เจ้าของ: God

[ทางเข้าค่าย] ประตูค่าย

  [คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-7-1 23:05:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-10-27 11:04
Bright ตอบกลับเมื่อ 2024-6-30 18:05
#system01 {
    border: 2px solid #8BD2EC;
    border-radius: 30px;

187
หน่วยพยาบาลมาแล้ว!

               ขณะเดียวกัน…

               วันและเวลาที่การช่วยเหลือจากภายนอกมาถึง เสียงแตรเป่ารวมพลดังขึ้นในขณะที่ดีนและแมคเคนซีนกำลังเปื่อย ๆ กันอยู่ที่บ้านพัก จากนั้นก็มีเด็กจากบ้านเฮอร์มีสคนหนึ่งทำหน้าที่ม้าเร็วจากหน้าประตูค่ายคอยประกาศข่าวแก่ทุกคน

               “ขอกำลังเสริมที่หน้าประตูค่าย! เพอร์ซีย์และเทพโดลอสมาช่วยพวกเราแล้ว!”

               เด็กเฮอร์มีสคนนั้นวิ่งแจ้งข่าวด้วยการตะโกน เห็นแล้วเหนื่อยแทนจนคิดถึงอุปกรณ์ขยายเสียง แต่ดูเหมือนไมโครโฟนและลำโพงจะถูกเก็บอยู่ในห้องของคุณดีเสียหมดกระมัง

               “เทพโดลอสมาไงเนี่ย?”

               ดีนเลิกคิ้วฉงน เสียงแจ้งเตือนนั้นดึงดูดความสนใจจากเขาได้ดี ถ้าประกาศแบบนี้แปลว่าการต่อสู้ที่ด้านนอกต้องเป็นไปอย่างดุเดือดจนยากจะฝ่าเข้ามาช่วยเหลือแน่ ๆ

               “แมคซี่เราไปช่วยพวกที่หน้าประตูค่ายกันเถอะ ไปถล่มไอ้พวกยักษ์น้ำแข็งกัน”

               กล่าวจบดีนก็สวมชุดเกราะและอุปกรณ์กันหนาว หยิบหอกสัมฤทธิ์และโล่เตรียมพร้อมประจัญบาน

               @Mackenzie

               “ฉันว่าใช่ ศึกนี้น่าจะสุดท้ายแล้ว ถ้าจัดการยักษ์น้ำแข็งไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง”

               หากค่ายฮาล์ฟบลัดแตกคงไม่พ้นต้องไปผจญโชคหนีอสุรกายดุร้ายได้ที่ไหน หากไปขอลี้ภัยที่ค่ายจูปิเตอร์ทางฝั่งโรมันจะยินดีต้อนรับหรือเปล่า ไหน ๆ ก็เหมือนเป็นญาติพี่น้องแต่แค่เทพผู้ปกครองเป็นคนละองค์กันเหมือนกับอีกหน้าของเหรียญ

               กำลังจะเปิดประตูบ้านออกไปช่วยสู้จูลี่ก็ออกมาถามไถ่เรื่องและร้องขอเป็นผู้ติดตามในสงคราม ท่าทางเด็กคนนี้จะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แต่สถานการณ์หลาย ๆ อย่างไม่ค่อยสู้ดี ทั้งอันตรายจากศัตรูรวมถึงภัยอากาศหนาว

               “ข้างนอกมันหนาวมากนะหิมะยังตกอยู่เลย”

               แต่พูดก็พูดเถอะพลังของสายเลือดเฮคาทีที่เรียนเวทมนตร์มาแล้วโคตรจะเป็นประโยชน์ อย่างเวทไฟที่ไม่มีใครในค่ายนี้ใช้ได้ กระนั้นก็เป็นภาระร่างกายของเด็กตัวเล็ก ๆ มากเกินไป ดีนหันไปทางแมคเคนซีให้เขาตัดสินใจเอาเอง ยังไงจูลี่ก็เป็นน้องชายอีกฝ่าย ส่วนเขาเป็นเพียงพี่เข–.. หมายถึงเพื่อนของพี่ชาย ไม่ใช่ผู้ปกครองโดยตรง

               @Mackenzie

               “ไม่ต้องห่วงจูลี่ พี่ชายนายฉันดูแลดีแน่นอน เนอะ”

               เขาหันไปยิ้มกับแมคเคนซี่ก่อนจะผลักบานประตูออกไปรับกับลมหนาวที่ตีเข้าหน้า ดูเหมือนว่ายิ่งการศึกจะรุนแรงมากเท่าไรความหนาวจะยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้นเท่านั้น

               “โอ๊ย หนาวเป็นบ้า!” อยากจะปิดประตูแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มนุ่ม ๆ หน้าเตาผิง ทว่าหากว่าเขาไม่ช่วยสู้อาจจะไม่มีเตาให้ผิงไฟอีกตลอดกาล “ปะ แมคซี่”

               ดีนเดินนำหน้าไปยังหน้าประตูค่าย ตอนนี้สถานการณ์เรียกว่าโกลาหลก็ว่าได้ เด็ก ๆ ในค่ายฮาล์ฟบลัดต่างทิ้งภาระหน้าที่ของตัวเอง หยิบอาวุธและสวมเกราะเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งเดียวเพื่อต้อนรับวีรบุรุษและเทพจอมหลอกลวงให้เข้ามาถึงค่ายโดยปลอดภัยไม่เว้นแม้แต่รีชา น้องสาวตัวเล็กที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้พบเธอ เกราะสัมฤทธิ์ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับเด็กหญิงวัยสิบสองขวบที่ตัวเล็กกว่าเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน

               “รีช เธอก็มาด้วยเหรอ?”

               ดีนเบิกตาโตเมื่อเห็นน้องสาวเตรียมไปสู้ คงคล้ายกับความรู้สึกของแมคเคนซีเมื่อครู่นี้ รีชาเธอเด็กเกินไปสำหรับสงคราม แม้ว่าเธอจะสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าจูลี่ก็ตามที

               “ค่ะ หนูพร้อม!” เด็กหญิงกล่าวอย่างฮึกเหิมไปพร้อมกับที่ดันหมวกเกราะไซส์ใหญ่ไม่ให้บังดวงตาจนเขาต้องเข้าไปจัดระเบียบให้

               “จะบ้าเหรอ เธอเด็กเกินไปที่จะต่อสู้นะ” เขาตำหนิ

               “แต่ว่าเลย์ลิน กับเลย์ลายังสู้ได้เลย”

               รีชาเถียงด้วยสีหน้าจริงจัง มันก็ถูกอย่างที่น้องสาวพูด เด็กแฝดบ้านเฮอร์มีสเป็นอีกคู่ที่มาช่วยพวกเขาสู้ที่ชายหาด พวกเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุสิบสองเหมือนกันกับรีชาแต่ก็ต่อสู้เข้าขากันได้ดี

               “แต่นั่น” ดีนกำลังจะอ้าปากแต่ก็ถูกน้องสาวเอาเหตุผลมาแย้งอีกรอบ

               “พี่ไพเพอร์บอกว่าหนูสู้ได้แล้ว”

               แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับไพเพอร์ แม็กลีน? แน่นอนว่าเกี่ยวนิดหน่อย รีชาเคยเรียนคลาสมีดสั้นกับรุ่นพี่สายเลือดอะโฟร์ไดท์มาคลาสหรือสองคลาสก่อนหน้าที่ดีนจะไปทำภารกิจทวงคืนตรีศูลและคงเรียนจนจบแล้วในช่วงที่เขาไม่อยู่ค่าย ขนาดตอนที่ดีนกลับมายังประหลาดใจที่น้องสาวจู่ ๆ ก็มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด

               “แต่ว่าฉันต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอนะ”

               “หนูอยู่แนวหลังได้ค่ะ หนูปามีดแม่นมากนะคะบอกเลย” ทว่ารีชายังยืนกรานจะไปสู้ให้ได้แถมยังยืดอกภูมิใจหนักหนาอย่างดื้อดึง

               นี่ล่ะนะสายเลือดโพไซดอน ยามปกติคล้อยตามดุจสายน้ำแต่บทจะดื้อก็พร้อมเป็นทะเลเชี่ยวกราดไม่ฟังใคร โอ๊ยยย หัวจะปวด!

               @Mackenzie

               “ฉันก็ไม่อยาก”

               เขาหันไปตอบแมคเคนซีแล้วกลับมาเผชิญหน้ากับน้องสาวตัวน้อยที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนลูกหมาค็อกเกอร์ สแปเนียลหงุง ๆ เพราะเพื่อนพี่ชายก็ไม่สนับสนุนเธอ สีหน้านั้นทำเอาคนที่ไม่เด็ดขาดแบบดีนใจอ่อนขึ้นมานิดนึง

               “โธ่เอ๊ย ยังไงก็จะไปสู้ให้ได้ใช่ไหม ถ้าจะไปต้องหลบอยู่หลังพี่ตลอดนะ ห้ามออกไปซ่าเองล่ะรู้ไหม”

             “เย้! ขอบคุณนะคะพี่ดีน” รีชากระโดดหยอง ๆ เมื่อได้รับอนุญาต ราวกับว่าเด็กคนนี้ไม่รู้ว่าความอันตรายคืออะไรและเรื่องที่กำลังจะเผชิญเป็นเรื่องน่าสนุก
               
               “คิดดีแล้วรึเปล่าฟะ..” เขาพึมพำพลางกุมขมับ ถ้าหากระวังตัวดี ๆ คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง ยังพยายามมองโลกในแง่ดีได้นิดนึง “ถ้าออกไปจากเขตข้างหน้านี้จะอันตรายแล้วนะ ระวังตัวกันให้ดี ๆ ล่ะ”

               ชายหนุ่มสายเลือดโพไซดอนกล่าวกับทั้งสองคนจากนั้นเขาก็เดินนำออกไปที่หน้าค่ายด้วยความระมัดระวัง เขาเห็นร่องรอยการต่อสู้ เด็กบางคนบาดเจ็บหนักจากการถูกน้ำแข็งกัดไปทั้งตัว

               “อ๊ะ หนูมีอาหารเทพมาด้วย”

               รีชารีบวิ่งไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ถูกรับรองแต่ใจกล้าออกมาสู้กับยักษ์น้ำแข็ง เธอได้มอบอาหารเทพให้แก่เขา ดีนจึงได้โอกาสนี้ที่จะให้น้องสาวไม่ออกไปสู้สนามรบ

               “รีช แถวนี้มีคนเจ็บเยอะ เธอช่วยปฐมพยาบาลพวกเขาทีนะ”

               “เอ๋!?” เด็กหญิงอุทานร้องออกมา แต่พอเธอเห็นว่าคนเจ็บตรงหน้าร้องโอดโอยก็เกิดอาการล่ก “กะ.. ก็ได้ หนูช่วยดูแลเขาก่อนก็ได้”

               เป็นไปตามแผน แม้จุดนี้จะยังไม่ถือว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นแต่ที่แน่ ๆ คือปลอดภัยกว่าจุดรบอย่างแน่นอน

               “ฝากด้วยนะรีช ชีวิตของเพื่อนที่เจ็บทุกคนอยู่ในมือเธอ!” ดีนพูดปลุกใจให้น้องสาวฮึกเหิม ก่อนจะหันไปหาแมคเคนซีที่ฝีมือการต่อสู้อาจพอ ๆ กับรีชา ซึ่งเขาค่อนข้างเป็นห่วงนิดหน่อยแม้ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บก็ตาม “แล้วนายว่าไงดีแมคซี่ นายจะไปกับฉันไหม หรือว่าจะอยู่กับรีชที่นี่”  

               @Mackenzie

               ดีนหันไปมองเหล่าสต๊าฟจากสถานพยาบาลที่รั้งเรียกพวกเขาไว้

               “สถานการณ์คลี่คลายแล้วเหรอ งี้ก็ไม่ต้องสู้แล้วสิ?”

               ดีนไหวไหล่ บอกเลยว่าเข้าทาง เขาไม่ได้อยากต่อสู้อยู่แล้ว ให้ช่วยงานอย่างการปฐมพยาบาลคนเจ็บบริเวณนี้ดีกว่าเยอะ ขอแค่อย่ามีใครบาดเจ็บระดับเลือดท่วมก็พอ เดี๋ยวเป็นลม…

               “ได้สิ เราช่วยคนเจ็บกันแทนไหมแมคซี่”

               ยิ่งถ้าสต๊าฟเห็นว่าสายเลือดโพไซดอนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องสู้แล้วแปลว่าไม่จำเป็นจริง ๆ

               @Mackenzie

               “เชื่อมือฉันได้เลย!”

               ดีนยกนิ้วโป้งให้กับแมคเคนซีพร้อมกับรอยยิ้มแฉ่ง เมื่อก่อนเขาเจ็บตัวบ่อยจนเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำแผลได้เลย แม้ตอนนี้เวลาเจ็บตัวจะใช้การกระโดดบ่อน้ำธรรมชาติแทนก็เถอะ

               “เฮ้! แถวนี้มีใครต้องการความช่วยเหลือบ้างไหม!”

               เขาป้องปากตะโกนถามก่อนจะได้ยินเสียงขานตอบมาจากทิศทางสิบนาฬิกาที่อยู่ห่างไปไกลไม่กี่สิบฟุต เขาจึงสะกิดสหายหน่วยพยาบาลจำเป็นไปที่คนเจ็บคือสาวน้อย (?) ผมชมพูจากบ้านเฮอร์มาโฟรไดตัส

               “บาดเจ็บตรงไหนบ้าง?” เขาถามขณะมองสำรวจบาดแผลของอีกฝ่าย เท่าที่ดูเธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง มีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยกับข้อเท้าบวมเป่ง รอดไปไม่มีเลือด…

               “ที่ขาค่ะ เหมือนว่าข้อเท้าจะพลิก” การ์เซียตอบ

               @Mackenzie

               “ขอดูก่อนนะ” เขาบอกทั้งแมคเคนซีและการ์เซียในคราวเดียวกัน “อาจจะเจ็บนิดนึง”

               ดีนถอดรองเท้าบูทของเด็กสาวคนนี้ออก ใส่ส้นสูงออกมาสู้จะไม่ให้เท้าพลิกคงมีแต่ตัวละครในเกมหรือไม่ก็สาว ๆ จากหนังจูราสิกเวิร์ล– เขาค่อย ๆ จับข้อเท้าของเธอขึ้นมาดูจากอาการบวมในระดับนี้น่าจะแค่ข้อเท้าพลิกธรรมดาไม่ถึงขั้นเส้นเอ็นฉีกขาดหรือกระดูกแตกร้าว

               “อูย.. ไม่น่าออกมาถ่ายรูปใกล้ไปเลย”

               การ์เซียนิ่วหน้าพึมพำ เธอไม่ได้ออกมาสู้รบเหมือนคนอื่นแต่ออกมาถ่ายรูปทำหน้าที่เหมือนนักข่าวสงครามต่างหาก ซึ่งคำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วพร้อมกับส่งเสียง “หืม” ออกมา จะว่าไปรอบตัวเธอไม่มีอาวุธและชุดเกราะ จะมีก็เพียงแต่กล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่

               “น่าจะไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ต้องประคบเย็นก่อน” โชคดีที่แถวนี้เต็มไปด้วยหิมะ เขาเลยโกยหิมะใส่ฝ่ามือแล้วนำมาโปะที่ข้อเท้าของหญิงสาว “ประคบเย็นไปก่อนสักสิบนาทีแล้วจากนั้นก็พันผ้าก็อซประคองที่ปวดเอาไว้ ถ้าไม่แน่ใจอยากเช็คอาการเดี๋ยวไปเอ็กซเรย์ที่สถานพยาบาลก็ได้ ตอนนี้ให้ประคบเย็นไปก่อน”

               “โอเคค่ะ”

               “งั้นเธอรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพวกฉันขอไปดูคนเจ็บคนอื่นต่อ” เขาพูดกับการ์เซียก่อนจะหันไปทางแมคเคนซี “ตรงนี้น่าจะยังไม่ต้องทำแผล เราไปดูคนอื่นกันก่อนแมคซี”

               @Mackenzie

               “ถ้าไม่ถึงกับกระดูกหักก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนก็ได้” เขาบอกกับแมคเคนซีก่อนจะมาดูที่เหยื่อ–... หมายถึงผู้บาดเจ็บอย่างอเล็กเซย์ที่ถูกหมาป่าน้ำแข็งกัด “กระดูกน่าจะไม่หักแต่มีแผลน้ำแข็งกัดด้วย”

               ดีนกุมคางคิด เขาไม่เคยทำแผลถูกน้ำแข็งกัดเพราะงั้นต้องนึกหน่อยว่าควรทำยังไง อาการหิมะกัดคือการที่น้ำแข็งเข้าไปแทรกอยู่ในเซลล์จนทำลายเนื้อเยื่อบางส่วนไป ซึ่งจะต้องตัดเอาบาดแผลบางส่วนที่ถูกหิมะกัดออกเพื่อรักษาอวัยวะส่วนอื่นไม่ให้อาการลุกลามไม่งั้นคงต้องตัดแขนหรือขาแน่ ๆ

               เรียกว่าบาดแผลดูไม่ใหญ่แต่เป็นอันตรายมากกว่าที่คิดไว้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือห้ามเลือด พันแผล และพาอีกฝ่ายเข้าไปสู่ที่อบอุ่นโดยเร็วที่สุด

               จู่ ๆ ดีนก็ยิ้มให้หนุ่มบ้านซุสด้วยรอยยิ้มปลอบประโลมทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบมานานจนคนเห็นใจไม่ดี

               “ไหงจู่ ๆ นายยิ้มแบบนั้น ฉันจะไม่เป็นไรใช่ไหม” อเล็กเซย์ทำหน้าหวาด ๆ

               “โอ้ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่าพวกเราจะปฐมพยาบาลขั้นต้นให้ แต่ว่านายมีแผลน้ำแข็งกัดเลยต้องรีบพาไปส่งห้องพยาบาล..” ดีนกล่าวออกมาราวกับมีคำพูดจะเอ่ยต่อแต่เขาละประโยคว่า ‘ก่อนจะถูกตัดขา’ เอาไว้ “แมคซี่ เราต้องล้างแผลให้เขาก่อนแล้วใส่ยา เอาน้ำเกลือออกมาหน่อย เดี๋ยวฉันจะเตรียมยากับผ้าก็อซให้”

               @Mackenzie

               “น่าจะโคม่าไม่พอ ถ้าอยากใช้น้ำทิพย์คงต้องเอาดาบจิ้มสักทีนึง”

               “พวกนายอย่าทำแบบนั้นนะเว้ย!” อเล็กเซย์โวยวาย การใช้น้ำทิพย์รักษาบาดแผลได้ง่ายกว่าจริง ๆ แต่ถ้าต้องแลกมากับการเอามีดเสียบท้องจนอยู่ในอาการโคม่าล่ะก็ขอผ่านดีกว่า ดีไม่ได้สายฟ้าจะฟาดตู้มลงหัวทั้งสองเอาจากพลังติดตัวของสายเลือดของเทพแห่งท้องนภา

               “ล้อเล่นน่า ไม่เห็นต้องร้องเลย” ดีนหัวเราะปร๋อก่อนจะตอบแมคเคนซีเรื่องเรียกหน่วยพยาบาลมา “ก็ดีนะแมคซี่ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ยังไม่ได้พันข้อเท้าด้วย ถึงจะไม่ได้บาดเจ็บมากแต่คงเดินกลับไปเองไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาเลยสองเปล”

               กล่าวจบก็จัดการล้างแผลที่ถูกสุนัขน้ำแข็งกัดด้วยน้ำเกลือก่อนจะซับให้แห้ง ความแห้งและความร้อนคือสิ่งสำคัญของเคสนี้มากที่สุด จากนั้นจึงทายาฆ่าเชื้อแล้วพันแผลให้กับอีกฝ่ายอย่างมือโปร

               @Mackenzie

               “บ้าเหรอ ใครจะไปทำ ฉันไม่มีดาบสักหน่อย” เกือบดีแล้วแต่ก็ยังพูดเล่นไม่หยุด

               หลังทำแผลให้อเล็กเซย์เสร็จแล้วเขาก็ขอไปดูอาการของการ์เซียสักหน่อย ตอนนี้น่าจะเกือบ ๆ ครบสิบนาทีตามที่บอกไว้แล้วมั้ง จากนั้นก็พันข้อเท้าเพื่อค้ำประคองให้แก่เธอ และเมื่อแมคเคนซีกลับมาพร้อมกับหน่วยเปลพยาบาลดีนจึงพานำไปทางบุตรแห่งซุสต่อ

               “เนื้อน่าจะยังไม่ตายถ้าเฉือน– หมายถึง ถ้าที่ห้องพยาบาลรักษากันต่อได้ทันครับ”

               ดีนรายงานอาการเบื้องต้นให้หน่วยแพทย์ฟัง แต่เขาแอบเห็นคนเจ็บหน้าถอดสีเมื่อได้ยินว่าดีนหลุดคำว่า ‘เฉือน’ ออกมา แต่แค่เฉือนเนื้อส่วนนั้นทิ้งนิดหน่อยไม่ได้โคม่าจนต้องใช้น้ำทิพย์รักษาบาดแผลหรอก

               คนเจ็บในการดูแลถูกพาตัวเข้าไปในค่ายแล้วแต่ตรงนี้ก็ยังมีเด็กคนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บอยู่อีกแต่ไม่ได้เป็นบาดแผลที่หนักเกินเยียวยา

               ในระหว่างที่กำลังทำแผลถลอกที่เข่าของแซเธอร์คนหนึ่งดีนก็รู้สึกว่าอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมา คิดไปเองหรือเปล่านะ หรือเพราะว่าเขามัวแต่วิ่งวุ่นจนเกินไป แต่คงใช้คำว่าคิดไปเองไม่ได้เพราะหิมะบนพื้นค่อย ๆ ละลายทำเอาเฉอะแฉะไปหมด แล้วเขาก็ร้อนจนต้องรีบถอดโค้ทออก

               ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูร้อนที่แท้จริง

               “ยีเมียร์ถูกกำจัดไปแล้วสินะ โล่งอกไปที เฮ้อ”

               @Mackenzie

+1 ตื่นรู้ทุกคนที่กำจัดอสุรกายได้เป็นเคสพิเศษจากการต่อสู้กับกองทัพ
(ครั้งก่อนนับไหม?)
--------------------------------
- สรุป -
ช่วยพยาบาลการ์เซียข้อเท้าพลิก และอเล็กเซย์สุนัขป่าน้ำแข็งกัด

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-7-2 21:47
21. First Aid TeamM [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] พอเห็นท่าทีกระตือรือร้นของดีน จะให้เขามัวแต่เอื่อยเฉื่อยก็คงไม่ได้  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-1 23:35
โพสต์ 43,373 ไบต์และได้รับ +8 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมน้ำ  โพสต์ 2024-7-1 23:05
โพสต์ 43,373 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-7-1 23:05
โพสต์ 43,373 ไบต์และได้รับ +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ทักษะหอก  โพสต์ 2024-7-1 23:05

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-7-1 23:35:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-1 23:05
187หน่วยพยาบาลมาแล้ว!
               ขณะเดียวกัน…

21. First Aid Team
M


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอเห็นท่าทีกระตือรือร้นของดีน จะให้เขามัวแต่เอื่อยเฉื่อยก็คงไม่ได้ แมคเคนซีจึงไปสวมชุดเกราะพร้อมกับหยิบโล่กับดาบสัมฤทธิ์ประจำตัวมาเตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน

“แบบนี้แปลว่าสงครามใกล้จบแล้วหรือเปล่า”

ถึงจะมีเพอร์ซีย์และเทพโดลอสมาช่วยทำสงคราม แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังพลของทั้งสองฝ่ายใครเป็นรองกว่ากัน ไม่แน่ว่ามันอาจจะยืดเยื้อกว่าที่คิดก็ได้

เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นจูลี่ยืนอยู่ตรงหน้าโถงกว้าง พอเด็กชายเห็นพวกเขาในชุดพร้อมรบก็รีบวิ่งมาหา

“พวกพี่กำลังจะไปช่วยพวกเพอร์ซีย์กับเทพโดลอสที่หน้าประตูค่ายเหรอฮะ ผมไปช่วยด้วยได้ไหม”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีมองสบตาสีเปลือกไม้ของดีนตอบ เขารู้ว่าจูลี่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งที่สุดในบ้านเฮคาทีตอนนี้ แต่สภาพร่างกายของเด็กชายยังไม่แข็งแรงพอ ตั้งแต่ที่อากาศหนาวเพราะพวกอสุรกายสมุนยีเมียร์มาล้อมค่าย จูลี่ก็เริ่มเป็นหวัดและมีไข้มาตลอด ชาร์ล็อตเองก็ออกไปทำภารกิจก่อนหน้าที่อากาศหนาวจะมาเยือนได้ไม่นาน ที่ผ่านมาแมคเคนซีจึงต้องคอยดูแลจูลี่แทนไปก่อน ยังดีที่ช่วงนี้ดีนมาอยู่ด้วย เลยมีคนช่วยดูแลเด็กชาย ซึ่งตอนนี้จูลี่ก็อาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ถ้าหากออกไปสู้รบและเจอสภาพอากาศในตอนนี้เข้า เขาเกรงว่าเด็กชายจะกลับมาป่วยอีก

“อย่างที่ดีนบอก อย่าเพิ่งไปเลยดีกว่า ถ้านายเกิดอาการทรุดอีกจะแย่เอา”

แมคเคนซีวางมือลงบนเส้นมสีบรอนซ์ทองอ่อนนุ่มอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำนัก ถึงยังไงจูลี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของเขา หากเขาพาจูลี่ออกไปด้วยแล้วเกิดอันตรายกับอีกฝ่ายขึ้น เขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

“แต่ว่าผม…เข้าใจแล้วฮะ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากพวกพี่ ๆ นะ พี่ดีน ผมฝากดูแลพี่แมคด้วยนะฮะ”

ถึงจะมีสีหน้าผิดหวังในตอนแรก แต่จูลี่ก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี และดูท่าคงจะเป็นห่วงพี่ชายที่ไม่เอาอ่าวใช้อาวุธก็ยังไม่คล่อง แถมยังใช้เวทมนตร์ไม่ได้อย่างแมคเคนซี ถึงได้ฝากฝังให้บุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนอย่างดีนคอยช่วยดูแล

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซียิ้มตอบกลับดีนไปเล็กน้อย ใช่…เขาเชื่อใจดีนว่าจะดูแลเขาได้ จากการที่ไปทำภารกิจและร่วมต่อสู้ด้วยกันมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถจริง ๆ แต่ก็อย่างว่า หากถึงเวลาสู้ก็ต้อสู้ ทุกคนต้องรักษาชีวิตตนเองไว้ ดีนเองก็เช่นกัน เพราะอย่างนั้นเขาจะคอยมาเป็นภาระให้อีกฝ่ายไม่ได้

หลังจากรับปากกับจูลี่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลตัวเองกันดี ๆ แล้ว แมคเคนซีก็ออกจากบ้านตามดีนไปอากาศภายนอกอย่างกับอยู่ในขั้วโลกเหนือ ขนาดเขาเองยังแทบทนไม่ไหว คิดถูกแล้วจริง ๆ ที่ไม่ให้จูลี่มาด้วยเมื่อเดินมาจนเกือบถึงประตูค่ายก็พบกับรีชา เด็กหญิงจากบ้านโพไซดอน หรือก็คือน้องสาวดีนที่ไม่ได้เจอกันนาน ขนาดตัวเล็กแค่นี้ก็ยังจะออกไปสู้รบอีก บอกตรง ๆ ว่าแมคเคนซีไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ดูจากที่พี่น้องเถียงกันแล้ว ยังไงรีชาก็คงจะไม่ยอมอยู่ในค่ายเฉย ๆ แน่ ๆ เขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมพอที่จะห้ามปรามได้ เลยไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

“นายจะปล่อยให้รีชออกไปสู้รบด้วยจริง ๆ น่ะเหรอ”

เขาหันมาถามดีนด้วยความเป็นห่วง

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

สุดท้ายดีนก็ตามใจรีชาจนได้ เห็นแบบนั้นแมคเคนซีจึงไม่ได้ขัดอะไร ก็คงมีแต่ต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยเท่านั้นจนเมื่อเดินออกมาบริเวณหน้าค่ายแล้วดีนหันมาเตือน เขาจึงพยักหน้ารับแล้วไปต่อ ระหว่างทางก็เห็นเดมิก็อดบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ และดูเหมือนดีนจะหาวิธีรั้งไม่ให้รีชาไปสู้รบด้วยการให้เด็กหญิงช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บที่ตรงนี้ ซึ่งเขาก็คิดว่าเป็นแผนที่แยบยลดี

“เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้วก็ต้องไปด้วยกันสิ”

แมคเคนซียังยืนยันที่จะไปกับดีนอยู่ ต่อให้จะต้องไปเจอกับยักษ์น้ำแข็งเป็นกองทัพหรือสุนัขป่าน้ำแข็งเป็นฝูงเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปสู้รบคนเดียวแน่

“นี่ ! พวกนายตรงนั้นน่ะ อย่าเพิ่งไป !”

เสียงตะโกนที่ดังมาจากในค่ายทำให้แมคเคนซีหันไปมอง แล้วก็เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่สวมชุดของสถานพยาบาลประจำค่ายกำลังพากันมาทางนี้

“กำลังจะไปช่วยสู้รบกันเหรอ พวกเราได้ยินมาว่าสถานการณ์ทางนั้นเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่จำนวนคนเจ็บมีค่อนข้างมาก จำนวนคนที่สถานพยาบาลน่าจะไม่พอ พวกนายช่วยเราดูแลคนเจ็บแทนได้หรือเปล่า”

หนึ่งในเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลพูดขึ้นมา แมคเคนซีจึงหันไปมองดีนอย่างถามความเห็น

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อืม…ก็ได้อยู่หรอก”

แมคเคนซีพยักหน้ารับน้อย ๆ ถึงจะสวมเกราะกับถืออาวุธมาเก้อ แต่การช่วยคนเจ็บก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

“เยี่ยมเลย งั้นพวกนายเอากล่องปฐมพยาบาลไว้ คอยทำแผลเบื้องต้นให้คนที่นี่ พวกเราจะพาคนเจ็บหนักไปสถานพยาบาลก่อน แล้วจะกลับมาช่วย ฝากด้วยล่ะ”

กล่องปฐมพยาบาลถูกยื่นใส่มือข้างที่ว่างจากการถือดาบ แมคเคนซีก้มลงมองปริบ ๆ บอกตรง ๆ เขาเองไม่ได้รู้ขั้นตอนการปฐมพยาบาลแบบแม่นยำตามหลักวิชาการขนาดนั้น แถมยังเปิดมือถือถามกูเกิ้ลไม่ได้ซะด้วย แต่ดีนน่าจะรู้ล่ะมั้ง

“เอ่อ…ฉันยังปฐมพยาบาลได้ไม่แม่นเหมือนเดิม นายพอจะช่วยแนะนำได้ไหม”

เขาหันมาถามดีนที่ตอนนี้กลายมาเป็นหน่วยพยาบาลจำเป็นอีกคน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีนั่งลงตรงด้านข้างดีน เปิดกล่องปฐมพยาบาลเตรียมพร้อมเพื่อให้อีกฝ่ายหยิบอุปกรณ์ทำแผลได้สะดวกขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนเจ็บใกล้ ๆ แล้วก็ค้างไปเล็กน้อย

‘อื้อหือ…ขนาดสาวน้อยน่ารักขนาดนี้ยังออกมาสู้รบด้วย’

เดี๋ยวก่อน…นี่ไม่ใช่เวลามามองสาวนี่นา แมคเคนซีส่ายศีรษะไปมา แล้วถามผู้ชำนาญในด้านการทำแผลอย่างดีนต่อ

“ต้องใช้อะไรบ้าง ยาทาไหม หรือผ้ายืดพันแผล”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ให้ตายสิ ออกมาถ่ายรูปงั้นเหรอ เธอน่าจะระวังตัวหน่อยนะ ตรงนี้มันอันตรายไม่รู้หรือไง”

ขณะดูดีนปฐมพยาบาล แมคเคนซีก็บ่นไปด้วย มาจากบ้านไหนไม่รู้ล่ะ แต่ถ้าประมาทแบบนี้ก็ต้องดุกันสักหน่อย

“ขอโทษค่า ฉันจะระวังนะคะ ขอบคุณที่ช่วยทำแผลให้มากเลย”

ถึงจะบอกว่าขอโทษ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้เดาได้ไม่ยากว่าถ้าอาการบาดเจ็บที่ขาหายแล้ว เธอก็คงออกมาถ่ายรูปโดยไม่กลัวอันตรายอีก หลังจากปฐมพยาบาลให้ญิงสาวเสร็จ พวกเขาก็ไปเดินหาผู้บาดเจ็บแถว ๆนั้นต่อ เดินไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยดังมาจากที่ใกล้ ๆ ทั้งคู่จึงเดินตามเสียงนั้นไป

“อเล็กเซย์…ทำไมสภาพนายเป็นแบบนั้น”

เมื่อเห็นว่าเป็นใคร แมคเคนซีก็อดแปลกใจไม่ได้ อเล็กเซย์ เดอ ลีออง บุตรแห่งบ้านมหาเทพซุสที่เขาเคยเจอตอนไปเข้าคลาสเรียนโล่กับดาบ ที่จริงฝีมือของอีกฝ่ายจัดว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งหมดสภาพแบบนี้นะ

“แมคเคนซี อา…พอดีฉันพลาดท่าให้พวกเจ้าหมาน้ำแข็งนิดหน่อย เลยโดนมันงับเอา”

อเล็กเซย์ที่แขนและขามีรอยฟันของสุนัขป่าน้ำแข็งกัดจนเลือดอาบอย่างละข้างยิ้มเจื่อนให้ แต่แถวนี้ก็ไม่เห็นร่องรอยของสุนัขป่าน้ำแข็งสักตัว หากอีกฝ่ายไม่หนีมาได้ก็คงจัดการมันไปเรียบร้อยแล้ว

“นายอย่าเพิ่งขยับตัวนะ แผลใหญ่ขนาดนี้ต้องไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลไหม”

แมคเคนซีรีบบอกอเล็กเซย์ก่อนจะหันมาถามดีน อีกฝ่ายเคยเล่าว่าก่อนจะมาค่ายโดนพวกอสุรกายตามล่าและทำร้ายบ่อยจนได้แผล คงจะรู้วิธีปฐมพยาบาลแน่ ๆ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“น้ำเกลือ…”

แมคเคนซีรีบเปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วหยิบขวดน้ำเกลือส่งให้ ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่พอมาเห็นอีกฝ่ายในสภาพแบบนี้ก็อดใจหายไม่ได้ ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก

“แผลแบบนี้ใช้น้ำทิพย์รักษาไม่ได้เหรอ”

อยู่ ๆ ก็นึกถึงน้ำทิพย์ที่ดีนเคยบรรยายสรรพคุณให้ฟังว่าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงได้ ว่าแต่แผลแบบนี้ถือว่าร้ายแรงไหมนะ

“ระหว่างที่นายทำแผล จะให้ฉันไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลให้ไหม”

หากเขารีบไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลตอนนี้ก็อาจจะมาถึงตอนที่ดีนทำแผลเสร็จพอดี แล้วก็จะได้เคลื่อนย้ายอเล็กเซย์ไปยังสถานพยาบาลทันทีแบบไม่เสียเวลา

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

‘ยังจะมีอารมณ์พูดเล่นอีก’

ถึงจะเคยชินกับนิสัยดีนแล้วแต่ก็อดแอบมองแบบเอือม ๆ ไม่ได้ แต่พอได้ยินดีนบอกแบบนั้นก็รีบวางกล่องปฐมพยาบาลลงแล้วลุกขึ้น

“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันมา นายห้ามเอาดาบจิ้มพุงอเล็กเซย์นะ”

กำชับเสร็จสรรพแล้วก็รีบวิ่งกลับค่ายไป ใช้เวลาสักพักแมคเคนซีก็กลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลที่มาพร้อมกับเปลหามผู้ป่วย

“ผู้หญิงที่ข้อเท้าพลิกตรงนั้นคนนึง แล้วก็ตรงนี้ครับ”

เขาชี้ไปยังจุดที่หญิงสาวที่พวกเขาเพิ่งเจอเมื่อครู่ก่อนจะนำเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลที่เหลือมาทางดีนกับอเล็กเซย์

“ปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้วใช่ไหม คงยังไม่ถูกหิมะกัดจนถึงขั้นเนื้อตายนะ”

หนึ่งในเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลถามขึ้นมา ได้ยินแบบนั้นแมคเคนซีก็ถึงกับตาโต ไหนดีนบอกว่าไม่เป็นไรมากไง พอเหลือบมองไปที่อเล็กเซย์ อีกฝ่ายก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังจากคนเจ็บทั้งคู่ที่ได้รับการปฐมพยาบาลถูกพาขึ้นเปลหามกลับไปค่ายแล้ว พวกเขาก็ไปปฐมพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บคนอื่นต่อ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือดีนแป็นคนปฐมพยาบาล ส่วนแมคเคนซีก็รับบทเป็นผู้ช่วยคอยส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ จนกระทั่งอากาศรอบตัวเริ่มอุ่นขึ้น เขาคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหม แม้แต่ดีนเองก็ยังถอดเสื้อโค้ท รวมถึงผู้คนในบริเวณนั้นก็มีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ที่ว่าสถานการณ์สู้รบที่หน้าประตูค่ายคลี่คลายแล้วคงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อีกไม่นานภายในค่ายก็คงจะกลับมาเป็นปกติ

ทั้งดีนและแมคเคนซีช่วยกันปฐมพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บบริเวณนั้นกระทั่งกลุ่มเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลมากันมากขึ้น พวกเขาจึงพากันปลีกตัวออกมาและกลับไปที่ค่าย



รางวัลแก่ผู้เข้าร่วม  : +2 Level up
ตื่นรู้  :  +1 (ทุกคนที่กำจัดอสุรกายได้ เป็นเคสพิเศษ
จากการต่อสู้กับกองทัพ)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 200 EXP โพสต์ 2024-7-2 21:38
โพสต์ 32517 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-1 23:35
โพสต์ 32,517 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-1 23:35
โพสต์ 32,517 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-7-1 23:35
โพสต์ 32,517 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-7-1 23:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-7-21 13:24:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด






อลาสเตอร์ลงจากรถอูเบอร์ หยิบยื่นธนบัตรสกุลดอลล่าร์สหรัฐตามจำนวนค่าโดยขาดที่คิดตามระยะทางระหว่าง นครนิวยอร์ก-ไชน่าทาวน์ ถึง ลองไอส์แลนด์ถนนฟาร์มโรด 3.141


เป็นการเดินทางระยะสั้น ๆ 


แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน ตลอดเส้นทางด้านหน้าปกคลุมต้นไม้ขนาดใหญ่ เขตป่าสนทั้งแถบ ไออุ่น ๆ กระแสความร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนประจำปี เขาไม่ได้มีความตั้งใจจะมาเดินป่า กางเต็นท์ตั้งแคมป์ปิ้ง อลาสเตอร์ต้องการหาคำตอบกับสิ่งที่เขาเผชิญด้วยตัวเองคนเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฝันร้ายที่กัดกร่อนกลืนกินจิตใจจนป่วยจิต 


ขายาวก้าวเหยียบย่ำผ่านพงไพร เข้ามาลึกเรื่อย ๆ 


‘อัล’


‘ทางนี้’


เสียงเพรียกกระซิบสัมผัสเบา ๆ ข้างกกหู เขารู้สึกถึงบางอย่าง… เสียงที่มิอาจลืมเลือนลงได้ พี่ชายฝาแฝดของอลาสเตอร์


ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจะต้องหูฝาดแน่ ๆ ไม่มีทางเป็นไซลัสหรอก 


ทัศนะจิตใจอันบิดเบี้ยวหยั่งลึกสรรพสิ่งรอบตัว ความคิดแตกแขนงออกเป็นสองฝ่าย เขาอยากสนองอัตตาตัวตนของตัวเองแต่ก็รู้ดีว่า มันเป็นหนึ่งในอาการเพ้อฝัน


อารยธรรมเก่าแก่สถาปัตยกรรมกรีกโบราณ อลาสเตอร์รู้สึกทึ่งราวแดนลับแลซ่อนเร้น เขตแดนป่าสนอันกว้างใหญ่ กลับซ่อนสถานที่เช่นนี้ไว้ 


“ดูนั่นสิมีคนมาใหม่เพิ่มอีกแล้ว” 


กลุ่มเด็กสาวที่ยืนเล่นใกล้ซุ้มประตูเอ่ย ความสูงของวัยรุ่นไม่ถึงเอวอลาสเตอร์ด้วยซ้ำ หากประเมินด้วยสายตาคงราว ๆ 12-13 ปี


“ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดนะคะ พี่ชาย”









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10530 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-21 13:24
โพสต์ 10,530 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-7-21 13:24
โพสต์ 10,530 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-21 13:24
โพสต์ 10,530 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-7-21 13:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ความอดกลั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โพสต์ 2024-7-21 15:31:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nanette Leblanc
ประตูค่าย

เสียงใสฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ขณะลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนออกมายังหน้าประตูค่าย นาแนตต์ใช้เวลาจัดกระเป๋าอยู่ซักพัก หยิบนั้นหยิบนี่ลงกระเป๋า อันนู้นก็จำเป็น อันนี้ก็ต้องเอาไป จนเกือบจะปิดกระเป๋าไม่ได้ คนตัวเล็กยกกระเป๋าอย่างทุลักทุเลขณะเดินผ่านซุ้มประตูหินอ่อนออกมา


“เฮ้ เธอจะไปไหนน่ะ”


เสียงอันคุ้นเคยทำให้เด็กสาวหยุดฝีเท้าพลางหันไปมอง เป็นเอเตียน บุตรแห่งอะธีน่าคนที่ชอบพูดจาขวานผ่าซากอีกแล้ว นาแนตต์ลอบกรอกตาก่อนจะหันกลับมายืนเผชิญหน้ากัน


“ไปเที่ยว ไทยแลนด์น่ะ รู้จักมั้ย”


เอเตียนเลิกคิ้วสูง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะร้องอ๋อออกมาเบา ๆ เมื่อนึกได้ว่ามันคืองานที่อยู่ในบอร์ดประกาศของบ้านใหญ่


“ไปคนเดียวเนี่ยนะ


“ก็จะทำไมล่ะ ก็ฉันไม่มีแฟน หะ...หรือว่าเพื่อนนี่”


นาแนตต์อยากจะยกมือทุบหัวตัวเองกับการพูดตะกุกตะกักแบบนั้น หวังว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้คิดว่าเธอกำลังป่าวประกาศเรื่องสถานะทางหัวใจของตัวเองให้คนอื่นรู้หรอกนะ


เอเตียนยกมือขึ้นกอดอก มองเด็กสาวที่ดูบอบบางทั้งสัมภาระเทอะทะนั่นจะเป็นตัวถ่วงมากกว่าช่วย


“เธอคงจะลืมไปว่ามนุษย์ครึ่งเทพที่อยู่นอกค่ายฮาล์ฟบลัดน่ะจะเจอกับอะไรบ้าง


นาแนตต์คิดตาม พลันก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก็นายเอเตียนนี่พูดถูกทุกอย่างนี่นา แต่ถึงอย่างนั้นคุณหนูผู้เอาแต่ใจและอีโก้สูงก็เชิ่ดหน้าอย่างถือดี


“อ...อย่ามาขู่กันซะให้ยากเลย ฉันรับงานมาแล้วก็ต้องไปนี่นา”


เอเตียนลอบถอนหายใจ สุดท้ายก็พยักหน้าเบา ๆ


“โชคดีละกันงั้น


นาแนตต์ยู่ปาก สะบัดหน้าหนีจนเส้นผมสีบลอนด์ปลิวกระจาย พลางเริ่มออกเดินทางจากค่ายฮาล์ฟบลัดไป

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13490 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-21 15:31
โพสต์ 13,490 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หอมเย้ายวน  โพสต์ 2024-7-21 15:31
โพสต์ 13,490 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก ดาบสัมฤทธิ์  โพสต์ 2024-7-21 15:31
โพสต์ 13,490 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก งามเป็นหนึ่ง  โพสต์ 2024-7-21 15:31
โพสต์ 13,490 ไบต์และได้รับ +2 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-7-21 15:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอมเย้ายวน
ดาบสัมฤทธิ์
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
โพสต์ 2024-10-4 08:02:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-10-4 08:12

218
รุ่นพี่คริสโตเฟอร์มาเยือน


               4/10/2024 — 8.00 น. ~

               เวลาชีวิตเริ่มกลับมาเป็นปกติแม้กลางคืนจะหายไปจากโลกได้สี่วันแล้ว ดีนไม่ได้อยากนิ่งเฉยทว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจ๊อกกิ้งยามเช้าอยู่อย่างนี้ ส่วนหนึ่งเพราะจำเป็นต้องเบิร์นไขมันส่วนเกินออกไปเสียหน่อย ตอนไปไทยดินแดนอาหารอร่อยจนได้ชื่อว่าเป็นครัวโลกทำเอาเขาน้ำหนักขึ้นมาตั้งสามกิโลกรัม แต่บอกได้เลยว่าการออกกำลังกายในช่วงที่พระอาทิตย์ส่องกบาลลงมาเต็ม ๆ แบบนี้แทนที่จะได้สุขภาพน่าจะรับของแถมเป็นมะเร็งผิวหนังแทน..

               บรึ้นนน เอี๊ยดดดด

               รถยนต์สปอร์ตคันหรูจอดเอี๊ยดที่หน้าประตูค่าย เช่นเดิม ภาพนั้นไม่ได้หลุดรอดพ้นสายตาของดีนไปแม้แต่น้อย ให้ตายสิเวลาวิ่งมาถึงที่หน้าประตูค่ายทีไรได้เจอรุ่นพี่มาใหม่ทุกที.. ชายหนุ่มจับจ้องชายผิวดำที่ย่อส่วนรถคันงามมาเป็นพวงกุญแจเด็กเล่นเป็นภาพที่ชินตา จนแอบคิดว่านี่มันค่ายฮาล์ฟบลัดหรือว่าบริษัทพิมเทคโนโลยีกันแน่นะ ไม่มีคนแปลงอุปกรณ์เจ๊ง ๆ เป็นอย่างอื่นนอกจากยืด ๆ หด ๆ วัตถุหรืออย่างไร

               ในฐานะรุ่นน้องที่ดีดีนจึงเข้าไปทักทายก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินผ่านไป

               “สวัสดีครับคุณคงเป็นรุ่นพี่ที่มาใหม่ ผมดีน นีล จากบ้านโพไซดอนครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉีกยิ้มแห่งมิตรไมตรีไปหนึ่งแฉ่ง

               “สวัสดี…ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ …บุตรแห่งเฮเฟตัส” รุ่นพี่คริสโตเฟอร์หลบสายตา ดูแล้วเขาน่าจะเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร แต่ไม่เป็นไร เรื่องชวนคุยเดี๋ยวพี่จัดให้เอง!

               “โอ้ บุตรแห่งเฮเฟตัสเขาว่าชอบเก็บตัวอยู่ในห้องคราฟต์ของตัวเอง ได้เจอตัวเป็น ๆ ดีใจชะมัด” แน่นอนแหล่ะ เพราะรุ่นพี่คนนี้อาจผลิตแปลนอาวุธยืดได้หดได้ให้เขาก็ได้ “จะว่าไปรุ่นพี่กลับมาตอนที่กลางคืนหายไปพอดี ถูกคุณไครอนเรียกตัวกลับมาเหรอครับ?”

               “ก็…ผมมีธุระนิดหน่อย..”

               คริสโตเฟอร์ตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยท่าทีประหม่า ดูท่าทางจะไม่ถนัดเข้าสังคมจริง หรือดีควรปล่อยให้คนที่มาใหม่ไปพักผ่อนก่อนดีนะ? ดีนคิด… แต่เรื่องทำคะแนนตีซี้เพิ่มความสนิทก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ชายหนุ่มจึงควานตามร่างกายตัวเองว่าพกอะไรมาเป็นของขวัญต้อนรับรุ่นพี่ได้บ้าง มือจับไปโดนนิตยสารวิทยาศาสตร์ที่เหน็บอยู่ข้างเอวพอดี มันถูกม้วนจนเรียกว่าสภาพดีร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ทว่ามันก็เป็นเล่มใหม่ล่าสุดของเดือนนี้แล้ว



               “นิตยสารนั่น.. เดือนนี้ออกแล้วเหรอ?” คริสโตเฟอร์พึมพำทำให้ดีนรู้ว่าเข้าทางนี้ได้

               “รุ่นพี่ก็ชอบอ่านเหรอครับ ถ้างั้นผมให้ มันม้วนนิดหน่อยแต่สภาพยังดี ผมยังไม่ได้เปิดอ่านเลย ยกให้รุ่นพี่ก็แล้วกัน”

               “นาย.. จะดีเหรอ”

               “ดีสิครับ เอาไปเลย เดี๋ยวผมหาเล่มใหม่ได้”

               ในที่สุดดีนก็คะยั้นคะยอจนรุ่นพี่คนนี้รับไว้จนได้

               “ต้องขอบคุณนายมาก ๆ แล้วนี่มาทำอะไรตรงนี้แต่เช้าล่ะ?”

               “อ้อ ผมมาวิ่งจ๊อกกิ้งน่ะครับ” ดีนตอบ เขามองไปที่รุ่นพี่ตรงหน้าคิดครั้ง อ่านจากภาษากายดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึกอักบางอย่าง บางทีคงอยากกลับเข้าไปในค่ายแต่ไม่กล้าบอกล่ะมั้ง “เดี๋ยวผมอยู่ตรงนี้อีกสักพัก รุ่นพี่จะเข้าไปพักผ่อนในค่ายก่อนหรือเปล่าครับ”
               
               “งั้น ผมขอตัวก่อน”

               “ครับ ไว้เจอกันนะครับรุ่นพี่”

               คริสโตเฟอร์กล่าวก่อนจะค้อมหัวลงน้อย ๆ จากนั้นจึงคล้อยหลังไปตามทาง ส่วนดีนก็วิ่งจ๊อกกิ้งรีดเหงื่อต่ออีกหน่อย
               
มอบ [นิตยสารเชิงวิชาการ] แก่ คริสโตเฟอร์ บราวน์

ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ
รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่


ป.ล. มอบ EXP ให้แก่ ควีน

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2024-10-4 12:15
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-10-4 12:14
โพสต์ 12539 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-10-4 08:02
โพสต์ 12,539 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-10-4 08:02
โพสต์ 12,539 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-10-4 08:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-10-4 18:12:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด




วันที่ 4 ตุลาคม 2024
เวลา 08.00 น.


ช่วงนี้เอโลอิสต้องใช้ผ้าปิดตานอนในทุกวันด้วยเหตุที่กลางคืนหายไป การพกนาฬิกาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงนี้ไม่อย่างงั้นคงจะไม่รู้ว่าเวลาไหนกลางวันเวลาไหนกลางคืน เธอเดินเล่นในค่ายอย่างเช่นทุกวันเพียงแต่ครั้งนี้มาไกลจนถึงประตูค่าย ในระหว่างที่กำลังจะเดินกลับก็อย่างยินเสียงเครื่องยนต์บางอย่างดังมากเสียจนดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ในค่ายได้อย่างง่ายดาย

บรึ้นนนนนน เอี๊ยดดดดดดด!!!

รถซุปเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดสีแดงขับซิ่งมามาอย่างเร็วก่อนดริฟโค้งจอดหน้าประตูค่ายอย่างสวยงาม ตอนแรกเอโลอิสคิดว่าน่าจะเป็นเทพอะพอลโล แต่เมื่อดูลักษณะรถอย่างที่ถ้วนมันกลับไม่ใช่มาเซราติสีแดงเชอร์รี่อย่างที่เธอคุ้นเคย เอโลอิสลองเดินไปดูใกล้ ๆ เช่นเดียวกับเด็กเดมิก็อดคนอื่น ๆ 

ประตูรถถูกเปิดออกก่อนร่างของชายผิวสีคนหนึ่งจะเดินลงมา เขากดรีโมทจากนั้นรถก็ถูกย่อส่วนเป็นรถมินิให้เขาเก็บใส่กระเป๋าเข็มขัดสะพายคาดเอว เธอแทบจะไม่เชื่อสายตาแต่ส่วนหนึ่งก็ชินแล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นรถเปลี่ยนรูปร่างได้ ชายคนนั้นเดินเข้ามาในค่ายมีเดมิก็อดหลายคนทักตามรายทาง

เขาเป็นใครกัน?

คำถามนั้นอยู่ในหัวของเธอแต่ก็รู้สึกว่าชายคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธออยากลองทำความรู้จักดูสักครั้ง เอโลอิสรอให้เขาว่างจากการทักทายคนอื่น ๆ แล้ว จึงลองเดินเข้าไปหาและทักออกไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ 

“เอ่อ…สวัสดีค่ะ…คุณคือ…?”

“สวัสดี ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ บุตรแห่งเฮเฟตัส”

ประโยคสุดท้ายของการแนะนำตัวทำให้ตาของเอโลอิสเบิกกว้าง…บุตรแห่งเฮเฟตัส…ก็หมายความว่า…เขาคือพี่ชายต่างมารดาของเธองั้นเหรอ?

“ขอโทษนะคะ เมื่อกี๊คุณบอกว่าบุตรของเทพเฮเฟตัสเหรอคะ?” เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ใช่ แล้วเธอคือ?...”

“อ้อ…ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ ฉันเอโลอิส เพจ ธิดาแห่ง…เฮเฟตัส…”

หลังจากที่เธอแนะนำตัวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาได้พบน้องสาวอีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

“หมายความว่าเป็นน้องสาวของผมสินะ”

“ก็…คงประมาณนั้นล่ะมั้งคะ…”

“แล้วเป็นยังไงอยู่บ้านเฮเฟตัสสุขสบายดีไหม?”

“ก็โอเคนะคะ ทุกคนก็…บ้าพลังดีค่ะ” เอโลอิสพูดพลางจินตนาการถึงเหล่าพี่น้องในบ้านที่วัน ๆ เอาแต่ตีอาวุธ คราฟของ ประหนึ่งคนเล่นฟิตเนสทุกวันแค่ไม่ใช่เครื่องออกกำลังกายก็เท่านั้น “หิวไหมคะ?” เอโลอิสยื่นถุงมันฝรั่งทอดให้เขาไปหนึ่งถุง ตอนแรกกะเอามาเพื่อกินเอง แต่ไม่บ่อยที่จะได้พบเจอพี่ชายต่างมารดา เธอไม่มีอะไรจะให้เป็นของขวัญเลยขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน

“ขอบใจนะ…งั้นคงจะได้พบกันบ่อย ๆ หลังจากนี้ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งน้องสาว แต่ผมต้องขอตัวก่อน” เขารับเอาขนมถุงของเธอไปจากนั้นก็เอามือแปะ ๆ หัวเธอสองสามทีเหมือนจะแสดงท่าทีในแบบที่พี่ชายควรจะทำกับน้องสาว แล้วจึงปลีกตัวเดินเข้าไปด้านใน คงจะมีธุระบางอย่าง

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…พี่ชาย…”

คำว่า ‘พี่ชาย’ ยังคงไม่ชินปากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ทำความรู้จักเพิ่มเติมหลังจากนี้อาจทำให้เอโลอิสเรียกเขาได้อย่างสนิทใจ เธอไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่ค่ายแห่งนี้นานแค่ไหน แต่ก็หวังว่าจะนานพอที่จะทำให้เธอและเขาสนิทกันมากกว่านี้…



มอบมันฝรั่งทอดให้ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์

ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ
รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่







แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-10-4 18:47
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-10-4 18:47
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-10-4 18:47
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2024-10-4 18:46
โพสต์ 12180 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-10-4 18:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-10-4 20:28:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ
Feria Hayes
4 ตุลา 67 เวลา 8 โมงเช้า

ณ ประตูค่ายฮาล์ฟบลัด

วันนี้เป็นวันแรกที่เฟเรียตัดสินใจจะเดินทางไปทำภารกิจของเหล่าเทพ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นกลางวันอยู่ตลอดจนดูน่าประหลาดใจ และพอเดาออกว่ายังไงต้องเกี่ยวข้องกับเทพีนิกซ์แน่ แต่ว่าความรู้สึกของเธอตอนนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนแอเกินไป อ่อนแอเกินกว่าจะช่วยใครได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือไปรับภารกิจเล็ก ๆ มาทำเท่านั้น ในตอนที่กำลังทำอะไรอยู่ตอนนั้นเธอก็ได้เห็นรถสปอตคันงามคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าค่าย ก่อนจะมีผู้ชายผิวสีคนหนึ่งเดินออกมา รุ่นพี่คนใหม่เหรอ แต่น่าอึ้งกว่านั้นก็คือ เดี๋ยวนะ! รถย่อส่วนเป็นเพียงโมเดลเก็บในเข็มขัดนี่นะ เฟี้ยวเกินไปแล้วนะ ทำเอาเด็กสาวร่างเล็กมองตาเป็นประกายกับภาพที่เห็น ก่อนที่เห็นดีนเข้าไปทักทายอีกฝ่ายแล้ว เธอจึงตามเข้าไปทักทายบ้าง

“เออ…ขอโทษที่เข้ามาทักกระทันหันนะคะ ขอแนะนำตัวนะคะ เฟเรีย เฮยส์ ธิดาแห่งฮิปนอสค่ะ ส่วนนี่เรเลีย อีกัวน่าห้วงฝัน และกาเอล เป็นก็อบลินค่ะ”

เธอโค้งตัวคำนับทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพพลางยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย ก่อนที่เรเลียจะเดินมาบนแขนเธอ จึงเป็นโอกาสให้เธอได้แนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักเรเลียกับกาเอลด้วยเลย

“สวัสดีครับ”

กาเอลก็โค้งพลางเอ่ยคำทักทายอีกฝ่ายในขณะที่เรเลียที่พูดไม่ได้ก็เพียงโค้งทักทายเท่านั้น

“สวัสดี ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ บุตรแห่งเฮเฟตัส ปกติลูกฮิปนอสเขานอนหลับกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“อ่า…เออ…เรามันนอกคอกเรื่องนี้นิดหน่อยค่ะ ต้องเลี้ยงลูก ๆ เยอะด้วยจะเอาแต่นอนไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวนะ บุตรแห่งเฮเฟตัสงั้นเหรอ งั้นก็เป็นช่างตีเหล็กงั้นเหรอคะ”

เธอหัวเราะแห้ง ๆ ให้กับความสงสัยของอีกฝ่ายที่รู้สึกเธอเริ่มชินที่มีคนทักว่าเป็นลูกฮิปนอสที่ไม่เหมือนลูกฮิปนอสหรือแม้แต่ที่เป็นลูกฮิปนอสแต่แอคทีฟล่ะนะ ก็จะตาเป็นประกายเพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรเฮเฟตัสเท่ากับว่าเป็นสายผลิต เท่ากับว่าค่ายจะมีคนผลิตอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มแล้วสินะ แถมเธอก็สนใจการตีเหล็กอยู่แล้วด้วย ถ้าไม่นับว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเรียนตีเหล็กเลยก็เถอะนะ

“ชะ ใช่แล้วล่ะ มีอะไรรึเปล่า”

“อ่า…ฮ่า ๆ คือว่าเราสนใจน่ะคะ ก็ว่ากันว่าบุตรแห่งเฮเฟตัสผลิตอุปกรณ์เจ๋ง ๆ เยอะแยะเลย อย่าง….รถที่ย่อเป็นโมเดลคันนั้นน่ะ”

เธอชี้ไปทางโมเดลรถที่อยู่ที่เข็มขัดของรุ่นพี่คริสโตเฟอร์แบบเขิน ๆ ก็คนมันชอบนี่นา ช่วยไม่ได้นี่เนาะ

“อ้อ งี้เองเหรอ”

รุ่นพี่หันมองที่เธอชี้นิดหน่อยก่อนที่จะหันมาคุยกับเธอต่อ

“เออ…นี่คือข้าวกล่อง เป็นข้าวผัดอเมริกันนะคะ หนูให้พี่เป็นการต้อนรับสู่ค่ายนะคะ หนูมีภารกิจต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะคะ”

เธอตัดสินใจยื่นข้าวผัดอเมริกันใส่กล่องข้าวให้กับรุ่นพี่ตรงหน้าไปก่อนที่นึกขึ้นได้ว่ามีภารกิจของเทพีอาธีน่าต้องไปทำเลยต้องขอตัวออกมาก่อน

มอบ ข้าวผัดอเมริกัน ให้กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์
ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ
รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่ 

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2024-10-4 23:54
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-10-4 23:54
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-10-4 23:53
โพสต์ 8454 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-10-4 20:29
โพสต์ 8,454 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-10-4 20:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2024-10-27 05:57:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บทที่ 4




หลังจากเหตุการณ์อันน่าหวาดผวาที่ปั๊มน้ำมัน คูเปอร์รู้สึกโล่งอกเมื่อได้เห็นประตูค่ายฮาล์ฟบลัดปรากฏสู่สายตา แสงอรุณสาดส่องลงมาบนซุ้มประตูหินอ่อนสีขาว ทำให้ตัวอักษรกรีกโบราณสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ เขายังคงรู้สึกอ่อนล้าจากการเดินทางตลอดทั้งคืน และความทรงจำเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับสฟิงซ์ยังคงหลอนหลอกอยู่ในหัว



เจคที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดชะงักเมื่อมาถึงเนินเขาเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวสด "นี่คือเนินฮาล์ฟบลัด" เขาอธิบายพลางชี้ไปยังต้นสนขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเนิน


"และนั่นคือต้นสนศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องค่าย "


ขณะที่พวกเขาเดินผ่านต้นสนศักดิ์สิทธิ์ คูเปอร์รู้สึกถึงพลังงานแปลกๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากต้นไม้ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ วิ่งผ่านผิวหนัง เขาสังเกตเห็นไม้เลื้อยสีเขียวเข้มที่พันรอบซุ้มประตู ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งแม้จะไม่ใช่ฤดูกาล


“พี่คนนั้นน่ะ!" เสียงใสๆ ดังขึ้นจากกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากประตู พวกเธอสวมเสื้อสีส้มเหมือนกันทั้งหมด หนึ่งในนั้นโบกมือทักทายอย่างร่าเริง


"นั่นคือ" เจคกระซิบบอก "พวกเธอมักจะเป็นคนแรกๆ ที่มาต้อนรับเด็กใหม่เสมอน่ะ"




“ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดนะคะ กำลังจะไปรายงานตัวใช่ไหมคะ


“ถ้าไม่รู้ทางไปเดี๋ยวพวกหนูนำทางไปให้ได้นะนะคะ”


คูเปอร์พยักหน้ารับด้วยความโล่งใจ รอยยิ้มของเด็กสาวในชุดสีส้มช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้ไม่น้อย เขาสังเกตว่าพวกเธอดูอายุไล่เลี่ยกัน ท่าทางร่าเริงและเป็นมิตร บางคนถือแผ่นกระดานรองเขียนในมือ


แต่ก่อนที่จะไปกับเด็กพวกนี้เขาหันกลับไปมองเจค ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาน่าจะไม่ได้ไปด้วยกัน


"ขอบคุณนะเจค สำหรับทุกอย่าง" คูเปอร์หันไปกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมทาง


"ไม่เป็นไรหรอก" เจคตบบ่าเขาเบาๆ "ฉันต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องของนายที่ทิ้งค้างไว้ทั้งหมดนั่นแหละ ทั้งงาน ทั้งอพาร์ตเมนต์ที่แชร์กับนักดนตรีสองคนนั่น... อ้อ แล้วก็เรื่องรถของพ่อนายด้วย"


คูเปอร์พยักหน้าอย่างสำนึกในบุญคุณ เขารู้ดีว่าเจคจะต้องหาข้ออ้างดีๆ ให้กับการหายตัวไปของเขา โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องทั้งสองที่คงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหายไปกะทันหัน


"โชคดีนะ" เจคโบกมือลา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้คูเปอร์ยืนอยู่กับกลุ่มเด็กสาวในชุดสีส้ม


"พี่คะ พร้อมจะไปพบท่านไครอนหรือยัง?" หนึ่งในพวกเธอถามขึ้น รอยยิ้มสดใสยังคงประดับบนใบหน้า


"เราจะพาไปที่บ้านใหญ่ค่ะ" หนึ่งในพวกเธอบอก พลางเดินนำไปตามเส้นทางโค้งที่ปูด้วยหินกรวด "ท่านไครอนกำลังรอพบอยู่พอดีเลย"


ขณะที่เดินตามกลุ่มเด็กผู้หญิงไป คูเปอร์ได้ยินเสียงพูดคุยและหัวเราะจากชาวค่ายคนอื่นๆ บ้างก็มองมาที่เขาด้วยความสนใจ แต่ไม่มีใครทำท่าแปลกใจหรือตกใจกับการมาถึงของเขา ราวกับพวกเขาคุ้นเคยกับการที่มีเด็กใหม่หนีตายมาถึงค่ายในยามเช้าตรู่




"นั่นคือบ้านใหญ่ค่ะ"






บ้านใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล เป็นอาคารสีขาวสไตล์กรีกโบราณที่ดูสง่างาม เสาหินอ่อนขนาดใหญ่รองรับชายคาที่ทอดยาว และบันไดกว้างนำขึ้นไปสู่ระเบียงด้านหน้า คูเปอร์สูดหายใจลึก พยายามเตรียมใจสำหรับการพบกับไครอน ผู้ที่เจคบอกว่าจะเป็นคนอธิบายอะไรหลายอย่างที่เขาควรรู้

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9166 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-10-27 05:57
โพสต์ 9,166 ไบต์และได้รับ +3 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-10-27 05:57
โพสต์ 9,166 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-10-27 05:57
โพสต์ 9,166 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-10-27 05:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2024-11-2 01:22:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-12 10:49

230
มุ่งหน้าสู่ซานอันโตนิโอ

               1/11/2024 - 8.00 น.~

               “แถวบ้านฉันมอนสเตอร์มันดุ นายต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะแมคซี่!”

               จากประสบการณ์ภารกิจเดินทางที่ผ่านมาทำเอาชายหนุ่มใบหน้าคมคายสไตล์ละตินอดที่จะระแวงไม่ได้ พอผ่านพ้นเขตเมืองนิวยอร์กมาไม่ไกลเหล่าอสุรกายก็เริ่มไล่ล่าอาละวาดมีทั้งแบบซ้ำหน้าและไม่ซ้ำ ดุเดือดและจองล้างจองผลาญไม่หยุดอย่างกับเนเมซิสในเกมเรสซิเดนซ์อีวิลสอง ที่นิวยอร์กค่อนข้างปลอดภัยเพราะเป็นถิ่นเดมิก็อด ทวยเทพบางครั้งก็ชอบมอบภารกิจใกล้ ๆ ในตัวเมืองให้จัดการ อสุรกายในเมืองใหญ่จึงถูกล้างผลาญไปหมดบ้างก็หนีหัวซุกหัวซุนลงท่อระบายน้ำ

               ‘คิดถึงตอนไปไทยจังแฮะไม่ค่อยเจอสัตว์ประหลาด ส่วนผี.. ก็ไม่เจอนะ’

               แล้วทำไมดีนถึงต้องพูดเตือนแมคเคนซี? เหตุผลนั้นช่างใหญ่โต เพราะว่าวันที่ห้าเดือนพฤศจิกายนนี้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างไรล่ะ! ในฐานะเป็นพลเมืองผู้ทรงคุณค่าจะนอนหลับทับสิทธิ์ก็ไม่ได้ และในฐานะที่เขาเป็นเดมิก็อดสายเลือดเข้มข้นในค่ายโนไวไฟ การเลือกตั้งนอกสถานที่จึงเป็นอะไรที่ยากลำบาก ประจวบกับสิ้นเดือนนี้คือเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (ที่ไม่ได้นับถือ) พอดี เป็นวันหยุดยาวที่ครอบครัวควรจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อกินไก่งวงหน้าเตาผิง แล้วแนะนำคุณแฟนสุดที่รักให้ครอบครัวได้รู้จัก ดังนั้นดีนจึงหาเรื่องที่จะกลับบ้านเกิดที่ซานอันโตนิโอ

               ตั๋วรถไฟขาไปและกลับถูกจองไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แค่เคลื่อนกล้ามงาม ๆ ออกจากค่ายไปเผชิญหน้ากับอสุรกายนานาชนิดที่รายทาง คิดแล้วก็เหนื่อยใจ ถ้าไม่เป็นบุตรแห่งโพไซดอนป่านนี้เขาคงบินกับสายการบินใดสักแห่งแล้วถึงบ้านภายในสิบหกชั่วโมงไปแล้ว ประหยัดเวลาไปได้สองวันไม่ใช่เรื่องตลก บางครั้งก็แอบคิดว่าแผ่นดินอเมริกามันกว้างใหญ่ไพศาลเกินไปไหม

               “ถ้าพร้อมแล้วเราลุยกัน”

               กล่าวอีกครั้งก่อนจะเข็นกระเป๋าออกจากค่ายฮาล์ฟบลัดเดินทางไกลจากต้นทาง ขึ้นรถไฟลองไอแลนด์ (LIRR) ไปลงยังสถานีรถไฟแกรนด์เซนทรัล แล้วต่ออีกนิดไปยังสถานีรถไฟเพนซิลเวเนีย

               ดูเหมือนการเดินทางในนิวยอร์กจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องมาลุ้นว่าหลังจากนี้พวกเขาจะเจอมารอะไรมาผจญกันบ้าง ขอแค่ไม่มีฉากบู๊บนรถไฟก็พอ ยังไม่พร้อมสำหรับค่าความเสียหายและการเป็นผู้ร้ายในหมายจับของทางการ

               .
               .
               .

               10.52 น.

               รถไฟแอมแทร็กเทียบท่าชานชาลาอย่างตรงเวลา ในวันแรกดีนและแมคเคนซีจองที่นั่งธรรมดาเพราะเดินทางแค่ (?) สิบเก้าชั่วโมงก่อนไปถึงชิคาโก เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นตู้ขบวนสู่ซานอันโตนิโอด้วยตู้นอนในวันที่สองและสาม ดีนพาออมเล็ตเจ้าสิงโตนีเมียนน้อยแสนรู้มาด้วย ตอนนี้มันสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ในกระเป๋าใส่สัตว์ใบใหญ่ สมแล้วที่ดีนอ่านบทความวิชาการให้มันฟังตอนยังเป็นไข่เกิดมาเลยเป็นสิงโตที่มีปัญญา เขาช่างมองการไกลเสียจริง!

               “อุ๊ย น้องหมาน่ารักจัง”


               สาวคนหนึ่งที่เดินผ่านเอ่ยทักทายเจ้าออมเล็ต ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนรักสัตว์ที่มองผ่านม่านบังตาเห็นลูกสิงโตตัวนี้เป็นลูกสุนัขพันธุ์เชาเชา ดีนได้แต่ยิ้มให้จนเธอคนนั้นจากไป ก่อนจะขอบคุณเวทมนตร์ของเทพีเฮคาทีในใจ ถ้าความแตกมีหวังถูกเจ้าหน้าที่ลากตัวลงมาจากรถไฟแน่ ๆ

               “ว่าไป… ที่นั่งโอเคเลยนะ กว้างกว่ารถบัสมาก ถ้าเบื่อ ๆ ไปนั่งเล่นที่ตู้คาเฟ่ได้ด้วย”

               ลงทุนไปตั้งสองพันดอลลาร์นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก

               @Mackenzie

               “ตอนเดินทางข้ามทวีปด้วยรถไฟเฮเฟตัสก็นานแบบนี้นะที่รัก”

               ดีนหัวเราะ การเดินทางรอบนั้นพวกเขานั่งรถไฟกันนานจนตูดแฉะไม่เกินจริง แต่แอมแทร็กเป็นรถไฟกึ่งเพื่อการท่องเที่ยว หน้าต่างบานใหญ่กว้างขวางสูงขึ้นเหนือเพดานทำให้สามารถเห็นทิวทัศน์ได้เต็มตา แถมยังมีสาธารนูปโภคครบครัน ทั้งคาเฟ่ ร้านขายอาหาร โซนที่นั่งชมวิวแบบเดี่ยว ห้องน้ำในรถไฟก็ใช้ได้ทั้งอาบน้ำและขับถ่าย อาจไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน แต่ถือว่าดีกว่าตอนไปทำภารกิจตามหาตรีศูลเยอะ

               ติดอย่างเดียวที่รู้สึกว่าขาดทุน พวกเขาใช้ไวไฟฟรีของขบวนรถไฟไม่ได้ นี่คือข้อเสียหลักของการเป็นเดมิก็อดสินะ

               ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง แม้อาจไม่เร็วเท่ารถไฟเฮเฟตัสหรือรถไฟหัวกระสุนแต่เป็นความเร็วที่มากพอจะเคลื่อนผ่านรัฐต่อรัฐได้โดยไม่เมื่อยตุ้ม

               หลังจากที่ดีนยัดหูฟังเปิดเพลงดิสนีย์ให้ออมเล็ตแล้วมันก็หลับปุ๋ย ดีหน่อยที่มันไม่ร้องเพลงตาม ไม่อย่างนั้นล่ะบันเทิง..

               ชายหนุ่มทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภาพชนบทเคลื่อนผ่านมาและเคลื่อนผ่านไปจนเห็นความผิดปกติบางอย่างจนต้องสะกิดคนรักที่อยู่ข้าง ๆ ให้หันมองตาม

               “แมคซี่ ๆ ดูนั่นสิ เพื่อนคุณไครอนล่ะ!”

               น้ำเสียงกระตือรือร้นบอกคนข้าง ๆ ไม่ดังมากนัก ด้วยจิตสำนึกเกรงใจสังคมยังพอหลงเหลืออยู่ ปลายนิ้วสีแทนจิ้มไปยังจุดที่อยู่นอกหน้าต่างบานยักษ์ ภาพที่เห็นไม่ใช่ทุ่งหญ้าธรรมดา แต่เขาเห็นครอบครัวเซ็นทอร์พ่อแม่ลูกกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยมีฉากหลังเป็นบ้านเรือนประชาชนประปราย ดีนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย แต่พอกดชัตเตอร์ลงไปภาพที่ได้กลับไม่ปรากฏอะไรนอกจากทิวทัศน์

               ยังดีที่ภาพตรงหน้าเป็นเซ็นทอร์ผู้รักสันโดษ ไม่ใช่อสุรกายเขี้ยวโง้งวิ่งไล่ตามขบวนรถ… ไม่เอา ไม่คิดดีกว่า เดี๋ยวมีจริง

               @Mackenzie

               “ไม่นะ ฉันว่าฉันถ่ายทัน แต่กล้องนี่มันบันทึกภาพสิ่งลี้ลับไม่ได้ต่างหาก”

               ครอบครัวเซ็นทอร์กลางทุ่งหญ้ากลายเป็นสิ่งเร้นลับไปเสียแล้ว ว่าไปก็น่าประหลาด เขาน่าจะถ่ายเซ็นทอร์ติดเป็นอะไรสักอย่างสิ เช่น ฝูงวัว หรืออะไรแบบนี้… ด้วยความใคร่รู้ดีนจึงลองถ่ายภาพออมเล็ตที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในกระเป๋าสัตว์ที่อยู่ใต้เท้า ภาพที่บันทึกได้เป็นภาพลูกหมาเชาเชาหาใช่ลูกสิงโตหรือความว่างเปล่า

               “แต่ว่าฉันถ่ายทันจริง ๆ นะ” ยังคงรั้นเถียง

               หรือเวทอำพรางของเซ็นทอร์จะมีอะไรพิเศษไปกว่าปกติ มันอาจไม่ใช่เวทมนตร์ลวงตาแต่เป็นเวทพรางกายไปเลย ทำนองว่า.. ‘มนุษย์อย่ามายุ่งกับพวกข้า’

               จะว่าไปถ้ามีกล้องที่ถ่ายติดสิ่งจากโลกแห่งทวยเทพได้คงดี ชาวเฮเฟตัสจะสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์วิเศษแบบนั้นได้หรือเปล่านะ? กล้องถ่ายผีก็ถ่ายผีไปเถอะ เจอกล้องถ่ายเทพเข้าไปก็สู้ไม่ได้หรอก

               @Mackenzie

               “ถ้าฉันเห็นคนเดียวนายจะหาว่าฉันบ้าไหม” ดีนหัวเราะน้อย ๆ เมื่อรู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น

               เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องเหนือธรรมชาติที่ตนเองมักจะประสบพบเจอคืออะไรทำให้ดีนไม่กล้าบอกใครว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้า แล้วยิ่งเรียนสายวิทยาศาสตร์มาอีกการทำตัวงมงายก็ไม่ใช่เรื่อง ในความเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ว่าใครจะต้องสามารถพิสูจน์หรือทำซ้ำได้แล้วได้ผลแบบเดิมเป็นสถิติ ครั้นจะพูดว่า ‘ก็เพราะว่าเป็นเดมิก็อดไง!’ สำหรับพวกเราแล้วถือเป็นหนึ่งในพันล้านของประชากรโลกได้มั้ง

               โชคดีเหลือเกินที่แมคเคนซีก็เป็นสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์เดียวกัน

               “แน่นอนที่รัก ถึงบ้านฉันจะบ้านนอกแต่ก็มีที่เที่ยวเยอะนะจะบอกให้ ที่แรกที่ฉันไปบ่อยมาก ๆ ภูมิใจนำเสนอแบบสุด ๆ เลยก็คือ…” เว้นช่วงนิดหน่อยให้ดูน่าตื่นเต้น “สวนสัตว์ซานอันโตนิโอไงล่ะ!”

               เจ้าถิ่นยิ้มยืดอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่อยากจะบอกเลยว่าเมืองที่เขาอยู่มีสวนสัตว์เล็กใหญ่รวม ๆ กันแล้วร่วมสิบแห่ง แต่ดีที่สุดคงไม่พ้นสวนสัตว์ประจำเมืองหรอก

               “นอกจากนั้นยังมีซีไลฟ์ด้วยนะ กลับบ้านไปคราวนี้ฉันจะเที่ยวสวนสัตว์กับอควาเรียมให้ฉ่ำไปเลย”

               @Mackenzie

               “....”

               นิ่งอึ้งตาไม่กะพริบกับสิ่งที่แมคเคนซีเล่าให้ฟัง ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วตบเข่าอีกฝ่ายที่นั่งข้าง ๆ

               “ฮาโลวีนคือเมื่อวานนายเล่าเรื่องผีช้าไปนะที่รัก!”

               ยังคงเชื่อว่าผีไม่มีจริง เขาเป็นเดมิก็อดจากสายเลือดมหาเทพผู้ปกครองครึ่งหนึ่งของโลกน่าจะอยู่จุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว มองเห็นอสุรกายที่คนปกติมองไม่เห็น แถมยังใช้พลังควบคุมน้ำยิงตู้มต้ามได้ ถ้าผีมีจริงก็ต้องเคยเห็นสิ ส่วนคำบอกเล่าจากเพื่อนร่วมค่ายชาวไทยว่าที่ไทยมีผีเยอะ ก็แค่.. ก็แค่หยอกเล่นล่ะน่า! ถ้าผีมีจริงต้องได้เจอแล้ว สิ่งที่ใกล้เคียงกับผีมากที่สุดเห็นจะเป็นอัลกูล

               “แต่พูดถึงเรื่องผี เมืองเกิดฉันขึ้นชื่อเรื่องปรากฏการณ์ทางวิญญาณมากเลยนะ มีกิจกรรมโกสต์วอล์กด้วย”

               โกสต์วอล์กคือกิจกรรมทัวร์อย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองซานอันโตนิโอ ไกด์จะพาลูกทัวร์เดินชมเมืองไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ยามค่ำคืน เช่น ปาซิโอ เดล ริโอ (ริเวอร์วอล์ก) หรืออลาโม ที่มีชื่อเสียง ตอนกลางวันสถานที่เหล่านั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่พอตกดึกสถานที่เหล่านั้นกลับวิเวกวังเวงชวนขนหัวลุกเสียอย่างนั้น

               ดีนเคยไปโกสต์วอล์กตอนอายุสิบแปด แม้เขาจะไม่รู้แต่ว่ามันก็เร้าใจดี ไม่ได้พบเห็นอะไรเป็นพิเศษนอกจากอสุรกายมีปีกที่พยายามไล่ตาม แต่โชคดีที่พ่อส่งม้าน้ำเวทมนตร์มาช่วยไว้จึงรอดตาย สิ่งที่ดีที่สุดคือได้โอบสาวในทริปที่มาด้วย (ซึ่งเรื่องนี้จะเล่าให้แมคเคนซีรู้ไม่ได้เด็ดขาด!) แต่ดีนได้บทเรียนอย่างหนึ่ง ‘อย่าออกจากบ้านตอนกลางคืนไปในที่เปลี่ยวและเต็มไปด้วยอสุรกายมิเช่นนั้นชีวิตจะหาไม่’

               “เมืองที่ฉันอยู่เคยเป็นสมรภูมิสงครามกลางเมืองเต็ม ๆ เลยมีตำนานผีเฮี้ยนเต็มไปหมด แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมง ถึงไปโกสต์วอล์กก็คงไม่สนุกแล้วมั้ง”

               ใบหน้าคมเข้มสบตรงเข้าไปในดวงตาสีฮาเซลคู่งามอย่างจริงใจ

               “ถ้านายสนใจเที่ยวแบบไหนก็บอกได้นะ! สวนสัตว์น่ะต้องไปอยู่แล้ว มีสวนสนุกซิกส์แฟลกส์ด้วย ที่ช็อปปิ้งหรือโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกก็มี หรืออยากตามรอยชีวิตวัยเด็กฉันก็ได้ ถ้านายอยากไปที่ไหนรีเควสได้เลยที่รัก”

               @Mackenzie

               “เคยไปสิครั้งนึง มันก็มืด ๆ อ่ะนะ ไม่เจอผีแต่ว่าเจออสุรกาย ถ้าไม่ได้พ่อช่วยไว้คงตุยเย่”

               เบ้หน้าออกมาว่าเข็ดจริง ไปล่าท้าผีน่ะไม่เอาแล้ว แต่เรื่องเที่ยวกลางคืนน่ะบ่ยั่น ที่ใดแสงสีเยอะ ๆ อสุรกายก็ไม่ค่อยโผล่ออกมาสงสัยจะหนวกหู

               “งั้นก็จัดไป แต่ว่านายอยากรู้จริง ๆ อ่ะว่าฉันมีเฟิร์สคิสที่ไหน”

               ได้แต่ทำตาปริบ ๆ เอาเข้าจริงดีนก็จำไม่ได้ว่าใครคือจูบแรกของตัวเอง เฮเลน่า เกรดสิบ หรือว่ารุ่นพี่เอ็มม่า เกรดสิบสอง ไม่สิ เฟิร์สคิสจริง ๆ อาจจะเป็นเพื่อนต่างห้องที่จำชื่อไม่ได้สมัยประถมก็ได้ จะว่าไปก็นึกประหลาดใจตัวเอง ทำไมถึงยังจำชื่อสองสาวก่อนหน้าได้ฟะ

               “มีเวลาตั้งเดือนนึงงั้นฉันจะพานายเดินเที่ยวรอบเมืองให้พรุนเลย ไม่ใช่ริเวอร์วอล์ก หรือโกสต์วอล์ก แต่เป็น ‘ดีนวอล์ก’ เป็นไง”

               กล่าวจบก็หัวเราะเสียงเบา ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เท็กซัสและวีรกรรมวัยเด็กของดีน ทว่าชายหนุ่มไม่ได้เล่าเรื่องให้คนรักฟังทั้งหมดกลัวจะรับไม่ได้ (แม้ว่าแมคเคนซีพอจะรู้ว่าดีนเป็นคนอย่างไรอยู่บ้างก็ตาม) จนกระทั่งถึงเวลาเย็นที่ดวงตะวันมิได้คล้อยต่ำลงมาตาม

               .
               .
               .

               ดีนและแมคเคนซีย้ายออกจากที่นั่งในตู้ขบวนตามตั๋วมายังคาเฟ่ โชคดีเหลือเกินที่โต๊ะพอมีที่นั่งว่างอยู่ไม่ได้ถูกผู้สัญจรจับจองไปเสียหมด

               “อาหารราคาสี่สิบห้าเหรียญต่อมื้องั้นเหรอ แอบแพงแฮะ..”

               ดวงตาสีเปลือกไม้ไล่มองใบเมนูที่ได้รับมาจากบริกรประจำรถไฟ เท่าที่ดูมาก็มีแต่เมนูง่าย ๆ อย่างเช่น ฮอตดอก แซนวิชชีสย่าง แมคแอนด์ชีส แฮมเบอร์เกอร์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย และสลัด ดีนแอบเหล่ไปที่โต๊ะข้าง ๆ เห็นว่ามีสเต็กปลาหอมฉุยยกมาเสิร์ฟด้วย ทำไมถึงไม่มีในเมนูล่ะเนี่ย จึงยื่นหน้าเข้าไปสนทนากับคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

               “แมคซี่นายดูโต๊ะนั้นสิ อาหารหรูกว่าในเมนูเยอะเลย สิทธิพิเศษสำหรับคนจองตู้นอนงั้นเหรอ?”

               ในแพ็กเกจตู้นอนจะมีรวมอาหารทุกมื้อรวมอยู่ด้วย และเมนูอาหารที่ให้เลือกจะหรูหราหมาเห่ากว่ากันเยอะ คงเพราะการจองตั๋วล่วงหน้ามีการฟิกซ์จำนวนวัตถุดิบปรุงอาหารเอาไว้แล้ว ส่วนพวกที่จองแบบโค้ชคลาสไม่ได้มีสต๊อกวัตถุดิบเอาไว้มากมายขนาดนั้นจึงมีแต่อาหารง่าย ๆ กึ่งสำเร็จรูปมาปรุงเสิร์ฟ

               ที่รู้เพราะว่าวันที่สองและสามดีนจองตั๋วรถไฟแบบตู้นอนไปเนี่ยแหล่ะ จะบ่นว่า ‘รู้งี้จองแบบตู้นอนทั้งหมดเลยดีกว่า’ ก็ไม่ได้ เพราะราคาตั๋วแบบที่นั่งกับตู้นอนต่างกันครึ่งต่อครึ่ง

               บ่นไม่ทันไรบริกรก็มายืนข้างโต๊ะพลางยิ้มหวานกดดันคล้ายสื่อว่า ‘สั่งกันเสียทีสิ!’ มาอยู่ ณ จุดนี้จะไปอัพเกรดตั๋วเพิ่มคงไม่ได้ ได้แต่จำใจรับประทานอาหารเย็นสุดเรียบง่ายในราคาไฮโซไปก่อน

               “ต้องเลือกหนึ่งอันจากนี้สินะ.. งั้นแมคแอนด์ชีสแล้วกัน รำลึกความหลังสักหน่อย ส่วนเครื่องดื่ม น้ำส้มครับ”

               @Mackenzie

               “อื้อ ฉันจะอดทน”

               พรูหายใจออกมาบางเบา เดิมทีดีนไม่ใช่คนกินยากแต่ขอบ่นหน่อยกับราคาที่ไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่จะได้รับ บางทีอาหารที่เสิร์ฟอาจจะเป็นแมคแอนด์ชีสที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาเลยก็ได้ แต่ก็ต้องผิดหวัง รสชาติอาหารไม่ได้ดีเด่อะไรเป็นพิเศษ ก็อย่างว่าบนรถไฟมีครัวเสียที่ไหน ที่บริกรเสิร์ฟมาให้ก็คืออาหารสำเร็จรูปผ่านความร้อนจากไมโครเวฟเหมือนกับอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบินน่ะแหล่ะ

               ให้มันผ่านไป ก็แค่มื้อเดียว

               หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จทั้งสองก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ดีนให้อาหารออมเล็ตน้อยในกระเป๋าสัตว์เลี้ยง ในเวลานี้ไม่สะดวกให้เนื้อสดสิ่งที่เจ้าไข่เหลืองได้กินคืออาหารเปียกของสุนัข ลูกสิงโตไม่ได้อิดออดมันหม่ำอาหารสุนัขอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องร้องเพลง ‘ออมเล็ตหม่ำ ๆ หม่ำ ๆ กู๊ดบอย’

               จนถึงเวลาดึกที่ตะวันยังคงสว่างจ้า ม่านของผ้าม่านถูกดึงปิด เก้าอี้จากเบาะนั่งเปลี่ยนเป็นเอนนอน ดีเหลือเกินที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางไม่น่าอึดอัดเหมือนเครื่องบินหรือบนรถบัสทำให้เอนกายนอนราบได้อย่างสบายในพื้นที่จำกัด ในที่นั่งแบบโค้ชคลาสไม่สามารถใช้ห้องอาบน้ำได้คืนนี้จึงทำได้เพียงล้างหน้าแปรงฟันแล้วกลับมานอนจับมือกับคนรัก

               “เสียดายนะที่ข้างนอกไม่ใช่ตอนกลางคืน ไม่งั้นได้นอนจับดูดาวมือกันไปแล้ว”

               ชายหนุ่มหัวเราะน้อย ๆ นึกกล่าวโทษอะพอลโลนิดหน่อยที่ทำให้ทริปที่ควรจะโรแมนติกต้องเสียไป ตอนนี้รถไฟน่าจะเคลื่อนขบวนผ่านแถวโอไฮโอ รัฐที่ขึ้นชื่อว่ามีป่าไม้เยอะเป็นอันดับสองของประเทศรองจากอะแลสกา คิดดูสิว่าทิวทัศน์นอกหน้าต่างเป็นป่าไม้ร่มรื่นและทิวเขาตัดกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจะโรแมนติกแค่ไหน

               ความโคลงเคลงของล้อเหล็กที่บดกับรางคล้ายกับเปลกล่อมนอน ไม่นานนักก็ทำให้แพขนตาค่อย ๆ ปรือลง ดีนยกข้อมือที่ประทับด้วยลองจินส์รุ่นแฟลกชิป เฮอริเทจ มูนเฟซ ขึ้นมาดูเข็มนาฬิกาชี้เกือบไปถึงขีดสิบเอ็ดนาฬิกา ได้เวลานอนพอดี

               “ฉันง่วงแล้วล่ะ ฝันดีนะที่รัก แล้วฉันจะตื่นมามองหน้านาย”

               ริมฝีปากวาดอมยิ้มก่อนที่ดวงตาจะปิดลงอย่างสนิท

               @Mackenzie


แสดงความคิดเห็น

42. Go to My Sweetie's HomeM [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] หลังกลับมาจากไปทำภารกิจที่ประเทศไทย แมคเคนซีก็ไม่ได้ออกไปข้างน  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-11-2 16:44
โพสต์ 45105 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-11-2 01:22
โพสต์ 45,105 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-11-2 01:22
โพสต์ 45,105 ไบต์และได้รับ +5 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-11-2 01:22
โพสต์ 45,105 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-11-2 01:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-11-2 16:44:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-11-12 14:03
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-11-2 01:22
230มุ่งหน้าสู่ซานอันโตนิโอ P.1
               1/11/2024 - 8.00 น.~

42. Go to My Sweetie's Home I
M

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังกลับมาจากไปทำภารกิจที่ประเทศไทย แมคเคนซีก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกค่ายอีกเลย อาจไม่ใช่แค่ข้างนอกค่าย แม้แต่การออกจากบ้านพักหมายเลข 20 ก็แทบจะนับครั้งได้ด้วยซ้ำ ที่แน่นอนก็คือการออกไปทานอาหารที่โรงอาหารในแต่ละมื้อ จนกระทั่งแฟนหนุ่มหน้าตาคมเข้มสายเลือดแห่งเทพโพไซดอนเอ่ยปากชวนเขากลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าการกลับไปในครั้งนี้จะเป็นการกลับไปเพื่อใช้สิทธิ์เลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็ตาม แต่ไหน ๆ ได้กลับบ้านแล้วทั้งทีอีกฝ่ายจึงถือโอกาสพาเขาไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักและอยู่ยาวยันวันขอบคุณพระเจ้าด้วยซะเลย ซึ่งแน่นอนว่าแมคเคนซีไม่คิดจะฏิเสธโอกาสนี้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้การเดินทางไปยังซานอันโตนิโอจึงได้เริ่มต้นขึ้น

“โอเค อาวุธพร้อมแล้ว ถ้าเจ้ามอนสเตอร์พวกนั้นมา ได้กลายเป็นผงแน่”

หลังจากที่ดีนเตือนว่าแถวบ้านมีอสุรกายมากมาย แมคเคนซีก็เตรียมอาวุธมาจนครบมือ แม้ว่าจูลี่น้องชายจากบ้านพักหมายเลขเดียวกันจะเคยทักว่าให้เขาลองไปแตะที่รูปปั้นเทพีเฮคาทีผู้เป็นแม่อีกครั้ง เผื่อว่าครั้งนี้เขาจะสามารถเพิ่มทักษะการใช้เวทมนต์ซึ่งเป็นพลังที่บุตรแห่งเทพีเฮคาทีสามารถใช้ แต่แมคเคนซีก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ พูดให้ถูกก็คือเขายังนึกภาพตนเองโบกไม้กายสิทธิ์เสกนั่นนี่ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ การใช้เวทมนต์สำหรับเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการเล่นมายากล แมคเคนซีจึงคิดว่าจะใช้อาวุธที่ถนัดมือในการต่อสู้ไปก่อนดีกว่า

เวลานี้พวกเขามาอยู่บนรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังชิคาโกกันแล้ว จากแผนการเดินทางที่ดีนวางไว้ พวกเขาทั้งสาม…ฟังไม่ผิดหรอก นอกจากแมคเคนซีกับดีนแล้วก็ยังมี ‘ออมเล็ต’ สิงโตนีเมียนที่ยังไม่โตเต็มวัยซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของดีนร่วมเดินทางไปด้วย ต้องนั่งรถไฟขบวนนี้กันยาวนานถึง 19 ชั่วโมงแล้วค่อยเปลี่ยนขบวนเพื่อเดินทางไปที่ซานอันโตนิโอต่อ

“ก็ดีอยู่ ติดแค่ว่านั่งนานชะมัด พวกเราคงได้หลับกันเป็นตายไปข้างนึง”

พอนึกถึงระยะเวลาที่ใช้เดินทางแล้วไม่ต่างกับนั่งเครื่องบินข้ามทวีปแม้แต่น้อย  เพียงแต่พวกเขาเดินทางข้ามรัฐเท่านั้น แมคเคนซีมองออมเล็ตที่ตอนนี้ถูกมนตร์บังตากลายเป็นเจ้าสุนัขพันธุ์เชาเชาที่นั่งอยู่ในกระเป๋าใส่สัตว์ สงสัยเสียจริงว่าพอนาน ๆ เข้าจะร้องหงุงหงิงเพราะเบื่อนั่งรถไฟหรือเปล่า

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“นั่นมันข้ามทวีป แต่นี่แค่ข้ามรัฐเอง ยังไม่ข้ามประเทศด้วยซ้ำ”

ถึงจะบ่นกระปอดกระแปดแต่แมคเคนซีก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องการเดินทาง ตรงกันข้ามคือดีเสียอีก ตั้งแต่ย้ายมาเรีนต่อที่อเมริกาก็อยู่แต่ในนิวยอร์ก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปยังต่างเมือง ดวงตาสีฮาเซลละสายตาจากเจ้าลูกสิงโตนีเมียนที่ถูกเพลงจากหูฟังกล่อมจนหลับสนิทมามองคนรัก เขาคงไม่ได้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์ดีกว่าปกติ อาจเพราะได้กลับบ้านในรอบหลายเดือนก็เป็นได้

“โอ๊ะ นั่นมันครึ่งแพะ…เซ็นทอร์ใช่ไหม อยู่กันเป็นครอบครัวเลยแฮะ”

ถึงจะอยู่ค่ายฮาร์ฟบลัดมาหลายเดือน แต่แมคเคนซีก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับคำศัพท์ที่ชาวค่ายใช้กันเท่าไหร่ เขายังคงใช้คำพูดเหมือนพวกมนุษย์สามัญทั่วไปอยู่ ช่างไม่สมกับเป็นเดมิก็อดเอาเสียเลย แต่ภาพครอบครัวเซนทอร์ตรงหน้าก็เรียกความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี ยิ่งดีนถ่ายรูปเก็บไว้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปขอดูเสียหน่อย

“อ้าว นายถ่ายไม่ทันงั้นเหรอ ทำไมมีแต่รูปวิวล่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ถ้านายว่างั้นฉันก็เชื่อนาย เราเห็นกันทั้งสองคนนี่ แปลว่าเซ็นทอร์พวกนั้นมีตัวตนจริง ๆ แต่ถ้าใครสักเห็นแล้วอีกคนไม่เห็นก็ขนหัวลุกได้เลย”

แมคเคนซีกอดอกพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกต่อ ไม่แน่ว่าอาจจะเห็นสิ่งแปลกตาน่าอัศจรรย์ในโลกเทพปะปนอยู่ในโลกมนุษย์ดังเช่นเมื่อครู่อีกก็ได้

“ที่ซานอันโตนิโอมีอะไรขึ้นชื่อบ้าง อยากแนะนำหน่อยไหม”

นั่งกินลมชมวิวแบบนี้นาน ๆ เข้าอาจจะเบื่อกันไปทั้งคู่ แมคเคนซีเลยหาเรื่องชวนดีนคุยสักหน่อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ก็….ไม่ นอกจากพวกเราที่เห็นมอนสเตอร์หรือสิ่งมีชีวิตในโลกเทพได้แล้ว คนธรรมดาที่มีซิกส์เซ้นส์ก็มีไม่ใช่เหรอ อย่างเช่นว่า….”

เงียบไปเล็กน้อยรากับคิดอะไรบางอย่าง ไหน ๆ พวกเขาก็กลับจากประเทศอังกฤษและประเทศไทยมาแล้ว เวลานี้คงถือว่าเหมาะสมกับที่จะเล่าเรื่องที่ตนเองไปเจอมาได้แล้วล่ะมั้ง

“ผู้หญิงสวมเดรสขาวเปื้อนเลือดแต่ไม่มีหัวที่หอคอยลอนดอน ไม่ก็ผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณเหมือนกับที่นายจะซื้อมาฝากรีชตอนไปตลาดน้ำ”

ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ดีนมากพร้อมกับลดเสียงพูดจนกลายเป็นเสียงกระซิบตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับไม่ควรแพร่งพรายให้ใครฟังอย่างไรอย่างนั้น พอรู้ตัวเลยขยับถอยมานั่งยืดหลังตรงแล้วกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาสนใจเรื่องที่ถามอีกฝ่ายค้างไว้

“ให้ตายสิ ฉันนึกว่าจะเป็นพวกของที่ระลึกอะไรแบบนี้ซะอีก เที่ยวให้ฉ่ำ…งั้นแปลว่ากลับบ้านนายคราวนี้พวกเราต้องทัวร์สวนสัตว์กับอควาเรียมกันน่ะสิ”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอโดนตบเข่าแล้วหัวเราะใส่ แมคเคนซีก็รู้แล้วว่าดีนคงไม่เชื่อเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าไปแน่นอน แต่เขากลับไม่โกรธคนรักแม้แต่น้อย ก็ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นมากับตาเลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นภาพลวงตา แล้วมันคืออะไร…แมคเคนซีเองก็ยังตอบไม่ได้เช่นกัน

“มีกลางวันตลอดแบบนี้ก็ดี ฉันไม่อยากมีประสบการณ์ล่าท้าผีหรอกนะ นายเคยไปโกสต์วอล์กอะไรนั่นไหม”

ไม่อยากจะเชื่อว่าที่บ้านเกิดของดีนจะมีกิจกรรมที่เหมือนรายการวาไรตี้ยามดึกแบบนี้ด้วย แมคเคนซีไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่อยู่ข้างวิทยาศาสตร์จ๋าจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยซ้ำ ส่วนเขาน่ะเหรอ…ทำไมต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมไร้สาระแบบนั้นด้วยล่ะ

“มาบ้านเกิดนายทั้งที ฉันต้องรีเควสตามรอยชีวิตวัยเด็กของนายอยู่แล้ว นายชอบไปที่ไหน ร้านอาหารร้านโปรดของนาย รวมไปถึงที่ที่นาย
มีเฟิร์สคิสด้วย”

แมคเคนซีมองตอบกลับดวงตาสีเปลือกไม้อันน่าหลงใหลของคนตรงหน้า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องราวของดีนอีกล่ะ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังจากคุยเรื่องต่าง ๆ กันไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยมาเย็นย่ำ พวกเขาก็มาที่ตรงโบกี้รถไฟส่วนที่จัดไว้เป็นคาเฟ่เพื่อบริการผู้โดยสารที่ดีนพูดถึงเมื่อตอนเพิ่งขึ้นรถไฟ ดู ๆ แล้วบรรยากาศและการตกแต่งก็เหมือนกับคาเฟ่ทั่วไป เพียงแต่ย้ายสถานที่มาอยู่บนรถไฟเท่านั้น

แมคเคนซีสั่งอาหารง่าย ๆ อย่างแฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชย่างมาอย่างละอันพร้อมกับน้ำแร่หนึ่งขวด แม้เขาจะอยากดื่มโกโก้ร้อนเครื่องดื่มสุดโปรดแค่ไหนแต่ก็คิดว่ามันคงจะเลี่ยนหากทานคู่กับอาหารฟาสต์ฟู้ด

“เดี๋ยวเปลี่ยนขบวนไปตู้นอนก็ได้กินอาหารหรูแล้ว อดใจรอหน่อยนะที่รัก”

หลังจากเหลือบไปมองโต๊ะข้าง ๆ ตามเสียงซุบซิบของดีนก็เห็นสเต็กปลาหน้าตาน่าทาน เอาเถอะ…พอเปลี่ยนขบวนเมื่อไหร่ อาหารการกินก็คงจะดีกว่านี้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ถึงดีนบอกว่าจะอดทน แต่เมื่ออาหารมาเสิร์ฟแล้วแมคเคนซีก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เอ็นจอยกับอาหารมื้อนี้เท่าไหร่ซึ่งเขาก็เข้าใจดี เพราะรสชาติของมันไม่ได้เหมาะสมกับราคา แม้แต่แฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชชีสย่างที่เขาสั่งมาก็เป็นแบบนั่น ปกติเขาจะชวนให้คนรักชิมอาหารของตนแต่รอบนี้รสชาติมันช่างธรรมดาเกินไปจนไม่สามารถเอ่ยชวนได้จริง ๆ

จบจากมื้ออาหารแสนกร่อยก็ได้เวลาให้อาหารเจ้าสิงโตน้อยออมเล็ต แมคเคนซีไม่อยากเชื่อเลยว่าสิงโตนีเมียนจะกินอาหารสัตว์ได้ด้วย คงต้องยกความดีความชอบให้ดีนล่ะมั้งที่ไม่รู้ไปฝึกอีท่าไหน ออมเล็ตถึงได้เชื่องผิดสิงโตไปขนาดนี้

“ไม่เป็นไร นอนดูพระอาทิตย์กันไปก่อนก็ได้”

หัวเราะผสมโรงไปด้วย การได้นอนจับมือกับคนรักถือว่าเป็นความสุขแล้วสำหรับแมคเคนซี ต่อให้ต้องนอนดูพระอาทิตย์อันเจิดจ้าแทนดาวหรือเดือนเขาก็ไม่สนใจ

“มองได้แต่อย่าลักหลับฉันล่ะ”

แกล้งแซวไปทีนึง แสงแดดตอนนี้สว่างเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเวลาค่ำแล้ว แต่คนที่เคยหลับตอนใกล้รุ่งสางหลังเลิกงานกลางคืนอย่างแมคเคนซีแล้วแสงอาทิตย์ก็ถือว่าไม่ใช่สิ่งรบกวนการนอนเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานอนของตน ดังนั้นก่อนที่ดีนจะได้ตื่นมามองหน้าหล่อ ๆ ของเขา แมคเคนซีจึงเป็นฝ่ายมองใบหน้ายามหลับใหลของอีกฝ่ายตอนนอนไปก่อน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 23013 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-11-2 16:44
โพสต์ 23,013 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-11-2 16:44
โพสต์ 23,013 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-11-2 16:44
โพสต์ 23,013 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-11-2 16:44
โพสต์ 23,013 ไบต์และได้รับ +6 EXP +9 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-11-2 16:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้