เจ้าของ: God

[บ้านใหญ่] ห้องทำงานไครอน

  [คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-1-8 15:59:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-1-8 16:06

8/01/2025 13.50 น. - 14.10 น.

บทที่ 22

หลังผ่านพ้นการต่อสู้อันดุเดือดกับฮาร์ปี้ที่ป่าต้องห้าม ชายหนุ่มก็รีบเดินทางกลับมายังบ้านใหญ่โดยทันที ในเมื่อเป้าหมายลุล่วงด้วยดี ถึงจะเจ็บตัวนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ คูเปอร์ไม่ลืมที่จะนำขนฮาร์ปี้ทั้งสองเส้น หรือก็คือสินสงครามที่เขาได้มาจากการพิชิตมาด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานตามที่คุณไครอนได้บอกไว้  

คูเปอร์เดินขึ้นบันไดไม้สนของบ้านใหญ่ ก่อนจะแง้มเปิดประตูอย่างเบามือ สายตาแรกที่เขาเห็นคือไครอนที่กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดูเหมือนชายแก่ผู้มีท่อนล่างเป็นม้าจะรออยู่แล้ว  

“คุณไครอน ขอโทษที่ให้รอ ส่วนนี่สินสงครามครับ”  

คูเปอร์พูดพลางเดินเข้ามาในห้อง พร้อมยื่นขนนกทั้งสองเส้นให้ ไครอนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับมีประกายอ่อนโยน  

“นั่งก่อนสิ คูเปอร์” ไครอนกล่าวพลางรับขนนกจากมือเขาไปตรวจสอบ “นายทำได้ดี”  

คูเปอร์ยิ้มบางๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ เขายกมือขึ้นลูบต้นคอเบาๆ รู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยังไม่จางหายไปเสียที  

“เป็นยังไงบ้าง” ไครอนถาม ขณะที่พลิกดูขนนกทั้งสองเส้นอย่างพินิจพิเคราะห์  

“ยากกว่าที่คิดไว้มากครับ” คูเปอร์ตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “ผมประมาทไปหน่อยตอนแรก เกือบโดนมันเล่นงานหลายครั้งเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็จัดการมันได้”  

ไครอนพยักหน้า “นี่เป็นครั้งแรกที่นายได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจริงๆ ไม่แปลกหรอกที่นายจะพลาด แต่นั่นแหละคือบทเรียนสำคัญ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรก”  

“จริงครับ ผมรู้สึกเลยว่าการวางแผนสำคัญแค่ไหน ถ้าผมรีบหรือใช้อารมณ์กว่านี้ ผมคงไม่รอดกลับมา”  

“และนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากให้นายเรียนรู้” ไครอนกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “ความกล้าหาญไม่ใช่แค่การเผชิญหน้ากับอันตราย แต่คือการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรรอ เมื่อไหร่ควรโจมตี และที่สำคัญ เมื่อไหร่ควรถอย”  

คูเปอร์หัวเราะเบาๆ “ถอยไม่ทันหลายรอบเหมือนกันครับ แต่ขอบคุณสำหรับบทเรียน ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจ”  

“ดีแล้ว” ไครอนกล่าวขณะวางขนนกทั้งสองเส้นลงบนโต๊ะ “นายสมควรได้รับการพักผ่อน ไปพักผ่อนเสียเถอะ ร่างกายต้องการเวลาฟื้นตัว และจิตใจก็เช่นกัน”  

คูเปอร์ลุกขึ้นยืนช้าๆ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับโอกาสนี้ มันทำให้ผมเห็นตัวเองในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”  

“ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น นายมีศักยภาพมากกว่าที่นายคิด จำไว้เสมอ”  

คูเปอร์ยิ้มให้ไครอน ก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้อง เสียงประตูไม้สนที่ปิดลงเบาๆ เป็นดั่งสัญญาณจบวันอันยาวนาน

ส่งภารกิจ

-ฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้-

รับรางวัลภารกิจ

- รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 เหรียญครักม่า และ +40 EXP
- รางวัลแต้มตื่นรู้ +2 จากการเรียนรู้การชนะฮาร์ปี้ครั้งแรก (ได้ครั้งเดียว)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2025-1-8 16:18
โพสต์ 8818 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-1-8 15:59
โพสต์ 8,818 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2025-1-8 15:59
โพสต์ 8,818 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2025-1-8 15:59
โพสต์ 8,818 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2025-1-8 15:59

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เหรียญดรักม่า +8 ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 8 + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
กลยุทธ์การรบ
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x10
x5
x3
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x3
x1
x1
x5
x5
x2
โพสต์ 2025-1-12 03:51:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2025-2-17 11:02


Encountering 
the Great One
sidetrack : day 1 (28 dec 2024)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เก้าร้อยเก้าสิบหก

เก้าร้อยเก้าสิบเจ็ด

เก้าร้อยเก้าสิบแปด

เก้าร้อยเก้าสิบเก้า…


“ถ้าจะเอาให้ชัวร์ ผมว่าคุณไปเรียนกับ–แบ๊ะะะ!!” เสียงร้องปริศนาดังขึ้นพร้อมกับใบดาบที่ตวัดไปทางต้นเสียงจนเกือบจะเฉี่ยวเข้าที่คอของคนที่เข้ามาแบบไม่ส่งสัญญาณ

 “โกรเวอร์!” โรบินร้องลั่น เธอลดดาบลงและถอนหายใจอย่างแรง “คุณเข้ามาแบบนี้ได้ยังไง! เกือบโดนดาบฟันแล้วรู้ไหม!” 

โกรเวอร์ยกมือสองข้างขึ้นอย่างปกป้องตัวเอง “ใจเย็นสิ ผมแค่เดินเข้ามาไม่ได้คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้เสียหน่อย” ใบหูแหลมแบบแพะของเขากระดิกอย่างเร็วเหมือนใบพัดจนถ้ามันมีขนาดใหญ่กว่านี้คงพาเขาลอยได้ไปแล้ว “ไครอนเรียกพบคุณ เขารออยู่ที่บ้านใหญ่นะ”

โรบินเช็ดเหงื่อที่หน้าผากด้วยหลังมือและหันไปเก็บดาบเข้าฝักบนชั้นวาง “ขอบใจที่มาบอกนะคะ แต่คราวหลังระวังกว่านี้หน่อย คุณก็รู้ว่าฉัน… ไม่ได้จับดาบบ่อยๆ” เธอลดเสียงประโยคสุดท้ายให้เบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

“เข้าใจแล้วๆ” มนุษย์แพะตอบพลางพึมพัมเบาๆ กับตัวเอง “นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับดาบเลย... มันอันตรายเกินไป ขลุ่ยต้นกกยังดีกว่าอีก ไม่อันตรายแถมยังทรงพลัง เอามาประกอบทำนองก็ได้”

แซเทอร์ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดของแพนผู้ยิ่งใหญ่ถ่ายน้ำหนักไปมาบนขามีกีบของตัวเองด้วยความประหม่า เขาทำให้โรบินนึกถึงโทยา เพื่อนผู้นำทางของเธอที่หายหน้าหายตาไปนาน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามแต่แซเทอร์พวกนี้ก็ยังมีมุมขี้กลัวเหมือนกันไปหมดเสียจริง

“ถ้าคุณมาทำฉันตกใจอีก คราวหน้าดรักม่าที่คุณเก็บไว้จะหายหมดแน่” โรบินแซวกลับก่อนจะเดินออกจากสนามฝึก ทิ้งให้โกรเวอร์ยืนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“นี่คุณขู่ผมหรอ!”



เมื่อเดินมาถึงบ้านใหญ่ โรบินก็เดินไปหยุดอยู่ที่ประตูทำจากไม้มะฮอกกานีแสนคุ้นเคย ก่อนที่จะทันได้เคาะประตู เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านในราวกับรู้ว่ามีแขกมาเยือน

“เข้ามาได้เลย”

“ขออนุญาตนะคะ” แขกที่ว่าผลักประตูเข้าไปตามคำเชื้อเชิญ

ภายในห้องทำงานไม้ ร่างของเซนทอร์ในชุดสีกากีกำลังฮึมฮัมในลำคออย่างอารมณ์ดีขณะนำเอกสารเข้ามาจัดวางไว้บนชั้นหนังสือ “โชคดีที่เธอมาเร็ว”

“คือว่า… มีอะไรหรือเปล่าคะไครอน?” โรบินกวาดสายตาไปรอบห้องด้วยความหวาดระแวง “ขอออกตัวก่อนว่าหนูไม่ได้ไปขโมยเงินใครนะคะ ถ้าคุณไปได้ยินมาจากข่าวลือ คือบอกเลยว่าไม่ใช่ความจริง”

ไครอนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “โอ้ๆ ฉันไม่ได้เรียกเธอมาสอบสวนเรื่องนั้นหรอกเด็กน้อย พอดีวันนี้เรามีแขกคนสำคัญที่อยากจะแนะนำให้เธอรู้จักต่างหาก”

“แขกคนสำคัญ?” โรบินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก โอเค เรื่องที่เฮคาทีมาขอให้ทำอะไรแปลกๆ เมื่อวันก่อนยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี ว่าแต่แขกที่ไครอนพูดถึงคือใครกัน เธอจำได้ว่านอกจากคนในครอบครัวหรือคนในวงสังคมของที่บ้านแล้ว ก็ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัวอีก เว้นเสียแต่ว่าในกลุ่มคนพวกนั้นมีคนที่ไม่ใช่มนุษย์ปะปนอยู่…

“ใช่แล้ว ส่วนเรื่องขโมย…ไว้เดี๋ยวฉันจะขอคุยเรื่องนั้นกับเธออีกทีแล้วกัน” ประโยคนั้นทำเอาหัวใจของคนฟังตกลงไปอยู่ตาตุ่มทันที เธอตีปากตัวเองเบาๆ ด้วยความเจ็บใจที่ดันหลุดปากพูดอะไรให้น่าสงสัยไปเสียเอง

ไครอนไม่เว้นจังหวะให้โรบินได้ตบตีกับตัวเองนาน เขาขยับตัวกลับไปยังที่นั่งหลังโต๊ะทำงาน และนั่นก็ทำให้โรบินเห็นร่างของแขกคนสำคัญที่ซ่อนอยู่ข้างหลังม้าศึก

ชายร่างสูงโปร่งที่ขนาดตัวพอๆ กับไครอนเมื่อยืนเต็มตัวส่งยิ้มให้เด็กสาวมาจากมุมชั้นหนังสือ เขามีอายุสักประมาณสี่สิบหรือห้าสิบต้นๆ ชายคนนี้ครอบครองแววตาสีเทาพายุที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ผมสีน้ำตาลสั้นที่มีบางส่วนเริ่มเป็นสีดอกเลากับเคราสีเดียวกันก็ได้รับการแต่งเล็มอย่างเรียบร้อย เขาสวมรองเท้าบูตและกางเกงปีนเขาสีดำกับเสื้อยืดธรรมดาแต่กลับดูมีรสนิยมเมื่ออยู่ในร่างชายสูงวัย และเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ๆ โรบินก็สังเกตเห็นว่าที่ฐานลำคอของเขามีรอยสักสีม่วงซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อ

เขาให้ความรู้สึกเหมือนนักการเมืองท่าทางภูมิฐานในวันสบายๆ ที่เพิ่งกลับมาจากเดินป่ากับครอบครัวในวันหยุด

โรบินหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เธอพยายามค้นหาในความทรงจำว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ…ไม่มีเลย

“สวัสดีสาวน้อย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทัก พร้อมเก็บหนังสือที่ถืออยู่เข้าชั้น “ฉันควินตัส หรือถ้าเธออยากเรียกฉันว่าจิมมี่ก็ได้ หรือ…”

“เดดาลัส คุณเลิกแกล้งเธอเสียทีเถอะ” ไครอนพูดขัดขึ้นมาเสียก่อนด้วยน้ำเสียงระคนระอา

“ขอโทษทีไครอน พอมีคนเรียกชื่อใหม่ของผมมาหลายศตวรรษเข้า มันก็กลายเป็นเรื่องที่ชินกว่าชื่อเก่าไปเสียแล้ว” ชายที่ถูกเรียกว่าเดดาลัสยักไหล่เล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้โรบินรู้สึกประหลาดใจ

เขายื่นมือออกมา “เดดาลัส”

โรบินยื่นมือที่ชื้นเหงื่อเพราะความตื่นเต้นออกไปจับ ในครั้งแรกที่ไครอนเรียกชื่อเขา เธอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป แต่เมื่อชายตรงหน้าพูดออกมาเองอีกครั้งก็ทำเอาเธอหูผึ่ง สมองวิ้งไปชั่วขณะ

“คุณคือ…เอ่อ…เดดาลัส? คุณหมายถึงคุณคือเดดาลัสคนนั้นหรอคะ?” พูดแล้วก็จะหาว่าเวอร์ แต่เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าเพิ่งจะเรียกชื่อของสุดยอดสถาปนิกในตำนานออกมา นายช่างเอกผู้เสกสร้างเขาวงกต นักประดิษฐ์คนแรกที่สร้างปีกบินขึ้นฟ้า อัจฉริยะผู้เชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับโลกแห่งเทวตำนานด้วยสมาร์ทโฟน Daedalus's Legacy และชายผู้ที่เคยปลิดชีวิตหลานชายของตัวเอง…

ถึงจะไม่คุ้นเคยกับปรกรณัมกรีก แต่หลายคนต้องเคยได้ยินชื่อของชายคนนี้ผ่านหูมาแน่นอน

“ใช่แล้วสาวน้อย ฉันคือ เ-ด-ด-า-ลั-ส คนนั้น ที่เธอหมายถึง ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะ” เจ้าตัวยืนยันพร้อมสะกดชื่อให้ฟังทีละตัวอักษร

“แล้วทำไมคุณถึง…เอ่อ…  ” โรบินพยายามหาคำถามที่เหมาะสม ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อในหัวของเธอเอาแต่พ่นคำว่า ‘งั้นหนูก็คืออาธีน่า แม่ของคุณล่ะมั้งคะ’ อยู่ตลอดเวลา “คือหนูหมายถึงคุณมาทำอะไรที่นี่ แบบว่าคุณคือแขกของหนูหรอ?”

ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าเธอคือยัยเด็กถามมากที่ไดโอนีซุส หมายถึงล่ะก็ ฉันว่าฉันคงมาหาไม่ผิดคน”

คำพูดของนักประดิษฐ์ในตำนานทำให้โรบินอึ้ง เธอมองไปทางไครอน แต่เซนทอร์เพียงแค่ยิ้มบางๆ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของเธอจะเป็นอย่างไร

“มานี่สิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอเสียหน่อย”


ที่โต๊ะน้ำชาในห้องของไครอนมีถ้วยกาแฟกับมัฟฟินบลูเบอรี่ที่ถูกกัดไปครึ่งหนึ่งวางอยู่ ข้างกันมีคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปรูปทรงคุ้นตาแต่โลโก้ของมันไม่ได้เป็นรูปแอปเปิ้ลถูกกัด มันเป็นสามเหลี่ยมแบบตัวอักษรกรีกลำดับที่สี่ที่เปล่งแสงสีเงินออกมาจางๆ หน้าตาแบบ Δ

“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันมีงานมาเสนอให้เธอพร้อมค่าตอบแทน แต่ที่รัก เธอช่วยหุบปากนั่นทีได้ไหม?” เดดาลัสพูดพลางยกมือขึ้นเชยขากรรไกรของโรบินที่ค้างอยู่ด้วยความอึ้งให้หุบลง แล้วเขาก็หันไปกดแป้นพิมพ์ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาพร้อมหน้าจอที่มีดีไซน์ไดอะแกรมของโครงงานที่เขากำลังทำอยู่

“ขอโทษค่ะ” โรบินตบแก้มเบาๆ สองสามทีเพื่อดึงสติกลับมา “ว่าแต่คุณพอจะบอกได้ไหมคะว่าปีกที่คุณสร้างมาจากขนนกกับขี้ผึ้งนั่นมันบินขึ้นฟ้าไปได้ยังไง คือไม่ใช่ว่าหนูไปแอบถอนขนนกมาลองทำหรืออะไรหรอกนะคะ แต่คือมันดูเหลือเชื่อจนเกินกว่ากฎฟิสิกส์จะอธิบายได้น่ะค่ะ”

ไครอนกระแอมเบาๆ มาจากโต๊ะทำงานกลางห้อง เดดาลัสหัวเราะเบาๆ แววตาสีพายุของเขาวาววับอย่างมีเลศนัย “มันคือขนนกสัมฤทธิ์ อีกอย่างกระแสลมร้อนในตอนนั้นช่วยฉันเอาไว้ได้เยอะทีเดียว… เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องของฉันกันต่อดีไหม?”

แม้จะยังมีคำถามอีกสองสามข้อผุดขึ้นมาในหัว แต่เธอก็พยายามข่มมันไว้ เธอเลื่อนสายตาไปยังหน้าจอแผนผังที่เดดาลัสเปิดแสดงอยู่ มันเต็มไปด้วยเส้นสายและสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อนเหมือนภาพร่างของงานที่พวกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้คุยกัน

“เท้าความก่อนว่าฉันไปคุยกับไดโอนีซุส หรือคุณดี. ของพวกเธอมาเมื่อเช้าแล้วบังเอิญไปเห็นอะไรน่าสนใจเข้า” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้โรบินรู้สึกเหมือนกำลังฟังเรื่องเล่าในตำนาน “เลยเกิดเป็นไอเดียที่พอจะแมปเข้ากับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำอยู่พอดี”

เขาปัดไปยังแท็บที่แสดงภาพของแผนที่ที่แคปเจอร์มาจาก Google Map และมีคำอธิบายประกอบ “อย่างที่เธอเห็น นี่เป็นแบบร่างของโครงงานที่ฉันกำลังพัฒนาอยู่ แอปพลิเคชันใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ฉันกำลังวางขาย เป็นระบบแผนที่เรียลไทม์ที่สามารถช่วยให้เลือดผสมติดตามสถานการณ์รอบตัวได้ แอปนี้จะมีฟังก์ชันแจ้งเตือนเมื่อกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่อันตราย… พอจะคุ้นๆ ไหม?”

“แต่หนูเคยได้ยินมาว่ามนุษย์กึ่งเทพใช้อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้นี่คะ?” เธอเอียงคอด้วยความสงสัย นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่ายฤดูร้อนแห่งนี้แทบจะเรียกว่าห่างไกลจากความเจริญขั้นสุด จนแทบจะกลับคืนสู่ยุคหิน ด้วยอะไรบางอย่าง คลื่นวิทยุที่กระจายอยู่ในอากาศทำให้อสุรกายสามารถเข้าถึงตำแหน่งของมนุษย์กึ่งเทพได้พอๆ กับกลิ่นที่พิเศษจากมนุษย์ทั่วไปจนน่ารำคาญ

เดดาลัสเชิดจมูกอย่างถือดี ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เพราะอย่างนี้ Daedalus's Legacy ถึงได้พิเศษกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปยังไงล่ะสาวน้อย ระบบป้องกันสุดล้ำของฉันสามารถปิดกั้นสัญญาณรบกวนจากอสุรกายได้อย่างแนบเนียนเลยล่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแกะรอยอีกต่อไป”

คำตอบนั้นทำเอาคนฟังอึ้งไปอีกรอบ คนตรงหน้าของเธอไม่ใช่ใครอื่น เขาคืออัจฉริยะในตำนานตัวจริงเสียงจริง “แต่ทำไมต้องเป็นหนูล่ะคะ?”

“ฉันได้ข่าวมาว่าเธอคือคนที่ช่วยคุณดี. ทำงานอยู่ เลยคิดว่าเธอน่าจะเหมาะสมกับงานนี้ อีกอย่างฉันพอจะรู้จักญาติสายตรงของเธอคนหนึ่ง นอกจากการสงครามแล้ว เขายังพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักแกะรอยชื่อดังในตำนาน…”

โรบินยังไม่ทันได้ถามว่าเขาคนนั้นเป็นใคร เผื่อเธอจะได้ไปขอลายเซ็นและฝากตัวเข้าทำงานในอีกสิบปีข้างหน้า อีกฝ่ายก็ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอพอจะมีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมบ้างไหม?”

“ก็มีบ้างค่ะ ” และโรบินก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกสัมภาษณ์งานในขณะที่ตัวเองยังเรียนอยู่เกรดแปด เธอบอกตัวเองว่าให้บันทึกสิ่งนี้ลงสมอง แล้วกลับบ้านไปจะไปเล่าให้น้องชายฟัง หมอนั่นต้องอิจฉาตาร้อนสุดๆ แน่ๆ 

“ดี ฉันมีไอดีสำหรับเข้าเว็บไซต์ Map.Daedalus.com ให้เธอใช้จัดการเพิ่มข้อมูลลงไปในระบบแผนที่ บ้านเฮอร์มีสน่าจะมีคอมพิวเตอร์เพียงพอสำหรับงานนี้ใช่ไหม?”

“ค่ะ… ใช่ค่ะ มีคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้านเฮอร์มีส แต่คุณหมายความว่า… ให้หนูช่วยอัปเดตข้อมูลลงไปในระบบแผนที่ใช่ไหม?”

เดดาลัสพยักหน้า และเปิดหน้าจอแผนผังไดอะแกรมที่เต็มไปด้วยเส้นทางและจุดหมายปลายทาง

“ใช่ นี่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบที่ฉันเพิ่งออกแบบไว้ตอนรอเธออยู่ แต่ที่เหลือฉันอยากฟังความเห็นจากเธอ มีไอเดียอะไรที่อยากเพิ่มไหม?”

โรบินนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างกระตือรือร้น “หนูคิดว่า เราอาจจะทำเป็นเว็บแอปพลิเคชันที่เปิดผ่านบราวเซอร์ได้ทั้งในโทรศัพท์และแล็ปท็อป ตัวแอปจะแสดงแผนที่แบบเรียลไทม์ สามารถแสดงตำแหน่งชาวค่ายในขณะนั้นได้ และแจ้งเตือนเมื่ออยู่ใกล้พื้นที่ที่มีอสุรกายในรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตร นอกจากนี้ สำหรับคนที่ต้องการตามหาอสุรกายเพื่อทดสอบฝีมือหรือเหตุผลอื่น แอปนี้จะบอกข้อมูลตำแหน่ง จุดเด่น และจุดอ่อนของอสุรกายตัวนั้นๆ ด้วย”

เดดาลัสฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ

“น่าสนใจมาก เธอมีไอเดียดีจริงๆ ฉันจะเพิ่มระบบนี้เข้าไปในโปรเจกต์และดีไซน์มันตามที่เธอแนะนำ” เขาหันกลับไปที่แล็ปท็อป พิมพ์อะไรบางอย่างยุกยิกๆ อย่างรวดเร็ว

โรบินรู้สึกหัวใจพองโตเมื่อได้รับคำชมจากชายในตำนาน เธอยังรู้สึกเหมือนนี่เป็นความฝันอยู่เลย หรือนี่จะเป็นความรู้สึกของแฟนคลับเค-ป็อปแบบที่เพื่อนในโรงเรียนญี่ปุ่นเคยเล่าให้เธอฟัง ตอนได้สิทธิ์ลุ้นพูดคุยกับศิลปินที่ชอบแบบตัวต่อตัว 

“อ้อ! ฉันมีระบบ Cloud Computing ที่ออกแบบเอง เรียกว่า Daedalus Computing นอกจากจะมีฐานข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงแล้ว มันยังสามารถทำ Automation Deployment ให้กับโปรเจกต์ได้ทุกรูปแบบ เดี๋ยวฉันจะให้ Username กับรหัสผ่านไว้สำหรับใช้งานระบบนี้”

เดดาลัสเปิดเข้าเว็บไซต์หนึ่งบนหน้าจอที่เขาบุ๊คมาร์คเอาไว้ ตัวอักษรสามเหลี่ยมเดลต้าสีเงินคว่ำที่ถูกออกแบบให้เหมือนหมุดนำทางแห่งอนาคตปรากฏขึ้นพร้อมกับตัวอักษร DCP ที่เรียงตัวอย่างโดดเด่นอยู่ด้านล่างหมุนคว้างไปไม่กี่วินาทีก่อนจะนิ่งและเผยหน้าตาของเว็บเซอร์วิสที่ถูกออกแบบมาอย่างล้ำสมัย หน้าจอประกอบไปด้วยเมนูหลักที่แสดงฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างชัดเจน และพื้นที่แสดงข้อมูลที่ดูสะอาดตาแต่เปี่ยมด้วยรายละเอียด

จากนั้นเดดาลัสก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีไอดีและรหัสผ่านให้โรบิน พร้อมกับช่องทางการติดต่องาน เธอรับมันมาและท่องจำทีละตัวอักษรได้จนขึ้นใจ

“มีคำถามอะไรอีกไหม?”

“เอ่อ…ยังไม่มีค่ะ” โรบินตอบอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“โอเค ฉันเอาข้อมูลทั้งหมดใส่ในไดรฟ์และแชร์เข้าบัญชีที่เพิ่งสร้างไว้ให้เธอแล้ว เธอไปลองเล่นดูก่อน แล้วถ้ามีอะไรสงสัยก็ทักมาถามฉันได้ตลอดเวลา” เดดาลัสพูดพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย เขาก้มมองสมาร์ทวอชบนข้อมือ มันปรากฏข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาจากแอปพลิเคชั่นแชท เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วผุดลุกขึ้น “ดูเหมือนฉันจะต้องไปแล้ว ผมไปก่อนนะครับไครอน แล้วก็ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ…คุณมิไคเลอร์วิช”

เดดาลัสพับจอแล็ปท็อปเข้ากระเป๋าถือ เขาโบกมือให้เธอกับไครอนก่อนจะเปิดประตูออกไป ทิ้งไว้ให้คนที่รอส่งจนลับตานั่งยิ้มอย่างเหม่อลอย


‘เท่ชะมัด… เท่สุดๆ ไปเลย’



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Summary


1. พบเจอบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ (?) : +1 Level Up , 100 ดรักม่า , 100 เกียรติยศ


2. DCP ย่อมาจาก Daedalus Cloud Platform : ระบบที่ออกแบบมาเพื่อจัดการฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานของโปรเจกต์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเดดาลัสอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +100 เกียรติยศ โพสต์ 2025-1-12 12:06
God
คุณได้รับ 100 EXP โพสต์ 2025-1-12 12:05
โพสต์ 61627 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2025-1-12 03:51
โพสต์ 61,627 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก วิ่งเร็ว  โพสต์ 2025-1-12 03:51
โพสต์ 61,627 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-1-12 03:51

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +100 ย่อ เหตุผล
God + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2025-1-13 20:51:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-1-13 20:57

13/01/2025 13.00 น. - 13.30 น.

บทที่ 33

หลังเดินออกจากถ้ำพยากรณ์ คูเปอร์รีบเร่งฝีเท้าตรงไปยังบ้านใหญ่ สถานที่ที่เขารู้ว่าจะสามารถหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ได้รับมาได้ ระหว่างทางเขาพยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ เสียงคำพูดแปลกประหลาดยังคงดังก้องในหัว ราวกับจะบอกใบ้บางสิ่งที่สำคัญ แต่กลับชวนให้สับสนมากกว่าจะให้คำตอบ

เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางค่าย เขาไม่รีรอที่จะเดินตรงเข้าไป ภายในอาคารนั้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงกระดิ่งลมเบาๆ ที่ดังมาจากด้านนอก คูเปอร์มุ่งหน้าขึ้นบันไดไม้ไปยังห้องทำงานของไครอน ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนที่สงบที่สุดของอาคาร

เมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง เขาหยุดชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเคาะประตูสองครั้ง

ก๊อก ก๊อก  

“คุณไครอน ขออนุญาตนะครับ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับผลักประตูเข้าไป

ภายในห้องทำงานนั้นตกแต่งด้วยไม้ฮอกกานีที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้เก่า ชั้นหนังสือที่เรียงรายเต็มผนังดูน่าประทับใจ มีหนังสือปรัมปราและบันทึกต่างๆ จากยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบันจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย โต๊ะไม้ตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง และหลังโต๊ะนั้น ไครอนกำลังนั่งอยู่ มือของเขากำลังพลิกดูเอกสารบางอย่าง แต่เมื่อเห็นคูเปอร์เข้ามา เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดี

“สวัสดีคูเปอร์” เสียงของเขานุ่มลึกและอบอุ่น “ดูท่าคุณมีเรื่องสำคัญจะพูดกับผมใช่ไหม”

“ใช่ครับ” คูเปอร์ตอบ พลางเดินเข้าไปใกล้ “ผมเพิ่งไปที่ถ้ำพยากรณ์มา และได้รับคำพยากรณ์จากคุณเรเชล เลยอยากมาปรึกษาคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“คำพยากรณ์...” ไครอนเอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด “งั้นบอกผมสิ ว่าคุณได้ยินอะไรมาบ้าง”

คูเปอร์พยักหน้า ก่อนจะเล่าถึงคำพยากรณ์ที่เขาได้รับมาอย่างละเอียด แม้คำพูดเหล่านั้นจะคลุมเครือ แต่เขาพยายามบรรยายให้ไครอนฟังอย่างชัดเจนที่สุด  

ไครอนมองหน้าคูเปอร์ด้วยสายตาเคร่งเครียดเมื่อเขาเริ่มพูดถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ชายหนุ่มเพิ่งเล่าจบ

“ใจกลางมหานครแห่งแสงสีที่คำพยากรณ์พูดถึง...น่าจะหมายถึงไทม์สแควร์ และเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับรายงานข่าวที่ผมเพิ่งได้รับเมื่อเช้านี้”







คูเปอร์ขยับตัวเล็กน้อย ความสงสัยเริ่มพุ่งขึ้น “ข่าวอะไรครับ?”  

“เมื่อเช้านี้ มีรายงานมาจากนิวยอร์ก” ไครอนเริ่มอธิบาย น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “มันเริ่มต้นจากร้านหนึ่งในไทม์สแควร์ ท่อปรับอากาศในร้านนั้นเกิดรั่ว และปล่อยหมอกออกมามากผิดปกติ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ หมอกนั้นไม่ได้หยุดแค่ในร้าน มันลุกลามออกไปจนปกคลุมทั้งพื้นที่ไทม์สแควร์”

“หมอก?” คูเปอร์ทวนคำพลางขมวดคิ้ว “แค่หมอกมันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นไม่ใช่เหรอครับ?”  

ไครอนส่ายหัว “หมอกนี้ไม่ใช่หมอกธรรมดา มันหนาแน่นมากจนแม้แต่ภาพจากดาวเทียมยังไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ในไทม์สแควร์ได้ทุกตารางนิ้ว และที่แย่ที่สุดคือ...ทุกคนที่พยายามเข้าไปสำรวจในหมอกนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้เชี่ยวชาญ ก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครตอบกลับมาทางสัญญาณวิทยุ ไม่มีสัญญาณชีวิต ทุกอย่างเงียบสนิท”  

คูเปอร์นิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “แล้วตอนนี้ล่ะครับ ทางรัฐบาลทำอะไรอยู่?”  

“พวกเขาพยายาม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทางแก้ไขที่ชัดเจน” ไครอนพูดต่อ “หมอกยังคงปกคลุมอยู่ และไม่มีใครกล้าเสี่ยงส่งทีมเข้าไปอีกหลังจากที่กลุ่มแรกหายไป เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาใหญ่ และถ้าคำพยากรณ์ของคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้จริง...”  

“ก็แปลว่าผมต้องเข้าไปที่นั่นใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ผสมระหว่างความกล้าหาญและความระแวง  

ไครอนพยักหน้าอย่างช้าๆ “คำพยากรณ์ระบุชัดว่าคุณมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ และถ้ามันเกี่ยวข้องกับหมอกในไทม์สแควร์ คุณก็คงต้องเริ่มต้นจากที่นั่น แต่จำไว้นะคูเปอร์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว คุณต้องการเพื่อนร่วมทาง และที่สำคัญ คุณต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะก้าวเข้าไปในพื้นที่นั้น”

คูเปอร์นั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผมจะลองไปที่บ้านเฮอร์มีสก่อน อาจจะหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้ และผมจะหาคนไปด้วยแน่นอนครับ”  

“ดีแล้ว” ไครอนพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ แม้จะยังดูเคร่งเครียด “ฉันขอให้คุณโชคดี จำไว้ว่าอย่าละเลยการเตรียมตัว”  

“ขอบคุณครับ คุณไครอน” คูเปอร์กล่าวพร้อมรอยยิ้มที่พยายามดูมั่นใจ ก่อนจะลุกขึ้นและกล่าวลา “ผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องทำงานมุ่งหน้าต่อไปยังบ้านเฮอร์มีส

ปรึกษาไครอนเรื่องคำพยากรณ์


แสดงความคิดเห็น

God
คุณไครอนได้ช่วยวิเคราะห์คำพยากรณ์ให้แล้ว  โพสต์ 2025-1-13 21:14
โพสต์ 24945 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-1-13 20:51
โพสต์ 24,945 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก กลยุทธ์การรบ  โพสต์ 2025-1-13 20:51
โพสต์ 24,945 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-1-13 20:51
โพสต์ 24,945 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก สายตาแห่งนกฮูก  โพสต์ 2025-1-13 20:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
กลยุทธ์การรบ
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x10
x5
x3
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x3
x1
x1
x5
x5
x2
โพสต์ 2025-1-15 12:46:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
74. Request mission approval

-07.01.25  /  02:47PM.-


หลังออกมาจากห้องทำงานที่ปรึกษาค่ายแล้วแมคเคนซีก็มายังห้องทำงานของผู้อำนวยการค่ายต่อ เมื่อครู่นี้เขาใช้เวลาที่ห้องคุณดีนานไปหน่อย หากไม่หาโอกาสชิ่งออกมาเสียก่อนก็เกรงว่าน่าจะได้อยู่นานกว่านี้ในฐานะคนรินไวน์ไม่ก็เพื่อนร่วมดื่มคนใหม่ เดมิก็อดหนุ่มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะยังอยู่หรือเปล่า


ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก ! 


 “คุณไครอน ผมแมคเคนซีครับ ขออนุญาตเข้าไปข้างในได้ไหม”


ข้อนิ้วเคาะประตูไม้บานหนาพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้อง ยืนรอเพียงไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมา


“เชิญเลยคุณลินคอล์น”


โดยไม่รอให้เสียเวลา เดมิก็อดหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีหลังได้รับอนุญาต


“พบกันอีกครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์ ยินดีกับรางวัลบ้านดีเด่นประจำปี หวังว่าปีนี้บ้านหมายเลขยี่สิบจะยังรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้นะ”


คุณไครอนเอ่ยทักทายจากตรงมุมชั้นวางหนังสือ ครึ่งล่างที่เป็นม้าตามแบบฉบับของเซนทอร์ทำให้แมคเคนซีอดไม่ได้ที่จะต้องลอบมองทุกครั้งเมื่อสบโอกาส


“ขอบคุณครับ เรื่องบ้านผมจะพยายาม…คือว่าที่ผมมาวันนี้ผมจะมาขอให้คุณช่วยอนุมัติเรื่องภารกิจการเดินทางน่ะครับ”


แล้วก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง หนุ่มชาวอังกฤษเริ่มเกริ่นเข้าหัวข้อธุระของตนเองโดยไม่ให้เสียเวลา


“หืม…คุณไปรับคำพยากรณ์จากเรเชลมาเหรอ รวดเร็วจริง ๆ เราเพิ่งคุยเรื่องนี้กันไปเมื่อช่วงสิ้นปีเองใช่ไหม”


ใบหน้าไครอนฉายแววประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด ด้วยคงสงสัยว่าเหตุใดบุตรแห่งเฮคาทีที่ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ตามใจตัวเองมาเกือบตลอดปีคนนี้อยู่ ๆ ถึงได้รีบลุกขึ้นมารับภารกิจจากตัวแทนแห่งเทพพยากรณ์เดลฟีได้ จะว่าเป็นเพราะบทสนทนาของพวกเขาเมื่อช่วงสิ้นปีที่บอกให้เดมิก็อดหนุ่มลองเข้าคลาสเรียนให้มากขึ้น หรือลองรับภารกิจเพื่อฝึกฝนตนเองอย่างนั้นหรือ


“จะว่าไปรับคำพยากรณ์ก็ไม่เชิงครับ เรียกว่าคำพยากรณ์วิ่งเข้ามาหาผมน่าจะถูกกว่า…“


แมคเคนซียิ้มเจื่อนเมื่อพูดถึงคำพยากรณ์ที่เพิ่งได้รับ แน่นอน…หากไม่ได้ถูกฝันร้ายนั้นคอยตามหลอกหลอน เขาอาจยังคงใช้ชีวิตเรื่อยเฉื่อยแบบที่เคยเป็นไปอีกสักพัก แล้วค่อยเข้าคลาสเรียนหรือไปลองรับภารกิจดูอย่างที่เคยคุยกับเซนทอร์ผู้ดูแลค่ายไว้ แต่เหมือนบางสิ่งไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น อยู่ ๆ ภารกิจลึกลับกลับวิ่งเข้าใส่และพุ่งชนเขาเข้าอย่างจังจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ซึ่งถ้าหากไม่อยากติดอยู่ในวังวนแห่งฝันร้ายก็มีแต่ต้องจัดการต้นเหตุให้จบสิ้นไปเท่านั้น


”คำพยากรณ์เลือกผู้รับ ? อืม…กรณีแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี คุณอยากลองเล่ารายละเอียดให้ผมฟังสักหน่อยไหม“


ไครอนพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่แมคเคนซีเจอจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอีกฝ่าย เสียงกีบเท้าม้าเดินกระทบพื้นไม้มาหยุดตรงที่โต๊ะทำงานพร้อมกับผายมือไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนนั่ง ดูท่าว่าครั้งนี้พวกเขาคงได้สนทนากันนาน


“ครับ…จะดีมากหากคุณช่วยผมได้ เรื่องมันเริ่มต้นจากคืนวันสิ้นปี ผมฝันเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ มันเหมือนจริงมาก ตอนแรกผมคิดว่าคงเป็นแค่ฝันร้ายธรรมดาเลยไม่ได้สนใจอะไร แต่พอผ่านไปทุก ๆ สองวันผมก็ฝันเรื่องเดิม ๆ อีก ในฝันผมเห็น…..”


แมคเคนซีนั่งลงตามคำเชิญแล้วเริ่มเล่ารายละเอียดต่าง ๆ ไปตามลำดับ ทั้งเรื่องความฝัน เรื่องที่ไปปรึกษาเรเชล และหยิบกระดาษที่จดข้อความคำพยากรณ์ฉบับสรุปแบบรวบรัดส่งให้ไครอนหลังจากที่เล่าทุกอย่างจบ


”นี่เป็น…คำพยากรณ์ที่ใช้ภาษาเรียบง่ายที่สุดที่ผมเคยเห็น แต่ก็ชวนงงไม่แพ้กัน“


หลังอ่านจบเซนทอร์ก็พูดติดตลก กระดาษถูกวางลงบนแผ่นรองเอกสารบนโต๊ะไม้ฮอกกานีแล้ววางทับด้วยปากกาหมึกซึมลวดลายงดงาม


”ตอนนั้นผมมัวแต่ตกใจจนลืมสนใจข้อความพวกนั้น เลยสรุปออกมาได้เป็นคีย์เวิร์ดสั้น ๆ แทน คุณไครอนพอจะช่วยผมถอดรหัสคำพวกนี้ได้ไหมครับ“


เดมิก็อดหนุ่มยิ้มเจื่อน มีเพียงข้อความนี้เท่านั้นที่เป็นข้อมูลของภารกิจ หากไม่สามารถถอดรหัสออกก็คงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ซึ่งเขาก็แอบคาดหวังในใจว่าผู้อำนวยการค่ายจะช่วยได้


“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าเรามาลองช่วยกันดีไหม เริ่มจาก—-”


“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ ผมขอกระดาษกับปากกาได้ไหม ผมไม่อยากพลาดเหมือนคราวที่แล้ว”


แมคเคนซีรีบยกมือขึ้นระดับไหล่เป็นเชิงขออนุญาต ไครอนหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มก่อนจะเตรียมสมุดฉีกและปากกาให้ตามที่เขาร้องขอแล้วจึงเริ่มพูดต่อ


“เริ่มจากคำที่ว่า ‘บุตรแห่งกลางคืน’ และ ‘เกิดจากเงา’ คุณพอจะรู้ไหมว่าหมายถึงใคร”


ไครอนไล่นิ้วชี้ไปทีละคำ ดวงตาสีฮาเซลมองตามแล้วมุ่นคิ้ว ฝ่ามือใหญ่กุมคางอย่างใช้ความคิด


“ถ้าสองคำนี้หมายถึงคนคนเดียวกัน…ผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกเทพหรือเทพีสักองค์ครับ แล้วจากคำนี้ที่ว่า ‘เลือดเทพีแปลงร่างเป็นปีศาจร้าย’ เป็นไปได้ว่าน่าชี้ชัดแล้วว่าเป็นบุตรของเทพี ส่วนกลางคืนกับเงาน่าจะเป็นสัญลักษณ์แทนเทพีองค์นั้น….”


เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แมคเคนซีก็เงียบไป หากลองพิจารณาดูดี ๆ แล้วเทพีที่เกี่ยวข้องกับความมืดนั้นก็มีอยู่ไม่กี่องค์ แต่เงานี่สิ…ยิ่งคิดให้ลึกซึ้งขึ้นก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลก ๆ ซึ่งรายละเอียดเล็กน้อยนี้ไม่อาจหลุดรอดสายตาไครอนไปได้ เซนทอร์ผู้ใจดีจึงชี้ไปยังคำต่อไป


“เราพักเรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะคุณลินคอล์น มาดูคำต่อไปกันดีกว่า ‘พันธนาการจากความมืด’ จากคำนี้ผมคิดว่าบุตรแห่งกลางคืนที่ว่าน่าจะถูกจับตัวไว้ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งก็คือที่นี่…”


เรียวนิ้วของผู้อำนวยการค่ายชี้ไปยังคำว่า ‘รังอสรพิษมืด ๆ ’ และ ‘เมืองเหนือสุดที่มีหิมะกับแสงเหนือ’ แล้วเหลือบตาขึ้นมองคู่สนทนา


“อย่างนี้นี่เอง…”


แมคเคนซีพยักหน้าแล้วก้มลงเขียนสรุปทุกอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้ามาเห็นสีหน้าของไครอนที่เคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


“คุณลินคอล์น…ผมคิดว่าคุณควรรีบไป”


“ครับ….?”


เหมือนมีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ขึ้นมาบนใบหน้าของแมคเคนซี เซนทอร์ผู้ดูแลค่ายยืดหลังตรง ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นใจดียามนี้กลับเคร่งขรึมผิดจากปกติ…ดูเหมือนว่าเกมใบ้คำของพวกเขาจะสิ้นสุดลงตรงนี้แล้ว


“ผมเคยได้ยินข่าวลือในกลุ่มพวกเซนทอร์เกี่ยวกับองค์กรลับที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในตลาดมืดจับเดมิก็อดไปดัดแปลงจากมนุษย์เป็นอสุรกาย จากที่คุณเล่าให้ผมฟังเรื่องความฝันว่าเด็กที่อยู่บนแท่นบูชามีเกล็ดงูงอกออกมาจากผิวหนัง หากการคาดเดาของผมไม่ผิดพลาด อสุรกายที่ว่าน่าจะเป็นลาเมีย…ซึ่งผมคิดว่าคุณเองคงมีคำตอบในใจแล้วใช่ไหมคุณลินคอล์น ว่าเดมิก็อดที่ถูกจับไปในภารกิจนี้เป็นบุตรแห่งเทพีองค์ใด”


แววตาของเซนทอร์ที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ


“ครับ…….บุตรแห่งเทพีเฮคาที…แม่ผม…แล้วคนที่ถูกจับไป…ก็น้องผมเอง”

 

แมคเคนซีผงกศีรษะรับ อยู่ ๆ ก็รู้สึกลำคอแห้งผาก ถึงจะรู้คำตอบแล้วแต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้สิ่งที่ตนเองคิดนั้นผิดไปทั้งหมด แม้รู้สึกเศร้าใจไม่น้อยที่น้องร่วมมารดาซึ่งไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนต้องมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ แต่เขาก็จะมัวมาหดหู่จนไม่เป็นอันทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขาควรทำคือต้องรีบไปช่วยเหลือเด็กคนนั้นต่างหาก


“ไม่เป็นไรคุณลินคอล์น ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด คนพวกนั้นจะยังไม่เคลื่อนไหวอะไรจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม…และจากที่คุณเขียนมา ‘คืนเดือนมืดใกล้เข้าฤดูใบไม้ผลิ’ น่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม นั่นแปลว่าคุณมีเวลาถึงตอนนั้น”


ไครอนเดินอ้อมมาตบไหล่แมคเคนซีเบา ๆ 


“คืนเดือนมืดช่วงเดือนมีนาคม…ผมจะไปลองเช็คดูครับ แล้วคุณไครอนรู้ไหมครับว่าองค์กรลับที่ว่าอยู่ที่ไหน”


“ต้องขอโทษด้วยคุณลินคอล์นที่ผมไม่แน่ใจเรื่องนี้ พวกองค์กรลับไม่เคยเปิดเผยที่อยู่ให้ใครล่วงรู้ ถึงเราจะเคยได้รับรายงานมาแต่พอพวกนั้นไหวตัวทันก็จะเปลี่ยนสถานที่กบดานไปเรื่อย ๆ”


เซนทอร์ยิ้มอย่างจนใจด้วยไม่สามารถชี้ชัดสถานที่ให้แก่เดมิก็อดหนุ่มได้


“ไม่เป็นไรครับ คุณช่วยผมได้มากเลย ผมจะลองไปที่บ้านเฮอร์มีส ในอินเทอร์เน็ตน่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติม แล้วหลังจากนี้จนกว่าจะออกเดินทางผมต้องทำอะไรต่อบ้างครับ”


แมคเคนซียิ้มให้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ข้อมูลของผู้ดูแลค่ายนับว่าเป็นประโยชน์มาก เบาะแสที่เหลือเขาคงต้องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงวันออกเดินทางที่นัดกับดีนไว้


“การทำภารกิจการเดินทางแต่ละครั้งมีความยากลำบากและอันตราย สิ่งสำคัญคือคุณต้องไปให้ถึงจุดหมายให้ได้โดยไม่ใช้เครื่องบินหรือรถไฟเฮเฟตัสเป็นพาหนะในการเดินทาง ผมแนะนำให้คุณหาเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนเพื่อคอยช่วยเหลือสนับสนุนกัน และทางค่ายมีอาหารเทพจำนวนหนึ่งเตรียมไว้แก่ผู้ทำภารกิจให้คุณไปรับได้ที่สถานพยาบาล ระหว่างทำภารกิจอย่าลืมเขียนบันทึกเก็บไว้ด้วย คุณต้องส่งมันหลังจากกลับมาถึงค่ายเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น”


หลังจากเซนทอร์อธิบายขั้นตอนต่าง ๆ จบก็เกิดความเงียบชั่วขณะ


“เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะครับ ห้ามใช้เครื่องบินกับรถไฟเฮเฟตัสงั้นเหรอ แล้วแบบนี้ถ้าต้องไปทำภารกิจที่อยู่อีกฟากโลกนึงจะทำยังไง”


เหมือนว่าแมคเคนซีจะตะลึงงันไปตั้งแต่ได้ยินเรื่องวิธีการใช้ยานพาหนะ จนเมื่อได้สติจึงรีบถามข้อสงสัยนั้น


“ภารกิจแต่ละระดับมีความยากง่ายและระยะเวลาของมันคุณลินคอล์น ผู้เดินทางจึงควรวางแผนและจัดสรรเวลาอย่างรอบคอบ ซึ่งผมเชื่อว่าคุณทำได้”


เมื่อฟังแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ว่าแต่ละภารกิจคงจะมีระยะเวลาที่เหมาะสมในตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งภารกิจของเขามีคืนเดือนมืดช่วงเดือนมีนาคมเป็นเงื่อนไข หรือนี่อาจเป็นข้อมูลอีกอย่างที่กำลังบอกว่าจุดหมายครั้งนี้ของเขาอาจไม่ได้อยู่ไกลจากอเมริกาเท่าไหร่


“ส่วนนี่เป็นเงินทุนสำหรับใช้จ่ายที่ทางค่ายเตรียมไว้ให้ผู้ไปทำภารกิจเช่นกัน ผมจะอนุมัติภารกิจของคุณให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้ขอให้คุณใช้เวลาเตรียมตัวและหาข้อมูลให้พร้อม ผมขออวยพรจากใจจริง ขอให้คุณและทีมทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วง กลับมาถึงค่ายอย่างปลอดภัย…รวมถึงน้องของคุณด้วย ขอให้เทพเจ้าคุ้มครอง“


ซองกระดาษที่บรรจุธนบัติจำนวนหนึ่งไว้ภายในถูกวางลงตรงหน้าเดมิก็อดหนุ่ม ไครอนกล่าวอวยพรพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นมอบให้


“ผมก็หวังว่าอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและคำอวยพรนะครับ”


แมคเคนซีเก็บซองธนบัติและหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาทั้งหมดจากผู้ดูแลค่าย ใบหน้าได้รูปยิ้มตอบอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ไครอนพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย จากนั้นเดมิก็อดบุตรแห่งเฮคาทีก็เดินออกจากห้องไป หลังจากนี้ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย และเขาควรเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดก่อนถึงวันออกเดินทาง




สรุปสถานการณ์

ขออนุมัติและปรึกษาเรื่องภารกิจกับคุณไครอน


@God 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 85950 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2025-1-15 12:46
โพสต์ 85,950 ไบต์และได้รับ +20 EXP +35 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2025-1-15 12:46
โพสต์ 85,950 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-1-15 12:46
โพสต์ 85,950 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2025-1-15 12:46
โพสต์ 85,950 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-1-15 12:46

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เงินดอลลาร์ +500 ย่อ เหตุผล
God + 500

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เขตแดนเฮคาที
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
Hydro X
เวทมนต์ [II]
คบเพลิงเวท
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x3
x6
x3
x3
x3
x2
x3
x1
x1
x5
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x2
โพสต์ 2025-2-6 20:57:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Leoric เมื่อ 2025-2-6 22:59

Leoric
Hwang
Show you that this LOVE is YOURS to take
สายตาปรายตามเรียวนิ้วของรุ่นพี่ชายหญิงทั้งคู่ไปยังอาคารหินอ่อนหลังใหญ่ที่สังเกตได้อย่างง่ายดาย ริมฝีปากอ้าออกราวคิดจะถามไถ่ แต่กลับหุบลงด้วยคิดว่า บางเรื่องน่าจะลองหาคำตอบด้วยตัวเองดูก่อน หากถึงที่สุดจริง ๆ ค่อยสอบถามก็ไม่มีปัญหา

อย่าว่าแต่พื้นฐานของลีโอริคเป็นประเภทชื่นชอบความท้าทายด้วยเลย

สายตาของบรรดาชาวค่ายบางส่วนก็ยังคงจับจ้องมา รู้สึกอึดอัดอยู่บ้างก็จริง แต่ก็คิดว่าทุกคนเพียงแค่สงสัยใคร่รู้ ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก ซึ่งก็คาดเดาได้ไม่ยากว่า เรื่องที่ทุกคนอยากรู้ล้วนเป็นบ้านที่เด็กใหม่จะได้เข้าไปอาศัยอยู่ ซึ่งเรื่องนี้น่ะไม่ใช่แค่เหล่าชาวค่ายหรอก ตัวลีโอริคเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน

หากตนเองมีพ่อเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ควรจะมีเทพีเป็นแม่ แต่ก็ได้ยินว่ามีกรณีของเทพและมนุษย์ที่เป็นเพศเดียวกันอยู่เหมือนกัน ให้ตายเถอะ ตัดตัวเลือกทิ้งไปบ้างเลยไม่ได้หรืออย่างไรนะ

เด็กชายก้าวเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร หันซ้ายมองขวาสังเกตสถาปัตยกรรมภายในด้วยความสนใจ เพราะมันช่างแตกต่างกับบ้านที่เขาใช้ชีวิตมาตั้งแต่จำความได้ราวฟ้ากับเหว แต่ก็ดู... คลาสสิคดี

"ขอโทษนะครับ เพิ่งมาถึงค่ายครั้งแรก มีรุ่นพี่บอกให้ผมเข้ามาที่อาคารนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องไปทางไหนต่อ"

เขาตัดสินใจสอบถามคนที่เดินผ่านไปมาสักคนแบบสุ่ม ๆ ก่อนที่จะได้รับคำตอบว่า ต้องเข้าไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการไครอน ตามด้วยการชี้บอกทางซึ่งก็ไม่ได้มีสิ่งใดซับซ้อน

หลังมือยกขึ้นเคาะบานประตูตามมารยาทและตามมาด้วยคำขออนุญาตแบบพื้นฐาน

"สวัสดีครับ ผมเพิ่งมาถึงค่ายเป็นครั้งแรก ขอพบผู้อำนวยการไครอนครับ"

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจพลันเสียงอนุญาตก็ดังขึ้น มือจึงเลื่อนลงไปที่ลูกบิดแล้วเปิดเข้าไปสู่ห้องทำงานด้านใน ทั่วทั้งห้องตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลเป็นหลักเนื่องด้วยทั้งชั้นหนังสือ โต๊ะไม้ กรอบหน้าต่าง ไปจนกระทั่งเพดานด้านบนล้วนประกอบขึ้นด้วยไม้ฮอกกานีทั้งสิ้น เด็กชายลอบกวาดตาสำรวจสันหนังสือที่ถูกจัดเรียงอยู่เบื้องหลังของโต๊ะทำงานด้วยความสนใจ ทว่ามิได้ประเจิดประเจ้อจนดูเสียมารยาทมากนัก ร่างสูงค้อมลงเล็กน้อยตามมารยาทของชาวเอเชีย

"ผมชื่อลีโอริค ฮวัง ได้ยินว่าหากมีการรับรองสายเลือดแล้ว ผมสามารถย้ายเข้าไปที่บ้านประจำของเทพแต่ละองค์ได้ แต่ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามีผู้ใดรับรองหรือยัง"

ปกติแล้วความมั่นใจเป็นสิ่งที่เขามีอยู่ตลอดเวลา แต่กลับประหม่าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวยามเมื่อต้องพูดถึงมารดา หรือไม่ก็บิดาอีกคน ไม่เพียงแต่ตนโดนสั่งห้ามไม่ให้ถามมาทั้งชีวิต แต่ยังรู้สึกว่าเทพหรือเทพีนั้นดูยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะพูดโดยใช้คำอย่างเป็นกันเองได้

มาถึงตอนนี้เด็กชายจึงเพิ่งได้มีโอกาสสังเกตคู่สนทนาชัด ๆ ชาวค่ายบางส่วนบอกเอาไว้ว่า ไครอนนั้นเป็นเซนทอร์ เขามีผิวและดวงตาสีเข้ม ตัดกับเส้นผมและเคราที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดอกเลาตามกาลเวลา ทว่าไม่อาจลดทอนประกายความปราดเปรื่องไปจากนัยน์ตาคู่นั้นได้เลย

"เธอคิดอย่างไรเล่า"

เซนทอร์ผู้นั้นถามกลับ ทำเอาผู้ถูกถามสามารถรักษาสีหน้าปกติเอาไว้ได้โดยยาก เขาเกือบที่จะหลุดขำออกมาเสียแล้ว ความรู้สึกบางอย่างบอกเอาไว้ว่า ตนจะต้องถูกถามกลับเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นการถามความคิดเห็นจริง ๆ หรือทดสอบกันแน่

"ผมควรจะตอบแบบไหนดีครับ เสนอความคิดเห็นอย่างมั่นใจและตรงไปตรงมาอย่างที่เป็น หรือว่าถ่อมตัวสักเล็กน้อยตามมารยาทที่พึงมีของเด็กอายุสิบกว่าขวบที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่"

คราวนี้เสียงหัวเราะกลับมาจากผู้อำนวยการค่ายแทนเสียอย่างนั้น ส่วนลีโอริคกระทำเพียงวาดรอยยิ้มเชิงขบขันเพียงเล็กน้อยขึ้นมาที่มุมปากเท่านั้น

"ฉันชอบเธอนะ มั่นใจ แต่ก็มีปัญญา ความจริงแม่ของเธอ รับรองเธอแล้ว"

เด็กชายหยุดชะงักเพื่อประมวลผล หากใช้คำว่าแม่ ก็ย่อมต้องเป็นเทพี แต่คนเช่นเขาจะเป็นบุตรของเทพีองค์ใดล่ะ อะโฟรไดตีมั้ย ก็ว่าหล่ออยู่นะ

"กำลังเดาอยู่สินะว่าเป็นบ้านหลังใด เธอจะลองเดาดูก่อนไหมล่ะ"

แต่คราวนี้เขากลับยกมือขึ้นโบกปัดไปมาเป็นเชิงปฏิเสธราว 2-3 ที

"ไม่ล่ะครับ ถ้าให้ผมเดาไปเรื่อย ๆ มันจะเริ่มไร้สาระแล้ว อีกอย่างผมมีอีกหลายคำถามที่ต้องการคำตอบ จะมาเสียเวลากับคำตอบที่ตายตัวอย่าง 1+1 = 2 ไปทำไมกัน"

คราวนี้ทีท่าช่างแตกต่างกับคนที่เพิ่งพูดคำว่า ถ่อมตัวสักเล็กน้อยตามมารยาทที่พึงมีของเด็กอายุสิบกว่าขวบ เสียเหลือเกิน

ผู้อำนวยการหัวร่อยาวนานกว่าเมื่อครู่ ไม่รู้เพราะว่าชอบใจหรือว่าขบขันกันแน่ เอาเถอะ ทำให้ผู้อื่นมีความสุขก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่ควรกระทำเหมือนกัน

"ไปที่บ้านหมายเลข 6 เถอะ"

"อ้อครับ ขอบคุณนะครับ"

แม้จะกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับค้อมกายลงอย่างนอบน้อมแต่ทว่า ลีโอริคไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านหลังที่ 6 เป็นบ้านของใคร ก็หนังสือ 3 เล่มที่อ่านตลอดทางนั่นไม่ได้มีข้อมูลของค่ายแห่งนี้อยู่เลยนี่นา
หมายเหตุ
รับเสื้อค่าย | +1 ตื่นรู้ จากการรับรองจากพ่อแม่
บ้านใหญ่ 𓆩†𓆪 ห้องทำงานไครอน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12923 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-2-6 20:57
โพสต์ 12,923 ไบต์และได้รับ +2 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-2-6 20:57

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
ยาดม
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
น้ำหอมบุรุษ
ต่างหูเงิน
อัจฉริยะ
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x4
x5
x4
x1
x1
x1
x2
x4
x3
x22
x4
โพสต์ 2025-2-10 00:12:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ERTAH BROWN
ห้องทำงานไครอน, บ้านใหญ่
Feb, 9, 2025 | 7.00PM

       ข้อมูลที่ได้รับมาจากเด็กหนุ่มผิวเข้มคนนั้น คือการที่เธอจะต้องมาที่บ้านใหญ่ตามที่เขาได้บอกทางมา ในระหว่างที่เดินทางมา ดวงตาสีเปลือกไม้ของหญิงสาวก็ฉายประกายออกมาได้อย่างชัดเจน ศิลปะกรรมที่นี่เป็นอย่างที่เธอคิด มันคงจะเป็นแบบกรีกโบราณ น่าหลงใหลและทรงพลัง ทำให้ขายาวของเธอที่ตั้งใจเดินไปยังบ้านใหญ่ในคราแรกกลับเชื่องช้าไปตามดวงตาที่จับจ้องสิ่งที่เธอสนใจไปเรื่อย ๆ

หลังแล้ว.. หลังเล่า...

กว่าจะมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าบ้านใหญ่ได้ก็เป็นเวลาที่นานพอตัวเลย และดีที่มีคนคอยบอกทางให้เธอตลอดทาง ไม่อย่างนั้นเธอคงจะหลงไปไหนต่อไหนแล้ว เพราะเพลิดเพิลนกับศิลปะที่สวยงามนี้ แต่หากว่าบ้านใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยหน้าเลย ใบหน้าน่ารักของเออต้ามองค้างอยู่อย่างนั้นนานพอตัว จนกระทั่งสิ่งที่ต้องทำในขณะนี้ได้กระชากสติของเธอกลับมาได้

“ นั่นสินะ ฉันต้องรีบไปที่บ้านใหญ่... ” แต่ก็ถึงแล้วนี่สิ...

ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่มากไปกว่านั้นเลย นั่นเลยทำให้เออต้าทำเพียงการก้าวเข้าไปภายในเท่านั้นเอง ใบหน้าน่ารักหันมองไปซ้ายขวาอย่างขอความช่วยเหลือ เพราะในตอนนี้เธอไม่แน่ใจเลยจริง ๆ ว่าจะต้องไปที่ใด และเธอเองก็ไม่ได้เอ่ยถามใครมาต่อจากนั้นด้วย ถือว่าเป้นเรื่องที่พลาดอย่างมหันต์เลย

“ ขอโทษนะคะ ฉันเพิ่งมาใหม่ ฉันจะต้องไปที่ไหนต่อหรอ? ”

ในที่สุดเออต้าก็จะเป็นจะต้องสอบถามคนที่เดินอยู่แถว ๆ นั้นด้วยท่าทางที่เป้นมิตรของเธอ และคำตอบบที่ได้มานั่นก็คือเส้นทางการไปห้องของผู้อำนวยการค่ายแห่งนี้ เห็นว่าชื่อไครอน เธอจึงต้องไปที่ห้องนั้นโดยเร็ว เพราะเวลาในตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ดีในการไปพบใครเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาท แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็เธอเพิ่งจะมาถึงที่นี่เองนี่ อย่างไรก็ต้องขอเสียมารยาทหน่อยแล้วกัน

ตัดสินใจได้แบบนั้นแล้ว เออต้าไม่ทิ้งเวลาให้เปล่าประโยชน์ ขายาวเดินไปตามเส้นทาง จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของคุณไครอน มันเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนเลย

“ ห้องนี้สินะ ”

เธอเอ่ยเพียงทบทวนกับตัวเองก่อนที่จะปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ลดความตื่นเต้นที่กำลังก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ นี้ลงไปให้ได้ และเตรียมคำถามมากมายที่เธอไม่ได้รับคำตอบมาให้เรียบร้อย ทั้งเรื่องค่ายแห่งนี้ เรื่องลูกครึ่งเทพและเรื่องพ่อของเธออีกด้วย

 

ก๊อก ๆ ๆ

มือเรียวสวยยกขึ้นมาก่อนที่จะออกแรงเคาะประตูไปอย่างมีมารยาทในจังหวะที่สม่ำเสมอ และตามด้วยเสียงหวานที่เอ่ยทักทายด้วยเช่นกัน

“ สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ต้องการพบคุณผู้อำนวยการค่ะ ”

เออต้ากล่าวนำไปก่อนที่มือเรียวจะย้ายจากบานประตูมาที่ลูกบิด ออกแรงเปิดให้เสียงประตูนั้นเบาบางลดการรบกวนบุคคลที่อยู่ภายในห้อง และปิดมันลงเมื่อร่างโปร่งของหญิงสาวได้ก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานแห่งนี้แล้ว

“ เออต้า บราวน์ค่ะ ”

เสียงหวานเอ่ยแนะนำตัวเพียงสั้น ๆ เท่านั้นพร้อมกับใบหน้าน่ารักที่ฉายรอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์ พลังงานที่เหลือล้นของเธอในตอนนี้ดูเหมือนกำลังแสดงความตื่นเต้นออกมา หากสังเกตดูคงสามารถรับรู้ได้ไม่ยากเลยว่าหญิงสาวคนนี้กำลังตื่นเต้นอย่างมาก ทั้งมือเรียวที่ย้ายไปกระชับสายกระเป๋าเป้ และร่างกายที่เกร็งไปนิดหน่อย

“ ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ ยอมรับจริง ๆ ว่าเธอและเหล่าผู้ปกป้องเธอนั้นทุ่มเทมาก เธอจึงยังเติบโตมาได้เป็นอย่างดีขนาดนี้จนได้มาที่นี่เสียที ที่นี่ เธอจะปลอดภัยจากสิ่งที่ทำอันตรายเธอมาก่อนหน้านี้ มีเหล่าลูกครึ่งเทพของเธออย่างมากมาย พวกเขาได้รับการฝึกและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยที่นี่ นี่เป็นคำตอบที่เธอต้องการหรือเปล่า? ”

ราวกับรับรู้ได้ สิ่งที่ไครอนตอบมาเป็นหนึ่งส่วนในสิ่งที่เออต้าต้องการจะรู้ แต่หากว่า...นั่นเธอได้ยินมาบ่อยแล้ว ใบหน้าน่ารักจึงได้แต่ขมวดคิ้วลงเพียงเล็กน้อย แสดงอารมณ์ที่กำลังครุ่นคิดออกมาให้ได้เห็น

“ คุณผู้อำนวยการ ที่นี่เป็นที่พักพิงและฝึกซ้อมอย่างนั้นหรอ? แล้ว...ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง? ”

เพราะมันจะกลายเป็นสถานที่พักพิงของเธอเอยเช่นกัน เออต้าจึงได้ถามต่อในประเด็นเดิมที่เธออยากจะรู้ อย่างน้อยเธอก็จะได้ทำตัวได้อย่างถูกต้อง

“ แน่นอน เธอจะต้องฝึกฝนด้วย และมีอีกหลายสิ่งที่เธอจะต้องทำและสามารถทำได้ หลังจากนี้คงมีรุ่นพี่ในค่ายอีกหลายคนที่จะช่วยแนะนำเธอได้ ”

เหมือนว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่จะต้องคอยดูแล และเธอก็คงจะต้องพาตัวเองไปพูดคุยอีกแล้ว ถึงมันจะเป็นเรื่องที่อยากได้คำตอบในเวลานี้เลย แต่เพราะว่าอย่างน้อยคำตอบบที่ได้ก็เป็นข้อมูลได้แล้ว เธอจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อไป และเลือกที่จะเอ่ยถามในประเด็นต่อไปที่เธอต้องการจะรู้

“ ขอบคุณค่ะ แล้วอีกเรื่องที่ฉันต้องการจะรู้ ฉันเป็นลูกครึ่งเทพ ฉันรู้แค่ว่าพ่อของฉันเป็นเทพ แล้วพ่อของฉัน... ”

ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยสิ่งที่ต้องการจะถามได้ครบถ้วนดี มือเรียวของไครอนก็ยกขึ้นมาราวกับต้องการบอกอะไรกับเธอสักอย่าง เธอเห็นว่าเขาสื่อสาร แต่เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกับเธอ จนกระทั่งเขาเอ่ยออกมา

“ ทุกอย่างนั้นบ่งบอกเอาไว้หมดแล้ว ท่านอ้างสิทธิ์ในตัวเจ้า ..บุตรีแห่งอพอลโล ”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ใบหน้าน่ารักของเออต้าชะงักค้าง ถึงจะเคยได้ยินเชื่อเทพเจ้ามาอยู่ตลอดเพราะเธอสนใจศิลปะ แต่ในวันนี้กลับกลายเป็นว่ามีเทพองค์หนึ่งเป็นพ่อของเธอเอง และยังเป็นองค์ที่เธอไม่คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ นั่นเป็นพ่อของเธอจริง ๆ หรือ?

เทพแห่งดวงอาทิตย์ที่เจิดจรัส อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการยิงธนู เสียงดนตรีและกวี การรักษา และอีกหลายอย่างที่เธอไม่คิดจะจำเท่าไหร่ วันนี้เหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องที่เธอจะต้องรู้ให้ได้เสียแล้ว คนที่อ้างสิทธิ์ในตัวเธอและเรียกตัวเองว่าเป็นพ่อของเธอน่ะเป็นคนอย่างไร ในความคิดหนึ่งของเธอเป็นอย่าง แต่โดยส่วนใหญ่ ตอนนี้เธอยังอยู่ในระยะปฏิเสธอยู่ในใจ

“ หา? อพอลโล? หรอคะ ”

ไม่มีความมั่นใจในคำตอบที่ได้รับมาเลยสักนิด หรือว่าคราวนี้เธอจะต้องยอมรับด้วยความจำยอมอีกครั้งแล้วหรืออย่างไร แต่หากไครอนบอกว่าทุกอย่างได้บ่งบอกเอาไว้หมดแล้ว.. มันก็คงจะไม่มีอะไรที่ปฏิเสธได้แล้ว เธอจึงทำได้แค่ถอนหายใจออกมา ตามด้วยเสียแค่นหัวเราะ ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ

“ เสียงดนตรีที่รัก ความอบอุ่นและสดใส นั่นล้วนแต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับพ่อของเธอ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ไปที่เคบินที่เจ็ดเถอะนะ เธอต้องพักผ่อนได้แล้ว ที่นั่นจะเป็นบ้านของเธอ ”

ยังไม่ได้ทันที่จะได้ระบายความรู้สึกที่น่าสับสนนี่ออกไปเลย ข้อมูลใหม่ก็เข้ามาอีกครั้งแล้ว เธอมองไปที่ประตูห้องทำงานของไครอนอีกครั้ง ก่อนที่จะระลึกความทรงจำที่ยังเหลืออยู่บ้างว่าเคบินที่เจ็ดคือที่ไหน และเธอจะต้องไปที่นั่น ตอนนี้เหมือนว่าจะยังจับอะไรไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่าเธอน่าจะต้องทำตามที่ไครอนบอกไปก่อน แล้ววันพรุ่งนี้ก็ค่อยมาเริ่มต้นกันอีกครั้ง อย่างน้อยคืนนี้เธอก็มีที่พักพิงให้ได้ซุกหัวนอนแล้ว

“ เคบินที่เจ็ด... บ้านหรอคะ อ่า... ขอบคุณค่ะ ”

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21481 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-2-10 00:12
โพสต์ 21,481 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)  โพสต์ 2025-2-10 00:12
โพสต์ 21,481 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-2-10 00:12

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบอกลูกธนู
ธนู
น้ำหอมสตรี
หูฟังบลูทูธ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x16
x1
x4
x1
x2
x2
x2
x4
โพสต์ 2025-2-10 16:06:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด

Paige Yoo


เมื่อรู้ว่าต้องไปบ้านใหญ่เพื่อเข้าพบผู้อำนวยการค่าย ร่างเพรียวก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ตามที่กล่าว สายตามองหาก่อนจะพบเข้ากับจุดหมาย ดวงตาสีน้ำตาลช็อคกวาดมองไปยังด้านในพลางผลักบานประตูเข้าไป

สวัสดีค่ะ ฉันมาพบท่านผู้อำนวยการค่ายไครอนค่ะ” กล่าวบอกออกไป

แต่สิ่งที่ได้กลับมายังคงเป็นความเงียบของเจ้าของกระมัง เพจสอดตัวเข้าไปแล้วกวาดสายตามองหาบุคคลที่เธอต้องการมาพบ ชั้นหนังสือที่โดดเด่นเรียกความสนใจจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี

เธอเดินสำรวจมันราวกับรอให้เจ้าของกลับมา กระทั่งเสียงของบานประตูปิดลงจากด้านหลัง แน่นอนว่าย่อมมีผู้มาเยือนและเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของห้องแห่งนี้

“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณไครอนค่ะ” กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมกับโค้งตัวลง

“เด็กใหม่งั้นสินะ” เสียงทุ้มเอ่ยกล่าวทว่าเพจกลับรู้สึกความเป็นกันเองที่เขามอบให้ เลยทำให้เธอรู้สึกประหม่าน้อยลง

“น่าจะใช่ค่ะ เพจ ยูค่ะ ฉันขอถามได้ไหมคะว่า ทำไมฉันต้องมาที่นี่?”

“ทำไมล่ะ ไม่ชอบงั้นหรอ” ไครอนถามกลับ

“ไม่ใช่ค่ะ แค่ไม่เข้าใจ ฉันอยู่กับพ่อมาตั้งหลายปี แล้วทำไมตอนนี้พ่อถึงต้องส่งฉันมาที่นี่ด้วย มันต้องมีเหตุไม่ใช่หรอคะ?” เพจไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก หากเพียงมีคำตอบให้กับเธอ ก็จะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ตั้งแต่แรก

ไม่ใช่สิ .. ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งเทพแล้วล่ะ

“ที่นี่เป็นค่ายสำหรับลูกเลือกผสมระหว่างเทพและมนุษย์ เป็นที่ที่จะทำให้เธอปลอดภัยจากพวกอสูร เธออาจจะเคยเจอพวกมันแล้วก็ได้”

ภาพความทรงจำของคืนวันนั้นกลับมาฉายชัดในความคิดของเพจ เธอคิดว่าเป็นเพราะเรื่องบังเอิญซะอีก แต่นั่นกลับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้

“แล้ว ... เรื่องของแม่ล่ะคะ”

“เป็นคำถามที่ดี ฉันนึกว่าเธอไม่ถามถึงเสียแล้ว”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ก่อนจะยกมือชี้ไปยังกระจกที่อยู่ด้านข้าง

สายตาของเพจหันไปมองตามทิศทางของนิ้วเรียว สัญลักษณ์บางอย่างปรากฏขึ้น ดวงตาเรียวเล็กหรี่มอง หากเธอมองไม่ผิดนั่นเป็นสัญลักษณ์คบเพลิงและมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่รอบ ๆ เหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง

“ยินดีต้อนรับ บุตรของเฮคาที เทพีแห่งเวทมนตร์ ทางเลือก และดวงจันทร์ ฉันหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุขนะ เพจ หากมีอะไรก็มาหาฉันได้ตลอด ส่วนบ้านพักของเธอคือเคบินที่ 20 เอาล่ะ ขอให้โชคดี”

“ขอบคุณค่ะ คุณไครอน” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับโค้งตัวขอบคุณ จากนั้นก็หมุนตัวกลับออกไปเพื่อเดินทางไปยังบ้านพักของตน ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ...

(resoure)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8212 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-2-10 16:06
โพสต์ 8,212 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2025-2-10 16:06

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รองเท้าเซฟตี้
ดรีมแคชเชอร์
น้ำหอมสตรี
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
x5
x2
x4
x1
x1
x2
x3
x3
x4
x3
โพสต์ 2025-5-15 05:57:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-5-15 07:56

327
คำแนะนำจากปรมาจารย์

               (TUE) 13/05/2025 เวลา 14.00 น.

               “ขออนุญาตครับ”

               “เชิญ”

               หลังได้รับอนุญาต ดีนก็หมุนลูกบิดเปิดประตูกระจกสเตนกลาสเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการค่ายฮาล์ฟบลัดอย่างไครอน

               แม้ไม่ได้มาเยือนอย่างกิจลักษณ์เป็นเวลานานร่วมครึ่งปีทว่าภายในห้องทำงานของไครอนก็ยังคงเข้มขลัง ชั้นหนังสือไม้ที่เต็มไปด้วยหนังสือและบันทึกการเดินทางของชาวค่าย โซฟาไม้บุนวมอย่างดีที่นั่งไม่ปวดหลัง เคล้าไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องหนัง กระดาษเก่า และชากาแฟ กระจกแก้วหลากสีกรองแสงสว่างจ้าของพระอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องเข้ามามากเกินไป ทุกอย่างเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาด ทั้ง ๆ ที่ค่ายผ่านเพลิงไหม้ใกล้ ๆ กันถึงสองครั้งแท้ ๆ

               “ไม่ได้พบคุณที่นี่เสียนานเลยคุณดีน เชิญนั่ง”

               ปรมาจารย์เซนทอร์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน เขาผายมือให้ที่ปรึกษาแห่งกระท่อมโพไซดอนนั่งลงที่โซฟารับแขกตามมารยาท

               “ขอบคุณครับ” พอได้นั่งคนปากไม่อยู่สุขก็เริ่มจะปากแจ๋วขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนความกังวลในใจ “แต่ก็แหม ถึงไม่ได้เจอกันที่นี่แต่เราก็เจอกันที่โรงหลอมเหล็กนะอย่าลืมสิ”

               ‘เจ้าครึ่งเทพคนนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด!’

               ผู้อำนวยการยกยิ้มที่มุมปากหนึ่งวินาทีก่อนจะลดมุมปากลงตามเดิม ก็บอกอยู่ว่าไม่ได้พบกัน ‘ที่นี่’ ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้พบกันที่อื่นเสียหน่อย! แต่ผู้อาวุโสสุขุมกว่าไม่มัวมาต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กเมื่อวานซืนหรอก

               ไครอนอาจจะมองดีนผิดไปหน่อย ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายผ่านประสบการณ์ของเดมิก็อดมาแรมปีอาจมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สุขุมขึ้น คราวนี้จึงมาขอรับคำปรึกษาโดยที่ไม่ได้ทุบประตูปลุกแต่เช้าตรู่ หรือไม่ก็แหกปากโวยวายวิ่งเข้ามาเหมือนมีใครเอาไฟแช็กไปลนขนหน้าแข้ง

               แต่ที่คาดการณ์ได้ถูกก็คือถ้าไม่มีเรื่องขอคำปรึกษาเกี่ยวกับบันทึกเดินทางหรือภารกิจกระดานเทพ น้อยคนนักที่จะมาหาเขาที่ห้องทำงาน ณ บ้านใหญ่

               “คือว่างี้ครับ คุณยังจำชาร์ล็อตได้ใช่ไหม ที่เป็นเด็กบ้านเฮคาทีน่ะครับ พอดีว่าผมเป็นแฟนกับแมคซี่ก็เลยไปบ้านของเขาบ่อย อันที่จริงก็คือไปอยู่ด้วยกันเลยแหล่ะ”

               “...อืม ครับ” ไครอนพยักหน้าน้อย ๆ ตอบกลับ สีหน้าเซนทอร์ยังคงราบเรียบแม้ในใจมีคำถาม ‘แค่มาอวดแฟนหรอกเหรอ!?’

               “นั่นล่ะครับ เลยทำให้ผมกับลูกบ้านนั้นสนิทกัน รีชน้องสาวผมก็พลอยสนิทกับชาร์ล็อตไปด้วย อย่างตอนนั้นที่เจรี่ไปทำงาน ซันซ์ยังไม่มาค่าย ไทสันอยู่ที่นิวโรม แล้วผมต้องออกไปทำภารกิจกับแฟน น้องต้องอยู่บ้านคนเดียวผมก็เลยพาเธอไปฝากไว้ให้อยู่กับชาร์ล็อตน่ะครับ”

               ‘ยัง! ยังไม่หยุดอีก!’

               ไครอนคิดในใจแต่ก็ยัง (ทน) ฟังต่ออย่างสงบ เพราะว่าเนื้อหาอาจจะมาในอีกสามวินาทีข้างหน้าก็ได้

               “แต่ช่วงกลางปีที่แล้วชาร์ล็อตออกไปทำภารกิจกับพวกคนบ้านเฮอร์มาโฟร์ไดตัสใช่ไหมครับ จากนั้นก็หายต๋อมไปเลย”

               ไครอนพยักหน้า เขาแอบถอนหายใจเล็กน้อยที่ในที่สุดก็กำลังจะทราบ ‘เนื้อหา’ ของเรื่องที่มาปรึกษา ไม่ใช่มีแต่ ‘น้ำ’ ไม่มีเนื้อไม่มีมูล

               “จนเวลาผ่านมาช่วงต้นปีที่ผมไปช่วยพ่อหาเสียงที่นีออมน่ะครับ แล้วเผอิญผ่านแอตแลนติสเลยแวะพักนิดหน่อย มีคืนนึงที่ผมฝันถึงชาร์ล็อตมันเป็นความฝันที่บ้าบอมาก ๆ เลย ความจริงก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย เพิ่งมานึกออกเอาช่วงนี้”

               “อะแฮ่ม.. ช่วยเข้าประเด็นเลยได้ไหมครับ?” ไครอนถาม ปรับเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูจริงจังขึ้นมา

               “โอ้ โทษที เหมือนว่าผมจะนอกเรื่องมากไปหน่อย แต่ถ้าไม่เท้าความเลยก็จะเล่าไม่ถูกน่ะครับ” ดีนยิ้มยิงฟันแบบเขิน ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าออกทะเลมาไกล “งั้นข้ามเรื่องฝันไปให้หมด… เอ้ย! ไม่ได้สิ เพราะว่าช่วงนี้ผมฝันถึงเธอหลายคืนเลยเป็นห่วง จนไปรับภารกิจเดินทางมาเนี่ย”

               “ฝันเป็นลางบอกเหตุสินะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในหมู่เดมิก็อด… เช่นนั้นแล้วคำทำนายที่คุณรับมากล่าวไว้เช่นไร” ไครอนพยายามตบให้เข้าที่ แค่ปล่อยให้พูดห้าวินาทีเจ้าดีนก็เฉลงข้างทางอีกแล้ว

               “คำทำนายสินะครับ รอแป๊บนะ ผมอัดเสียงมาด้วย”

               ดีนยกนิ้วขึ้นให้ไครอนรอ จากนั้นเขาก็เอาสมาร์ทโฟนที่บันทึกเสียงบทสนทนาการดูดวงกับเรเชลออกมา แตะนิ้วเปิดหาในช่วงท่อนที่เป็นคำทำนายจากเทพพยากรณ์เดลฟี

               “กรี๊ดดดดด!!”

               “โอ้ ไม่ ๆ หลังจากนี้ต่างหาก”

               ดันไปกดโดนช่วงที่เรเชลใกล้จะถูกเทพลงทรงพอดี เสียงกรีดร้องของเธอทำเอาไครอนสะดุ้ง ทำสีหน้าไม่ถูก ทั้งตกใจ ทั้งสงสัยว่าสองคนนี้ไปทำอะไรกันมา ดีนกดเล่นเสียงเข้าในช่วงจังหวะขอรับคำทำนาย จากนั้นน้ำเสียงของเรเชลก็เปลี่ยนโทนไปอย่างประหลาด ฟังดูแล้วไม่ใช่ทั้งเสียงของผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ใช่ของเด็กและคนแก่ เพราะว่านั้นคือเสียงศักดิ์สิทธิ์ของเดลฟี

โอ้ วีรบุรุษแห่งโอลิมปัส ผู้ห้าวหาญ
บัดนี้เงาแห่งโครนอส คืบคลานเข้าครอบงำ
บ้านเลขต้องสาป ณ แดนเจอร์ซีย์
กลืนกินชีวิต ปลดปล่อยความมืด
พึงระวังน่านฟ้า เจ้าจักถูกจับตามอง....

หนึ่งชีพดับสูญ หนึ่งจมในห้วงลืมเลือนนิจนิรันดร์
หนึ่งถูกจองจำ รอคอยความตาย

จงฝ่าม่านแห่งมายา มองทะลุคำลวง
ไขปริศนาแห่งบ้านเลขต้องสาป
ก่อนพลังแห่งอดีตกาลจะตื่นขึ้น....

สายเลือดแห่งมนตรา จักเชื่อมต่อม่านแห่งเทพ
ซ่อมแซมบาดแผลแห่งมนตราที่แตกสลาย

มุ่งหน้าสู่แดนเอกวาดอร์ ดินแดนแห่งภูเขาไฟ
หยุดยั้งแผนการชั่วร้าย ก่อนความมืดจะครอบงำ
อะพอลลีออน จอมทำลาย รอวันปลดปล่อย
ชะตากรรมแห่งโลกอยู่ในมือของเจ้า

               หลังเสียงที่บันทึกหยุดลงห้องทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เหลือเพียงเสียงของเข็มนาฬิกาเก่าและลูกตุ้มที่แกว่งไปมา ไครอนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด มีหลายเรื่องเหลือเกินที่เขาต้องไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ภัยร้ายครั้งนี้หนักหนาสาหัส อะไรก็ตามที่มีชื่อของ ‘อะพอลลีออน’ มาเกี่ยวข้องล้วนเป็นเรื่องร้ายเกี่ยวข้องกับตำนานวันสิ้นโลกทั้งหมด นี่เป็นภารกิจที่มีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพันอย่างแท้จริง มันอาจจะหนักหนาเกือบ ๆ เท่าภารกิจของเจ็ดวีรบุรุษที่ยังมีลมหายใจเลยด้วยซ้ำ

               “คุณไครอน?”

               ดีนเรียกอีกฝ่ายที่กำลังใช้สมาธิ เรียกสติของผู้อำนวยการให้กลับมา ไครอนพยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาจดบันทึก

               “เราลองมาตีความกันทีละท่อนเลยดีกว่า รบกวนคุณเปิดเสียงบันทึกอีกครั้งได้ไหม?”

               “ได้ครับ” ดีนตอบรับ เขาจำวินาทีของคำพยากรณ์ได้เลยไม่จำเป็นต้องจิ้มหามั่วอีก “แต่ก่อนอื่น ผมขอใช้โทรศัพท์อีกเครื่องอัดเสียงของพวกเราได้ไหม?”

               “เชิญ”

               ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำแบบนั้น หากยังจำกันได้ เมื่อปีก่อนดีนก็ขออัดเสียงการตีความเช่นเดียวกัน บุตรแห่งโพไซดอนนำสมาร์ทโฟนอีกเครื่องมาตั้งไว้บนโต๊ะ จากนั้นกดบันทึกเสียงทิ้งไว้ แล้วสลับมาที่อีกเครื่อง เปิดคำทำนายวรรคแรกออกมา

               “โอ้ วีรบุรุษแห่งโอลิมปัส ผู้ห้าวหาญ บัดนี้เงาแห่งโครนอส คืบคลานเข้าครอบงำ”

               “โครนอส… คุณรู้จักชื่อนี้ไหม?” ไครอนถาม

               “รู้จักครับ” ดีนพยักหน้า “โครนอส.. ปู่ของผม เคยกินพ่อกับลุงป้าคนอื่น ๆ ไปเพราะเคยถูกทำนายไว้ว่าลูกจะมีพลังมากกว่าแล้วมาโค่นล้ม อาซุสเป็นคนเดียวที่ไม่โดนกินเพราะว่าคุณย่าพาคุณอาไปให้วัวเลี้ยง”

               “ไม่ใช่วัวแต่เป็นแพะต่างหาก” ไครอนแก้ให้

               “แพะก็ได้…” ดีนยอมแก้ให้แบบหัวขบถนิดหน่อย “แล้วก็ตรงตามคำทำนายที่อาซุสโค่นล้มคุณปู่สำเร็จจากนั้นก็ช่วยพ่อกับลุงป้าคนอื่น ๆ ออกมาจากตัวปู่ที่กลืนกินลงไป”

               จะว่าเอ็นดูก็บอกไม่ถูก ที่เดมิก็อดเล่าเรื่องครอบครัวแสนวิบัติของตนเองออกมาโดยใช้สรรพนามแทนเครือญาติ ซึ่งอยากจะบอกเหมือนกันว่า ‘เทพเจ้าน่ะไม่นับญาติกันหรอกแล้วก็ไม่มีเด็กคนไหนในค่ายที่นับญาติสายเลือดอื่นนอกจากพ่อแม่ของตัวเอง’ แต่ก็ไม่อยากไปทำลายความฝันอันบริสุทธิ์ของเด็กเขื่อง ไครอนจึงเลือกที่จะพูดจาเข้าประเด็น

               “โครนอสถูกนึกไว้ในทาร์ทารัส แต่ก่อนหน้านี้เมื่อสิบกว่าปีก่อนโครนอสเคยล่อลวงเดมิก็อดคนหนึ่งที่ชื่อว่า ลุค คาสเทลแลน เพื่อสิงร่างและกลับไปยึดครองโอลิมปัส–..”

               “เดี๋ยวนะ…” ดีนยกมือขึ้นขัดจังหวะ “ลุคนี่ชื่อคุ้น ๆ แฮะ… ลูกเทพเฮอร์มีสที่แร๊กน่าอ้างชื่อไปทำชั่วน่ะเหรอ? ผมจำได้ว่าตอนนั้นที่ยืมบันทึกของเพอร์ซีย์ไปอ่านไม่มีเนื้อหาถึงตอนนี้นี่นา…”

               “ประทานโทษ ที่คุณอ่านตอนนั้นคือบันทึกสายฟ้าที่หายไป แต่เรื่องราวการปราบโครนอสอยู่ใน ‘บันทึกเทพองค์สุดท้าย’ ต่างหาก”

               กล่าวจบไครอนก็ไปเปิดตู้บันทึกการเดินทางเก่า ๆ แล้วส่งบันทึกทั้งหมดของเพอร์ซีย์ แจ็กสันให้ดีนดู ซึ่งมันมีด้วยกันทั้งหมดห้าเล่มด้วยกัน

               “แปลว่าที่คุณเล่าคือเนื้อหาของเล่มที่ห้าสินะ… เฮ้! คุณไครอนสปอยบันทึกนี่นา!”

               ดีนโวยวายขึ้นมาเมื่อเขาเผลอไปรู้ตอนจบการเดินทางของเพอร์ซีย์โดยไม่ได้ตั้งใจ จนไครอนหายใจทิ้งออกมา

               “สิ่งที่คุณต้องสนใจคือบันทึกของคุณเองไม่ใช่เหรอ จดจ่อกับมันต่อเถอะคุณดีน” ไครอนเลิกพูดเรื่องเทพโครนอสต่อ อย่างน้อยบุตรแห่งโพไซดอนตรงหน้าก็พอจะรู้ความเป็นมาของเทพไททันอยู่บ้าง “กดเล่นย่อหน้าต่อไปที”

               “บ้านเลขต้องสาป ณ แดนเจอร์ซีย์ กลืนกินชีวิต ปลดปล่อยความมืด พึงระวังน่านฟ้า เจ้าจักถูกจับตามอง....”

               “บ้านเลขต้องสาป ณ แดนเจอร์ซีย์… ชวนให้ผมนึกถึงคำทำนายของภารกิจคุณอาร์ตี้ที่มีคุณชาร์ล็อตร่วมทีม ส่วนนี่คือคำพยากรณ์ของพวกเขา”

               ไครอนหยิบแฟ้มแบบฟอร์มภารกิจขึ้นมาให้เปิดให้ดีนดู เพราะว่าช่วงปีที่ผ่านมามีคนรับภารกิจเดินทางไม่เยอะ เปิดแฟ้มไปไม่กี่หน้าก็เจอ

657 บูเลอวาร์ด ยามรัตติกาล จักปกคลุมด้วยหมอกหายนะ
ผู้คนสูญหาย มิทราบเหตุ มนตราเสื่อมคลาย
ทุกสิ่งล้วนเห็นเป็นจริง ความน่าสะพรึงคืบคลาน

               “ทำไมคำพยากรณ์เขาสั้นจังอ่ะ ทีของผมยาวเป็นเมตร ทั้งสองครั้งเลย” อดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะหลังจากนี้ชายหนุ่มต้องกรอกสิ่งที่อยู่ในเทปลงไปในแบบฟอร์มภารกิจ ซึ่งมันเมื่อยมือ ทว่าประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น… “แต่ว่านะ... หกห้าเจ็ด บูเลอวาร์ด… ผมเห็นป้ายนี้อยู่หน้าบ้านที่ผมฝันถึงด้วยล่ะ”

               “ถนนบูเลอวาร์ดอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์ไม่ผิดเพี้ยน แล้วยิ่งคุณเกริ่นมาว่าคำทำนายของคุณเกี่ยวข้องกับคุณชาร์ล็อต ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นบ้านหลังเดียวกัน ซึ่งจากภารกิจของคุณอาร์ตี้ที่ยาวนานเกินไป ผมคาดว่าทีมนั้นคงล่มไปแล้ว”

               เซนทอร์ดึงคันโยกโลหะเปิดเหล็กห่วงแล้วนำกระดาษแบบฟอร์มของนักร้องชื่อดังสายเลือดเดมิก็อดออกมาจากหมวดภารกิจกำลังดำเนินการไปใส่ในช่องภารกิจล้มเหลว ดีนอ้าปากค้างเพราะเขาเห็นว่ายังมีภารกิจที่ทำค้างไว้นานเป็นปีอยู่ด้วย แล้วถ้าภารกิจล้มเหลวเหล่าเดมิก็อดจะมีชะตากรรมเป็นอย่างไรล่ะ

               “คนที่ยังทำค้างไว้อยู่หมายความว่าของพวกเขาก็ล้มเหลวงั้นเหรอครับ…”

               “ไม่เสมอไป เคยมีกรณีที่เดมิก็อดไปทำภารกิจกันห้าปีแล้วเพิ่งจะกลับมาด้วย สาเหตุเพราะว่าเขาติดอยู่ในคาสิโนโลตัสนานเกินไป” ไครอนอธิบาย

               “อ้อ.. คาสิโนโลตัส… เข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ” ดีนเองก็เคยผ่านเข้าไปในคาสิโนสุดหลอนนั่นมาแล้วเหมือนกัน หากไม่ได้ลูซิเฟอร์ช่วยเอาไว้มีหวังว่าทีมเขาคงมีชะตากรรมไม่ต่างจากเดมิก็อดที่ไครอนเล่าให้ฟังหรอก

               “ก่อนหน้านี้เมื่อปีก่อนมีข่าวคราวเกี่ยวกับบ้านหกห้าเจ็ด บูเลอวาร์ด เมืองเวสต์ฟิลด์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เจ้าของบ้านหลายรายที่เข้าพักอาศัยในบ้านหลังนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปัจจุบันเปลี่ยนเจ้าของบ้านกว่าร้อยครัวเรือน ทำให้ทางการรัฐนิวเจอร์ชีย์ต้องปิดการขายบ้านเลขที่หกห้าเจ็ด แต่ก็มีผู้รอดชีวิตหนีออกมาได้หนึ่งรายทว่าเสียสติ ผู้รอดชีวิตเล่าว่าเขาเห็นยักษ์ไซคลอปส์หลายสิบตัวราวกับลัทธิ จับคนไปบูชายัญบางอย่างและต้มทั้งเป็น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบกลับไม่พบอะไร”

               “ไซคลอปส์.. ในฝันผมก็เห็นไซคลอปส์ …ไม่สิ จะบอกว่าเห็นก็ไม่ได้ ผมไม่เห็นตัวเอง แต่ผมเห็นชาร์ล็อตแล้วเธอเรียกผมในฝันว่า ‘ไซคลอปส์น่ารังเกียจ’

               “แบบนี้มีเหตุผลรองรับหลายข้อแล้วที่ชี้นำว่า ‘บ้านเลขต้องสาป ณ แดนเจอร์ซีย์’ คือที่เดียวกันกับ ‘บ้านเลขที่หกห้าเจ็ด บูเลอวาร์ด เมืองเวสต์ฟิลด์ รัฐนิวเจอร์ซีย์’ไครอนเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนวิเคราะห์ต่อ “พึงระวังน่านฟ้า เจ้าจักถูกจับตามอง ประโยคนี้ตีความได้หลายทาง ศัตรูของคุณอาจบินได้ การจับจ้องทางอากาศ เดินทางทางอากาศจะไม่ปลอดภัย หรือแม้กระทั้งให้ระวังปีศาจเจอร์ซีย์อสุรกายพื้นถิ่นของรัฐนั้น”

               “ปีศาจเจอร์ซีย์เนี่ยนะ มีตัวจริงด้วยเหรอ? ผมนึกว่าอยู่แค่ในครีปปี้พาสต้า”

               “อย่าได้ดูถูกเรื่องเล่าในอินเตอร์เน็ตไปคุณดีน ในนั้นมีทั้งอสุรกายที่มีตัวตนจริงและเรื่องแต่ง” ไครอนตอบ

               “ถ้างั้นไซเรนเฮดล่ะมีจริงไหม?” ได้ทีก็เลยถาม

               “นั่นมันก็เกินไปหน่อยไหม? ดูก็รู้ว่าปีศาจหัวลำโพงคือเรื่องแต่ง”

               ก็จริงอย่างที่ไครอนว่าแหล่ะ ถ้ามีจริงน่ากลัวตายชัก…

               “โชคดีนิดนึงที่ผมเป็นบุตรแห่งโพไซดอน ก็เลยขึ้นเครื่องบินไม่ได้อยู่แล้วเลยไม่ค่อยเสียตาย แต่สำหรับภารกิจนี้เพกาซัสก็เป็นสิ่งต้องห้ามด้วยสินะ…”

               ประโยคหลังคล้ายพึมพำ แต่ควีนคงไม่อยากไปเสี่ยงตายกับเขาหรอก ตอนไปนีออมเธอยังโวยวายทุกแมทช์ที่สู้เลย เพราะงั้นปล่อยให้อยู่เลี้ยงลูกก็อบลินที่คอกม้าประจำค่ายน่ะดีแล้ว

               เมื่อวิเคราะห์ประโยคนี้เรียบร้อยดีนก็เปิดเสียงบันทึกต่อ

               “หนึ่งชีพดับสูญ หนึ่งจมในห้วงลืมเลือนนิจนิรันดร์ หนึ่งถูกจองจำ รอคอยความตาย”

               “ผมไม่ชอบท่อนนี้เลยแฮะ แปลว่าถ้าไปทำภารกิจนี้แล้วจะตายงั้นเหรอ?”

               ดีนเม้มปาก เขายังไม่อยากตาย ไม่อยากให้ชาร์ล็อตตาย และไม่อยากให้ใครอีกคนที่ไปด้วยตาย ซึ่งถ้ารู้ล่วงหน้าแบบนี้เลือกไม่ถูกเลยว่าจะพาใครไปทำภารกิจด้วยดี

               “ไม่ใช่หรอก นี่คืออดีตและปัจจุบันที่เกิดขึ้น จากท่อน ‘หนึ่งถูกจองจำรอความตาย’ จึงไม่ใช่อนาคตครับ…” กระนั้นไครอนก็ขมวดคิ้ว “หากคุณชาร์ล็อตคือผู้ที่ถูกจองจำรอคอยความตาย อีกสองคนที่เหลือ คุณอาร์ตี้ และคุณไฮรี่ จะมีหนึ่งคนที่เสียชีวิต และอีกคนที่จมในห้วงลืมเลือน”

               “แล้วใครจะตายล่ะครับ ผมยังจำทั้งสองได้อยู่นะ ถึงแม้จะไม่มากก็เถอะ…” เพราะว่าเคยเห็นกันแค่ผ่าน ๆ เลยจำหน้าไม่ค่อยได้ แต่ ‘อาร์ตี้ เดอ วิล’ เป็นดาราดัง ตัวแม่ตัวมัมของวงการ ใครจะลืมได้ลง

               “อาจตีความว่าหายสาปสูญได้เหมือนกัน และหากนานกว่านี้ย่อมถูกลืมเลือน” ไครอนให้คำจำกัดความ

               “ไม่ว่าอย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นเลย มีความเป็นไปได้ไหมครับว่าคำนำนายจะคลาดเคลื่อน”

               ไครอนไม่ตอบด้วยวาจา ทว่าเขาส่ายหน้า คำพยากรณ์เดลฟีเป็นจริงเสมอ แค่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรเท่านั้นเอง นั่นทำเอาดีนหายใจไม่ทั่วท้อง เขาเม้มปากแล้วก้มหน้าลง ก่อนจะกดเล่นเสียงไปต่อ

               “จงฝ่าม่านแห่งมายา มองทะลุคำลวง ไขปริศนาแห่งบ้านเลขต้องสาป ก่อนพลังแห่งอดีตกาลจะตื่นขึ้น....”

               “ภายในบ้านที่ว่า คิดว่าน่าจะมีมนตร์มายา คำสาป ไม่ก็กลไกอะไรบางอย่างที่ต้องฝ่าเข้าไปถึงด้านใน ภารกิจนี้ต้องทำให้สำเร็จก่อนที่พลังแห่งอดีตจะตื่น อาจหมายถึงโครนอส หรืออีกชื่อหนึ่งที่ปรากฏในคำทำนาย..”

               “คุณกำลังหมายถึงอะไรครับ?” ดีนถาม

               “อีกชื่อหนึ่งก็คือ ‘อะพอลลีออน’ …”

               “อะพอลลีออน? ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย.. ไม่สิ เคยได้ยินแหล่ะ แต่เป็นตอนแรกที่ได้ฟังคำทำนาย เหมือนว่าชื่อนั้นจะอยู่ท่อนถัดไปอีก เขาคือใครเหรอครับ?”

              ‘อะพอลลีออน ผู้ทำลายล้าง’ ปีศาจระดับสูงตามคัมภีร์วิวรณ์ในคริสต์ศาสนา ‘อะพอลลีออน’ เป็นภาษากรีก แต่ตามคัมภีร์คริสต์จะเรียกนามว่า ‘อะแบนดอน’ ไครอนอธิบาย

               “เอ่อ.. ก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกันแหล่ะครับ”

               ดีนยกมือลูบท้ายทอยปอย ๆ เล่นทำเอาไครอนหรี่ตามอง ก็จะเอาอะไรกับคนที่ไปโบสถ์เฉพาะตอนที่โรงเรียนจัดทัศนศึกษา กับตอนไปเลือกตั้งเพราะทางรัฐชอบยืมศาสนสถานแถวบ้านมาเป็นคูหาเลือกตั้งกันเล่า จำชื่อนักบุญได้สามสี่คนนี่ก็สุดแค่ไหนแล้ว

               “อธิบายสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย อะพอลลีออน คือ ปีศาจชั้นสูงผู้นำกองทัพตั๊กแตนปีศาจออกมาทำลายล้างโลกจากขุมนรก ตั๊กแตนพวกนั้นมีเขี้ยวเหมือนสิงโต ใบหน้าคล้ายคน หัวสวมมงกุฎ มีหางที่ต่อยเจ็บเหมือนแมงป่อง มันเคยปรากฏอยู่ในภัยพิบัติเจ็ดประการตามวิวรณ์ตำนานวันสิ้นโลก เมื่อพระผู้เป็นเจ้าต้องการขจัดความชั่วร้าย ผู้คนที่ไร้ความศรัทธาไม่อยู่ในศีลธรรม โดยส่งเทวทูตเจ็ดองค์เป่าแตร เป็นสัญญาณเตือนนำมาซึ่งหายนะร้ายแรงแต่ละประการ”

               เทวทูตเป่าแตร.. ชวนให้ดีนนึกถึงไพ่ทาโรต์ที่เป็นเหตุการณ์ในอนาคตของชาร์ล็อตเสียเหลือเกิน

               “แตรดอกที่หนึ่ง… ไฟและลูกเห็บผสมเลือด ตกลงมาเผาผลาญโลก หนึ่งในสามของต้นไม้และหญ้ามอดไหม้ไปทั้งหมด, แตรดอกที่สอง… ภูเขาเพลิงขนาดใหญ่ ถูกโยนลงทะเล ทำให้ทะเลกลายเป็นเลือด ปลาและเรือจำนวนมากพินาศ, แตรดอกที่สาม… ดาวตกชื่อว่า ‘วูร์มวูด’ ตกลงมาในแม่น้ำ ทำให้น้ำกลายเป็นขม มนุษย์จำนวนมากตายเพราะน้ำ, แตรดอกที่สี่… ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวมืด หนึ่งในสาม ทำให้โลกมืดลง เป็นสัญญาณก่อนภัยร้ายแรงกว่า, แตรดอกที่ห้า… ตั๊กแตนปีศาจ นำโดยอะพอลลีออน ผุดจากหุบเหวไร้ก้น โจมตีมนุษย์ ไม่ฆ่าแต่ทรมาน”

               ไครอนหยุดอธิบายต่อเพราะบทบาทของอะพอลลีออนจบที่ตรงนี้

               “มีต่ออีกไหมครับ แตรดอกที่หกแล้วก็เจ็ดล่ะ?” ดีนรบเร้าให้อีกฝ่ายเล่าต่อราวกับตั้งใจฟังนิทาน

               “มีครับ แตรดอกที่หก… ทูตสวรรค์ปล่อยทหารม้าปีศาจ สี่ตนจากแม่น้ำยูเฟรตีส์ มาพร้อมกองทัพสองร้อยล้านตัว ฆ่าหนึ่งในสามของมนุษย์ และสุดท้ายแตรดอกที่เจ็ด… อาณาจักรของพระเจ้ามาถึง เสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหว เมืองใหญ่แตกสลาย ตบท้ายด้วยหีบพันธสัญญาเปิดออกในสวรรค์”

               “อื้อหือ แต่ละอย่าง.. แต่งี้อะพอลลีออนเป็นภัยพิบัติลำดับที่หก แล้วก่อนหน้านั้นล่ะครับ หนึ่งถึงสี่ไปไหน?” ดีนตั้งข้อสงสัย คงไม่จู่ ๆ ภัยลำดับห้าก็โผล่มาอันแรกแบบสุ่มเหมือนกดสั่งเล่นเพลงจากสปอติฟายล่ะมั้ง

               “ตรงนี้ก็มีให้ตีความครับ แตรดอกที่หนึ่งอาจหมายถึงยุคไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก็ได้”

               “นานขนาดนั้นเลยเหรอ งี้กว่าโลกจะแตกคงไม่ต้องกลัวแล้วมั้ง ถ้าเจ็ดสิบกว่าล้านปียังอยู่แค่ข้อที่ห้า ยังไงมนุษย์ก็คงตายหมดก่อนแหงม ๆ”

               “ก็แค่สมมติฐาน… ความจริงอาจเป็นกรณีอื่น ซึ่งคำทำนายของแตรบางดอกผมก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมีเดมิก็อดบางกลุ่มไปจัดการกู้โลกอยู่”

               “งั้นผมก็เป็นอีกกลุ่มที่ถูกเลือกสินะ..” ดีนยิ้มเจื่อน “ว่าแต่ถึงไหนแล้วนะครับ เหมือนก่อนหน้านี้จะไม่ได้พูดถึงอะพอลลีออนกัน”

               “ถ้าเป็นการตีความคำทำนายท่อนล่าสุดก็จบแล้วครับ กดเล่นต่อเพื่อไปวรรคถัดไปได้เลย”

               “โอเค”

               ดีนตอบรับจากนั้นเขาก็กดเล่นเสียงต่อ

               “สายเลือดแห่งมนตรา จักเชื่อมต่อม่านแห่งเทพ ซ่อมแซมบาดแผลแห่งมนตราที่แตกสลาย”

               “เอ่อ.. คุณไครอน ตรงนี้ผมพอเข้าใจ จากข่าวที่คุณเล่าบอกว่ามีคนธรรมดาเห็นไซคลอปส์ แปลว่าเขตมนตราเฮคาทีมีปัญหา แล้วภารกิจของคุณอาร์ตี้ที่ชวนชาร์ล็อตไปด้วยเพราะว่าเธอเป็นลูกสาวเทพีแห่งเวทมนตร์เลยมีความสามารถซ่อมแซมมนตรา แต่ถ้าเธอถูกจับขังเป็นเวลานานเกินไปจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะใช้เวทมนตร์ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ จะดีไหมถ้าผมชวนแมคซี่ไปอีกคนน่ะครับ”

               “คุณคงหมายถึงคุณแมคเคนซี? ย่อมได้ ภารกิจครั้งที่แล้วยังมีสายเลือดโพไซดอนไปถึงสองคนเลยนี่ครับ”

               “ครับ แมคซี่ต้องตอบรับแน่ ๆ”

               ดีนถอนหายใจออกมา ความจริงเขาไม่อยากพาคนรักไปผจญกับอันตราย แต่ว่าชายหนุ่มก็ไม่อยากแยกจากคนรักไปนานเป็นเดือนอีกเหมือนกัน เพราะฟังจากคำทำนายและสรรพคุณของอะพอลลีออนอะไรนั่นแล้ว การเดินทางครั้งนี้ไปนานแน่นอน ส่วนอีกใจก็คิดว่านี่มันภารกิจที่ต้องให้ลูกหลานเฮคาทีไปทำหรือเปล่า ไหงถึงกลายเป็นเขาไปได้ล่ะนี่

               ดีนกดปุ่มเล่นเสียงให้มันเพลย์ต่อ

               “มุ่งหน้าสู่แดนเอกวาดอร์ ดินแดนแห่งภูเขาไฟ หยุดยั้งแผนการชั่วร้าย ก่อนความมืดจะครอบงำ อะพอลลีออน จอมทำลาย รอวันปลดปล่อย ชะตากรรมแห่งโลกอยู่ในมือของเจ้า”

               “เหมือนผมเคยได้ยินมาตอนไปทำงานที่สถานีรถไฟเฮเฟตัส... ทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้มีสถานีรถไฟเฮเฟตัสแค่นิวยอร์กที่เดียว แล้วต้องเดินทางไปเอกวาดอร์นี่มัน…”

               ตามแผนที่โลก ประเทศเอกวาดอร์ ดินแดนแห่งภูเขาไฟอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ แถมยังมีช่องดาเรียนที่ซึ่งเป็นสถานที่อันตรายแบบสุด ๆ จนไม่มีทางไปต่อ โดยปกติแล้วประชาชนมักจะโดยสารด้วยเครื่องบิน น้อยมากจะขึ้นเรือ แต่ว่าดีนนั่งเครื่องบินไม่ได้เนี่ยสิ แถมในคำทำนายยังระบุให้ระวังการจับตามองจากฟากฟ้าอีก แล้วแบบนี้เขาจะไปยังไง เรือโดยสารก็ไม่ได้แล่นล่องไปอย่างรวดเร็วฉับไวเสียด้วยสิ

               “ตามที่คุณเข้าใจ พวกคุณต้องเดินทางไปต่อเอง ส่วนเส้นทางไหนนั้นแล้วแต่คุณจะเลือก ทางบกอันตราย ส่วนทางทะเลก็อาจจะช้าเกินไป”

               “แล้วทำไมสถานีรถไฟเฮเฟตัสถึงไปสร้างที่อื่นนอกจากนิวยอร์กไม่ได้ล่ะครับ อเมริกาก็กว้างใหญ่ เดินทางลำบากตายเลยเนี่ย”

               อดที่จะบ่นไม่ได้จริง ๆ คงไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่า ‘เดมิก็อดผู้กล้าจำเป็นต้องเดินทางด้วยเท้าเท่านั้นถึงจะมีเกียรติ!’ ซึ่งมันไร้สาระสิ้นดี เทพเจ้าคงชอบดูลูกหลานทรมาณ นี่ก็เข้าสู่ปีสองพันยี่สิบห้าแล้ว รถก็มี เครื่องบินก็มี ไม่ยอมให้ปรับใช้เครื่องทุ่นแรงกันบ้างเลย

               “ผมรู้ว่าคุณอยากบ่น แต่ความจริงแล้วมันมีเหตุผล” ไครอนหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “เดิมทีเทพกรีกอาศัยอยู่ที่ยอดเขาโอลิมปัสแถบนครเอเธนส์ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ชาวโอลิมปัสขยับขยายโยกย้ายไปในดินแดนใหม่ที่ศิวิไลซ์กว่า ซึ่งนั้นก็คือนิวยอร์ก การเข้ามาของผู้รุกรานอย่างเราย่อมสร้างความไม่พอใจแก่เทพท้องถิ่น ดังนั้นบางส่วนบางแดนจึงอยู่นอกขอบเขตที่เทพกรีกให้ความคุ้มครอง”

               “เอ่อ… พอคุณพูดแบบนี้เหตุผลมันก็พอจะฟังขึ้นอยู่แฮะ ถือว่าผมซวยเองแล้วกันที่ได้ไปทำภารกิจที่อเมริกาใต้น่ะ”

               ถึงจะบอกว่ายอมรับได้แต่ก็อดที่จะย่นจมูกไม่ได้จริง ๆ

               “แต่เอกวาดอร์ก็กว้างใหญ่ ใบ้แบบนี้มันกว้างไปไหม จะรู้ได้ไงครับว่าขุมนรกที่ว่ามันอยู่ตรงไหน?” ดีนถามต่อ

               “หากจากคำนำนาย เป็นไปได้ว่าการปลุกพลังอะพอลลีออนจะอยู่ที่ภูเขาไฟสักแห่งในเอกวาดอร์ ก่อนหน้านี้ผมได้รับข่าวสารมาจากเพื่อนเซนทอร์ทางใต้ บอกว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติที่ภูเขาไฟสามแห่ง ดังนี้ ‘ภูเขาไฟทุงกูวารา’ ได้รับฉายาว่าเทพีแห่งเปลวเพลิงพิโรธ เป็นภูเขาไฟที่ได้รับการบูชาจากชนเผ่าเคชัว, ต่อมาคือ ‘ภูเขาไฟเรเวนตาดอร์’ ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ระเบิด ตั้งอยู่ในป่าฝนแอมะซอนทางตะวันออกของเทือกเขาแอนดีส และสุดท้าย ‘ภูเขาไฟโกโตพัคซี’ ฉายา ‘เทพเจ้าหิมะที่ยังตื่น’ ยอดภูเขาไฟปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่อันตรายที่สุดในโลก ในตำนานของชาวอินคา ‘โกโตพัคซี’ เป็นเทพแห่งพลังทำลายและการฟื้นฟู”

               “สามแห่งนี้สินะ.. เหนื่อยหน่อยแต่ก็ดีกว่าต้องไปงมเข็มในมหาสมุทร”

               “ก็ไม่แน่เสมอไปครับ สายข่าวเพียงแค่บอกว่าเป็นภูเขาไฟต้องสงสัย แต่อาจไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจของคุณเลยก็ได้ เพราะจากตำนานของหลายที่มีเทพเจ้าท้องถิ่นของตนเองคุ้มครอง เว้นแต่เทพเหล่านั้นจะร่วมมือกับสาวกอะพอลลีออนเพื่อปลุกพลังของเขาขึ้นมา”

               “โอ๊ย! คุณไครอนอย่าทำลายความหวังสิครับ! ถ้าไม่ใช่หนึ่งในสามแห่งนี้ผมหาตาแหกเลยนะ” ดีนโวยวาย

               “ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ให้คุณต้องเตรียมใจ บางทีระหว่างการเดินทาง เบาะแสอื่น ๆ อาจโผล่ออกมาก็เป็นได้” ไครอนชี้แจงก่อนจะวิเคราะห์คำทำนายท่อนสุดท้าย “อะพอลลีออนรอวันปลดปล่อย ผมคิดว่าผู้ร้ายน่าจะกำลังรอฤกษ์ยามที่เหมาะสม เพราะอะไรพวกสาวกถึงได้ไม่พาคุณชาร์ล็อตที่มีสายเลือดเฮคาทีที่เหมาะสมไปบูชายัญเลย?”

               “คุณถามผมเหรอ?” สายเลือดเจ้าสมุทรชี้นหน้าตัวเอง “จากที่เล่นเกมกับดูหนังมานะ พวกตัวร้ายมันจะมีวันที่พลังสูงสุดต่ำสุดอยู่ อย่างคืนวันเพ็ญหรือคืนข้างแรมอะไรแบบนี้”

               “คุณสันนิษฐานได้ดี และวันที่ผมคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการปลดปล่อยปีศาจร้ายซึ่งก็คือ ‘วันครีษมายัน’ คุณคุ้น ๆ หูกับวันนี้บ้างไหม?”

               คำถามของไครอนชวนให้ดีนตะหงิดใจและได้กลิ่นแปลก ๆ ริมฝีปากของชายหนุ่มแสยะยิ้มเจื่อนทันที การทำภารกิจคราวที่แล้ว… ‘ตามหาตรีศูลที่หายไป’ ก็ต้องสำเร็จก่อนวันครีษมายัน ซึ่งเป็นวันฤกษ์ดีของเหล่าเทพเจ้าที่จะทำอะไรป่วน ๆ อย่างเช่นยกกองทัพมาถล่มใส่กัน..

               “คุณตั้งใจจะออกเดินทางวันไหนกัน?” ไครอนถามต่อ

               “ไม่รู้สิ ผมอยากจะออกเดินทางให้ไวที่สุด ถึงจะรู้ว่าชาร์ล็อตคงไม่ถูกบูชายัญในเดือนนี้ แต่ก็ไม่อยากให้เธอต้องลำบากนาน พรุ่งนี้เร็วไปคงเตรียมตัวกันไม่ทัน แต่ถ้าเป็นวันมะรืน… วันที่สิบห้าล่ะก็ ถ้าเร็วที่สุดผมว่าวันนั้นแหล่ะเหมาะสมที่สุดครับ”

               คราวนี้เป็นไครอนที่แสยะยิ้ม เขาลุกไปหยิบบันทึกเล่มหนึ่งจากชั้นวาง มันไม่ใช่บันทึกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน แต่เป็นบันทึกหน้าปกสีครามน้ำทะเลแบบที่คุ้นตาสุด ๆ ‘บันทึกการเดินทางตรีศูลที่หายไป’ ที่ดีน เดม่อน และไบร์ท ฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมานั่นเอง จากนั้นไครอนก็เปิดบันทึกไปที่หน้าแรกของการเดินทาง ตัวหนังสือสีดำลอยเด่นขึ้นมาเหนือหน้ากระดาษ


               “สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งปีภารกิจเดินทางนะคุณดีน รอบนี้ก็ขอให้คุณโชคดีแล้วกลับมากันอย่างปลอดภัยล่ะ”

               “....”

               พอเห็นวันที่แล้วแทบจะแดรกจุดไข่ปลา...

               แม่งเอ๊ย! คำตอบกระจ่างชัดทันทีว่าทำไมถึงมีแรงกระตุ้นบางอย่างให้ดีนไปรับคำพยากรณ์ ไม่ใช่แมคเคนซี ซิลเวอร์ หรือสายเลือดเฮคาทีคนอื่น ๆ แบบนี้นี่มัน… ถูกเทพโอลิมปัสแกล้งชัด ๆ !

ปรึกษากับไครอนเรื่องภารกิจเดินทาง
ขอเงินค่าเดินทางด้วยครับ!


แสดงความคิดเห็น

God
x2 ส่งแล้ว 7 ก้อน   โพสต์ 2025-5-16 00:08
God
เธอลองแวะไปถามดูที่ห้องพยาบาลนะ ช่วงนี้เนคทาร์กับอาหารเทพเหมือนจะเหลือน้อยหลังสงครามต้นปีของเรา ไม่รู้พวกเขาพอจะมีแบ่งให้ได้ไหม  โพสต์ 2025-5-15 12:14
God
ช่วงนี้เศรษฐกิจสตรอว์เบอร์รี่ไม่ค่อยดี ทำให้ออกงบได้แค่ xxx   โพสต์ 2025-5-15 12:13
โพสต์ 80447 ไบต์และได้รับ 64 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-15 05:57
โพสต์ 80,447 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก เข็มกลัดโพไซดอน  โพสต์ 2025-5-15 05:57

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เงินดอลลาร์ +500 ย่อ เหตุผล
God + 500

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x50
x1
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x5
x4
โพสต์ 2025-5-20 15:01:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Feria เมื่อ 2025-5-20 15:48

ขอคำปรึกษาภารกิจคำพยากรณ์
หลังจากที่ลงโพสหาเพื่อนใหม่ร่วมทางไปภารกิจคำพยากรณ์ไปแล้วสองสามวัน ก็พบว่ามีคนตอบรับว่าสนใจไปอยู่ 2 ถึง 3 คน แต่เงื่อนไชการไปด้วยกันขอคนหนึ่งเธอต้องวางแผนการเดินทางก่อนนี่แหละนะ แถมรอบนี้ดูท่าทางเธอต้องวางแผนการเดินทางให้รัดกุมพร้อมกับวางแผนว่าต้องแวะที่ไหนยังไงดีด้วย เพราะรอบนี้น่าจะต้องออกนอกทวีปด้วย ยิ่งเป็นคำพยากรณ์ที่ดูไม่ยาก แต่มีผลกระทบทั่วโลกอีก เสียดายลิเลียน่ายังเรียนอยู่ ส่วนพี่อลิเซียก็กลับไปเรียนที่บ้าน ก็นะสภาพจิตใจพี่เขาที่พึ่งเสียพี่เอลลิสไปคงจะพาไปภารกิจคำพยากรณ์ยากอยู่แล้วด้วย เธอคิดพลางคิดว่าจะพาลูก ๆ ของเธอคนไหนไปด้วยดี ถ้าเก่ง ๆ คงเอากาเอลไปแต่เรเลียก็น่าจะเนียนไปไหนมาไหนได้ง่าย แต่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทางรอบนี้นิสัยเป็นยังไงนี่นา เลยคิดว่าเอากาเอลไปน่าจะง่ายสุดแล้วล่ะ คนธรรมดาก็เห็นเป็นหมาด้วย กาเซลคงต้องเฝ้าบ้านอยู่กับพี่ศิลาแหละ ยังเป็นเบบี้อยู่ด้วย เธอคิดพลางเดินมายังหน้าห้องทำงานคุณไครอนเพื่อมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับภารกิจคำพยากรณ์รอบนี้ด้วย ถ้าจำไม่ผิดมันคือคำพยากรณ์ที่เลื่อนความรุนแรงมาจากภารกิจบนกระดานนี่นา ให้ตายสิมันวุ่นวายซะมัดเลย วุ่นวายจนไม่มีอันจะไปเรียนต่อแล้วนี่ ว่าแล้วเธอก็มาถึงหน้าห้องทำงานคุณไครอนแล้วเคาะประตูทันที

“คุณไครอนคะ เฟเรียค่ะ”

เธอเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าห้องอย่างสุภาพ ก็อย่างน้อยเธอก็ติดเป็นนิสัยนี่แหละ

“โอ้! คุณเฟเรีย เข้ามาได้เลยครับ”

เธอเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องก็พบกับคุณไครอนที่นั่งอยู่ข้างใน

“สวัสดีค่ะคุณไครอน คือว่า…หนูมาปรึกษาเรื่องภารกิจคำพยากรณ์ค่ะ คือว่าหนูขอโทษด้วยนะคะ ที่โพสหาเพื่อนร่วมทางไปแล้วโดนค่ายอื่นดูถูกว่าค่ายเราตกอับซะงั้น หนูไม่คิดเลยว่าจะถูกดูถูกขนาดนั้น”

เธอเศร้าสลดลงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโพสของเธอใน Nectar Network เพียงเพราะอยากตามหาเพื่อนร่วมทางไปภารกิจคำพยากรณ์เท่านั้นเอง ก็เพื่อนร่วมทางตามปกติของเธออย่างพี่อลิเซียยังไม่กลับมา แถมลิเลียน่าก็จะปิดเทอมสิ้นเดือนนี้ เธอเลยต้องทำแบบนี้ จริง ๆ ช่วงนี้ความหนักหน่วงและการเกิดขึ้นของภัยพิบัตมันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ถึงคนพวกนั้นจะไม่มีวันรู้เลยก็ตามทีเถอะ

“ไม่ต้องเศร้าไปหรอกนะ คุณก็ทำเพราะอยากหาคนช่วยนี่นา แล้วเป็นไงบ้างล่ะครับ”

“อ้อ! มีคนที่มาทัก IB หนูมาอยู่คนหนึ่งค่ะ เธอบอกว่าขอแผนการเดินทางเหมือนว่าจะต้องขออนุญาตหัวหน้าของเขาด้วยค่ะ หนูก็เลยต้องมาปรึกษาคุณน่ะ เอาจริง ๆ หนูพอทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้ที่คู่รักหนูหมายถึงสถานการณ์เด็กบ้านอะโฟรไดท์เป็นไง และถ้าตามคำพยากรณ์ก็คงเกี่ยวข้องการด้ายแดงแต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไรหรือต้องไปที่ไหนบ้างหนูคงต้องขอคำปรึกษาจากคุณไครอนหน่อยนะคะ อ้อ! มีคนบอกว่าเป็นลูกเทพีวีนัสมาสนใจด้วยน่ะ แล้วก็มีอีกคนที่ดูเฟี้ยว ๆ แรง ๆ ดูสมกับคำพยากรณ์นี้ดี แถมมีอีกคนที่ดูจะเป็นเด็กอยู่ที่เวย์สเตชั่นด้วย อ้อมีอีกคนที่ใช้ชื่อ Golden Boy ด้วย ก็ยังลังเลอยู่เลยว่าจะเลือกใครดีน่ะ“ เธอเอาโพสที่เธอโพสคำพยากรณ์มาให้คุณไครอนดูเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ปรึกษาเกี่ยวกับคำพยากรณ์

แสดงความคิดเห็น

God
ส่วนการเลือกคน เธอลองใช้ใจ บางคำพยากรณ์อาจจะเหมาะสมกับคนที่พร้อมไปเสี่ยงเอาข้างหน้ามากกว่ามีแผน เพราะมันคาดเดายาก  โพสต์ 2025-5-20 16:03
God
ไครอนพอแนะนำเรื่องเล่า เทพแห่งด้ายแดงในตำนานจีนให้คุณฟัง เผื่อคุณไม่เคยอ่านตำนาน ทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับด้ายแดงมากขึ้น  โพสต์ 2025-5-20 16:02
God
ถ้ายังไงลองแวะไปดูลาสเวกัส ได้ยินว่าที่นั่นมีคู่รักหลายคู่เกิดปัญหาขึ้นจำนวนมาก บางทีอาจจะมีต้นเหตุมาจากด้ายแดงในคำพยากรณ์  โพสต์ 2025-5-20 16:02
God
บางทีเธออาจจะพบอะโฟร์ไดต์ที่นั่น ส่วนท่อนอื่นมันดูจะต้องใช้ความสามารถและความรู้สึกของเธอนะในการตีความ ขอโทษด้วยนะที่ช่วยไม่ได้ คำพยากรณ์คลุมเครือจริงๆ บางทีมีแค่เธอที่จะเข้าใจ  โพสต์ 2025-5-20 16:00
God
จากท่องนี้ เทพีหลั่งน้ำตา รักแท้ ถูกบิดเบือน จงมองหา แสงสว่าง ณ ทิศตะวันออก ลองไปเมืองฟิลาเดลเฟีย หากพูดถึงความรักในอเมริกาไม่มีที่ไหนจะเทียบเท่าฟิลาเดลเฟียแล้ว   โพสต์ 2025-5-20 15:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หนังสือรับรองไครอน
เสื้อแจ็คเก็ตบุนวม
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ดรีมทราเวล
ควบคุมดอกป๊อปปี้
กำปั้นแห่งนิทรา
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
ขลุ่ยจันทรา
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x59
x5
x2
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x19
โพสต์ 2025-6-2 18:21:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Example Box with Image and Text

ห้องทำงานไครอน

ตอนรับคำปรึกษา

ช่วงยามสายๆของตัวเด็กสาวก็เดินเข้ามาที่ห้องทำงานของไครอน แบบว่ามันก็....จะสว่างหน่อยนึงหนะ แล้วคือเธอก็คือง่วงนอนพอตัวเลยนะ

ในมือของลอร์ร่า มีม้วนกระดาษคำพยากรณ์เก่า ๆ มาที่ห้องทำงานของไครอน เธอหายใจลึก เดินไปยังอาคารไม้เก่าๆ ที่เป็นห้องทำงานของไครอนยังไงหละ

ลอร์ร่าเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงจากด้านในตอบกลับมา

เปิดเข้ามาได้เลย

ภายในห้องทำงานของไครอน ตอนนี้มีแสงสว่างลอดเข้าทางหน้าต่างบานเล็ก ส่องลงบนกองหนังสือเก่าที่วางซ้อนกันอย่างมีระเบียบ ข้างโต๊ะไม้เรียบๆ มีแผนที่กรีกโบราณติดผนัง และบนชั้น มีขวดหมึกและพู่กันปักไว้เต็ม

" สวัสดีค่ะ หนูเองค่ะ ลอร์ร่าเอง " เธอทักทายก่อนเสียเล็กน้อย พอเป็นพิธีอะไรงี้

ไครอนนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังจดอะไรบางอย่างลงสมุดเล่มใหญ่ พอเห็นลอร์ร่า เขาก็วางปากกาและยิ้มให้

ลอร์ร่า? มีอะไรรึเปล่าลูก?

เด็กสาวเดินเข้ามาแล้ววางม้วนคำพยากรณ์ลงบนโต๊ะ เธอไม่พูดอะไรก่อนในทันที แต่ดึงเก้าอี้ไม้เล็กๆ มานั่งตรงข้ามอย่างเงียบๆ

" คือหนูมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อยหนะคะ "

พอเขาเห็นสีหน้าเธอ เขาก็พูดขึ้นเบา ๆ

คำพยากรณ์ใช่ไหม?

ลอร์ร่าพยักหน้า ก่อนจะดันกระดาษให้เขาอย่างช้าๆ

หนูรู้ว่าอ่านแล้วมันเกี่ยวกับโพไซดอน แต่มันมากกว่านั้น หนูรู้สึกว่ามันซับซ้อนมากเลย… ”

ไครอนรับไปอย่างใจเย็น เขาคลี่กระดาษออก แล้วอ่านทีละบรรทัด ช้าๆ ชัดๆ เสียงในห้องเงียบลงจนได้ยินเสียงลมจากหน้าต่างที่ปะทะม่านผืนบาง เมื่อเขาอ่านจบ เขาก็วางมันลง แล้วถอนหายใจเบาๆ

ส่วนลอร์ร่าเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนพูดเบาๆ “ หนูอยากจะเลือกคนร่วมภารกิจให้ดีจริงๆ เพราะถ้าพลาด มันอาจเปลี่ยนผลทั้งหมด... ”

ไครอนพยักหน้า แล้วเขาก็พูดชัดๆ โดยไม่ลังเล “ มีหนึ่ง ไม่สิ กลุ่มหนึ่ง ที่ฉันขอให้เธอ...อย่าเอาไปด้วย ไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหน หรือเธอจะไว้ใจแค่ไหนก็ตาม

ลอร์ร่าเลิกคิ้วขึ้น “ ไม่เอาไปหรอคะ .... ใครคะ?

เหล่าบุตร ธิดาของโพไซดอน ” เขาพูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ห้องเงียบไปชั่วครู่ ลอร์ร่านั่งตัวตรง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

ทำไมล่ะคะ? เพราะเขาเกี่ยวข้องกับตรีศูลเหรอ? หรือมันมีอะไรหรอคะ

เพราะเขาอาจทำให้ทุกอย่าง ‘ เร็วเกินไป ” ไครอนตอบตรงๆ

เธอก็พยักหน้าช้า ๆ “ ค่ะ...หนูจะไม่พาลูกของโพไซดอนไปด้วย ” รับปากเขาเเบบไม่โต้เเย้งใดๆ แล้วไม่ถามอะไรต่อด้วย

ไครอนมองเธออย่างเงียบๆ ก่อนจะยิ้มจางๆ " ไปเถอะ ไปเตรียมตัวเถอะ

เเน่นอนว่าเขาบอกกับเธอเพราะว่าตอนนี้นั้น เธอจะต้องไปเตรียมตัวเเล้วนะ แบบว่ามันก็.... ถือได้ว่าเป็นการเดินทางไกลพอสมควร

เด็กสาวเองก็เดินออกไปเพื่อเตรียมตัวอย่างที่เขาบอกและก็หาสมาชิกเข้าร่วมด้วย แบบว่ารอบนี้เธอต้องปไกลถึงอินเดียเลยนะ เธอเองก็แบบว่ามันไกลมากเลยนะ เด็กสาวก็คือขยันเดินทางสุดๆไปเลยงานนี้

รอบก่อนพึ่งไปไหนมา แล้วก็คือ....รอบนี้มาอีกแล้ว เดินไปไหนมาไหนเเบบชอบไปไกลมากนะ



ขอคำปรึกษาไครอน เกี่ยวกับคำพยากรณ์
ภารกิจมหาภารตะ ศึกชิงตรีศูล


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15193 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-6-2 18:21
โพสต์ 15,193 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-6-2 18:21
โพสต์ 15,193 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก น้ำมันหอมอามูร์  โพสต์ 2025-6-2 18:21
โพสต์ 15,193 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เข็มกลัดไดโอนีซุส  โพสต์ 2025-6-2 18:21
โพสต์ 15,193 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2025-6-2 18:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
สื่อสารกับสัตว์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x4
x4
x12
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้