แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-5-5 18:03
116 ตีความภารกิจ (อย่างถูกต้อง)
ข่าวลือเรื่องคำพยากรณ์แพร่กระจายในค่ายไปไวเหมือนโควิดระบาด เร็วเสียยิ่งกว่าที่ผู้รับคำพยากรณ์อย่างดีนจะทันได้ไปปรึกษาไครอนเสียอีก คงเพราะคราวนี้มีชะตาของนิวยอร์กเป็นเดิมพันและเหล่าลูกเทพก็ไม่ได้เพิกเฉยกับเรื่องร้ายแรงแบบนั้น บางคนมีครอบครัวที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก บางคนก็ตื่นตกใจที่ภัยร้ายระดับเก้าริคเตอร์กำลังจะกลับมาอีกและมันจะกระทบกับพวกเขาไหม กว่าที่ดีนจะไปถึงบ้านใหญ่ก็ถูกทักไว้หลายหน
บางทีข่าวลือภายในค่ายต่าง ๆ ที่ลอยเข้าหูอาจไม่ใช่ฝีมือของนักข่าวภาคสนามอย่างเด็กบ้านไอริสไปเสียหมด แต่ว่านั่นเกิดขึ้นมาจากเหล่าแซเทอร์ต่างหาก แถมครึ่งมนุษย์เหล่านั้นยังทำงานอยู่เต็มค่ายไปหมดเสียด้วยสิ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ยอมให้เกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองขึ้นหรอก” ดีนยิ้มปลอบเจโนวีฟ บุษบาน้อยแห่งบ้านอะโฟรไดท์ที่เข้ามาทักเขาเรื่องคำทำนาย เด็กสาวที่ร่าเริงสดใสบัดนี้สีหน้ามีแต่ความวิตกกังวล “ถ้ายังไงก็ขอโทษแทนพ่อฉันด้วย แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ และทุกคนจะต้องปลอดภัย”
แม้แต่ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จไหม การเดินทางไกลออกนอกค่ายเป็นเวลานานก็เหมือนกับการออกไปตาย ไหนจะต้องพิชิตอสุกายอะไรนั่นอีกถ้าไม่อยากรับโทสะจากเทพโพไซดอน เมื่อปลีกตัวจากเด็กสาวมาได้เขาก็เดินมาถึงบ้านใหญ่ได้สักที
ก๊อก ๆๆ
“ขออนุญาตครับ”
“เชิญ”
ไม่ได้รับอนุญาตดีนก็ผลักบานประตูกระจกสีเข้าไป ยังไม่ทันได้ทักทายอะไรไครอนก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความหนักใจมาให้ อีกฝ่ายคงรู้เรื่องคำทำนายแล้วในระหว่างที่เขาถูกเรียกทักตลอดทาง
“สวัสดีครับ คุณไครอน คุณรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม? หมายถึง คำพยากรณ์” เซ็นทอร์ผู้เป็นอาจารย์และผู้อำนวยการค่ายพยักหน้า ถ้างั้นก็ง่ายหน่อยจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ “ถ้างั้นคุณช่วยผมตีความหน่อยได้ไหมครับ แบบว่า.. มีบางจุดที่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ แล้วก็อยากจะปรึกษาด้วยว่าจากนี้ต้องทำอะไรบ้าง”
กล่าวจบดีนก็ยื่นกระดาษจดที่พับเป็นสี่ทบให้กับชายผิวดำ
“แน่นอน ผมต้องช่วยเหลือคุณก่อนออกเดินทางอย่างเต็มที่ นั่งก่อนสิ” เมื่อรับกระดาษไปเปิดอ่านจบหนึ่งรอบไครอนก็ผายมือให้ดีนไปนั่งที่โซฟารับแขกก่อนที่จะเอ่ยถาม “คุณเข้าใจว่ายังไงบ้าง?”
“ครับ ถ้าให้แกะทีละท่อนเลยก็.. เดี๋ยวนะ ผมขออัดเสียงไว้ได้ไหม? เวลาคุยภารกิจกับเพื่อนจะได้ให้เขาฟังเสียงเลยจะได้ไม่ขาดตกบกพร่องตรงไหน”
ชายหนุ่มเอ่ยถาม แล้วเมื่อผู้อำนวยการพยักหน้ารับเขาก็หยิบเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมาอัดเสียง
“โอเค.. งั้นเริ่มจากศูนย์กลางน่าจะหมายถึงตรีศูล เพราะผมก็เคยได้รับกระแสจิตที่พ่อพูดถึงตรีศูลอยู่หลายครั้ง แล้วพอตรีศูลหายไปทะเลก็เลยปั่นป่วน พ่ออาจจะคิดว่าเทพสักองค์เอาไปก็เลยขู่ว่าถ้าไม่เอาคืนจะส่งคลื่นถล่มเมืองใหญ่ เอ้อ.. ก่อนหน้านี้ผมไปหารุ่นพี่ออสตินมาแล้วเขาก็โพลงออกมาทันทีเลยว่าเป็นนิวยอร์ก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องมาถล่มนิวยอร์กด้วย”
“เพราะชั้นที่หกร้อยของตึกเอ็มไพร์สเตตคือยอดเขาโอลิมปัส”
“อะไรนะ!?” ดีนอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง “ทำไมเทพกรีกถึงไปอยู่ที่ยอดตึกเอ็มไพร์สเตต อีกอย่างตึกนั้นมันมีแค่ร้อยสองชั้นเองไม่ใช่เหรอ?”
“หากให้อธิบายคงเหมือนกับที่มนุษย์ย้ายถิ่นฐานไปยังศูนย์กลางการปกครองใหม่ สำหรับเทพก็เพื่อที่จะปกครองพิภพได้ง่ายกว่า มนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นว่าตึกเอ็มไพร์สเตตมีแค่หนึ่งร้อยสองชั้น แต่ถ้าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับโลกแห่งทวยเทพจะสามารถมองเห็นปุ่มกดชั้นที่ลิฟต์ไปถึงชั้นที่หกร้อยได้”
“โอเค้ ไม่ใช่เทพกรีกแต่เป็นเทพนิวยอร์กไปแล้วสิ..” ดีนยักไหล่ “แล้วแบบนี้ทุกคนก็ขึ้นไปหาเทพได้งั้นเหรอครับ คุณเคยขึ้นไปหรือเปล่า?”
“ไม่ได้ สิทธิ์ที่จะขึ้นไปโอลิมปัสเป็นของทวยเทพเท่านั้น ส่วนเดมิก็อดที่ขึ้นไปได้จะเป็นเดมิก็อดที่ตายแล้วและได้รับการอนุญาติจากมหาเทพซุสเท่านั้น อมนุษย์อย่างผมไม่ได้รับสิทธิ์ขึ้นไป”
“โอ้.. ต้องตายก่อนสินะ งั้นผมไม่อยากไปแล้ว” กว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ต้องตายก่อน งั้นไปหาสวรรค์ที่อื่นดีกว่า “แล้วถ้ายอดเขาโอลิมปัสคือตึกเอมไพร์สเตต แล้วแอตแลนติสล่ะครับอยู่ที่ไหน คงไม่ใช่ว่า… ไมอามี่?”
หากพูดถึงเมืองชายทะเลในสหรัฐอเมริกาที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอีกหลาย ๆ อย่างติดมหาสมุทรแอตแลนติกเขาก็นึกถึงไมอามี่เนี่ยแหล่ะ
“เดาได้เก่ง เกือบถูกแล้ว แอตแลนติสตั้งอยู่นอกชายฝั่งไมอามี่หลายไมล์ แต่หากจะบอกว่าอยู่ที่ไมอามี่ก็ไม่ผิด”
“เอ้า ถูกด้วยเหรอเนี่ย”
ดีนหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าความรู้จากการดูยูทูปจะช่วยเอาไว้ได้ ซึ่งความจริงก็ช่วยได้หลายครั้ง แต่บางส่วนก็เป็นข้อมูลเท็จที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม ถ้าบอกว่าพ่ออยู่แถว ๆ ไมอามี่ก็ไม่แปลกเลยที่จะส่งเรือฮิปโปแคมปัสมาช่วยเขาได้เพราะอยู่ห่างจากเฮติไม่ไกลมากนัก
“ผมคิดว่าเราควรมาต่อที่คำทำนายนะ ตอนนี้คุณยังเพิ่งตีความไปได้แค่สี่บรรทัด”
“โอ้ โทษทีครับ ถ้างั้นมาต่อกัน.. วันครีษมายันผมรู้แค่ว่าอยู่กลางเดือนมิถุนายน เป็นวันที่กลางวันยาวนานที่สุด แต่ไม่รู้ว่าคือวันไหน ผมมีเวลาเดดไลน์เหลืออีกเท่าไรกันแน่ครับ”
“ถ้าปีนี้ตรงกับวันที่ยี่สิบเอ็ดมิถุนายนครับ ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องเป็นวันครีษมายัน เพราะเป็นวันที่เหล่าเทพเจ้าจะมารวมตัวกันสองครั้งต่อปี เหมาะที่จะกล่าวหาผู้ต้องสงสัยมากที่สุด”
“โอเค ยี่สิบเอ็ดมิถุนายน..” ดีนรีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาสลับแอปเมโมลงปฏิทินเอาไว้ “ต่อไป.. ต้องไปทิศตะวันตกนครแห่งคนบาปและสีสัน ผมคิดว่าคือลาสเวกัส ใช่หรือเปล่าครับ?”ชายหนุ่มเงยหน้ามองไครอน อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้าแปลว่าเข้าใจถูก “แล้วก็ต้องคอยระวังบุตรแห่งเทพโป้ปด ผมไม่รู้เลยว่าคือเทพองค์ไหน แบบว่า.. ผมรู้จักแค่โลกิจากหนังน่ะมาร์เวลน่ะ”
“เทพโป้ปดตามความเชื่อที่หลากหลายทั่วโลกมีหลายองค์ สำหรับกรีกคือ 'เทพโดลอส' หรืออาจเป็น 'เทพโมมุส' ก็ได้ แต่เทพโมมุสน่าจะใกล้เคียงกับการเป็นเทพแห่งการเยาะเย้ยมากว่า และยังมี 'เทพีอาเพท' เทพีแห่งการหลอกลวง แม้แต่ 'เทพเฮอร์มีส' ก็เคยถูกตีความว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเล่ห์กล ทางฝั่งโรมันก็จะเป็น 'เทพมันเดเชียส' และเทพที่คุณรู้จัก 'เทพโลกิ' จากฝั่งนอร์ส”
ชื่อเทพโป้ปดหลายองค์ที่ไครอนกระหน่ำใส่เขาทำเอาดีนตาลาย ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้จะเยอะเกินไปไหม แล้วในตำนานเดียวกันจะมีเทพซ้ำหน้าที่กันไปทำไมเนี่ย!
“แต่เทพเฮอร์มีสไม่น่าจะทำหรือเปล่าครับ แบบว่า.. ทำไปทำไมกันล่ะ?”
“เทพเฮอร์มีสถือเป็นเทพอีกองค์ที่เข้าออกแอตแลนติสบ่อยราวกับเป็นชาวเงือก โดยเฉพาะช่วงนี้…” ไครอนมองมาทางดีนแววตาแฝงไว้ด้วยนัยยะ “แล้วเขาก็เคยขโมยตรีศูลของเทพโพไซดอนมาแล้วครั้งนึง”
“คุณจะบอกว่าเทพเฮอร์มีสเข้าออกแอตแลนติสเพราะว่าไปส่งของให้ผมเหรอ?” ดีนอ้าปากหวอยกมือขึ้นกุมหัว กลายเป็นว่าตนเองเป็นคนที่ชักศึกเข้าบ้านหรือเปล่านะ? ไหนช่วงนี้จะมีพี่น้องของเขามาเพิ่มอีก เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะไม่ส่งของเพื่อสื่อสารถึงบิดา “แล้วเทพเฮอร์มีสก็เป็นเทพแห่งการขโมยด้วย…”
“อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ ผมก็แค่ลองให้คุณวิเคราะห์ดู.. จากคำทำนายระบุว่าเป็นฝีมือของบุตรแห่งเทพโป้ปด ไม่ใช่ตัวของเทพโป้ปดที่แท้จริง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่เดมิก็อดจะลงไปได้ถึงแอตแลนติสโดยไม่มีพลังหายใจใต้น้ำ”
“คุณกำลังจะบอกว่าอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นบุตรแห่งโพไซดอนเหรอครับ?” ถ้าเป็นบุตรโพไซดอนดำน้ำลงไปคงได้ หรือเสกฟองอากาศให้คนร้ายหายใจใต้น้ำก็ได้อีก
“คุณคิดซับซ้อนดีนะ” ไครอนแค่นยิ้ม “หรืออาจจะไม่ใช่ด้วยวิธีการนั้น.. แต่ด้วยวิธีการทางเวทมนตร์ การลวงตา การหาเส้นทางลับสู่ใต้สมุทรโดยไม่ต้องดำน้ำลงไปก็ขโมยตรีศูลมาได้ด้วยเช่นกัน”
“มีวิธีแบบนั้นด้วยสินะ..” ชายหนุ่มกุมคางคิด “เทพเฮอร์มีสไม่ได้มีพลังแบบนั้นใช่ไหมครับ?”
“มี แต่รายนามเทพที่ผมกล่าวมาบุตรเทพทุกองค์ล้วนมีความสามารถเช่นนั้นหมด”
“โอ๊ย หัวจะปวด ทำไงดีล่ะเนี่ย!” ชักรู้สึกว่าเวลาเดือนนิด ๆ จะไม่ทันเสียแล้วสิ
“อาจไม่ต้องกังวลถึงขนาดนั้น” ไครอนพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ ในขณะที่ดีนทำหน้ายู่จากการคิดหนัก “ตามคำพยากรณ์คุณจะได้เจอคนร้ายเอง เขาจะออกมาสร้างความวุ่นวายแก่คุณ และล่อลวงให้ทำอะไรบางอย่าง” ไครอนเลื่อนสายตาลงไปที่บรรทัดล่าง ๆ ของคำพยากรณ์ “เช่น… ปลดปล่อยอสุรกาย”
“ฟังดูไม่ดีเลยนะครับ ปลดปล่อยอสุรกายนี่มันเป็นภัยระดับสิบเท่ากับคลื่นยักษ์หรือเปล่า?”
“เรื่องนั้นคุณต้องไปชั่งน้ำหนักเอาเอง” ไครอนยิ้มบาง ๆ โดยหวังว่าดีนจะเลือกช้อยส์ที่ถูก “มาต่อกันเถอะครับ ต่อไปพบเจอสตรีผู้หลงยุค..” ไครอนกระตุ้น
“เอ่อ.. เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจเลย”
“ถ้าจากที่ผมตีความ เกรงว่าคุณจะได้เข้าไปที่คาสิโนโลตัส”
“คาสิโนโลตัส.. ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้าง เป็นคาสิโนของเทพฮาเดสที่ถ้ากินอาหารในนั้นจะหลงลืมตัวตนแล้วก็จะออกมาจากที่นั่นไม่ได้สินะครับ ไม่ใช่การเปรียบเปรยว่าถ้าได้เล่นการพนันแล้วจะถูกผีพนันสิงสู่จนออกจากบ่อนไม่ได้ใช่ไหม?”
มาถึงตรงนี้ไครอนปรบมือให้ เหมือนเขาจะชอบใจการตีความของชายหนุ่มไม่น้อย
“คุณตีความได้เก่ง เรื่องสิงสู่ก็คล้ายแบบนั้น แต่นั่นหมายถึงการหลงลืมตัวตนจนออกมาจากคาสิโนไม่ได้นั่นแหล่ะ ส่วนสตรีที่หลงยุค.. คุณอาจจะได้พบคนจากศตวรรษอื่นที่มีอายุยาวนานอาจจะร้อยหรือพันปี” เมื่อเห็นหนุ่มโพไซดอนอ้าปากจะถามไครอนก็รีบอธิบายต่อไม่ให้เสียเวลา “การหลงในคาสิโนจะทำให้ร่างกายไม่เติบโตไปด้วย คุณอยู่ในนั้นสิบปีได้โดยที่ไม่รู้สึกว่าเวลาไหลผ่าน แม้ว่าคุณจะไม่รับประทานอะไรในนั้นเลยแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นของละอองดอกบัวจนทำให้หลงลืมตัวตน ในบันทึกการเดินทางของเพอร์ซีย์เขียนไว้แบบนั้น”
ปรมาจารย์เซ็นทอร์เดินไปหยิบบันทึกเก่าเล่มหนึ่งบนชั้นหนังสือ เปิดไปยังหน้าข้อมูลบันทึกจากนั้นก็ส่งให้กับดีน เขาอ่านผ่าน ๆ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ฟังมาจริง ๆ ด้วย
“ตายล่ะ แบบนี้อันตรายมาก ๆ เลยนะ ผมมีเดดไลน์งานแค่หกสัปดาห์นิด ๆ เองด้วย” นี่แหล่ะสิ่งที่จะมาตัดกำลัง “ถ้าแบบนี้ผมใช้พลังเสกฟองอากาศคลุมหัวไว้ได้ไหม เพื่อที่จะป้องกันละอองดอกบัว”
ไครอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เป็นความคิดที่ดี คุณจะลองดูก็ได้ไม่เสียหาย ถ้าได้ผลยังไงก็ลงบันทึกไว้ด้วยแล้วกันครับ”
“โอเคครับ งั้นผมจะลอง ส่วนบันทึกนี่ขอยืมไปศึกษาได้ไหม?”
ดีนชูบันทึกการเดินทางของพี่ชายที่ไปตามหาสายฟ้าที่หายไปร่วมกับเพื่อนอีกสองคน แม้ว่าเขาจะเกลียดการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ มากก็ตามที แต่รู้สึกว่าภารกิจของเขาและพี่ชายมีความคล้ายคลึงกัน
“เชิญ” ไครอนผายมือให้ “แต่กรุณานำมาคืนก่อนออกเดินทาง มันค่อนข้างจะเป็นเอกสารสำคัญ”
“ได้เลย งั้นผมคงต้องถ่ายรูปทุกหน้าไว้ก่อน” ดีนโพล่งสิ่งที่คิดในหัวออกมา “แล้วนี่ล่ะครับ ‘เจ้าจักถูกล่อลวงโดยซาตาน แต่จักได้ของที่หายไป....’ หมายถึงผมจะได้พบกับซาตานจริง ๆ เหรอ แล้วแบบนี้ซาตานคือเทพแห่งความโป้ปดหรือเปล่า?”
ตามพระคัมภีร์เก่าที่แม้จะไม่ได้นับถือแต่เด็กทุกคนย่อมได้เรียนรู้มาบ้าง ซาตานหรือนามเก่าคือ 'ลูซิเฟอร์' ก่อสงครามบนสวรรค์เพราะต้องการเป็นใหญ่ทัดเทียมพระเจ้า จึงถูกเนรเทศลงมาในนรก เขาปลอมเป็นงูลักลอบเข้าไปในสวนเอเดน เป็นผู้ล่อล่วงให้อีวากินผลไม้แห่งความรู้จนทั้งอาดัมและเอวาซึ่งเป็นมนุษย์คู่แรกถูกเนรเทศมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบนโลกมนุษย์ นั่นคือตำนานการเกิดมนุษย์เท่าที่เขารู้มาตามหลักศาสนา
“จริงด้วยสินะ ซาตานก็ถือเป็นอดีตเทวทูตจอมหลอกลวงอีกตน แม้สิ่งที่เขาพูดส่วนมากจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม… เทพบางองค์ที่เคยพบพานบอกว่าเขานิสัยดี”
“จริงดิ? แต่ว่าคำทำนายบอกว่าถูกล่อลวง แต่จะได้ของที่หายไปคืนมา..” ดีนครุ่นคิดก่อนจะทำหน้าเลิ่กลั่ก “คงไม่ได้หมายความว่า ‘โดนลวงไปล่อ’ เพื่อแลกของใช่ไหมครับ?”
บ้าจริง! งานนี้ต้องเสียตัวเหรอเนี่ย! ถึงจะไม่เคยไปถึงขั้นนั้นแต่เขาอยากเก็บความบริสุทธิ์ทางประตูหลังไว้ให้ผู้ชายที่เขาชอบมากกว่านะ
“กรุณา-หยุด-ความคิดนั้น-ไว้เลยครับ” ไครอนปรามด้วยสุ้มเสียงที่หนักแน่นจริงจัง
“โอเค ผมไม่คิดก็ได้ ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว...” ประโยคหลังพูดเสียงมุบมิบ
“มาต่อกันครับ ‘จงมุ่งหน้าสู่นครแห่งวัยรุ่นและความหวัง’ คุณคิดว่าคือที่ไหน?”
“อืม.. ผมคิดถึงซิลิคอนแวลลีย์นะ ใช่หรือเปล่า?”
ซิลิคอนแวลลีย์ เป็นภูมิภาคในนอร์เทิร์นแคลิฟอร์เนียที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลกเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรม เป็นที่ตั้งของบริษัทไอทีชั้นนำของโลกอย่างเช่น ไอบีเอ็ม แอปเปิ้ล กูเกิ้ล และเมต้า ตั้งอยู่ทางใต้สุดของเขตอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งตรงกับหุบเขาแซนตาแคลรา จนถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งขุมของของยุคใหม่ ดึงดูดใจวัยรุ่นให้อยากไปทำงานในเมืองนั้น แต่ไครอนกลับส่ายหน้า..
“ถูกแค่ที่อยู่ในซานฟรานซิสโก แต่เกรงว่าหากไปที่ซิลิคอนแวลลีย์จะไม่ถูกจุดไปไกล” เซ็นทอร์เลื่อนสายตาอ่านบรรทัดล่างประกอบ “‘พึงเลือกโชคชะตา โทสะแห่งสมุทรเทพหรืออสุรกายห้วงทะเลลึก’ ถ้าจำไม่ผิดมีอสุรกายทะเลตนหนึ่งถูกผนึกไว้นอกอ่าวซานฟรานซิสโก คุณควรต้องไปบริเวณท่าเรือบริเวณเหนืออ่าวมากกว่า”
ไรคอนหยิบเอาลูกลูกจำลองมาตั้งไว้ตรงหน้าดีน จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปยังตำแหน่งบริเวณท่าเรือ
“อ่อ เข้าใจล่ะ ว่าแต่อสุรกายตนนั้นคือตัวอะไรครับ มันเก่งหรือเปล่า?”
“น่าเสียดายที่ผมไม่ทราบแน่ชัด แต่หากจุดประสงค์ของบุตรแห่งเทพโป้ปดคือการปลดผนึกอสุรร้ายเกรงว่าจะไม่ใช่แค่คู่ต่อสู้ระดับไซคลอปส์หรือมิโนทอร์”
“เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่เก่งมาก ๆ เลยสินะ”
ดีนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ บางทีอาจเป็นคราเคน สงสัยว่าก่อนที่จะออกเดินทางเขาคงต้องศึกษาหาข้อมูลอสุรกายในทะเลเอาไว้สักหน่อยเพื่อที่จะไม่ซี้แหงแก๋ เขาต้องเลือกระว่างปลดผนึกอสุรกายหรือยอมให้พ่อซัดคลื่นยักษ์ถล่มเมือง ไม่ว่าอย่างไหนเขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยว่าถ้าปลดผนึกอสุรกายแล้วจะเอาอยู่หรือเปล่า แล้วมันจะสร้างความเสียหายในอนาคตมากกว่าไหม แต่เขาก็ไม่ยอมให้โพไซดอนคร่าชีวิตคนนับล้านแน่ ๆ ไม่มีทาง
“แล้วสุดท้าย ภารกิจจะสำเร็จหรือว่าล้มเหลวในคราวเดียวกัน.. เคยได้ยินจากรุ่นพี่ไพเพอร์ว่าเพอร์ซีย์หาสายฟ้าเจอแต่ก็ต้องแลกกับการทิ้งแม่ไว้ที่วังเทพฮาเดส สำหรับพี่ชายเขามีภารกิจซ้อนกันแต่ว่าของผมไม่มี จะมีอะไรทำให้ภารกิจล้มเหลวครับ หรือว่าผมจะไปไม่ทันเวลา?”
“เรื่องนี้ผมคงตอบไม่ได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องทำใจว่า ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะเอาชนะได้ตลอด มีได้ก็ต้องมีเสีย”
“ต้องเลือกแล้วก็ต้องแลกสินะ” ดีนเป่าปาก
การตัดสินใจด้วยตัวคนเดียวนั้นยากเกินไป แต่ทีมมีสามคนแล้วเขาก็อยู่ในประเทศของประชาธิปไตย การโหวตจึงเป็นเรื่องสำคัญ ข้อแรกคือการแสดงสิทธิ์ความคิดเห็น ข้อที่สองคือในเมื่อเป็นความเห็นส่วนรวมจะได้ไม่รู้สึกผิดมากเมื่อตัดสินใจเลือกไม่ถูกทาง
“คุณตั้งใจว่าจะออกเดินทางกันเมื่อไรหรือ?” ไครอนถาม
“ผมยังไม่รู้เลยครับ แต่จะพยายามออกเดินทางโดยเร็วที่สุดหลังจากเตรียมการทุกอย่างพร้อม แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่ได้ชวนใครเลย ที่คิดว่าก็น่าจะ.. เดม่อน กับ ไบรท์ มั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นนี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง คุณนำไปจัดสรรแบ่งกับเพื่อนร่วมทางได้เลย แล้วก็อย่าลืมไปเบิกอาหารทิพย์ที่ห้องพยาบาลเผื่อฉุกเฉินด้วยครับ”
ไครอนเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานจากนั้นก็ยื่นซองเงินดอลลาร์ปึกใหญ่ให้ มันมากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มตาโต แต่พอคิดแล้วว่าใช้เวลาเดินทางกว่าสิบวัน ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าที่พัก เผลอ ๆ จะไม่พอคงต้องประหยัดงบหน่อย
“ขอบคุณครับ งี้ที่ผมต้องทำก็คือ ไปเบิกอาหารทิพย์ ชวนเพื่อน แล้วก็ศึกษาเรื่องอสุรกายใต้ทะเล.. รวมทั้งทำใจว่าอาจจะไปตายด้วย”
“....”
เมื่อได้ฟังไครอนก็เงียบไปเล็กน้อย เพราะมีเหล่าเดมิก็อดจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกไปทำภารกิจเดินทางแล้วไม่กลับมายังค่ายฮาล์ฟบลัดอีก ไม่เว้นแม้แต่สายเลือดของสามมหาเทพ ไครอนคิดถึงเด็กหนุ่มคนสายเลือดเทพซุสคนหนึ่ง เป็นคนที่ฝีมือดีทีเดียว อาจจะเป็นกำลังสำคัญให้แก่ค่ายฮาล์ฟบลัดอนาคต แต่เขาดันพลัดหลงกับเพื่อนในกลุ่มไปเมื่อห้าปีก่อน แม้ภารกิจจะสำเร็จด้วยกำลังของเด็กบ้านแอริสและอะธีน่าที่ร่วมทีมไปด้วยกันเพียงสองคน แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เด็กบ้านซุสคนนั้นกลับสูญหายไปตลอดกาล
“พวกคุณต้องกลับมาได้ครบทุกคนแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น”
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ ผมจะกลับมาแน่และช่วยทุกคนเอาไว้ได้.. ขอให้เป็นแบบนั้นนะ” นึกถึงความยากของภารกิจก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ถ้างั้นผมขอไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนนะครับ มีหลายอย่างที่ผมต้องทำเลย เอาไว้ก่อนเดินทางผมจะมาลาคุณอีกครั้งนึง”
ไครอนพยักหน้ารับดีนจึงปิดกดหยุดการอัดเสียงแล้วลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้องผู้อำนวยการ ไหน ๆ แล้วก็แวะไปเบิกอาหารทิพย์ที่อยู่ในอาคารเดียวกันเลยดีกว่า
รับเงินทุนทำภารกิจ: ตรีศูลที่หายไป |