เจ้าของ: God

[ทางเข้าค่าย] ประตูค่าย

  [คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-3-25 22:02:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-27 06:41

Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-3-25 20:15 02. Long Island …เขาโดนบอกให้มาที่ลองไอแลนด์กี่รอบแล้วนะ…

050

ทำไมถึงเป็นนาย


             เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าอย่างเช่นหลาย ๆ วัน โดยวงเล็บไว้ว่า (ถ้าไม่ขี้เกียจ) เมื่อวันศุกร์ที่แล้วดีนลองสวมเกราะและพกอาวุธมาเต็มรูปแบบเพื่อให้ชินกับน้ำหนักและฝึกความคล่องตัว พอถึงเวลาจริงที่เจออสุรกายจะได้วิ่งหนีว่องไวปานบุตรของเฮอร์มีส ซึ่งเท่าที่ลองก็เหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะว่าเขาไม่ถูกยัยโซเฟียใจยักษ์ติติงระหว่างการเรียนคลาสหอกและโล่ในครั้งที่สาม


             เพราะว่าเป็นการวิ่งยามเช้าที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คนมากมาย (แต่ก็มักจะได้เจอกับพวกรุ่นพี่คนใหม่ ๆ ที่มาค่ายในช่วงเช้าแทบทุกที) ดีนจึงแค่ล้างหน้าแปรงฟัน ไม่ถึงขนาดโกนหนวดที่มักจะขึ้นเร็วเป็นตอครึ้มให้เนี้ยบกริบ หรืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เขาสวมแว่นสายตากรอบหนาแทนที่จะใส่คอนแทนเลนส์ซึ่งมีความยุ่งยากมากกว่า ส่วนรูทการวิ่งก็เดิม ๆ วิ่งออกจากโซนบ้านพักไปทางทิศตะวันออกทวนเข็มนาฬิกา 


             การควบคุมลมหายใจเริ่มดีขึ้นหลังจากที่จ๊อกกิ้งมาได้สักระยะหนึ่ง ช่างน่าประหลาดที่เหมือนว่าร่างกายของเขาจะคุ้นชินกับน้ำหนักเครื่องทรงบนตัวและการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือว่านี้จะคือหนึ่งในความสามารถที่ซ่อนเร้นในสายเลือดของบุตรชายสามมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่กันนะ? 


             ‘ถ้าแบบนี้ฉันก็เป็นนักรบมังกรได้น่ะสิ?’


             ความทะเล้นบังเกิด คนซนเก็บโล่ไว้กลางหลังแล้วควงหอกสัมฤทธิ์ไปมาเหมือนกับคทาดรัมเมเยอร์ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยจะทำใครเจ็บ เพราะเช้าขนาดนี้ยังไม่ค่อยมีคนตื่นมาอยู่แถวนี้ เป็นห่วงก็แต่จะทำหอกบาดมือตัวเองเถอะ


             Everybody was Kung Fu fighting

             Those cats were fast as lightning~

             In fact, it was a little bit frightening

             But they fought with expert timing~”


             โครม!!!


             คนที่กำลังลัลล้าสวมบทบาทโรลเพลย์เป็นเจ้าแพนด้าโป ‘นักรบมังกร’ สะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกคึกโครมที่ด้านนอกประตูค่ายจนเกือบทำหอกที่ควงเล่นอยู่ตกทิ่มเท้า แต่ดีที่เขารับไว้ได้ทัน


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]


             “อะ..อะไรนะ?”


             เขาชะเง้อคอมองออกไปทางประตูค่ายเหมือนเห็นอะไรบางอย่างไกลลิบ ๆ ท่ามกลางท้องฟ้าสลัวที่ดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นแมกไม้


             ‘รุ่นพี่คนใหม่มางั้นเหรอ?’


             พวกรุ่นพี่ที่มาค่ายล้วนเปิดตัวอย่างอลังการกันทั้งนั้น อย่างรุ่นพี่ไพเพอร์คนสวยก็ลงมาจากช๊อปเปอร์ หรือยัยโซเฟียใจยักษ์ก็ซิ่งบิ๊กไบค์เข้ามา แต่คราวนี้… กลิ้งมางั้นเหรอ?


             ดีนขยับแว่นขยี้ตามองอีกครั้ง เขาเห็นจุดสองจุดอยู่ไกลลิบ ๆ จุดหนึ่งดูนิ่งไป ส่วนอีกจุดพยายามจะดึงอีกจุดหนึ่งให้ลุกขึ้นมา


             “ช่วยด้วย!! คนตรงนั้น!!!”


             เสียงแตกหนุ่มดังแว่วมาจาก 'จุด' นั้น นั่นคือ 'คน' ที่กำลังโบกไม้โบกมือมาทางนี้ด้วยอาการร้อนรน ดูท่าทางว่าคนที่อยู่นอกประตูค่ายจะเห็นเขานะ แถมยังร้องเรียกขอความช่วยเหลืออีกต่างหาก ถ้ามองเห็นเข้ามาในนี้แปลว่าพวกเขาเป็นคนจากค่ายฮาล์ฟบลัด จนดีนพอจะตั้งสติได้ จึงรีบวิ่งออกไปดูคนที่ขอความช่วยเหลือ โดยไม่ทันได้เห็นบางสิ่งที่ตามมาด้วย


             “กำลังไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”


             บุตรแห่งโพไซดอนตะโกนตอบ แต่พอวิ่งออกมาพ้นประตูค่ายได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเบรคฝีเท้าดังเอี๊ยด เมื่อเห็นว่ามีอสุรกายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหมือน 'หมาซอมบี้' (อัลกูล) ไล่ตามสองคนนั้นมาติด ๆ ทว่าดีนมีเวลาให้หยุดอึ้งไม่ได้นาน เพราะหมาซอมบี้ตัวใหญ่เท่าหมีกระโดดขึ้นมาคร่อมร่างของสองคนนั้นแล้วอ้าปากเตรียมจะงับคนที่นอนสลบอยู่เข้าปาก ไม่ได้การแล้ว สติ! สติต้องมา!! ตอนนี้เลย!!!


             ดีนขว้างของที่อยู่ในมือออกไปโดยไม่ทันได้คิดถึงอะไรทั้งสิ้น หอกสัมฤทธิ์ของเขาพุ่งปักโดนไหล่ของหมาซอมบี้เข้าอย่างจัง เจ้าสัตว์ประหลาดกรีดร้องเสียงเล็กแหลมน่าสะพรึงกลัวออกมา จากน้ันสายตาของมันก็เปลี่ยนเป้าหมายมาทางชายหนุ่มเจ้าของหอกในทันที


             “โอ๊ะโอ..”


             สัมผัสได้ถึงความซวยมาเยือน อสุรกายตัวนั้นกระโดดเพียงสามทีก็ส่งร่างของมันพุ่งถลาเข้ามาหาดีนที่อยู่ไกลถึงยี่สิบหลาได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกลิ้งตัวหลบไปด้านข้างอย่างฉิวเฉียด ตอนนี้หอกของเขาปักอยู่ที่ตัวของมันจึงไร้อาวุธต่อกร ครั้นจะบอกว่า ‘ขอหอกคืนด้วยค้าบ’ มันก็คงจะส่งคืนให้ดี ๆ หรอกนะ..  เขาจึงรีบเอาโล่ที่สะพายหลังออกมาป้องกันตัวเอง แต่คนที่ไร้ประสบการณ์การต่อสู้มีแต่ประสบการณ์การถูกกระทืบยังไม่เร็วพอที่จะตั้งหลัก เขาถูกเรี่ยวแรงมหาศาลของหมาซอมบี้กระแทกจนตัวลอยแม้จะถือโล่บังหน้าเอาไว้ แต่สิ่งที่กระเด็นไม่ใช่แค่ดีน แต่หมวกเกราะและแว่นตาของเขาก็กระเด็นหลุดไปด้วย


             ‘ฉิบหายแล้ว แว่น!!’


             ยังดีที่แว่นตากระเด็นหลุดตกอยู่ไม่ไกลเกินหนึ่งช่วงแขน ชายหนุ่มรีบเสือกตัวไปหยิบแว่นสายตาสั้นมาใส่ก่อนที่ตนจะมีจุดจบแบบมิสเตอร์เบิร์น ในหนังเดอะมัมมี่ภาคแรก


             อสุรกายน่าเกลียดพยายามยื้อยุดโล่สัมฤทธิ์ของดีนเอาไว้ทำให้ตัวของเขาถูกเหวี่ยงไปมา จากสถานการณ์ทำให้ชายหนุ่มต้องกลับตาปี๋อย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของโซเฟียดังขึ้นมาในหัว


             ‘ห้ามหลับตา! เอาใหม่!’


             ด้วยความผวาจากการฝึกจัดจึงทำให้ดีนต้องลืมตา เขาประชันหน้ากับเจ้าตัวน่าเกลียดนั่นโดยตรง ไม่เพียงแต่ร่างกายช้ำเลือดช้ำหนองที่ดูน่ากลัว แต่กลิ่นของมันยังสาปสางเหมือนซากศพชวนจะอ้วก ดีนกัดฟันกรอดต้องทนทั้งแรงทั้งกลิ่น แต่ก็จำต้องลืมตามองคู่ต่อสู้ไม่เช่นนั้นตนจะกลายเป็นเหยื่อ แล้วในที่สุดเขาก็เห็นว่าหอกที่ปักอยู่บนไหล่ของมันไม่ได้ไกลมือเขาเลยนี่นา


             ดีนคว้าด้ามหอกสัมฤทธิ์ที่ส่ายไปมาตามแรงทึ้งของอสูรแล้วออกแรงถีบไปข้างหน้าอย่างเต็มแรงจนได้หอกคืนกลับมา สัตว์นรกกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ควรเป็นเลือดไม่ได้พุ่งออกมาจากบาดแผล แต่กลับระเหยกลายเป็นฝุ่นผงแล้วปลิวไปกับสายลมยามเช้า ไม่รอให้ปีศาจรุกไล่ได้อีกครั้ง คราวนี้ดีนปาหอกออกไปด้านหน้าจนสุดแรง ในระยะหวังผลเช่นนี้หอกสัมฤทธิ์ทะลุผ่านกลางหน้าของหมาซอมบี้ตัวนั้นไป จากนั้นร่างกายอันน่าสยดสยองก็สลายกลายเป็นฝุ่นไปทั้งหมด


             ฉึก!


             หอกคู่ใจพุ่งลงปักพื้นตามโมเมนตัมที่ควรเป็น ดีนลุกขึ้นยืนด้วยอาการหอบ หัวใจเต้นแรงจากเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งผ่านพ้น เขาดึงหอกขึ้นมาจากพื้นดินที่ไม่มีคราบเลือดหลงเหลืออยู่เลย


             สายเลือดแห่งสามมหาเทพ


             สุ้มเสียงหนังดังขึ้นในสมอง ทว่าน่าสยดสยองเสียจนขนลุกซู่ เมื่อดีนหันไปทางต้นเสียงก็เห็นหมาซอมบี้ที่ตัวใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้เป็นสองเท่า มันเดินข้ามผ่านคนที่นอนอยู่อย่างไม่สนใจใยดี สายตาหิวโหยมองมาทางเหยื่อรายใหม่ที่กลิ่นออร่ารุนแรงกว่า แล้วเมื่อมันเห็นเศษเสี้ยวสุดท้ายของหมาซอมบี้ตัวแรกมันก็คำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว


             ข้าจะกินแกให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก!!!


             เสียงนั้นถูกส่งเข้ามาในหัวอีกครั้งจนรู้สึกปวดหัวจิ๊ดขึ้นมา ตอนนี้ดีนอยากหันหลังกลับไปที่ประตูค่ายแล้ววิ่งหนีสัตว์ปีศาจตัวใหญ่นั่นเหลือเกิน แต่หากเขาทำเช่นนั้นสองคนที่อยู่ตรงนี้ต้องไม่รอดแน่ ๆ แม้ใจไม่อยากปะทะแต่ถ้าไม่สู้คิดจะสู้เลยก็คงไม่มีวันที่จะได้ออกไปจากค่าย


             ‘เอาวะ!’


             ชายหนุ่มพรูลมหายใจเข้าออกพยายามข่มจิตไม่ให้เตลิดตามคำสอนของไครอน กอปรกับคำแนะนำจากโซเฟียเรื่องการตั้งรับการต่อสู้ และหวนนึงถึงกลยุทธ์เทสทูดอร์และฟาลังซ์ เพียงแต่ต้องเอามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์นิดหน่อยในแบบฉบับของคนล่ก


             หมาซอมบี้ตัวใหญ่กระโจนใส่ดีนรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวเล็กที่ใหญ่เท่าหมี ทำเอาชายหนุ่มที่ยกโล่กันขึ้นท่วมหัวเซถลาไปไกล เทียบแรงกำลังแล้วดีนไม่รู้เลยว่าจะใช้กลยุทธ์ใดในการเอาชนะได้ เขาเพิ่งเรียนหอกมาได้แค่สามวันเองต้องมารับมือกับปัญหาที่ยากลำบากขนาดนี้เชียวหรือ แต่ในเวลานี้จะมัวท้อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่แคล้วกลายเป็นอาหารของเจ้าตัวโต อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าพวกมันตายเป็นล่ะน่า


             ‘ถ้าล้มในทีเดียวไม่ได้ก็ค่อย ๆ ตอดเลือดตัดกำลังไปก่อน’


             นี่คือไอเดียที่คิดขึ้นมาได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำไหวหรือเปล่า เจ้านี้ตัวทั้งใหญ่โตแต่พละกำลังและความเร็วไม่ได้ชักช้าอุ้ยอ้าย เพราะฉะนั้นเขาจะต้องเร็วกว่ามันให้ได้ ในจังหวะที่อสุรกายวิ่งข้ามาดีนก็ตั้งโล่เป็นปราการอีกครั้งตามกระบวนท่าเทสทูดอร์เพื่อรับแรงปะทะ และเมื่อสัตว์ประหลาดตัวนั้นใกล้เข้ามาถึงก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยแล้วแทงหอกไปที่ขาของมัน

             

             “กร๊าซซซซ!!”


             หมาซอมบี้ตัวใหญ่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันกางกรงเล็บอีกข้างขึ้นมาตะปบแต่ดีนแทงหอกสวนเข้าไปทะลุกลางอุ้งมือเน่าเฟะได้ทันท่วงที ถือว่าตัดกำลังเจ้าตัวยักษ์ไปได้หลายส่วน เห็นได้ชัดเจนว่ามันเคลื่อนที่ได้ช้าลง แต่ก็เกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น ในเมื่อวิธีเดิมใช้ได้ผลดีนจึงอยากจะใช้ซ้ำอีก กระนั้นหมาซอมบี้ถึงจะเน่าแต่ก็มีสมอง มันไม่หลงกลให้ดีนแทงขาตัดกำลังง่าย ๆ ต่างฝ่ายต่างลองเชิงกันไปมาโดยไม่มีผู้ที่จู่โจม ไม่รู้คำว่าเปิดก่อนได้เปรียบจะใช้กับสถานการณ์นี้ได้หรือไม่แต่ก็ต้องลองดู


             ไม่คำนึงถึงการตั้งรับอีกต่อไปแล้วใช้โล่ดาหน้าบีบขบวน ดีนยกหอกขึ้นมาในจังหวะที่สัตว์อสูรกางกรงเล็บและต่างฝ่ายก็ต่างออกอาวุธในเวลาเดียวกันจนได้กันไปคนละแผล


             “ฮึม!”


             ร่างสูงกัดฟันกรอดเมื่อถูกกรงเล็บคมชำแรกผ่านเนื้อที่ต้นขาจนเลือดไหลอาบซิบ ๆ ฝ่ายอสุรกายแม้มันถูกแทงเข้าที่ท้องแต่ก็ยังไม่ตาย รอยรั่วของมันค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเหมือนผงฝุ่นถูกเป่าออกมาจากร่างคล้ายศพ ด้วยความที่เสียจังหวะดีนจึงไม่ทันได้ยกโล่ขึ้นมาป้องกันตอนที่อสุรกายตะปบใส่ แล้วสิ่งกำบังกายก็ถูกงัดกระเด็นออกจากมือ 


             “!?!”


             หมาซอมบี้ยักษ์งับเข้าที่ไหล่ของดีน กดร่างเขาจนต้องนอนราบไปกับพื้นพง กรงเล็บแหลมจิกลงที่กลางอกแต่ติดเกราะสัมฤทธิ์ที่หนาจนฟันแทงไม่เข้า กระนั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสที่แขนทำให้ต้องนิ่วหน้า มันพยายามกัดกระชากแขนของเขาให้ออกจากลำตัว การต่อสู้ครั้งแรกก็สาหัสถึงเพียงนี้จนรู้สึกว่าตายแน่ ๆ คราวนี้ตายของจริง ภาพบุคคลที่เคยรู้จักหลั่งไหลเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ


             ตอนนี้ภายในหัวที่หนักอึ้งได้ยินเสียงร้องระงมของเด็กหนุ่มที่ขอความช่วยเหลือในตอนแรก นั่นพอจะทำให้เขาดึงสติกลับมาได้  ใครจะไปยอมตายกันล่ะ!


             ฉึก!!


             ชายหนุ่มใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีกระแทกหอกใส่ช่องอกของศพเดินได้


             “ไปตายซะไอ้เวรเอ๊ย!!”


             ร่างกายของมันกระตุกเฮือกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยปาก จนดีนต้องกระทุ้งกระแทกเข้าไปอีกหลายทีร่างนั้นถึงได้ค้างกลางอากาศแล้วค่อย ๆ สลายกลายเป็นฝุ่นผง


             การต่อสู้จบลงไปในช่วงเวลาที่แสงตะวันส่องสูงเหนือทิวไม้ เขานอนหอบมองท้องฟ้าสีม่วงอมเหลืองที่เบื้องบน หูที่วิ้งอื้ออึงค่อย ๆ กลับมารับเสียง แล้วเด็กหนุ่มผู้ประสบภัยคนนั้นก็รีบมาดูอาการของดีนอย่างเป็นห่วง


             “พี่ชาย พี่เป็นอะไรไหมฮะ?”


             หนุ่มแว่นหรี่ตามองด้วยอาการเหนื่อยล้า คน ๆ นี้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากับคนในค่าย เป็นเด็กลูกครึ่งเทพคนใหม่ที่เดินทางมาค่ายฮาล์ฟบลัดแต่ถูกเล่นงานก่อนงั้นเหรอ? 


             “ฉันยังดี.. ดีที่ไม่ตายน่ะ”


             ดีนรวบรวมแรงลุกขึ้นมา ฝ่ามือหนากดลงเหนือบาดแผลที่ไหล่เพื่อห้ามเลือด เท่าที่ดูแผลค่อนข้างเหวอะหวะน่ากลัวถ้าไม่ห้ามเลือดตอนนี้มีหวังอาจตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป เขาจึงเลิกชายเสื้อขึ้นมาฉีกมันออกแล้วผูกซับปฐมพยาบาลตัวเองเพื่อห้ามเลือดไปก่อน ถือว่าความกลัวตายได้ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ไหม? ที่ทำให้เขาไม่หน้ามืดเป็นลมจากของเหลวกลิ่นสนิมที่หลั่งออกมาจากร่างกายตนเองไปก่อน


             “นายมาคนเดียวเหรอ? เมื่อกี้ฉันเห็นเหมือนว่าจะ..”


             เขามองไปรอบ ๆ จนเห็นว่ามีอีกร่างหนึ่งที่นอนสลบอยู่บนพื้นหญ้า คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมก่อนที่จะรีบเข้าไปดูอาการของคนเจ็บอีกคนที่ไม่ได้สติ แบบนี้สิแย่กว่า เพราะถ้าสลบไปแบบนี้สมองอาจได้รับการกระทบกระเทือนก็เป็นได้


             “พี่เขาสลบไป ผม..ผมไม่รู้ว่าจะทำไงดี”


             เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวไปก็ส่งเสียงสะอื้น ร่างจริงค่อย ๆ เผย จนเห็นว่าหนุ่มคนนี้มีเขาแพะอยู่บนศีรษะ และขาภายใต้กางเกงที่ถูกซ่อนเอาไว้ก็น่าจะเป็นขาแพะด้วยเช่นกัน


             “นาย.. แซเทอร์?” เพราะอยู่ที่ค่ายมาเป็นเดือนทำให้รู้ได้ทันทีว่าบุคคลลักษณะเช่นนี้คือเผ่าพันธุ์อะไร ดีนรู้ว่าบ้านของเหล่าแซเทอร์อยู่ในถ้ำกลางป่าของค่ายฮาล์ฟบลัดนี่แหล่ะ ถ้าไม่ใช่เด็กใหม่ก็ใช้งานง่ายหน่อย “ถ้างั้นก็รีบไปตามคนมาช่วยที เร็วเข้า!”


             “ครับ!”

             

             คล้ายว่าเสียงตะคอกอย่างไม่ตั้งใจจะช่วยเรียกสติหนุ่มแซเทอร์ผู้นำทางให้รีบไปตามคนมาช่วย ดีนหันกลับไปมองคนเจ็บอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมแจ็คเก็ตตัวนี้ช่างคุ้นเคย ทั้งทรงผม สีผม และผิวขาว ๆ ที่โผล่พ้นสาบเสื้อ มือแกร่งแตะจุดชีพจรที่ลำคอยังคงเต้นอยู่ แต่จะเคลื่อนย้ายสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคน ๆ นี้มีส่วนไหนที่บุบสลายไปบ้าง


             “เดี๋ยวนะสร้อยคอนี่…”


             มือที่เปื้อนเลือดสด ๆ หยิบจี้ห้อยคอขึ้นมาดู ฉับพลันดวงตาก็เบิกกว้างจนแทบจะลืมหลักปฐมพยาบาลคนหมดสติเสียจนหมดสิ้น เขาพลิกตัวอีกฝ่ายให้นอนหงาย เพียงแค่เห็นหน้าของอีกฝ่ายหัวใจก็แทบจะหล่นลงไปถึงตาตุ่ม แน่นอนว่าคน ๆ นี้คือคนที่ดีนรู้จัก แต่ไม่อาจบอกได้ว่าสนิทกันในความสัมพันธ์รูปแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ การเป็นเดมี่ก็อดที่มาค่ายฮาล์ฟบลัดย่อมหมายความว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติไม่มากก็น้อย


             ความทรงจำฉากหนึ่งไหลบ่าเข้ามาในหัว..


             “โอ้ตายล่ะ.. ฉันทำอะไรลงไปวะเนี่ย”


             สิ้นเสียงพึมพำคล้ายคนไม่ได้สติก็ถูกเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากหน่วยพยาบาลแทรกทับ จากนั้นทั้งสองก็ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างดีก่อนจะถูกพาเข้าไปรักษาตัวที่สถานพยาบาล ณ บ้านใหญ่


พลังตื่นรู้ +2 จากการกำจัด [อัลกูล] ครั้งแรก

     

แสดงความคิดเห็น

God
+2 ตื่นรู้จากการพิชิตอัลกูลครั้งแรก  โพสต์ 2024-3-26 01:47
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ +30 ความกล้า โพสต์ 2024-3-26 01:47
โพสต์ 77875 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-3-25 22:02
โพสต์ 77,875 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-3-25 22:02
โพสต์ 77,875 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2024-3-25 22:02

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-4-12 23:43:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
081
เริ่มภารกิจ (ตามหาแม่) ครั้งใหม่

             ก่อนออกเดินทางเข้าตัวเมืองนิวยอร์กที่แสนคุ้นเคยดีนได้ไปใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อหาคุณนายอัลวาเรซที่พักอาศัยอยู่แถว ๆ โบเวอร์รี่เป็นการชั่วคราว คุณแม่ดูจะตกอกตกใจใหญ่เมื่อรู้ว่าเขาจะมาหา ดีนต้องย้ำอยู่หลายครั้งเลยว่าเขาฝึกมาหนัก (?) จนตอนนี้สามารถออกเดินทางมาที่นอกค่ายได้แล้ว และคุณไครอนเป็นคนรับรองให้เอง โดยที่เขายังงุบงิบไม่บอกเรื่องที่ตัวเองฉายเดี่ยวไปเฮติมา ส่วนสถานที่นัดพบคือสวนสาธารณะสุดโด่งดังเซ็นทรัลพาร์ค ดีนส่งโลเคชั่นไปให้รับรองว่านัดกันคราวนี้ไม่มีคลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน จากนี้ก็ต้องปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อความปลอดภัย

             ดีนพารีชานั่งรถประจำทางสายเดียวกับที่พาเขาและดารีน่ามาส่งที่ลองไอแลนด์ ดูเหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณหนูตัวน้อยได้นั่งรถโดยสารสาธารณะ

             “หนูขอนั่งริมหน้าต่างได้ไหมคะ?”

             “จ้า ๆ เชิญเลย”

             ไม่เหนือความคาดหมาย เธอตื่นเต้นใหญ่จนลืมความกังวลไปเสียหมด สิ่งที่ดูจะดึงดูดความสนใจจากสาวน้อยคือหน้าต่างรถบัสบานใหญ่ที่เห็นวิวภายนอกได้เต็ม ๆ ตา คล้ายกับตอนที่เขายังเป็นเด็กแล้วที่บ้านยังไม่มีรถนั่นแหล่ะ ดีนขอคุณพ่อคุณแม่นั่งริมหน้าต่างดูวิวเป็นประจำ

             รถโดยสารออกเดินทางจากป้ายริเวอร์เฮดถึงแมนฮัตตันคาดว่าจะใช้เวลาราว ๆ สามชั่วโมงเห็นจะได้ จากนี้ก็นั่งไปยาว ๆ จนเมื่อยก้น การรอคอยเพื่อไปถึงจุดหมายช่างเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่คงนั่งนิ่งได้ไม่นานต้องขยับปากตอบเพราะสาวน้อยจำไมอย่าง รีชา แคมพ์เบลล์ เจื้อยแจ้วถามไม่หยุดตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง

             “หอคอยสูง ๆ นั่นคืออะไรเหรอคะ?”

             “นั่นคือประภาคาร เอาไว้ส่องไฟเป็นสัญญาณตอนกลางคืนว่าตรงนี้เป็นบก เรือที่แล่นผ่านมาจะได้ไม่ชนฝั่ง”

             “อ๋อ ประภาคารของจริงเป็นแบบนี้นี่เอง”

             เงียบไปได้ไม่ถึงนาทีก็มีคำถามใหม่

             “บ้านคนเยอะจังเลยนะคะ มองไม่เห็นค่ายเลย” เด็กหญิงพยายามชะเง้อคอมองหาค่ายฮาล์ฟบลัด สงสัยคงหวังว่าจะเห็นคุณไครอนโบกมือส่งที่หน้าประตูค่ายล่ะมั้ง..

             “เอ่อ..” คำถามนี้ดีนต้องขยับเข้าไปกระซิบตอบ “เพราะว่าค่ายฮาล์ฟบลัดต้องใช้มนตร์พลางตาไง ต้นสนธาเลียอะไรนั่นน่ะ ถ้ามองจากตรงนี้เข้าไปก็มองไม่เห็นหรอก”

             ดีนก็ไม่ค่อยเข้าใจหลักการว่าข่ายมนตราคุ้มครองค่ายมันทำงานอย่างไร ที่ตอบไปก็มั่ว ๆ เอาตามที่คิด แต่มันก็ทำให้เด็กหญิงคล้อยตามได้จนไม่ถามคำถามนี้ต่อ

             “แล้วเซ็นทรัลพาร์คอยู่อีกไกลไหมคะ ต้องนับหนึ่งถึงเท่าไรเหรอ?”

             มาแล้วคำถามยอดฮิตของเด็กวัยสิบปี หนุ่มนักวิทย์คำนวนอย่างรวดเร็วในหัว ซึ่งตัวเลขที่เขาจะบอกไปน่าจะทำให้เด็กหญิงตกใจแน่ ๆ

             “หนึ่งหมื่นแปดร้อยน่ะ”

             “หนะ.. หนึ่งหมื่นแปดร้อยเลยเหรอคะ!?” เด็กหญิงทำตาโต “ได้ค่ะ หนูจะลองนับดู หนึ่งสองสามสี่ห้า..”

             “ไม่ ๆ เธอนับเร็วไปแล้ว หนึ่งวินาทีคือหนึ่งเลขสิ แบบนี้น่ะ หนึ่ง… สอง… สาม… สี่… ห้า…”

             “เอ๋ นับแบบที่หนูนับไม่ได้เหรอคะ? มันก็ไปถึงหนึ่งหมื่นแปดร้อยเหมือนกัน”

             “ไม่เหมือนสิ เวลามันไม่เท่ากัน ถ้างั้นรีชต้องนับหนึ่งถึงสามหมื่นสองพันสี่ร้อยแทน”

             ได้ยินแบบนี้เด็กหญิงก็เบะหน้า “ได้ค่ะ นับช้า ๆ ก็ได้ หนึ่ง… สอง… สาม… สี่… ห้า…”

             .
             .
             .

             เสียงนับของน้องสาวเป็นยานอนหลับชั้นดี ดีนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ น่าจะราว ๆ หนึ่งร้อยหกสิบสองล่ะมั้ง.. จากนั้นเขาก็ถูกมือเล็ก ๆ สะกิดปลุกเมื่อเด็กหญิงนับเลขจนถึงหนึ่งหมื่นแปดร้อย

             “พี่ดีนคะ หนูนับครบแล้ว”

             “หืม.. ครบแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มสะลึมสะลือมองออกไปนอกหน้าต่างรถบัส ข้างหน้าคือสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค “มาถึงพอดีเลย บอกแล้วว่าถ้าสปีดนี้ล่ะก็เป๊ะ”

             มือแกร่งยกขึ้นยกหัวสาวน้อยผมสีจินเจอร์ จากนั้นก็เตรียมตัวลงจากรถประจำทางเมื่อมาถึงที่หมาย นับเป็นการเดินทางขาไปที่สงบเรียบร้อยผิดคาด

เริ่มภารกิจ: ตามหาพัสดุที่หายไปของเฮอร์มีส


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13634 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-4-12 23:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-4-13 23:22:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Ripley เมื่อ 2024-4-13 23:44

White Swan in The Ocean

           หลังจากที่แคทเธอรีนผู้เป็นแม่ได้บอกถึงความลับที่เก็บมาตลอดทั้งชีวิตเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในรถที่ควรจะครึกครื้นตามสไตล์บ้านสวอนสันตอนนี้กลับปกคลุมด้วยความเงียบและเสียงเครื่องยนต์ที่บ่งบอกว่าตอนนี้แคทเธอรีนขับรถด้วยความเร็วที่เร็วมากเพียงใด ถนนหนทางที่ขับเป็นทางเลี่ยงเมือง แม้ว่าจะแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีรถผ่านสักคันแต่ก็ถือเป็นเรื่องโชคดีแล้วในสถานการณ์แบบนี้

           ไม่นานรถคันใหญ่ก็ขับออกจากถนนเข้าสู่เส้นทางดินที่ทอดเข้าไปในป่า ใจของริปลีย์ค่อยเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่ถนนที่ผ่านมาค่อยๆไกลลิบตาไปจนปกคลุมเพียงต้นไม้ ต้นไม้และต้นไม้ รถวิ่งไปราวๆเกือบๆยี่สิบนาทีได้ก็พบกับป้ายไม้ “ค่ายฮาล์ฟบลัด”

           
“ถึงแล้วล่ะ” แคทเธอรีนกล่าว—

         
“ค่าย…ฮาร์ฟบลัด?”

          ริปลีย์อ่านชื่อค่ายตามป้ายไม้ที่ปักไว้และมองสิ่งปลูกสร้างที่ดูธรรมดาไม่ต่างจากหมู่บ้านจนน่าประหลาดใจ แต่ว่าพอเธอเดินเข้าไปก็พบว่าสิ่งที่มองจากภายนอกเมื่อครู่นี้ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว บ้านใหญ่สวย สนามหญ้าและพื้นที่ร่มรื่นมีผู้คนนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน

          ทุกคนคือฮาล์ฟบลัด? แบบเรา?

          “ดูแลตัวเองดีๆนะ ริปลีย์”

          เสียงของแคทเธอรีนได้ทำให้ริปลีย์ละสายตาจากภาพตรงหน้าหันกลับมามองแม่ของตนที่ไม่ก้าวเข้ามาในเขตของค่าย เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะเอ่ยถามกับแม่ถึงเหตุผลที่เอ่ยเช่นนี้

          “ทำไมแม่ไม่เข้ามาด้วยล่ะ?”

          ไร้คำตอบกลับ มีเพียงการส่ายหน้าที่แทนทุกคำตอบให้แก่เธอ

          “...หนูสัญญาว่าถ้าออกไปได้จะไปหาแม่ค่ะ”
เธอเดินออกไปกอดแม่ของตนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน “แล้วแม่จะคิดถึงหนู เพราะไม่มีใครเต้นสวยเท่าหนูแล้วในคณะของแม่”

          ก่อนจากกันยังไม่วายกล่าวถ้อยคำถือดีแสนน่าเอ็นดู เมื่อคลายกอดก็ถึงเวลาขนกระเป๋าเดินเข้าค่ายไปเพื่อเข้าอาศัยในที่แห่งนี้

          “สวัสดีครับ” มีคนบางคนที่ดูจะเป็นผู้นำ…? เข้ามาทักทายริปลีย์และร็อกซาน่า “ฮาล์ฟบลัดสินะครับ ผู้มาใหม่จะต้องไปพบกับท่านไครอนที่บ้านใหญ่ เดี๋ยวผมจะนำทางไป”

           ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอในสถานที่ใหม่จะเริ่มต้นเสียแล้วสิ










แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7635 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-4-13 23:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ชุดนักเรียนญี่ปุ่น
สร้อยข้อมือถัก
หมวกปีกกว้าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
รองเท้าส้นสูง
น้ำหอมสตรี
หายใจใต้น้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x1
x1
โพสต์ 2024-4-14 21:41:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ΓΞΔR ΓΩR SΔΓΞTΨ






กับเด็กๆนั้นฉันเข้าใจดี ฉันผิดเองที่ฉันต้องให้เขามาเจออะไรแบบนี้ ฉันเชื่อเลยว่าต่อให้เด็กรอดกลับมา แต่สภาพจิตใจของเด็กบอบช้ำมาขนาดนี้ถ้าแม่ยังอยู่แล้วเห็นตัวเด็กในสภาพที่จิตใจของเธอแทบจะถูกทำลายแบบนี้ แม่ฉันเอาตายแน่ 

คำสารภาพความในใจกับตัวเองถึงการกระทำที่ป่าเถือ่น จนทำให้เด็กหญิงคนนั้นช็อคไป เป็นสิ่งตัวเขาเองนั้น ไม่สามารถให้อภัยตนเองได้หลังจากที่ทำมัน นิสัยเดิมๆที่ถ้าไม่ตายก็แก้ไม่หาย ความอำมหิตของตัวเองที่ได้ลงไปฆ่าคนในครั้งแรก และครั้งต่อมาอีกนับไม่ถ้วน เป็นเหมือนการลงทัณฑ์จากสวรรค์ หรือของขวัญจากขุมนรกดีล่ะสำหรับตัวของเขา.. แต่ในร้ายก็มีดี เพราะลุงข้างบ้าน.. ใช่ ฟังไม่ผิด ลุงข้างที่กัจจุบันก็ยังคงอยู่ตรงนั้น ที่เดิม คอยช่วยสอนในสิ่งที่ตนเองจะต้องควบคุมหรือสิ่งใดที่จะต้องใช้มัน จนกระทั่งตัวของเขาสามารถจัดการกับสิ่งๆนั้นได้และใช้มันได้อย่างที่ใจต้องการ กับตัวเขา มันเป็นเช่นนั้น แต่กับคนที่เห็นในอีกมุมมอง มันไม่ต่างอะไรกับผีสงครามเข้าสิง หากไม่มีสัญลักษณ์ของไนกี้ลอยอยู่บนหัวของเขา ทุกๆคนคงมองเขาเป็นบุตรแห่งเอรีสไปแล้วอย่างแน่นอน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนใจให้กับเด็กอายุ 12 ปีไม่ใช่น้อย ท่าทางของเด็กหญิงที่นิ่งไปอย่างนั้น คงเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เซ็นทรัลพาร์ค ในนิวยอร์ก เชื่อสิ.. ไม่ว่าใครที่เห็นคนพวกนั้นย่อมมองเขา และตีตราเขาไปเรียบร้อย ว่าเป็นภัยสังคม พวกไคร่เด็ก ทั้งที่เด็กหญิงตัวน้อยที่มากับเขานั้น คือคนที่เขาช่วยเหลือเอาไว้แท้ๆ เพียงแต่วิธีของเขานั้น อยู่ในสายตาของเด็กหญิงตัวน้อยไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเอาจริงๆ จิตใจของเด็กหญิงในตอนนี้ ก็มีเรื่องอื่นเข้ามาแทนภาพที่ติดตาของเธอออกไปหมดแล้ว ทั้ง ความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์ที่ผ่านมาเห็น ซึ่งทีมนั้นมาจากโรมานอร์สซึ่งเป็นคนละค่ายกัน แต่หน้าที่และภารกิจนั้นไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก ต้องขอบคุณชายหญิงสายเลือดเทพเหล่านั้น ที่มาช่วยชายชราเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที ไม่งั้นภารกิจนี้คงล้มเหลว และสิ่งที่เขาไม่อยากจะให้เกิดก็อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นไปได้..

ที่ด้านหน้าของประตูค่าย 
ชายชราร่างสูงใหญ่ไม่คิดว่าจะมีชาวค่ายขับรถเข้าไปส่งถึงหน้าประตู เป็นอะไรที่ดี และก็แย่นิดหน่อย ไม่งั้น เขาคงจะหาโอกาสเอารถของเขาเข้ามารถที่ด้านหน้าของค่าย รถที่นี่มีความอัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ชายชราผู้สนใจ เพราะรถทุกคันที่มีเจ้าของเป็นสายเลือดเทพ เมื่อใช้เสร็จแล้ว รถจะย่อหายกลายเป็นพวกกุญแจไป ในเวลาที่เขาต้องการ ซึ่งตอนนี้ เขาก็ให้ชายชราร่างใหญ่กับเด็กหญิงนั่งที่กระบะ และทั้งสองคนได้คุยกัน..

"...." 
เด็กทำได้เพียงเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ ทำเอาชายชราแอบเป็นห่วง ด้วยเหตุที่เป็น.. พี่น้องกัน.. 

"ไม่เอาน่า ร่างเริงหน่อยสิ ขอโทษที่ฉันทำเรื่องรุนแรงนั้นต่อหน้าหนูนะ มันเป็นนิสัยเก่าตอนเป็นทหารน่ะ ไม่ตายก็แก้ไม่หายแย่จริงๆ หนูคงจะเสียขวัญไม่น้อยที่เห็นฉันทำอย่างนั้น แต่เจ้าสิ่งนั้นมันอันตรายกว่าที่หนูจะเข้าใจมากนัก ไม่งั้น มันจะตามหาหนูไม่เจอเลย เพราะสายเลือดอย่างพวกเรา มันมีกลิ่นที่ พวกมันสามารถตามหาเราเจอได้.. ถ้าแม่ของหนูไม่บอกกับฉันเอาไว้ หนูคงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว ซึ่งมันไม่น่าจะใช่เรื่องดีสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยอย่างหนู จริงมั้ย?"

เอ่ยถามถามเด็กหญิงหลังจากที่ตัวเขาพาเด็กหญิงพร้อมกับทีมของโรมานอร์สไปเที่ยวเพื่อเยียวยาจิตใจของเด็กน้อย หลังจากเหตุการณ์ที่ทำเอาเด็กน้อยสะเทือนใจไปครู่ใหญ่ แต่ก็ได้ตุ๊กตามาตัวนึง ซึ่งตัวเด็กน้อยกำลังกอดเอาไว้ไม่ห่างกาย

"ทำไม.. คุณถึงหาหนูเจอได้ล่ะ?"
เด็กหญิงเอ่ยถาม

"เพราะแม่ของหนูบอกฉันเอาไว้ไงล่ะ มีคนแจ้งมาทางแม่ของหนู และก็รบกวนฉันให้ฉันไปช่วยหนูยังไงล่ะ"
ชายชราร่างใหญ่ตอบก่อนที่รถบรรทุกจะเบรก และคนขับซึ่งมาส่งของก้ได้บอกกับชายชราร่างใหญ่นั้น 

"เอาล่ะถึงหน้าค่ายแล้ว ผู้โดยสารลงได้ อย่าลืมสิ่งมีค่าไว้บนรถ ไม่งั้นถือว่าเป็นของฉัน ฮะๆๆ"
ชายสารถีพูดติดตลก และทั้งสองก็ลงจากรถ ก่อนที่รถบรรทุกคันนั้นจะไปจอดที่ส่งของในค่าย แล้วหดกลับไปเป็นกุญแจเหมือนเดิม เป็นสิ่งที่ชายชราร่างใหญ่ผู้นี้ไม่คุ้นเลยสักนิดเดียว..

"มาถึงแล้วล่ะ ยินดีต้อนรับสู่ ที่พักของเหล่าสายเลือดเทพ.." 
ชายร่างใหญ่เอ่ย พร้อมกับพาเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไป 

ความตื่นตาตื่นใจของเด็กน้อยคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับชายร่างใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาในครั้งแรก บรรยากาศที่คล้ายกับค่ายลูกเสือหรือ ค่ายฤดูร้อน แต่หน้าตื่นเต้นกว่าเป็นไหนๆ สิ่งที่มหัศจรรย์ที่ของมนุษย์สายเลือดเทพกำลังทำกิจกรรมอยู่ในทำให้เด็กน้อยเปลี่ยนความรู้สึกที่มี กลายเป็นความตื่นเต้นและร่าเริงไปโดยปริยาย มีชายหนุ่ม ดูเหมือนจะเป็นสายเลือดของน้ำ เขาได้เสกน้ำจากในแก้วของเขาขึ้นมาและค่อยโชว์พลังของตนเองออกมา เด็กน้อยเองก็รู้สึกเอ็นจอยน์อบ่างมาก 

ในขณะที่จิตใจของเด็หญิงตัวน้อยเริ่มมีจิตใจที่ร่าเริงเพิ่มมากขึ้น จู่ๆ สัญลักษณ์ ของเทพผู้เป็นมารดาก็ได้ปรากฎอยู่เหนื่อยหัวของเด็กน้อยนั้น ด้วยความสงสัย เด็กน้อยจึงเอ่ยถาม พร้อมกับปัดสัญลักษณ์นั้น อย่างงุนงง

"มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ช่วยหนู่หน่อยได้มั้ยคะ?"
แม้จะปัดมันออกไปกี่ครั้ง สัญลักษณ์แสงนั้นก็ยังคงอยู่ เหมือนปัดลมด้วยมือ ชายร่างใหญ่เห็น และเอามือลูบหัวเด็กน้อย เพื่อปลอบใจก่อนจะเอ่ยกับเด็ดกน้อยไป..

"ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ถึงเวลาที่สายเลือดของหนู่จะตื่นขึ้นมาแล้ว ไปกันเถอะ ฉันจะพาหนูไปหาผู้ดูแล แล้วเดี๋ยวจะได้ไปพักผ่อน หนูเหนื่อยรึยัง"สราร่างใหญ่ย่อตัวลงมาเอ่ยถาม

"อืมม ก็ง่วงล่ะค่ะ เมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนเลย.." 

"งั้นไปกันเถอะ ทำเรื่องกับคุณลุงผู้ดูแลค่ายแปีปเดียว แล้วเดี๋ยวฉันจะพาไปพัก ตกลงนะ"
ชายหนุ่มเอ่ย เด็กหญิงตัวน้อยพยังหน้าอย่างเข้าใจ แล้วแบมือของตนออกมาก่อนที่เด็ดน้อยจะจับมือเขาเอาไว้ แล้วค่อยๆเดินไปตามทางหลังเพื่อพาเด็กหญิงคนนี้ไปยังห้องทำงานต่อไป...


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-18] ไนกี้ เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-4-14 22:09
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-4-14 22:09
โพสต์ 20636 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-14 21:41
โพสต์ 20,636 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 ความกล้า จาก ปืนอัจฉริยะ L&E  โพสต์ 2024-4-14 21:41
โพสต์ 20,636 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-4-14 21:41

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +5 ย่อ เหตุผล
God + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2024-4-16 03:05:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Come to home
Feria Hayes
หลังจากการเดินทางอันยาวนานนับหลายวันจบลง ตอนนี้เฟเรียพร้อมด้วยพี่อลิเซีย พี่เอลลิส และกาเอลก็เดินทางกลับมาจากประตูแห่งความฝันมาถึงยังประตูค่ายฮาล์ฟบลัดได้อย่างปลอดภัย ถึงจะต้องใช้เวลาในการเดินทางแบบเดินเท้ามาถึงที่นี่ถึงจะต้องใช้เวลาร่วม ๆ นับวันเลยก็ตามกว่าจะเดินมาถึง แต่ถ้าขึ้นรถมาก็มีโอกาสโดนอสุรกายปลอมตัวมาได้ ทางที่ดีที่สุดเลยเป็นการเดินทางแบบปกตินั่นแหละ พอมาถึงที่ประตูค่ายเท่านั้นแหละ

“ถึงสักที…บ้านของพวกเรา”

เฟเรียที่เท้าก้าวเข้าประตูค่ายเป็นคนแรกถึงกับยืดเส้นคลายความเหนื่อยล้าสะสมจากการเดินทางที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีเสียงท้องร้องดังขึ้นมาแถว ๆ ขาเธอ

จ็อกกกกกกกกก

“ม่าม๊าผมหิวแล้วอ่า มีอะไรกินบ้างไหม“

กลายเป็นว่ามันคือเสียงท้องร้องของกาเอลนี่เอง สงสัยการเดินทางจะทำเอาหิวจัดแล้วสินะ เฟเรียก็นั่งยอง ๆ ลงข้างกาเอล เปิดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตนออกมาก่อนจะหยิบขนมในกระเป๋าให้กาเอลกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยท่าทางมูมมามสุด ๆ สงสัยจะหิวมากจริง ๆ เลยนะนี่ เธอลูบหัวกาเอลด้วยความเอ็นดูในตัวลูกชายตัวน้อย ก่อนที่จะเห็นพี่ ๆ ทั้งสองที่เดินตามมาถึงที่หน้าค่ายแล้วสักที

“ถึงสักทีโว้ย!!!”

พี่เอลลิสถึงกับทิ้งสัมภาระด้วยความดีใจสุด ๆ ที่ได้กลับมาที่ค่ายเสียสักที สงสัยอยากจะพักเต็มทนแล้วสินะ

“ในที่สุดก็ได้พักสักทีนะนี่”

“ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทั้งสองมากเลยนะคะ ที่ช่วยหนูทำภารกิจครั้งนี้นะคะ“

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า ขนลุกจะตาย”

“เสียมารยาทนะเอลลิส อย่าถือสาเลยนะเฟเรีย เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”

“อยู่กันมาหลายวันก็เริ่มชินแล้วค่ะ แล้วพวกพี่จะกลับบ้านตัวเองเลยไหมคะ”

“ก็นะ ดึกขนาดนี้แล้วด้วย กลับบ้านแหละดีที่สุดแล้ว”

“ใช่แล้วล่ะ”

“งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่เอลลิส พี่อลิเซีย”

“ราตรีสวัสดิ์ฮะ”

ว่าแล้วเฟเรียก็จูงมือกาเอลแยกจากพี่อลิเซียกับพี่เอลลิสกลับบ้านฮิปนอสไปด้วยความง่วงในใจก็คิดว่าจะสลบก่อนถึงเตียงไหมนี่

กลับจากภารกิจเดินทาง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6214 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-4-16 03:05
โพสต์ 6,214 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2024-4-16 03:05
โพสต์ 6,214 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-4-16 03:05
โพสต์ 6,214 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-4-16 03:05
โพสต์ 6,214 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก หูฟังบลูทูธ  โพสต์ 2024-4-16 03:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2024-4-19 00:04:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-4-19 17:17

085
ถึงค่ายโดยสวัสดิภาพ

             เกือบจะเรียกว่ามาปิกนิกได้ถ้าไม่ต้องต่อสู้กับมิโนทอร์และคนที่อ้างตนว่าเป็น ลุค คาสเทลแลน ก่อนกลับดีนแวะซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นอย่างหนึ่งเลยก็คือแว่นตาว่ายน้ำสำหรับคนสายตาสั้นลบแปด ไหน ๆ เพิ่งได้เงินมาแล้วก็เลยซื้อตุนเอาไว้สองสามอัน เขาตั้งใจจะใส่มันคล้องคอเอาไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในค่ายหรือออกไปผจญภัยด้านนอก แม้บิดาเทพโพไซดอนจะบอกว่าสกิลน้ำเยียวยาจะไม่ทำให้ตาเขาบอดเมื่อใส่คอนแทกเลนส์แหวกว่ายไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่แหล่งน้ำมันมีแต่ตามธรรมชาติเสียที่ไหน ถ้าเขาตกสระว่ายน้ำสกิลนั้นก็จะไม่ทำงาน

             ช็อปปิ้งกันเสร็จก็ตกเข้าช่วงค่ำกันพอดี พวกเราสามศรีพี่น้องจึงแวะรับประทานอาหารค่ำกันก่อนกลับ ไหงรีชากับไรอันถึงพร้อมใจกันบอกว่าอยากกินอาหารเม็กซิกันกันก็ไม่รู้ สงสัยเพราะเห็นหน้าดีนถึงได้พร้อมใจกันอยากกินหรือเปล่า ถ้าพูดถึงอาหารเม็กซิกันที่หาทานได้ง่ายที่สุดก็ต้องนี่เลย… ทาโก้เบลล์ แม้มันจะไม่ใช่ต้นตำหรับจ๋า แต่มันก็ทานง่ายสุด ๆ เหมาะกับทุกเชื้อชาติแล้วล่ะ



             รับประทานอาหารค่ำกันเสร็จก็เดินทางกลับไปที่ค่ายด้วยรถกระบะสี่ประตูของไรอัน รีชาหลับปุ๋ยมาตลอดทาง เด็กหญิงตามเขาไปนั่นมานี่คงจะเพลียมาทั้งวัน แล้วพอน้องสาวหลับบทสนทนาแบบผู้ใหญ่ ๆ ก็ถึงได้เกิดขึ้นได้เสียทีนึง (?)

             “พี่เท่มาก ๆ เลยนะครับตอนที่ใช้ตรีศูลแทนลูกธนูเนี่ย นึกว่าจะมีแค่ในการ์ตูนที่ทำได้ซะอีก”

             “ในการต่อสู้ก็ต้องรู้จักพลิกแพลงแหล่ะจริงไหม”

             “ก็ใช่ เสียดายผมเห็นฉากบู๊บนยอดตึกไม่ค่อยชัด”

             “สงสัยว่านายคงต้องไปหากล้องวงจรปิดมาดูซะแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีของมนุษย์จะจับภาพการต่อสู้ของโลกแห่งเทพไม่ได้หรือเปล่า” ไรอันตั้งข้อสังเกต

             “ผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน”

             เท่าที่เขาเคยอัดวีดีโอตอนมาค่ายก็ไม่เห็นว่าจะมีซุ้มประตูค่ายเรืองแสงเหมือนกับที่ตาเห็นเลย ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสต์เขาอยากรู้ชัดมัดว่ามันคือหลักการอะไร ต่อให้เป็นเวทมนตร์ก็ต้องมีหลักการที่มาใช้อธิบายอยู่ดี อย่างเช่นคลื่นความถี่สูงเกินกว่าจะบันทึกได้ เขาก็แค่คาดคิด..

             “ว่าแต่พี่ฝึกที่ค่ายนานไหมกว่าจะออกไปใช้ชีวิตที่ข้างนอกค่ายได้ ผมคุยกับเจรี่ที่เป็นพี่น้องเราอีกคน หมอนั่นใช้เวลาตั้งหกปีแน่ะ ถ้าผมใช้เวลานานขนาดนั้นตอนนั้นคงเป็นน้าของเด็กหลาย ๆ คนได้เลย”

             ตอนนี้ดีนอายุยี่สิบสาม บวกอีกหกปีก็เป็นยี่สิบเก้า คิดดูว่าต้องมีอายุยี่สิบเก้าปีโดยไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเก็บและไม่มีแฟน ชีวิตจะอับเฉาขนาดไหน

             “ฉันเห็นตอนที่นายสู้กับมิโนทอร์นะ เจ้าตัวนั้นไม่ใช่ว่าจะปราบได้ง่าย ๆ ถ้าตั้งใจฝึกอีกหน่อย ฉันว่านายก็ต่อกรกับอสุรกายที่เก่งกว่านี้ได้สบาย”

             ไรอันยิ้มให้คล้ายให้กำลังใจ แต่ไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้าที่ดีนตั้งไว้ ส่วนหนุ่มผิวน้ำผึ้งได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้สงสัย บางทีเขาอาจจะต่อสู้เก่งกว่าเจโรมก็ได้มั้ง เพราะอย่างน้อยก็น่าจะมีทักษะการหนีตายมากกว่า กระนั้นก็ยังไม่เคยเห็นหมอนั่นต่อสู้เสียด้วยสิ

             “พี่พูดแบบนี้ผมค่อยใจชื้นหน่อย จะว่าไปผมเรียนธนูด้วยดีไหมนะ ตอนแรกที่ไม่อยากเรียนเพราะในหนังพวกอาร์เชอร์ชอบลูกธนูหมดกลางทางด้วย แต่ถ้าทำแบบพี่ได้ก็น่าจะไม่มีปัญหา”

             “แล้วแต่นายเลย อาวุธระยะไกลก็เหมาะกับการล่ามากกว่า” ไรอันแนะนำ

             “แต่ปัญหาก็คือ ผมยังควบคุมน้ำแบบพี่ไม่ได้เนี่ยสิเลยไม่มีลูกธนูน้ำแบบอันลิมิเตด..” ดีนหลุบสายตาก้มมองมือของตัวเอง “พ่อเคยบอกว่าจะต้องฝึกเยอะ ๆ จนเลเวลถึงแล้วก็มีค่าตื่นรู้จากการทำภารกิจด้วย เมื่อกี้ผมเพิ่งทำภารกิจของเทพเฮอร์มีสไปไม่รู้ว่าตัวเองตื่นรู้มากขึ้นเท่าไร… คือผมไม่เห็นจะรู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างเลย”

             “....”

             “พี่ไรอัน?” ดีนชะโงกหน้ามาจากเบาะหลังถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

             “อ้อ ก็อย่างที่ท่านพ่อบอกนั่นแหล่ะ นายจะต้องฝึกเยอะ ๆ จนเลเวลถึง” ชายหนุ่มคิ้วขมวดเมื่อพูดถึงจุดนี้ น้ำเสียงคล้ายมีความไม่แน่ใจในบางอย่าง ไรอันไม่รู้ว่า ‘เลเวล’ ที่ดีนหมายถึงคืออะไร เขาก็แค่เออออตามไปให้บทสนทนาแนบเนียน “กว่าจะควบคุมน้ำได้ก็ค่อนข้างนาน ตอนนี้ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองหลายอย่าง”

             “พิสูจน์ตัวเอง ยังมีอะไรที่ต้องพิสูจน์อีกเหรอ?” ดีนได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ อีกฝ่ายหมายถึงภารกิจที่ยากกว่านี้หรือเปล่านะ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาต้องตายก่อนจะควบคุมน้ำได้แหงม ๆ “ช่างเถอะ เอาไว้เดี๋ยวผมค่อยไปทวงถามพ่อทีหลัง.. ถ้าได้เจอกันอีก”

             “ท่านพ่อปรากฏกายมาหาบ่อยเหรอ?” ไรอันเหล่ถามด้วยหางตา

             “ผมได้เจอตัวจริงอยู่สองครั้ง นอกนั้นสื่อสารผ่านรูปปั้นกับเตาไฟบูชาเทพ”

             “....” ไรอันเงียบไปอีกครั้งอย่างใช้ความคิด “แล้วเทพองค์อื่นล่ะ ได้มาที่ค่ายด้วยหรือเปล่า?”

             “มีนะครับ อย่างคุณดีก็อยู่ประจำ เทพีอะธีน่าก็เคยเจอตอนมอบหมายภารกิจ แล้วเมื่อกี้ก็ได้เจอเทพเฮอร์มีสด้วย ส่วนเทพองค์อื่นผมไม่แน่ใจว่ามาปรากฏตัวที่ค่ายบ้างไหม”

             “งั้นเหรอ… ถ้าอย่างนั้นมีภารกิจของเทพีอาร์เทมีสบ้างไหม?” ไรอันถาม

             “อาร์เทมีส… ใครนะ?” คำตอบของดีนทำเอาไรอันหันขวับไม่มองทาง หนุ่มเมดิเตอเรเนียนขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะอ้าปากตำหนิแต่น้องชายจำได้ก่อน “อ้อ เทพีแห่งดวงจันทร์ใช่ไหม ไม่นะ ยังไม่มีภารกิจของเธอเลย แถมที่บ้านพักก็เหมือนจะไม่มีคนด้วย”

             “เทพีอาร์เทมีสถือครองพรหมจรรย์ คงไม่มีเด็กจากบ้านนั้นหรอก”

             “ก็คงงั้น แต่ก็น่าคิด ผมฟังพอดแคสต์แล้วเจอมาว่าเทพีอะธีน่าก็ครองพรหมจรรย์เหมือนกันแต่ตอนนี้เหมือนจะมีลูกหลานยั้วเยี้ย” ดีนพยายามนับว่ามีใครบ้าง ที่แน่ ๆ ก็ลิเลียน่าแล้วหนึ่ง แล้วก็ดูเหมือนจะมีลูกชายอีกสามคน คำว่าครองพรหมจรรย์ไม่มีจริง ก็อย่างว่ามีคนรักดีกว่าจะตายไป “สักวันเทพีอาร์เทมีสก็อาจจะ…”

             “หยุด”

             น้ำเสียงเด็ดขาดถูกเปล่งออกมาจากโชเฟอร์ ทำเอาดีนที่กำลังจะพล่ามต้องกลืนคำที่เหลือลงคือ นั่นสร้างความงงงวยให้แก่ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาไม่กล้าถามต่อจึงเปลี่ยนเรื่อง

             “ไรอัน พี่ทันรุ่นพี่เพอร์ซี่ไหม?”

             “....” ไรอันนิ่งเงียบไปหนึ่งอึดใจก่อนเขาจะตอบกลับมา “ไม่นะ”

             “อ้าว คลาดกันงั้นเหรอ นึกว่าจะอายุพอ ๆ กันซะอีก”

             ยานพาหนะของพวกเขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ริเวอร์เฮดเข้าไปทุกที เป็นสัญญาดีว่าอีกไม่นานก็จะถึงค่ายฮาล์ฟบลัดโดยสวัสดิภาพ

             “วันนี้ก็ดึกแล้วพี่แวะมานอนที่กระท่อมสักคืนนึงค่อยกลับไหม ขับรถกลางคืนมันอันตราย อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้รีบด้วย” ดีนเอ่ยชวน ถ้าเจโรมได้เจอกับญาติพี่น้องอีกคนจะต้องดีใจแน่ ๆ ในส่วนนี้เขาคิดเอาเอง

             “ไม่ล่ะ พอดีว่าฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นเท่าไร แล้วก็ขอร้องนายได้ไหม อย่าเอาเรื่องของฉันไปถามคนในค่าย พอดีมีเรื่องที่จบไม่ค่อยสวยเท่าไร”

             “อ้าวงั้นเหรอครับ ว้า.. แย่จัง เอาเป็นว่าผมสัญญาก็ได้ว่าจะไม่ถามละลาบละล้วงเรื่องของพี่..”

             คำตอบที่ได้รับฟังดูเย็นชาเป็นอย่างมาก แต่ดีนไม่ได้คาดคั้นต่อเพียงแค่ตอบกลับไปเสียงแผ่ว ๆ เขาไม่รู้ว่าตอนที่อยู่ในค่ายพี่ชายคนนี้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร หรือมีเรื่องผิดใจกับใครหรือไม่ รุ่นพี่หลายคนคิดถึงจนอยากกลับมา แต่กับบางคนอาจไม่คิดเช่นนั้น

             “ขอบคุณ”

             ซึ่งความจริงแล้วไรอันไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้เลยต่างหาก

             .
             .
             .

             ‘เจ้าเป็นเดมิก็อดสินะ จงบอกทุกเรื่องในยุคสมัยนี้ที่เจ้ารู้มาซะ’

             แววตาวาวโรจน์ของชายหนุ่มจ้องมองเด็กชายตัวสั่นสะเทิ้มด้วยสายตาของนักล่า คันศรสัมฤทธิ์และมีดสั้นถูกรวบเอาไว้จนเหยื่อไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขืน

             ‘คะ.. ค่ายฮาล์ฟบลัดที่ลองไอแลนด์ ทางเข้าค่ายอยู่ใกล้กับถนนฟาร์มโรดสามจุดหนึ่งสี่หนึ่ง ถูกปกป้องด้วยเวทมนตร์จากขนแกะทองคำ พะ..พวกเราก็แค่มาทำภารกิจพี่อย่าทำอะไรผมเลย’

             ‘โอ้ไม่ ข้าไม่ทำแน่นอน แต่ซิริอุส.. ก็ไม่แน่นะ’

             .
             .
             .

             สายตาอันเยือกเย็นมองตรงไปยังถนนที่ทอดยาว เมื่อแสงไฟสะท้อนกับหลักกิโลเมตรที่สามจุดหนึ่งสี่หนึ่ง ความเร็วของตัวรถกระบะก็ค่อย ๆ ชะลอจอดที่ข้างทาง

             “ถึงแล้ว เจ้าหญิงนิทรายังหลับปุ๋ยอยู่เลยนะ” ไรอันยิ้มมองน้องสาวคนเล็กที่เอนเบาะนอนยังที่นั่งข้าง ๆ

             “หลับซะไม่กล้าปลุกเลย สงสัยว่าผมคงต้องอุ้มเธอเข้าไปแล้วล่ะ” ดีนกลั้วหัวเราะเบา ๆ โดยไม่อยากรบกวนรีชา แล้วเด็กวัยนี้บทจะงอแงเพราะว่าง่วงก็เอาเรื่องเสียด้วย “ขอบคุณพี่มากนะครับที่มาส่ง เอาไว้ถ้ามีโอกาสเราคงได้พบกันอีก แกด้วยนะซิริอุส”

             ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหัวของสุนัขพันธุ์ฟาโรห์ฮาวน์แผ่วเบาเป็นการกระชับมิตร เจ้าหมาที่สุขุมก็ใจดีไม่มีท่าทีดุใส่ ดีนเปิดประตูรถลงไปจากนั้นก็ไปอุ้มรีชาที่นอนหลับไม่รู้เรื่องกระเตงพาดบ่า ไม่คิดเลยว่านอกจากทำหน้าที่พี่ชายแล้วยังต้องทำหน้าที่เป็นพ่อด้วย

             “ขับรถกลับดี ๆ นะครับ บายพี่ไรอัน”

             “โชคดีน้องชาย”

             โบกมือลาพี่ชายอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินมุ่งหน้าเข้าป่าไปยังเนินฮาล์ฟบลัด แสงไฟจากรถคอยส่องทางให้ไปตราบจนที่ดีนเดินเข้าประตูค่ายไปแล้วรถกระบะของฟาร์มฮันส์แมนถึงได้เคลื่อนที่ออกไป…



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 30281 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-4-19 00:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-4-19 11:58:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ 2 ◇◆


I wish I was who you drunk texted at midnight

Wish I was the reason you stay up 'til 3

And you can't fall asleep

Waiting for me to reply

I wish I was more than just someone you walk by

Wish I wasn't scared to be honest and open

Instead of just hoping

You'd feel what I'm feeling inside



ไบร์ทแหกปากร้องเพลงด้านหลังเบาะคนขับรถ จากรัฐแมสซาชูเซตส์ไปยังนครนิวยอร์ก รัฐที่อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ระยะทางกว่า 230 ไมล์ บนท้องถนนจราจรหนาแน่นเป็นบางจุด พวกเราผลัดเปลี่ยนช่วยกันขับรถ ไม่ต้องห่วงแต่ละคนทำใบขับขี่เรียบร้อย ไม่มีใครอยากจ่ายค่าปรับในราคาแพงหูฉีกหรอก


คิวขับรถตอนนี้เป็นของแฟนหนุ่มสุดฮ็อตในวงการกีฬา คอลลิน ซิกเซอร์ส นักบาส NBA มืออาชีพสังกัดทีมดังระดับประเทศ 'Golden State Warriors' ฉันเห็นอาร์มี่นั่งนิ่ง ๆ ข้างเบาะคนขับ เพื่อนอย่างไบร์ทดูออก อาร์มี่คงกำลังเขินคอลลินชัวร์ ฉันได้ยินคอลลินหยอดคำหวานปานน้ำผึ้งกะหนุงกะหนิงไม่เกรงใจฉันที่เห็นทุกอย่าง นั่งหัวโด่งอยู่ตรงนี้


บรรยากาศโรแมนติกขัดโทนมู้ดเพลงอกหักที่กำลังเปิด ไบร์ทอินเข้ากับเพลงได้ง่าย เข้าได้กับทุกสไตล์ รับบทเป็นคนอกหักปลอม ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีแฟน 


"อาร์มี่ ไบร์ท จะซื้ออะไรกันเปล่า จะได้แวะร้านCircle K"


"ฉันไม่มีอะไรต้องซื้อเพิ่มแล้วล่ะ"


อาร์มี่พยักหน้า "เซม เบ๊บเมื่อยไหมเดี๋ยวเค้าขับแทนให้" 


กระแอมไอในลำคอขัดจังหวะ "Mr.คอลลิน เพิ่งเปลี่ยนกะขับกับฉันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยเหอะ"


"ร่างกายแฟนฉันมีค่ามหาศาล !"


"อ่ะครับ ไม่เถียง" ฉันทำท่ายกมือยอมแพ้ยิ้มยียวนปั่นประสาท 


"ไบร์ทใช้เส้นทางนี้แน่ใช่ไหม ทางไปค่ายลดวิกฤติมลภาวะขยะอะไรของเธอเนี่ย" คอลลินมอง GPS เส้นทางที่เขาต้องขับไปส่งเพื่อนสาวของแฟนตัวเอง ดูยังไงก็เหมือนจะเป็นเส้นทางขับเข้าไปทางป่ามากกว่า


"วิกฤติมลภาวะขยะพลาสติกในมหาสมุทร ชื่อเต็ม ๆ มันก็ทางนั้นแหละ ทำไมวะมีอะไรรึ" ชื่อค่ายปลอมบังหน้าการเดินทางไปค่ายฮาล์ฟบลัด


"เอาไปดูเอง"


พูดจบคอลลินยื่นไอแพดที่เชื่อมต่อบลูทูธรถยนต์ให้ฉันดู ไบร์ทปัดหน้าจอขยายภาพซูมดูเส้นทาง มันเป็นภาพถ่ายดาวเทียม เห็นป่าอย่างเดียว ดูไม่น่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ธรรมชาติรายล้อมทำเอาฉันหน้านิ่ว คงไม่ได้โดนหลอกใช่ไหม ฉันเริ่มปักธงในใจถ้าไปถึงที่นั่นแล้วไม่เจออะไรจริง ๆ ฉันจะไปเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์อีกรอบ


จินตนาการเลิศล้ำเห็นอสุรกาย และคนใช้พลังวิเศษ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนั้นจะเป็นของจริงหรือปลอม


เอาให้แน่ชัดไปเลยวันนี้


ผล็อยหลับเฉียบพลัน รู้สึกตัวอีกทีแขนของฉันโดนอาร์มี่หยิกเต็มแรงจนสะดุ้งตื่นร้องโอดโอย


"ต้องปลุกแรง ๆ ทุกทีถึงจะยอมตื่น"


"ฮะ"


"ยังจะงงอีก ถึงแล้ว" 


ดวงตาสีเทาอ่อนมองผ่านเบื้องอย่างงัวเงีย คุณอาจจะไม่เก็ตแต่ฉันจะอธิบายให้ฟัง ลองนึกภาพตามสิ อารมณ์ถูกแม่ปลุกในตอนเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งที่ยังง่วง ๆ ตื่นเช้ามาสังเคราะห์แสงแดดหรือไง


"กระเป๋ายกลงให้แล้ว" คอลลินเอ่ยบอก


"ขอบใจเพื่อน" ไบร์ทนวดขมับ 


เปิดประตูลงจากรถออดี้สปอร์ตสีเงิน กระเป๋าเป้สะพายหลังใบโต กระเป๋าโน๊ตบุ๊ก วางไว้ใกล้เคียงกัน หวังว่าที่นั่นจะมีอินเทอร์เน็ตเชื่อมถึง


"ถ้ามีอะไรสุดวิสัยก็โทรมาบอก ถึงแกจะเป็นสาวถึก แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวนะเว้ย ฉันซื้อจะให้แกตั้งนานแล้ว พึ่งได้มีโอกาสให้สเปรย์พริกไทยป้องกันตัว"


"ซีนซึ้งเฉย" ฉันบอกอาร์มี่ สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วง "งั้นฉันไปก่อน ขับรถกันดี ๆ คอลลินฝากดูแลเพื่อนฉันด้วย ถ้าทำเพื่อนฉันร้องไห้เมื่อไหร่ฉันจะตามไปเตะตูดนายแน่"


"รับบัญชาจะดูอาร์มี่อย่างดี"


ไบร์ทโบกมืออำลามองรถคันหรูขับอย่างไปจนลับสายตา ก่อนที่ฉันจะเดินเข้าในป่าอันเงียบงัน เสียงสิงสาราสัตว์ดังประปรายกระทบแว่วหู


ทิวทัศน์เนินเขารายล้อมด้วยป่าสน ฉันเดินตรงไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย


ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนมีตัวอะไรวิ่งอยู่ด้านหลัง จังหวะนั้นแหละไบร์ทสับตีนแตก วิ่งเร็วประดุจกำลังแข่งวิ่งชิงแชมป์โลก อสุรกายหน้าตาอุบาทว์วิ่งเร็วราวลมกรด 


ฝีเท้าของมันสปีดเทียบเท่าไบร์ท


"กลิ่นลูกครึ่งเทพช่างหอมหวาน" เสียงนั้นกล่าวดัง


"อย่าเข้ามานะเฮ้ย"


"โธ่ มนุษย์ผู้โง่เขลาไร้ซึ่งพลังจะสู้อะไรข้าได้ ยอมให้ฆ่ากินซะดีกว่า ถ้าไม่อยากทรมาน"


"บ้าป่าวไอ้ชาย ใครจะยอมถูกตัวประหลาดจับกิน" ฉันตอบกลับ


เมื่อมันพยายามเข้าประชิดตัวไบร์ท ฉันหยิบสเปรย์พริกไทยฉีดยันอัดหน้า อาร์มี่ อัมบัสเพื่อนรัก ได้ของมาไม่ทันไร ได้ใช้ทันทีทันควัน 


ปั้ง


ฉันโยนขวดสเปรย์ที่หมดเกลี้ยงปาใส่ตัวประหลาด ก่อนจะพบเข้ากับประตูโค้งที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว พอมองข้างบนซุ้มประตูสลักอักษรสีทอง มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ แต่ฉันรู้สึกว่าตัวอักษรพวกนั้นมันสลับได้เองกลายเป็นภาษากรีกโบราณ 


และดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้นกระฟัดกระเฟียด ไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ ฉันเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ขาอ่อนล้าไปหมด พลางหยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบ


"สวัสดีเด็กใหม่" รุ่นพี่ชาวค่ายทักหญิงสาวผู้มาเยือน





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32023 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-4-19 11:58
โพสต์ 32,023 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2024-4-19 11:58
โพสต์ 32,023 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความกล้า จาก หมวกแก๊ป  โพสต์ 2024-4-19 11:58
โพสต์ 32,023 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-4-19 11:58
โพสต์ 32,023 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-4-19 11:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ควบคุมน้ำ
ตรีศูลน้อย
เข็มทิศมหาสมุทร
น้ำหอมบุรุษ
ชุดเครื่องเพชร
หมวกนีเมียน
ฟองอากาศแห่งชีวิต
ภูมิคุ้มกันเปียก
แว่นกันแดด
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะหนัง
กำไลหินนำโชค
หายใจใต้น้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x17
x2
x3
x2
x3
x3
x20
x4
x6
x1
โพสต์ 2024-4-21 00:13:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด


เดินทางถึงค่ายฮาล์ฟบลัด


หลังจากใช้เวลาเดินทางมากว่า 6 ชั่วโมงรวมการขับรถมายังค่ายอีกพักใหญ่ ในที่สุดนอร่าก็ขับรถพาเอโลอิสมาถึงที่ค่ายฮาล์ฟบลัดจนได้ บรรยากาศตลอดทางที่นั่งรถมาดูแปลกตาเสียจนเธอไม่สามารถละสายตาได้ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากเพียงใดแต่ความตื่นเต้นกลับเอ่อล้นมากกว่าเสียจนเธอลืมความเหนื่อยไปเสียสนิท

“เป็นไงบ้างกับการนั่งเครื่องบินครั้งแรก”

“ก็สนุกดีนะ แต่หูอื้อไปหน่อย”

“คราวหน้าลองเคี้ยวหมากฝรั่งดูอาจจะช่วยได้”

เอโลอิสพยักหน้าหลังจากฟังคำแนะนำจากนอร่า จะมีสักกี่คนที่ลงทุนนั่งเครื่องมากับเธอหลายชั่วโมงเพื่อพาเธอมาส่งในค่ายที่อยู่ไกลถึงต่างทวีปแบบนี้ เธอสังเกตสีหน้าของนอร่าก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายก็คงตื่นเต้นไปไม่น้อยกว่าเธอที่จะได้กลับไปเห็นสถานที่ที่เคยอาศัยอยู่ในช่วงหนึ่งของชีวิต

“เออจริงสิไม่เคยถามเลยพี่เป็นลูกของใครอะ”

“ไม่บอก!”

“ขี้โกงชะมัด!”

เอโลอิสทำหน้ามุ่ย แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปเซ้าซี้ เพราะคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอเองก็คงจะสามารถสืบหาได้เองหลังจากที่มาอาศัยอยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ รถยนต์ของที่ทั้งคู่เช่ามาจากสนามบินค่อย ๆ จอดอย่างนิ่มนวลบริเวณหน้าค่าย หญิงสาวผมสีเพลิงเปิดประตูลงจากรถสายตาเบิกโพลงเมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของค่ายแห่งนี้ มันดูดีกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก ตอนแรกคิดว่าจะเจอกองไฟกับเต้นท์เล็ก ๆ สี่ห้าหลังเสียอีก เธอเดินไปหยิบสัมภาระจากกระโปรงรถก่อนที่จะเดินตามนอร่าที่เป็นผู้นำทางเธอผ่านประตูค่ายเข้าไปด้านใน 

“ประหม่าจังแฮะ”

เอโลอิสพูดกับตัวเองเบา ๆ ในขณะที่เดินและเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาหลากเชื้อชาติกำลังจับกลุ่มคุยกันตามจุดต่าง ๆ บ้างก็มองมาที่เธอ ทำให้รู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจว่าเธออยากมาที่นี่จริง ๆ ไหม แต่ก็ยังคงทำตัวให้ดูสงบนิ่งไว้ก่อน

“พี่…เขามองอะไรอะ หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ?”

“เขาคงตื่นเต้นที่ได้เห็นเด็กใหม่น่ะสิ”

พูดไม่ทันขาดคำก็ดูเหมือนจะมีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเดินเข้ามากล่าวคำทักทาย

“เด็กใหม่เหรอ ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัด ได้ไปรายงานตัวมาหรือยัง?”

“รายงานตัว?”

“แสดงว่ายังไม่ได้ไปรายงานตัวที่บ้านใหญ่สินะ”

เอโลอิสส่ายหัวเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านใหญ่คืออะไร อีกอย่างเธอมาที่นี่เป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นทีไหน และต้องเริ่มจากอะไร แต่ดูท่าแล้วก็คงต้องเริ่มจากรายงานตัวอย่างที่เขาว่าแหละมั้ง

“บ้านใหญ่อยู่ทางนั้นจะให้นำทางไปไหม?” 

“แหม…พอดีเลยมีเพื่อนแล้วสินะแบบนี้ฉันก็ค่อยโล่งใจหน่อย เอาเป็นว่าฝากน้องคนนี้ด้วยนะคะภารกิจส่งตัวน้องถึงค่ายของฉันเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนฉันขอตัวก่อนต้องขับรถไปคืนที่สนามบิน แล้วเดี๋ยวมีบินกลับไอร์แลนด์อีก สู้ ๆ นะเอโลอิสไว้เจอกันใหม่!”

“ดะ…เดี่ยวพี่!...”

นอร่าพอเห็นว่ามีคนเสนอตัวจะพาเอโลอิสไปรายงานตัวก็รีบพูดเสียยาวเหยียดเพื่อปลีกตัวกลับ ทิ้งให้เอโลอิสอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะแย่งพูดไม่ทัน แถมคนที่จะพาไปรายงานตัวใช่เพื่อนซะที่ไหนยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ เธอได้แต่โบกมือลาอีกฝ่ายอย่างงง ๆ มองดูรถแล่นออกไปจากค่ายจนลับตา

“ไปกันเลยไหมเด็กใหม่?”

“ปะ…ปะ..ไป ไป ค่ะ!”

เอโลอิสรีบตอบแล้วแบกสัมภาระสาวเท้าเดินตามเด็กคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้คงได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองจริง ๆ แล้วล่ะ…




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11378 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-4-21 00:13
โพสต์ 11,378 ไบต์และได้รับ +2 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-4-21 00:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-4-21 23:13:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2024-5-9 03:00


I

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เครื่องบินพาณิชย์ลอยตัวอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนในวันที่สภาพอากาศเหมือนจะแย่ที่สุดในปีนี้ สายฝนซัดกระหน่ำเข้าที่หน้าต่างห้องโดยสารมาตลอดสามชั่วโมงตั้งแต่เครื่องขึ้นบินได้ไม่นานประกอบกับเสียงกัปตันประกาศผ่านลำโพงเป็นระยะว่าเที่ยวบินนี้คงจะดีเลย์เล็กน้อยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหันกระตุ้นความรู้สึกไม่ปลอดภัยลึก ๆ ในใจของผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้ดีทีเดียว ก็พยากรณ์อากาศวันนี้บอกว่าแดดจะร้อนจัดทั้งวันนี่นา 

โรบินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเหม่อลอย บางจังหวะที่เราบินผ่านหมู่เมฆก้อนใหญ่ เมื่อประกายไฟฟ้าส่งผ่านจากเมฆก้อนหนึ่งสู่อีกก้อนหนึ่งจนเกิดเป็นแสงสว่าง เธอสังเกตเห็นสีหน้าบึ้งตึงของกลุ่มไอน้ำสีเข้มพวกนั้นจากที่ไกล ๆ คงจะตาฝาด 

ใช่แล้ว

คนปกติที่ไหนจะเห็นก้อนเมฆประกอบกันจนกลายเป็นใบหน้าของชายชราเครายาวชัดเจนได้ขนาดนี้ หรือบางครั้งที่เธอเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วห่อตัวด้วยไอน้ำบินมากระทบหน้าต่างจนสีหน้าเหยเกแทนที่จะเป็นหยดฝน นี่ก็คงจะตาฝาดอีกเช่นกัน

“พวกเขาต้อนรับเธอได้ถึงใจสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย” แต่มีบางคนไม่ได้คิดแบบนั้น ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่โรบินไม่อยากยอมรับ เธอไม่ได้ตาฝาดแต่แค่กำลังปลอบใจตัวเอง

“นายก็นอนบ้างเถอะ แค่เสียงกรนของพ่อฉันก็ปวดใจจะแย่แล้ว” โรบินว่า

“ยูรอสน่ะ เขาเป็นอนีมอยแห่งลมตะวันออก เพราะพวกเรากำลังบินเข้าสู่น่านฟ้าในเขตปกครองของเขาแน่ ๆ อากาศถึงได้ปั่นป่วนขนาดนี้” และโทยาไม่ได้ฟังที่บ่นอีกเช่นเคย

ภายในห้องโดยสารชั้นหนึ่งที่มีเพียงสามที่นั่งถูกจับจอง มีเสียงของโทยาเพื่อนสนิทที่คอยเล่านิทานจากปกรณัมกรีกให้โรบินฟังเป็นระยะ เขาบอกว่าเธอและเขาเป็นส่วนหนึ่งของมันและนี่คือหนึ่งในวิธีการเตรียมใจ หากไปเจอสถานการณ์จริงเธอจะได้ไม่ตกใจมากนัก 

โรบินปิดหน้าต่าง หยิบหูฟังขึ้นมาสวมและกดสุ่มเล่นหนังบนหน้าจอทีวีหน้าที่นั่ง

จริง ๆ แล้วเรื่องราวพวกนี้เคยผ่านหูเธอไปแล้วหลายครั้งจากคุณมิไคเลอร์วิช อิวานพ่อของเธอเป็นนักเล่าเรื่องที่ชอบเชื่อมโยงเรื่องราวรอบตัวเข้ากับเรื่องเล่าในตำนาน เธอจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถึงแม้ครอบครัวของเธอจะทำงานในวงการเทคโนโลยีที่วิทยาศาสตร์อยู่เหนือความเชื่อท้องถิ่นไปมากโข แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอิวานก็มีมุมของคนที่เคร่งศาสนาอยู่เช่นกัน บ้านของเราทุกหลังถึงกับต้องมีเตาไฟหินเล็ก ๆ อยู่กลางบ้านในห้องนั่งเล่น แยกต่างหากกับเตาผิงทำความร้อนในช่วงฤดูหนาว พวกเรามักจะมีกิจกรรมที่ทำด้วยกันนั่นคือในวันเทศกาลหรือวันสำคัญใด ๆ ของคนในครอบครัว เราจะมานั่งล้อมวงกินข้าวในห้องนั่งเล่น แบ่งอาหารส่วนที่อร่อยที่สุดเข้ากองไฟเพื่อขอพรกับเหล่าเทพเจ้าที่พ่อมักจะคอยย้ำอยู่เสมอว่าเขาคอยเฝ้ามองเราอยู่ตั้งแต่รุ่นของคุณตา

‘เทพองค์ใดก็ตาม ทานให้อร่อยนะคะ’ เธอพูดแบบนี้ทุกครั้งที่โยนอาหารเข้าเตาไฟ 

สำหรับโรบิน มันคงสนุกไม่น้อยหากนั่นเป็นเพียงจินตนาการของเด็ก ๆ ว่าธรรมชาติรอบตัวของเราเป็นมากกว่าต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว เป็นมากกว่าแม่น้ำ หรือพายุ หรือเปลวไฟ สสารรอบตัวต่างถูกถ่ายทอดออกมาให้มีเรื่องเล่าของมันเอง มีเทพผู้พิทักษ์ มีภูติผี มีแม้กระทั่งเวทมนตร์มหัศจรรย์ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับถูกฉายซ้ำออกมาในมุมมองที่ต่างออกไป

การปรากฏตัวพร้อมกันของพ่อและโทยาในคืนที่โรบินถูกโจมตีทั้งที่ปกติทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันไปมากกว่าการทักทายยามเช้าก่อนไปโรงเรียน การรับรู้ว่าอสุรกายหมีคู่นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานกรีกจริง ๆ  โอเรียสกับแอเกรียสที่เกิดจากแม่ผู้เป็นมนุษย์ถูกสาปจากเทพีองค์หนึ่งให้ไปตกหลุมรักกับหมี สุดท้ายแล้วจุดจบของอสุรกายแฝดคือถูกเทพเจ้าสององค์เปลี่ยนให้กลายเป็นนกเค้าอินทรีและแร้ง การรับรู้ว่าโทยาเพื่อนผู้รอบรู้ของเธอมีขาเป็นแพะ แถมมีความสามารถในการใช้ธนูชนิดหาตัวจับยาก นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับการรับรู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเธอไม่ได้เป็นพ่อแท้ ๆ ด้วยซ้ำ แต่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ไม่สิ เรียกว่าน้องชายน่าจะดีกว่า แม่กลายเป็นน้องสะใภ้ ส่วนน้องชายก็กลายเป็นหลาน 

อิวานเล่าว่าแม่ของโรบินเสียชีวิตไปตั้งแต่ช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สองกำลังปะทุ เธอคนนั้นเป็นพี่สาวของพันตรีอเล็กซานเดอร์พ่อของอิวาน แต่พ่อแท้ ๆ ของเธอเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นใคร โทยายืนยันว่าโรบินเป็นลูกที่เกิดจากเทพกรีกแน่นอน เขายังบอกอีกว่าหากเป็นเทพเจ้าองค์เล็ก ๆ สักองค์หนึ่ง หลังจากไปค่ายเพื่อรับการรับรองจากเขาเธอก็สามารถฝึกฝนและเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในค่ายแค่ช่วงหน้าร้อนของปีและกลับมาใช้ชีวิตข้างนอกได้ปกติเพราะกลิ่นของเธอจะไม่ได้รุนแรงเท่ามนุษย์กึ่งเทพที่เกิดจากเทพเจ้าองค์อื่น ๆ

ทุกอย่างที่เธอรับรู้หลังหมดสติไปสามวันแทบจะมากเกินไปด้วยซ้ำสำหรับเด็กอายุสิบสาม มันกลายเป็นหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง แผนการไปค่ายของสมาคมถูกยกเลิกเปลี่ยนไปเป็นค่ายที่ลองไอส์แลนด์แทน เพียงเพื่อไปรับการรับรองจากคนแปลกหน้าผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยแม้แต่จะยื่นมือเข้ามาดูแลและฝึกฝนเอาตัวรอดจากผลพวงของการเกิดมามีสายเลือดอันตรายแบบนี้ เธอไม่รู้ว่ามนุษย์กึ่งเทพคนอื่นคิดเหมือนกันไหม แต่นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด


Yondu : ‘He may have been your father, boy, but he wasn’t your daddy.’

Yondu : ‘I’m sorry I didn’t do none of it right. I’m damn lucky you’re my boy.’


“ฮ่า..” โรบินหัวเราะอย่างขมขื่น เมื่อหนังเรื่องโปรดที่เธอกำลังดูอยู่บนจอทีวีเล่นมาถึงตรงนี้ ฉากที่กินใจเธอที่สุดกลายเป็นฉากที่เศร้าที่สุดเมื่อตอนนี้มันตรงกับชีวิตของเธอจนน่าเจ็บใจ ความผิดหวังเริ่มก่อตัวเมื่อคิดได้ว่าพ่อแท้ ๆ ของเธอเองก็อาจจะเลวร้ายและคิดถึงแต่ตัวเองไม่ต่างจากพ่อแท้ ๆ ของสตาร์ลอร์ด เขาส่งคนแบบโทยาออกตามหาเธอเพื่อให้ความช่วยเหลือหรือต้องการผลประโยชน์จากเธอกันแน่

โรบินหยิบแล็ปท็อปขึ้นมากดเปิดหน้าจอเข้าโปรแกรมสำหรับพัฒนาแอพลิเคชัน เลือกโปรเจคล่าสุดขึ้นมาทำต่อเพื่อคลายความกังวลใจ 

เวลาผ่านไปจนลูกเรือเข้ามาเตือนให้เก็บอุปกรณ์เข้าที่และปรับที่นั่งเพราะเครื่องจะลงจอดในอีกไม่ช้า น่าแปลกที่อากาศสงบลงทันทีหลังเข้าสู่นิวยอร์ก โรบินปลุกพ่อขี้เซาข้าง ๆ และตะโกนเรียกโทยาที่หลับไปตอนไหนไม่รู้ให้ตื่นขึ้นมา 

หลังรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่(เกินตัว)ของโรบินที่จุดรับสัมภาระสำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องเรียบร้อยแล้ว อิวานก็เดินนำทั้งคู่ไปจุดรับรถเช่าที่ใช้ในการเดินทางต่อ เขารับกุญแจมาจากชายร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้าของรถ พยายามยัดกระเป๋าเดินทางเข้าท้ายรถมินิคูเปอร์จนสำเร็จแล้วหันมายกนิ้วโป้งพร้อมยิ้มสดใสให้เด็กน้อยทั้งสอง


รถยนต์โดยสารขนาดกระทัดรัดเคลื่อนตัวออกจากสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีเข้าสู่ย่านดาวน์ทาวน์ของมหานครนิวยอร์ก ถนนยามเช้าตรู่แทบจะร้างผู้คนแต่ความรู้สึกประหลาดคล้ายถูกสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่กลับแผ่ซ่านไปทั่วตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเหยียบจนโรบินรู้สึกอึดอัด ส่วนโทยาก็เงียบมาตลอดทางจนผิดสังเกต 

“ลูกรัก พ่อรักลูกมากนะโรบิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” หลังผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง อิวานเป็นคนแรกที่ตัดสินใจทำลายบรรยากาศหนักอึ้งภายในรถ

“อื้อ หนูก็รักพ่อ” เธอและพ่อตัดสินใจคงสถานะและสรรพนามเอาไว้ดังเดิมเพื่อไม่ให้รู้สึกประหลาดที่จู่ ๆ เด็กอายุสิบสามจะเปลี่ยนไปเรียกชายอายุย่างเข้าห้าสิบด้วยชื่อห้วน ๆ อีกอย่างคือนี่เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคนในบ้านเท่านั้น เพราะเบเรนีซก็ใจกว้างพอตั้งแต่เต็มใจรับโรบินมาเลี้ยงดูในฐานะลูกอีกคนทั้งที่เธอมีอิกอร์น้อยอายุสี่ขวบอยู่แล้ว 

ผู้หญิงแสนดีคนนั้นเข้าใจว่าครอบครัวของโรบินประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ เด็กเกิดอาการช็อกจนความจำเสื่อม ถ้าญาติที่อยู่เหลือเพียงคนเดียวไม่ช่วยเอาไว้ เธอก็คิดภาพไม่ออกเช่นกันว่าเด็กน้อยไร้เดียงสาจะต่อสู้กับโลกทุนนิยมที่แสนโหดร้ายนี้คนเดียวได้อย่างไร 

‘ดีเลย! ถ้าอิกอร์มีพี่สาวก็จะได้ร้องหาแม่น้อย ๆ ลงหน่อย’ อิวานเล่าให้ฟังว่านี่เป็นประโยคแรกที่เบเรนีซพูดหลังเขาอุ้มโรบินที่หลับอยู่เข้ามาในบ้านและเล่าเรื่อง(ที่ด้นสดตอนนั้น)ให้ภรรยาฟัง

พอโรบินตื่น สองสามีภรรยาก็ป้อนความทรงจำใหม่เข้ามาทันที

เธอเติบโตมาอย่างมีความสุขและไม่ได้โหยหาชีวิตเก่าที่ขาดห้วงไป ไม่รู้ทำไมแต่โรบินค่อนข้างแน่ใจว่ากาบรีลา แม่แท้ ๆ ของเธอก็คงอยากให้เธอรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน หลังตกตะกอนสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้ฟังมาราว ๆ หนึ่งอาทิตย์ เธอเหมือนได้ปลดล็อคเรื่องหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจมาตลอดนั่นคือความรู้สึกหน่วงในอกหลังฟื้นจากอาการวูบทุกครั้ง เดาว่ามันคงเป็นสัญญาณของความรู้สึกผูกพันธ์กับครอบครัวเก่า เธออาจจะเคยมีชีวิตที่อบอุ่นมาก หรืออาจจะเคยมีชีวิตที่เศร้ามากมาก่อน

แต่ใครจะสนล่ะ ตอนนี้ขอให้พ่อของเธอเป็นแค่เทพเจ้าแห่งสุนัขพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ก็พอ 

“ถ้าพวกเขา.. ถ้าพวกเขาทำไม่ดี ..ฟืด” โรบินได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเบา ๆ เธอเห็นพ่อสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปเช็ดหยาดน้ำตาใต้กรอบแว่น “ให้หนูรีบหนีออกมา ครอบครัวของเรารออยู่ข้างหลังเสมอนะ ส่วนเรื่องทางกฎหมาย–”

“บะ.. แบ๊! คุณมิไคเลอร์วิช พวกเราไม่ใช่อาชญากรเสียหน่อย” โทยาท้วงเสียงดัง

ตั้งแต่รู้ความจริงว่าเพื่อนคนนี้ของเธอเป็นแพะ อ่า.. ครึ่งคนครึ่งแพะหรือแซเทอร์อะไรสักอย่าง เสียงร้องเบา ๆ เวลาเขาโอดครวญที่โรบินนึกว่าเป็นคำว่า ‘แง’ มาตลอดก็ชัดเจนว่าเป็นเสียงร้องของสัตว์มีเขาต่างหาก

“ฉันรู้น่าเจ้าเด็กแพะ”

“คุณรู้มากแค่ไหนกันครับ”

“ก็เท่าที่พวกนายอยากให้รู้นั่นแหละ” อิวานตอบอย่างไม่ยี่หระ “สงครามจบไปนานแล้ว เหล่าเทพเจ้าคงไม่มาตามรังควาญไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉันหรอก”

“พ่อหมายถึงอะไรคะ” โรบินหันขวับ เธอเข้าใจว่าพ่อแค่ศรัทธาในพวกเขาเฉย ๆ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโลกอีกฝั่ง

“เรื่องนี้ลูกต้องไปหาคำตอบด้วยตัวเอง ลูกรัก เทพีแห่งโชคชะตาคงไม่ยอมให้พ่อถลำลึกไปมากกว่านี้”

“โทยา พ่อหมายถึงอะไร” เมื่อพ่อพยายามบ่ายเบี่ยง โรบินจึงเปลี่ยนเป้าหมาย แต่พอหันกลับไปเจ้าตัวก็แกล้งหลับเสียแล้ว ฝากไว้ก่อนเถอะ เธอคิด


แสงแรกของวันค่อย ๆ เผยให้เห็นบรรยากาศสองข้างทางที่ปกคลุมด้วยหมอกเบาบาง พวกเธอกำลังวิ่งไปบนถนนแคบ ๆ สายหนึ่ง ตึกรามบ้านช่องลดลงจนเหลือเพียงป่าไม้ ไม่บ่อยนักที่เธอจะเห็นแผงขายผลไม้สดริมทาง แม้รถจะวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วแต่เธอสังเกตได้ว่าทุกร้านมีหญิงชราท่าทางใจดีเฝ้าอยู่สามคนเสมอ

“ไม่ชอบแบบนี้เลย” โทยาบ่น

“นายตื่นแล้วหรอ” โรบินถามโดยไม่หันไปมอง

“เธอก็งีบสักหน่อยเถอะ ไม่ได้นอนมาทั้งคืนนี่”

“ถูกของเพื่อนนะ อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว เดี๋ยวพ่อปลุก”

“หนูนอนไม่หลับหรอกค่ะ ใกล้ถึงแล้วมันยิ่งตื่นเต้น”

“เถอะน่า/เถอะน่า” ทั้งคู่ว่าพร้อมกัน แล้วก็หลุดขำในความบังเอิญ


แม้จะว่าแบบนั้นแต่โรบินก็รู้สึกตัวอีกทีตอนมีคนเขย่าเบา ๆ ที่แขนขวา เธอปลุกตัวเองให้ตื่นโดยการออกมายืนนอกรถ บิดขี้เกียจเบา ๆ และปรับโฟกัสสายตา ตอนนี้รถจอดอยู่ใต้เนินเขาเตี้ยลูกหนึ่ง บนยอดเนินมีต้นสนต้นใหญ่สะดุดตา

 พ่อช่วยโรบินสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุแล็ปท็อปเครื่องโปรด และส่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้โทยาช่วยถือ พร้อมกำชับอย่างหนักแน่น

“ต่อจากนี้ฝากเธอดูแลโรบินจนกว่าจะถึงมือครูใหญ่ ฉันจะรออยู่ตรงนี้ ดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเรามา”

โทยารับกระเป๋าไปถือ “ครับ” 

“เดี๋ยวนะคะ พ่อจะไม่เข้าไปส่งหนูด้วยกันหรอ” โรบินใจหายวาบ

แต่พ่อไม่ได้ฟัง เขาทรุดตัวลงต่อหน้าแล้วจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ “ส่วนโรบิน พ่อขอโทษที่ไม่รีบพาหนูมาเร็วกว่านี้ พ่อชะล่าใจที่คิดว่าหนูจะปลอดภัยไปสักระยะหากเราไม่อยู่ที่นึงนานเกินไป แต่ที่นี่คืออเมริกา พวกเขาจะหาหนูเจอได้เร็วกว่าเดิม ความจริง.. ความจริง..” พ่อกัดปากข่มเสียงสะอื้น เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตัวสั่น “เรากำลังจะย้ายไปที่ใหม่อีกครั้ง คราวนี้พ่อจะพาหนูไปไกลให้กว่าเดิม ไปในที่ที่อารยธรรมนี้จะแผ่ไปไม่ถึง แม้แม่จะค้านหัวชนฝาแต่พ่อก็เตรียมไว้หมดแล้ว แต่มันก็ยังสายเกินไป.. พ่อปล่อยให้มันทำร้ายหนูจนได้”

โรบินนั่งยองลงไปให้ระดับสายตาประสานเข้ากับพ่อ “พ่อพูดอะไรเนี่ย มันไม่ใช่ความผิดของพ่อซะหน่อย มันเป็นเพราะพ่อต่างหาก เขาไม่มาปกป้องหนูด้วยซ้ำ” จากที่โรบินเคยคิดว่าตัวเองเป็นลูกเสือในสายตาพ่อแม่ ตอนนี้ระดับความรุนแรงเหมือนจะกลายเป็นระเบิดขนาดย่อมเลยแฮะ

“โรบิน.. ระวังหน่อย” โทยาหมุนมือกับที่จับกระเป๋า สายตาล่อกแล่ก

“ก็มันเป็นความจริงนี่นา”

“จากตรงนี้พ่อไปกับหนูไม่ได้แล้วลูกรัก พ่อข้ามเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ไปไม่ได้ แต่พ่อมั่นใจว่าคนเก่งของพ่อเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” พ่อปัดผมที่ปรกหน้าโรบินออกอย่างอ่อนโยนแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผากแบบที่ชอบทำเวลาให้กำลังใจคนในครอบครัว “ไปได้แล้วคนเก่ง”

โรบินกอดลาพ่อแล้วเดินไปหาโทยาที่ยืนรออยู่บนเนิน เธอหันไปมองพ่อที่ยังยืนมองตามหลังมา พอเธอโบกมือให้อีกฝ่ายก็โบกมือสองข้างตอบ

เมื่อมาถึงต้นสนที่โทยายืนรออยู่ เธอก็สังเกตเห็นอะไร ๆ ชัดขึ้น 

ภูมิประเทศอีกฝั่งหนึ่งของเนินเขาดูมหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่โรบินเคยเห็นมา จากประตูทางเข้าที่อยู่สุดทางลาดนี้ไปจนถึงช่องแคบลองไอส์แลนด์เหมือนยกประเทศกรีซมาตั้งไว้ แต่สถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่ตั้งเรียงรายอยู่เป็นหย่อมกลับดูสะอาดและใหม่กว่า แสงแดดยามเช้ากระทบหินอ่อนสีขาวกับทะเลสาบที่มีเรือแคนูวางเทียบฝั่งส่องประกายระยิบระยับ ฝั่งตะวันตกจากจุดที่เธอยืนอยู่มีบ้านหลังใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านอยู่ใกล้กับไร่สตอเบอร์รี่ ไฟสีเหลืองนวลหน้าบ้านเปิดอยู่ ตอนนี้คงยังเช้าเกินไป

“ฉันไม่เคยเห็นที่นี่ใน YouTube ได้ยังไง” โรบินอุทาน

“มันถูกซ่อนไว้ด้วยมนตร์บังตาน่ะสิ” โทยาตอบราวกับว่ามันสิ่งที่รู้ ๆ กันอยู่

“มันคืออะไร”

“เดี๋ยวเธอก็รู้”

โรบินจิ๊ปาก เธอเพิ่งสังเกตว่าใต้ต้นสนที่มีอยู่ต้นเดียวที่พวกเธอยืนอยู่ มีก้อนปริศนาสีทองขดรอบต้น มันพองตัวและหุบตัวเป็นจังหวะ โรบินเดาว่าเจ้าสิ่งนี้คงกำลังหายใจ

“นั่นอะไรน่ะ” เธอถามด้วยความสงสัย

“ให้ทาย” โทยายักยิ้มเจ้าเล่ห์ โรบินไม่ชอบทุกครั้งที่เพื่อนตัวดีทำให้ความสงสัยของเธอเหมือนเป็นเรื่องสนุกแบบนี้

“เหอะ นายจะบอกว่านั่นเป็นมังกรหรือไง”

“ก็เป็นมังกรจริง ๆ”

“ว่าไงนะ?”

“อยากไปดูหน้ามันให้ชัด ๆ ไหมล่ะ มังกรพีลิอุสมันกำลังเฝ้าเขตแดนค่ายกับขนแกะทองคำบนกิ่งนั่น” โรบินมองตามจุดที่โทยาชี้ “ปกติมันจะนอนหลับอยู่แบบนี้แหละจนกว่าจะมีอาหารหรือมีอันตรายเข้ามาใกล้ แต่ถ้าเธออยากให้มันตื่นตอนนี้ฉันไปปลุกให้ได้นะ”

โรบินกลอกตา “พอเลย ฉันจะเข้าไปข้างใน”

“ฮ่า ๆๆ”


โทยาเดินนำโรบินลงมาตามทางลาดจนถึงประตูโค้งหินอ่อนสีขาวแบบกรีกที่เธอเห็นเมื่อครู่ โรบินมองขึ้นไปบนซุ้มประตูเห็นเป็นตัวอักษรสีทองร้อยเรียงกันเป็นคำภาษากรีกโบราณ ‘ค่ายฮาล์ฟบลัด’ โรบินอ่านมันได้ทันทีเพราะโรคดิสเลกเซีย โทยาเคยบอกเธอแบบนั้น

หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น รู้แบบนี้เธอน่าจะหยิบทาร์ตผลไม้ที่แม่ทำมาด้วย กลิ่นหอมของมันช่วยให้เธอผ่อนคลายลงได้เสมอ หลังประตูบ้านนี้จะมีอาหารรสชาติแบบที่แม่ทำไหมนะ แล้วถ้า.. แล้วถ้าเธอผ่านฤดูร้อนนี้ไปไม่ได้ พวกเขาจะปล่อยให้เธอกลับมาสู่โลกภายนอกอีกหรือเปล่า 

โรบินอยากหันหลังวิ่งกลับไปหาพ่อที่รออยู่ตรงตีนเขาเสียตอนนี้

“ทำอะไรอยู่น่ะ” โทยาที่เดินเข้าไปแล้วหันกลับมามอง

“โอ้ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”


อาจจะเพราะยังเช้าอยู่ หลังบานประตูเลยมีคนทำกิจกรรมอยู่แค่ประปราย(หรือไม่ก็มีกันแค่นี้อยู่แล้ว โรบินเดา) หลายคนสวมเสื้อยืดสีส้มของค่ายฮาล์ฟบลัด(ก็มันเขียนอยู่) ที่สนามวอลเลย์บอลชายหาดทางทิศตะวันออกของค่ายมีกลุ่มเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโรบินสามคนจับจอง พอเห็นเธอเดินเข้ามาพวกเขาก็หยุดมองแล้วหันไปกระซิบใส่กันแทน 

โรบินวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามถนนปูด้วยหินให้ทันโทยาที่เร่งฝีเท้าไปทางบ้านหลังใหญ่ 

“เด็กใหม่หรือเปล่าน่ะ”

“มากับโทยาด้วย”

เด็กหญิงคู่หนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากไร่สตอเบอร์รี่สวนทางกับโรบินพอดีเธอจึงได้ยินบทสนทนาเข้าเต็ม ๆ 

“นี่ มากับนายแล้วทำไมหรอ” โรบินกระซิบถามโทยาที่เดินก้มหน้ามาตลอดทาง

“ไม่มีอะไรหรอก รีบเดินเถอะ ใกล้ถึงบ้านใหญ่แล้ว”

“นายมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า”

“นี่ มองทางด้วยสิ”

“อ้าว โทยา!”

เสียงหนึ่งทักขึ้น ทั้งคู่หยุดเดิน โทยาเม้มริมฝีปากแน่น

“มีคนเรียกนายแหน่ะ”

เมื่อหันไปตามทิศทางของเสียง โรบินก็เจอเข้ากับเด็กชายรูปร่างสูงโปร่งชาวเอเชีย ภายนอกเขาดูโตกว่าโรบินไม่มากแต่คงเพราะเล่นกีฬาบ่อยเลยทำให้ร่างกายกำยำกว่าคนรุ่นเดียวกัน เขาสวมเสื้อเกราะพอดีตัวทับเสื้อยืดค่ายสีส้ม ในมือถือธนูไม้และข้างหลังสะพายกระบอกธนู ไม่ต้องเดาเลยว่าเพิ่งทำอะไรมา

พอเขาเข้ามาใกล้ โรบินก็คิดได้อีกอย่างว่าหน้าเขาคล้ายกับแมวคาราคัลไม่มีผิด

“เจมส์” เขายื่นมือข้างที่ว่างมาตรงหน้าโรบิน แววตาสีทองดูตื่นเต้นจนเก็บไม่อยู่

“โรบิน เดาว่านายต้องนามสกุลบอนด์แน่ ๆ” โรบินยื่นมือไปจับ แม้จะสวมถุงมือหนังสำหรับยิงธนูอยู่แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ออกมาจากมือของเขา

เจมส์หัวเราะเสียงดัง “เพื่อนนายตลกดีนะโทยา” เขาหันไปพูดกับโทยาพร้อมเขย่ามือข้างที่จับกับโรบินไปด้วยอย่างแรง “งั้นเธอก็นามสกุลเกรย์สันสินะ”

เดรคต่างหาก”

แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“ปัญญาอ่อนชะมัด” โทยาบ่นเบา ๆ

“ว่าแต่กลับมาคราวนี้นายจะอยู่นานแค่ไหนล่ะ” เจมส์ถาม

“อีกเดี๋ยวก็คงจะไปแล้วล่ะ ฉันจะไปส่งโรบินแล้วทักทายคุณไครอนก่อน”

“ได้ไงเนี่ย ฉันเขียนสิ่งที่อยากทำถ้านายกลับมาไว้ประมาณร้อยอย่างแล้วท่องมันก่อนนอนทุกคืนเลยนะเพื่อน” เจมส์บ่นเสียงอ่อย ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือเธอเสียที

“พวกนายสองคนเป็นแฟนกันหรอ?”

ทั้งสองคนหันมามองโรบินเป็นตาเดียวเพราะคำถามที่ยิงไปแบบไม่คิด โทยาอ้าปากค้าง ส่วนเจมส์ระเบิดหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เหมือนจะเสียงดังกว่าเดิม เธอเริ่มรู้สึกชอบหมอนี่แล้วแฮะ หัวเราะง่ายสุด ๆ

“นายจะปลุกคนทั้งค่ายเลยหรือไงเจมส์” โทยากระซิบ

พอตั้งสติได้เจมส์ถึงค่อยตอบ “นี่ ฉันชอบเธอมากนะ แต่ความจริงแล้วฉันแค่เป็นคนแรกที่หมอนี่พามาค่ายน่ะ แล้วเขาก็เป็นครูสอนธนูที่เก่งที่สุดของฉันเลยด้วย เธอต้องเดาไม่ออกแน่ ๆ ว่าจริง ๆ เขาอายุเท่าไหร่”

ได้ยินแบบนั้นโรบินก็ตั้งใจหันไปคาดโทษกับเพื่อนสนิททันที แต่อีกฝ่ายเดินนำลิ่วไปแล้ว “ได้ไงเนี่ยโทยา มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกบ้างเนี่ย” 

“รีบตามมาเถอะน่า บ้านใหญ่ก็อยู่แค่นี้แต่พวกนายจะยื้อไปให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเลยหรือไง” 

“เฮ้ ๆ ! ฉันไปด้วย ๆ” แล้วเจมส์ก็วิ่งตามทั้งคู่มาติด ๆ


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 97780 ไบต์และได้รับ 54 EXP!  โพสต์ 2024-4-21 23:13
โพสต์ 97,780 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-4-21 23:13
โพสต์ 97,780 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-4-21 23:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2024-4-22 22:47:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด


มุ่งหน้าสู่ค่ายฮาร์ฟบลัด


บีรัค และมาริน่าได้เริ่มโบกรถเพื่อมุ่งไปยังลองไอแลนด์คันแล้วคันเล่าก็ไม่มีแม้แต่จะหยุดแม้แต่คันเดียว ทั้งสองเดินตามทางไปยังเป้าหมายพรางหยุดพรางเดินไปเรื่อยๆ จวบจนเช้าของอีกวัน การโบกรถก็ได้ทำขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังปฎิหาริย์มีรถจอดรับทั้งสองขึ้นไปยังบนรถ


"ไปไหนกันหรอหนุ่ม"


"พอดีเราสองคนอยากกำลังจะไปลองไอแลนด์"


คนขับรถพยักหน้าตอบก่อนรถจะมุ่งตรงไปลองไอแลนด์ไม่นานนักก็ถึงเขตเมืองลองไอแลด์ ทั้งสองกล่าวขอบคุณคนขับรถ


มาริน่าชี้ทางให้กับบีรัค บีรัคทำหน้างงกับเด็กสาวที่ชี้ทางมั่วซั่วก่อนเขาจะนำพาเด็กสาวนั้นมุ่งตรงไปยังเขตป่าสน บีรัคเดินนำทางเข้าไปไม่นานนักก็มาถึงยังหน้าค่ายฮาร์ฟบลัดทันใดก็มีคนออกมาต้อนรับ


"พอดีผมพาเด็กคนนี้มาส่งนะ ฝากดูแลเธอด้วยนะ มาริน่าผมไปก่อนนะ"


"สวัสดีครับ ผม แพทริก เป็นคนของค่ายแห่งนี้ ยินดีต้อนรับเจ้าหนูสำหรับประสบการณ์ใหม่ เดินตามผมมาได้เลย"


"สวัสดีค่ะ มาริน่า เจมส์ หรือเรียกมาริน่าก็ได้ ขอบคุณ คุณบีรัคด้วยนะหวังว่าจะได้เจอกันอีก"


มาริน่าเดิมตามแพทริกเขาไปภายในค่ายก่อนจะหันกลับมาโบกมือลาบีรัคพร้อมตะโกนขึ้น


"แล้วเจอกันใหม่นะ สนุกมากเลย"


มาริน่าเดินไปเรื่อยๆก็เห็นผู้คนมากมายพร้อมกับแพทริกพูดแนะนำพื้นที่ต่างๆจากพื้นที่หน้าค่าก่อนจะพูดขึ้น


"ผมแนะนำให้คุณไปรายงานตัวที่บ้านใหญ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเดินไปส่ง"





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6501 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-4-22 22:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
สร้อยข้อมือถัก
น้ำหอมสตรี
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
หลับใหล
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
หอกกรีก
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้