บันทึกของโจนาทาน..
มันคงจะเป็นเรื่องที่อะไรสักอย่างพาให้พวกเรามาเจอกับพวกเขา คนเก่าที่คุ้นเคยกันเมื่อนานมาแล้วกว่าสิบๆปี มาเจอกันพร้อมกับสมัครพรรคพวกอีกสามคน โดยที่ทั้งสี่คนนี้ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไร รู้แค่ว่าพวกเขานั้นแหกคุก.. ใช่.. ฟังไม่ผิด พวกเขาแหกคุกออกมา ทั้งสี่คนเลย โดยที่คนแรก ฮัลนิบาล สมิทธ์ แหกออกมาเอง ส่วนอีกสามคนที่เหลือ เฟสแมน เพค ถูกฮัลนิบาลช่วย.. ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าพาแหกออกมาดีกว่า เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าอีกไม่กี่อาทิตย์เฟสก็จะได้รับการปล่อยตัวแล้ว เขายั้วะฮัลนิบาลจนทะเลาะกันนิด แต่สุดท้ายก็ยอมมาด้วยกันแต่โดยดี
ส่วนคนต่อมาบอสโก้ บี.เอ บาราคัส คนนี้ขาโหด แต่พอตอนที่อยู่ในคุก ได้รับการปรับทัศนคติใหม่ กลายเป็นคนมากขึ้น ฮัลนิบาลว่ามาอย่างนั้นน่ะนะ
ส่วนคนสุดท้าย.. ฮาวลิ่ง แมด เมอด็อก คนนี้ไม่ได้เข้าคุก แต่ถูกส่งตัวไปกักที่สถาบันจิตเวชในเยอรมันนี คนนี้ฮัลนิบาลบอกว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่น มีเส้นคั่นบางๆระหว่างความอัจฉริยะกับบ้า.. ฟังไม่ผิดแน่นอน เมอด็อก ฉันขอเรียกเขาแบบนี้ก็แล้วกัน เป็นอัจฉริยะสติเฟื่อง สามคนที่รวมหัวจมท้ายกันมาเลยต้องบากหน้าไปช่วยลากตัวกลับมาที่สหรัฐ แล้วก็ดันเป็นเมอด็อกคนนี้ ที่พาฮัลนิบาลและพวกกลับมาที่สหรัฐฯ ฟังดูบ้ามั้ยล่ะ จำได้ว่าหลังจากที่ฮัลนิบาลได้รับเลื่อนยศใหม่ๆ เขาก็ใช้เวลาสักพัก กว่าจะได้สามหัวกะทิสุดระห่ำมาเป็นทีมพิเศษใต้บังคับบัญชาของเขาเอง
แต่ก็นับได้ว่าฮัลนิบาลนั้นฉลาดเป็นกรด เรื่องวางแผนคาดคะเน จิตวิทยา การโน้มน้าวจิตใจ ของพวกนี้ต้องยกให้ฮัลนิบาลคนเดียว
เขาเป็นคนเก่ง ทีมของเขาก็เก่ง เก่งเว่อร์ เก่งจนกลาโหมกำชับนายพลฯที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา ให้พยายามยั้งทีมของฮัลนิบาลเอาไว้ ด้วเหตุผลอะไรไม่ทราบ แต่ก็เพราะความดื้อดึงและความเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงลิบ มันเลยทำให้พวกเขาต้องไปลงเอยที่ทัณฑสถานกันหมด ซึ่งฮัลนิบาลเป็นคนบอก ว่าพวกเขานั้นโดนใส่ร้าย ถูกใส่ความจนถูกปลดจากหน้าที่ สูญสิ้นเกียรติยศและศักดิ์ศรี พวกเขาใช้เวลาไม่นาน เพียงอาทิตย์เดียว ก็สามารถกู้ศักดิ์ศรีของพวกเขาคืนมาจนได้ คนพวกนี้เก่ง ฉันบอกได้แค่นี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะได้สิ่งที่พวกเขาหวังกลับคืนมา พวกเขาเหมือนถูกหลอกใช้ สิ่งที่พวกเขาหวังได้คืน ถูกทำลายจนสิ้น
แล้วคิดว่าฮัลนิบาลคนนี้จะคิดยังไงน่ะเหรอ? ในเมื่อพวกเขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พวกเขาเองก็ไม่ง้อเหมือนกัน ก่อนที่จะมาที่นี่ ก็เช่นเคย พวกเขาหนีออกมาแบบที่ ในหัวของเขานั้นมีแผนเอาไว้อยู่แล้ว ก่อนที่จะมาที่นี่ แต่การมาของพวกเขาในครั้งนี้ มันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฮัลนิบาลเป็น พวกเขามาที่นี่โดยที่ไม่ได้วางแผนอะไรเอาไว้ ไม่ทราบคนไหว้วาน ไม่ทราบเป้าหมายหรือรายละเอียดของงานที่พวกเขาได้รับ มีเพียงข้อความจากเครื่องส่งสัญญาณตำแหน่งกับ พิกัดและรหัส กับข้อความสั้นๆ "SAVE THEM!" หรือช่วยพวกเขา.. ประมาณนี้ หลังจากนั้น พวกเขาก็ตามมายังที่จุดหมายที่ได้วางพิกัดเอาไว้ และก็เกิดเรื่องอย่างที่มันเป็น...
...........................
"เฮ้ย! ไม่จริงน่า ไม่เอาๆ นี่พวกแกหรอกฉันอีกแล้วงั้นเหรอ?" นั่นคือเสียงโวยวายที่ได้ยินมาแต่ไกลของ บอสโก้ แน่ล่ะ เขากลัวเครื่องบิน เหตุเกิดจากอะไรนั้น คงต้องถามเมอด็อกดู.. ทั้งสามรีบแจ้นขึ้นเครื่องไปขณะที่ สามคนที่มาช่วยพวกเขา ตอนนี้พวกเขาจำต้องพยายามช่วยพี่เบิ้มของเราขึ้นเครื่องบิน.. อีกแล้ว
"ผมคงไม่ต้องถามหรอกมั้งว่าเขาเป็นอะไร" โจนาทานเอ่ยกับผู้พัน ขณะที่หันไปมองสองคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากลากถูพาบอสโก้ขึ้นเครื่อง
ฮัลนิบาลยิ้มก่อนที่จะเดินขึ้นเครื่องนำไป ตามด้วยเมอด็อกที่เขานั้นรับหน้าที่เป็นนักบิน ส่วนเฟสกับบอสโก้นั้น
"นี่พวกแกพาฉันมาฝ่ากระสุนไม่พอ ยังจะพาฉันมาเจอกับฝันร้ายอีกอย่างงั้นเหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก ขอตายตรงนี้ดีกว่า ขอร้องล่ะ" ชายร่างใหญ่ผิวสีน้ำตาลดำกำลังโวายขณะที่ถูกลากให้ขึ้นเครื่องบินที่จอดอยู่ ต่อให้จอดอยู่ ก็ดูเหมือนกับว่า ยังไงเขาก็ไม่ชอบเครื่องบินจริงๆ ชายร่างใหญ่ที่เห็นพวกเขากำลังทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องจึงเดินไป หมายจะช่วยสงเคราะห์ให้
"ไง พลทหาร" โจนาทานเอ่ยทักขณะที่กำลังเดินไปหา สีหน้าท่าทางของบอสโก้ก็พลันเปลี่ยนไปในทันที
"ไง.. พวกเราที่นี่ไม่ได้มีใครเป็นทหารอีกแล้ว และบอกไว้ก่อนนะว่า ก่อนที่จะโดนปลด ฉันมียศเป็นจ่าสิบตรีนะ ไม่ใช่พลทหารกิ้กก็อกอย่างที่คุณเข้าใจ" ชายร่างกำยำผิวดำมันเลื่อมเอ่ย
"โอเค.. งั้นบอกผมหน่อยสิจ่า คุณมีอะไรในใจถึงได้กลัวเครื่องบินขนาดนี้ บอกผมหน่อย" โจนาทานใช้ทักษะของทหารชั้นผู้ใหญ่ตั้งคำถาม โดยที่อีกฝ่ายนั้นไม่ได้เอ่ะใจหรือสงสัยอะไรในคำถามนี้
"ทำไมคุณไม่ลองไปถามไอ้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ดูล่ะท่านนายพล เสืออากาศที่ชั่วโมงบินสูงลิบ กลับต้องมาเป็นแบบนี้เพราะฮัลนิบาลเลือกเอาคนบ้ามาขับเครื่องบิน" บอสโก้บ่นความในใจออกมาอย่างอัดอั้น โดยที่ขณะนั้นเอง บอสโก้รู้สึกได้ถึงอะไรสักอย่างที่สะกิดที่ขาของเขา
จนกระทั่งอีกฝ่ายก้มลงไปมอง เขาจึงได้เห็น แล้วสบถออกมาด้วยเสียงอันเรียบเชียบหมดเรี่ยวแรง
"คุณนี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวววกกกกเขา......"
*ตุ้บ!*
ชายร่างหนาตรงหน้าของโจนาทานมึนเพราะฤทธิ์ของลูกดอกยาสลบที่ยิงออกมาจากปืนพกอัจฉริยะของโจนาทาน รวบรัดตัดตอน เบี่ยงเบนความสนใจและพอเห็นร่างที่สลบพับไปตรงหน้า เขาจึงหิ้วปีกชายร่างหนานั้นขึ้นเครื่องไปที่ห้องนักบิน พร้อมกับให้พรรคพวกของเขาช่วยรัดสายเข็มขัดให้กระชับ
เมอด็อกสวมหูฟังนักบินก่อนจะเริ่มแพล่มอะไรของเขาไปเรื่อย พาเอาเพื่อนๆของทีมแอบเหนื่อยหน่ายไม่น้อย ชายร่างใหญ่ โจนาทานยังแอบประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ว่าทำไมถึงมีเครื่องบินขนส่งของทางกองทัพมาลงจอดอะไรในที่แบบนี้ เครื่องที่พวกเขากำลังเตรียมเอาขึ้นนั้นคึอ เครื่องบินขนส่งของกองทัพสหรัฐรุ่นใหญ่อย่าง C-17 เครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพ เป็นอะไรที่น่าประหลาด เพราะของแบบนี้จะมาอยู่ในที่แบบนี้นั้น เป็นไปไม่ได้เลย ชายร่างใหญ่ได้แต่คิด แต่สุดท้ายแล้วนั้น สิ่งที่ทำให้เขานั้นออกจากความคิดไปได้นั้นก็มีเพียง..

"ช่างมันเถอะ" เขาเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่นั่งอยู่ในห้องเก็บสินค้า.. ที่ก็ไม่น่าเอ่ะใจอีกแล้วเพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะห้องสินค้านั้นมีรถถังหลัก A1M2 Abrams ถูกจอดอยู่หนึ่งคันเต็มพื้นที่ห้องเก็บสินค้าอย่างที่ไม่น่าสงสัยหรือเอ่ะใจเลยจริงๆ(ประชด)

ขณะที่เมอด็อกกำลังเตรียมเครื่องออก แน่ล่ะ ทรัพย์สินมูลค่าสามพันกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯตกอยู่ในมือของกลุ่มคนที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งเป็นอดีตทหารมีฝีมือของประเทศตัวเองที่แหกคุกออกมา เรื่องแบบนี้แม้จะหาได้ยากหนึ่งในล้าน แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมอด็อกเมื่อเครื่องใบพัดเทอร์โบทั้งสี่เครื่องติด รันเวย์ฉุกเฉินที่พร้อมจะให้นกเหล็กลำยักษ์นี้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็พร้อม อีกทั้งสิ่งที่ตามๆมาก็ไล่ตามมาอีกระลอกแล้ว
"รีบเอาเครื่องขึ้นก่อนที่จะไม่มีโอกาส" ฮัลนิบาลเอ่ยเตือนเมอด็อกที่กำลังเพลิดเพลินกับห้องนักบินที่เขานั้นหลงไหล
"โอเคๆ เอาล่ะนะ.." เมอด็อกกดปุ่มสารพัดในแผหน้าปัดพร้อมกับดันคันโยกเครื่องเพื่อเตรียมออกบิน แต่ว่า..
*ครืนนนน!!*
แทนที่เครื่องจะพุ่งไปด้านหน้า กลับค่อยๆเคลื่อนถอยหลังไปอย่างประหลาด
"เมอด็อกก แกทำอะไรของแกวะเนี่ยยย" เฟสโวยออกมาเสียงดังขณะที่เขานั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหันกลับไปมองด้านหลัง
"เดี๋ยวๆๆ ใจเย็น เจ้านี่มีลูกเล่นกว่าที่คิดนะ เอาล่ะ อีกนิดเดียว.. แล้ว" เมอด็อกสะกิดแผงควบคุมสามสี่ครั้งก่อนจะโยกคันโยกไปข้างหน้า
เครื่องยนต์ใบพัดเจ็ทขนาดใหญ่ทั้งสี่คำรามเสียงดังก้อง พร้อมส่งตัวเครื่องพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกๆคนในเครื่องหาที่จับอย่างทันที นักบินสติเฟื่องค่อยๆดึงคันโยกขึ้นอย่างช้าๆ แต่เร็วกว่าเครื่องบินลำอื่นๆ ด้วยความพิเศษของรุ่นนี้ ทั้งความเร็วที่ส่งการเทคออฟตัวเครื่องขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พอรู้ตัวอีกที เครื่องฯก็อยู่กลางอากาศแล้ว
ผ่านไปได้สิบห้านาที เมื่อเครื่องขึ้นไปถึงจุดนึงแล้วก็ตาม หากแต่ดูเหมือนว่า การเดินทางในครั้งนี้ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับครั้งแรกที่ออกเดินทางด้วยเครื่องบินนัก เผลออาจจะหนักกว่าที่คิด
"ผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เรากำลังบินอยู่เหนือรัฐยูท่าห์ กรุณารัดเข็มขัดและห้ามปลดออกก่อนสัญญาณจะดับลง.. ไม่ต้องห่วงพี่น้อง หลุมอากาศไม่เคยทำให้เครื่องบินโตกกกก"
ชายร่างใหญ่ได้ยินเสียงจากห้องนักบิน ด้วยความบ้าๆบ๊องๆของนักบินอัจฉริยะผู้นี้ บางทีก็ไม่ควรที่จะฟังเพียงแค่คำพูด แม้จะคนใกล้ตัวก็ตาม ซึ่งพอได้ลองร่วมทางด้วยแล้ว.. ไม่ได้รู้สึกว่าน่าเป็นห่วงหรือหวาดหวั่นนัก แต่บางที มันก็ฟันธงไม่ได้ คงต้องดูกันไปนานๆ
*!!!*
แต่แล้วจู่ๆ สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น
"นั่นมันเสียงบ้าอะไรน่ะ" เฟสเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นมา
เมอด็อกที่ดูเรดาห์ก็ได้เอ่ยขึ้นขณะที่ดูอยู่นั้นเอง
"กำลังมีอากาศยานไร้คนขับสี่ลำ บินเข้ามาใกล้พวกเรา และพวกโดรนบ้านี่ทำเครื่องตกได้ง่ายๆเลยด้วย ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว"
นักบินเพียงคนเดียวของเราเร่งเครื่องเต็มกำลังพร้อมกับดูที่จอเรดาห์ไปด้วย โจนาทานที่กำลังดูที่กระจกข้างๆเครื่อง สิ่งที่เขาเห็นนั้นมันต่างออกไป สิ่งที่เขาเห็นนั้น มันไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เหมือนโดรนกองทัพเลยสักนิด แต่ดูเหมือนกับ วงแหวนคู่ลอยไขว้กันอยู่ตลอดขณะที่พวกมันนั้นกำลังบินฉวัดเฉวียนไปมาคล้ายเครื่องบินจริงๆ

การบินของพวกมันนั้นดูใกล้เคียงเครื่องบินจริงๆ ทำให้พวกมันก็แอบพรางแปลงกายของมันเองให้กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปนั้นเข้าใจ มากกว่าตัวตนที่พวกมันนั้นเป็น ในหมูเมฆที่เหล่าสิ่งประหลาดที่ผู้คนเรียกพวกมันว่าเทวดานั้น บินสลับสับเปลี่ยนรูปร่างของมันกลายเป็นโดรนจู่โจมที่มนุษย์ทั่วไปนั้นคุ้นเคย นัยน์ของจอห์นเบิกโพลงเมื่อเห็นพวกมันที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ กับสิ่งที่พวกมันนั้นกำลังจะทำ
*ฟิ้ววว.. ตูม!!!*
ลูกไฟพุ่งเข้าใส่เครื่องที่กำลังบินด้วยความเร็ว พุ่งเข้าหาตัวเครื่องอย่างรวดเร็วราวกับขีปนาวุธ ซึ่งมันปรากฎในจอเรดาห์
"มาแล้วๆ เฉยก็แปลกล่ะตอบโต้มันหน่อย"
เมอด็อกกดที่แผงควบคุม ปล่อยพลุไฟจำนวนมากออกจากฐานปล่อย ซึ่งมันสามารถสกัดการโจมตีของลุกไฟเหล่านั้น ใช่.. ที่ใช้คำว่าเหล่านั้น เพราะพวกมันไม่ได้มาเพียงลำเดียว หากแต่มากันร่วมสี่ลำ ตามจำนวนในหนังสือที่จอห์นเคยอ่าน สิ่งๆนี้มีกล่าวถึงอยู่ในหนังสือหลายเล่ม บรรยายถึงลักษณะและจำนวนของพวกมันอย่างใกล้เคียง จอห์นยังคงจับจ้องพวกมันตลอดขณะที่พวกมันนั้นกำลังบินไล่กวดตามหลังมาอย่างไม่ลดละ..
"สลัดไม่หลุด เมอด็อกแบบนี้แย่แน่"
"ไม่ๆ เรายังไม่แย่เท่าไหร่หรอก.." นักบินเพียงคนเดียวที่ควบคุมนกเหล็กลำยักษ์นี้อยู่รัดเข็มขัดของตัวเองให้แน่นขึ้น และเหมื่อทุกคนเห็นท่าทางของกัปตันขึงขัง พวกเขาย่อมทำตาม เพราะทั้งลำนี้ ทุกคนฝากชีวิตไว้กับเขาทั้งนั้น
"เกาะให้ดีๆๆๆ เรากำลังจะเร่งความเร็วเครื่องแล้ว"
"อะไรวะน่ะ?" เฟสเป็นเพียงคนเดียวที่ร้องเสียงหลง โชคดีมากที่บาราคัสไม่ตื่น อาจจะมีคนร้องเสียงหลงเพิ่มอีกคนแน่นอน ดีที่ยาสลบแบบฉีดช่วยทำให้หลายๆอย่างนั้นง่ายขึ้น..
*!!!!*
เมอด็อกโยกคันบังคับข้างที่นั่งไปด้านหน้าจนสุด เสียงเครื่องยนต์ไอพ่นทั้งสี่ทำงานเต็มพิกัด สร้างแรงอันมหาศาลที่ทำให้เครื่องทำความเร็วได้มากกว่าที่นักบินทหารอากาศคนไหนเคยทำได้
"เอาล่ะระวังตัวเอาไว้ เรากำลังจะเข้ากลุ่มเมฆ รัดเข็มขัดให้แน่น งานนี้มีอ้วกแตกกก ฮ่าาๆๆ"
ความบ้าคลั่งของเมอด็อกได้ฉายออกมาผ่านการบังคับเครื่องบินลำยักษ์นี้ เหมือนกับว่าเขานั้นกำลังขับเครื่องโชว์ผาดโผน เสียงร้องโหวกเหวกดังลั่นทั่วห้องนักบิน มีเพียงฮัลนิบาลที่ยิ้มรับกับความบ้าบิ่นมุทะลุของลูกทีมตัวเอง
เครื่อง C-17 ที่ตอนนี้เร่งความเร็วเต็มพิกัด ได้แหวกอากาศบินหนีเหล่ากงล้อทูตสวรรค์ที่แปลงร่างของมันกลายเป็นโดรนไล่ตามอย่างไม่ลดละ ตามมาด้วยการยิ่งลูกไฟติตามราวกับมิสไซล์พุ่งเข้าใส่เครื่องที่มีเป้าหมายของพวกมันอยู่ ศัตรูของเหล่าเทวดาทั้งหลาย และศัตรูของพระเจ้า
การบินไล่กวดนั้นใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ เพราะน้ำมันในถังเล่มร่อยหลอลงไปจากการใช้ความเร็วสูงเป็นเวลานาน อีกทั้งเครื่องยนต์ไอพ่นทั้งสี่ของเครื่องก็เริ่มถึงขีดจำกัดแล้ว และนั่นเอง..
*ปังๆๆๆๆๆ บึ้ม!!*
"โว่ว!!" เมอด็อกอุทานเสียงดังในขณะที่เครื่องยนต์หมายเลขสามของเครื่องกำลังลุกเป็นไฟ
"ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ หากท่านมองไปขวาท่านจะพบว่าเครื่องยนต์ของเรานั้นเกิดไฟลุกไหม้ ขอความร่วมมือจากทุกท่านสละเครื่องโดยด่วนถึงด่วนที่สุด ขอบคุณค่ะ"
"ยังจะมีอารมณ์มาเล่นนะ.. บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่เอาแบบครั้งก่อนแน่นอน ขอย้ำ ไม่เอาแบบครั้งก่อน ลงแบบสวยนเข้าไจนะ"
"เออเฮอะ เอาล่ะ เมอด็อก หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบที่เยอรมันนะ"
เมอด็อกกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วหันไปมองที่ด้านหน้า และแจ้งเตือนกับทุกคนให้เตรียมตัวรับมือกับโชว์สุดท้ายของเครื่องลำนี้ เขากดคันบังคับไปด้านหน้าอย่างช้าๆ ในชั่วขณะที่เหล่าลูกไฟกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วกำลังปะทะกับเป้าหมาย แต่กลับปะทะเข้ากับลูกไฟด้วยกันเองจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
เครื่องC-17ที่ได้รับความเสียหายกำลังแล่นลงพื้นด้วยความเร็วตามแรงโน้มถ่วง ทำมุม45องศากับผืนโลกซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะสร้างแรงฉุดที่มหาศาลจนเหล่ากงล้อเทวทูตเหล่านั้นไล่ตามแทบไม่ทัน ในขณะนั้นเอง ฮัลนิบาลสั่งการกับคนอื่นที่เหลือให้ทำตามที่เคยได้ทำเอาไว้
"เอาล่ะ ทำเหมือนกับเคยทำที่เยอรมัน เริ่มเลย"
"หมายความว่าไงผู้พัน?" เฟสเอ่ยถาม
"เครื่องบินลำใหญ่ ข้างในมีรถถังคันใหญ่ไซส์บิ้ก เข้าใจนะ" ฮัลนิบาลเอ่ยเพียงแค่นี้ ทุกๆคนในทีมก็เข้าใจในทันที แทบจะทันทีที่เมอด็อกลุกออกจากที่นั่งคนขับ ฮัลนิบาลฉุดเขากลับมานั่งที่เดิมก่อนที่จะกำชับกับเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง
"งานนี้ลงสวยๆนะผู้กอง งานของเรายังไม่จบ เราจำเป็นต้องไปต่อ.."
"รับทราบครับผู้พัน" เมอด็อกจับคันบังคับอีกครั้งและค่อยๆประคองเครื่องที่ลงด้วยความเร็ว จนถึงระดับความสูงเพียงห้าพันฟุต เมอด็อกค่อยเชิดหัวของเครื่องขึ้นเล็กน้อยเพื่อลดความเร็วของเครื่องที่กำลังดิ่งลง ตัวเครื่องค่อยร่อนลงอย่างช้าแต่ความเร็ซของมันนั้นยังคงไม่เปลี่ยน
ด้วยความเร็วความเตรื่องในตอนนี้ หากใครร่วงจากเครื่องพูดได้คำเดียวว่าตัวแตก เมื่อถึงระดับฮัลนิบาลแตะไหล่เมอด็อกเพื่อให้สละเครื่อง ในตอนนี้ทุกๆคนในเครื่องบินเข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุดในเครื่องบิน นั่ก็คือรถถังเอบรามส์ที่ถูกขนส่งติดมากับเครื่องด้วยความบังเอิญ...
ในขณะนั้น เครื่องที่ค่อยถลาลงกับพื้นด้วยความเร็ว ฉีกกระชากส่วนต่างๆของเครื่องบินออกอย่างบ้าคลั่ง และด้วยแรงกระแทกนั้น ทำให้รถถังที่ติดอยู่กับตัวเครื่องไถลลงมาด้วยความเร็ว เครื่องยนต์รถถังเริ่มติด และพุ่งชนเศษซากของเครื่องเพื่อวิ่งไปต่อ
*คลืนนนน!!*
เสียงตื่นตะขาบของรถถังที่เร่งความเร็วท่ามกลางพื้นดินที่ราบอันร้อยระอุ ล้อตีนตะขาบของมันตะกุยทรายและวิ่งไปต่อด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่มันจะทำได้..
"ทุกคนโอเคนะ" ฮัลนิบาลเ่ยถามรวมๆ ซึ่งในขณะนี้ ทุกๆคนในเครื่องบินที่ระเบิดก็อยู่กันครบแทบทุกคน..
"พวกเรายังอยู่ครับ/ค่ะ" เด็กหนุ่ม/สาวขานรับขณะที่ทั้งสองหาที่นั่งประจำตัวได้
"พวกมันจะคิดมั้ยว่าพวกเราตายแล้ว"เฟสเอ่ยถามขณะที่ตนนั้นประจำตำแหน่งจุดนึงในรถฯ
*ปังๆๆๆๆๆ...*
*แก๊งๆๆๆๆๆๆ...*
"มันไม่คิด" ฮัลนิบาลตอบได้อย่างไม่ต้องลังเล และขณะนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ ว่าเหมือนพวกเขาขาดบางสิ่งไป
"จอห์นล่ะ?" ฮัลนิบาลเอ่ยถาม ในขณะที่ทุกๆคนนั้นเงียบ พากันหน้าถอดสี แต่แล้ว
*ตึง ๆ ๆ*
เสียงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกับเสียงของกระสุนกระทบกับรถถัง และมันแรงกว่ามาก เมอด็อกเปิดฝารถถังก่อนจะยื่นหน้าขึ้นไป มองเห็นเงาขนาดใหญ่ที่ตกกระทบบนป้อมปืนของรถถัง
"เฮ้.. เมื่อกี้มีใครถามหาฉันรึเปล่า?" จอห์นที่ตอนนี้ แขนอีกข้างนั้นถูกคาดด้วยโล่ห์ขนาดใหญ่และมืออีกข้างนั้น คือปืนพกที่เขานั้นใช้มันเพื่อสู้กับศัตรูที่อยู่กลางอากาศอยู่ในขณะนี้
"ผู้พันกำลังถามหาคุณน่ะจอห์น มีอะไรจะฝากมั้ย?"
"บอกฮัลนิบาลด้วยฉันสบายดี แล้วก็เตรียมตัวได้แล้ว บรรจุกระสุนให้พร้อม เราจะตอบโต้แล้ว ให้ฮัลนิบาลออกคำสั่งได้เลย"
"รับทราบบ"
*แก๊งๆๆๆ !!!* เสียงที่คนข้างในได้ยินนั้นหาใช่เสียงกระสุนกระทบกับเกราะของรถถังอย่างเดียว หากแต่กระทบกับโล่ห์ขนาดใหญ่ของชายร่างใหญ่ที่เกาะอยู่บนป้อมปืนของรถถังตลอดตั้งแต่ตอนที่เครื่องเทคออฟลงพื้น
"เอาล่ะ" ชายร่างใหญ่สะบัดโล่ห์พร้อมผ้าคลุมของตนเองไปด้านหลังและเล็งดาบใหญ่ที่เขาชักมันออกมาไปที่ด้านหน้าเหล่ากงล้อเทวทูตทั้งหลายนั่น
"ถึงเวลาโต้กลับแล้ว" เพียงคำสั้นๆ ป้อมปืนที่ตั้งอยู่ที่ด้านหลังอยู่เรียบร้อยได้เล็งขึ้นไปที่ด้านบน ไต่ระดับองศาให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ..
*เปรี้ยงง!! ตูม!!* กระสุนระเบิดพุ่งเข้าใส่จนเกิดฝุ่นควันจำนวนมากลอยคลุ้ง
"หันกระบอกปืนไป15องศา รอคำสั่ง.." ฮัลนิบาลสั่งการเคร่งครัด เฟสหมุนกระบอกปืนตามองศาที่สั่งที่ตอนนี้ตรงหน้าของเขานั้นจะยังไม่มีอะไร
"ยังก่อน ๆ รอเดี๋ยว พวกฝูงแกะกำลังถูกต้อนเข้ามา.." ฮัลนิบาลรอคอยจังหวะที่เขานั้นคาดการเอาไว้ และ..
"ฝูงแกะเข้าคอกแล้ว"
"ยิง!!"
*เปรี้ยงง!!* กระสุนระเบิดรถถังพุ่งเข้าใส่กลุ่มเทวทูตกงล้อด้วยความเร็ซและระเบิดกลางวง ในจำนวนพวกมันระเบิดกลายเป็นผุยผง และยังเหลืออีกส่วนที่ยังบินไล่ตามอย่างไม่ลดละ โดยแฝงกายของตนเป็นโดรนจู่โจมอยู่อย่างนั้น
เสียงระเบิดจากปากกระบอกปืนใหญ่ของรถถังดังอย่างต่อเนื่อง จนกระสุนในห้องเก็บนั้นเหลืออยู่ไม่กี่ลูก แต่ในตอนนี้ศัตรูที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นก็ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ชายร่างใหญ่คุกเข่าแล้วก้มลงไปบอกคนด้านในรถถัง
"เอาล่ะทหาร เป้าหมายที่ไล่ตามเราไม่มีเรา งานดีมาก.."
ทุกคนอยู่ในอาการโล่งใจอย่างที่สุด
"ว่าแต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนล่ะ?" เด็กหนุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่นั่งเครื่องมาและตามด้วยตะลุยทะเลทรายแบบนี้อีก มันทำให้ไม่มีใครทันคิดเลยว่าตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ตรงไหนของอเมริกา..
"ว่ากังวลไปหนุ่มน้อย เราเลยลาสเวกัสที่เป็ฯเป้าหมายของเรามาไกลแล้ว.."
"ฮะ อ่าว..แล้วกัน ทำไมเป็นยังงั้นล่ะ?" เซซิลเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย
"ใจเย็นไอ้หนุ่ม จุดหมายของพวกนายใช่ลาสเวกัสที่ไหนกัน ที่นั่นมันจุดพักของเราเฉยๆน่ะ จุดหมายของเราจริงคือแอลเอ ลอสเองเจอลิสตังหาก" ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่บนป้อมปืมรถถังเอ่ยขณะที่พวกเขานั้นกำลบลังมุ่งหน้าสู่จุดหมาย ท่ามกลางผู้คนที่แตกตื่นกับรถถังที่วิ่งอยู่ข้างทางหลวงที่เส้นทางนี้จะพากวพกเขาไปยังจุดหมายปลายทาง
อะไรกันที่กำลังรอพวกเขาอยู่ตรงนี้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะรู้ได้ และมีเพียงทางเดียวนั้น ก็คือพวกเขาต้องไปดูด้วยตาตัวเอง..
......