เจ้าของ: God

[บ้านใหญ่] ห้องทำงานไครอน

  [คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-4-26 05:05:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ ◇◆

          มาริน่าเมื่อได้อ่านข้อมูลบนกระดานข่าวสารจบก็รีบรุจวิ่งมายังบ้านพักของไครอนเพื่อแจ้งในหาของกระดานที่เธอนั้นต้องการทำ มาริน่าเมื่อมาถึงก็เคาะประตูที่พัก
  
           "ขออนุญาติคะ"

           "เข้ามาเลย"

มาริน่าเปิดประตูของบ้านเข้าไปก่อนจะพบว่าไครอนนั้นอยู่ด้านในที่พัก

           "มีธุระอะไรหรือเปล่าถึงรีบมา"

           "พอดีเห็นบนกระดานมันมีประกาศเนื้อหาเกี่ยวกับการฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้เลยอยากมารับภารกิจ"

           "มันอันตรายรู้ไหม"

           "เชื่อมือหนูได้เลยคุณไครอน"

            "งั้นฟังผมนะคุณมาริน่า หลังจากนนี้ผมจะแจ้งเนื้อหาทที่คุณนั้นต้องไปทำ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของค่าย จะเป็นพื้นที่ป่าต้องห้ามซึ่งในนั้นมีสิ่งอันตรายหลายอย่างรวมถึงฮาร์ปี้ด้วยคุณควรพึ่งระวังอยู่เสมอ ฉะนั้นครั้งนี้ภารกิจของเธอคือ จัดการกับฮาร์ปี้ แล้วกลับมาอย่างปลอดภัย"
            
           "ขอรับปากตรงนี้เลยว่า จะทำให้สำเร็จ"

เมื่อการสนทนาเรื่องภารกิจกับไครอนมาริน่าก็เรียบจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปทำภารกิจ

รับภารกิจฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6,599 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-4-26 05:05
โพสต์ 6,599 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-4-26 05:05
โพสต์ 6,599 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-4-26 05:05
โพสต์ 6,599 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า จาก หมวกแก๊ป  โพสต์ 2024-4-26 05:05
โพสต์ 6,599 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-4-26 05:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
สร้อยข้อมือถัก
น้ำหอมสตรี
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
หลับใหล
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
หอกกรีก
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x3
โพสต์ 2024-4-26 13:32:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ ◇◆

          สภาพของเด็กสาวชุ่มไปด้วยเลือดจากบาดแผลตามกาย พยายามพาร่างของเธอน้ันมายังบ้านพักของไครอน
    
          "ขออนุญาติเข้าไปด้านใน"

มาริน่าพูดด้วยน้ำเสียงอันอิดโรย ก่อนประตูห้องจะเปิดขึ้นมา

        "ไปทำอะไรมานี้เจ้าหนูสภาพดูไม่ดีเลยนะ"

       "ก็ไปจัดการฮาร์ปี้มานะตามภารกิจที่ได้รับมาแต่เหมือนจะมีเหตุนิดหน่อย"

       "ไหนลองเล่าเหตุการณ์มาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น"

       "พอดีตอนที่ต่อสู้กับฮาร์ปี้มีหมาป่าจากภายในป่าเข้าโจมตีสภาพก็เลยเป็นแบบนี้ และนี้ก็คือสินสงครามที่เก็บมาได้"

มาริน่ายืนสินสงคราให้กับไครอนเพื่อตรวจสอบ

       "ถูกต้องนี้คือสินสงครามจริง ถือว่าภารกิจเสร็จสินแล้วนะเจ้าหนูหลังจากนี้ก็ไปพักรักษาตัวซะ"

       "ขอบคุณคะคุณไครอน"

มาริน่าเมื่อได้ฟังสิ่งที่ไครอนพูดจบตัวเธอนั้นก็ได้ออกจากที่บ้านใหญ่เพื่อไปหาที่พักผ่อน 


ส่งภารกิจฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้












แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-4-26 15:15
โพสต์ 7225 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-4-26 13:32
โพสต์ 7,225 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-4-26 13:32
โพสต์ 7,225 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-4-26 13:32
โพสต์ 7,225 ไบต์และได้รับ +1 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2024-4-26 13:32

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เหรียญดรักม่า +8 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
สร้อยข้อมือถัก
น้ำหอมสตรี
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
หลับใหล
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
หอกกรีก
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x3
โพสต์ 2024-4-26 23:50:12 จากอุปกรณ์พกพา | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Adelaide เมื่อ 2024-4-26 23:53



GODLY PARENT

- - - - -


                "ไครอนคะ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่" อเดลเลดถามด้วยความสงสัย หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงอาหาร เธอก็รีบละจากจานอาหารและวิ่งมาที่บ้านใหญ่เพื่อพบไครอนทันที เมื่อเธอเล่าเรื่องทั้งหมดรวมถึงสัญลักษณ์ที่ปรากฎเหนือศีรษะให้ชายครึ่งม้าฟังจนจบ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือขมวดคิ้วและเริ่มเดินไปเดินมา


                "ไครอน.." หญิงสาวเร่งเร้า


                "สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรับรองสายเลือกจากเทพเจ้า" ไครอนว่า "เธอรู้ไหมว่าสัญลักษณ์นั้นเป็นของเทพองค์ไหน"


                "ฉันได้ยินจากโรงอาหารว่าเป็นสัญลักษณ์ของเทพซุสถึงได้รีบวิ่งมาที่นี่" อเลดเดลเล่าพลางนึกถึงสิ่งที่เธอได้ยินจากชาวค่ายที่โรงอาหาร พวกเขาต่างพึมพำถึงชื่อของเทพซุสแทบจะในทันทีที่เห็นสัญลักษณ์และบอกให้เธอรีบมาหาไครอน


                "ถูกแล้วเด็กเอย เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า หนึ่งในสามมหาเทพแห่งโอลิมปัส" ไครอนพูดอย่างใจเย็น


                "ฉันจะพาไปส่งที่บ้านพักของเธอก่อน หลังจากนั้นก็ไปเก็บของจากบ้านพักหมายเลข 11 แล้วย้ายเข้าบ้านของตัวเองได้เลย"


                อเลดเลดพยักหน้ารับ พ่อของเธอคือเทพซุส เทพเจ้าองค์ที่เธอไปสักการะเพื่อขอให้พ่อแม่เทพเจ้าที่แท้จริงรับรองเมื่อวันก่อน พ่อคงจะรับรองเธอหลังจากที่ได้ยินคำขอของเธอแน่ๆ 


- - - - -




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7246 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-4-26 23:51
โพสต์ 7,246 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-4-26 23:51
โพสต์ 7,246 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-4-26 23:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
โพสต์ 2024-5-4 16:33:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-5-5 18:03

116
ตีความภารกิจ (อย่างถูกต้อง)

             ข่าวลือเรื่องคำพยากรณ์แพร่กระจายในค่ายไปไวเหมือนโควิดระบาด เร็วเสียยิ่งกว่าที่ผู้รับคำพยากรณ์อย่างดีนจะทันได้ไปปรึกษาไครอนเสียอีก คงเพราะคราวนี้มีชะตาของนิวยอร์กเป็นเดิมพันและเหล่าลูกเทพก็ไม่ได้เพิกเฉยกับเรื่องร้ายแรงแบบนั้น บางคนมีครอบครัวที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก บางคนก็ตื่นตกใจที่ภัยร้ายระดับเก้าริคเตอร์กำลังจะกลับมาอีกและมันจะกระทบกับพวกเขาไหม กว่าที่ดีนจะไปถึงบ้านใหญ่ก็ถูกทักไว้หลายหน

             บางทีข่าวลือภายในค่ายต่าง ๆ ที่ลอยเข้าหูอาจไม่ใช่ฝีมือของนักข่าวภาคสนามอย่างเด็กบ้านไอริสไปเสียหมด แต่ว่านั่นเกิดขึ้นมาจากเหล่าแซเทอร์ต่างหาก แถมครึ่งมนุษย์เหล่านั้นยังทำงานอยู่เต็มค่ายไปหมดเสียด้วยสิ

             “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ยอมให้เกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองขึ้นหรอก” ดีนยิ้มปลอบเจโนวีฟ บุษบาน้อยแห่งบ้านอะโฟรไดท์ที่เข้ามาทักเขาเรื่องคำทำนาย เด็กสาวที่ร่าเริงสดใสบัดนี้สีหน้ามีแต่ความวิตกกังวล “ถ้ายังไงก็ขอโทษแทนพ่อฉันด้วย แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ และทุกคนจะต้องปลอดภัย”

             แม้แต่ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จไหม การเดินทางไกลออกนอกค่ายเป็นเวลานานก็เหมือนกับการออกไปตาย ไหนจะต้องพิชิตอสุกายอะไรนั่นอีกถ้าไม่อยากรับโทสะจากเทพโพไซดอน เมื่อปลีกตัวจากเด็กสาวมาได้เขาก็เดินมาถึงบ้านใหญ่ได้สักที

             ก๊อก ๆๆ

             “ขออนุญาตครับ”

             “เชิญ”

             ไม่ได้รับอนุญาตดีนก็ผลักบานประตูกระจกสีเข้าไป ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรไครอนก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความหนักใจมาให้ อีกฝ่ายคงรู้เรื่องคำทำนายแล้วในระหว่างที่เขาถูกเรียกทักตลอดทาง

             “สวัสดีครับ คุณไครอน คุณรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม? หมายถึง คำพยากรณ์” เซ็นทอร์ผู้เป็นอาจารย์และผู้อำนวยการค่ายพยักหน้า ถ้างั้นก็ง่ายหน่อยจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ “ถ้างั้นคุณช่วยผมตีความหน่อยได้ไหมครับ แบบว่า.. มีบางจุดที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ แล้วก็อยากจะปรึกษาด้วยว่าจากนี้ต้องทำอะไรบ้าง”

             กล่าวจบดีนก็ยื่นกระดาษจดที่พับเป็นสี่ทบให้กับชายผิวดำ

             “แน่นอน ผมต้องช่วยเหลือคุณก่อนออกเดินทางอย่างเต็มที่ นั่งก่อนสิ” เมื่อรับกระดาษไปเปิดอ่านจบหนึ่งรอบไครอนก็ผายมือให้ดีนไปนั่งที่โซฟารับแขกก่อนที่จะเอ่ยถาม “คุณเข้าใจว่ายังไงบ้าง?”

             “ครับ ถ้าให้แกะทีละท่อนเลยก็.. เดี๋ยวนะ ผมขออัดเสียงไว้ได้ไหม? เวลาคุยภารกิจกับเพื่อนจะได้ให้เขาฟังเสียงเลยจะได้ไม่ขาดตกบกพร่องตรงไหน”

             ชายหนุ่มเอ่ยถาม แล้วเมื่อผู้อำนวยการพยักหน้ารับเขาก็หยิบเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมาอัดเสียง

             “โอเค.. งั้นเริ่มจากศูนย์กลางน่าจะหมายถึงตรีศูล เพราะผมก็เคยได้รับกระแสจิตที่พ่อพูดถึงตรีศูลอยู่หลายครั้ง แล้วพอตรีศูลหายไปทะเลก็เลยปั่นป่วน พ่ออาจจะคิดว่าเทพสักองค์เอาไปก็เลยขู่ว่าถ้าไม่เอาคืนจะส่งคลื่นถล่มเมืองใหญ่ เอ้อ.. ก่อนหน้านี้ผมไปหารุ่นพี่ออสตินมาแล้วเขาก็โพลงออกมาทันทีเลยว่าเป็นนิวยอร์ก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องมาถล่มนิวยอร์กด้วย”

             “เพราะชั้นที่หกร้อยของตึกเอ็มไพร์สเตตคือยอดเขาโอลิมปัส”

             “อะไรนะ!?” ดีนอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง “ทำไมเทพกรีกถึงไปอยู่ที่ยอดตึกเอ็มไพร์สเตต อีกอย่างตึกนั้นมันมีแค่ร้อยสองชั้นเองไม่ใช่เหรอ?”

             “หากให้อธิบายคงเหมือนกับที่มนุษย์ย้ายถิ่นฐานไปยังศูนย์กลางการปกครองใหม่ สำหรับเทพก็เพื่อที่จะปกครองพิภพได้ง่ายกว่า มนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นว่าตึกเอ็มไพร์สเตตมีแค่หนึ่งร้อยสองชั้น แต่ถ้าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับโลกแห่งทวยเทพจะสามารถมองเห็นปุ่มกดชั้นที่ลิฟต์ไปถึงชั้นที่หกร้อยได้”

             “โอเค้ ไม่ใช่เทพกรีกแต่เป็นเทพนิวยอร์กไปแล้วสิ..” ดีนยักไหล่ “แล้วแบบนี้ทุกคนก็ขึ้นไปหาเทพได้งั้นเหรอครับ คุณเคยขึ้นไปหรือเปล่า?”

             “ไม่ได้ สิทธิ์ที่จะขึ้นไปโอลิมปัสเป็นของทวยเทพเท่านั้น ส่วนเดมิก็อดที่ขึ้นไปได้จะเป็นเดมิก็อดที่ตายแล้วและได้รับการอนุญาติจากมหาเทพซุสเท่านั้น อมนุษย์อย่างผมไม่ได้รับสิทธิ์ขึ้นไป”

             “โอ้.. ต้องตายก่อนสินะ งั้นผมไม่อยากไปแล้ว” กว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ต้องตายก่อน งั้นไปหาสวรรค์ที่อื่นดีกว่า “แล้วถ้ายอดเขาโอลิมปัสคือตึกเอมไพร์สเตต แล้วแอตแลนติสล่ะครับอยู่ที่ไหน คงไม่ใช่ว่า… ไมอามี่?”

             หากพูดถึงเมืองชายทะเลในสหรัฐอเมริกาที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอีกหลาย ๆ อย่างติดมหาสมุทรแอตแลนติกเขาก็นึกถึงไมอามี่เนี่ยแหล่ะ

             “เดาได้เก่ง เกือบถูกแล้ว แอตแลนติสตั้งอยู่นอกชายฝั่งไมอามี่หลายไมล์ แต่หากจะบอกว่าอยู่ที่ไมอามี่ก็ไม่ผิด”

             “เอ้า ถูกด้วยเหรอเนี่ย”

             ดีนหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าความรู้จากการดูยูทูปจะช่วยเอาไว้ได้ ซึ่งความจริงก็ช่วยได้หลายครั้ง แต่บางส่วนก็เป็นข้อมูลเท็จที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม ถ้าบอกว่าพ่ออยู่แถว ๆ ไมอามี่ก็ไม่แปลกเลยที่จะส่งเรือฮิปโปแคมปัสมาช่วยเขาได้เพราะอยู่ห่างจากเฮติไม่ไกลมากนัก

             “ผมคิดว่าเราควรมาต่อที่คำทำนายนะ ตอนนี้คุณยังเพิ่งตีความไปได้แค่สี่บรรทัด”

             “โอ้ โทษทีครับ ถ้างั้นมาต่อกัน.. วันครีษมายันผมรู้แค่ว่าอยู่กลางเดือนมิถุนายน เป็นวันที่กลางวันยาวนานที่สุด แต่ไม่รู้ว่าคือวันไหน ผมมีเวลาเดดไลน์เหลืออีกเท่าไรกันแน่ครับ”

             “ถ้าปีนี้ตรงกับวันที่ยี่สิบเอ็ดมิถุนายนครับ ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องเป็นวันครีษมายัน เพราะเป็นวันที่เหล่าเทพเจ้าจะมารวมตัวกันสองครั้งต่อปี เหมาะที่จะกล่าวหาผู้ต้องสงสัยมากที่สุด”

             “โอเค ยี่สิบเอ็ดมิถุนายน..” ดีนรีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาสลับแอปเมโมลงปฏิทินเอาไว้ “ต่อไป.. ต้องไปทิศตะวันตกนครแห่งคนบาปและสีสัน ผมคิดว่าคือลาสเวกัส ใช่หรือเปล่าครับ?”ชายหนุ่มเงยหน้ามองไครอน อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้าแปลว่าเข้าใจถูก “แล้วก็ต้องคอยระวังบุตรแห่งเทพโป้ปด ผมไม่รู้เลยว่าคือเทพองค์ไหน แบบว่า.. ผมรู้จักแค่โลกิจากหนังน่ะมาร์เวลน่ะ”

             “เทพโป้ปดตามความเชื่อที่หลากหลายทั่วโลกมีหลายองค์ สำหรับกรีกคือ 'เทพโดลอส' หรืออาจเป็น 'เทพโมมุส' ก็ได้ แต่เทพโมมุสน่าจะใกล้เคียงกับการเป็นเทพแห่งการเยาะเย้ยมากว่า และยังมี 'เทพีอาเพท' เทพีแห่งการหลอกลวง แม้แต่ 'เทพเฮอร์มีส' ก็เคยถูกตีความว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเล่ห์กล ทางฝั่งโรมันก็จะเป็น 'เทพมันเดเชียส' และเทพที่คุณรู้จัก 'เทพโลกิ' จากฝั่งนอร์ส”

             ชื่อเทพโป้ปดหลายองค์ที่ไครอนกระหน่ำใส่เขาทำเอาดีนตาลาย ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้จะเยอะเกินไปไหม แล้วในตำนานเดียวกันจะมีเทพซ้ำหน้าที่กันไปทำไมเนี่ย!

             “แต่เทพเฮอร์มีสไม่น่าจะทำหรือเปล่าครับ แบบว่า.. ทำไปทำไมกันล่ะ?”

             “เทพเฮอร์มีสถือเป็นเทพอีกองค์ที่เข้าออกแอตแลนติสบ่อยราวกับเป็นชาวเงือก โดยเฉพาะช่วงนี้…” ไครอนมองมาทางดีนแววตาแฝงไว้ด้วยนัยยะ “แล้วเขาก็เคยขโมยตรีศูลของเทพโพไซดอนมาแล้วครั้งนึง”

             “คุณจะบอกว่าเทพเฮอร์มีสเข้าออกแอตแลนติสเพราะว่าไปส่งของให้ผมเหรอ?” ดีนอ้าปากหวอยกมือขึ้นกุมหัว กลายเป็นว่าตนเองเป็นคนที่ชักศึกเข้าบ้านหรือเปล่านะ? ไหนช่วงนี้จะมีพี่น้องของเขามาเพิ่มอีก เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะไม่ส่งของเพื่อสื่อสารถึงบิดา “แล้วเทพเฮอร์มีสก็เป็นเทพแห่งการขโมยด้วย…”

             “อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ ผมก็แค่ลองให้คุณวิเคราะห์ดู.. จากคำทำนายระบุว่าเป็นฝีมือของบุตรแห่งเทพโป้ปด ไม่ใช่ตัวของเทพโป้ปดที่แท้จริง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่เดมิก็อดจะลงไปได้ถึงแอตแลนติสโดยไม่มีพลังหายใจใต้น้ำ”

             “คุณกำลังจะบอกว่าอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นบุตรแห่งโพไซดอนเหรอครับ?” ถ้าเป็นบุตรโพไซดอนดำน้ำลงไปคงได้ หรือเสกฟองอากาศให้คนร้ายหายใจใต้น้ำก็ได้อีก

             “คุณคิดซับซ้อนดีนะ” ไครอนแค่นยิ้ม “หรืออาจจะไม่ใช่ด้วยวิธีการนั้น.. แต่ด้วยวิธีการทางเวทมนตร์ การลวงตา การหาเส้นทางลับสู่ใต้สมุทรโดยไม่ต้องดำน้ำลงไปก็ขโมยตรีศูลมาได้ด้วยเช่นกัน”

             “มีวิธีแบบนั้นด้วยสินะ..” ชายหนุ่มกุมคางคิด “เทพเฮอร์มีสไม่ได้มีพลังแบบนั้นใช่ไหมครับ?”

             “มี แต่รายนามเทพที่ผมกล่าวมาบุตรเทพทุกองค์ล้วนมีความสามารถเช่นนั้นหมด”

             “โอ๊ย หัวจะปวด ทำไงดีล่ะเนี่ย!” ชักรู้สึกว่าเวลาเดือนนิด ๆ จะไม่ทันเสียแล้วสิ

             “อาจไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้น” ไครอนพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ ในขณะที่ดีนทำหน้ายู่จากการคิดหนัก “ตามคำพยากรณ์คุณจะได้เจอคนร้ายเอง เขาจะออกมาสร้างความวุ่นวายแก่คุณ และล่อลวงให้ทำอะไรบางอย่าง” ไครอนเลื่อนสายตาลงไปที่บรรทัดล่าง ๆ ของคำพยากรณ์ “เช่น… ปลดปล่อยอสุรกาย”

             “ฟังดูไม่ดีเลยนะครับ ปลดปล่อยอสุรกายนี่มันเป็นภัยระดับสิบเท่ากับคลื่นยักษ์หรือเปล่า?”

             “เรื่องนั้นคุณต้องไปชั่งน้ำหนักเอาเอง” ไครอนยิ้มบาง ๆ โดยหวังว่าดีนจะเลือกช้อยส์ที่ถูก “มาต่อกันเถอะครับ ต่อไปพบเจอสตรีผู้หลงยุค..” ไครอนกระตุ้น

             “เอ่อ.. เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจเลย”

             “ถ้าจากที่ผมตีความ เกรงว่าคุณจะได้เข้าไปที่คาสิโนโลตัส”

             “คาสิโนโลตัส.. ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง เป็นคาสิโนของเทพฮาเดสที่ถ้ากินอาหารในนั้นจะหลงลืมตัวตนแล้วก็จะออกมาจากที่นั่นไม่ได้สินะครับ ไม่ใช่การเปรียบเปรยว่าถ้าได้เล่นการพนันแล้วจะถูกผีพนันสิงสู่จนออกจากบ่อนไม่ได้ใช่ไหม?”

             มาถึงตรงนี้ไครอนปรบมือให้ เหมือนเขาจะชอบใจการตีความของชายหนุ่มไม่น้อย

             “คุณตีความได้เก่ง เรื่องสิงสู่ก็คล้ายแบบนั้น แต่นั่นหมายถึงการหลงลืมตัวตนจนออกมาจากคาสิโนไม่ได้นั่นแหล่ะ ส่วนสตรีที่หลงยุค.. คุณอาจจะได้พบคนจากศตวรรษอื่นที่มีอายุยาวนานอาจจะร้อยหรือพันปี” เมื่อเห็นหนุ่มโพไซดอนอ้าปากจะถามไครอนก็รีบอธิบายต่อไม่ให้เสียเวลา “การหลงในคาสิโนจะทำให้ร่างกายไม่เติบโตไปด้วย คุณอยู่ในนั้นสิบปีได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าเวลาไหลผ่าน แม้ว่าคุณจะไม่รับประทานอะไรในนั้นเลยแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นของละอองดอกบัวจนทำให้หลงลืมตัวตน ในบันทึกการเดินทางของเพอร์ซีย์เขียนไว้แบบนั้น”

             ปรมาจารย์เซ็นทอร์เดินไปหยิบบันทึกเก่าเล่มหนึ่งบนชั้นหนังสือ เปิดไปยังหน้าข้อมูลบันทึกจากนั้นก็ส่งให้กับดีน เขาอ่านผ่าน ๆ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ฟังมาจริง ๆ ด้วย

             “ตายล่ะ แบบนี้อันตรายมาก ๆ เลยนะ ผมมีเดดไลน์งานแค่หกสัปดาห์นิด ๆ เองด้วย” นี่แหล่ะสิ่งที่จะมาตัดกำลัง “ถ้าแบบนี้ผมใช้พลังเสกฟองอากาศคลุมหัวไว้ได้ไหม เพื่อที่จะป้องกันละอองดอกบัว”

             ไครอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เป็นความคิดที่ดี คุณจะลองดูก็ได้ไม่เสียหาย ถ้าได้ผลยังไงก็ลงบันทึกไว้ด้วยแล้วกันครับ”

             “โอเคครับ งั้นผมจะลอง ส่วนบันทึกนี่ขอยืมไปศึกษาได้ไหม?”

             ดีนชูบันทึกการเดินทางของพี่ชายที่ไปตามหาสายฟ้าที่หายไปร่วมกับเพื่อนอีกสองคน แม้ว่าเขาจะเกลียดการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ มากก็ตามที แต่รู้สึกว่าภารกิจของเขาและพี่ชายมีความคล้ายคลึงกัน

             “เชิญ” ไครอนผายมือให้ “แต่กรุณานำมาคืนก่อนออกเดินทาง มันค่อนข้างจะเป็นเอกสารสำคัญ”

             “ได้เลย งั้นผมคงต้องถ่ายรูปทุกหน้าไว้ก่อน” ดีนโพล่งสิ่งที่คิดในหัวออกมา “แล้วนี่ล่ะครับ ‘เจ้าจักถูกล่อลวงโดยซาตาน แต่จักได้ของที่หายไป....’ หมายถึงผมจะได้พบกับซาตานจริง ๆ เหรอ แล้วแบบนี้ซาตานคือเทพแห่งความโป้ปดหรือเปล่า?”

             ตามพระคัมภีร์เก่าที่แม้จะไม่ได้นับถือแต่เด็กทุกคนย่อมได้เรียนรู้มาบ้าง ซาตานหรือนามเก่าคือ 'ลูซิเฟอร์' ก่อสงครามบนสวรรค์เพราะต้องการเป็นใหญ่ทัดเทียมพระเจ้า จึงถูกเนรเทศลงมาในนรก เขาปลอมเป็นงูลักลอบเข้าไปในสวนเอเดน เป็นผู้ล่อล่วงให้อีวากินผลไม้แห่งความรู้จนทั้งอาดัมและเอวาซึ่งเป็นมนุษย์คู่แรกถูกเนรเทศมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบนโลกมนุษย์ นั่นคือตำนานการเกิดมนุษย์เท่าที่เขารู้มาตามหลักศาสนา

             “จริงด้วยสินะ ซาตานก็ถือเป็นอดีตเทวทูตจอมหลอกลวงอีกตน แม้สิ่งที่เขาพูดส่วนมากจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม… เทพบางองค์ที่เคยพบพานบอกว่าเขานิสัยดี”

             “จริงดิ? แต่ว่าคำทำนายบอกว่าถูกล่อลวง แต่จะได้ของที่หายไปคืนมา..” ดีนครุ่นคิดก่อนจะทำหน้าเลิ่กลั่ก “คงไม่ได้หมายความว่า ‘โดนลวงไปล่อ’ เพื่อแลกของใช่ไหมครับ?”

             บ้าจริง! งานนี้ต้องเสียตัวเหรอเนี่ย! ถึงจะไม่เคยไปถึงขั้นนั้นแต่เขาอยากเก็บความบริสุทธิ์ทางประตูหลังไว้ให้ผู้ชายที่เขาชอบมากกว่านะ

             “กรุณา-หยุด-ความคิดนั้น-ไว้เลยครับ” ไครอนปรามด้วยสุ้มเสียงที่หนักแน่นจริงจัง

             “โอเค ผมไม่คิดก็ได้ ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว...” ประโยคหลังพูดเสียงมุบมิบ

             “มาต่อกันครับ ‘จงมุ่งหน้าสู่นครแห่งวัยรุ่นและความหวัง’ คุณคิดว่าคือที่ไหน?”

             “อืม.. ผมคิดถึงซิลิคอนแวลลีย์นะ ใช่หรือเปล่า?”

             ซิลิคอนแวลลีย์ เป็นภูมิภาคในนอร์เทิร์นแคลิฟอร์เนียที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลกเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรม เป็นที่ตั้งของบริษัทไอทีชั้นนำของโลกอย่างเช่น ไอบีเอ็ม แอปเปิ้ล กูเกิ้ล และเมต้า ตั้งอยู่ทางใต้สุดของเขตอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งตรงกับหุบเขาแซนตาแคลรา จนถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งขุมของของยุคใหม่ ดึงดูดใจวัยรุ่นให้อยากไปทำงานในเมืองนั้น แต่ไครอนกลับส่ายหน้า..

             “ถูกแค่ที่อยู่ในซานฟรานซิสโก แต่เกรงว่าหากไปที่ซิลิคอนแวลลีย์จะไม่ถูกจุดไปไกล” เซ็นทอร์เลื่อนสายตาอ่านบรรทัดล่างประกอบ ‘พึงเลือกโชคชะตา โทสะแห่งสมุทรเทพหรืออสุรกายห้วงทะเลลึก’ ถ้าจำไม่ผิดมีอสุรกายทะเลตนหนึ่งถูกผนึกไว้นอกอ่าวซานฟรานซิสโก คุณควรต้องไปบริเวณท่าเรือบริเวณเหนืออ่าวมากกว่า”

             ไรคอนหยิบเอาลูกลูกจำลองมาตั้งไว้ตรงหน้าดีน จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปยังตำแหน่งบริเวณท่าเรือ

             “อ่อ เข้าใจล่ะ ว่าแต่อสุรกายตนนั้นคือตัวอะไรครับ มันเก่งหรือเปล่า?”

             “น่าเสียดายที่ผมไม่ทราบแน่ชัด แต่หากจุดประสงค์ของบุตรแห่งเทพโป้ปดคือการปลดผนึกอสุรร้ายเกรงว่าจะไม่ใช่แค่คู่ต่อสู้ระดับไซคลอปส์หรือมิโนทอร์”

             “เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่เก่งมาก ๆ เลยสินะ”

             ดีนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ บางทีอาจเป็นคราเคน สงสัยว่าก่อนที่จะออกเดินทางเขาคงต้องศึกษาหาข้อมูลอสุรกายในทะเลเอาไว้สักหน่อยเพื่อที่จะไม่ซี้แหงแก๋ เขาต้องเลือกระว่างปลดผนึกอสุรกายหรือยอมให้พ่อซัดคลื่นยักษ์ถล่มเมือง ไม่ว่าอย่างไหนเขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยว่าถ้าปลดผนึกอสุรกายแล้วจะเอาอยู่หรือเปล่า แล้วมันจะสร้างความเสียหายในอนาคตมากกว่าไหม แต่เขาก็ไม่ยอมให้โพไซดอนคร่าชีวิตคนนับล้านแน่ ๆ ไม่มีทาง

             “แล้วสุดท้าย ภารกิจจะสำเร็จหรือว่าล้มเหลวในคราวเดียวกัน.. เคยได้ยินจากรุ่นพี่ไพเพอร์ว่าเพอร์ซีย์หาสายฟ้าเจอแต่ก็ต้องแลกกับการทิ้งแม่ไว้ที่วังเทพฮาเดส สำหรับพี่ชายเขามีภารกิจซ้อนกันแต่ว่าของผมไม่มี จะมีอะไรทำให้ภารกิจล้มเหลวครับ หรือว่าผมจะไปไม่ทันเวลา?”

             “เรื่องนี้ผมคงตอบไม่ได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องทำใจว่า ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะเอาชนะได้ตลอด มีได้ก็ต้องมีเสีย”

             “ต้องเลือกแล้วก็ต้องแลกสินะ” ดีนเป่าปาก

             การตัดสินใจด้วยตัวคนเดียวนั้นยากเกินไป แต่ทีมมีสามคนแล้วเขาก็อยู่ในประเทศของประชาธิปไตย การโหวตจึงเป็นเรื่องสำคัญ ข้อแรกคือการแสดงสิทธิ์ความคิดเห็น ข้อที่สองคือในเมื่อเป็นความเห็นส่วนรวมจะได้ไม่รู้สึกผิดมากเมื่อตัดสินใจเลือกไม่ถูกทาง

             “คุณตั้งใจว่าจะออกเดินทางกันเมื่อไรหรือ?” ไครอนถาม

             “ผมยังไม่รู้เลยครับ แต่จะพยายามออกเดินทางโดยเร็วที่สุดหลังจากเตรียมการทุกอย่างพร้อม แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่ได้ชวนใครเลย ที่คิดว่าก็น่าจะ.. เดม่อน กับ ไบรท์ มั้ง”

             “ถ้าอย่างนั้นนี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง คุณนำไปจัดสรรแบ่งกับเพื่อนร่วมทางได้เลย แล้วก็อย่าลืมไปเบิกอาหารทิพย์ที่ห้องพยาบาลเผื่อฉุกเฉินด้วยครับ”

             ไครอนเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานจากนั้นก็ยื่นซองเงินดอลลาร์ปึกใหญ่ให้ มันมากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มตาโต แต่พอคิดแล้วว่าใช้เวลาเดินทางกว่าสิบวัน ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าที่พัก เผลอ ๆ จะไม่พอคงต้องประหยัดงบหน่อย

             “ขอบคุณครับ งี้ที่ผมต้องทำก็คือ ไปเบิกอาหารทิพย์ ชวนเพื่อน แล้วก็ศึกษาเรื่องอสุรกายใต้ทะเล.. รวมทั้งทำใจว่าอาจจะไปตายด้วย”

             “....”

             เมื่อได้ฟังไครอนก็เงียบไปเล็กน้อย เพราะมีเหล่าเดมิก็อดจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกไปทำภารกิจเดินทางแล้วไม่กลับมายังค่ายฮาล์ฟบลัดอีก ไม่เว้นแม้แต่สายเลือดของสามมหาเทพ ไครอนคิดถึงเด็กหนุ่มคนสายเลือดเทพซุสคนหนึ่ง เป็นคนที่ฝีมือดีทีเดียว อาจจะเป็นกำลังสำคัญให้แก่ค่ายฮาล์ฟบลัดอนาคต แต่เขาดันพลัดหลงกับเพื่อนในกลุ่มไปเมื่อห้าปีก่อน แม้ภารกิจจะสำเร็จด้วยกำลังของเด็กบ้านแอริสและอะธีน่าที่ร่วมทีมไปด้วยกันเพียงสองคน แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เด็กบ้านซุสคนนั้นกลับสูญหายไปตลอดกาล

             “พวกคุณต้องกลับมาได้ครบทุกคนแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น”

             “ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ ผมจะกลับมาแน่และช่วยทุกคนเอาไว้ได้.. ขอให้เป็นแบบนั้นนะ” นึกถึงความยากของภารกิจก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ถ้างั้นผมขอไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนนะครับ มีหลายอย่างที่ผมต้องทำเลย เอาไว้ก่อนเดินทางผมจะมาลาคุณอีกครั้งนึง”

             ไครอนพยักหน้ารับดีนจึงปิดกดหยุดการอัดเสียงแล้วลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้องผู้อำนวยการ ไหน ๆ แล้วก็แวะไปเบิกอาหารทิพย์ที่อยู่ในอาคารเดียวกันเลยดีกว่า

รับเงินทุนทำภารกิจ: ตรีศูลที่หายไป

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 52850 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2024-5-4 16:33
โพสต์ 52,850 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-5-4 16:33
โพสต์ 52,850 ไบต์และได้รับ +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ทักษะหอก  โพสต์ 2024-5-4 16:33
โพสต์ 52,850 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สร้างฟองอากาศ  โพสต์ 2024-5-4 16:33
โพสต์ 52,850 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก น้ำเยียวยา  โพสต์ 2024-5-4 16:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-5-4 19:27:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด


Arty
Diary Queen Bee




          คุณลัคกี้ยอมถ่อสังขารกลับไปเอากระเป๋าที่ผมทำหล่นไว้หลายใบ มันไม่ใช่ความผิดของผม ถ้าไม่มีอสุรกายตัวแดงแจ๋ไล่ล่าตามในป่า สัมภาระที่รักษาเท่าชีวิตไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ


          ถึงจะสำคัญมาก ชีวิตผมสำคัญกว่า เรื่องยอมเสียสละให้ผู้อื่นปัดตกทิ้งซะ เอาตัวรอดเท่านั้นแหละของจริง จะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่ออะไรนี่ไม่ใช่ละครหลังข่าว หรือซีรีย์ นิยายที่ตัวเอกเป็นผู้กล้า


          ผมลบเครื่องสำอางออก เปิดกระเป๋าซึ่งรวบรวมสารพัดของกุ๊กกิ๊ก เครื่องประทินโฉมนวลหน้าที่เลือกสรรเพื่อสร้างชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ


          เมพอัพหน้างานผิวฉ่ำ ผมลงไพรเมอร์ลำดับแรกปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน ก่อนลงเบสสีม่วงต่อ ตามด้วยทาคอนซีลเลอร์ รองพื้นและอีกบลา ๆ ลุคที่เป๊ะ ปัง สมมง พลาดไม่ได้แม้แต่จุดเดียว ถึงที่นี่ดูจะกันดารเกินกว่าจะออกกล้อง


          ผมต้องโดดเด่นดุจดาวค้างฟ้า ไม่ยอมตกลงจากฟ้าเป็นอันขาด ค่ายฮาล์ฟบลัดเป็นสถานที่หลบซ่อนด้วยจากอสุรกายของเดมิก็อด มนุษย์กึ่งเทพพื้นเพเป็นคนที่ใช้ชีวิตโลกภายนอก อาร์ตี้ เดอ วิล เป็นชื่อที่คนหลายล้านรู้จัก


          ลิปกลิตเตอร์บรรจงทาลงบนกลีบปากหยักเล็ก "คุณลัคกี้ เดี๊ยนเสร็จแล้ว"  


          คุณลัคกี้กางร่มให้ผมเดินนำไปยังอาคารหลังใหญ่ ก่อนจะเข้าไปในบ้านใหญ่ ผมมองการตกแต่งสไตล์ยุคกรีกโบราณ 


          กลิ่นคนแก่


          "ไครอนไม่ได้เจอกันเกือบ 20 กว่าปี เห็นคุณยังสบายดีผมก็อุ่นใจ"


          "เช่นกัน นานมากแล้วที่ฉันกับนายพบกันครั้งล่าสุด"  






          "นั่นเดมิก็อดที่นายดูแล สวัสดีอาร์ตี้ เดอ วิล ฉันเป็นผู้อำนวยการค่ายฮาล์ฟบลัด" ไครอนยิ้มให้ชายหนุ่มชาวค่ายคนใหม่ ดวงตาทอประกายเจ้าเล่ห์ "ฉันรู้เรื่องนายจากจดหมายของลัคกี้ทั้งหมดแล้ว" ไปรษณีย์ส่งจดหมายของเทพเฮอร์มีส


          "สวัสดีไครอน" 


          เซนทอร์หนึ่งตัว เซนทอร์สองตัว ในห้องเดียวกัน "คุณลัคกี้รู้จักด้วยเหรอ ไม่เห็นเคยเล่าให้เดี๊ยนฟัง"


          "ก็นานมาแล้ว สมัยที่ฉันยังเป็นวัยรุ่น อาร์ตี้เธอคงเข้าใจใช่มั้ย เซนทอร์เองก็มีช่วงเจริญเติบโต ฉันในตอนนั้นเคยมาส่งเดมิก็อดที่นี่เหมือนกัน" ลัคกี้เล่าย้อนถึงอดีตของตัวเอง "หมอนั่นน่ะกลายเป็นวีรบุรุษไปแล้ว"


          "ถ้าเรื่องมันนานนัก เดมิก็อดคนนั้นปานี้เป็นคุณลุงหนวดเฟิ้ม"


          "อาร์ตี้" ไครอนพูดพร้อมชี้นิ้ว เขามองสัญลักษณ์แสงสีม่วงเรืองรอง ก่อรูปส่องประกายสองเพศ 


          เซนทอร์ทั้งสองกำลังมองมาที่ร่างของอาร์ตี้


          "เธอได้รับการประเมินแล้ว"


          "หมายถึงอะไร" ร่างเล็กถามด้วยความงุงงง


          "เฮอร์มาโฟร์ไดตัส" ไครอนกล่าว "เทพแห่งไบเซ็กชวล LGBT"


          "เทพที่เป็นแม่ดิฉันหรอ" ไม่คุ้นหูชื่อนี้สักนิด "บอกตามตรงเดี๊ยนไม่รู้จักเทพองค์นี้"


          "เทพเฮอร์มาโฟร์ไดตัส เป็นบุตรแห่งเฮอร์มีสและอะโฟร์ไดท์ที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบลับ ๆ" ชายวัยกลางคนเอ่ยเสริม 


          "เทพเฮอร์มีสกับเทพีอะโฟร์ไดท์ เดี๊ยนรู้จักออกจะดังจะตายไป 12 เทพแห่งโอลิมปัส"


          กะพริบตาปริบ ๆ เทพีอะโฟร์ไดท์เป็นภรรยาของเทพเฮเฟตัส และมีชู้รักคือเทพสงครามแอรีส อาร์ตี้ยกมือปิดปากร้องอุ๊บส์ 'หล่อนมันร้ายย่ะ' นอกจากนี้ยังมีเทพเฮอร์มีสอีกคน ความสัมพันธ์เอ๋ยจงซับซ้อน ยังไม่นับรวมทั้งเทพองค์อื่นและมนุษย์ธรรมดาจำนวนมากอีก


          การลำดับนับญาติชวนปวดขมับ          


          "เอาล่ะ ไปดูบ้านพักกัน" ไครอนนำเสื้อค่ายสีส้มยื่นให้อาร์ตี้


          "ไม่มีความเป็นแฟชั่น" เสื้อยืดสีส้มธรรมดา ๆ ที่ไร้การตกแต่งใด ๆ การดีไซน์เรียบง่าย มีชื่อค่ายปักกลางเสื้อ ดีไซเนอร์คนนี้ไม่ผ่านโปรแน่ถ้าได้ทำงานกับอาร์ตี้ 


          ดวงตาซุกซนมองนิ้วที่กรีดกราย 💅🏻 "เล็บเจลดิฉันยังสวยซะกว่า"



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25838 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-5-4 19:27
โพสต์ 25,838 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-5-4 19:27
โพสต์ 25,838 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-5-4 19:27
โพสต์ 25,838 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-5-4 19:27
โพสต์ 25,838 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก ชุดเดรสลายดอกไม้  โพสต์ 2024-5-4 19:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกนีเมียน
กระตุ้นเพศหญิง
เปลี่ยนเพศ
สาปอวัยวะเพศ
จิตเอกเทศ
น้ำหอม Unisex
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
กำไลหินนำโชค
หอกกรีก
แว่นกันแดด
จิตใจทั้งสองเพศ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ต่างหูเงิน
รองเท้าส้นสูง
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x4
x3
x5
x2
x1
x1
x1
x2
โพสต์ 2024-5-9 02:59:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2024-5-11 01:04


II

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ห้องสี่เหลี่ยมชั้นแรกของบ้านใหญ่ถูกออกแบบไว้สำหรับเป็นห้องทำงานส่วนตัว ภายในห้องที่กว้างจนสามารถจอดรถเอ็มพีวีได้สองคันได้รับการตกแต่งด้วยไม้มะฮอกกานีสีเข้มเงางามตั้งแต่ผนัง เพดาน ไปจนถึงชั้นวางหนังสือ หลังโต๊ะทำงานที่ทำจากวัสดุชนิดเดียวกันมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังดูภูมิฐาน เขาสวมแว่นสายตาและสูทสีกากีกับเนคไทสีน้ำตาล ผมหงอกและเคราสีขาวถูกเล็มจนสั้นตัดกับผิวสีน้ำตาลไหม้อย่างลงตัว

ชายนิรนามใช้แววตาที่ดูใจดีกวาดมองเด็กสามคนยืนเบียดกันบนพรมขนม้าลายเทียมผืนใหญ่ตรงหน้าหลังอนุญาตให้เข้ามาพบ

“พวกเด็ก ๆ น่ารักจริงเชียว” เขาว่าพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

“อรุณสวัสดิ์ครับไครอน” เจมส์เอ่ยทัก ชายที่ถูกเรียกว่าไครอนยิ้มรับ

โรบินเบิกตากว้าง เธอรู้มาบ้างเกี่ยวกับตำนานของผู้ฝึกฝนวีรบุรุษที่ถูกเรียกขานว่าไครอน แต่มองดูแล้วคนตรงหน้าแทบไม่ต่างอะไรกับครูสอนประวัติศาสตร์ตามโรงเรียนมัธยมทั่วไปเลยสักนิด

หรือตำแหน่งวีรบุรุษของที่นี่คือคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนติดท็อปอันดับหนึ่งกันนะ

“สวัสดีครับไครอน โรบิน นี่ไครอน ผู้อำนวยการค่ายฮาล์ฟบลัด” โทยาที่พอจะเดาความคิดของโรบินออกรีบเอ่ยแนะนำทั้งสองฝ่ายก่อนที่เธอจะหลุดถามคำถามประหลาดออกไป

โรบินค้อมศรีษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

“โทยา ไม่ได้เจอกันนานเลย คุณเจเรมีคงจะตามโทยามาสินะ” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณมิไคเลอร์วิช เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณมาถึงค่ายอย่างปลอดภัย”

“ไค–” ไครอนยกมือห้ามปรามก่อนโทยาจะพูดจนจบประโยค

“เจมส์ โทยา รบกวนเธอสองคนออกไปก่อน อีกสักพักฉันจะพาแขกของเราตามไปทานมื้อเช้าด้วยกันที่โรงอาหาร อ้อ! ฝากบอกเด็กๆ บ้านหมายเลขสิบเอ็ดเรื่องสมาชิกใหม่ด้วยล่ะ”

เจมส์กับโทยาสบตากันในความเงียบ ทั้งสองพากันออกไปพร้อมกระเป๋าใบโตของโรบิน รอจนเสียงประตูปิดลงจนภายในห้องเหลือเพียงไครอนและผู้มาใหม่


บรรยากาศสบาย ๆ เมื่อครู่หนักอึ้งขึ้นทันที ชายตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อราวกับกำลังรอให้บางอย่างเกิดขึ้น โรบินกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง ก้อนความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย มันค่อย ๆ ขมวดเข้ากันเป็นปมจนเกิดเป็นคำถามสิ้นคิด

“คุณรู้จักหนูใช่ไหมคะไครอน”

“โอเค เป็นคำถามที่ดี” อีกฝ่ายพ่นลมออกจากจมูกด้วยความพึงพอใจ “แต่ก่อนอื่นเลย”

ไครอนขยับตัวเล็กน้อย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง บิดเอวซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทุกการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาของโรบินทั้งหมด เธออ้าปากค้างและเข้าใจในทันทีว่าทำไมห้องทำงานแห่งนี้ถึงจำเป็นต้องมีขนาดพอให้จอดรถยนต์ได้สองคัน

“คือคุณเป็น.. เอ่อ..”

“ม้า ถูกต้อง” ว่าพลางไครอนก็เดินออกมาข้างหน้าด้วยท่อนล่างที่เป็นม้าศึกสีดำ พื้นไม้กระดานส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เขาขยับตัว รูปร่างที่ใหญ่โตทำให้คู่สนทนาตัวหดเหลือเพียงแค่เอว “จะเรียกให้ถูกคือเซนเทอร์ล่ะนะ”

ถ้าต้องเล่าเรื่องน่าตกใจที่เกิดขึ้นกับตัวเองภายในเดือนนี้ให้อิกอร์ฟัง โรบินเดาว่าน้องชายตัวแสบของเธอคงจะวิ่งร้องไห้ไปหาเบเรนีซแล้วคะยั้นคะยอคนเป็นแม่ให้รีบมาพาตัวเธอกลับไปรักษาอย่างแน่นอน

พออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้น โรบินก็ก้าวถอยหลังอัตโนมัติ หลังถูกหมีพูดได้โจมตีร่างกายของเธอก็ตอบสนองกับความไม่ปกติได้อย่างรวดเร็ว กว่าโทยาจะบรรเทาอาการจากสวนหมัดทันทีที่เธอเห็นขาแพะของเขาจนเหลือเพียงขยับตัวหนีก็ใช้เวลาอยู่หลายวัน

“โอ้ๆ ฉันต้องขอโทษจริงๆ” ไครอนว่า เขารักษาระยะห่างโดยการไม่เข้ามาใกล้เกินไป “โทยาส่งข้อความมาบอกฉันแล้วล่ะว่าเธอถูกสองพี่น้องฝาแฝดโจมตี ฉันยินดีจริงๆ ที่เธอปลอดภัย หลายศตวรรษที่ผ่านมาเราให้การฝึกฝน แต่ระหว่างทางก็สูญเสียไปมากมายเหลือเกิน”

“อ่า ไม่เป็นไรค่ะ” เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่เป็นไรเรื่องอะไร

ไครอนโน้มตัวไปหยิบเสื้อสีส้มที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานให้โรบิน พอเธอรับมันมาแล้วกางออกก็พบว่าเป็นเสื้อยืดแบบเดียวกับที่เห็นคนในค่ายใส่กัน

“ของขวัญต้อนรับ”

โรบินเริ่มรู้สึกเหมือนเธอถูกพาเบี่ยงประเด็นบ่อยเกินไปแล้ว

“คุณยังไม่ตอบคำถามหนูเลย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของไครอนค่อย ๆ จางลง เขาประสานสายตาเข้ากับโรบินอย่างจริงจัง หางม้าสะบัดไปมาด้วยความไม่สบายใจ “เด็กน้อย เหล่าเทพเจ้าให้ฉันได้ทำในสิ่งที่รักมาอย่างยาวนาน ฉันเฝ้ามองเด็กๆ เติบโต สัมผัสการเปลี่ยนผ่านของอารยธรรม แต่พรแห่งความเป็นอมตะบางครั้งก็เป็นเหมือนโซ่ตรวนแห่งคำสาป อาจฟังดูใจร้ายถ้าฉันจะบอกว่าใจหนึ่งฉันรู้สึกว่าเธอไม่ควรอยู่ที่นี่ ณ เวลานี้ แต่อีกใจหนึ่งฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”

“หนูไม่เข้าใจ”

“ครั้งหนึ่งที่ฉันได้เจอคนที่มีบรรยากาศแบบเดียวกันกับเธอ ยังเป็นตอนที่กรุงโรมแห่งที่สามกำลังรุ่งเรืองน่ะสิ”

เสียงเป่าแตรเขาสัตว์ดังขึ้นไกล ๆ ทันทีที่ไครอนพูดจบ

“เอาล่ะ” ใบหน้าของไครอนกลับมาสดใสอีกครั้ง “สำหรับตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันควรพาเธอไปกินข้าวแล้วก็แนะนำตัวกับเพื่อนๆ เสียที ฉันจะทยอยตอบคำถามของเธอระหว่างที่เราเดินทางไปโรงอาหารแล้วกัน”


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

God
ดูเหมือนเธอจะพร้อมจะถูกรับรองจากพ่อแม่แล้ว----  โพสต์ 2024-5-9 09:44
โพสต์ 27821 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-5-9 02:59
โพสต์ 27,821 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-5-9 02:59
โพสต์ 27,821 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-5-9 02:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2024-5-9 14:47:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด





ขอคำปรึกษา


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตค่ะ”

เอโลอิสเดินทางมาที่บ้านใหญ่หลังจากที่เมื่อวานเธอได้รับคำพยากรณ์และยังไม่แน่ใจในบางเรื่อง เธอคิดว่าคุณไครอนอาจจะช่วยให้คำแนะนำแก่เธอได้ทั้งเรื่องคำทำนายและเรื่องเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในคำทำนายนั้น

“เข้ามาได้” เสียงไครอนจากด้านในตอบรับ

เอโลอิสเปิดประตูเข้าไป…

“ขอโทษที่มารบกวนค่ะ พอดีว่าฉันอยากขอคำปรึกษาเรื่องคำพยากรณ์น่ะค่ะ”

“คำพยากรณ์? เธอไปขอคำพยากรณ์มางั้นเหรอ?” ไครอนมีน้ำเสียงที่แปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ใช่ค่ะ และฉันก็ไม่แน่ใจว่าควรทำยังไงต่อ”

“นับเป็นเรื่องที่กล้าหาญที่เธอเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย ไหนว่ามาซิ คำพยากรณ์ว่าอย่างไร?”

“ธิดาแห่งไฟพึงตามแสงรุ่งอรุณยามเช้า ณ ใจกลางนครมิเคยหลับใหล ราชรถสุริยะเทพถูกขโมย โลดแล่นไปทั่วโลกา สร้างภัยพิบัติความแล้งแห้ง และร้อนระอุในรอบศตวรรษ โชคชะตานำพาสู่โรงแรมห้าดาวในมหานครมิเคยหลับใหล เผชิญหน้ากับจอมโจรผู้ขโมยราชรถเพลิง ศึกแห่งศักดิ์ศรีบุตรแห่งท้องนภาบังเกิด พึงเชื่อใจในสหาย และ ตามหาราชรถที่ถูกซ่อนไว้”

“อืม…ราชรถถูกขโมยไปฉันก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าผู้ที่อยู่ในชะตานี้จะเป็นเธอ ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกัน”

“เป็นฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” น้อยใจชะมัด

“ไม่ใช่อย่างนั้น ด้วยความที่เธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและยังคงอยู่ในช่วงฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ก็เลยไม่เคยคิดน่ะว่าสุดท้ายแล้วพวกเราต้องพึ่งเธอจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฉันก็จะช่วยให้คำแนะนำแก่เธอเอง” ไครอนตอบด้วยความสุขุม

“แล้วฉันควรต้องทำอย่างไรบ้างคะ จากคำพยากรณ์นี้มันสื่อถึงอะไรเหรอคะ?” เอโลอิสดูมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเข้าเรื่องการถอดความคำพยากรณ์

“ดูเหมือนว่าเธอจะต้องออกเดินทางไปยังใจกลางเมืองนิวยอร์ก เพื่อตามหาราชรถที่หายไปของเทพอะพอลโล”

“ในคำทำนายมีพูดถึงบุตรแห่งท้องนภาด้วยค่ะ หมายถึงลูกของเทพซุสหรือเปล่าคะ?”

“ถูกต้องแล้ว เขาจะต้องร่วมภารกิจเดินทางไปกับเธอด้วย”

“แต่ฉันไม่รู้จักใครสักคนจากบ้านซุส คุณพอจะมีคนที่แนะนำไหมคะ?”

“ฉันคิดว่าเธอควรลองไปทำความรู้จักกับคุณรอฟีอัส บาพาเทียร์ดู แม้จะอายุยังน้อยแต่เขาเป็นคนที่หน่วยก้านใช้ได้เลยทีเดียว พลังของเขานั้นเกินคาดเดา เขาถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับภารกิจนี้ บางทีเธออาจจะมีโอกาสได้เห็นความสามารถของเขาในการเดินทาง”

รอฟิอัส บาพาเทียร์ ชื่อไม่คุ้นเลยสักนิด ตอนนี้เองที่เอโลอิสเริ่มรู้ตัวว่าเธอแทบไม่รู้จักใครในค่ายแห่งนี้เลย ถึงจะได้ชื่อมาเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้จากที่ไหน เลยลองถามไครอนดูเผื่อว่าเขาจะมีทางช่วย

“ฉันจะสามารถไปเจอเขาได้ที่ไหนคะ?”

“เอาอย่างนี้แล้วกันฉันจะติดต่อเขาให้ไปเจอเธอที่หน้ากองไฟแห่งเฮสเทียหลังจากนั้นก็ไปคุยกันเอาเองได้ความยังไงก็มาบอกฉันแล้วกัน”

“ขอบคุณมากค่ะ แค่ไปขอให้เข้าร่วมภารกิจฉันก็สามารถออกเดินทางได้แล้วสินะคะ” เอโลอิสเริ่มคิดว่าแค่นี้อีซี่มาก

“เดี๋ยว…” ไครอนเบรก

“อะไรเหรอคะ?”

“ฉันว่าเธอหาเพื่อนร่วมทีมอีกสักคนดีกว่าพวกเธอยังเด็กไปกันหลาย ๆ คนน่าจะดีกว่า หลายหัวย่อมดีกว่าสอง”

“เขามีแต่สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวไม่ใช่เหรอคะ…เอาเถอะ...ไว้ฉันจะไปหาคนร่วมทีมมาเพิ่มค่ะ หาคนที่โตกว่าก็น่าจะดี” จริง ๆ ตัวเธอเองก็อายุ 18 ปีแล้ว แต่อายุสมองอาจไม่เทียบเท่า หาผู้ใหญ่กว่าเธอไว้เตือนสติสักคนก็คงช่วยได้เยอะ

“ดีมาก ขอให้โชคดีกับการฟอร์มทีม” ไครอนกล่าวอวยพรแก่เด็กสาว

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ฉันจะกลับมาใหม่หลังจากได้สมาชิกทีมครบแล้ว”

เอโลอิสลาคุณไครอนจากนั้นก็เปิดประตูออกไปจากบ้านใหญ่ หลังจากนี้ก็เหลือแค่ต้องหว่านล้อมเจ้าเด็กที่ชื่อรอฟิอัสให้มาเข้าร่วมทีมให้ได้แค่นั้นแหละ


ขอคำปรึกษาไครอนเกี่ยวกับคำพยากรณ์





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15244 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-5-9 14:47
โพสต์ 15,244 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก ธนู  โพสต์ 2024-5-9 14:47
โพสต์ 15,244 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก กระบอกลูกธนู  โพสต์ 2024-5-9 14:47
โพสต์ 15,244 ไบต์และได้รับ +2 EXP +6 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-5-9 14:47
โพสต์ 15,244 ไบต์และได้รับ +4 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก ชุดเครื่องเพชร  โพสต์ 2024-5-9 14:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-5-9 23:24:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด


FACE THE HARPY #1

- - - - -


                อเดลเลดเดินผิวปากมายังบ้านใหญ่เพื่อพบกับไครอน หลังจากที่ไปดูกระดานประกาศข่าวสารแล้วเกิดสนใจการฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้ขึ้นมาเพราะเธอเองยังไม่เคยลองลงสนามจริงเลยสักครั้ง เธอเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากชายครึ่งม้าที่อยู่ภายในบ้าน


                "สวัสดีค่ะไครอน" หญิงสาวเอ่ยปากทักทายก่อนด้วยรอยยิ้มเช่นเคย


                "สายัณสวัสดิ์คุณเดล" ไครอนว่า "มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?"


                "ฉันสนใจการฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้น่ะค่ะ พอดีว่าไปเห็นมาจากบอร์ดประกาศข่าวสารเลยอยากมาขอคำชี้แนะจากคุณค่ะ ไครอน" อเดลเลดพูดด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและกะตือรือร้น


                "ไม่มีอะไรจะช่วยพัฒนาศักยภาพในการต่อสู้ได้มากกว่าการลงสนามจริงอีกแล้ว ถ้าเธอพร้อมสำหรับภารกิจนี้ ฉันก็ยินดีที่จะให้คำแนะนำ" ไครอนหันไปจิบน้ำก่อนที่จะเริ่มอธิบายภารกิจ


                "แก่นหลักของภารกิจนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อฝึกการต่อสู้อย่างเดียว เธอจะต้องมีไหวพริบ สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดและระวังตัวเองตลอดเวลาเพราะสถานที่ที่เธอต้องไปล่าฮาร์ปี้คือป่าต้องห้ามที่อยู่ทางทิศเหนือของค่าย ฉันขอแนะนำให้เธอใช้อาวุธที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ มันจะช่วยเธอต่อสู้กับพวกอสุกายได้" 


                "สิ่งที่เธอต้องเอากลับมาคือสินสงครามที่เป็นหลักฐานว่าเธอสังหารฮาร์ปี้ได้สำเร็จ"


                สินสงครามงั้นหรอ? เหมือนเธอจะเพิ่มเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกจึงไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร หญิงสาวฟังคำที่ไครอนอธบายอย่างตั้งใจพลางพยักหน้าเพื่อตอบรับอีกฝ่าย


                "เข้าใจแล้วค่ะ"

 

                "งั้นก็ขอให้โชคดีนะ คุณเดล"


- - - - -


รับภารกิจฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10252 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-5-9 23:24
โพสต์ 10,252 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2024-5-9 23:24
โพสต์ 10,252 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-5-9 23:24
โพสต์ 10,252 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ความแข็งแกร่ง  โพสต์ 2024-5-9 23:24
โพสต์ 10,252 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก หูฟังบลูทูธ  โพสต์ 2024-5-9 23:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
โพสต์ 2024-5-10 23:18:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด


FACE THE HARPY #4

- - - - -


                "ขอเข้าไปข้างในนะคะ" อเดลเลดผลักบานประตูเข้าไปภายในบ้านใหญ่ มือขวาถือสินสงครามที่ได้จากการสังหารฮาร์ปี้เมื่อครู่ เธอหันซ้ายหันขวาเมื่อมองหาแซเทอร์ชราผู้เป็นอาจารย์ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องทางด้านหลัง


                "กลับมาเร็วกว่าที่ไว้นะคุณเดล" ไครอนทักทาย "เป็นยังไงบ้างล่ะกับการสังหารอสุรายตัวแรก"


                "ได้แผลกลับมานิดหน่อยแต่ก็ทำสำเร็จค่ะ แล้วก็ฉันได้นี่กลับมาด้วย" หญิงสาวยื่นขนฮาร์ปี้ที่ถืออยู่ในมือให้ไครอนดู เขาพยักหน้าเล็กน้อยด้วยร้อยยิ้ม


                "เก่งมาก ถือว่าการสังหารอสุรกายครั้งแรกของเธอผ่านไปด้วยดี" ไครอนว่า "และคนที่สังหารอสุรกายได้ถือเป็นเจ้าของสินสงคราม เพราะฉะนั้นเธอจงเก็บขนฮาร์ปี้นี้ไว้และใช้มันให้เกิดประโยชน์ล่ะ"


                "ฉันเอาไปได้เลยหรอคะ?" อเดเลดก้มมองสินสงครามในมือของตัวเอง


                "แน่นอน เอาล่ะอย่าลืมไปรักษาแผลที่แขนนั่นล่ะ"


                "ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวเอ่ยปากขอบคุณ เมื่อหมดธุระแล้วจึงปลีกตัวออกมาจากบ้านใหญ่เพราะตอนนี้ท้องของเธอกำลังร้องโวยวายดังลั่น สมองก็นึกถึงแต่ภาพอาหารอร่อยๆ จนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนต้องรีบมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อเติมเต็มกระเพาะน้อยๆ ที่ว่างเปล่าทันที!


- - - - -


ส่งภารกิจฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้




แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-5-10 23:39
โพสต์ 8099 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-5-10 23:18
โพสต์ 8,099 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-5-10 23:18
โพสต์ 8,099 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ความแข็งแกร่ง  โพสต์ 2024-5-10 23:18
โพสต์ 8,099 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก หูฟังบลูทูธ  โพสต์ 2024-5-10 23:18

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เหรียญดรักม่า +8 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
น้ำหอมสตรี
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ความแข็งแกร่ง
ต่างหูเงิน
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x2
x1
x2
x1
โพสต์ 2024-5-13 00:28:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2024-12-8 21:41


V

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


มันเป็นฝันที่ยาวนาน แต่ครั้งนี้โรบินจำความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน


ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดคลุมขนสัตว์สีน้ำตาล เธอสวมหมวกขนแกะทรงกลมที่มีหูสองข้างห้อยลงมาถึงคอสำหรับป้องกันลมหนาว กลิ่นซาวครีมแสนคุ้นเคยลอยเข้าจมูกของโรบินทุกครั้งที่เธอคนนี้ขยับตัว เมื่อสายตาเริ่มคุ้นชินกับแสงสว่างโรบินก็พบว่าทัศนียภาพรอบๆ ไม่ใช่เนินฮาล์ฟบลัดที่เคยอยู่ แต่เป็นป่าสนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลน ไม่มีวี่แววของที่อยู่อาศัยในละแวกนี้ยกเว้นสายลมเฉียบที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าเป็นระลอกจนจมูกชาไปหมด 

โรบินกระชับแขนที่กอดอยู่กับลำคอหญิงสาวปริศนาในชุดคลุมขนสัตว์ให้แน่นขึ้นเล็กน้อย ดูท่าว่าแม้แต่สภาพอากาศที่ร้ายแรงนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วในการเดินของเธอลดลงไปได้เลย

“แม่คะ ปีหน้าแม่จะกลับมาฉลองวันเกิดกับหนูจริงๆ ใช่ไหม?” เสียงเด็กสาวอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฟันของเธอกระทบกันดังกึกๆ ด้วยความหนาวสั่น

“ดูท่านางฟ้าตัวน้อยของพวกเราคงจะมีแรงเหลืออยู่สินะถึงได้ถามแบบนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างขวาเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย โรบินมองเห็นหญิงสาวตัวสูงโปร่งอีกคนที่แต่งกายลักษณะเดียวกันกับคนที่แบกเธออยู่ แต่เป็นสีดำ

“หนูขอฝันสักหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าป้านาตาเลีย?” 

“จ้าๆ” คนที่ถูกเรียกว่าป้านาตาเลียหัวเราะคิกคักแล้วหันมาหยิกแก้มเด็กน้อย ตอนนี้เองที่โรบินได้เห็นหน้าตาของคนคนนี้ชัดๆ เธอมีผมสีทองรวบไว้ใต้หมวกทรงกลมรับกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าตกกระเล็กน้อยมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากของมีคมพาดยาวเป็นเส้นตรงตั้งแต่ใต้ตาซ้ายจนถึงมุุมปากข้างเดียวกัน

“อย่าแกล้งเธอสินาตาเลีย” หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าโรบินเอ็ดป้านาตาเลียเสียงแข็ง “ถ้าสงครามสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แม่จะรีบกลับมาทำแพนเค้กซาวครีมกับสตรอว์เบอร์รีที่หนูชอบให้ทันวันเกิดแน่นอนจ้ะ แอนเจลีนา” น้ำเสียงที่เธอใช้พูดกับแอนเจลีนาอ่อนโยนขึ้นอย่างฉับพลัน แต่โรบินก็สัมผัสได้ถึงความกังวลลึกๆ ข้างใน ราวกับว่าแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่มั่นใจในสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปนัก

“สัญญานะ!” เด็กน้อยแอนเจลีนาถามอย่างมุ่งมั่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 

ทุกครั้งที่ผ่านมา?

น่าประหลาดที่โรบินเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อย เธอรู้ดีว่าคนเป็นแม่รักษาคำพูดเสมอถึงได้ยินยอมตามมาอยู่กับญาติในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้แม่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีภาระชิ้นใหญ่ให้ต้องคิดถึงระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เด็กน้อยรู้ดีว่างานของแม่เสี่ยงแค่ไหนและตัวเองไม่ใช่คนดื้อดึง

“..สัญญาจ้ะ” ทว่าครั้งนี้หญิงสาวในชุดสีน้ำตาลกัดปากจนซีดก่อนจะเอ่ยตอบเด็กน้อยอย่างแผ่วเบาราวกับเป็นเสียงสวดภาวนามากกว่าจะเป็นการให้คำมั่นสัญญา


“โอ้! ดูนั่นสิ! เหมือนเราจะมาถึงแล้วแฮะ!” โรบินชะโงกหน้าขึ้นมองตามเสียงของป้านาตาเลีย สิ้นสุดทางลาดลงไปข้างหน้าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทที่ดูค่อนข้างสงบ บ้านไม้สนราวสองร้อยหลังปลูกห่างกันเล็กน้อย มีโบสถ์สีขาวอยู่ตรงทิศตะวันออกของหมู่บ้าน และทางทิศตะวันตกมีแม่น้ำที่ถูกแช่แข็งด้วยความเย็น แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงวันแต่กลับไม่มีใครออกมาเดินเล่นเลย ยกเว้นที่หอนาฬิกากลางหมู่บ้านที่มีร่างของหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ 

“แม่!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากหญิงสาวชุดขนสัตว์สีน้ำตาล เธอวิ่งไปลงข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนโรบินแทบจะหงายหลังอยู่รอมร่อ

“โอ! กาบรีลา!” หญิงชราเดินขึ้นเนินอย่างรวดเร็วเข้ามากอดหญิงสาวที่ชื่อคุ้นหู แต่โรบินจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน “ลูกโตขึ้นมากเลย ดูสิ” ทั้งคู่กอดกันอยู่นานสองนานจนผู้เป็นแม่ผละออกก่อน เธอจับสำรวจร่างกายของลูกสาวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากที่เจอครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งปีก่อนด้วยความใจหาย

“แม่ออกมารอนานแค่ไหนแล้วคะ? แล้วไม่หนาวหรือไงเนี่ย” คนเด็กกว่าถามด้วยความเป็นห่วง

“พอได้จดหมายจากแกปุ๊บฉันก็ออกมาตามเวลาเลยน่ะสิ ..นี่! ไม่ต้องมาเป็นห่วงแม่เลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะเจ้าลูกคนนี้” ผู้เป็นแม่บ่นอุบ “มาๆ เข้ามาในบ้านก่อน” ว่าพลางก็จับมือลูกสาวให้ออกเดินต่อ

“เอ่อ.. เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะคุณนาย” ป้านาตาเลียที่เงียบไปนานสองนานพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักขัดจังหวะสองแม่ลูก “ที่หน่วย..”

“โอ..” หญิงชราเข้าใจในคำพูดนั้นได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอหม่นหมองลงกว่าเดิมเพราะความเครียด 

ดูเหมือนสถานการณ์ในมอสโกตอนนี้จะไม่สู้ดีนัก บ้านเรือนหลายแห่งเพิ่งถูกระเบิดทำลายเสียหายหนักจากเครื่องบินรบของทหารเยอรมันที่ต้องการเปิดศึกอย่างกระทันหัน จนแม้แต่พ่อของกาบรีลาที่บัญชาการอยู่ประจำหน่วยก็ไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วเช่นกัน ฐานทัพสูญเสียไปไม่น้อย สำหรับตอนนี้แค่เขายอมให้ลูกสาวกลับมาบ้านเกิดก็ถือว่าใจดีมากแล้ว

โรบินฟังทั้งสามแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเงียบๆ ด้วยความตั้งใจ แต่จะว่าไปเธอไม่ได้ยินเสียงของแอนเจลีนาน้อยมาสักพักแล้ว

“อาจจะดูหน้าไม่อาย แต่หนูฝากแอนน์ไว้กับแม่สักพักนะคะ” กาบรีลาว่าแบบนั้นก่อนจะค่อยๆ ปลดผ้าคาดเอวที่พันเธอไว้กับลูกน้อยระหว่างเดินทางมาที่นี่ เธอค่อยๆ วางแอนเจลีนาที่เกาะอยู่บนหลังลงกับพื้นหิมะสีขาว

กาบรีลาย่อเข่าลงให้พอดีกับส่วนสูงเด็กสาววัยหกขวบ เธอถอดถุงมือกันหนาวแล้วประคองแก้มเย็นเฉียบของเด็กตรงหน้าไว้บนฝ่ามืออุ่น วินาทีที่โรบินประสานสายตาเข้ากับกาบรีลา หัวใจของเธอกระตุกอย่างแรงเหมือนโดนเครื่องช็อตไฟฟ้าชาร์จเข้าที่หน้าอก แม้รู้ตัวว่ากำลังฝันแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าร่างกายที่นอนหลับอยู่เริ่มหายใจถี่ขึ้น

“อย่าดื้อกับคุณยายนะคะ นางฟ้าของแม่”

สิ่งที่เห็นคือเครื่องหน้าที่คล้ายกับใบหน้าในกระจกที่โรบินมองเห็นทุกเช้าหลังตื่นนอนทุกระเบียดนิ้ว ที่ต่างคือมันดูโตกว่า แววตาสีทรายเฉียบคมที่ครั้งหนึ่งคงเคยเต็มไปด้วยแผนการตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและอิดโรย 

ชั่วขณะหนึ่งโรบินก็ค้นพบว่าเด็กน้อยแอนเจลีนาที่กาบรีลาพูดด้วยมาตลอดทาง แท้จริงแล้วก็คือตัวของเธอเอง


“แม่..”

“โอ้ ดูท่ายัยขี้เซาของเราจะตื่นแล้วแฮะ”

“ให้ฉันดูหน่อย”

เสียงพูดคุยดังขึ้นข้างหูกระชากโรบินออกจากห้วงฝัน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

ภาพที่เธอเห็นเป็นอันดับแรกคือแชนเดอเลียร์ในห้องทำงานของไครอนที่บ้านใหญ่ ตามมาด้วยใบหน้าของเซซิล สมาชิกบ้านเฮอร์มีสที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามา และไครอนที่เข้ามาสมทบ

“ลุกขึ้นไหวไหม” ไครอนที่อยู่ในเก้าอี้รถเข็นช่วยเซซิลพยุงโรบินให้นั่งตรง เธอสะบัดหัวไล่ความรู้สึกชาออกไป รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ค่อยๆ เต้นช้าลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

“เอ่อ.. ขอถามอะไรโง่ๆ ได้ไหมคะ”

“ว่ามาสิ” ไครอนพูดพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้โดยที่โรบินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอร้องไห้ตอนไหน

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะไครอน เซซิล” เมื่อตั้งสติได้ เธอจึงหันไปถามสองคนตรงหน้าด้วยความมึนงง

“เธอได้รับการรับรองแล้วน่ะสิโรบิน” เซซิลว่า “ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านหมายเลขสิบเอ็ดอย่างเป็นทางการ จะว่าไปเธอนี่มันตัวนำโชคชัดๆ นี่มีฉันคนเดียวที่พนันว่าเธอเป็นพวกเดียวกับเราเลยนะ พวกนั้นบอกว่าเธออาจจะเป็นเด็กสมองบ้านอาธีน่า ไม่มีเซ้นส์เอาซะเลย”

โรบินมองหน้าเขาด้วยความสงสัย เธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์

“ช้าหน่อยเซซิล ดูเหมือนว่าเธอยังคงสับสน แล้วฉันก็ไม่สนับสนุนให้มีการพนันเกิดขึ้นด้วย” ไครอนพูดอย่างใจเย็นแล้วหันมาทางโรบิน “คืออย่างนี้ เธอหมดสติไปที่ชายหาดตอนสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น แล้วเซซิลก็เป็นคนแบกเธอมาที่นี่”

เซซิลกระพริบตาข้างหนึ่งให้โรบินด้วยความภาคภูมิใจ

“ขอบคุณ แล้วหนูหลับไปนานแค่ไหน”

ไครอนหันไปมองหน้าฬิกาแขวนบนผนัง “อืม.. ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้”

สมองของโรบินประมวลผลด้วยความเร็วจี๋  เธอไม่เคยวูบนานขนาดนี้มาก่อน แถมตอนนี้เธอยังจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดด้วย มันเริ่มเปลี่ยนไป

..ประหลาด

“แล้วสัญลักษณ์..”

“สิ่งนี้เรียกว่าการรับรองจากเทพเจ้าที่ฉันเคยบอก เมื่อเวลามาถึง เด็กทุกคนที่นี่จะถูกอ้างสิทธิ์จากบิดามารดาของตัวเองด้วยสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นเหนือหัว แต่ฉันไม่เคยได้ยินกรณีที่สัญลักษณ์ส่งผลกระทบต่อร่างกายเลย เธอเข้าใจใช่ไหม? มันเป็นแค่การส่งสัญญาณบอกให้รู้ถึงต้นกำเนิดของเด็กคนหนึ่งเฉยๆ น่ะ”

ไม่มีใครพูดอะไรต่อ

“ตอนที่หลับไปหนูฝันเห็นบางอย่างทะลักเข้ามาในหัว มันเหมือนภาพความทรงจำ.. แต่หนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของตัวเอง ทุกอย่างเหมือนเกิดขึ้นนานมาแล้วค่ะไครอน”

คิ้วของไครอนขมวดเข้ากันเป็นปม “อืม บ่อยครั้งที่มนุษย์กึ่งเทพฝัน เป็นฝันที่ไม่ได้เกิดจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง มีฝันอีกรูปแบบที่เหล่าเทพเจ้าตั้งใจแสดงให้มนุษย์ที่พวกเขาต้องการพูดคุยด้วยเห็น ซึ่งบางครั้งมันก็มาในรูปแบบของคำพยากรณ์.. แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่” ไครอนรำพึงกับตัวเอง “ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกฉันเรื่องความทรงจำที่ขาดหายไปใช่ไหม”

โรบินพยักหน้าให้เขาช้าๆ

“อืม.. ขอฉันไปคิดดูอีกสักหน่อย แต่สำหรับวันนี้เธอคงเหนื่อยมามากแล้ว” ไครอนปรบมือเบาๆหนึ่งครั้ง “เธอจำได้ไหมว่าเห็นสัญลักษณ์เป็นแบบไหน”

“เอ่อ เป็นงูสองตัวกับไม้ตรงกลาง แบบที่หนูเห็นตรงบ้านเฮอร์มีส”

“ใช่แล้วโรบิน นั่นคือเฮอร์มีส ผู้ส่งสารของเหล่าเทพเจ้า ผู้นำทางแห่งดวงวิญญาณ เทพเจ้าผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง การค้า การแลกเปลี่ยน”

เซซิลพยักหน้าหงึกๆ ตามที่ไครอนพูด “และจอมโจร”

“อืม และจอมโจร” ไครอนพูดตาม “ทั้งหมดที่ว่ามาคือพ่อของเธอ”

“พ่อของพวกเรา” เซซิลแก้


พูดกันตามตรงตอนนี้โรบินไม่รู้จะเริ่มตกใจจากตรงไหนก่อนดี


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

God
++คนแรกของบ้านเฮอร์มีส สามารถสร้างกระดานบอร์ดสมาชิกบ้านเฮอร์มีส-- npc รุ่นเดียวกันร่วมบ้าน มีได้เยอะกว่าบ้านอื่น ๆ เท่าตัว---  โพสต์ 2024-5-13 01:23
โพสต์ 43241 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-5-13 00:28
โพสต์ 43,241 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-5-13 00:28
โพสต์ 43,241 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-5-13 00:28
โพสต์ 43,241 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-5-13 00:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้