แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-9-19 10:58
208 Thailand P.8 - พิษณุโลก
เมื่อวานกิจกรรมท่องเที่ยวน้อยทำให้พวกเขาได้มีเวลาได้พักผ่อนเพื่อที่จะลุยเที่ยวในวันนี้ซึ่งกิจกรรมจะออกแนวแอดเวนเจอร์ให้ได้เสียเหงื่อนิดหน่อย อาจจะเท่าตอนที่ขึ้นบันไดห้าร้อยขั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่วันนี้ดีนชาร์จพลังงานมาเต็มร้อย ทั้งนอนหลับสนิท รับประทานอาหารเช้าจนอิ่ม และโด๊ปกาแฟมาเรียบร้อย
ขับรถกันออกจากสุโขทัยลงใต้มาไม่นานก็ถึงจังหวัดพิษณุโลกซึ่งถือเป็นหัวเมืองทางเหนือที่สำคัญของประเทศไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อประมาณสี่ร้อยกว่าปีก่อน ‘พิษณุโลก’ จะเป็นเมืองที่ให้ ‘พระมหาอุปราชา’ หรือก็คือรัชทายาทอันดับหนึ่งมาปกครอง ซึ่งถ้าใครได้ปกครองพิษณุโลกก็รู้ได้ทันทีว่าผู้นั้นคือพระราชาองค์ต่อไป และเมืองพิษณุโลกจะมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองอื่น ๆ ในละแวกนี้มาตั้งแต่โบราณ
สถานที่ท่องเที่ยวแรกเป็นแบบเบา ๆ ก่อนจะไปดำเนินกิจกรรมหนัก สองหนุ่มเดมิก็อดมาเยือน ‘วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร’ หรือที่คนไทยทั่วไปเรียกว่า ‘วัดพระพุทธชินราช’ และชาวพิษณุโลกเรียกว่า ‘วัดใหญ่’ มีหลายชื่อจนงง แต่ที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดใหญ่นี่ก็ใหญ่สมชื่อ ทั้งใหญ่โตด้วยอาณาบริเวณ และใหญ่โตในความสำคัญ ซึ่ง ‘พระพุทธชินราช’ ถือเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในประเทศไทย
แม้ว่าดีนจะไม่มีความรู้เรื่องความงามแบบไทยแต่เขาก็เห็นด้วยว่าพระพุทธรูปสีทองตรงหน้ามีความงดงามและเปล่งออร่าแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมา ภายในพระอุโบสถคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาสักการะไม่ได้เงียบเหงาเหมือนสถานที่อื่นที่เขาผ่านไปมาจนถ่ายรูปไม่ให้ติดคนได้ยาก กว่าจะได้ภาพนี้มาเขาซูมกล้องแล้วซูมกล้องอีกก่อนจะกดชัตเตอร์ในจังหวะที่เหมาะสม
“แมคซี่ นั่นเขาทำอะไรกันน่ะ?”
นอกจากจะเห็นชาวบ้านกราบไหว้องค์พระประธานเขาเห็นชาวบ้านเขย่ากระบอกบางอย่างจนแท่งไม้ร่วงลงมาจากนั้นก็ลุกไปหยิบแผ่นกระดาษในตู้ไม้ข้างผนังมาอ่าน บางคนอ่านเสร็จก็วางคืน แต่บางคนก็หยิบกระดาษนั้นขึ้นมาไหว้แล้วพับใส่กระเป๋า แย่จังเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่ได้ศึกษามาก่อนด้วย
@Mackenzie
“จับสลากเนี่ยนะ”
ดีนเลิกคิ้วพลางคิดขบขัน ก่อนจะเดินตามแมคเคนซีไปดูแผ่นกระดาษจับสลากที่แมคเคนซีว่าก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้แอปพลิเคชั่นแปลภาษาส่องคำแปล มันคือคำทำนายภาษาไทยที่ค่อนข้างต้องใช้การตีความ
เดิมทีชายหนุ่มเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่างสุดหัวใจแม้จะถูกอสุรกายตามล่าก็ยังคิดว่านั่นอาจเป็นภาพหลอน (ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า) และไม่เชื่อในคำทำนายหรืออะไรก็ตามที่บอกว่า ‘อนาคตถูกกำหนดไว้แบบนี้’ แต่เขาก็ไม่ถึงกับหัวแข็งที่จะเที่ยวไปบอกว่าเรื่องเหล่านั้นคือสิ่งไร้สาระ มันคือความเชื่อของคน หากรับสารมาพิจารณาและระมัดระวังตนไม่ให้ประมาทมันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ ขอแค่ว่าอย่าเอาแต่ยึดติดกับคำทำนายจนทำให้ชีวิตไม่เดินหน้าต่อก็เท่านั้น
ดีนยิ้มมุมปากก่อนจะเก็บใบคำทำนายไว้ในช่องตู้ไม้ตามเดิม ตอนนี้เขาแค่อยากเล่นสนุกเฉย ๆ
“น่าสนุก ฉันอยากจะลอง เดี๋ยวมานะ”
กล่าวจบเขาก็เดินดุ่ม ๆ ไปที่กระบอกเขย่าที่ว่างอยู่ (เซียมซี) เมื่อมองดูใกล้ ๆ เขาเห็นที่ปลายแท่งไม้มีเลขเขียนอยู่ ทำให้เข้าใจหลักการได้ในทันที จากนั้นมองซ้ายมองขวาเลียนแบบชาวไทย นั่งลงก้มกราบพระจากนั้นก็หยิบกระบอกไม้ขึ้นมาเขย่า
แซ่ก แซ่ก แซ่ก
เพ่งสมาธิให้แท่งไม้หล่นลงมาแค่แท่งเดียว ซึ่งมันยากมากที่จะทำให้แท่งไม้ไม่หกออกมาทั้งกระบอก เขาจึงใช้เวลาอยู่นานสองนานกว่าจะได้แท่งไม้ทำนายด้วย
แกรก
‘เลข 14’
เมื่อได้หมายเลขเขาก็เก็บแท่งไม้ลงกระบอกจากนั้นก็เดินดุ๊ก ๆ ไปที่ตู้ผลคำทำนายแล้วหยิบกระดาษในช่องหมายเลขสิบสี่ออกมา
“ใบที่หกว่าไว้… เฮ้! ใครเอาใบที่หกมายัดช่องสิบสี่เนี่ย!”
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะยัดกระดาษที่ผิดพลาดเข้าช่องที่ถูกต้อง แล้วหยิบกระดาษหมายเลขสิบสี่ที่เช็คแล้วว่าใช่ชัวร์ออกมา
@Mackenzie
“อืม ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่สุดท้ายเหมือนจะบอกว่า ‘มีความสุขทุกวันนะ’ ได้ใบที่ดีมาแบบนี้งั้นฉันเก็บไว้เป็นที่ระลึกดีกว่า”
คนดวงดียิ้มแป้นก่อนจะพับใบคำทำนายเป็นใบเล็ก ๆ แล้วสอดไว้ในช่องหนึ่งของกระเป๋าสตางค์
เมื่อเสร็จจากการเที่ยวชมพระอุโบสถแล้วก็เดินชมสถานที่ต่าง ๆ ในวัด ที่นี่มีทั้งพระใหญ่องค์ใหญ่กลางแจ้ง ซากโบราณสถาน และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ มากมาย (ดีนไม่แน่ใจว่าเป็นความเชื่อของทางพุทธหรือไม่เพราะรูปปั้นที่ชาวบ้านกราบไหว้ไม่เหมือนพระพุทธรูปที่เห็น)
“โอ๊ะ ตรงนั้นมีการแสดงด้วย ไปดูกันไหมแมคซี่”
สะกิดคนรักให้ไปดูทางศาลาหนึ่งเปิดเพลงบรรเลงไทย ตรงนั้นมีนางรำใส่ชุดไทยสวยงามร่ายรำอยู่ด้านหน้า ใกล้ ๆ นั้นมีโต๊ะตั้งอาหารมากมายที่ส่วนใหญ่เป็นหัวหมู ไก่ต้ม และไข่ไก่
“แปลกชะมัด ที่วัดนี้มีจัดการแสดงด้วย”
@Mackenzie
“ฉันมีความสุขอยู่แล้ว แต่มีนายยิ่งมีความสุขมากขึ้นต่างหาก”
หากไม่ติดว่าอยู่ในวัดในวาเขาคงล็อกคออีกฝ่ายมาหอมสักฟอดหนึ่ง แล้วเขาก็เหล่ไปเห็นว่าอีกฝ่ายส่งบางอย่างเข้ามาให้ในโทรศัพท์มือถือ พอเปิดดูก็เห็นภาพตัวเองที่เขย่ากระบอกเสี่ยงทายเมื่อครู่นี้
“โอ้ ขอบคุณนะแมคซี่ นายเริ่มจะเป็นสามีบล็อกเกอร์เต็มตัวแล้วสิ”
ดีนหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองโต๊ะอาหารที่อีกฝ่ายว่าไว้
“พิธีกรรมเหรอ? เอ่อ.. ก็อาจจะใช่แฮะ”
ลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปเลย เพราะว่าแถวบ้านเขาไม่มีอะไรแบบนี้นี่นา แต่การทำพิธีในวัดย่อมเป็นเรื่องมงคล แม้ว่าพวกเขาจะไม่เกี่ยวแต่ขอดูหน่อยคงไม่เป็นไร
@Mackenzie
“คนแก่เหรอ… คงงั้นมั้ง”
ภาพที่ดีนเห็นเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ยกมือพนมไหว้ เท่าที่ดูจากช่วงวัยก็มีผู้สูงอายุอยู่เยอะจริง ๆ นั่นแหล่ะ…
เมื่อดูการรำบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างเสร็จแล้วก็เดินออกประตูหลังวัดมาเดินเล่นริมน้ำ แม่น้ำเส้นใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าคือ ‘แม่น้ำน่าน’ ที่บัดนี้น้ำในแม่น้ำขึ้นเกือบเต็มตลิ่ง ช่วงนี้ภาคเหนือของประเทศไทยกำลังประสบอุทกภัย คิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งไปมาถูกน้ำท่วมก็หดหู่ใจแปลก ๆ หวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรไปมากกว่านี้ ดูเหมือนว่าเทพเจ้าแห่งสายน้ำแถบเอเซียจะอยู่ในความดูแลของเทพองค์อื่นไม่ใช่โพไซดอนเสียด้วย หากจำไม่ผิด.. ที่รูปปั้น ‘ใครสอนราดซะหมี’ กล่าวถึงอาจเป็นเทพที่ชื่อว่า ‘พระพิรุณ’
“เฮโล่ว ลีฟ ฟิช ฟอร์ แมหริด” “ห๊ะ?”
จู่ ๆ ก็ถูกคนแถวนั้นเรียกไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นคนที่มาจับปลาแต่ดูไปดูมาเป็นคนขายปลานี่นา แต่แปลก.. ขายปลาในถุง นอกจากปลายังมีเต่าแล้วก็ปลาไหลอีกต่างหาก แล้วเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ ‘ปล่อยปลาเพื่อบุญ?’ ดีนกำลังคิดว่าปล่อยปลาเพื่อบุญจะได้บุญยังไงในเมื่อปลาก็อยู่ของมันดี ๆ แต่ถูกคนจับมาใส่ถุงให้คนปล่อยเพื่อทำบุญ อีกอย่างเต่าบกมันว่ายน้ำไม่ได้ปล่อยไปเกรงจะได้บาปมากกว่า
“เอ่อ.. ไม่ล่ะ”
อาการล่กเริ่มออกดีนจับแขนแมคเคนซีไว้แน่นเหมือนว่าจะรับมือไม่ถูกกับการเสนอขายเชิงรุก คล้ายกับถูกตื๊อขายคอร์สเสริมความงามในห้างสรรพสินค้าจนน่าอึดอัดใจ
@Mackenzie
“ฟู้ว..”
ดีนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อผละออกจากพ่อค้านักขายปลามาได้ หากไม่มีแมคเคนซีมาช่วยเอาไว้เขาคงทำตัวไม่ถูกแน่ ๆ
“อืม… ฉันว่าแถวนี้ก็ไม่มีอะไรมาก พวกเรากลับไปที่รถกันก็ได้แล้วก็ขับรถชมวิวริมน้ำกัน นายว่าไงแมคซี่?”
เขาเสนอถาม เพราะว่าริมแม่น้ำน่านตรงนี้แสงแดดช่างร้อนแรงจนทำใบหน้าแทบไหม้ อยากจะขึ้นรถไปตากแอร์เย็นฉ่ำเสียมากกว่า
@Mackenzie
เมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงพวกเขาก็พากันเดินมาที่ลานจอดรถจากนั้นก็ขับออกไปชมวิวริมน้ำรอบเมืองพิษณุโลก ดีนเห็นบ้านลอยน้ำอยู่ที่ริมแม่น้ำน่านอยู่ประปรายถือเป็นภาพที่แปลกตาไม่น้อย ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่บ้านริมน้ำแต่เปล่าเลย เป็นบ้านที่ลอยอยู่ในน้ำต่างหาก รู้สึกแอบเสียดายเล็ก ๆ ที่ไม่ได้จองโรงแรมริมน้ำสุดคลาสสิกติดแต่ว่าน้ำในแม่น้ำออกจะสีแดงไปหน่อย ซึ่งหน้าน้ำก็มักจะเป็นแบบนี้
“อยากสิ อยากกิน เมื่อวานลองหาร้านดูแล้วเหมือนจะมีในปั๊มน้ำมันที่วังทองนะ เป็นทางผ่านพอดีออกจากเมืองไปนิดนึงก็เจอแล้ว ว่าแต่นายอยากกินไหม? หรือว่าอยากกินอาหารพื้นเมืองพิษณุโลก?”
เรื่องนี้ดีนก็หาข้อมูลมาเหมือนกันว่าอาหารประจำถิ่นเมืองสองแคว คือ แกงหยวกกล้วย ต้มยำหัวปลีปลาย่าง แกงแคปลาย่าง และแกงคั่วขนุน ซึ่งในคู่มือยังเขียนอีกว่าไม่ใช่อาหารที่หารับประทานได้ง่าย ส่วนมากชาวบ้านจะทำรับประทานกันเองในครอบครัว ดังนั้นหากจะหาทานแกงสามสี่อย่างที่ว่าไปอาจจะหายากยิ่งกว่าเคเอฟซีเสียอีก
ระหว่างที่นั่งรถผ่านสะพานข้ามแม่น้ำที่ประดับโคมไฟรูปนกสไตล์ไทย พวกเขาก็พบกับวัดแห่งหนึ่งสีทองเหลืองอร่ามจนไม่อาจละสายตา ความงามเป็นที่ประจักษ์แต่น่าเสียดายที่มีห้างซ่อมแซมล้อมอยู่ภายนอกตัววัด
“โห วัดอะไรเนี่ยสวยชะมัด! แต่ว่ายังสร้างไม่เสร็จงั้นเหรอ น่าเสียดายชะมัดเลย”
@Mackenzie
หลังจากที่ชมเมืองพิษณุโลกจนเต็มอิ่มแล้วพวกเขาก็ขับรถกันออกมาตามเส้นทางนอกเมืองแล้วแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มที่มีเคเอฟซี
“ดงไก่ทอดเลยเหรอ นายก็ว่าไป” ชายหนุ่มหัวเราะ “บอกให้ฉันสั่งเต็มที่งั้นเดี๋ยวลองเอาทุกอย่างทั้งร้านอย่างละหนึ่งเลยดีไหม? หยอก ๆ น่า ถ้ากินทั้งร้านมีหวังได้หอบกลับไปกินอีกวัน”
เอาจริงร้านไก่ผู้พันถือเป็นเทียร์ต่ำสุดในการจัดอันดับแบรนไก่ทอดที่อร่อยสำหรับดีน อย่าให้บรรยายเลยว่าเคเอฟซีที่อเมริกามีสภาพเป็นยังไง ดังนั้นเขาจึงไม่ตั้งความหวังไว้มากเพราะกลัวว่าจะผิดหวัง ชายหนุ่มสั่งเซ็ตไก่ทอดต้นตำหรับและเบอร์เกอร์มารับประทาน ไหน ๆ จะได้กินแบรนดังที่ต่างประเทศทั้งทีงั้นก็ถ่ายฟุตเทจเก็บเอาไว้เผื่อทำวล็อกเปรียบเทียบไปในตัว โดยการยัดกล้องถ่ายรูปใส่มือแมคเคนซีแล้วขอให้อีกฝ่ายถ่ายให้หน่อย
“ไฮฮาย เพื่อน ๆ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่ไทยแลนด์แล้ววันนี้ได้มากินไก่ร้านดัง ดูเหมือนที่ไทยจะมีแบรนคุ้นหูแค่ที่นี่นะ ไม่ค่อยอยากหวังเท่าไร แต่ก็ขอให้ดีกว่าที่นิวยอร์กนะ… เอาล่ะไม่ให้เสียเวลาเรามาอันบ็อกซ์กันเลย”
กล่าวจบเขาก็เปิดกล่องไก่ทอด สีหน้าคมคายชะงักอึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นไก่ทอดสีเหลืองทองกองอยู่ในกล่อง
“เฮ้ย นี่มันดูดีกว่าที่คิดไว้มาก ดูสิทุกคนคิดว่าไง” แล้วเขาก็หยิบไก่ทอดชิ้นสะโพกมาโชว์ให้กล้อง “หน้าตาดูดีมาก ไม่เศร้าเหมือนที่เคยกินเลย งั้นเดี๋ยวมาลองชิมดูเริ่มจากไก่อย่างเดียวก่อน”
ว่าแล้วก็กัดกร้วมเข้าไปคำนึง เสียงกรอบได้ยินเข้ามาถึงในกล้อง ส่วนหนุ่มดีนที่ได้สัมผัสรสของไก่ทอดชื่อดังหลับตาพริ้มอมยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพียงแค่สีหน้าคงจะสื่ออารมณ์ออกมาได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องบรรยายว่าไก่ทอดชิ้นนี้อร่อยเด็ดแค่ไหน
“อ้อ ที่ไทยไม่มีเกรวี่นะ แต่ยังมีซอสมะเขือเทศให้อยู่ แล้วอีกอย่างคือ.. เขาบอกว่าเป็นซอสพริก เดี๋ยวลองกินพร้อมซอสดู” กล่าวจบก็ลองใช้น้ำจิ้มที่ไปกดมากินคู่กัน “อื้มมม ซอสรสแตกต่างจากที่นิวยอร์กนิดหน่อย แต่ก็โอเคอยู่นะ”
ว่าไปแล้วก็อยากลองเมนูแนะนำของที่นี่ดูแฮะ รู้สึกว่าจะชื่อไก่แซ่บอะไรสักอย่างดีนจึงลุกไปซื้อมาชิมเพิ่ม มันอร่อยนะแต่กินแล้วแทบจะพ่นไฟออกมาได้
@Mackenzie
“ไก่ทอดที่ไทยก็ต้องมีรสเผ็ดอยู่แล้วสิ”
ผละออกมาจากแก้วโคล่าเพื่อตอบก่อนจะดูดต่อหมดแก้วจนได้ยินเสียงโครก ดีที่ซื้อแบบรีฟิลมาน้ำในตู้จึงเติมได้ไม่อั้น
“หิวไหมแมคซี่ พอสไว้แล้วมากินกันก่อนก็ได้นะ”
ระหว่างรีวิวเขาเห็นคนรักกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก แมคเคนซีคงคิดไม่ต่างจากเขาว่าเคเอฟซีไทยดีดูกว่าที่อเมริกาสิบล้านเท่า แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าไก่ทอดอังกฤษอร่อยไหม หรือจะขึ้นชื่อแค่เรื่องปลาทอด
“ว่าไปมีอีกหลายเมนูที่น่ากินเลยนะ โดนัทกุ้ง ทาร์ตไข่ เราซื้อทาร์ตไข่ไปกินเล่นระหว่างทางดีไหมที่รัก?”
@Mackenzie
“โอเค งั้นเดี๋ยวกินชิ้นนี้หมดฉันไปซื้อทาร์ตไข่มาเพิ่ม”
จัดการสวาปามไก่เผ็ดในมือเสร็จอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ดูดโคล่าดับความเผ็ดร้อนไปอีกหนึ่งอึกแล้วก็ซื้อทาร์ตไข่กลับมาเซ็ตนึงแล้วค่อยกลับมากินไก่ที่เหลือต่อ
พอได้รับประทานอาหารที่คุ้นเคย (ในรสชาติที่ดีกว่ามาก) จนอิ่มอก อิ่มใจ และอิ่มพุงก็ได้เวลาเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปของสองหนุ่มค่ายฮาล์ฟบลัดก็คือ ‘อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า’ ที่อยู่นอกตัวเมืองพิษณุโลกขับขึ้นเขาเข้าป่าไปอีกแล้วหลังจากที่ออกจากป่าเขามาหลายวัน ทิวทัศน์รอบข้างเป็นชนบทอย่างชัดเจนจนสุดท้ายก็มาถึงอุทยาน
พวกเขาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ทางเข้าคราวนี้เขาถูกถามหาพาสปอร์ต ไม่น่าเชื่อเลยแฮะว่าจะมาถูกตรวจพาสปอร์ตเอาตรงนี้ ดีนยื่นเล่มพาสปอร์ตเล่มสีน้ำเงินเข้มไปให้เจ้าหน้าที่ด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ แม้ว่าไทยจะมีฟรีวีซ่าทว่าทั้งสองไม่ได้ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเข้ามา แต่พอเจ้าหน้าที่เห็นรูปเล่มเขาก็ส่ายหน้าก่อนจะยื่นสมุดสะสมบางอย่างให้แก่เขาแทน
“ไม่ใช่ หมายถึง พาสปอร์ตเที่ยวอุทยานแห่งชาติประเทศไทย คุณอยากซื้อไหมเล่มละหนึ่งร้อยบาท”
“....”
เมื่อเห็นพาสปอร์ตท่องเที่ยวที่เจ้าหน้าที่อุทยานยื่นมาให้ชายหนุ่มก็มองมันด้วยสายตาว่างเปล่า ตั้งแต่ที่พวกเขามาเมืองไทยตั้งหลายวันได้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติมากี่ที่นะ เกือบสิบที่น่าจะได้มั้งแต่เพิ่งรู้ว่ามีพาสปอร์ตท่องเที่ยวขายให้นักท่องเที่ยวได้ประทับตราเอาวันที่เจ็ด
‘บ้าเอ๊ย!’
ดีนสบถในใจก่อนจะปั้นหน้ายิ้มให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ขอสองเล่มครับ ช่วยประทับตราให้ด้วย”
แม้จะเฟลไปนิดหน่อยแต่ช่วยไม่ได้ เอาไว้คราวหน้าได้มาไทยแลนด์อีกพ่อจะประทับตาให้ครบทุกหน้าเลย!
“แมคซี่ เอาไว้คราวหลังเรามาแสตมป์กันใหม่นะ”
ดีนยิ้มแหย ๆ ให้คนรักหลังจากที่พวกเขาออกจากศูนย์ประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าชมจุดท่องเที่ยวแรก
@Mackenzie
“ถ้าเป็นแบบนั้นแย่เลย ต้องโดนแบล็กลิสต์แล้วก็เที่ยวอย่างถูกกฎหมายจริง ๆ ไม่ได้แน่ โอ้ พระเจ้า!”
ดีนเองก็โล่งอกไม่แพ้กัน แต่สีหน้าเสียดายของเขาคงแสดงออกมามากว่าถึงได้ถูกขยี้ผมแบบนี้ ยังไม่ค่อยชินเท่าไรแต่มันก็ดีที่ไม่ได้ถูกขยุ้มผมแค่ตอนอยู่บนเตียง
สถานที่เที่ยวอยู่ห่างจากลานจอดรถไม่ห่างไม่ไกล ดีนเตือนแมคเคนซีว่าอย่าลืมเอาอาวุธสัมฤทธิ์ติดตัวไปด้วย เพราะอะไรก็ไม่รู้ทั้งที่สถานที่ก่อนหน้าหลายแห่งเขาแทบไม่พกอาวุธติดตัวลงมาด้วยแท้ ๆ เมื่อมาถึงป้อมจุดแรกทั้งสองก็ถูกชายวัยเกือบชราคนหนึ่งเข้ามาทัก ลุงคนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้จึงต้องใช้แอปพลิเคชั่นแปลภาษากันหน่อย
ลุงคนนั้นบอกว่าตนเป็นไกด์ท้องถิ่นชื่อลุงชัย หากต้องการจ้างเขาสามารถนำเที่ยวในอุทยานให้ได้ซึ่งดีนคิดว่าก็ดีนะจะได้ความรู้ไปด้วยแล้วเผื่อว่าลุงชัยจะพาไปชมจุดลับที่เด็ด ๆ
“จ้างลุงไหมแมคซี่ ฉันว่าก็ดีนะ”
@Mackenzie
“โอเค”
เมื่อได้รับการอนุมัติจากเจ้าสัวเขาก็เจรจากับลุงชาวไทยเพื่อจ้างงานไกด์ท้องถิ่นเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านให้ได้มีรายได้ไปในตัว หลักจากที่ตกลงกันได้แล้วลุงชัยก็เดินนำพวกเขาเข้าไปในตัวอุทยานฯ ด่านแรกที่เจอเขาก็พบกับปืนกลเก่าตั้งไว้กลางลาน แม้ไม่รู้ประวัติศาสตร์ก็ย่อมเดาออกว่าสถานที่แห่งนี้คือเป็นสนามรบมาก่อน ซึ่งตามที่อ่านข้อมูลมาคร่าว ๆ ดีนรู้มาว่ารัฐบาลทหารสมัยนั้นได้ต่อสู้กับนักศึกษาและคอมมิวนิสต์ที่หนีเข้ามาในป่า ซึ่งภูหินร่องกล้าคือหนึ่งในสมรภูมินั้น
เมื่อเดินเข้าไปด่านที่สองที่พวกเขาพบคือป่าต้นอะไรสักอย่างที่มีใบไม้ยาว ดู ๆ ไปแล้วช่างคุ้นตาเหลือเกิน
“แมคซี่ ดูต้นนั่นสิ ใบมันเหมือนกับใบไม้ที่คนไทยชอบเอามาห่ออาหารเลย”
ลุงชัยคงเห็นว่าหนุ่มชาวต่างชาติทั้งสองสนใจต้นไม้นั้นเป็นพิเศษจึงแถลงข้อสงสัยให้
“ตรงนี้เป็นป่ากล้วย กล้วยน่ะมีประโยชน์เยอะเลยนะหนุ่ม ผลกล้วยเอามากินได้ ใบตองเอามาใช้ห่ออาหาร ทำกระทง ส่วนลำต้นกล้วยที่เรียกว่า ‘หยวก’ ก็เอามาทำอาหารเอามาแกงได้ เราใช้ประโยชน์จากกล้วยได้ทั้งต้น” (ภาษาไทย)
ดีนอ่านทวนข้อความในแอปฯ แปลภาษาให้แมคเคนซีฟังก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รู้คุณประโยชน์ของกล้วย แม้ว่าเขาจะเรียนมาทางด้านชีววิทยาทว่าเขาสนใจในสัตว์มากกว่าพืช ความรู้ด้านนี้จึงมีไม่มากเท่าไร
@Mackenzie
“เหมือนว่าจะเป็น ‘ใบทอง’ นะ”
ดีนตอบกลับแมคเคนซี ในแอปฯ ไม่ได้เขียนทับศัทพ์มาแต่เขาได้ยินลุงชัยพูดมาประมาณนั้น
หลังจากที่เดินผ่านป่ากล้วยกันมาลุงชัยก็เริ่มร่ายประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยเมื่อเกือบห้าสิบปีที่แล้วว่าอะไรเป็นอย่างไรแล้วทำไมถึงเกิดความแตกแยก โดยรวมแล้วก็เหมือนกับข้อมูลที่ดีนหามาแต่ก็มีรายละเอียดที่พอจะขยายความให้เข้าใจได้มากขึ้น เป็นเรื่องน่าเศร้าที่อุดมการณ์ที่แตกต่างทำให้เกิดการฆ่าล้างกันเกิดขึ้น อันที่จริงเรื่องราวแบบนี้ก็เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแต่ที่สหรัฐฯ เองก็เช่นกัน แต่หากราคาที่ต้องจ่ายมันสูงค่าก็หวังอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคม
ป้ายด้านหน้าเขียนว่า ‘สุสานนักรบ’ พร้อมกับลูกศรเลี้ยวขวาแต่ลุงชัยบอกว่า “ไปดูโรงเรียนการเมืองการทหารก่อนแล้วค่อยวนมาตรงนี้ มันเดินวนเป็นวงกลมได้” (ภาษาไทย)
หากไกด์ว่าตามนั้นเขาก็เชื่อไกด์แล้วเดินตาม ลุงชัยบอกว่า ‘โรงเรียนการเมืองการทหาร’ เป็นเหมือนหมู่บ้านที่สอนแนวคิดคอมมิวนิสต์ซึ่งตอนนี้ถูกปล่อยทิ้งร้างหลังจากที่มวลชนเข้ามอบตัวกับทางการ ระหว่างทางที่เดินเข้าไปในป่าลึกพวกเขาได้พบกับบรรยากาศที่ราวกับเทพนิยาย หมอกอ่อน ๆ ปกคลุมยอดหญ้าเขียวขจีซึ้งปกคลุมด้วยพรรณไม้ป่านานาพันธุ์ที่ผลิดอกบานกลางวสันตฤดู หากไม่สนใจเรื่องราวของประวัติศาสตร์สถานที่แห่งนี้ช่างให้บรรยากาศที่เหมือนกับฉากสโนว์ไวท์หลงป่าเสียเหลือเกิน
ด้วยอุณหภูมิที่ลดต่ำผิดจากในตัวเมืองทำเอารู้สึกหนาวแขน สาบานได้ว่าไม่ได้หนาวเพราะกลัวบรรยากาศวังเวงภายในป่า และการที่ดีนกระแซะตัวเข้าไปติดแมคเคนซีจนเกิดไฟฟ้าสถิตย์ที่แขนเล่นเอาแทบสะดุ้งมันเกิดจากความหนาว
เดินเข้าป่ามาร่วมไมล์ก็มาถึงโรงเรียนการเมืองการทหารที่ว่านั่นเสียที บ้านไม้ถูกสร้างขึ้นเป็นโซน ๆ บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยตะไคร่และมอสจากความชื้น ไม้บางส่วนผุพังและมีเห็ดขึ้น ดีนจินตนาการไปว่าหากค่ายฮาล์ฟบลัดร้างคงมีสภาพไม่ต่างจากนี้แต่คุณไครอนคงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
ระหว่างนี้ลุงชัยก็บรรยายว่าส่วนต่าง ๆ คืออะไรเป็นฉาก ๆ ราวกับว่าลุงเคยใช้ชีวิตอยู่อาศัยที่นี่ในสมัยเมื่อสี่สิบห้าสิบปีก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“ส่วนตรงนี้เป็นที่อยู่อาศัยของฝ่ายพลเรือน ข้างหลังตรงนู้นจะมีกังหันวิดน้ำ ถ้ามาเที่ยวในฤดูหนาวจะเห็นว่าใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงด้วย” (ภาษาไทย)
ดีนเงยมองต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นคลุมทั่วบริเวณรวมทั้งเศษใบไม้สีน้ำตาลแก่ที่กองใต้เท้ารอการย่อยสลาย ลักษณะของใบไม้ดูคุ้นตาจริง ๆ ด้วย มันเป็นใบเมเปิ้ลห้าแฉกเช่นเดียวกับที่เซ็นทรัลพาร์ค น่าเสียดายที่มาผิดฤดูไปหน่อยไม่งั้นคงได้ชมความงามอย่างครบสูตรไปแล้ว หรือว่าเขาจะดึงเช็งอยู่ไทยไปจนถึงฤดูหนาวดี? …ล้อเล่นน่า
@Mackenzie
จบจากการชมโรงเรียนการเมืองการทหารลุงชัยก็พาทั้งสองเดินวนป่าไปยัง ‘ลานหินปุ่ม’
แรก ๆ ทางเดินที่ลาดขึ้นเขาเป็นลานหินโล่งสลับกับพื้นหญ้าเป็นบางหย่อม ถือว่าเดินได้สบาย ๆ อยู่ แต่เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ เริ่มเห็นร่องรอยของพื้นหินที่แตกแยกออกจากกันจนเป็นร่องหินเยอะ แม้จะมีสะพานเหล็กสำหรับข้ามผ่านแต่ละช่องหินทว่ายังต้องใช้ความระมัดระวังไม่เล่นซุกซน (ซึ่งคนรักตัวกลัวตายอย่างดีนไม่ทำอยู่แล้วแม้ว่าเขาจะซนแค่ไหน) บางจุดเป็นชั้นหินจำเป็นจะต้องปีนป่ายขึ้นไปเล็กน้อย อาจไม่เหมาะกับเด็กเล็กหรือคนชรา ทว่าลุงชัยผู้เชี่ยวชาญพื้นนี้ยังคงเดินขึ้นเขาได้ปร๋อ
ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับประติมากรรมทางธรรมชาติหลายแห่ง เช่น ผาหินกบ เป็นหินก้อนใหญ่ที่ถูกกระแสลมและน้ำเซาะกร่อนจนมีรูปร่างเหมือนกบ และผาหินหัวใจ ที่ถูกกระบวนการทางธรรมชาติกระทำจนมีรูปทรงเหมือนหัวใจ (ที่ดีนดูยังไงก็จินตนาการไม่ออกว่าคล้ายหัวใจตรงไหน) ผาคู่รัก ผาหัวใจหิน ผานาคราช (รูปทรงก็ตามชื่อ มองออกบ้างมองไม่ออกบ้าง)
นอกจากนี้บนผาหินยังห้อมล้อมไปด้วยมวลบุปผชาติแห่งพงไพร ลุงชัยบอกชื่อดอกไม้ป่าอย่างคล่องแคล่วแต่ดีนจำไม่ได้สักอย่างว่าคือดอกอะไรบ้าง และดูเหมือนว่าแอปฯ แปลภาษาจะแปลชื่อเฉพาะจนมั่วซั่วไปหมด แต่ช่างเถอะไม่ต้องรู้ชื่อก็ได้ขอแค่สวยก็พอแล้ว
กว่าจะเดินขึ้นมาถึงลานหินปุ่มก็ทำเอาแทบหอบ ตะวันยอแสงเมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ ๆ
ลานหินลักษณะนี้สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ลานหินบนภูเขาถูกกระบวนการทางเคมีและฟิสิกส์กัดเซาะกร่อนจนมีสภาพตะปุ่มตะป่ำ ส่วนทางด้านประวัติศาสตร์ก็ระบุว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพิงอาศัยของคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นเช่นเดียวกัน ทว่าสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดได้ถูกทำลายลงไปแล้วจากไฟป่า
และจุดไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้คือผาชูธง เมื่อก่อนจะมีธงค้อนเคียวปักอยู่แต่ตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นธงไตรรงค์ของไทยหลังปราบรามคอมมิวนิสต์เรียบร้อย
“หนุ่ม ลองตะโกนว่า ‘เหินฟ้า’ สิ” (ภาษาไทย)
ลุงชัยบอกสองนักท่องเที่ยวหนุ่มถึงธรรมเนียมที่นี่ หลังจากที่ดีนอ่านคำแปลบนหน้าจอมือถือจบเขาก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันไปยิ้มแป้นให้คนรัก
“นายถ่ายวีดีโอให้ฉันหน่อยสิที่รัก เดี๋ยวฉันจะตะโกนตามที่ลุงบอก” ว่าแล้วก็ยัดกล้องถ่ายรูปที่เหลือแบตเตอรี่ไม่กี่ขีดให้กับแมคเคนซี
@Mackenzie
จัดท่าพร้อมอะไรพร้อม ดีนก็ป้องปากตะโกนหลังสัญญาณที่แมคส่งมาให้
“ห่านฟ้าาาาา” (ภาษาไทย)
เล่นทำเอาลุงชัยขำคิกคักแต่ไม่คิดจะแก้ไขให้ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าที่ตัวเองตะโกนออกไปนั้นมันผิดคำผิดความหมาย แล้วก็หันมาทางแมคเคนซีด้วยความกระตือรือร้น
“นายเอาด้วยไหม เดี๋ยวฉันถ่ายวีดีโอให้”
@Mackenzie
“ว้า น่าเสียดาย” ทำหน้าเสียดายนิดหน่อยที่จะไม่ได้เก็บภาพอีกฝ่ายไว้ดูเล่น แต่แล้วเรียวคิ้วเข้มก็ขึงขึ้นมา “จะบ้าเหรอ เพลงนั้นมันต้องเอาไว้ร้องให้ไข่เหลืองต่างหาก”
พวกเขาพักชมวิวกันสักพักแล้วจึงลงเขามาก่อนที่อุทยานจะปิดทำการ จนวนมาถึงป้ายเดิมที่คุ้นเคย ‘สุสานนักรบ’ ที่พวกเขาไม่ได้แวะมาในตอนแรก แต่เมื่อเห็นป้ายนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทางออกไปลานจอดรถอยู่อีกไม่ไกล เอาจริง ๆ พอเดินเข้ามาในเขตสุสานกลางป่าในช่วงเย็นก็ทำเอาดีนใจเต้นหวิว ๆ บ้างเล็กน้อยจึงเดินตามติดไปกับแมคเคนซีแจ
แต่เมื่อมาถึงดีนก็แสดงสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย เขาคิดว่าสุสานนักรบที่ว่าจะเป็นสุสานอย่างที่เขาเคยไปมาหรือไม่ก็เป็นแบบในหนังสยองขวัญเสียอีก สิ่งที่เห็นเป็นเพียงท่อนไม้ที่ปักไว้เป็นคอกสี่เหลี่ยมล้อมเนินดินขนาดไม่ใหญ่มากที่มีหญ้าปกคลุมจนรกครึ้ม ตรงกลางปักแท่งไม้ขึ้นมาแล้วมีบุหรี่เสียบไว้อยู่ ทว่าไม่มีป้ายชื่อระบุไว้เลยด้วยซ้ำว่าผู้เสียชีวิตคือใคร แต่สิ่งที่ชวนสยองขวัญมากที่สุดคือบ้านไม้ขนาดเล็กเหมือนบ้านตุ๊กตาที่ออกจะผุ ๆ พัง ๆ ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ในบรรยากาศวังเวง จะว่าไปดีนก็เห็นบ้านตุ๊กตาไม้นี้บ่อยเหมือนกันเมื่อมาไทย ดีนเลยลองถามลุงชัยดูว่านั่นคืออะไร
“นี่คือศาล อันนี้เป็นศาลผี เป็นเสมือนที่พักให้แก่วิญญาณ จะมีอีกประเภทที่เป็นศาลเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ศาลพวกนั้นจะเป็นสีขาวแต่งสวย ๆ ให้เทวดาอารักษ์อาศัยอยู่” (ภาษาไทย)
ดีนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องสร้างศาลเอาไว้แถมยังมีตั้งหลายประเภท แต่ก็ทำให้เขาพอจะนึกตอนที่คุยกับศิลาออก ‘เมืองไทยผีเยอะ’ คงเพราะมีบ้านให้ผีอยู่แน่ ๆ ผีเลยมีเยอะแล้วไม่ยอมไปไหนเสียที
‘โชคดีนะที่มองไม่เห็นผี—’
คิดในใจไม่ทันขาดคำเขาก็ได้ยินเสียงแซ่กอยู่หลังพุ่มไม้จนกระโดดโหยงไปหลบหลังคนรัก แล้วเมื่อหันไปมองเขาก็เห็นดวงตาสีแดงสองดวงจ้องผ่านมาจากมุมมืด
“เหวออออ อย่าบอกนะว่านั่นน่ะ ผะ..ผี!!”
@Mackenzie
“อะ..เอามาสิ หอกฉันมันก็ อะ..อันเบ้อเร้ออยู่ข้างหลังเนี่ย”
คนที่บอกว่าไม่เชื่อเรื่องผีพูดตอบปากสั่น พอแมคเคนซีทักเรื่องหอกดีนก็หยิบหอกที่เหน็บไว้กับเป้ออกมากุมไว้ด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางไกด์นำเที่ยว ลุงชัยไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวแต่สีหน้าสูงวัยฉายแววกังวลมากกว่า
เหมือนกับว่ารู้อะไรบางอย่าง
ดวงตาในความมืดวูบไหวก่อนที่มันจะโผออกมาจากพุ่มไม้รกชัฏ สองร่างนั้นไม่ใช่ผีทว่ามันคืออัลกูลอสุรกายกินซากศพต่างหาก และตอนนี้มันได้กลิ่นที่หอมอร่อยมากเสียกว่าศพทหารที่นอนค้างในหลุมมาเกือบสี่สิบปี
‘แย่ล่ะสิ ตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วยทำไงดี’
ตอนนี้ลุงชัยอาจมองเห็นอสุรกายสองตัวข้างหน้านี้เป็นสัตว์ป่าอยู่ก็เป็นได้ แต่ไหงลุงชัยถึงตั้งท่าเหมือนเตรียมสู้นะ หรือภาพที่คนธรรมดามองเห็นจะไม่ใช่หมีภูเขา?
ยังไม่ทันคิดอะไรไปได้มากกว่านั้นอัลกูลตัวใหญ่ก็กระโจนมาทางเขา หากว่ามันไม่ใช่ผีก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แม้อัลกูลจะอันตรายแต่ว่าเขาเคยกำราบมันมาแล้วสองตัวพร้อมกันแน่นอนว่าต้องรู้จักวิธีรับมือ ดีนจึงพุ่งตัวมากางโล่ขวางแล้วรับกรงเล็บนั้นเอาไว้แทนแมคเคนซี แต่ดูเหมือนว่าอัลกูลตัวนี้จะเก่งกาจว่าตัวที่เขาเคยประมือที่หน้าค่าย มันจับโล่ของเขาเหวี่ยงไปไกลทั้งคนทั้งโล่จึงลอยหวือตาม
“เหวอ!!!”
ดีนปักหอกค้ำดินเอาไว้ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกพื้น เมื่อทรงตัวได้เขาก็เห็นว่าอัลกูลตัวนั้นพุ่งเข้ามาจัดการกับเขา ส่วนอีกตัวที่เล็กกว่ายืนประจันหน้ากับแมคเคนซีและลุงชัย สงสัยงานนี้ต้องแยกกันสู้เสียแล้ว
“แมคซี่ นายระวังตัวด้วยนะ!”
@Mackenzie
สำรวจกล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่ก่อนเลย โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แต่ให้สู้ไปทั้งที่สะพายกล้องอยู่แบบนี้ลำบากชะมัด!
‘ต้องรีบจบเกมให้ไว!’
ชายหนุ่มคำรามในลำคอเบา ๆ นัยหนึ่งคือการเรียกขวัญตัวเองแม้ตอนนี้ดีนจะรู้สึกเป็นห่วงทางด้านแมคเคนซีมากแต่เขาต้องจัดการเจ้าอัลกูลตัวใหญ่ระดับจ่าฝูงตัวนี้ไปให้ได้ก่อน ไม่รอให้มันโจมตีแล้วโต้กลับ คราวนี้ดีนบุกทะลวงให้วิชาหอกที่เรียนมาโจมตีใส่มันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเข้าเป้าบ้างไม่เข้าเป้าบ้างแต่ก็สร้างบาดแผลเล็กใหญ่กับมันได้ไม่น้อย
“ก๊าซซซซ”
จ่าฝูงอัลกูลร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเหม็นคาวยิ่งลอยคลุ้งออกมาจากบาดแผลตามเนื้อตัวเน่าเฟะไม่ต่างจากอาหารที่มันรับประทานเข้าไป ดีนเคยทำบันทึกอสุรกายมาก่อน จากเรื่องราวที่เขาได้ค้นคว้าอัลกูลเป็นสัตว์ประหลาดกินซากศพซึ่งอีโวฯ มาจากกูลธรรมดา และเมื่อแค่ศพไม่เพียงพอมันจึงออกล่าชิมเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร และที่โปรดปรานที่สุดเห็นทีจะเป็นเลือดเนื้อของเดมิก็อดอย่างพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกมันต้องหิ้วท้องรอมานานขนาดไหน เพราะศพใต้สุสานที่ถูกฝังมาเกือบห้าสิบปีบัดนี้น่าจะไม่เหลืออะไรให้แทะเล็มแล้ว และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่อัลกูลที่เขาปะทะออกจะไร้เรี่ยวแรงออกอาวุธหรือเปล่านะ..
‘ถ้างั้นก็เป็นฝุ่นไปซะ!’
ดีนไม่ได้ตะโกนประโยคสุดจูนิเบียวนี้ออกมาทว่าทุกอย่างคงแสดงออกมาหมดเมื่อหอกสัมฤทธิ์ในมือพุ่งแทงเข้าจุดตายของจ่าฝูงอัลกูลเข้าอย่างจังจนร่างฟอนเฟะได้สลายหายไป ค่อยหายใจได้คล่องหน่อย..
“ฟู้ว.. ไม่เห็นจะยาก”
ชายหนุ่มเป่าปากขณะก้มลงเก็บสินสงครามบนพื้น และเมื่อเขาหันไปทางแมคเคนซีก็ดูเหมือนว่าคนรักของมันจะจัดการอัลกูลอีกตัวได้โดยไร้รอยขีดข่วน เรื่องต่อสู้น่ะไม่เท่าไร แต่ตอนนี้ดีนไม่รู้เลยว่าลุงชัยไกด์นำเที่ยวเห็นอะไรมาบ้าง
เหมือนสองคนนั้นจะคุยอะไรกันแต่คนละภาษา แล้วท่าทีของลุงชัยดูไม่ตกใจสักเท่าไร ผิดกันแววตาออกจะฉายแววตื่นเต้นเสียด้วยซ้ำ
“พวก ‘ปอบ’ ไม่ได้ออกอาละวาดมานานแล้ว”(ภาษาไทย)
“ห๊ะ?”
ชายหนุ่มถึงกับรีบควักเอาสมาร์ทโฟนออกมากดแอปพลิเคชั่นแปลภาษาแล้วให้ลุงพูดใหม่อีกรอบ ความความหมายก็คือ ‘กูล’ แต่เมื่อกี้ไม่เห็นว่าลุงชัยพูดคำว่ากูลออกมาเลย
“เดี๋ยวนะ คุณมองเห็นไอ้ตัวเมื่อกี้เหรอ?”
ดีนถาม เมื่อผ่านการแปลภาษาเสร็จคนที่รับสารก็พยักหน้า
“พวกคุณเป็นร่างอวตารของเทพองค์ไหน” (ภาษาไทย)
“หา? อวตาร?” เจอคำถามนี้เข้าไปดีนถึงกับอึ้งกิมกี่ หากพูดถึงอวตารใครเล่าจะไม่นึกถึงมนุษย์ต่างดาวผิวสีฟ้าจากดาวแพนดอรา เขาหันหน้าไปมองแมคเคนซี “นายรู้ไหมลุงกำลังพูดถึงอะไร หนังเหรอ?”
@Mackenzie
จากข้อสงสัยของแมคเคนซีทำเอาดีนระแวงขึ้นมา ทว่าออร่าที่มาจากตัวของลุงชัยไม่ได้มีกลิ่นอายดำมืดของอสุรกายทว่าเขากลับสัมผัสถึงสายน้ำได้นิดหน่อย แต่เป็นพลังงานน้ำที่แตกต่างจากของตัวเอง ไม่ใช่ทะเลแต่เหมือนแม่น้ำใหญ่
“คุณเป็นใครกันแน่?”
ดีนถามผ่านเครื่องมือแปลภาษา หากทั้งหมดพูดคุยด้วยภาษาเดียวกันเข้าใจโดยไม่ผ่านตัวกลางสถานการณ์ซีเรียสตรงหน้าคงไม่ดูขบขันแบบนี้.. แบบที่ลุงชัยเองก็ต้องชะโงกหน้าดูคำแปลบนมือถือ แถมเรื่องที่พวกเขาคุยกันยังเป็นอะไรที่ต้องจับเข่าขยายความกันเยอะอีกด้วย
“ลุงก็น่าจะเป็นเหมือนพวกหนุ่ม ‘ภีษมะ’ คือชาติก่อนของลุง บุตรแห่งคงคา”(ภาษาไทย)
คำตอบทำเอาดีนอึ้งไป..
“อะไรนะ? ชาติก่อน?” เขาสะบัดหัว “ไม่สิ แต่คุณบอกว่าเป็นบุตรแห่งคงคา แปลว่าคุณเป็นเดมิก็อด?”
คำว่า ‘ครึ่งเทพ’ เด่นหราบนหน้าจอแปลภาษาไทยทำเอาลุงชัยหัวเราะ
“ไม่ใช่ ลุงก็เป็นคนธรรมดานี่แหล่ะ แค่สัมผัสญาณพิเศษได้นิดหน่อยจากการระลึกชาติ แต่ว่าพวกหนุ่ม…”(ภาษาไทย) ลุงชัยเว้นวรรคก่อนจะทำหัวคิ้วขมวดมุ่น “ไม่ได้กลับชาติมาเกิดกันงั้นรึ?”(ภาษาไทย)
“กลับชาติมาเกิด.. ฟังเหมือนอนิเมะญี่ปุ่นเลยแฮะ เกิดใหม่ในต่างโลกอะไรงี้...” ดีนหันไปซุบซิบกับแมคเคนซีก่อนที่เขาจะหันกลับมาสนทนาต่อ “ไม่ เรา เอ่อ.. เป็นเดมิก็อด ลูกของเทพกรีก คุณลุงรู้จักไหมครับ โพไซดอนกับเฮคาที”
โพไซดอนคงน่าจะพอได้ยินอยู่บ้าง แต่นามของแม่แมคเคนซีที่เป็นมินิก็อดฟังครั้งแรกอาจจะไม่เข้าใจ
“โอ้ สายตรงเลยรึ” (ภาษาไทย)
ลุงชัยแสดงสีหน้าทึ่ง สำหรับภูมิภาคนี้น้อยคนนักที่จะเป็นบุตรแห่งเทพเจ้าสายตรง ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกกลับชาติมาเกิดกันทั้งนั้น กลับชาติมาเกิดจากบุตรแห่งเทพเลยอาจจะน้อย แต่พวกพญานาคเกิดใหม่มีเยอะมาก แม้ส่วนใหญ่ของเก๊จะมีมากกว่า
“โพไซดอน.. รู้จักสิ เทพแห่งอ่าง แต่อีกองค์ลุงไม่รู้จัก” (ภาษาไทย)
@Mackenzie
ดูเหมือนการสนทนาเรื่องเชื้อสายการเป็นเทพคงต้องจบลงเพียงเท่านี้จากการทักท้วงของแมคเคนซี ดีนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงกว่าเกือบห้าโมง อุทยานใกล้จะปิดและพวกเขาต้องเดินทางต่อ ทั้งหมดจึงรีบเดินเท้าออกมายังหน้าที่ทำการโดยไม่ได้สนทนาเรื่องลูกเทพอะไรอีก
จนสุดท้ายก็ได้เวลาร่ำลา เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ลุงชัยก็สวมวิญญาณกลับมาเป็นไกด์ท้องถิ่น
“ก่อนกลับลองไปที่ลานจอดฮอฯ ใกล้ลานกางเต็นท์สิ ตรงนั้นเพิ่งพบรอยเท้าไดโนเสาร์เมื่อไม่กี่วันนี้เอง” (ภาษาไทย)
จากคำแนะนำของลุงชัยทำเอาดีนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง เผลอ ๆ จะมากกว่าที่รู้ว่าลุงไม่ใช่คนธรรมดาเมื่อกี้เสียอีก
“ได้เลยครับ งั้นเดี๋ยวผมจะลองแวะไปดู วันนี้ขอบคุณมากนะครับลุงชัย”
เมื่อร่ำลากับไกด์และเจ้าหน้าที่เรียบร้อยดีนก็คะยั้นคะยอให้แมคเคนซีขับรถไปที่ลานกางเต็นท์แล้วรีบจ้ำไปดูรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตามคำแนะนำ ทว่านักท่องเที่ยวอย่างพวกเขาเข้าไปดูรอยเท้าไดโนเสาร์ไม่ได้ อย่างว่าแหล่ะ เพิ่งถูกค้นพบไม่กี่วันก่อนเองนี่นา ตอนนี้พื้นที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์จึงถูกกั้นเทปเอาไว้
“น่าเสียดายชะมัดเลย คราวหน้าที่มาหวังว่าจะเข้าชมได้แล้วนะ”
ดีนพูดเหมือนกับว่าจะได้มาอีก เขาตั้งจีพีเอสให้แมคเคนซีขับรถไปที่พักคืนนี้ที่เขาจองมาเมื่อคืนพร้อมด้วยอาหารไทยสุดพิเศษที่คู่มือนำเที่ยวบอกว่าเป็นอาหารยอดฮิตที่ชาวไทยโปรดปราน แต่จะเป็นอะไรนั้นขออุบไว้ก่อนเอาไว้ค่อยเซอร์ไพรซ์แมคเคนซีทีเดียว
@Mackenzie
ใช้เวลาสองชั่วโมงในการขับรถลัดเลาะทิวเขาไปจนถึง ‘เขาค้อ’ จังหวัดเพชรบูรณ์ น่าเสียดายที่พวกเขามาถึงช้าไปหน่อยเลยไม่ทันได้ดูตะวันตกดิน ทว่าถือยังโชคดีฟ้ายังไม่มืดสนิทไม่อย่างนั้นต้องลำบากแน่ ๆ
ที่พักในคืนนี้เป็นเต็นท์กระโจมสีขาว ภายในมีที่นอนที่สะดวกสบายแต่ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอกที่อยู่ใกล้กับเต็นท์ วันนี้ทั้งสองใช้แรงช่วงบ่ายมามากเมื่อมาถึงท้องก็ร้องจ๊อก ๆ ดีนจึงให้พนักงานนำอาหารเย็นที่รวมในแพ็กเกจออกมาเสิร์ฟทันที
แต่นแต๊น! มัน คือ หมูกระทะ และน้ำเก็กฮวยบูด
ดีนไม่เคยกินบาร์บีคิวแบบไทยมาก่อนแต่ว่าเขาเป็นมือวางอันดับสองของการปิ้งบาร์บีคิวตอนไปแคมป์ปิ้งอยู่แล้ว เช็ตอาหารที่อยู่ตรงหน้าจึงดูเป็นเรื่องที่น่าสนุกสำหรับชายหนุ่ม และด้วยความที่เขาใช้ตะเกียบคล่องกว่าแมคเคนซีจึงเป็นคนปิ้งเสิร์ฟไปให้โดยปริยาย
“อื้ม บาร์บีคิวแบบนี้ก็อร่อยดีนะ เหมือนว่าคนไทยจะเรียกว่า ‘มู้กะตะ’” คีบเบค่อนสุกแตะน้ำจิ้มนิดหน่อยแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย จากนั้นก็กระดกเบียร์เย็นขึ้นดื่ม “อาห์ นี่ก็ชื่นใจมาก มื้อนี้เหมือนเป็นรางวัลของความเหนื่อยเลยเนอะ”
หันมายิ้มกว้างให้กับแมคเคนซีที่กินไปชมทิวทัศน์ข้างล่างภูเขาไปด้วยกัน แม้จะไม่เห็นอะไรมากมายนอกจากแสงไฟจากบ้านเรือนก็ตามที
@Mackenzie “กินได้ใช่ไหม ไม่เผ็ดสำหรับนายไปเนอะ”
เห็นคนรักดูเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าเขาก็ดีนใจ จะมีอะไรดีไปกว่าเห็นคนรักกินอิ่มนอนหลับอีกล่ะ
“นั่นสิ มีมากกว่าที่ศิลาบอกตั้งเยอะ บางทีหมอนั่นอาจจะมาค่ายก่อนก็เลยไม่ทันได้เจอแบบที่พวกเราเจอก็ได้มั้ง”
อย่างอัลกูลที่ต่อสู้มาเมื่อเย็นก็เป็นอสุรกายที่มีถิ่นอาศัยอยู่แถวสุสาน หากอยู่อาศัยในตัวเมืองก็คงจะไม่เจอกับอสุรกายแบบนั้นหรอก
@Mackenzie
“เห็นนายกินอร่อยฉันก็ย่างซะเพลินเลยไง”
ดีนหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะคีบเนื้อย่างเข้าปากกินบ้าง อีกฝ่ายแบ่งหมูมาให้แบบนี้บางทีอาจจะเริ่มอิ่มแล้วมั้ง ไม่เป็นไรช่วยกันกินเดี๋ยวก็หมด
“ฉันเพิ่งได้คำทำนายโชคดีมาเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก ถ้าเจอพวกมันอีกเราก็ขับรถหนีเลยเป็นไง”
เทียบกันแล้วการท่องเที่ยวคราวนี้ถือว่าได้เจอกับอสุรกายน้อยกว่ามากกว่าการเดินทางอื่น ๆ เสียอีก ถ้าได้ปะทะบ้างประปรายดีนก็คิดว่าตนสู้ไหว แต่ถ้าให้ดีไม่ขอเจอเลยจะดีกว่า
จะว่าไปวันนี้ก็ได้รู้เรื่องลูกเทพจากไทยอีกเรื่อง ถึงจะเป็นการกลับชาติมาเกิดมากกว่าการเป็นลูกเทพสายตรงก็เถอะ…
หลังจากที่รับประทานมื้อค่ำกันอย่างอิ่มหนำสำราญมีแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดกันพอประมาณแล้วก็ได้เวลาล้างเนื้อล้างตัวแล้วจุ่มตัวลงไปในที่นอนแสนนุ่มโดยไม่ลืมตั้งเวลาปลุกสำหรับการชมทะเลหมอกในเช้าวันพรุ่งนี้
ภารกิจเที่ยวไทยแลนด์: ถ่ายรูปภาพจังหวัดพิษณุโลก
[4/5]
------------------------------------------------------------------------
@God
|