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด”

               ไกด์สาวอธิบายยาวส่วนนักเรียนก็ได้แต่นั่งฟังตาปริบ ๆ ดีนไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยอาจจะงงชื่อบุคคลสำคัญและชื่อเมืองเสียหน่อย เขาคิดว่าถัดจากอยุธยาจะมีเมืองหลวงเป็นกรุงเทพฯ เลยเสียอีก และเมื่อเขาถามต่อ ไกด์ก็ร่ายยาวเรื่องประวัติการกู้ชาติของพระเจ้าตากสิน ลามจนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น แล้วยังแถมมาถึงสมัยปัจจุบัน เรียกว่าอิ่มทั้งความรู้และอิ่มทั้งอาหารไปพร้อม ๆ กัน

               @Mackenzie

               เมื่อจบคาบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยหนึ่งศูนย์หนึ่งเรือก็ล่องมาจนถึงแลนด์มาร์คต่อไปคือ ‘วัดไชยวัฒนาราม’ ที่อยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำ สภาพไม่แตกต่างจากวัดมหาธาตุที่เพิ่งผ่านทางมาทั้งรูปแบบของสถาปัตยกรรมและความผุพังเหลือแต่โครงสร้างเพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งคงต้องตามนั้นเพราะว่าวัดมหาธาตุเป็นวัดหลวงที่อยู่เกาะกลางเมืองนี่นะ แต่ว่าวัดไชยวัฒนารามอยู่ที่เกาะรอบนอก



               คุณไกด์อธิบายประวัติความเป็นมาว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นพระราชกุศลแก่พระมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองที่ได้สิ้นพระชนม์ไป จะว่าไปเขาได้ยินชื่อพระมหากษัตริย์พระองค์นี้มาถึงสองครั้งแล้ว หรือที่มาที่ไปของชื่อ ‘ปราสาททอง’ คือการที่ชอบวัดที่เคลือบไปด้วยทองกันนะ? แล้วดีนก็ลองปรับมุมมองใหม่ จินตนาการภาพวัดเบื้องหน้าใส่สีทองเข้าไปก็ทำให้สนุกไปอีกแบบ

               หลังรับประทานของคาวกันเสร็จพนักงานบนเรือก็เสิร์ฟของหวานต่อ ไม่ได้คิดเลยแฮะว่ามีในคอร์สด้วย คุ้มชะมัด
               


               “ของหวานมื้อนี้คือ ‘ทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง’ ค่ะ ของหวานเซ็ตนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดย ‘ท้าวทองกีบม้า’ หรือ ‘มารี กีมา’ เธอเป็นหญิงสาวลูกครึ่งชาวโปรตุเกส-ญี่ปุ่น มีชีวิตอยู่ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ซึ่งถือเป็นยุคทองของอยุธยา ความจริงแล้วขนมสามชนิดนี้ไม่ใช่ขนมไทยแท้แต่เป็นขนมหวานโปรตุเกสที่ท้าวทองกีบม้านำมาประยุกต์กับวัตถุดิบท้องถิ่นที่มี ขนมหวานสามชนิดทำมาจากไข่แดงของไข่เป็ด นำไปเชื่อมกับน้ำตาลค่ะ”

               ‘แม้แต่ของหวานก็ยังเป็นทอง…’

               ดีนคิดในใจ แม้ไม่รู้ว่าระหว่าพระเจ้าปราสาททองกับพระนารายณ์มหาราช พระองค์ไหนมาก่อนกันก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าเมืองไทยสมัยก่อนจะรุ่มรวยไปด้วยทองคำเสียเหลือเกิน แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ชายหนุ่มลองเอาขนมรูปดอกไม้เข้าปาก มันช่างหวานเจี๊ยบถูกใจซะจริง ๆ

               “หวานมาก อย่างอร่อยเลย”

               @Mackenzie

               “หมดแหล่ะ น่าจะนะ”

               ถ้ารู้ว่ามีของหวานคงจะเผื่อกระเพาะเอาไว้หน่อย แต่ไม่เป็นไร แค่ของหวานไม่กี่ชิ้นก็น่าจะกินหมด

               หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นจากการรับประทานอาหารแล้วก็ชมวิวแม่น้ำอีกครู่หนึ่งก่อนที่เรือจะวกกลับมายังท่าน้ำแรกของวัดพนัญเชิง ทั้งสองร่ำลาไกด์สาวและทีมงานก่อนจะแยกตัวออกมาเที่ยวชมวัดพนัญเชิงนิดหน่อยก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่ถัดไป



               “เอาล่ะ ต่อไปวังช้างอยุธยา”

               พอจะได้ไปเจอสัตว์ดีนก็ดูจะกระดี๊กระด๊ามากขึ้นกว่าปกติ เขาปักหมุดสถานที่เอาไว้แล้วให้แมคเคนซีขับพาไป และเมื่อไปถึงคราวนี้ดีนต้องกลับมาทำหน้าที่เป็นไกด์เถื่อนด้วยตัวเอง ความรู้ที่จะมอบให้ไม่มี มีแต่ลากแมคเคนซีไปนั่นมานี่ตลอดเวลา

               “โอ๊ะ การแสดงกำลังจะเริ่มแล้ว ไปดูกันเถอะ!”

               ทั้งสองรีบเดินไปที่ลานแสดงช้างหลังจากที่มาถึงได้ไม่นาน เมื่อจับจองที่นั่งได้แล้วการแสดงก็เริ่มขึ้น ครูฝึกช้างใส่ชุดสีแดงออกมาซึ่งดีนรู้สึกว่าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ตามมาด้วยลูกช้างตัวน้อย แต่ก็พูดว่าน้อยได้ไม่เต็มปาก ช้างน้อยโชว์แรกด้วยการยกขาหน้าขึ้นสวัสดีสองขาเพื่อแลกกล้วยและอ้อย จากนั้นก็เป็นโชว์เล่นลูกบอลและควงห่วงฮูลาฮูปดูน่าเอ็นดู



               จบจากการแสดงช้างน้อยก็ต่อด้วยช้างใหญ่และการแสดงที่ผาดโผนมากยิ่งขึ้นคล้ายกายกรรมเปียงยาง ผู้ฝึกจะปีนป่ายห้อยโหนไปตามงวงช้างจนจบที่ทำหกสูงอยู่บนช้างใหญ่อย่างน่าหวาดเสียว แต่ก็มีโชว์น่ารัก ๆ อย่างเช่นการให้ช้างวาดรูปด้วยเช่นเดียวกัน แล้วมันดันวาดออกมาเหมือนโจทย์ได้เสียด้วยสิ

               “โห ช้างพวกนั้นเก่งเป็นบ้า ฉันอยากรู้แล้วสิ.. หรือว่าครูฝึกช้างจะเป็นบุตรแห่งเทพอะไรสักอย่างที่คุยกับช้างได้หรือเปล่านะ”

               หากเป็นตัวเองก่อนหน้าคงไม่คิดแบบนี้ ทว่าด้วยสายเลือดโพไซดอนที่สามารถคุยกับสัตว์น้ำและม้าได้ด้วยเนี่ยสิ.. จะว่าไปเหมือนจะเคยเห็นเทพฮินดูที่มีหัวเป็นช้างอยู่เหมือนกันนะ เพียงแต่ว่าเขาจำชื่อไม่ได้

               @Mackenzie  

               “ก็ใช่”

               ดูเหมือนว่าเขาอยู่ในโลกแห่งเทพมากไปจนหลงลืมไปว่าปุถุชนคนธรรมดาก็เก่งกาจมีความสามารถเช่นเดียวกันจึงทำได้แค่ยิ้มแหะ ๆ แต่พอแมคเคนซีถามว่าอยากให้อาหารช้างไหมดีนก็ทำตาลุกวาว

               “แน่นอน เอาสิ!”

               เมื่อได้รับการอนุมัติดีนก็ลากมือแมคเคนซีไปยังแถวหน้าของลานแสดงแล้วใช้พ็อกเก็ตมันนี่ซื้ออาหารช้างมาสองชุดใหญ่ ๆ สำหรับตนเองและคนรัก (ที่อาจจะจิ๊กจากอีกฝ่ายอีกทีหลังจากถุงของเขาหมด)

               “มีอะไรบ้างหว่า? กล้วย สับปะรด แตงโม… แล้วนี่อะไร ไม้ไผ่?”

               ทำหน้างง ๆ เพิ่งรู้แหล่ะนี่ว่าช้างไทยกินไม้ไผ่เหมือนกับแพนด้าด้วย ตอนที่เขาไปเท็กซัสเห็นมันกินแต่หญ้าแห้งกับผลไม้ ถึงจะงง ๆ แต่ก็ลองให้มันไปก่อน แล้วเจ้าช้างก็ดูเหมือนจะชื่นชอบเสียด้วย

               @Mackenzie

               “ไม่กลวงจริงด้วย”

               เขามองแท่งปริศนาดุ้นที่สองที่หยิบขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ไผ่แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? สงสัยว่าเขาต้องไปหาข้อมูลเพิ่มจากคนแถว ๆ นี้ ซึ่งนั่นก็คือพี่เลี้ยงช้าง (ควาญช้าง) นั่นเอง

               “พี่ชาย อันนี้คืออะไรน่ะ?” ดีนพูดใส่โทรศัพท์แล้วส่งคำแปลให้ควาญช้างอ่าน

               “นั่นคืออ้อย ที่เอาไว้ทำน้ำตาล ช้างชอบหวาน ๆ” (ภาษาไทย)

               “ขอบคุณ…”

               คำตอบทำให้ชายหนุ่มถึงบางอ้อ เขารู้นะว่าน้ำตาลทำมาจากอ้อยแต่ก็รู้จักเพียงแค่ตัวหนังสือ ส่วนของกินเพิ่งจะเคยเห็นของจริงวันนี้นี่เอง แบบนี้ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเอาไว้สักหนึ่งแช๊ะ

               “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าอ้อยหน้าตาแบบนี้”

               หันกลับมาพูดกับแมคเคนซีระหว่างพินิจแท่งอ้อยอย่างชั่งใจ ความเป็นนักวิทยาศาสตร์กำเริบ ถ้าสิ่งนี้ผลิตน้ำตาลและช้างกินได้โดยไม่ผ่านความร้อนก็แปลว่าคนต้องกินได้โดยไม่เป็นอันตราย เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้วดีนจึงเก็บอ้อยแท่งนั่นลงกระเป๋าแล้วเปลี่ยนให้ผลไม้อย่างอื่นแก่ช้างแทน

               @Mackenzie

               “อือฮึ ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงใช่ไหม ฉันคิดว่าดุ้นนี้น่าจะพอสำหรับเราสองคนนะที่รัก”

               ดีนยิ้มแฉ่ง มัดมือชกให้อีกฝ่ายมาลองของด้วยกันซะเลย จากอาหารที่ซื้อมาให้ช้างเผื่อแผ่แก่ทุกเชือกจนช้างเหล่านี้ต้องเลิฟ ๆ พวกเขาแน่ ๆ ไม่ว่าจะขอบคุณจากใจหรือไม่ แต่ช้างน้อยช้างใหญ่ต่างชูงวงท่าขอบคุณเหมือนในโชว์

               “อืมมมม ขี่ช้างมะ? พ่อกับลุงบอกว่าตอนมาไทยแลนด์ตอนนั้นได้ขี่ช้างด้วย ฉันว่ามันเท่มาก ๆ อยากลองน่ะ”

ราวกับว่าประโยคเชิญชวนมีนัยน์แฝงเป็นประโยคบอกเล่าซ่อนอยู่ ถ้าอีกฝ่ายไม่เอาด้วยเขาก็เหงาแย่น่ะสิ

               @Mackenzie

               “ถ้านายไม่ซนก็ไม่อันตรายหรอกน่า”

               ดีนยิ้มแฉ่ง กับคนที่เลี้ยงลูกสิงโต (นีเมียน) เป็นสัตว์เลี้ยงได้คงไม่มีสัตว์ใดที่น่ากลัวสำหรับเขาอีกต่อไป จนตอนนี้ชักสงสัยในตัวเองขึ้นมาแล้วว่าเรียนเทคโนโลยีชีวภาพมาทำไม ถึงจะกลัวเลือดจนเป็นสัตวแพทย์ไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาก็เรียนสัตววิทยาได้อยู่นี่นา แต่ก็ให้คำตอบแก่ตนเองได้อย่างหนึ่งว่า เขาเพิ่งรู้ว่ามีคณะนั้น (ในมหาวิทยาลัยอื่น) ก็เมื่อตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว

               พออีกฝ่ายรับปากดีนก็ลากตัวแมคเคนซีเดินจ้ำอ้าวไปยังจุดให้บริการขี่ช้างพาเดินเที่ยว พวกเขาต้องขึ้นไปบนบันไดสูง ๆ เพื่อจะขึ้นไปบนตัวช้าง มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพียงแค่หวาดเสียวนิดหน่อย คนจินตนาการล้ำเลิศเล็งไว้ก่อนว่าถ้าเกิดเหตุผิดพลาดจะต้องกลิ้งตัวลงท่าไหนถึงจะบาดเจ็บน้อยที่สุด หากบาดเจ็บขึ้นมาใช้บ่อน้ำเลี้ยงช้างรักษาบาดแผลตัวเองไม่ได้ด้วยสิ น่าจะไม่เข้าข่ายแหล่งน้ำธรรมชาติเสียเท่าไร

               ดีนเป็นคนขึ้นช้างไปก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมือให้แมคเคนซีจับยึดเอาไว้เพื่อขึ้นช้างมาตาม เมื่อพร้อมสำหรับการเดินทางแล้วก็ตั้งวีดีโอถ่ายวล็อกเก็บไว้เป็นความประทับใจเสียหน่อย มันเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ และโคลงเคลง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนไทยสมัยโบราณใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางข้ามเมืองกัน แถมยังมีการรบบนหลังช้างด้วยอีก มันไม่น่าจะง่ายเหมือนต่อสู้บนหลังม้านะ ตอนนี้เขายังนึกภาพตามที่ไกด์เล่าให้ฟังไม่ออก สงสัยพอได้กลับไปต้องไปเสิร์จหาของจริง (ที่เป็นภาพยนตร์) ดูสักหน่อย

               @Mackenzie

               “โธ่ที่รัก ฉันเพิ่งรู้ว่านายเป็นโรคกลัวความสูง นอกจากอาหารเผ็ดนี่ก็เป็นจุดอ่อนของนายสินะ ต้องจดไว้ละ”

               แกล้งพูดเล่นเย้าให้อีกฝ่ายหายเกร็ง ตอนนี้พวกเขาเที่ยวในวังช้าง แล เพนียด จนทั่วแล้วก็ได้เวลาโบกมือลาน้องช้างแล้วไปเที่ยวยังสถานที่ถัดไป

               “อ๊ะ! นึกออกแล้ว ชุดที่พี่เลี้ยงช้างใส่ มันคล้ายก็อบลินเลยนี่หว่า!”

               จู่ ๆ ดีนก็โพล่งออกมาหลังจากก้าวขาออกมาจากวังช้างได้ไม่เท่าไร จากที่เขาเอาแต่ครุ่นคิดอยู่นานสองนานว่าเคยเห็นชุดสีแดงแบบนี้จากที่ไหนกันหว่า ก็ถึงบางอ้อว่ามันคลับคล้ายคลับคลากับตัวที่ร้อง ‘กี้!’ สัญชาติไทยที่เคยประมือด้วยตอนไปกางเต็นท์พักแรมกันที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

               แต่ทำไมก็อบลินถึงใส่ชุดคนเลี้ยงช้างล่ะ? หรือชุดของคนเลี้ยงช้างคือชุดนักรบไทยสมัยก่อน พอประติดเรื่องราวได้ก็ถึงบางอ้อขึ้นมาทันที (แบบคิดเองเออเอง)

               แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน เพราะสถานที่ถัดไปที่จะไปเที่ยวกันคือก็คือ ‘ตลาดน้ำอโยธยา’ ที่เขาว่ากันว่าเมื่อมาเมืองไทยต้องไปเยือนตลาดน้ำสักแห่งให้ได้เพื่อซึมซับวิถีชีวิตชาวไทยภาคกลางสมัยก่อน แม้ช่วงนี้การท่องเที่ยวจะซบเซาแต่ตลาดน้ำยังคงให้บรรยากาศสมัยเก่าได้เป็นอย่างดีแม้พ่อค้าแม่ขายจะแต่งกายสมัยใหม่แล้วก็ตาม แล้วด้วยความที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดตามราชการจึงไม่มีการแสดงในตลาดน้ำซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย



               “ที่นี่ของขายเยอะเหมือนกันแฮะ”

               กำลังคิดว่าจะซื้อของฝากอะไรเพิ่มดีไหมนะ น้องสาวยังไม่ได้ของขวัญวันเกิดเลยด้วย บางทีถ้าซื้อตุ๊กตาไปฝากให้เธอสักตัวอาจทำให้รีชาไม่โกรธที่เขาหายตัวไปนานจนหญ้าแมวที่ซื้อให้ออมเล็ตเคี้ยวเล่นเติบโตจากเมล็ดงอกยาวจนกินได้หลายรอบ แต่เมื่อถามราคาก็แอบรู้สึกตะหงิดใจนิด ๆ

               ‘ค่อนข้างแพงกว่าที่อื่นเยอะเลยแฮะ…’

               @Mackenzie

               “อยากเดินดูก่อนน่ะ” กล่าวไปครึ่งประโยคก่อนจะเข้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ฉันแอบคิดว่าของในนี้แอบแพงกว่าข้างนอกเยอะเลย มันมีเงินซื้ออยู่หรอก แต่อยากลองหาร้านที่ถูกกว่านี้ดู ถ้าไม่มีค่อยวกกลับไปซื้อร้านที่ถูกใจ”

               เคยได้ยินมาหรอกว่าคนไทยชอบชาร์จราคาสินค้าขึ้นเมื่ออยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องจ่ายเงินสองเท่าเพื่อซื้อสินค้าชิ้นเดียว มันเป็นธรรมเนียมไทยที่รู้สึกไม่แฟร์เท่าไรแต่ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้เลยจนต่อต้าน แต่เขาอยากจะเลือกสนับสนุนร้านค้าที่ตรงไปตรงมาไม่แอบขึ้นราคาเฉพาะนักท่องเที่ยว

               และดูเหมือนว่าร้านที่มีราคาติดจะมีแค่ร้านขายของกินในนี้ ระหว่างเที่ยวชมจึงได้ขนมติดไม้ติดมือมากมายทั้งเป็นของฝากและกินเองระหว่างเดินทาง แต่ที่เห็นแล้วประทับใจที่สุดเลยคือ ‘โคล่าใส่ถุงหิ้วพร้อมน้ำแข็ง’ เป็นอะไรที่อะเมซิ่งไทยแลนด์จริง ๆ แล้วต้องเดินมาถึงร้านในสุดถึงได้เจอร้านขายของเล่นที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาสไตล์ไทยในราคาสมเหตุสมผลกว่าต้นตลาด ในร้านขายทั้งตุ๊กตาเด็กผมจุก หญิงไทยร่ายรำ ตุ๊กตาหญิงไทยนั่งกวักมือ ตุ๊กตาตายาย ตุ๊กตาช้าง และมากที่สุดคือตุ๊กตาม้าลาย ซึ่งสร้างความงุนงงแก่ดีนเป็นอย่างมาก

               “ม้าลายเนี่ยนะ? นึกว่ามันเป็นสัตว์ท้องถิ่นแอฟริกาเสียอีก นิยมในไทยด้วยเหรอ?”

               คงคล้ายกับที่คนชอบคาปิบาราอะไรทำนองนั้นมั้ง… เป็นอะไรที่น่าสนใจดี ซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักตัวแล้วก็เอาไปฝากพ่อ (โพไซดอน) ดีไหมนะ?

               @Mackenzie

               “ไม่ได้มีแต่เซรามิกสักหน่อย ดูนี่สิตัวนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ด้วย”

               หยิบตุ๊กตานางรำขึ้นมาตัวหนึ่ง แม้ว่าตัวหุ่นจะทำจากวัสดุที่มีความแข็งและขยับข้อต่อไม่ได้แต่ก็มีชุดไทยให้ซื้อเปลี่ยนเป็นคอลเลกชั่น คงเหมือนตุ๊กตาทหารตัวเล็ก ๆ ที่เขาเคยเล่นตอนเด็กล่ะมั้ง แต่ละคอลเลกชั่นก็จะทำท่าต่างกันแต่ก็เอามาเล่นได้อยู่ดี

               “ถ้าซื้อชุดไทยไปด้วยสักสี่ห้าชุดรีชน่าจะชอบนะนายว่าไหม?”

               ดีนหันไปหาแมคเคนซี ในระหว่างนั้นตุ๊กตานางรำที่ไร้ข้อต่อก็หันหัวไปมองทางแมคเคนซีด้วย

               @Mackenzie  

               “อะ..อ้าว”

               จู่ ๆ ก็ถูกดึงตุ๊กตาสาวชุดไทยออกจากมือไปอย่างรวดเร็วแถมยังถูกพาออกจากร้านขายตุ๊กตาสไตล์ไทยอีกด้วย แม้จะสงสัยแต่ดีนก็ไม่ได้ถาม บางทีอีกฝ่ายอาจจะไปเจออะไรเข้าที่ทำให้พวกเขาพูดกันตรงนี้ไม่ได้ก็ได้มั้ง เช่น สินค้าอาจไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปี… อะไรทำนองนี้

               แล้วเมื่อหยุดเดินพวกเขาก็มาโผล่ตรงหน้าร้านขายขนมและของเล่นวินเทจ ที่พอทราบได้เพราะว่าดีนเห็นลูกอมเปลือกสีเขียวมะนาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดจนลิ้นแตก

               “โอ๊ะ นี่มันลูกอมที่เคยกินตอนเด็กนี่นา ฉันเคยถูกแม่ดุตอนกินลูกอมนี่ด้วย คิดถึงความหลังชะมัด”

               ดีนหยิบห่อลูกอมเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมากะว่าจะซื้อมาอมเล่นระลึกความหลังครั้งยังเยาว์วัยเสียหน่อย แต่ดูเหมือนว่านอกจากลูกอมเปรี้ยวที่เขารู้จักแล้วยังมีขนมอื่น ๆ ที่ไม่รู้จักอีก อย่างเช่นอะไรสักอย่างเป็นแท่งเหมือนไม้ ลูกอมสักอย่างที่มีขนาดพอ ๆ กันกับไข่นกกระทา และอื่น ๆ อีก

               “เราจะซื้อขนมกันเยอะไปไหมนะ?” ดีนพูด แต่เขาก็ยักไหล่แล้ววางถุงลูกอมลงในตะกร้าสำหรับซื้อของ “ดูเหมือนว่าร้านนี้ก็ขายของเล่นเหมือนกันแฮะ”

               เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าหน้าร้านมีหน้ากากพลาสติกรูปหน้าตัวการ์ตูนที่เคยผ่านตาตอนเด็ก (แม้ว่าสัดส่วนบางตัวละครจะไม่ได้ก็เถอะ..) ยิ่งข้างในร้านยิ่งมีของเล่นอีกเพียบ ทั้งรถของเล่นพลาสติก ชุดเครื่องมือหมอ กบไขลาน และอื่น ๆ อีกมากมายที่ดีนทั้งรู้จักและไม่รู้จัก

               “งั้นฉันซื้อของเล่นร้านนี้ให้น้องละกัน ของเล่นย้อนยุคแบบนี้คุณหนูรีชต้องไม่เคยเห็นแน่ ๆ”

               @Mackenzie

               “เพราะมันเปรี้ยวไปนี่แหล่ะแม่เลยมองว่าเป็นอันตราย แต่ว่ามันก็มีเอฟดีเอ (อย.) นี่นา คงไม่อันตรายเท่าไรหรอก ถ้านายว่าตามนั้น งั้นฉันซื้อเยอะ ๆ เลยนะ”

               หยิบขนมที่หน้าร้านใส่ตะกร้าเพิ่มเยอะจนเริ่มพูน กะว่าน่าจะเพียงพอที่จะแจกแก่เด็กทั้งค่ายได้ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปดูโซนของเล่น มีทั้งแบบที่เคยเล่นและไม่เคยเล่น บางอย่างดูจะเป็นของเล่นยุคเก่าก่อนที่เขาจะเกิดมาเสียอีก

               “ได้สิ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ชาร์ล็อตโตแล้วยังเล่นของเล่นอีกเหรอ?”

               ปากพูดไปแต่ตาก็คอยสอดส่องของเล่นที่หญิงสาวอายุสิบเจ็ดจะไม่เบื่อ ดีนได้ของเล่นให้จูลี่ก่อน เป็นสปริงสีรุ้งที่เมื่อก่อนเคยมีให้และซื้อตอนซื้อรองเท้าแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว จากนั้นถึงได้เจอเข้ากับทามาก็อตจิของเล่นยุคเก้าศูนย์ที่แม้ดีนจะเกิดไม่ทันแต่เคยเห็นในคลังสมบัติเก่าของพ่อว่ามีอยู่ตัวนึงแค่เปลี่ยนถ่านก็เล่นได้ใหม่ ส่วนของรีชาให้เป็นสมุดแต่งตัวตุ๊กตากระดาษที่มีชุดให้เลือกเปลี่ยนมากกว่ายี่สิบชุดแทนตุ๊กตาของจริง


               “อันนี้ให้จูลี่ ส่วนนี่ให้ชาร์ล็อต นายว่าไง?”

               @Mackenzie

               “ใช่ เด็กผู้หญิงน่าจะชอบนะเลี้ยงสัตว์ ถ้าเผลอทำมันตายจะได้ไม่ต้องเสียใจมากด้วย ส่วนของจูลี่เล่นแบบนี้ไง”

               หยิบสปริงสีรุ้งขึ้นมาวางไว้บนมือทั้งสองข้างก่อนจะให้มันเด้งซ้ายขวาสลับไปมาระหว่างสองมือ

               “ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบดูมันเด้งลงบันไดมาด้วย เป็นไง นายคิดว่าโอเคไหม? เด็กวัยอย่างจูลี่กับรีชาฉันอยากให้เล่นของเล่นอนาล็อกมากกว่าของเล่นดิจิตัลน่ะ”

               เด็กที่อยู่ในวัยกำลังพัฒนาทั้งร่างกายและสมองควรได้เล่นเชิงกายภาพมากกว่าจ้องหน้าจออะไรสักอย่าง แม้ว่าในค่ายจะไม่ค่อยมีหน้าจอให้จ้องนอกจากคอมพิวเตอร์บ้านเฮอร์มีสก็เถอะ ส่วนชาร์ล็อตโตเป็นสาวแล้ว ให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสักนิดสักหน่อยบ้างก็ดี เวลาออกจากค่ายไปจะได้พอใช้ชีวิตในโลกดิจิตัลนำสังคมได้บ้าง

               “แล้วเด็กชายแมคเคนซีล่ะ อยากได้อะไรกลับไปเล่นบ้างไหม?”

               @Mackenzie

               “อุ๊..”

               พอถูกเรียกว่า ‘พี่ดีน’ ก็รู้สึกว่าหมอนี่น่ารักขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้าเป็นแฟนกวนตัวเป็นผัวกวนตีนมาตลอดแท้ ๆ ดีนจึงยิ้มย่องก่อนจะตั้งใจเลือกของเล่นให้ ‘น้องแมคซี่’ อย่างตั้งใจ

               “ได้สิ เดี๋ยวพี่เลือกให้เอง เชื่อมือได้เลยน้อง!”

               แล้วชายหนุ่มก็เดินวนอยู่รอบชั้นของเล่นอยู่สามสี่รอบ พินิจพิเคราะห์ถึงความเข้ากันกับผู้ให้จนในที่สุดก็ได้ของเล่นให้กับแมคเคนซี

               “นี่ ฉันเลือกให้นายได้แล้วที่รัก แต่นแต๊น! หมางับนิ้ว!!”


               @Mackenzie

               “ไม่พังหรอกน่า อะไรกัน คุณหนูแมคซี่ไม่เคยเล่นหมางับนิ้วหรือไง?”

               ถ้าอีกฝ่ายไม่เคยเล่นของเล่นชนิดนี้ก็แปลว่าดีนเลือกถูกแล้วที่จะซื้ออันนี้ให้แมคเคนซี ชายหนุ่มจึงสาธิตวิธีการเล่นของเล่นกิจกรรมหมู่ให้ดู

               “นี่ มันเล่นแบบนี้ ผลัดกันจิ้มฟันหมาคนละซี่ ถ้าหมางับนิ้วก็ถือว่าแพ้”

               เขาจิ้มฟันหมาทีละซี่จนเกือบหมดปากหมาถึงได้หุบปากลงมางับนิ้วมือ

               “ถ้าเล่นด้วยกันหลาย ๆ คนก็น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ เผื่อวันไหนที่อยู่กันครบ ๆ ฉัน นาย รีช ชาร์ล็อต จูลี่ แล้วเราเอามาเล่นด้วยกันนะ”

               ยิ้มแฉ่งก่อนจะเอาของเล่นหมางับนิ้วใส่ลงตะกร้าไปอีกอันจนตอนนี้ตะกร้าพลาสติกแทบจะล้นทะลักไปด้วยขนมวินเทจและของเล่นยุคเก้าศูนย์ ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ในตอนแรกของการเดินทาง แมคเคนซีจ่ายค่าท่องเที่ยวส่วนดีนออกเงินค่าของฝาก

               “นายมีอะไรในตลาดน้ำที่อยากซื้อไปฝากครอบครัวไหม? ถ้าไม่รู้ไซส์งั้นก็เอาแบบที่ฟรีไซส์ได้ไหมล่ะ เหมือนที่ผ่านทางมาจะมีผ้าพันคอหรือว่าหมวกสวย ๆ อยู่นะ”

               @Mackenzie

               “ไม่เจ็บ มันเป็นของเล่นต้องไม่เป็นอันตรายสิ”

               ถึงนิ้วจะเป็นรอยนิดหน่อยก็เถอะ แต่ว่าไม่แสบไม่คันเลยสักนิด พอแมคเคนซีบอกขอกลับไปดูของฝากหน่อยดีนก็เดินตาม เขาซื้อของฝากให้ครอบครัวมนุษย์ไปแล้วที่จังหวัดก่อนหน้าเลยไม่ได้เลือกซื้อของฝากเพิ่มไปกว่านี้

               “เปลี่ยนสิ นายจำเทพีอะโฟร์ไดท์ได้ไหม ตอนรับเควสกับตอนส่งเควสเธอใส่ชุดคนละชุดกันนะ”

               ภาพเทพีแห่งความรักในชุดเดรสสีแดงยังคงติดตรึงในความทรงจำ หากเขาเป็นกระจกวิเศษแล้วถูกราชินีใจร้ายถามว่า ‘กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี’ เขาจะตอบว่า ‘ก็เทพีอะโฟร์ไดท์ไงเล่าราชินี’ แล้วให้นางทั้งสองไปตบตีกันเองสโนว์ไวท์ก็จะปลอดภัย…

               ดีนมองไปที่ชุดเดรสลายดอกที่แมคเคนซีหยิบขึ้นมาก่อนจะนึกภาพย้อนไปถึงเทพีเฮคาทีที่เขาเคยพบในความฝัน แม้จะพยายามจินตนาการเอาเทพีแห่งมนตรามายัดใส่ชุดลายดอกมากเท่าไรแต่เขากลับจินตนาการภาพนั้นไม่ออก ถึงชุดที่แมคเคนซีหยิบมาจะสีเข้มก็เถอะ

               จะว่าไป… เขาต้องซื้อของฝากให้แม่แฟนด้วยไหมเนี่ย ความจริงถ้าจะทำคะแนนบวกมันก็ต้องตอนนี้ล่ะนะ เขาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ มุมขายเครื่องประดับแล้วพยายามเล็งให้เข้ากับชุดที่แมคเคนซีเลือกสรร

               “นายเลือกชุดนี้เหรอ เดี๋ยวฉันหาเครื่องประดับเข้าชุดให้”

               @Mackenzie

               “โอเคเลยที่รัก ฉันว่าสร้อยเส้นนี้น่าจะเหมาะนะ”

               ดีนเลือกสร้อยคอหินสีดำมาเส้นหนึ่งที่ประดับไปด้วยโลหะลายไทยเป็นบางช่วง ถ้าประเมินจากราคาคงไม่ใช่อัญมณีล้ำค่าอะไร แต่มันก็เรียบหรูดูดีไม่แพ้สร้อยคอหรูที่ขายในช็อปแบรนเนม หวังว่าเทพีจะไม่ถือสากับของราคาถูก เพราะมันก็เป็นแค่ของฝากจากไทยแลนด์เอง

               ทั้งคู่เลือกซื้อของฝากกันอีกครู่หนึ่งถึงได้ออกจากตลาดน้ำอโยธยา เป้าหมายของวันนี้คือการขับรถกลับไปที่กรุงเทพแล้วก็คืนรถเช่าที่สนามบินดอนเมือง บางทีพวกเขาอาจจะพักโรงแรมเดิมใกล้สนามบินเหมือนกับตอนขามาที่ต้องแสตนบายก่อนออกเดินทาง แต่กว่าจะไปถึงกรุงเทพเนี่ยสิรถอย่างติด พวกเขาติดแหงกอยู่แถว ๆ ปทุมธานีร่วมชั่วโมง นี่ขนาดว่ายังไม่เข้าไปถึงเมืองหลวงดีนะ สมคำร่ำลือว่าเป็นประเทศรถติดจริง ๆ ระหว่างที่รถไม่ขยับเขาถึงเอาขนมที่เหมือนกับเส้นผมบลอนด์ห่อแป้งมากินเล่นรองท้องฆ่าเวลา

               เมื่อมาถึงโรงแรมพวกเขาเช็คอินเข้าพักเพื่อขนย้ายสัมภาระออกจากรถยนต์ก่อน ขามามีแต่ตัวกับกระเป๋าหนึ่งใบ (และอาวุธพิฆาตอสุรกาย) ส่วนขากลับได้ของฝากกลับมาเพียบจนแทบแบกไม่ไหว พวกเขายังเหลือวันเที่ยวอีกตั้งหนึ่งวันคงต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรกับพัสดุพวกนี้ดี บางทีอาจต้องเอาฝากไว้ในล็อกเกอร์ฝากของที่สถานีรถไฟ… หวังว่าจะมีให้ฝากนะ

               พอเช็คอินและเคลียร์ของออกจากรถหมดแล้วก็พารถคู่ใจไปเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนจะส่งคืนและจ่ายเงินค่าเช่าส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย

               “ฟู้ว พรุ่งนี้ต้องเที่ยวแบบเดินเท้าแล้วสิ จะว่าไปเที่ยวแบบมีรถนี่ก็สะดวกดีเนอะ ดีนะที่ไทยไม่ค่อยมีอสุรกายมากเท่าไร ไม่งั้นนะบันเทิงแน่ ๆ”

               แมคเคนซีต้องได้เห็นตอนที่ไปทำภารกิจตามหาตรีศูลของโพไซดอน ตอนนั้นน่ะได้ขับรถหนีอสุรกายกันทุกวันเช้าสายบ่ายเย็นเลยจริง ๆ

               @Mackenzie  

               “ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดจนติดอันดับโลกอยู่แล้ว ต้องทำใจแหล่ะที่รัก เที่ยวในเมืองวันพรุ่งนี้พวกเราใช้รถไฟฟ้ากันดีกว่า”

               นั่งลงข้างเตียงก่อนจะหยิบแผนการเที่ยววันพรุ่งนี้ขึ้นมาดู

               “พรุ่งนี้ส่วนใหญ่ไปเที่ยววัดกับเดินชมไชน่าทาวน์สินะ.. จะว่าไปเราไม่ได้ชมความศิวิไลของเมืองหลวงเลย นายว่าถ้าเพิ่มโปรแกรมเที่ยวห้างไปอีกสักหนึ่งที่จะดีไหม กลับค่ายไปช้านิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง คงไม่จู่ ๆ มีภารกิจโลกแตกมาอีก..”

               ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามีภารกิจแบบนั้นอีกจะเป็นยังไง ที่แน่ ๆ ถ้าสถานะโลกแห่งเทพไม่ปลอดภัยป่านนี้รีชาหรือซันซ์น่าจะเฟซคอลผ่านเครือข่ายไอริสมา แล้วคนก่อเรื่องก็อาจจะเป็น… ไม่ ๆ ไม่อยากคิด

               “ถ้ามีภารกิจโลกแตกมาอีกคราวนี้ฉันจะหนีไปสุดขอบโลกกับนายเลย”

               ดีนหัวเราะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำแบบนั้นจริง ๆ ก็ได้นะ

               @Mackenzie

ภารกิจเที่ยวไทยแลนด์: ถ่ายรูปภาพจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
[5/5]

@God


แสดงความคิดเห็น

38. Gifts For My FamilyM [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] หลังจากตื่นมาทำธุระส่วนตัวและทานมื้อเช้าแล้วพวกเขาก็ออกเดินทางไป  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-9-22 19:39
โพสต์ 105041 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2024-9-19 10:56
โพสต์ 105,041 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-9-19 10:56
โพสต์ 105,041 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-9-19 10:56
โพสต์ 105,041 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-9-19 10:56
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-9-22 19:39:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-9-22 21:07
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-9-19 10:56
210Thailand P.10 - พระนครศรีอยุธยา
               ออกเดินทางตั้งแต่ ...

38. Gifts For My Family
M

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังจากตื่นมาทำธุระส่วนตัวและทานมื้อเช้าแล้วพวกเขาก็ออกเดินทางไปยังจังหวัดอยุธยากันต่อ ดูเหมือนว่าดีนจะจองแพ็คเกจล่องเรือชมเมืองเอาไว้ แมคเคนซีจึงต้องขับรถแบบทำเวลาเพื่อไม่ให้ไปถึงเกินเวลานัด โดยเขามาจอดรถไว้ที่วัดพนัญเชิงซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือ และก่อนที่จะเริ่มนั่งเรือทัวร์รอบเมือง ดีนก็ส่งกล้องมาให้เซลฟี่รูปของทั้งคู่เอาไว้

“ใส่เสื้อคู่แบบนี้ก็ดีนะว่าไหม”

พอดูรูปจากกล้องถ่ายรูปแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย นี่คือเสื้อที่พวกเขาซื้อด้วยกันก่อนจะขึ้นรถไฟจากลอนดอนมาที่ประเทศไทย ในที่สุดก็ได้ใส่เสียที ดูดีไม่หยอก เห็นแบบนี้แล้วยิ่งอยากซื้อเสื้อคู่มาใส่อีกสักสองสามชุด

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อยากเห็นคอลเลคชั่นใหม่ไว ๆ เลย”

คุยกระหนุงกระหนิงกันไปได้ไม่นานก็ถึงเวลาเรือออก รอบนี้ไกด์ที่นำเที่ยวพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว พวกเขาจึงไม่ต้องลำบากใช้แอปพลิเคชั่นแปลภาษาเหมือนครั้งก่อน เริ่มแรกเธอเล่าถึงประวัติของชื่อวัดที่แมคเคนซีฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยไม่เข้าใจว่าแต่ละชื่อมีความหมายต่างกันอย่างไร แต่ก็เข้าใจได้ว่าภาษาไทยนั้นมีทั้งรูปเสียงและพยัญชนะสูงต่ำมากมาย อาจจะแตกต่างกันที่ตรงนี้ก็เป็นได้

ถึงวันนี้จะอากาศร้อนนิดหน่อย แต่การได้นั่งล่องเรือชมสิ่งปลูกสร้างสองฝั่งแม่น้ำก็เพลิดเพลินดี จากที่ดีนเล่าให้ฟังว่าจังวัดอยุธยาเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศไทยในสมัยก่อนเช่นเดียวกันกับจังหวัดสุโขทัย ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าชาวไทยในสมัยก่อนเดินทางสัญจรกันโดยใช้เรือเป็นพาหนะหลัก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ระหว่างนั่งชมวิวตามแม่น้ำไปเรื่อย ๆ ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน แล้วก็ถึงกับมองค้างให้กับความน่าทานของอาหารตรงหน้า มีส่งหนึ่งที่แมคเคนซีจำได้แม่นก็คือต้มยำกุ้งที่เห็นแล้วก็รู้สึกแสบปากแสบคอไม่หาย เขาฟังไกด์แนะนำอาหารทีละอย่าง เหมือนว่ามื้อนี้จะมีกุ้งเป็นวัตถุดิบหลัก แต่ปลาทอดตัวโตที่มีชื่อเรียกว่า ‘ปลากระพงทอดซอสมะขาม’ ก็น่าทานไม่แพ้กัน

“ไม่เผ็ดแน่นะ ?”

เขาถามซ้ำเมื่อดีนแนะนำ ‘ยำถั่วพูกุ้งสด’ ที่เพิ่งทานไป สีน้ำราดไม่ต่างจากต้มยำกุ้งนักเลยยังไม่ค่อยอยากวางใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ลองตักมาเล็กน้อยแล้วทานคู่กับข้าว

“ฮื่อ…เผ็ดนิดหน่อย แต่อร่อย”

แมคเคนซีพยักหน้าหงึกหงัก จะว่าไม่เผ็ดเลยก็ไม่เชิง แค่ว่าเผ็ดในระดับที่เขาทานได้ จากนั้นก็ตักปลาทอดแบ่งใส่จานให้ดีนแล้วตักให้ตนเองต่อก่อนจะลองชิมดู

“ปลาทอดนี่ก็อร่อย ซอสออกหวาน ๆ เค็ม ๆ ดี”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ได้ แต่ต้มยำกุ้งนั่นฉันไม่แน่ใจ”

เพยิดหน้าไปที่ชามต้มยำกุ้งซึ่งยังไม่มีใครแตะต้อง แน่นอนว่าเขารอให้ดีนเปิดก่อน

“ก็…คล้าย ๆ แต่ฉันว่าซอสนี่มีกลิ่น…แล้วก็รสชาติของอะไรบางอย่าง”

พออีกฝ่ายพูดถึงวูสเตอร์ซอส แมคเคนซีจึงลองใช้ช้อนแตะซอสมาชิมอีกรอบ ถ้าจำไม่ผิดไกด์แนะนำว่า ‘ซอสมะขาม’ เพราะอย่างนั้น กลิ่นกับรสที่ว่าก็อาจจะมาจากมะขามก็เป็นได้

ยังไม่ทันจะได้ลองชิมกุ้งเผา ไกด์ก็แนะนำว่าให้ลองชิมมันกุ้งกับน้ำจิ้มซีฟู้ด แมคเคนซีจึงตักมันกุ้งมาคลุกกับข้าวแล้วตักเนื้อกุ้งเผาส่วนนึงมาก่อนจะราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดสีเขียวคล้ายซอสเพสโต้ดู

“แค่ก ! ซอสนี่เผ็ด แต่กินกับกุ้งเผาแล้วอร่อยชะมัด”

ถึงกับไอออกมาเล็กน้อยเมื่อเจอรสเผ็ดจัดจ้านของน้ำจิ้มซีฟู้ดเข้าไปแต่ก็ยอมรับว่าน้ำจิ้มชนิดนี้เข้ากับกุ้งเผาได้ดีสุด ๆ แมคเคนซียกนิ้วโป้งขณะหยิบแก้วมาดื่มน้ำจนเกือบหมดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ใช่ไหมล่ะ เผ็ดแต่อร่อย”

เห็นดีนที่มีท่าทางลังเลแต่แรกยอมทานมันกุ้งก็ยิ้มทั้งที่หน้ายังแดงอยู่ เขาไม่ใช่นักชีววิทยาเหมือนอีกฝ่าย อะไรที่คิดว่าตนเองทานได้และดูน่าอร่อยก็เอาเข้าปากหมดแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“จริงนะ ? ถ้าเผ็ดฉันยกให้นายทั้งชามจริงด้วย”

แมคเคนซีจด ๆ จ้อง ๆ ต้มยำกุ้งอยู่สักพักก็ตักน้ำซุปเล็กน้อยกับเห็ดมาลองชิมดู

“ไม่ค่อยเผ็ดจริง ๆ ด้วย เหมือนว่าที่นี่จะออกหวานกว่านิดนึงหรือเปล่านะ”

พอรู้ว่าทานได้ คราวนี้ก็ตักกุ้งมาทานคู่กับน้ำซุปด้วยเลย

“เสียดายไม่มีออมเล็ตไทย กินกับต้มยำอร่อยมาก”

ทานไปคุยไป รู้ตัวอีกทีข้าวก็จะหมดจานแล้ว แต่กับข้าวยังเหลืออยู่เลย ถ้าได้เติมข้าวสักหน่อยก็คงดี

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อืม…แต่ก็ยังรสจัดอยู่ดี คนไทยชอบกินรสจัดงั้นเหรอ”

ขณะกำลังจะทานปลาทอดเล่น ดีนก็บอกว่ามีข้าวให้เติมซะก่อน คนที่ยังไม่อิ่มดีเรื่องอะไรจะปฏิเสธ แมคเคนซีรีบพยักหน้ารับทันที

“เติมสิเติม ฉันนึกว่าไม่มีข้าวให้เติมแล้วซะอีก นายนี่ตาดีจริง ๆ”

เอ่ยชมคนรักแล้วตักข้าวจากในโถมาใส่จานแล้วลงมือทานต่อ  อาจเป็นเพราะอาหารมื้อนี้อร่อยถูกใจด้วยก็เลยเจริญอาหารเป็นพิเศษ ไม่นานนักข้าวจานที่สองก็หมดลง คราวนี้ถึงได้อิ่มจริง ๆ สักที

“เฮ้อ…อิ่มมาก พุงฉันป่องไปหมดแล้ว”

แมคเคนซีขยับเอนตัว เรียวแขนข้างนึงเท้าไปด้านหลังส่วนอีกข้างก็ลูบท้องตนเองป้อย ๆ ถ้าตอนนี้นอนพร้อมกับฟังไกด์พูดต่อได้ก็คงจะทำไปแล้ว

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ถึงจะหนังท้องตึงจนหนังตาหย่อนแค่ไหนแต่ถ้าหลับไประหว่างที่ไกด์กำลังแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ก็คงเป็นเรื่องเสียมารยาท แมคเคนซีจึงเท้าคางค้ำไม่ให้ศีรษะตนเองจุ่มลงไปกับโต๊ะอาหาร พลางฟังเจ้าหนูจัมมัยอย่างดีนคอยถามคำถามไกด์สาวที่ตอบได้อย่างคล่องแคล่วฉะฉานไปด้วย จนอดคิดไปไม่ได้ว่านี่พวกเขากำลังอยู่ในคาบเรียนเลคเชอร์ประวัติศาสตร์ชาติไทยหรือยังไงกัน

แม้ว่าดีนจะมีคำถามมากมาย แต่สำหรับแมคเคนซีแล้วเขาชอบเป็นผู้ฟังมากกว่า เพราะอย่างนั้นจึงแทบไม่ได้ยินเสียงเขาตลอดการสนทนาระหว่างคนรักของเขากับไกด์สาวเลย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

เรือล่องผ่านจากจุดนึงไปยังอีกจุดนึงซึ่งก็คือวัดไชยวัฒนาราม แมคเคนซีมองไปตามซากปรักของสิ่งก่อสร้างที่ตอนนี้น่าจะถือว่าเป็นโบราณสถานได้แล้ว และเมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารหน้าตาแปลกตาวางอยู่

“ยังไม่หมดอีกเหรอ”

ถึงกับตาโต เขานึกว่าจะไม่มีของหวานแล้วเลยทานของคาวไปซะเต็มที่ แต่พอได้ยินที่ดีนบอกว่าหวานมากแล้ว…บางทีที่เขาทานอาหารคาวจนอิ่มอาจเป็นเรื่องที่ดีก็ได้

“อื้อหือ…หวานจริง นายน่าจะกินหมดใช่ไหม”

ถึงอย่างนั้นก็ลองดูสักหน่อยเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอา แต่ก็อย่างว่า…คนที่ไม่ปลื้มอาหารหวานจัดอย่างแมคเคนซี พอทานทองหยอดไปได้คำเดียวก็ต้องหยิบนำมาดื่มด้วยรสหวานที่ทำให้แสบคอ สุดท้ายแล้วของหวานในมื้อนี้ทั้งหมดก็ยกให้ดีนจัดการอีกจนได้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีรู้ว่าดีนมีกระเพาะแยกไว้สำหรับของหวานโดยเฉพาะเสมอ และครั้งนี้เองก็เช่นกัน ขนมทั้งสามทองได้เข้าไปอยู่ในท้องของอีกฝ่ายเรียบร้อย จากนั้นก็นั่งเรือชมวิวรมแม่น้ำไปเรื่อย ๆ จนกลับมายังที่ท่าเรือเดิมตรงวัดพนัญเชิง หลังจากที่เดินชมวัดต่ออีกเล็กน้อยพวกเขาก็เดินทางกันต่อมายังที่ ‘วังช้างอยุธยา’

และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมาถูกเวลาเสียด้วย เพราะตอนนี้กำลังจะเริ่มมีการแสดงช้างพอดี แมคแคนซีถูกดีนที่กลายร่างเป็นเด็กน้อยทุกครั้งที่จะได้เห็นสัตว์พามานั่งตรงที่ลานแสดงช้าง พอคิดดูแล้วก็ให้อารมณ์พาลูกมาสวนสัตว์ดี

“ไม่ล่ะมั้ง คนที่ฝึกสัตว์เก่ง ๆ ก็มี นายอยากให้อาหารช้างไหม เมื่อตอนเดินมาเหมือนฉันเห็นมีที่ให้อาหารช้างด้วย”

แมคเคนซียิ้มเล็กน้อยกับความคิดของดีนแล้วส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว แต่เขาก็คิดว่ามนุษย์เองก็มีทักษะต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมเช่นกันและเรื่องฝึกสัตว์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนจะถามอีกฝ่ายเรื่องให้อาหารช้าง เขาคิดว่าถ้าดีนได้ใกล้ชิดกับช้างมากขึ้นคงตื่นเต้นไม่น้อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“เฮ้ ! เดี๋ยว ฉันหมายถึงแค่นาย”

แมคเคนซีรีบบอกแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้วเมื่อเขาถูกดีนจูง (กึ่งลาก) มายังหน้าลานแสดงแล้วซื้ออาหารสำหรับช้างสองชุดเสร็จสรรพ เขาไม่ได้รังเกียจที่จะให้อาหารช้างแต่พอคิดว่าเมื่อยื่นผลไม้ที่เป็นอาหารให้แล้วเกิดช้างงับมือเขาไปด้วยก็คงขนลุกน่าดู เลยเอาเป็นว่าเขาถือผลไม้คอยส่งให้คนรักป้อนช้างต่ออีกทอดดีกว่า

“มันใช่ไผ่เหรอ แบบว่าถ้าเป็นไผ่ข้างในมันจะกลวง ๆ ไหม แต่อันนี้ไม่กลวงนะ”

พอดีนทักขึ้นมาก็เริ่มสงสัยตาม แมคเคนซีพลิกลำต้นปริศนานั้นดู มันเป็นลำต้นตันและเป็นปล้อง ๆ คล้ายไผ่แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะลำต้นไม่กลวงอย่างที่เขาเคยเห็น แถมตอนที่จับก็เหมือนจะชุ่มน้ำและเหนียวมือแปลก ๆ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีที่ยื่นหน้ามาดูคำแปลที่หน้าจอมือถือด้วยเมื่อรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาสงสัยคืออะไรก็ถึงบางอ้อ

“ไม่น่า เจ้าพวกช้างถึงได้กินเอา ๆ นี่…อย่าบอกนะว่านายจะเก็บกลับไปลองชิม”

สายตาเหลือบไปเห็นดีนเก็บอ้อยแท่งนึงเข้ากระเป๋าพอดี หมอนี่สงสัยถึงขนาดจะเอาอาหารช้างไปลองชิมเลยหรือไง

“แล้วเราจะไปตรงไหนกันต่อ”

แมคเคนซีหยิบทิชชู่มาเช็ดมือเมื่อส่งผลไม้ให้ดีนป้อนช้างจนหมดและหยิบทิชชู่ให้อีกฝ่ายด้วย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“มันแข็งขนาดนั้นจะแทะเขาไปได้ยังไง”

คิดไวแล้วไม่มีผิด แต่คำว่า ‘เราสองคน’ นี่หมายความว่าเขาต้องชิมด้วยงั้นเหรอ ไม่ ๆๆ เขาไม่ได้มีฟันที่แข็งแรงเหมือนช้างสักหน่อย ถ้าแทะอ้อยนี่ไปฟันเขาน่าจะหักก่อนวัยชรา

“หา ? ขี่ช้างเนี่ยนะ”

ยอมรับว่าแต่ละเรื่องที่ดีนเสนอมาตอนนี้ทำเอาแมคเคนซีตาโตอ้าปากค้างได้ตลอด อ้อยก็เรื่องนึงแล้ว นี่จะขี่ช้างที่ตัวใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ แต่ถ้าพ่อและญาติผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายเคยขี่มาแล้วก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง

“เอ่อ…ถ้าไม่อันตรายละก็ ลองดูก็ได้”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ถึงดีนจะยิ้มแบบนั้นแต่แมคเคนซีก็ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ เขามั่นใจล่ะว่าหากขึ้นไปนั่งบนหลังช้างแล้วตนเองจะไม่ซนแน่ ๆ แต่ถ้าเกิดอากาศร้อนแล้วช้างคลั่งขึ้นมาล่ะ บ้าจริง…มันต้องไม่เกิดเรื่องแบบนั้นสิน่า

หลังจากที่พากันปีนขึ้นไปบนบันไดสูงแล้ว แมคเคนซีก็จับมือดีนที่ขึ้นไปนั่งบนหลังช้างก่อนหน้านั้นแล้วไปนั่งตำแหน่งข้าง ๆ จะว่ายังไงดี มันไม่เหมือนการขี่ม้าสักเท่าไหร่ ถึงจะไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วแต่ก็โคลงเคลงไปมา แมคเคนซีจึงโอบเอวดีนที่กำลังถ่ายวล็อคไว้กันตก จนเมื่อครบรอบแล้วก็ลงมาจากหลังช้างกัน

“ให้ตายสิ ฉันไม่ได้ดูวิวเลย”

มัวแต่พะวงเรื่องจะตกหลังช้าง แมคเคนซีเลยลืมสนใจเรื่องอื่นไปซะสนิท

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

"ก็อบลิน ?”

แมคเคนซีทวนเมื่อได้ยินชื่ออสุรกาย เขาเอาแต่ต่อสู้จนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเจ้าพวกนั้นใส่เสื้อผ้าแบบไหน หรือจะมีแค่ดีนกันนะที่ใส่ใจรายละเอียดขนาดนั้น

จากนั้นพวกเขาก็ไปยังที่ต่อไปนั่นคือ ‘ตลาดน้ำอโยธยา’ จากที่ลองออกเสียงดูแล้วคำว่า ‘อโยธยา’ คงเป็นอีกชื่อเรียกของอยุธยาละมั้ง ที่นี่ต่างจากตลาดที่พวกเขาไปเดินมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีของขายมากมายแต่จุดสนใจของที่นี่ก็คือการพายเรือขายของนั่นยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้แมคเคนซียิ่งขึ้นว่าสมัยก่อนชาวไทยใช้เรือเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางแน่นอน

“นั่นสิ นายอยากได้อะไรไหม”

ถามพลางเดินดูร้านนั้นร้านนี้ไปเรื่อยจนดีนเหมือนจะถูกใจตุ๊กตาเจ้านึง แต่พอถามราคาแล้วกลับไม่ซื้อซะอย่างนั้น

“ไม่มีแบบที่ชอบเหรอ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อ้อ…โอเค”

พอฟังเหตุผลดีนแล้วก็พยักหน้าเข้าใจ หากได้ของแบบเดียวกันที่ราคาถูกกว่านั่นก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่แล้ว ดังนั้นแมคเคนซีจึงเดินตามคนรักไปและถือโอกาสดูของได้วยเลย ซึ่งก็ไม่เสียเที่ยว พวกเขาซื้อขนมกันมาเยอะแยะ และที่แมคเคนซีอยากลองทานมากที่สุดก็คือขนมที่ชื่อว่า ‘โรตีสายไหม’ เพราะกลิ่นแป้งที่ทำสุกจนหอมใหม่ ๆ ที่แม่ค้าทำกันให้เห็นจะ ๆ นี่แหละ

ดูเหมือนว่าดีนจะเจอร้านตุ๊กตาที่พูดถึงแล้ว จะว่าไปตุ๊กตาเซรามิกพวกนี้ก็ดูเป็นไทย ๆ ดี แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน

“นายจะซื้อตุ๊กตาพวกนี้ไปฝากรีชเหรอ เด็ก ๆ เล่นตุ๊กตาเซรามิกด้วยงั้นเหรอ”

แมคเคนซีลูบคางไปมาพลางมองตุ๊กตาด้วยความสงสัย เขานึกว่าเด็ก ๆ จะชอบตุ๊กตายัดนุ่นขนปุกปุยเสียอีก ส่วนตุ๊กตาเซรามิกน่าจะเหมาะกับเอาไว้ตั้งโชว์มากกว่า

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ฉันว่ารีชคงจะ……”

จากที่คิดว่ารีชน่าจะชอบเพราะคงคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ที่เด็กผู้หญิงชอบเล่น แต่พอสบตาเข้ากับตุ๊กตานางรำในมือดีนแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ เขาหยิบตุ๊กตาออกจากมือคนรักวางลงที่เดิมทันที

“ฉันว่าเราซื้ออย่างอื่นไปฝากรีชดีกว่า”

ไม่ว่าเปล่ายังดึงมือดีนให้พ้นออกมาจากร้านขายตุ๊กตาพวกนั้นด้วย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ทำไมนายถึงโดนแม่ดุ กินเยอะไปงั้นเหรอ”

พออีกฝ่ายพูดถึงวัยเด็กก็เกิดสนใจขึ้นมา ดีนในวัยเด็กจะซุกซนแค่ไหนกันนะ

“ซื้อไปเถอะ ไม่หมดก็แบ่งคนอื่น เราไม่ได้มาที่นี่กันบ่อย ๆ”

แมคเคนซีหลุบตามองของในตะกร้าที่ดีนเลือกไว้ ส่วนตัวเขานั้นแม้จะไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี

“ฝากเลือกให้จูลี่กับชาร์ล็อตด้วยสิ“

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกลูกอมแบบนี้จะยิ่งใส่น้ำตาลเยอะ เหมือนกับดาร์คช็อกโกแลตที่ตอนกินถึงจะมีรสขมแต่กลับใส่น้ำตาลเยอะกว่าช็อกโกแลตปกติหรือช็อกโกแลตนมซะอีก”

ซึ่งถ้ามันเป็นจริงอย่างที่เขาเคยได้ยินมาก็แปลว่าดีนกินรสหวานจัดมาตั้งแต่เด็ก ให้ตายสิ หมอนี่รอดมาจนถึงตอนนี้โดยที่ยังไม่เป็นเบาหวานไปก่อนได้ยังไง อาจจะเพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอละมั้ง

“ไม่รู้สิ อาจจะเล่นอยู่บ้าง ที่จริงก็อยากซื้อเสื้อผ้าไปฝากเธอเหมือนกันแต่ฉันไม่รู้ไซส์”

อย่างชุดชาวเขาที่เห็นตอนไปภาคเหนือก็คิดว่าน่ารักดี แต่ถ้าซื้อไปแล้วชาร์ล็อตใส่ไม่ได้คงน่าเสียดาย ส่วนที่นี่แมคเคนซีก็เห็นมีร้านให้เช่าชุดไทยอยู่ เห็นนักท่องเที่ยวใส่ถ่ายรูปกันเยอะแยะ แต่หากให้ชาร์ล็อตใส่ชุดไทยอยู่ที่ค่ายก็ดูจะเป็นจุดเด่นไปหน่อย

“โอ้ ดูเหมาะกับทั้งคู่ดีนะ ของชาร์ล็อตคือเกมเลี้ยงสัตว์ที่เคยฮิตเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม แล้วของจูลี่…มันเล่นยังไง”

ดวงตาสีฮาเซลมองสปริงพลาสติกของเล่นอย่างสงสัย ของแบบนี้เอามาเป็นของเล่นได้ด้วยเหรอเนี่ย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีมองสปริงสีรุ้งเด้งสลับไปมาระหว่างมือทั้งสองข้างของดีนแล้วพยักหน้า

“ก็โอเค สีมันสวยดี ไว้นายลองเอาไปเล่นตรงบันไดให้ดูบ้างสิ”

เขาค่อนข้างเห็นด้วยกับดีนเรื่องของเล่นของเด็ก ๆ คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ให้ช่วยเลือกให้

“ฉันเหรอ อืม…เลือกไม่ถูกเลย พี่ดีนช่วยเลือกให้บ้างได้ไหม”

พอถูกเรียกว่า ‘เด็กชาย’ ก็หลุดยิ้มเล็กน้อย เลยตบมุกไปด้วยการเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’ ซะเลย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ดูท่าดีนจะชอบใจที่ถูกเรียกพี่ไม่น้อย อายุมากกว่าเขาแค่ไม่กี่ปีแท้ ๆ ซ้ำยังมีบางมุมที่ดูเป็นเด็กยิ่งกว่าเขาเสียอีก แม้บางครั้งก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่า แต่แมคเคนซีจะไม่เรียกอีกฝ่ายว่าพี่ตลอดไปหรอก เรียกว่าที่รักยังดีเสียกว่า

“หือ…อะไรนะ หมางับนิ้ว ?”

เขามองของเล่นในมือดีนแล้วก็สงสัย เจ้าหมาอ้าปากกว้างนี่มันจะงับนิ้วได้ยังไง

“โอ๊ะ !”

พอลองเอานิ้วไปจิ้มในปากด้วยความสงสัย ฟันซี่นึงที่นิ้ววางพาดผ่านอยู่ก็จมลงไปด้านล่าง

“เอ่อ…ฟันมันลงไปแบบนี้ ฉันไม่ได้ทำพังใช่ไหม”

หันมาถามดีนหน้าเจื่อน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่เคย พ่อฉันไม่ค่อยซื้อของเล่นให้เท่าไหร่ โอ้ !”

ยังพูดไม่ทันจบดีก็ต้องร้องลั่น เมื่อเจ้าหมาที่ดีนจิ้มนิ้วลงไปตรงงับนิ้วเจ้าตัวดัง ปัง ! จนเขารู้สึกเจ็บแทน

“ก็น่าสนุกดี…แต่ว่านายเจ็บนิ้วหรือเปล่า”

จับมืออีกฝ่ายมาดูก็เห็นว่านิ้วที่เอาไปแหย่ปากของเล่นมีรอยแดงน้อย ๆ ยังยิ้มแป้นได้ขนาดนั้นน่าจะไม่เป็นไร

“ของฝากงั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกัน งั้นขอเดินกลับไปดูหน่อย”

หลังจากซื้อของที่ร้านขนมและของเล่นโบราณเสร็จพวกเขาก็เดินดูของอีกรอบ ในที่สุดแมคเคนซีก็ได้ผ้าพันคอลายผ้าพื้นเมืองให้พ่อ หมวกให้จูลี่ และกำไรเงินเส้นบางลวดลายงดงามให้ชาร์ล็อต

“เอ่อ…นายว่าพวกเทพจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากันไหม”

แมคเคนซีถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจนักขณะที่มือยังจับชุดเดรสสีเข้มลายดอกไม้ผ้านุ่มน่าจะสวมใส่สบายไว้อยู่ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นเทพีแห่งความงามสวมชุดเดรสสีแดงและรองเท้าปราด้ามากับตาแล้วก็ตาม แต่แม่ของเขานี่สิ…เธอจะรักสวยรักงามไหม หรืออีกแง่นึงก็คือเธอจะชอบของที่เขาซื้อไปฝากหรือเปล่า

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“จำได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเทพีเฮคาที เอ่อ…แม่ จะชอบแต่งตัวเหมือนเทพีอะโฟร์ไดท์ไหม บางทีเธออาจจะมีเสื้อผ้าแบบเดียวกันเป็นสิบชุดก็ได้”

จะเรียกแม่ก็ยังไม่ชินปาก แต่พอเรียกชื่อเต็มดีนอาจคิดว่าเขาห่างเหินจากผู้ให้กำเนิดอีก งั้นก็เรียกแม่ก็ได้

“อื้ม…เอาชุดนี้ งั้นฝากนายเลือกเครื่องประดับด้วยนะ”

แมคเคนซีพยักหน้า คนรักของเขาเองก็เทสดีในด้านการแต่งตัวเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าดีนจะต้องเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมกับชุดนี้ได้แน่

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีดูสร้อยคอที่ดีนเลือกมา เมื่อเทียบกับชุดแล้วก็ดูเข้ากันดี หากสวมคู่กันแล้วน่าจะดูเรียบหรู ไม่แฟชั่นจ๋าจนเกินไป

“โอเคเลย นายนี่ก็เลือกของให้ผู้หญิงเก่งเหมือนกันนี่นา”

แกล้งแซวไปเล็กน้อยแล้วไปจ่ายเงินกัน จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางออกจากจังหวัดอยุธยามาที่กรุงเทพซึ่งเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงได้รถติดนัก จากที่ขับรถกินลมชมธรรมชาติสบาย ๆ มาก่อนหน้านี้ พอมาเจอรถติดที่กรุงเทพก็แอบเซ็งเหมือนกัน แต่ก็คงเป็นปกติทั่วไปของเมืองหลวงล่ะมั้ง กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

“พวกเราซื้อของกันเยอะขนาดนี้เลย ? ให้ตายสิจะขนกลับกันไปยังไง”

พอเห็นปริมาณของที่ซื้อมาไม่ว่าจะเป็นของส่วนตัวหรือของฝากก็ดี พอรวม ๆ กันแล้วมันเยอะแยะไปหมด ดูท่าว่าคืนนี้เขาคงต้องจัดระเบียบข้าวของให้ดีเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้สะดวกแก่การเดินทางซะแล้ว จากนั้นพวกเขาก็เอารถที่เช่ามาไปคืน ใจจริงอยากจะเช่าจนจบทริปนี้ไปเลยด้วยซ้ำ แต่พอเจอรถติดเข้าไปก็คิดว่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินอาจจะรวดเร็วกว่า

“นั่นสิ มีรถก็สะดวกกว่าจริง แต่ที่นี่รถติดชะมัด ไม่เหมือนวันก่อน ๆ เลย พวกมอนสเตอร์ไม่มีก็ดีแล้ว แบบนี้สิถึงจะเป็นการเที่ยวที่แท้จริง”

เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องแมคเคนซีก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม กรุงเทพก็มีดีอยู่อย่างคือโรงแรมที่ค่อนข้างได้มาตรฐาน อย่างน้อยคืนสุดท้ายของทริปเที่ยวประเทศไทยพวกเขาก็ได้นอนหลับสบายในห้องกว้าง ๆ และมีแอร์เย็นฉ่ำ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีพยักหน้าเห็นด้วยเรื่องการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในวันพรุ่งนี้ พวกสัมภาระถ้าแพ็ครวมกันดี ๆ ก็ไม่น่าจะหอบหิ้วลำบากอะไร

“ก็ได้ งั้นวันนี้ลองเซิร์ทดูก่อนว่าจะไปห้างไหนดี”

เมื่อมีโปรแกรมเพิ่มขึ้นมาก็คงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย พรุ่งนี้ค่อยมาตกลงกันอีกที

“อืม…แน่นอน ฉันไม่ปล่อยให้นายหนีไปคนเดียวแน่”

ริมฝีปากอิ่มยิ้มเล็กน้อย ขยับตัวมาหนุนศีรษะกับตักคนรัก วันนี้ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่การเดินทางวันสุดท้ายของภารกิจจะมาถึง หลังจากอ้อนแฟนเสร็จก็ได้เวลาเคลียร์สัมภาระในกระเป๋าเสียที ดูเหมือนว่าในกระเป๋าของแมคเคนซีจะเต็มไปด้วยแร่สัมฤทธิ์ ดีนจึงแนะนำว่าให้บริจาคโดยส่งเป็นพัสดุกลับไปที่ค่ายล่วงหน้าก่อน ดีที่แดนนี่ผู้เป็นแซเทอร์ของเขาให้ม้วนเทปเฮอร์มีสมาก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาทำภารกิจ ซึ่งก็ไม่นึกว่าจะได้ใช้จริง ๆ เมื่อพวกเขาไปซื้อกล่องกระดาษที่ร้านขายของสำหรับส่งพัสดุที่อยู่ใกล้โรงแรมแล้วก็ได้เวลาแพ็คของส่งกลับไปยังค่ายฮาร์ฟบลัดเและพักผ่อนกันต่อ

ส่งพัสดุให้คุณดี (เทพไดโอนีซุส)
ฝากบริจาคของเข้าโรงหลอมเหล็กค่าย
รายการบริจาค  : หินสัมฤทธิ์วิเศษ 60 ชิ้น
รางวัล  : +50 พลังใจ , 15EXP , 5 คะแนนบ้าน
- 12 ดรักม่า ต่อ 60 หน่วย
-  บริจาคทรัพยากรให้ค่าย +24 คะแนนบ้าน ต่อ 60 หน่วย
- 20 เกียรติยศ และ 15 ความกล้าหาญ

@God

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-9-23 09:02
God
คุณได้รับ +20 เกียรติยศ +15 ความกล้า โพสต์ 2024-9-23 09:02
โพสต์ 66576 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-9-22 19:39
โพสต์ 66,576 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-9-22 19:39
โพสต์ 66,576 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-9-22 19:39

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เหรียญดรักม่า +12 +24 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 12 + 24

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-9-30 08:24:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-9-30 08:26

39. Goodbye Thailand
M

หลังจากได้นอนพักผ่อนชาร์จแบตเต็มที่แล้ว วันนี้พวกเขาก็พร้อมที่จะไปทัวร์ ‘กรุงเทพมหานคร’ ซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายของภารกิจท่องเที่ยวไทยแลนด์กัน

“ตกลงว่าเราจะไปห้างไหนกันดี นายตัดสินใจหรือยัง”

แมคเคนซีถามขณะที่กำลังทานมื้อเช้า ในที่สุดพวกเขาก็ได้ทานอาหารเช้าแบบเบรคฟาสต์สไตล์ยุโรปที่คิดถึงกันเสียที แถมยังเป็นบุฟเฟ่ต์เสียด้วย

@Dean

แมคเคนซีฟังแผนการของอีกฝ่ายพลางหั่นไส้กรอกให้พอดีคำแล้วทานพร้อมกับไข่ดาวและขนมปังปิ้งที่หั่นไว้ก่อนหน้า ใบหน้าได้รูปผงกขึ้นลงช้า ๆ เป็นครั้งคราวก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาเช็ดปากเมื่อดีนพูดจบ

“งั้นก็เอาตามแผนหลังที่นายเสนอ หวังว่าแถวสยามจะมีที่ฝากของนะ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นอาหารที่อีกฝ่ายไปตักมาพร่องไปกว่าครึ่ง แต่เขาคิดว่าดีนน่าจะยังไม่จบที่จานนี้แน่ ๆ ส่วนเขาเองก็คิดว่าจะไปตักซีเรียลมาทานต่ออีกหน่อย

@Dean

เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อย พวกเขาก็กลับมาเอาสัมภาระที่ห้องและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า จากที่เซิร์ทดูแผนผังรถไฟฟ้าของไทยแล้วดูเหมือนว่าจะไม่น่าปวดหัวเท่าที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เริ่มจากต้องขึ้นขบวนแรกที่สถานีดอนเมืองก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีบางซื่อและสถานีห้าแยกลาดพร้าวตามลำดับ อาจเป็นเพราะพวกเขาเดินทางในเวลาที่ผู้คนทำงานกันหมดแล้ว ภายในขบวนรถไฟฟ้าจึงค่อนข้างว่างและมีที่ให้นั่งจนไม่ต้องแบกกระเป๋าสัมภาระให้เมื่อย และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงสถานีสยามซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

“เอาของไปเก็บกันก่อนดีกว่า ตรงห้างสยามพารากอนมีล็อคเกอร์อยู่”

หลังจากเซิร์ทข้อมูลขณะที่นั่งรถไฟฟ้าก็รู้ว่าสยามมีจุดบริการล็อคเกอร์อยู่ในห้างหลายแห่งแต่ที่ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นจุดที่อยู่ตรงห้างที่ชื่อว่า ‘ สยามพารากอน’ ซึ่งมีทางเดินเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้ากับห้างสยามเซ็นเตอร์



เหมือนว่าที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คใจกลางกรุงเทพจริง ๆ เมื่อออกจากสถานีรถไฟฟ้ามายังลานกว้างของห้างก็เห็นผู้คนมากมายทั้งคนไทยและต่างประเทศเดินกันขวักไขว่ ตัวอาคารของห้างสยามพารากอนเองก็ดูใหญ่โตหรูหรา ภายในห้างคงมีร้านน่าสนใจอยู่ไม่น้อย

“เราเริ่มจากห้างสยามพารากอนกันก่อนเลยไหม ไหน ๆ ก็มาฝากของตรงนี้แล้ว”

เขาหันมาถามดีนหลังจากเอาสัมภาระใส่ล็อคเกอร์เรียบร้อย

@Dean

“นายจะเอาห้างร้อยกว่าปีมาเปรียบเทียบกับห้างสมัยใหม่ได้ยังไง”

แมเคนซีหัวเราะเล็กน้อย นึกถึงห้างแมคซี่ในนิวยอร์กที่เป็นอาคารสมัยเก่าแล้วหากจะเปรียบกับห้างสยามพารากอนที่สร้างมาไม่ถึงสองทศวรรษก็ดูจะน่าสงสารไปหน่อย ภายในห้างด้านหน้าทางเข้าเป็นแบบเพดานโปร่ง หากไม่ติดว่าคนเยอะก็คงจะเดินได้สบายกว่านี้

“คนไทยชอบกินอาหารญี่ปุ่นกันงั้นเหรอ”

พอดูร้านรวงภายในห้างก็จริงอย่างที่ดีนว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นมากมายหลายร้านกินพื้นที่ส่วนใหญ่ ที่มากสุดคงจะเป็นซูชิ

@Dean

“ได้ ระหว่างนี้นายก็เล็งร้านที่อยากกินไว้ด้วยเลยแล้วกัน”

ถ้าเป็นอาหารญี่ปุ่นละก็คงไม่เผ็ดเท่าไหร่หากไม่เผลอไปทานวาซาบิเข้า เขาเองที่ไม่มีอาหารที่ชอบเป็นพิเศษจึงให้ดีนเป็นคนเลือกร้านเหมือนเดิม

“ก็ชอบนะ แต่ฉันชอบมอเตอร์ไซต์มากกว่า มันเร็วดี”

แมคเคนซีมองรถยี่ห้อหรู รูปทรงของรถพวกนี้สวยงามก็จริง แต่เขาดันคิดถึงแมคกี้มอเตอร์ไซต์คู่ใจมากกว่า

“แล้วนายมีรถที่ชอบเป็นพิเศษไหม”

@Dean

“ยิ่งเร็วก็ยิ่งสบายใจ อย่างกับบินได้เลย นายไม่คิดงั้นเหรอ”

บอกพลางเดินไปดูรถสอร์ตคันที่ดีนชี้ไปด้วย ไม่ว่าจะรูปทรงหรือการตกแต่งภายใน ถือว่าตาถึงทีเดียว หากเขาเกิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการขี่มอเตอร์ไซต์เมื่อไหร่ รถสปอร์ตเท่ ๆ สักคันก็เป็นตัวเลือกที่ดี

“อา ใช่…สวยมาก”

แววตาของแมคเคนซีเป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นดูคาติ ดูท่าว่าจะสนใจมากกว่ารถสปอร์ตเมื่อครู่เสียอีก

“แต่มันดูไม่เหมาะกับนั่งสองคนเท่าไหร่”

ถึงรูปทรงจะสวยแต่ตอนนี้เขามีคนรักแล้ว หากจะซื้อรถสักคันก็ต้องเป็นแบบที่สามารถไปด้วยกันทั้งสองคนได้

“นายว่าแมคกี้เท่ไหม ฉันว่าถ้าออกจากค่ายแล้วอาจจะซื้อแมคกี้อีกคัน…อาจจะเป็นรุ่นใหม่กว่าเดิม”

@Dean

“บ้า ฉันไม่ทำให้นายตายหรอก เชื่อมือฉันสิ”

ถึงจะเป็นคนขับรถเร็วแต่แมคเคนซีก็มั่นใจว่าจะไม่ทำให้คนที่มาด้วยกันต้องประสบอุบัติเหตุแน่นอน ยกเว้นจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอย่างตอนที่เจ้าอัลกูลนั่นทำจนเขารถคว่ำไม่เป็นท่า

“อะไร อย่าบอกนะว่านายอิจฉาแมคกี้”

ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ ปกติเขาไม่เคยเห็นดีนแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน ถ้าจะคิดเข้าข้างตนเองว่าอีกฝ่ายกำลัง ‘หึงหวง’ เขาอยู่ได้ไหม…แต่ว่ากับมอเตอร์ไซต์เนี่ยนะ ?

“อยากได้นาฬิกาเรือนใหม่เหรอ”

เรียวแขนยกขึ้นกอดคอคนรักแล้วดึงเข้าหาตัว เมื่อครู่ที่อยู่ในช็อปลองจินส์ดีนค่อนข้างใช้เวลานานทีเดียว อยากจะซื้อให้สักเรือนอยู่หรอก แต่ก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะเกรงใจจนไม่ยอมรับซะก่อน

@Dean

แมคเคนซีมองนาฬิกาโนเนมบนข้อมือดีนแล้วก็เพิ่งคิดได้ว่า เขาไม่เห็นอีกฝ่ายใส่นาฬิกาลองจินส์เรือนโปรดมาได้สักพักแล้ว แต่ก็จริงอย่างที่คนรักบอก ตั้งแต่มาอยู่ที่ค่าย การแต่งตัวของเขาเองก็เน้นสวมใส่สบาย เคลื่อนไหวสะดวกกว่าแต่ก่อนเยอะ

“แล้วถ้าเป็นเครื่องประดับอย่างอื่นล่ะ อย่างเช่นว่า สร้อยคออีกเส้นอะไรแบบนี้”

ดวงตาสีฮาเซลเหลือบมองสร้อยคอที่ดีนสวมอยู่ ถ้าจำไม่ผิดมันคือกลีบดอกทิวลิปจากช่อดอกไม้ที่เขาซื้อให้อีกฝ่ายเมื่อตอนไปทำภารกิจที่ปารีสด้วยกัน

“ข้าวหมูทอด…ที่เรียกว่าทงคัตสึหรือเปล่า ฉันเคยกินแบบเป็นแซนด์วิชตอนไปทำภารกิจที่ญี่ปุ่น”

ถามพลางเดินไปยังร้านที่ว่าด้วย

“ฉันมีเรื่องอยากถามนายสักหน่อย…สร้อยนั่น ทำไมนายถึงเอากลีบดอกทิวลิปมาทำสร้อยล่ะ”

ถึงจะสงสัยมานานแต่ก็ไม่เคยถาม วันนี้ได้โอกาสเลยต้องถามออกไปสักที

@Dean

“คิดมาตั้งแต่วันที่นายถามแล้ว แต่ยังหาแบบที่ถูกใจให้ไม่ได้”

เขาใช้เวลาเปิดแคตาล็อคตามเว็บไซต์เครื่องประดับยี่ห้อดังมากมายเมื่อมีเวลาไปใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านเทพเฮอร์มีส แต่ก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้แม้ว่าผู้ชายหุ่นนายแบบอย่างดีนจะสวมใส่เครื่องประดับแบบไหนก็ดูเหมาะสมไปหมดก็ตาม ส่วนนึงก็เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถูกใจหรือเปล่า ให้ตายสิ…นี่เขาคิดมากอะไรขนาดนั้นกันนะ

“……งั้นเหรอ แค่ชอบสีส้มแน่นะ”

พอได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย

“นึกว่าเพราะเป็นของที่ฉันให้ซะอีก”

@Dean

“เป็นเจ้าหมาที่ไม่เลือกปลอกคอซะด้วย”

พอโดนจิ้มแก้มเข้าพร้อมได้ยินคำตอบถัดไปก็ใจฟูจนถึงกับยิ้มอรุ่มมม~กันเลยทีเดียว ถ้าดีนบอกแค่ว่าชอบสีส้มแค่นั้นจริง ๆ การเที่ยวกรุงเทพถัดไปจากนี้คงกร่อยแน่ ๆ

“อาหารเช้านายย่อยหมดแล้วหรือไง”

ถึงจะไม่เข้าใจว่าระบบเผาผลาญดีนจะดีอะไรขนาดนั้นแต่แมคเคนซีก็ยอมเดินเข้าร้านไปตามแรงแต่โดยดี เมื่อมานั่งที่โต๊ะแล้วแมคเคนซีก็เปิดเมนูดูเป็นอย่างแรก

“สมกับเป็นร้านข้าวหมูทอด มีแต่ข้าวหมูทอดทั้งนั้นเลย”

พึมพำพลางเปิดไล่ดูไปเรื่อย ๆ แต่พอได้ยินอีกฝ่ายถามขึ้นมาจึงละสายตาจากเมนูขึ้นดู

“นี่น่ะเหรอ…เหมือนว่าตอนฉันไปกินราเมนกับแดนนี่ที่ญี่ปุ่น ฉันเห็นพวกคนญี่ปุ่นเอาผ้านี่มาเช็ดมือกันแบบนี้”

เมื่อลองทบทวนความทรงจำดูแล้วก็หยิบมาขนหนูผืนเล็กอุ่น ๆ มาเช็ดมือให้ดู ด้วยอุณหภูมิเท่านี้มันทำให้เขารู้สึกสบายมือมากทีเดียว

@Dean

“ไส้กรอกกับเบคอนพูน ๆ บนจานนั่นคือไม่เยอะเหรอ”

ยังไม่พูดรวมถึงอย่างอื่นที่ทานเข้าไปอีกนะ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าอีกฝ่ายทานไหวเขาก็โอเค

หลังจากที่ดีนเลือกเมนูได้แล้ว แมคเคนซีก็ดูต่อบ้าง ถึงจะมีของทอดอย่างอื่นด้วยแต่ดูท่าว่าของขึ้นชื่อของร้านคงจะเป็นหมูทอด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหลายเมนูขนาดนี้ สุดท้ายแมคเคนซีจึงสั่งเมนูทงคัตสึต้นตำรับขนาดใหญ่มาชุดนึง

“โอ้…พระเจ้า ฉันไม่นึกว่ามันจะเยอะขนาดนี้”

เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็ถึงกับตาโตกับปริมาณอาหาร ไม่ว่าจะเป็นหมูทอดชิ้นใหญ่ และข้าวกับกะหล่ำปลีหั่นฝอยพูนชาม

@Dean

ฟังพนักงานแนะนำแล้วก็ลองบดเมล็ดงาดูบ้าง ดูทรงแล้วของเขาน่าจะไม่ละเอียดเท่าของดีนที่บดจริงจัง ไม่แน่ว่าอาจจะละเอียดจนกลายเป็นงาผงไปแล้ว แต่สิ่งที่สังเกตได้ก็คือเมื่อบดแล้วได้กลิ่นหอมของงาชัดเจนมากขึ้น

“มีแค่อย่างละชิ้นเองนี่นา ส่วนหมูทอดฉันก็มีเหมือนกัน นายกินก่อนเถอะ ถ้ามีอันไหนที่ไม่ชอบค่อยเอามาให้ฉัน”

ว่าจะบอกให้ดีนช่วยทานไว้ก่อนล่วงหน้า แต่ปริมาณอาหารของอีกฝ่ายก็ใช่ย่อย แมคเคนซีเลยตัดสินใจทานไปก่อน ถ้าไม่หมดค่อยว่ากันอีกที

“โอ๊ะ หมูทอดนุ่มดีแฮะ เนื้อหมูยังฉ่ำอยู่เลย”

เมื่อลองชิมหมูทอดคำแรกก็ถึงกับตาโตอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเพราะรสชาติที่อร่อยเหลือเชื่อ ทั้งที่เป็นแค่หมูชุบแป้งทอดแท้ ๆ แต่กลับทอดออกมาได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นความกรอบนอกนุ่มในและความจุ๊ยซี่ของเนื้อหมูมันช่างกลมกล่อมลงตัวไปหมด ถ้าไม่ติดว่าต้องทานข้าวด้วย เขาน่าจะทานได้จนหมดจานแม้มันจะดูเยอะก็ตาม

@Dean

“งั้นก็กินให้หมดนั่นแหละ”

คำตอบไม่ผิดจากที่คิดเท่าไหร่นัก ยิ่งเห็นสีหน้าฟินเวอร์ของดีนตอนทานเข้าไปก็รู้แล้วว่าอาหารมื้อนี้อร่อยถูกใจแค่ไหน

“หืม…โครเก้ต์งั้นเหรอ”

แมคเคนซีมองโครเก้ต์ที่คนรักป้อนตรงหน้า อยู่ ๆ ก็ดันนึกพิเรนท์เกิดอยากแกล้งขึ้นมาจึงงับเข้าไปเกือบหมดชิ้นเหลือเพียงคำเล็กคำน้อยให้อีกฝ่าย

“อื้มมมม…อะอ่อยอ้าก (อร่อยมาก)”

ถึงจะเคี้ยวแก้มตุ่ยริมฝีปากมีเกล็ดขนมปังติดอยู่ประปรายแต่ก็ยังพูดไปด้วยทั้งอย่างนั้น หมดมาดผู้ดีอังกฤษกันไปเลยทีเดียว

@Dean

“ชิมแค่นิดเดียวจะไปรู้รสอะไร เฮ้ ! นั่นของฉัน !”

ถึงจะร้องห้ามก็ไม่ทันซะแล้ว ที่น่าตกใจกว่านั้นคือหมอนั่นกินหมูทอดชิ้นใหญ่สองชิ้นในคำเดียวได้ยังไง

“เดี๋ยวก็ได้ติดคอกันพอดี โครเก้ต์หมดแล้วก็สั่งใหม่ได้ เจ้าบ้า”

เลื่อนแก้วน้ำให้ดื่มกันติดคอ แต่สีหน้าของดีนตอนนี้ก็ชวนให้หัวเราะจริง ๆ

@Dean

มองท่าทางงอน ๆ ของอีกฝ่ายยิ้ม ๆ ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี นอกจากตอนเมาที่เหมือนเด็กสามขวบแล้วก็ยังมีมุมเด็ก ๆ ในเวลานี้ด้วยเหมือนกัน

“ทรยศอะไร ต้องเรียกว่าสนองน้ำใจนายถึงจะถูก นายให้ชิมฉันก็ชิม แถมยังเหลือให้นายอย่างที่บอกด้วย”

ตีหน้าจริงจังบอก พอมองจานหมูทอดของตนเองที่พอหายไปสองชิ้นก็ดูพร่องไปเยอะเลยถอนหายใจบาง ๆ แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน แมคเคนซีเองก็เกรงว่าจะทานไม่หมดอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้เลยไม่ต้องเอ่ยปากขอร้องให้เสียเวลา

“ชิ้นเดียวจะพอเหรอ หมดจานเลยก็ได้นะ”

เห็นดีนคีบโครเก้ต์ที่สั่งมาใหม่ไปแค่ชิ้นเดียวก็แกล้งแซว

“หรือว่าสองชิ้นนี้ให้ฉัน ?”

@Dean

“หวงของกินเป็นเด็กไปได้น่า”

ยังไม่หายขบขันกับท่าทางอีกฝ่าย คงเพราะเป็นของชอบด้วยล่ะมั้งเลยหวงมากกว่าปกติ ในที่สุดพวกเขาก็จัดการทุกอย่างบนโต๊ะจนราบคาบ จากที่คิดว่าจะทานไม่หมดกลับหมดเกลี้ยงแม้แต่กะหล่ำปลีฝอยก็ไม่เหลือ

“เฮ้อ…อิ่มชะมัด นายอยากเดินเล่นแถวนี้ต่อไหม หรือจะไปที่อื่นต่อกันเลยดี”

จะว่าไปนี่ก็มื้อกลางวันแล้ว ถ้าตามแพลนที่ดีนวางไว้ พวกเขายังต้องไปอีกสามที่

@Dean

“อืม…มันช่วงบ่ายแล้วนี่สิ นอกจากว่าพวกเราจะเถลไถลกลับพรุ่งนี้กันแทน”

หลังออกมาจากร้านอาหารก็มาหาที่คุยกันก่อน ดูท่าดีนจะยังอยากไปเที่ยวอีกหลายที่ เขาหยิบมือถือมาลองเซิร์ทสถานที่ล่าสุดที่ดีนเพิ่งเสนอมา

“ภูเขาทองอยู่ไม่ไกลจากหัวลำโพงมาก งั้นไปจากที่ไกลที่สุดก่อนไหมแล้วค่อยมาตรงใกล้ ๆ”

ซึ่งหากจะไปตามแผนนี้ก็คงต้องไปวัดโพธิ์ก่อน แล้วไปวัดพระแก้ว ภูเขาทอง เยาวราช และหัวลำโพงตามลำดับ

“ส่วนจะเดินเล่นที่นี่ต่อไหม ฉันให้นายตัดสินใจแล้วกัน”

เพราะอีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไรก็ได้ แต่แมคเคนซีก็คิดว่าดีนอาจจะเสียดายอยู่บ้าง เลยอยากให้เป็นคนเลือกเองน่าจะดีกว่า

@Dean

“ไม่รีบ กลับค่ายคราวนี้ไม่รู้จะมีภารกิจอีกเมื่อไหร่ เรื่องค่าใช้จ่ายช่างเถอะ ถ้าฉันไม่ใช้เน็ตก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อส่งข้อความมาด่าอะไรบ้าง”

นึกถึงพ่อที่เห็นบิลยอดบัตรเครดิตแล้วหัวเสียก็หลุดขำ แต่ที่จริงแล้วทริปนี้เขาใช้บัตรกดเงินสดมาใช้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น อาจเป็นเพราะเมื่อเทียบกันแล้วค่าเงินของไทยนั้นถูกกว่าของอเมริกา ลำพังเพียงแค่รายได้และทิปที่มาจากงานบาร์เทนเดอร์ที่เขาเก็บออมไว้ก็เพียงพอที่จะใช้จ่ายในการท่องเที่ยวนี้ทั้งทริป

“ฉันว่าเราเอาของไปไว้ที่หัวลำโพงก่อนดีกว่า จะได้เที่ยวสบาย ๆ ไม่ต้องหอบหิ้วกันเยอะแยะ”

เมื่อดีนสรุปแล้วว่าจะไม่เดินเล่นที่นี่ต่อ พวกเขาก็พากันนั่งรถไฟฟ้าไปต่อรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังสถานีหัวลำโพงเพื่อเอาสัมภาระไปฝากก่อนจะนั่งแท็กซี่ต่อไปยังวัดโพธิ์

เมื่อมาถึงวัดโพธิ์แล้วก็เสียค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติกันไปตามระเบียบ ภายในวัดกว้างขวางและมีสถาปัตยกรรมทางศาสนาและสิ่งต่าง ๆ ให้เดินชมมากมาย อาทิเช่น พระวิหารพระพุทธไสยาส อุโบสถที่มีพระพุทธรูปนามว่า ‘พระพุทธเทวปฏิมากร’ ประดิษฐานอยู่ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาลซึ่งเป็นเจดีย์ประจำพระองค์ของกษัตริย์สี่พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรีซึ่งเป็นราชวงศ์ปัจจุบันของประเทศไทย รูปปั้นยักษ์วัดโพธิ์ที่มีตำนานเล่าขานมาช้านาน และอีกสิ่งที่ขึ้นชื่อของวัดโพธิ์ก็คือ ‘การนวดแผนโบราณ’




@Dean

“เกรงใจอะไรกัน ฉันใช้เงินจากบัตรเครดิตแค่ส่วนนึง นอกนั้นก็ใช้เงินเก็บจากงานที่คลับ บางคืนฉันได้ทิปเยอะกว่าเงินเดือนซะอีก”

สุดท้ายก็ต้องบอกความจริงไปเพื่อให้ดีนสบายใจ ถึงจะเป็นวันท้าย ๆ ของทริปแล้วก็ตาม

“ถ้านายว่าดี ลองดูสักหน่อยก็ได้”

แมคเคนซีไม่เคยนวดมาก่อน อย่างดีก็แค่เข้าสปาไปนวดอโรม่าและบำรุงผิวพรรรณบ้าง ก็อย่างว่า อาชีพของเขาจำเป็นต้องใช้หน้าตาและความงดงามเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ถึงจะชงเครื่องดื่มได้ขั้นเทพแค่ไหน แต่ถ้าหน้าตาบ้าน ๆ ไม่ดูแลตัวเอง ลูกค้าที่ไหนอยากจะเข้าหา เขามองผู้มารับบริการนวดแผนโบราณทั้งที่เป็นคนไทยและต่างประเทศ หน้าตาบางคนก็ดูผ่อนคลาย แต่บางคนก็ดูเจ็บปวดยังไงไม่รู้ หลังจากที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เรียกว่า ‘หมอนวดแผนไทย’ ว่าต้องการใช้บริการนวดแล้ว พวกเขาก็เดินตามเจ้าหน้าที่ไปนอนตรงฟูกที่อยู่ข้าง ๆ กัน รอไม่นานหมอที่รับหน้าที่นวดให้พวกเขาก็มา

“ปวดตรงไหนเป็นพิเศษคะ”

หมอนวดหญิงที่ดูมีอายุถามเขาด้วยภาษาอังกฤษง่าย ๆ แมคเคนซีเลยเลือกใช้ศัพท์ง่าย ๆ เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจไปด้วย

“เอ่อ…ขา ไหล่ แล้วก็หลังครับ”

ขับรถมาหลายวันก็ย่อมต้องเมื่อยเนื้อตัวเป็นธรรมดา หมอนวดเพียงพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เริ่มนวดให้โดยเริ่มจากที่ไหล่

“โอ้ ! โอ๊ย ! จ..เจ็บ !”

แมคเคนซีร้องเสียงหลงเมื่อเธอเริ่มใช้นิ้วกดตรงกล้ามเนื้อที่ไหล่และจับไหล่เขาดัดไปด้านหลัง มันทั้งรู้สึกตึงและเจ็บในเวลาเดียวกัน ทั้งยังได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บด้วย

“เส้นมันยึดน่ะพ่อหนุ่ม ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี นี่มันนวดแผนไทยหรือการทรมานร่างกายกันแน่ ที่ดีนบอกว่าดีนี่แกล้งเขาหรือยังไง แมคเคนซีคิดพลางเหลือบตามองไปยังคนรักที่นอนนวดอยู่ฟูกข้าง ๆ กันด้วยสีหน้าเจ็บปวด

@Dean

เห็นดีนที่นอนอย่างสบายอารมณ์ไม่ร้องสักแอะแมคเคนซีก็ได้แต่ขมวดคิ้ว นี่พวกเขานวดแผนโบราณคอร์สเดียวกันแน่หรือเปล่า ไม่แน่ว่าคนที่นวดให้เขาจะมือหนักเกินไป

“นายไม่เจ็บเลยเหรอ”

สุดท้ายก็ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จึงถามออกไป ระหว่างหว่างนั้นป้าหมอนวดก็ค่อย ๆ ไล่นวดไปตามสะบัก หลังและตามเรียวขา ยอมรับว่าเจ็บไปทุกจุดจริง ๆ แต่พอเริ่มทนแรงมือของเธอได้ก็เริ่มรู้สึกสบายตัวจนผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็……

“พ่อหนุ่มตื่น ป้านวดเสร็จแล้ว”

แมคเคนซีงัวเงียตื่นจากเสียงปลุกแล้วขยี้ตาไล่ความง่วง พอหันไปมองก็เห็นป้ายิ้มอย่างขบขัน

“เรียบร้อยแล้วเหรอ ขอบคุณครับ”

หลังจากที่จ่ายค่านวดและทิปให้หมอนวดของทั้งคู่แล้วก็ลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา

“นึกว่าจะแย่ซะแล้ว แต่พอนวดเสร็จแล้วสบายตัวชะมัดเลย”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าร่างกายที่หนักอึ้งจากการเมื่อยล้ามาหลายวันเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะปวดเนื้อตัวจากการนวดอยู่บ้างแต่ก็ขยับร่างกายได้สะดวกขึ้น

@Dean

“ดีนะ เหมือนตัวจะเบาขึ้น ตรงที่เมื่อย ๆ ก็ดีขึ้นเลย”

แมคเคนซีลองหมุนหัวไหล่ไปมา ก่อนหน้านี้ที่ฝึกใช้ดาบกับโล่ก็ทำให้แขนกับไหล่เขารับน้ำหนักไม่น้อย พอมาขับรถก็ยิ่งต้องใช้งานหนักเข้าไปอีก ไม่น่าเชื่อว่าแค่นวดสองชั่วโมงจะทำให้ดีขึ้นขนาดนี้

“ขอบคุณ นายดูเชี่ยวชาญนะ”

แมคเคนซีรับยาแก้ปวดมาทาน เขายังไม่อยากระบมไปทั้งตัวอย่างที่ดีนบอก

“นี่ก็เดินจนทั่วแล้ว เราไปที่ต่อไปกันเลยไหม”

@Dean

“ของหนัก ? หมายถึงพวกขี้ยาที่สถานีรถไฟใต้ดินน่ะเหรอ”

เหตุการณ์ที่ชวนนึกถึงคำว่าของหนักได้ก็คงจะมีแค่เรื่องนั้น จำได้ว่าตอนนั้นดีนก็ทานยาแก้ปวดแทบจะเป็นขนม

“โอเค”

เขาพยักหน้ารับเมื่อดีนเอ่ยชวนให้ขึ้นรถสามล้อที่มีชื่อเรียกว่า ‘ตุ๊กตุ๊ก’ ด้วยระยะทางแค่นี้ ราคาน่าจะไม่แพงมาก

“หนึ่งร้อย…วันฮันเดร็ดบาท”

แต่พอถามราคาคนขับแล้วก็ถึงกับอึ้ง จากที่เขาเซิร์ทดูแล้ว ระยะทางระหว่างวัดโพธิ์ไปวัดพระแก้วหากนั่งรถไปใช้เวลาแค่สองถึงสามนาทีเท่านั้น

“เอาไงดี ฉันว่ามันแพงไป”

แมคเคนซีหันมากระซิบกระซาบกับคนรัก ไม่ใช่ว่าจ่ายค่าโดยสารไม่ไหว แต่เขาคิดว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างจะเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเกินไป

@Dean

“แต่นายอยากนั่งตุ๊กตุ๊กนี่”

สถานการณ์ตอนนี้เหมือนคนขับตุ๊กตุ๊กจะเป็นต่อ คนขับคนนั้นคงคิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า ยังไงพวกเขาที่ไม่มีทางเลือกก็คงต้องยอมขึ้นรถแม้ราคาจะแพงหูฉี่แน่ ๆ แต่เหมือนสวรรค์โปรด เมื่อเจ้าของรถตุ๊กตุ๊กคันที่จอดต่อท้ายอยู่ซึ่งเหมือนจะเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเรียกให้พวกเขาขึ้นรถ

“พี่ชาย มาขึ้นรถผมดีกว่า ไปวัดพระแก้วใช่ไหม ผมคิดยี่สิบบาทพอ”

ได้ยินว่ายี่สิบบาทก็ถึงกับหูผึ่ง ไม่ต้องคิดให้มากความ หนุ่มเดมิก็อดทั้งคู่เปลี่ยนคันรถทันที

“เฮ้ย ! เดี๋ยวไอ้หนุ่ม แบบนี้มันแย่งลูกค้ากันนี่หว่า”

ลุงคนขับตุ๊กตุ๊กนักโก่งราคาดูเหมือนจะไม่ยอม

“ทำไม ก็ลุงไปโก่งราคาเขา ผมคิดราคาแค่นี้แล้วเขาพอใจจะไปกับผม หรือต้องให้ผมไปบอกจ่าอีกไหมว่าลุงโกงค่ารถนักท่องเที่ยว”

คนขับตุ๊กตุ๊กหนุ่มจัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบจนลุงคนนั้นเถียงไม่ออก ในที่สุดพวกเขาก็ได้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กสักที ประสบการณ์การนั่งรถตุ๊กตุ๊กครั้งแรกจะว่ายังไงดี…แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่การที่พวกเขาซึ่งเป็นหนุ่มชาวตะวันตกตัวใหญ่ ๆ มานั่งเบียดกันบนเบาะรถคนเล็กก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี ติดที่ว่าอากาศค่อนข้างจะร้อนไปสักหน่อย ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที พวกเขาก็มาถึงหน้าทางเข้าวัดพระแก้วแล้ว

“ขอบคุณมากที่ช่วยพวกผม ไม่ต้องทอน”

หลังลงจากรถแมคเคนซีก็จ่ายค่าโดยสาร โดยหยิบแบงค์ร้อยส่งให้ใบนึง

“โอ้ ! ไม่ ๆ ยี่สิบบาทก็พอแล้ว ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าคนไทยเอาเปรียบชาวต่างชาติ”

ชายหนุ่มคนขับรถตุ๊กตุ๊กโบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่ จะว่าไปสกิลการสนทนาภาษาอังกฤษของเขาอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

“รับไว้เถอะ คุณสมควรได้รับมันนะ”

แมคเคนซียิ้มให้เล็กน้อยและยืนยันที่จะให้ค่าโดยสารร้อยนึง แม้จะเสียเงินจำนวนเท่ากับที่คนขับรถตุ๊กตุ๊กคันแรกต้องการแต่เขาก็เต็มใจที่จะจ่าย จนในที่สุดคนขับรถตุ๊กตุ๊กหนุ่มก็จำต้องยอมรับไว้ เขากล่าวขอบคุณก่อนจะไปรับผู้โดยสารคนอื่นต่อ คราวนี้ก็ได้เวลาเดินชมวัดพระแก้วเสียที



@Dean

“น่าจะใช่นะ เหมือนว่าแผนผังโครงสร้างของที่นี่ก็ใช้พระราชวังหลวงของสมัยอยุธยาเป็นต้นแบบ แต่ที่อยุธยาเหลือแต่ซาก เลยไม่รู้เลยว่าสภาพเดิมเป็นยังไง”

หลังจากฟังไกด์เฉพาะกิจอย่างดีนให้ความรู้เกี่ยวกับวัดพระแก้วไปแล้ว พวกเขาก็เดินชมส่วนต่าง ๆ ต่อ เพราะไม่เพียงแค่วัดพระแก้วเท่านั้น แต่ภายในรั้วพื้นที่กว่า 152 ไร่ 2 งานนี้ยังมีพระบรมมหาราชวังซึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ไทยราชวงศ์ัปัจจุบันตั้งแต่องค์ที่ 1-5 ก่อนจะย้ายไปสร้างพระราชวังที่อีกที่นึงเนื่องจากว่าตรงนี้เมื่อก่อนนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่แออัดและขวางทางลมในหน้าร้อนหากจะจินตนาการว่าพระราชวังเมื่อสมัยอยุธยาเป็นยังไง ที่นี่ก็คงใกล้เคียงที่สุดล่ะมั้ง

เนื่องจากขนาดพื้นที่ที่กว้างขวางเกินไป พวกเขาจึงไม่สามารถเดินชมได้ทั่ว เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาแล้วแมคเคนซีและดีนจึงเดินทางไปที่ ‘ภูเขาทอง’ กันต่อ โดยระหว่างทางก็ผ่านแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกอย่างของกรุงเทพก็คือ ‘อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย’



หลังจากที่มาถึงแล้วก็กระพริบตาปริบ ๆ อเมซิ่งไทยแลนด์ส่งท้าย ในตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่าภูเขาทองนั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นภูเขาสีทองหรือว่าเป็นภูเขาที่มีทองเป็นทรัพยากรหลัก (แม้ว่าเมื่อมาถึงกรุงเทพแล้วเขาจะยังไม่เห็นภูเขาสักลูกก็ตาม) แต่แท้จริงแล้วภูเขาทองคือชื่อเรียกเจดีย์ในวัดสระเกศที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งมีความสูงกว่า 59 เมตรหรือเทียบเท่าตึก 19 ชั้นนั่นเอง แต่งานนี้คนที่ชอบพิชิตที่สูงอย่างดีนคงจะอดซุกซน เนื่องจากภูเขาทองจะเปิดให้ขึ้นไปสักการะก็เมื่อถึงเทศกาลสำคัญเท่านั้น



@Dean

“พอย้ายเมืองหลวงแล้วก็คงไม่คิดจะรีโนเวทที่เก่าล่ะมั้ง คนละราชวงศ์กันด้วยนี่นา”

หากว่ากันตามความจริงแล้ว เมืองหลวงเก่าของไทยที่เหลือแต่ซากปรักส่วนหนึ่งก็มาจากการแพ้สงคราม บ้านเมืองถูกทำลายเสียส่วนใหญ่ เพียงแค่บำรุงรักษาให้ยังเป็นโบราณสถานอยู่ก็น่าจะนับว่าเพียงพอแล้ว

“อืม…ก็ดีนะ เย็นแล้วด้วย ไปกินมื้อเย็นที่นั่นกันเลยแล้วกัน”

พอตกเย็นรถก็เริ่มติด พวกเขาจึงเลือกใช้บริการแท็กซี่ที่คิดราคาค่าโดยสารตามมิเตอร์แทนที่จะนั่งตุ๊กตุ๊ก เพราะไม่อยากต้องมาหัวเสียหากโดนโก่งราคาอีก เส้นทางจากวัดสระเกศไปยังเยาวราชก็ไม่ไกลนัก ถึงรถจะติดก็คงไม่เสียค่ารถมากเท่าไหร่



เยาวราชที่ได้ชื่อว่าเป็นไชน่าทาวน์ของไทยยามเย็นคราคร่ำไปด้วยผู้คนและร้านอาหารที่เปิดตามทางเท้าเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารอีกมากมายคอยเปิดบริการอยู่ เมื่อเดินดูไปเรื่อย ๆ จึงพบว่ามีอาหารและขนมขายอย่างหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงแค่อาหารจีนเพียงเท่านั้น

“นี่เป็นมื้อสุดท้ายที่ไทยก่อนจะกลับแล้ว นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

แมคเคนซีหันมาถามคนรัก เมื่อตอนที่จะออกจากลอนดอนดีนก็นึกอยากทานเป็ดย่างโฟร์ซีซั่น ไม่แน่ว่ามื้อนี้อีกฝ่ายอาจมีสิ่งที่อยากทานส่งท้ายก่อนจะกลับค่ายฮาร์ฟบลัดกันก็ได้

@Dean

“มีชื่อแปลก ๆ เยอะเหมือนกันนะ ฉันว่าเราลองเดินดูตามร้านดีกว่า อาจมีร้านธรรมดาแต่รสชาติดีเหมือนร้านถนนคนเดินที่ภาคเหนือก็ได้”

ตั้งแต่ได้เดินซื้อนั่นนี่ทานตามร้านถนนคนเดินที่ภาคเหนือ แมคเคนซีก็ชอบบรรยากาศแบบนั้นมาตลอด แม้ว่าที่เยาวราชจะคนเยอะกว่ามากจนดูแออัดไม่น่าเดิน แต่นี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่ประเทศไทยแล้ว หากพลาดร้านอร่อยไปก็คงน่าเสียดาย

“นายได้กลิ่นหอม ๆ ไหม”

ยังไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอม ๆ ลอยมาแตะจมูกเสียแล้ว กลิ่นเหมือนกาแฟแต่พอมองรอบ ๆ แล้วก็ไม่เห็นร้านกาแฟสักร้าน จนเมื่อเดินไปอีกหน่อยจึงได้รู้ที่มาของกลิ่นหอมที่ว่านั่น

“เกาลัด ?”

“ชิมไหมพ่อหนุ่ม อร่อยนะ ดิ๊ลิเชียส”

พอได้ยินคำว่า ‘ดิ๊ลิเชียส’ ก็รู้เลยว่ากำลังโดนขายของเข้าอีกแล้ว คุณป้าแม่ค้าที่ร้องเรียกพวกเขาหยิบเกาลัดที่คุณลุงเพิ่งคั่วจากกระทะร้อน ๆ มาปอกเปลือกแล้วส่งให้แมคเคนซีกับดีนชิมคนละลูก ดีที่เธอใส่ถุงมือผ้าแบบหนาไว้ ไม่งั้นมือน่าจะพองเหมือนมือเขาตอนนี้ที่รับลูกเกาลัดมาแล้วต้องรีบเป่าให้อุ่นยกใหญ่

“โอ๊ะ อร่อย”

รสชาติที่คล้ายถั่วแต่มีรสหวานน้อย ๆ ทำให้เคี้ยวเพลิน แถมยังมีกลิ่นหอม ๆ จากการคั่วอบอวลอยู่ในปากอีกต่างหาก

“นายว่าเป็นไง”

หันมาถามดีน แต่ถึงยังไงเขาก็คิดว่าคงได้ซื้อเกาลัดประเดิมเป็นร้านแรกแน่ ๆ

@Dean

“งั้นซื้อไปเก็บไว้กินที่ค่ายด้วย เอาสอง…ไม่สิ สี่ เอ้อ ห้าครับ เอาห้าชุด”

ตอนแรกว่าจะซื้อแค่สองชุดสำหรับตัวเองและดีน แต่พอนึกถึงน้องร่วมบ้านอีกสองคนที่ค่ายและรีชาน้องสาวดีนแล้วเลยจัดไปห้าชุดซะเลย คุณป้ากับคุณลุงคนขายพอเห็นว่าซื้อเยอะก็ดีใจ แถมให้เขาถุงละนิดละหน่อยด้วย

“ร้านแรกก็จัดซะเยอะเลยแฮะ”

แมคเคนซียิ้มฝืดขณะหอบหิ้วถุงเกาลัดคั่ว รู้สึกคิดถูกจริง ๆ ที่ฝากของไว้ที่สถานีรถไฟก่อน จากนั้นพวกเขาก็เดินทัวร์หาร้านของกินต่อ ทุกอย่างยังอร่อยตามสไตล์อาหารไทยเหมือนเคย ไม่ว่าจะเป็นร้านซาลาเปาขนมจีบสูตรดั้งเดิมที่ขายมาหลายสิบปี ร้านปลาหมึกย่างที่คนต่อคิวกันซื้อยาวเหยียดทีละหลาย ๆ ไม้อย่างกับจะมาเหมา ร้านผลไม้สมูทตี้ที่เย็นชื่นใจ และจบลงด้วยร้านขนมปังปิ้งนมสดที่ทานแล้วอิ่มสบายท้องจนหนังตาเริ่มหย่อน

“อิ่มชะมัด เดินกินแบบนี้ก็สนุกดีเนอะ”

@Dean

หลังจากทานมื้อเย็นที่เยาวราชเรียบร้อยก็ได้เวลาไปที่สถานีหัวลำโพงกันแล้ว เนื่องจากที่เยาวราชมีสถานีรถไฟใต้ดินไปยังสถานีหัวลำโพง การเดินทางจึงสะดวกสบายและใช้เวลาไม่มาก พอไปเอาของที่ฝากไว้ที่ล็อคเกอร์มารวมกับของใหม่ที่เพิ่งซื้อมาก็ต้องยิ้มฝืดอีกรอบด้วยไม่แน่ใจว่าพวกนี้คือของฝากหรือว่าของที่เอาไปเปิดร้านขายแข่งกับร้านสะดวกซื้อที่ค่ายกันแน่ มันช่างมากมายเหลือเกิน

“ไม่ ไม่นานเลย อีกห้านาทีเองเหรอ ไวสุด ๆ”

แมคเคนซีส่ายหน้าเป็นคำตอบเมื่อดีนไปซื้อตั๋วรถไฟกลับมา เวลาห้านาทีแทบไม่พอกับการไปเข้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเกิดระหว่างทางปวดท้องขึ้นมาค่อยไปเข้าห้องน้ำบนรถไฟก็ได้ เขารับกระเป๋าเงินดรักม่ามาเก็บไว้ แอบแปลกใจเล็กน้อยที่รู้สึกว่าน้ำหนักของมันไม่ได้ต่างไปจากตอนที่เขามอบให้อีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เปิดดูตอนนี้ก็ไม่สะดวก  เพราะเวลานี้รถไฟได้เขาเทียบชานชาลาแล้ว พวกเขาขนสัมภาระขึ้นไปยังห้องที่จองไว้ รอไม่นานรถไฟก็เริ่มออกเดินทาง ภารกิจเที่ยวไทยอันยาวนานใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว


ภารกิจเที่ยวไทยแลนด์  :  ถ่ายรูปจังหวัดกรุงเทพ
[5/5]

@God

แสดงความคิดเห็น

211Thailand P.11 - กรุงเทพมหานคร [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวประเทศไท  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-9-30 10:47
โพสต์ 89388 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2024-9-30 08:24
โพสต์ 89,388 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-9-30 08:24
โพสต์ 89,388 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-9-30 08:24
โพสต์ 89,388 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-9-30 08:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-9-30 10:47:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-9-30 10:58
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-9-30 08:24
39. Goodbye ThailandM
หลังจากได้นอนพักผ่อนชาร์จแบตเต็มที่แล้ว ...

211
Thailand P.11 - กรุงเทพมหานคร

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวประเทศไทย ในเมืองหลวงที่มีการจัดลำดับว่ารถติดอันดับโลก แต่วันนี้สบายหายห่วงเรื่องรถติดเพราะไม่มีรถให้ขับแถมรถไฟฟ้ายังสะอาดน่านั่งกว่าที่นิวยอร์กเป็นไหน ๆ จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง แค่มีภาระจากพัสดุที่ซื้อมาจนล้นกระเป๋าจนต้องหาที่ฝากจึงต้องวางแผนการเดินทางให้ดีสักหน่อยว่าจะเอาสัมภาระไปฝากไว้ตรงไหนก่อนจะเที่ยวกันต่อ

               แต่ก่อนออกเดินทางก็ได้บุฟเฟต์อาหารเช้าสไตล์อเมริกันมาเติมเต็มความอยากอาหารเสียทีดีนจึงแทบจะตักไส้กรอกกับเบค่อนมากินล้วน ๆ อ้อ แต่ไม่ลืมที่จะตักสลัดมารับประทานก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นก่อนจะสวาปามเนื้อแปรรูปเหล่านั้นลงไป

               “ฉันคิดว่าแถวสยามนะ ตรงนั้นเป็นแลนด์มาร์กใจกลางเมืองเลย แถมยังมีห้างเยอะแยะ ถึงตอนนั้นค่อยเลือกเอาว่าจะเลือกห้างไหน แต่ตอนนี้เราต้องมาตกลงกันก่อนว่าจะเอายังไงดี”

               ดีนกล่าวพลางจิ้มไส้กรอกรมควันจุ่มมัสตาร์ดฉ่ำ ๆ แล้วเอาเข้าปาก

               “ขอเสนอสองแผนการ… แผนแรก เราไปที่หัวลำโพงกันก่อน เอากระเป๋าไปฝากที่ล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยก่อนจะตระเวนเที่ยว หรือ! แผนที่สอง ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สยาม หาที่ฝากของแถวนั้นแล้วเที่ยวห้างจนกว่าจะพอใจ จากนั้นขึ้นซับเวย์ไปลงหัวลำโพงเอาของฝากที่ล็อกเกอร์จากนั้นค่อยเที่ยววัดใกล้ ๆ ฉันยกมือแผนสอง ขี้เกียจเทียวไปเทียวมา แค่ขนของขึ้นรถไฟหลายรอบหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”

               เสนอเองยกมือเองนักเลงพอ
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “น่าจะมีแหล่ะ ใจกลางเมือง สถานีใหญ่เลยนี่นา ถ้าไม่มีก็…” ดีนเว้นวรรคไปครู่ใหญ่ “กลับไปแผนหนึ่ง”

               แต่ให้จบที่แผนสองเลยดีกว่าพวกเขาจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา

               หลังจากที่รับประทานโปรตีนในจานหมดดีนก็ลุกขึ้นไปตักผลไม้เป็นอาหารล้างปาก แม้ว่าชายหนุ่มผิวสีเข้มใบหน้าละตินจ๋าจะเริ่มเบื่ออาหารไทย แต่สำหรับผลไม้ไทยแล้วกินเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ สมกับที่เป็นประเทศเขตร้อนและถูกยกย่องว่าเป็นครัวของโลกเสียจริง และหลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จจนพลังงานขึ้นเต็มหลอดกันทั้งคู่แล้วก็ได้เวลาออกเดินท่องเที่ยววันสุดท้ายที่ไทยแลนด์กันเสียที

               โชคดีจริง ๆ ที่เมโมรีกล้องยังเหลือ แต่คงต้องคัดรูปส่งเทพีดีมิเทอร์นานแน่ ๆ … หรือจะส่งไฟล์ทั้งหมดให้นางเลยดี? ถ้าจำไม่ผิดเหมือนไม่ได้ถ่ายอะไรพิเรนทร์ ๆ เอาไว้นะ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดีนยังคงเพลิดเพลินใจเมื่อได้นั่งรถไฟฟ้าที่ไม่เบียดเสียดยัดเยียดและมีทิวทัศน์น่ามองเช่นเดียวกับเมื่อตอนขามาวันแรก ความจริงหากทริปวันนี้เป็นการนั่งรถไฟฟ้าชมเมืองบางกอกทุกสายทั้งวันเขาก็ทำได้ไม่มีเบื่อ หากแต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายที่ต้องไปเยือนในวันนี้เขาจึงไม่ได้เสนอแผนในใจออกไปให้คู่ออกเดินทางให้ฟัง

               นั่งรถไฟฟ้าสองต่อเผลอแป๊บเดียวก็มาถึง ‘สยามพารากอน’ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง พวกเขานำสัมภาระที่ไม่จำเป็นฝากล็อกเกอร์จากนั้นก็เดินเที่ยวห้างที่ใหญ่โตแห่งนี้

               “โห ใหญ่สุด ๆ แถมคนยังเยอะอีกด้วย นี่มันหรูหราหมาเห่ายิ่งกว่าห้างแมคซี่ที่เฮรัลด์สแควร์ซะอีก”

               ดีนรู้ว่าเมืองหลวงของไทยเต็มไปด้วยอาคารสูงมากมายแตกต่างจากพื้นที่ชนบทที่เขาไปเยือนลิบตา แต่ก็ไม่คิดว่าในประเทศเดียวกันจะมีความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจมากมายขนาดนี้ ในความตื่นตาตื่นใจนั้นมีความห่างของของชนชั้นอยู่สูงจนประหลาด ทว่านักท่องเที่ยวอย่างเขาคงไม่กล้าวิพากวิจารณ์เอาเวลานั้นไปท่องเที่ยวกันดีกว่า

               “อื้อ เอาห้างนี้แหล่ะ ข้างในจะมีอะไรบ้างนะ เข้าไปดูกัน”
               
               ถือเป็นการเดินเที่ยวชิล ๆ โดยแท้ ทั้งสองเดินเข้ามาในห้างที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำตัดกับอุณหภูมิร้อนระอุด้านนอก พื้นที่ส่วนชั้นหนึ่งส่วนมากจะเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ที่ดูแล้วน่าสนใจเป็นอย่างมาก

               “จะว่าไปแบรนร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะเหมือนกันแฮะ”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็จริงแหล่ะ ถ้าอยากสร้างห้างใหม่ ๆ ก็ต้องไปพื้นที่ใหม่เลย นิวยอร์กไม่มีพื้นที่ไหนให้ตึกขึ้นได้แล้ว”

               คิดถึงความแออัดจนน่าอึดอัดใจกลางเมืองก็ใจหาย ในสมัยตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองเขาไม่เคยคิดเช่นนั้นและสนุกไปกับมัน แต่พอได้ถอยออกมาอยู่ในพื้นที่เขตป่าอย่างค่ายฮาล์ฟบลัดแล้วเขากลับชอบความร่มรื่นของแมกไม้มากกว่า งอแงกับการไม่ได้ใช้เทคโนโลยีน้อยลง และเหมือนกับจิตใจได้รับการบำบัด กระนั้นก็ไม่รังเกียจที่นานทีจะได้เข้ามาแสดงหาความรื่นเริงในเมืองใหญ่แบบนี้

               “คิดว่านะ… งั้นลองกันไหม ฉันไม่ค่อยได้กินอาหารญี่ปุ่นเลย” ติดแต่ว่าพวกเขาเพิ่งกินมื้อเช้ากันมาได้ชั่วโมงนิด ๆ “แต่ว่าเราเดินดูอย่างอื่นกันก่อนแล้วกัน ฉันยังไม่หิวเท่าไรเลย”

               ดีนกล่าวก่อนที่จะพาแมคเคนซีเดินสำรวจห้างพารากอนตามชั้นต่าง ๆ เมื่อขึ้นมาชั้นบนพวกเขาก็พบกับร้านแบรนเนมหรูหรามากมายรวมกระทั่งร้านขายรถยนต์ที่เหมือนกับเป็นโชว์รูมย่อม ๆ ด้วย

               “แมคซี่นายชอบรถแบบนี้ไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ได้เลยที่รัก เดี๋ยวฉันจัดให้แบบหรู ๆ”

               ดีนขยิบตาให้คนรัก ความจริงเขาแค่แกล้งหยอกไปงั้น ใครมันจะอยากกินแพง ๆ ไปทุกมื้อ เน้นร้านอร่อยที่ดูน่ากินดีกว่า แล้วก็กลับมาเข้าเรื่องดูรถกันต่อ

               “ไม่แปลกใจเลย นายซิ่งรถซะหัวฟูไปหมด” ชายหนุ่มหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะตอบคำถาม “ฉันเหรอ.. ไม่มีเป็นพิเศษ แต่รถสปอร์ตแบบคันนั้นก็ดีนะ”

               ดีนชี้ไปที่รถสปอร์ตตราเสือดาวสีเหลืองกล้วยรูปทรงโฉบเฉี่ยวที่จอดอยู่ แต่ก็ได้แค่ชอบเพราะราคาเกินเอื้อม หลังจากที่เดินผ่านโชว์รูมรถยนต์ก็เจอร้านขายดูคาติ

               “แบบนี้สินะที่นายชอบ”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ถ้าไม่ตายก็คงสบายใจอยู่…”

               ถึงแม้ความเร็วจะทำให้สนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน แต่อย่างไรความปลอดภัยก็ต้องมาก่อน และใช่ เขายังไม่อยากตายก่อนอายุเจ็ดสิบ

               “ตาเป็นประกายเชียวนะ ก็จริง ถ้ามีคนซ้อนต้องไปอยู่บนจงอยสีแดงนั่น..”

               เทียบกันแล้วเบาะของดูคาติแคบกว่าแมคกี้ของแมคเคนซีเยอะ แล้วอีกฝ่ายขับรถเร็วขนาดนั้นมีหวังถ้าได้นั่งเจ้านี้แล้วตูดต้องกระเด้งไม่ติดเบาะแน่ ๆ เตรียมใส่กระจับกันจุกได้เลย

               “ก็เท่ ยังไงนายก็ไม่ตัดใจจากแมคกี้เลยนะ นายอิจฉาชะมัด”

               เผลอ ๆ ถ้าให้อีกฝ่ายเลือกระหว่างแมคกี้กับเขา อีกฝ่ายก็คงเลือกมอเตอร์ไซค์คู่ใจล่ะมั้ง แต่ช่างเถอะไม่คิดแง่ลบดีกว่า ดีนยิ้มยืดก่อนจะพยายามลบความอิจฉามอเตอร์ไซค์ออกไปจากใจ

               หลังจากดูโซนโชว์รูมรถกันเสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยวยังส่วนต่าง ๆ ของห้างสรรพสินค้ากันต่อ หากแมคเคนซีสนใจฉันใดก็ดึงให้ดีนเดินออกจากช็อปลองจินส์ได้ยากฉันนั้น ดีนะที่ไม่มีเงินซื้อ ไม่งั้นเขาได้สอยนาฬิกาบวกภาษีแน่ ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดีนแค่ยกยิ้มแต่ไม่ตอบ ส่วนเรื่องนาฬิกานั้น..

               “ถึงอยากได้แต่ก็หาโอกาสใส่ไม่ได้อยู่ดี อย่างตอนออกมาทำภารกิจแบบนี้ก็ต้องใช้นาฬิกาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของในมินิมาร์ทของค่ายแทนเนี่ย”

               ดีนยกข้อมือซ้ายขึ้นมาบนนั้นมีนาฬิกาทหารเรือนสีดำประทับอยู่ หากต้องรับมือกับอสุรกายร้ายตลอดเวลาจะใส่ของดีราคาแพงให้หน้าปัดเป็นรอยได้ยังไง

               “เรื่องนาฬิกาช่างมัน ตอนนี้ฉันเริ่มหิวล่ะ ส่วนร้านที่เล็งไว้ก็… ข้าวหมูทอดที่ชั้นสี่”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “หืม เพิ่งคิดจะใส่ปลอกคอให้ฉันงั้นเหรอ?”

               ดีนหรี่ตามองแกมหยอกล้อไปให้แฟนหนุ่มชาวเกาะบริเตนใหญ่ จากนั้นก็พยักหน้าหงึกหงัก ไม่แน่ใจว่าข้าวหมูทอดแบบญี่ปุ่นเรียกว่าอะไร แต่คิดว่าใช่นะ แล้วพวกเขาก็เดินกลับไปยังชั้นสี่ที่เคยผ่านมา ทว่าคำพูดประโยคหลังของแมคเคนซีก็ทำให้ดีนเลิกคิ้วมองด้วยสายตาราวกับตำหนิ

               ‘แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย!? ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าหมายถึงอะไร? แล้วทำไมเพิ่งมาถามฟะ!!’

               “เพราะว่าฉันชอบสีส้มไง”

               ตอบความเท็จเป็นการหยั่งเชิง ดูสิว่าอีกฝ่ายจะรู้ไหมว่าเขาโกหก
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “นายให้ใส่แบบไหนฉันก็ชอบหมดแหล่ะ ให้ตายสิดูทำหน้าเข้า…” ดีนกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะขยับเข้าไปจิ้มแก้มอีกฝ่ายจึก ๆ “ชอบสีส้มน่ะถูกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ความจริงแล้วฉันอยากให้ของที่นายให้อยู่กับฉันตลอดเวลาต่างหากล่ะ กล้าดีจริง ๆ มาถามหยั่งเชิงฉัน”

               ขยับออกมามองเจ้าคนตาโหล หากว่าเขาไม่รีบเฉลยมีหวังอีกฝ่ายได้นอนไม่หลับแล้วขอบตาคล้ำแข่งชนะหมีแพนด้าแน่ ๆ

               “มาถึงหน้าร้านแล้วเข้าไปกันเร็ว ฉันน่ะหิวจะแย่”

               กล่าวแล้วก็ลากแขนอีกฝ่ายเข้าไปในร้านตามการต้อนรับของพนักงานเสิร์ฟที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปร๋อ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นห้างใจกลางเมือง เมื่อพวกเขาหย่อนก้นลงนั่งก็ได้ผ้าร้อนสำหรับเช็ดมือให้ทันที เป็นการบริการแบบโอโตเมะนาชิ (บริการด้วยใจ) อย่างร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปไม่ว่าจะแบรนหรูหรือไม่กระทำ แต่สำหรับชาวอเมริกันอย่างดีนแล้วเขาไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมนี้เท่าไรจึงเอาแต่จด ๆ จ้อง ๆ ผ้าร้อนที่ถูกเสิร์ฟมาแทนที่จะเปิดเมนูดู

               “ไอ้นี่คืออะไรน่ะ?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “อือฮึ ฉันไม่ได้กินมาเยอะนี่นา วันนี้ต้องเดินเท้าไม่มีรถขับด้วย กินเยอะไปเดี๋ยวจุกแย่”

               ดีนตอบรับความสงสัยเรื่องระบบการเผาผลาญของเขาซึ่งมันดีกว่าคนทั่วไป ที่แม้ว่าเขาจะยัดอาหารขยะและของหวานเข้าไปมากเท่าไรก็อ้วนยาก แต่บอกตามตรงตั้งแต่มาที่ไทยเขารู้สึกเหมือนว่าจะมีพุงขึ้นมาหน่อย ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ อาจเพราะกาแฟรสหวานกว่าปกติล่ะมั้ง แต่มันอร่อยนี่นา กลับไปค่ายค่อยไปวิ่งจ๊อกกิ้งเบิร์นหุ่นเอา อย่างไรเสียคนว่างงานอย่างเขาก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้วจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะออกกำลังกาย

               แล้วเขาก็เลื่อนสายตาขึ้นจากผ้าร้อนมามองหน้าคนอธิบายก่อนจะก้มมองแล้วหยิบมาเช็ดไม้เช็ดมือบ้าง

               “มีทุกร้านเลยเหรอดีแฮะ เพื่อสุขอนามัยสินะ สมกับเป็นคนญี่ปุ่นเป็นบ้า”

               เห็นทีต้องเอาไปประยุกต์ใช้บ้างแล้ว หมายถึงถ้าออกจากค่ายไปแล้วน่ะนะ เมื่อเช็ดมือเสร็จเขาก็วางผ้าร้อนลงจากนั้นก็มาพินิจเมนูดูบ้าง มีทั้งหมูทอด ปลาทอด และเซ็ตรวมของทอด

               “ฉันได้แล้ว เอาอันนี้แหล่ะ” จิ้มไปที่หน้าเซ็ตรวมของทอดไซส์บิ๊กเบิ้ม ได้ลองทานแทบทุกอย่างจนพุงแตกแน่ ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่เยอะเท่าไรหรอกน่า ย่อยหมดไปแล้ว แต่ที่สั่งมาจะกินหมดไหมนะ”

               แต่ในเซ็ตเขียนว่าสำหรับหนึ่งท่านนี่นาคงจะกินหมดแหล่ะ รออยู่หนึ่งอึดใจอาหารก็มาเสิร์ฟ เริ่มด้วยสลัดกะหล่ำปลีสไลซ์และซุปมิโสะที่เติมเพิ่มได้ไม่อั้น นอกจากนั้นพนักงานยังวางถ้วยแปลก ๆ ใส่เมล็ดงาคั่วกับไม้ท่อนเล็ก ๆ มาให้ เธอแนะนำว่าให้บดงาให้ละเอียดตามชอบจากนั้นก็ใส่น้ำจิ้มทงคัตสึในขวดโหลบนโต๊ะได้เลย แบบนี้ก็สนุกน่ะสิ ดีนพยายามบดเม็ดงาให้ละเอียดยิบอย่างมันมือจนหลัง ๆ กลายเป็นเมื่อยแทน จากนั้นเหล่าของทอดที่เขาและแมคเคนซีสั่งก็ตามมา

               “พระเจ้า หน้าตาเหมือนในรูปเป๊ะ สมแล้วที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น!”

               แทบจะอุทานออกมาพร้อม ๆ กับคู่เดท ดีนได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานานว่าอาหารญี่ปุ่นถ้าไม่ตรงปกเป๊ะ ๆ ก็จะได้แบบที่ใหญ่กว่าในเมนู แม้จะเยอะแต่หากเป็นของทอดที่รักเขาสามารถเปิดพื้นที่ในกระเพาะเพิ่มได้อีก

               “มีอะไรบ้างนะ หมูทอด อันนี้กุ้ง นี่โครเก้ต์เหรอ น่ากินแฮะ แต่นอกจากหมูมีแค่อย่างละชิ้นเอง นายอยากลองชิมไหมแมคซี่”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่น่ามีอันไหนที่ฉันไม่ชอบนะ”

               ดีนหัวเราะ จากนั้นเขาจึงบีบเลม่อนฝานลงไปบนของทอดในจานใบใหญ่ของตัวเอง จะว่าไปหมูทอดสไตล์ญี่ปุ่นค่อนข้างต่างจากชนิตเซิลเหมือนกันแฮะแม้จะเป็นเนื้อชุบเกล็ดขนมปังทอดเหมือนกันก็ตาม จุดที่ต่างมากที่สุดคงเป็นขนาดความหนา ทงคัตซึจะชิ้นอวบชุ่มฉ่ำแต่ชนิตเซิลจะเน้นทุบให้บางก่อนนำไปทอด (ทำไม่เป็นหรอกนะ แค่เคยช่วยคุณพ่อทุบเนื้อตอนที่บังเอิญเข้าไปหยิบน้ำส้มในห้องครัว) ซึ่งพอกินทงคัตสึเข้าไปแล้วเขาแทบจะลืมชนิตเซิลไปเลย

               “ฉันเห็นด้วยเลย นี่มันแทบจะไร้ที่ติ”

               ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ เขาเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ ก่อนจะพุ้ยข้าวสวยญี่ปุ่นเข้าปากคำใหญ่ หมูสันในที่เป็นตัวชูโรงอร่อยขนาดนี้ชักอยากชิมชิ้นอื่น ๆ แล้วสิว่าจะอร่อยขนาดไหน ชิ้นต่อไปที่เข้าปากคือกุ้ง โอเคมันอร่อยแหล่ะ แต่คำต่อไปดันอร่อยกว่า

               “เฮ้ย โครเก้ต์นี่มันอร่อยสุดยอด!!”

               เนื้อมันฝรั่งนุ่มเนียนไม่เหมือนโครเก้ต์ที่บ้านเกิดเอาเสียเลยแถมด้านในมีเนื้อปูรสหวานยิ่งชูให้โครเก้ต์ที่กรอบนอกนุ่มในยิ่งหวานฉ่ำ เสียดายที่มีแค่ชิ้นเดียวแต่ว่าเขาอยากจะแบ่งให้อีกฝ่ายกินด้วย ดีนคีบโครเก้ต์ขึ้นมาจุ่มซอสนิดหน่อยแล้วยื่นไปป้อนแมคเคนซี

               “อ่ะ ฉันให้ชิม กินแค่นิดเดียวนะ เหลือให้ฉันด้วย”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เฮ้ย! งาบไปเยอะขนาดเลยเหรอ!”

               อ้าปากพะงาบ ๆ หลังจากที่เห็นว่าโครเก้ต์ชิ้นโตของตัวเองแหว่งจนเหลือติดปลายตะเกียบที่คีบนิดเดียว หนอย! แบบนี้ยอมไม่ได้! ดีนเอาโครเก้ต์ที่เหลือเขาปากจากนั้นก็คีบหมูทอดของอีกฝ่ายเข้าปากเคี้ยวกลืนสองชิ้นรวด ถึงหมูทอดจะอร่อยก็เถอะแต่ตอนนี้คิ้วขมวดเป็นโบว์แล้ว

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฮึ!”

               ส่งเสียงแบบคูล ๆ ออกมาหลังจากที่ยกแก้วชาที่แมคเคนซีเลื่อนมาขึ้นดื่ม จากนั้นก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งโครเก้ต์เดี่ยว ๆ มาอีกสามชิ้น

               “ถึงสั่งเพิ่มแต่ฉันไม่คืนหมูทอดให้นายหรอกนะ บังอาจมาทรยศความมีน้ำใจของฉัน”

               ยังคงงอนอยู่แต่พอเอากุ้งทอดเข้าปากก็ยังทำหน้าฟินอยู่ และเพียงไม่นานโครเก้ต์ทั้งหมดสามชิ้นก็ถูกนำมาเสิร์ฟดีนเลยรีบคีบโครเก้ต์หนึ่งชิ้นมาใส่ชามข้าวของตัวเองจองไว้ก่อนเลย

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็ดูนายกินดิ งาบไปเยอะกว่าที่ฉันกินไปอีก”

               พอกลับมาคุยกับอีกฝ่ายก็ทำหน้ามุ่ยต่อ จงใจแกล้งกันชัด ๆ ไม่ใช่เหรอไอ้หมีแพนด้าบ้ามอเตอร์ไซค์เอ๊ย! พอยิ่งโมโหก็ยิ่งกินไวปานพายุ แป๊บ ๆ ข้าวหมดจนต้องขอรีฟิลข้าวเพิ่ม ทั้งของทอดทั้งสลัดพร่องหมดไปอย่างรวดเร็ว ส่วนโครเก้ต์เจ้าปัญหาดีนกินไปสอง เหลืออีกชิ้นไว้ให้แมคเคนซี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               คิดว่ากินของคาวเสร็จจะจบแล้วแต่พอพวกเขารับประทานกันเกือบเสร็จพนักงานก็มาถามว่ารับของหวานเลยไหม ทำเอาตกใจเลยไม่คิดว่าในเซ็ตจะมีไอศกรีมชาเขียวให้คนละสกู๊ปด้วย คุ้มค่าชะมัด ก็เลยกินกันจนพุงตึงไปหมด อิ่มแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นจนลืมโกรธที่อีกฝ่ายกวนไปก่อนหน้านั้นได้

               “อยากเดินเล่นอีกฝั่งต่อ แต่ไม่เป็นไรก็ได้ เรายังเหลือที่เที่ยวอีกตั้งสามที่ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน อีกอย่างคุณไกด์เมื่อวานแนะนำให้ไปภูเขาทองด้วย เราจะไปกันไหม?”

               เพิ่มสถานที่เที่ยวมาอีกหนึ่งที่จะทันหรือเปล่านะ ไม่ได้ไปคงเสียดายแย่ แต่ถ้าไปอาจจะตกรถไฟได้เนี่ยสิ…

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “รีบกลับหรือเปล่าล่ะ ฉันไม่มีอะไรที่ต้องทำหรอกนะ แต่ถ้าอยู่ต่ออีกวันค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่ม..”

               รู้ล่ะว่าอีกฝ่ายมีกำลังทรัพย์พอจ่ายไหว แต่ก็อดเกรงใจคนรักไม่ได้อยู่ดีเพราะนี้ก็ให้แมคเคนซีซัพพอร์ตเงินมาตั้งเยอะ

               “อื้ม แบบนั้นก็ได้ ถ้างั้นก็ตกลงตามนั้นแหล่ะ ส่วนเดินเล่นต่อ… เอาไว้ก่อนก็ได้ ยังไงช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ก็คงเหมือน ๆ กันหมดแหล่ะมั้ง ว่าแต่เดินทางไงดีล่ะ”

               ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนเพื่อดูแมพขณะไปรับสัมภาระที่ฝากเอาไว้ เหมือนว่าจากสยามพารากอนไปวัดโพธิ์จะไปได้หลายวิธีเลย มีรถบัสสาธารณะไปถึงในต่อเดียวได้ด้วย เรื่องลงรถคงไม่เป็นปัญหาอะไรเท่าไร แต่เห็นมีคนชอบบ่นว่ารถบัสของไทยที่เรียกว่า ‘รถเมล์’ ไม่มีเวลาเดินทางถึงป้ายแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอรถนานเท่าไรก็ไม่รู้

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันล่ะเกรงใจคุณพ่อนายจริง ๆ”

               ได้แต่ยิ้มแหย ถึงบ้านอีกฝ่ายจะเป็นเศรษฐีกลอสเตอร์ไม่เหมือนกับครอบครัวของเขาที่เป็นชนชั้นแรงงานที่แม้จะไม่ได้ลำบากก็พอจะรู้ว่าการเป็นหนี้สินมันแย่อย่างไร เอาไว้ดูก่อนอีกที ถ้ากลับไม่ทันก็คงต้องหาที่พักกันอีกคืน

               “เป็นความคิดที่ดี ตามสถานที่ท่องเที่ยวพวกนั้นไม่รู้จะมีที่ฝากของหรือเปล่าด้วยสิ”

               จากประสบการณ์เที่ยววัดกันมาไม่มีที่ฝากของเลยด้วย เพราะฉะนั้นไม่เสี่ยงหิ้วของหนักไปมาจนกล้ามเนื้ออักเสบดีกว่า

               หลังจากที่ฝากของกันที่หัวลำโพงแล้วก็ได้เวลายิงยาวท่องเที่ยว เริ่มด้วย ‘วัดโพธิ์’ หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ ‘วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร’ ดีนไม่เข้าใจว่าทำไมวัดไทยถึงมีชื่อยาวและชื่อย่อ ในเชิงภาษาจะเป็นตัวย่อแบบ NASA ย่อมาจาก National Aeronautics and Space Administration หรือเปล่านะ?

               แต่ก็ต้องหยุดความสงสัยไว้ก่อนเมื่อมาถึงวัด จะว่าไปวัดใหญ่ ๆ ในกรุงเทพก็มีความหรูหราและเคร่งขลังคนละแบบกับวัดในภาคเหนือ

               “ดูเหมือนว่าวัดแห่งนี้จะขึ้นชื่อด้านการรักษาโรคนะ”

               ดีนเปิดใบปลิวอ่าน ตอนแรกเขาคิดว่าวัดแห่งนี้ขึ้นชื่อแค่เรื่องนวดไทย แต่ความจริงแล้วที่วัดแห่งนี้มี ‘โรงเรียนแพทย์แผนโบราณและการนวดแผนโบราณ’ อยู่ในวัดเลยต่างหาก

               “ฉันเคยนวดไทยที่นิวยอร์กสองสามครั้ง มันดีมากเลย นายอยากลองดูบ้างไหม?”

               เกริ่นแบบนี้แปลว่าอยากนวดแหล่ะ ก็แหมพวกเขาเที่ยวกันมาตั้งหลายวัน ร่างกายย่อมเมื่อยล้าเป็นธรรมดา

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ได้คำตอบเรื่องการเงินดูเหมือนว่าดีนต้องเปลี่ยนความคิด

               “แม่ง.. น่าหมั่นไส้ชะมัด”

               ใช่ซี้ งานบาร์เทนเดอร์มันเงินดีนี่นา ไม่เหมือนเขาที่เป็นพนักงานร้านฟาสต์ฟู้ดต๊อกต๋อย แม้ที่สหรัฐฯ จะมีธรรมเนียมจ่ายทิปยี่สิบเปอร์เซนต์ของค่าอาหารเป็นปกติ ที่ดูเหมือนว่าเหล่าพนักงานเสิร์ฟน่าจะได้เงินพิเศษเยอะ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะดันมีกฎหมายที่ระบุให้นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนขั้นต่ำของพนักงานที่รับทิปได้ เฮ็งซวย!

               เก็บความขุ่นเคืองใจเรื่องราวในอดีตไว้เพียงแค่นั้นก่อนเพราะชีวิตตอนนี้เขาสามารถอยู่ได้ด้วยเงินภารกิจและจากการที่ช่วยเจ๊ฮาร์ปี้เก็บกวาดโรงอาหาร สาบานได้เลยว่าหากชีวิตไม่ตกต่ำจนเกินไปเขาไม่กลับไปทำงานที่นายจ้างกดขี่อีกแน่ ๆ แม้เพื่อนร่วมงานจะดีแต่ถ้าไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้

               แต่จะว่าไปชีวิตตอนนี้ก็ถือว่าดีอยู่นะ ส่วนหนึ่งเพราะมีแฟนและแฟนยังรวยอีกต่างหาก (เขาถึงได้มานวดแผนไทยอย่างสบายใจเฉิบแบบนี้อยู่ได้) ถึงจะน่าหมั่นไส้มาก ๆ ก็ตามทีเถอะ ดังนั้นดีนจึงแอบสะใจเล็ก ๆ เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญที่ลอยออกมาจากเตียงนวดข้าง ๆ คนไม่เคยนวดก็แบบนี้ มาครั้งแรกก็เจอของแรงแล้ว ก็ต้องยอมรับเลยว่าแรงของป้าหมอนวดดีกว่าสาว ๆ ที่นิวยอร์กเสียอีก กดคลึงแต่ละครั้งได้ตรงจุด มันเจ็บนะ แต่ว่าฟินเวอร์

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เจ็บสิ เจ็บ ๆ แบบนี้ฟินดีจะตาย”

               พูดไปก็หลับตาพริ้ม ฟังเองแล้วแอบเหมือนว่าตัวเองเป็นมาโซคิสม์ยังไงก็ไม่รู้แฮะ แต่ว่าช่างเถอะ นวดไปนวดมาเสียงร้องที่เตียงข้าง ๆ ก็เงียบเสียงลง ลองหันไปอีกทีก็เห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว… หรือสลบหว่า?

               สองชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก พวกเขานวดเสร็จเรียบร้อยจนตัวโล่งสบายติดอย่างเดียวคือกลิ่นน้ำมันนวดติดตัวหึ่งจนอยากหาที่อาบน้ำเสียเหลือเกิน

               “เป็นไงบ้าง ดีใช่ไหมล่ะ” ดีนเปิดกระเป๋าเป้ควานหากระเป๋ายาก่อนจะหยิบยาแก้ปวดให้อีกฝ่ายและตัวเองคนละสองเม็ด “กินกันไว้ก่อน เดี๋ยวอาจจะเจ็บระบม”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เชี่ยวชาญไหมไม่รู้ ฉันก็แค่เคยโดนของหนักมานิดหน่อย” ตอนนี้รู้สึกโล่งสบายตัวอยู่หรอก แต่ไปลุ้นกันคืนนี้ว่าไข้จะขึ้นไหม “เอาสิ ไปที่ต่อไปกันเลย ก่อนที่กล้ามเนื้อฉันจะอักเสบ”

               ดีนกลั้วหัวเราะ เมื่อตกลงกันได้แล้วก็เดินทางไปยังที่หมายถัดไปซึ่งก็คือ ‘วัดพระศรีรัตนศาสดาราม’ หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า ‘วัดพระแก้ว’ นั่นเอง ถึงจะอยู่ไม่ห่างจากวัดโพธิ์มากนักแต่ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้คงจะเดินท้าวไปไม่ไหว (ไม่งั้นที่เพิ่งนวดมาสูญเปล่าหมดกันแน่) พวกเขาจึงต้องหารถประจำทางหรืออะไรสักอย่างเดินทางกันต่อ แล้วสายตาของดีนก็กวาดไปเห็นทั้งรถตุ๊กตุ๊กและแท็กซี่สีลูกกวาด ที่จอดอยู่ด้านหน้าวัดรอให้ผู้โดยสารใช้บริการพอดี

                “แมคซี่ขึ้นตุ๊กตุ๊กกัน เขาว่าถ้ามาไทยแล้วไม่ได้ขึ้นตุ๊กตุ๊กก็เหมือนมาไม่ถึงประเทศไทย”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็… หลาย ๆ เรื่องล่ะนะ”
               
               ให้สาธยายว่าเคยโดนอะไรหนัก ๆ มาบ้างคงไม่ไหว แต่ถ้าเป็นสถานะเสี่ยงตายสุด ๆ คงไม่พ้นตอนที่เขาถูกหางพิษของไคมีร่าแทงไปสองที หากไม่ได้ ‘พ่อ’ ช่วยเอาไว้มีหวังซี้แหงแก๋คาหาดไมอามี่ไปแล้ว

               แต่ตอนนี้พวกเขาถูกโชเฟอร์ตุ๊กตุ๊กโขกสับในราคาที่แรงเกือบเท่า ๆ กับถูกหางไคมีร่าจิ้มพุง

               “งั้นเรียกคันอื่นแทนไหม ไม่ก็แท็กซี่”

               แต่พูดก็พูดเถอะ ข้อเสียหลักของไทยก็คือโชเฟอร์หน้าเลือดที่ชอบขูดรีดราคาค่าโดยสารนักท่องเที่ยวจนคนที่เคยไปเที่ยวมาเตือนเป็นอันดับต้น ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็อยากแต่…”

               ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีหนุ่มไทยคนหนึ่งแทรกเข้ามา ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นโชเฟอร์ตุ๊กตุ๊กเหมือนกัน ใช่แหล่ะ เพราะเขาจะไปส่งพวกเราด้วยเงินแค่ยี่สิบบาทนี่นา นี่สิคนดี! ทว่าหลังจากนั้นลุงคนขับคนแรกแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาแล้วก็เถียงกันเป็นภาษาไทยยกใหญ่ ดีนที่กลัวการมีเรื่องได้แค่ยืนหลบหลังแมคเคนซี ดีที่ไม่มีเรื่องราวใหญ่โตไม่อย่างนั้นเขาคงพาคนรักวิ่งหนีออกมาแล้ว จนในที่สุดพวกเขาก็ได้รถตุ๊กตุ๊กที่ถูกและได้ชมวิวกรุงเทพอย่างสบายใจ

               “เฮ้อ ดีจัง ฉันนึกว่าจะมีเรื่องกันซะแล้ว”

               ดีนยิ้มออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็ซื้อบัตรเข้าชมวัดพระแก้วที่อยู่ติดกับพระบรมมหาราชวัง

               เข้าสู่ช่วงเรื่องเล่าน่ารู้!

               ตำนานการสร้างพระแก้วมรกตซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดที่ชาวไทยเคารพศรัทธาจนนำมาตั้งชื่อเรียกให้วัดมีอยู่ว่า.. มีมหาเถร (พระผู้ใหญ่) มหานาคเสน อยู่ที่เสนอาราม เมืองปาฏลีบุตต์ (ประเทศอินเดีย) คิดจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่งขึ้นมา พระอินทร์ได้รับรู้ถึงความปรารถนานั้นจึงบันดาลให้วิษณุกรรม (เทพการช่าง) นำแก้วมณีโชติจากเขาวิบูลบรรพตมาให้ แต่ยักษ์ที่ดูแลแก้วมณีไม่ยินยอม หลังเจรจาอยู่นานยักษ์ผู้ดูแลอัญมณีจึงให้มรกตมาแทนพระอินทร์จึงให้สลักเป็นรูปพระพุทธเจ้า แล้วบรรจุธาตุของพระพุทธเจ้าไว้เจ็ดแห่ง พระมหานาคเสนได้ทำนายต่อว่า ต่อไปพระแก้วมรกตนี้จะเจริญรุ่งเรืองดินแดนแถบเอเซียอาคเนย์

               ต่อมาพระยาอนุรุทธราช กษัตริย์พม่าได้ส่งนักปราชญ์ทั้งหลายไปคัดลอกพระไตรปิฎกจากลังกาและได้พระแก้วมรกตกลับมาด้วย ระหว่างทางเรือสำเภาถูกนํ้าซัดไปติดอยู่ที่นครหลวง พระยาอนุรุทธราชไปขอคืนแต่พระญานครหลวงคืนให้เฉพาะพระไตรปิฎก ต่อมาพระญาอาทิตย์รบชนะเมืองนครหลวง จึงอัญเชิญพระแก้วมรกตไปที่เมืองอโยธยา ภายหลังพระรามแห่งเมืองกำแพงเพชรย้ายไปไว้ที่กรุงเทพฯ ต่อมาพระญามหาพรหมราชได้อัญเชิญไปไว้ที่เชียงราย และเมื่อพระญาติโลกราชแห่งเชียงใหม่สร้างกุฎีเสร็จ จึงอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองเชียงใหม่แต่นั้นมา

               แต่ก็มีอีกหลายตำนานเกี่ยวกับพระแก้วมรกตที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ บางก็ว่ากษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ในตอนนั้นรบชนะลาวแล้วนำพระคู่บ้านคู่เมืองของลาวมาประดิษฐานไว้ที่กรุงเทพแทน

               “ไกด์คนนั้นบอกว่าวัดพระแก้วถอดแบบมาจากวัดที่อยุธยาเลยสินะ แทบไม่น่าเชื่อนี่มันหรูหราแบบสุด ๆ”

               อดจะทึ่งกับสถาปัตยกรรมไม่ได้ ขนาดว่ารูปสลักตามกำแพงโดยรอบยังมีรายละเอียดที่วิจิตรงดงาม ไม่มีส่วนไหนที่ดูเป็นงานลวกงานเร่งเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ดีนไม่แน่ใจว่าสีทองที่เคลือบอยู่บนปูนปั้นเป็นทองจริงหรือแค่สีทา เพราะหากเป็นทองจริงก็ดูจะล่อตาโจรมากเกินไปหน่อยแม้ว่าสถานที่นี้จะอยู่ติดกับพระบรมหาราชวังเลยก็ตาม

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               น่าเสียดายที่ส่วนของพระราชวังไม่สามารถเข้าไปเดินชมได้อย่างเช่นที่ลอนดอน พวกเขาสามารถเดินเล่นได้เพียงแค่รอบนอกเท่านั้นแถมสถานที่ยังกว้างใหญ่สมกับเป็นพระบรมมหาราชวังจริง ๆ จึงทำให้สำรวจไม่ได้ถ้วนทั่วก็จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป

               ไม่ลืมถ่ายรูปสถานที่สำคัญอย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อนั่งรถผ่าน ที่นี่คือ ‘หลักกิโลเมตรที่ศูนย์’ ของไทย เรียกได้ว่าถ้าจะนับจุดเริ่มต้นจากไหนก็คงเป็นที่นี่ แต่ดูแล้วอนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นดั่งอนุสรณ์สถานมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวเนื่องจากอยู่บนเกาะวงเวียนกลางถนนที่รถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ จึงไม่มีนักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างเช่นหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของสหรัฐฯ ใกล้ธรรมเนียบขาว ณ วอชิงตัน ดี.ซี.

               นั่งรถฝ่าการจราจรอันพลุกพล่านของเมืองหลวงได้จนมาถึงภูเขาทอง ดีนแหงนหน้าขึ้นมองยอดเจย์ดีย์สีทองตั้งตระหง่านอยู่บนอาคารสีขาวรูปทรงคล้ายภูเขา

               “นั่นน่ะเหรอภูเขาทอง มองจากตรงนี้ไม่รู้เลยแฮะว่าฐานรากเอาอิฐมาจากอยุธยา.. จะว่าไปดูใหม่กว่าที่คิดซะอีก ฉันนึกว่าคนประเทศนี้จะไม่ปฏิสังขรณ์โบราณสถานซะแล้ว”

               จะไม่ให้คิดแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อเมืองหลวงเก่าอย่างอยุธยามีอายุไม่กี่ร้อยปีเองยังมีสภาพเหลือเป็นแค่ซาก แม้ผ่านการทำลายจากสงครามมาก็ไม่น่าทรุดโทรมขนาดนั้นหากได้รับการดูแลมาตั้งแต่ต้น

               “น่าเสียดายอ่ะเข้าไปไม่ได้ ถ้างั้นเราไปที่เยาวราชต่อกันเลยไหม?”

               ตอนนี้เวลาก็ใกล้ที่พระอาทิตย์จะลับฟ้าเต็มแก่ ร้านรวงต่าง ๆ น่าจะเปิดให้บริการพอดี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               เมื่อมาถึง ‘เยาวราช’ หรือไชน่าทาวน์ของไทยแลนด์ ร้านรวงต่าง ๆ ก็เริ่มเปิดไฟสร้างสีสันแข่งกันตัดกับสีของท้องฟ้าที่มืดครึ้มลง บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจที่ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของ ‘ไชน่าทาวน์’ ที่อยู่อาศัยของดีนตอนเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในย่านแมนฮัตตัน ณ ถนนบอร์ดเวย์ เพียงแค่มีถนนเวสต์ฮูสตันตัดผ่านอีกด้านก็คือ ‘โซโฮ’ หรือไชน่าทาวน์แล้ว ภาพที่เห็นจึงมีความชินตาอยู่บ้างแม้ว่าเขาจะไม่ได้ข้ามฟากไปบ่อยหากไม่มีธุระ ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไหนก็แทบไม่ต่างกันเลยจริง ๆ เพียงแค่ว่าร้านอาหารข้างทางของนิวยอร์กจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าร้านของไทยที่ยื่นออกมาตามทางเท้า แม้จะดูไม่เป็นระเบียบแต่กลับมีสีสันของชีวิตมากกว่า

               “ที่นี่ไม่ต่างจากโซโฮเท่าไรเลยแฮะ แปลว่าต้องมีของอร่อยให้กินเยอะแน่ ๆ”

               ดีนยิ้มยืดอย่างมั่นอกมั่นใจ เอาจริง ๆ ตั้งแต่มาไทยเขายังคิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่อร่อยเลย เพียงแค่ว่าตนเองโหยหาอาหารตำหรับอเมริกันเท่านั้นเองจึงทำให้ความอยากอาหารไทยลดลง

               “ที่อยากกินเป็นพิเศษไม่มีนะ แต่ฉันว่าถ้ามาย่านคนจีนแบบนี้เราควรจะกินอาหารจีนกันหรือเปล่า? ฉันเคยหาร้านแนะนำเอาไว้ แป๊บนึงนะ ขอดูก่อน”

               กล่าวแล้วชายหนุ่มก็หยิบสมาร์ทโฟนจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาสไลด์หาร้านที่เคยโน้ตเอาไว้

               “ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น แกงกะหรี่จีน กระทะร้อน ซีฟู้ด หรือว่าอาหารจีนดั้งเดิมไปเลย แล้วก็ร้านขนมปัง นายว่าเอาไงดี หรือว่าเราจะลองเดินหาร้านดู ร้านไหนน่ากินก็เข้าร้านนั้นดีล่ะที่รัก?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอเคได้”

               ดูท่าทางว่าแมคเคนซีจะติดใจการเดินตลาดเสียแล้วซึ่งทำให้ดีนค่อนข้างจะประหลาดใจนิดหน่อยเพราะดูแล้วอีกฝ่ายดูเหมือนคนที่ออกจากห้องมาเพื่อทำอะไรบางอย่างแล้วรีบกลับมากกว่าเดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย หรืออาจเพราะนี่เป็นวันสุดท้ายของการอยู่ที่ประเทศไทยจึงอยากซึมซับบรรยากาศก็ได้มั้ง ซึ่งเมื่อเดินผ่านร้านเกาลัดพวกเขาก็ได้กลิ่นคั่วหอม ๆ ลอยเตะจมูกเข้าอย่างจัง และแม่ค้าก็อัธยาศัยดีพยายามตื๊อขายเสียด้วยจนทั้งสองได้รับเกาลัดให้ลองชิมคนละลูก

               “อื้ม อร่อยดี ติดอย่างเดียวอากาศร้อนไปหน่อยถ้าได้กินตอนหน้าหนาวคงอร่อยกว่านี้”

               ไม่ต้องเป็นฤดูหนาวก็ได้อย่างช่วงเวลาที่เขาชื่นชอบกินเกาลัดจากย่านโซโฮมากที่สุดคงไม่พ้นฤดูใบไม้ร่วง อากาศที่เริ่มเย็นลงกับการรับประทานมันเผาหรือเกาลัดรสหวานคั่วร้อน ๆ เป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีสุด ๆ

               “เอาสิ ถ้านายอยากกิน แต่ว่าอย่าเพิ่งกินเยอะนะ เดี๋ยวจะอิ่มก่อนได้กินของคาวอย่างอื่น”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ได้ยินอีกฝ่ายสั่งเกาลัดก็ขมวดคิ้ว

               ‘มันจะเยอะไปไหม!’

               คิดได้ว่าเป็นของฝาก แต่แมคเคนซีคงจะลืมกว่ากว่าพวกเราจะไปถึงค่ายฮาล์ฟบลัดก็เป็นวันมะรืนแล้ว (หรือพรุ่งนี้ตามเวลาท้องถิ่น) เกาลัดที่อุ่นและหอมฉุยมันจะชืดเอาน่ะสิ ต่อให้เอาไปอุ่นอีกรอบก็จะแข็งกระด้างไม่อร่อยเหมือนเดิม อ้าปากจะแย้งแต่ก็ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายจ่ายเงินไปเสร็จสรรพ เอาเถอะ เป็นบทเรียนให้คุณหนูได้เรียนรู้ว่าซื้อมากไปก็ไม่ดี

               อาหารข้างทางทำเอาพวกเขาอิ่มแปะ แล้วตอนนี้ก็ได้เวลากลับนิวยอร์กแล้วสินะ จะว่าเสียดายก็นิดหน่อย แต่พวกเขาได้เที่ยวไทยอย่างเต็มอิ่มแบบสุด ๆ แล้วล่ะ

               หลังจากนี้ทั้งสองก็หอบถุงเกาลัดมากมายกลับไปที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเอาสัมภาระที่ฝากไว้จากนั้นก็ทะลุกำแพง ณ ชานชาลาหมายเลขเก้าเข้าไปยังสถานีรถไฟเฮเฟตัสสาขาไทยแลนด์ ดีนให้แมคเคนซีเฝ้าของเอาไว้ในขณะที่เขากำลังซื้อตั๋วรถไฟขากลับ ตอนแรกก็กะว่าจะใช้เงินดรักม่าที่คนรักฝากไว้ตั้งแต่ขามาจ่าย แต่ดีนพึ่งพาเงินโลกมนุษย์ของอีกฝ่ายเอาไว้เยอะตนจึงตัดสินใจใช้ดรักม่าของตัวเองจ่ายแทน

               พนักงานดูเหมือนจะเป็นมือใหม่จึงทำอะไรชักช้าไปหน่อย ระหว่างที่รอดีนก็ได้ยินเสียงรายการวิทยุที่เปิดด้านในห้องขายตั๋ว

               “สวัสดีค่ะพี่แจ๊ค ขอเริ่มเล่าเลยนะคะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ น้องไปเที่ยวกางเต็นท์ที่ดอยแห่งหนึ่งในภาคเหนือกับครอบครัว ทุกอย่างปกติดี แต่อยู่ ๆ กลางดึกคืนนั้นน้องได้ยินเสียงฝรั่งตะโกนว่า ‘โกสต์!!’ จนน้องตื่นขึ้นมาแต่ไม่กล้าออกจากเต็นท์ค่ะ พอมองออกไปข้างนอกน้องก็เห็นเงานักรบโบราณต่อสู้กันอยู่ น่ากลัวมากเลยค่าพี่แจ็ค แล้วหลังจากนั้น….…” (ภาษาไทย)

               ด้วยความที่ฟังภาษาไทยไม่ออกชายหนุ่มจึงไม่ได้ใส่ใจและรอรับตั๋วสองใบที่ซื้อมาแล้วกลับไปหาแมคเคนซีที่รออยู่

               “โทษทีที่รักรอนานไหม เหมือนว่าคนขายตั๋วจะเป็นเด็กฝึกงานน่ะ อ้อใช่ อีกห้านาทีรถไฟจะออกเดินทางแน่ะ พวกเรานี้กะเวลาได้ตรงเป๊ะเลยนะ” เขาหัวเราะ “แล้วก็นี่ ถุงเงินดรักม่าของนาย ฉันคืนเลยก็แล้วกัน”

               ดีนคืนเงินดรักม่าที่แมคเคนซีไว้วางใจเอามาฝากโดยที่เงินในถุงไม่ได้พร่องลงแม้แต่น้อย ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อเสียงหวูดรถไฟสไตล์คลาสสิกก็ดังขึ้น

               “โอ๊ะ มาแล้ว รีบไปกัน!” ดีนตบบ่าคนรักเบา ๆ ก่อนจะรีบหอบข้าวของแล้วตรงไปขึ้นรถไฟในทันที...

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]


จ่ายค่ารถไฟเฮเฟตัสกลับนิวยอร์ก
ห้องพิเศษ 100 ดรักม่า (รวมภาษี = 106 ดรักม่า)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 93576 ไบต์และได้รับ 54 EXP!  โพสต์ 2024-9-30 10:47
โพสต์ 93,576 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-9-30 10:47
โพสต์ 93,576 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-9-30 10:47
โพสต์ 93,576 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-9-30 10:47
โพสต์ 93,576 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-9-30 10:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-11-27 14:07:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Roleplay Box



ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

"บทที่ 1: การเดินทางของริต้า"
 
หลังจากที่รถไฟหยุดและจอดสนิทลงเรียบร้อยแล้ว เสียงประกาศดังผ่านลำโพงในสถานีหัวลำโพงของกรุงเทพมหานคร
 
"ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้ขบวนรถไฟที่เดินทางมาจากเชียงใหม่ ได้มาถึงสถานีปลายทางแล้ว ขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบสัมภาระและลงจากรถไฟโดยเรียบร้อย ขอบคุณค่ะ"

สาวน้อยริต้าสะพายกระเป๋าใบเล็ก พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินทางอีกใบหนึ่งในมือ เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถไฟ มองรอบตัวอย่างตื่นเต้น แม้จะเป็นบ้านเกิดของเธอเอง แต่เธอจากกรุงเทพฯ ไปตั้งแต่ยังเล็ก การกลับมาอีกครั้งหลังจากสิบปี ทำให้ทุกอย่างดูแปลกใหม่สำหรับเธอ
 
"กรุงเทพฯ... ไม่เหมือนที่ฉันจำได้เลย" ริต้าพึมพำกับตัวเอง
 
เสียงผู้คนพูดคุยจอแจ รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ขับวนอยู่ด้านนอกสถานี และเสียงล้อกระเป๋าลากบนพื้นคอนกรีตสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์ขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุรินทร์
 
"สวัสดีค่ะ ฉันขอตั๋วไปสุรินทร์หนึ่งที่ค่ะ" ริต้าพูดพร้อมรอยยิ้ม
 
เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
 
"ได้ค่ะ ขบวนที่เร็วที่สุดจะออกเวลา 10.30 น.นะคะ ราคา 250 บาทค่ะ"

ริต้าพยักหน้ารับพร้อมจ่ายเงิน ก่อนจะหยิบตั๋วที่ได้รับมายื่นดู เธอรีบเก็บมันใส่ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง เธอเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนรถไฟจะออก จึงเดินสำรวจบริเวณสถานีและหาขนมรองท้อง
เมื่อถึงเวลา 10.30 น. เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นรถไฟดังขึ้น ริต้าก้าวขึ้นรถไฟขบวนใหม่ด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อคิดถึงปลายทางข้างหน้า สุรินทร์…บ้านเกิดของบัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยที่เธอชื่นชมมาตลอด
 
---
 
บทสนทนาในรถไฟ
 
เมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี เสียงกระดิ่งเตือนดังขึ้น ริต้าหาที่นั่งของเธอเรียบร้อย ในขณะเดียวกัน เธอสังเกตเห็นคุณยายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้าม ยายคนนั้นมองมาทางเธอและยิ้มอย่างอบอุ่น

"หนูเดินทางไปไหนจ๊ะ?" ยายถามด้วยน้ำเสียงใจดี
 
"หนูจะไปสุรินทร์ค่ะคุณยาย" ริต้าตอบพร้อมยิ้ม
 
"ไปเยี่ยมญาติที่นั่นเหรอ?"
 
"ไม่ใช่ค่ะ หนูอยากไปดูบ้านเกิดของบัวขาว บัญชาเมฆ หนูชื่นชมเขามากค่ะ" ริต้าพูดด้วยความตื่นเต้น
 
คุณยายหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับ
 
"โอ้โห บัวขาวดังไปถึงไหนแล้วสินะ เด็กสาวสมัยนี้ก็ชื่นชมเขาไม่น้อยเลย ดีแล้วล่ะจ้ะ สุรินทร์เป็นจังหวัดที่สวยงามมาก หนูต้องชอบแน่ๆ"

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดการเดินทาง บรรยากาศในรถไฟอบอุ่นและผ่อนคลาย ริต้าเริ่มรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อบัวขาว แต่เธอกำลังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมและชีวิตใหม่ที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หมายเหตุ: เดินทางถึงประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุรินทร์

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10612 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-11-27 14:07
โพสต์ 10,612 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-11-27 14:07
โพสต์ 10,612 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-27 14:07
โพสต์ 10,612 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +6 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-11-27 14:07
โพสต์ 10,612 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-11-27 14:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
นาฬิกาสปอร์ต
ช่ำชองการรบ[I]
น้ำหอมสตรี
รองเท้าเซฟตี้
หอกกรีก
ความถึก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
โพสต์ 2024-11-27 19:09:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Rita เมื่อ 2024-11-27 20:17

Roleplay Box



ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

บทที่ 1: การเดินทางบนขบวนรถไฟลึกลับ


 
หลังจากที่ริต้าสาวน้อยผู้มีเสน่ห์และความกล้าหาญ ได้พูดคุยกับคุณยายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอก็ลุกขึ้นยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ของตัวเอง ขณะที่เธอหยิบหนังสือเล่มเล็กขึ้นมาอ่าน เสียงจังหวะของรถไฟที่วิ่งบนรางสร้างความผ่อนคลายให้เธอ 

แต่ทันใดนั้น...
 
ไฟในขบวนรถไฟเริ่มมีอาการติดๆ ดับๆ
 
เสียงผู้โดยสารรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบด้วยความกังวล บางคนหันมองซ้ายมองขวา ริต้าหลับตาแน่น เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่คืบคลานเข้ามา
 
"ไม่น่าไว้วางใจเลย..." ริต้าพึมพำ ก่อนจะยื่นมือไปใต้เบาะที่นั่ง หยิบ หอกกรีก สีเงินที่เธอพกติดตัวไว้เสมอ
 
เธอยืดตัวตรง สะบัดเรือนผมสีดำเงางามของเธอเล็กน้อย สายตาคมกริบมองไปรอบข้าง
 
"ต้องมีอสุรกายตามเรามาแน่ๆ..." เธอกล่าวเสียงเย็น

ทันใดนั้น!
 
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากผู้โดยสารด้านหลัง ริต้าหันไปทันที และสิ่งที่เธอเห็นคือ ก็อบลินตัวสูงกว่ามนุษย์ยืนตระหง่านอยู่ในเงามืด ดวงตาของมันเป็นสีแดงเพลิง พร้อมเขี้ยวแหลมที่โผล่ออกมาจากปาก
 
"นี่มัน...แผนลอบโจมตีงั้นเหรอ?" ริต้าเอ่ยพร้อมยกหอกขึ้น เธอยิ้มบางแต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ
 
"มาสิ ถ้านายกล้าพอ!"

ก็อบลินคำรามเสียงดังและพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็ว ริต้าหลบการโจมตีครั้งแรกได้อย่างเฉียดฉิว เธอหมุนตัวอย่างสง่างามและใช้หอกฟาดไปที่ขาของมัน
 
“ฉึก!

เสียงหอกกระแทกเข้ากับเนื้อของมัน ทำให้ก็อบลินร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันหยิบดาบสนิมเขรอะขึ้นมาฟาดกลับ ริต้าใช้ปลายหอกกันไว้ก่อนที่จะหมุนตัวฟาดด้านหลังของมันอีกครั้ง
 
"แค่นี้เหรอ? ฝีมือนายยังช้าไป!"

ริต้าตะโกนพร้อมกับกระโดดสูง ใช้ปลายหอกแทงลงไปที่หัวใจของมันด้วยความแม่นยำ

“ฉึก!”

ก็อบลินล้มลงไปกองกับพื้นก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ กลายเป็นเถ้าธุลี
ไฟในขบวนรถไฟกลับมาติดสว่างอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเหมือนทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ซ่อนตัวอยู่เริ่มออกมาแสดงความโล่งใจ
 
ริต้ายิ้มให้กับสถานการณ์ที่สงบลง เธอเช็ดหอกกรีกของเธอเบาๆ ก่อนจะเก็บมันกลับไว้ใต้เบาะ
 
“จบสักที...” เธอกล่าวพร้อมนั่งลงด้วยความเหนื่อยล้า
 
รถไฟเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง และในที่สุดก็ถึงปลายทาง จังหวัดสุรินทร์ อย่างปลอดภัย ริต้าเก็บสัมภาระและเตรียมตัวก้าวลงจากขบวนรถไฟ
 
แต่ในใจของเธอรู้ดี...นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ใหญ่กว่านี้
 
"อะไรก็ตามที่รออยู่ข้างหน้า ฉันพร้อมเผชิญหน้าเสมอ..." ริต้าพูดกับตัวเองและ
เดินจากไปพร้อมแสงอาทิตย์แรกที่ทอแสงขอบฟ้า



แนบท้ายภาพจากการต่อสู้ในระบบค่ะ

หมายเหตุ: เดินทางถึงประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุรินทร์ 

หมายเหตุ: 2 เผชิญหน้าและต่อสู้กับก็อบลิน ได้รับสินสงคราม: หมวกก็อบลิน

แสดงความคิดเห็น

God
เอ่อปรับฟอนท์หน่อยก็ดีนะครับ เล็กจนมองไม่เห็นเลย  โพสต์ 2024-11-27 19:12
โพสต์ 10171 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-11-27 19:09
โพสต์ 10,171 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-11-27 19:09
โพสต์ 10,171 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-27 19:09
โพสต์ 10,171 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +6 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-11-27 19:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
นาฬิกาสปอร์ต
ช่ำชองการรบ[I]
น้ำหอมสตรี
รองเท้าเซฟตี้
หอกกรีก
ความถึก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
โพสต์ 2024-11-28 00:40:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Roleplay Box



ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

บทที่ 1: การเดินทางสู่บ้านบัวขาว
 
เสียงหวูดรถไฟดังยาวครั้งสุดท้าย ก่อนขบวนหยุดนิ่งสนิทที่ชานชาลาสถานีรถไฟสุรินทร์ ฝุ่นควันที่ฟุ้งขึ้นจากรางรถไฟเบาบางลงเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ ริต้า สาวน้อยวัย 15 ปี ผู้มีดวงตากลมโตและรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ ก้าวเท้าลงจากบันไดรถไฟอย่างระมัดระวัง
 
เธอถือกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กในมือหนึ่ง และกระเป๋าเดินทางขนาดกลางอีกใบ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก พลางมองไปรอบๆ ชานชาลา อากาศที่นี่ช่างแตกต่างจากในเมืองใหญ่ที่เธอจากมา ลมอ่อนๆ พัดผ่านใบหน้า เธอได้ยินเสียงพูดคุยภาษาอีสานที่คุ้นเคย
 
“ยินดีต้อนรับสู่สุรินทร์เด้อ!” คนขับรถตุ๊กตุ๊กส่งเสียงทัก เมื่อเห็นริต้าเดินลงมาจากสถานี
ริต้ายิ้มให้อย่างสุภาพ เธอพยักหน้าแต่ไม่ได้หยุดตอบรับ เพราะจุดหมายของเธอไม่ใช่รถตุ๊กตุ๊ก แต่เป็นรถเมล์สีแดงที่จอดอยู่ถัดไป
 
---
 
บนรถเมล์ที่มีเสียงเครื่องยนต์เก่าแก่ทำงานอย่างไม่หยุดพัก ริต้านั่งริมหน้าต่าง ชมวิวทุ่งนาเขียวขจีที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นภาพวัวควายเล็มหญ้าอย่างสงบ เธอรู้สึกได้ถึงความสงบที่เธอโหยหามานาน
 
ชายหนุ่มข้างๆ ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง เอ่ยถามขึ้นเบาๆ
 
“เฮาเห็นเจ้าเหมือนมาจากกรุงเทพฯ มาฮอดบ้านเฮานี่ครั้งแรกบ่?”

ริต้าหันไปมองเขา ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ผิวสีแทนแบบคนที่ทำงานกลางแดด
 
“ใช่ค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “แต่จริงๆ แล้วคุณแม่บุญธรรมของฉันเป็นคนที่นี่ค่ะ ฉันแค่กลับมาดูบ้านเกิดของเธอ”

เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
 
“อ๋อ บ้านอยู่แถวใด๋ล่ะ?”

“บ้านบัวขาวค่ะ” ริต้าตอบ
 
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“อ๋อ บ้านบัวขาว บัญชาเมฆใช่บ่? ที่มีค่ายมวยดังนั่นละ”

“ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ
 
เขามองเธออย่างสนใจ
 
“แล้วเจ้าไปเฮ็ดหยังที่นั่นล่ะ? ไปฝึกมวยบ่ หรือไปเที่ยว?”

“อันที่จริง ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการเล็กน้อยค่ะ เป็นเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” ริต้าพูดพลางเลี่ยงสายตา

หมายเหตุ: ลงจากรถไฟ ที่สถานีรถไฟสุรินทร์ และ เดินทางถึงจังหวัดสุรินทร์ บ้านเกิด ของ บัวขาว บัญชาเมฆ และกำลังขึ้นรถเมล์โดยสารไปยังบริเวณบ้าน ของ บัวขาว บัญชาเมฆ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8956 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-11-28 00:40
โพสต์ 8,956 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-11-28 00:40
โพสต์ 8,956 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-28 00:40
โพสต์ 8,956 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +3 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-11-28 00:40
โพสต์ 8,956 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-11-28 00:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
นาฬิกาสปอร์ต
ช่ำชองการรบ[I]
น้ำหอมสตรี
รองเท้าเซฟตี้
หอกกรีก
ความถึก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
โพสต์ 2024-11-28 09:32:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Roleplay Box



ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

"บัวขาว บัญชาเมฆ: ปริศนาหัวใจแห่งสังเวียน"
 
รถเมล์คันเก่าแต่ยังคงสภาพดีจอดสนิทตรงหน้าบ้านไม้ทรงไทยประยุกต์ที่รายล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิด กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ป่าลอยมาตามสายลม ริต้าสาวน้อยร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะพายกระเป๋าเป้ข้างตัว ก้าวลงจากรถเมล์พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน เธอชำเลืองมองป้ายชื่อที่เขียนไว้ว่า "บ้านบัวขาว" ก่อนจะหันไปพูดกับกระเป๋ารถเมล์อย่างสุภาพ
 
ริต้า: "ขอบคุณค่ะ พี่ เดี๋ยวถ้าจะกลับหนูคงรอรถเมล์รอบบ่ายนะคะ"
กระเป๋ารถเมล์: "ได้เลยหนู ถ้าหาคุณบัวขาวล่ะก็ คงอยู่แถวสวนหลังบ้านนะ ลุงเคยเห็นแกชอบไปนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น"

ริต้าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ปูด้วยอิฐแดง ระหว่างทางมีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว เสียงสายลมพลิ้วไหวพัดใบไม้ปลิวไปมา บรรยากาศสงบจนริต้ารู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาในโลกอีกใบ
 
ไม่นานเธอก็มาถึงสวนเล็กๆ หลังบ้าน ใต้ต้นจามจุรีใหญ่ เธอเห็นชายคนหนึ่งในเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาว เขาดูเหมือนกำลังมองอะไรสักอย่างในอากาศ สายตาของเขาแฝงความเหนื่อยล้า
 
ริต้า: "คุณบัวขาวใช่ไหมคะ?"

ชายคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเธอด้วยสายตาสงสัย
 
บัวขาว: "ใช่...ผมเอง คุณเป็นใครล่ะ?"

ริต้า: "ฉันชื่อริต้าค่ะ ฉันเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาตามหาคุณ ฉันได้ยินข่าวว่าคุณคิดจะถอนตัวจากการชกครั้งหน้า ฉันเลยอยากทราบเหตุผลค่ะ

บัวขาวหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่แววตาของเขากลับไม่ได้สะท้อนถึงความขบขัน
บัวขาว: "ข่าวมันไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ...แล้วทำไมคุณถึงต้องมาสนใจเรื่องของผมล่ะ?

ริต้า: "เพราะคุณคือแรงบันดาลใจของฉันค่ะ ฉันเห็นคุณต่อสู้ทั้งในและนอกสังเวียน ฉันเลยอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างคุณรู้สึกท้อแท้ได้ขนาดนี้"

เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจหนักๆ
 
บัวขาว: "คุณรู้ไหม...เวลาคนเราสู้มาตลอดชีวิต บางทีมันก็มีจุดที่รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้สู้ต่อแล้ว ผมเหนื่อย...เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรอีก"

ริต้า: "แต่คุณยังมีคนที่เฝ้ารอและเชื่อมั่นในตัวคุณนะคะ พวกเขายังต้องการแรงบันดาลใจจากคุณ"

บัวขาวจ้องมองเธออย่างครุ่นคิด เงียบอยู่นานก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
 
บัวขาว: "บางที...ผมอาจต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง"

ริต้า: "งั้นฉันจะอยู่ช่วยคุณตามหาคำตอบค่ะ"

ริต้ายิ้มอย่างจริงใจ ทำให้บัวขาวรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย บทสนทนาของทั้งสองค่อยๆ ดำเนินต่อไป พร้อมกับสายลมที่พัดผ่าน ความมืดมนในใจของบัวขาวเริ่มจางลงทีละนิด…

หมายเหตุ: ตามหาบัวขาวพบแล้ว และเริ่มพูดคุยสืบหาสาเหตุ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9906 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-11-28 09:32
โพสต์ 9,906 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-11-28 09:32
โพสต์ 9,906 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-28 09:32
โพสต์ 9,906 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +3 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-11-28 09:32
โพสต์ 9,906 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-11-28 09:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
นาฬิกาสปอร์ต
ช่ำชองการรบ[I]
น้ำหอมสตรี
รองเท้าเซฟตี้
หอกกรีก
ความถึก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
โพสต์ 2024-11-28 14:16:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Rita เมื่อ 2024-11-28 15:07

Roleplay Box



ชื่อ: Rita Chanakarnwarukpinit

"ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเงียบและการครุ่นคิด ริต้าได้แสดงถึงความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือคุณบัวขาว บัญชาเมฆ หลังจากที่เธอได้ฟังปัญหาและความรู้สึกของเขาอย่างลึกซึ้ง ริต้าเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ผสมผสานระหว่างการปรับทัศนคติและสร้างแผนการฝึกซ้อมใหม่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เธอกล่าวกับเขาอย่างหนักแน่นว่า
 
"คุณบัวขาว ทุกคนล้มได้ แต่สิ่งสำคัญคือคุณลุกขึ้นมาสู้ต่อได้หรือไม่ ไฟในตัวคุณยังไม่มอด เพียงแค่ต้องหาทางเติมเชื้อไฟนั้นให้ลุกโชนอีกครั้ง ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ เพราะคุณคือแรงบันดาลใจของหลาย ๆ คน"

เธอแนะนำให้เขากลับไปที่จุดเริ่มต้น สถานที่ที่เขาเริ่มฝึกมวยครั้งแรก เพื่อค้นพบความหมายที่แท้จริงของการชกมวยอีกครั้ง นอกจากนี้ ริต้ายังเสนอแนวทางการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในวงการมวย รวมถึงการสร้างทีมที่สามารถสนับสนุนเขาในทุกด้าน
 
คำพูดของริต้าสะท้อนเข้าไปในใจของบัวขาว เขาเริ่มทบทวนชีวิตและสิ่งที่เขาทำมาตลอด และในที่สุดเขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเอ่ยขอบคุณริต้าและยืนยันว่าเขาจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
 
ด้วยความช่วยเหลือและกำลังใจจากริต้า บัวขาวตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ในปีหน้า!


แสดงความคิดเห็น

God
เมื่อพบเจอเบาะแส จะมีแจ้งในคอมเม้นท์  โพสต์ 2024-11-28 15:10
God
หากเลือกทางเลือกที่ (2) คุณจะไม่สามารถมาเจอบัวขาวที่บ้านได้อีก เมื่อกลับมาอีกครั้งศิษย์ของเขาจะแจ้งว่าเขาไม่อยู่บ้านแล้ว คุณจะต้องตรวจสอบเหตุการณ์ภายในจังหวัดนี้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ได้เจอบัวขาว  โพสต์ 2024-11-28 15:10
God
(2) รู้สึกไม่วางใจแปลก ๆ แต่สีหน้าเขาดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิมก่อนที่เธอจะมาอีก ทำให้คุณขัดแย้ง แต่ก็อยากจะลองอยู่ต่อตรวจสอบปัญหาของเขา อะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเป็นหนักขนาดนี้   โพสต์ 2024-11-28 15:09
God
ทางเลือก (1) ยอมรับในความคิดของเขาและเชื่อมั่นในตัวเขาเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ (โรลเพลย์จบเควส) | หรือ   โพสต์ 2024-11-28 15:08
God
ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจนะ แม้จะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัวแต่ความปรารถนาดีที่เธอมีให้จะไม่ลืม  โพสต์ 2024-11-28 15:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
นาฬิกาสปอร์ต
ช่ำชองการรบ[I]
น้ำหอมสตรี
รองเท้าเซฟตี้
หอกกรีก
ความถึก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้