"...."
รูบี้ไม่ตอบคำแต่ยังคงจูงมือเด็กน้อยลุยกลางแดด เดินมุ่งหน้าต่อไปยังศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่อยู่นอกตัวเมืองปอร์โตแปงซ์ตามที่ข้อมูลในโทรศัพท์แจ้งพิกัดไว้
หากเดินเท้าเพียงลำพังรูบี้คงไปถึงที่หมายภายในชั่วยามเดียว ทว่าเธอต้องคอยดูแลเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขาดสารอาหารรูปร่างแคระแกร็นถึงห้าคน เดินไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องหยุดพัก เหนื่อยบ้าง ง่วงบ้าง หิวบ้าง จนสุดท้ายไม่อาจไปถึงศูนย์ช่วยเหลือได้ภายในคืนเดียว หกชีวิตจำต้องพักแรมข้างทางกลางเศษซากปรักหักพัง เพื่อเดินเท้าต่อไปในเช้าวันนี้
...เด็กพวกนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน...
โดยทั่วไปรูบี้ไม่ให้ค่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ แม้แต่อสุรกายชั้นต่ำยังไม่คู่ควรให้มือกระบี่ลงมือสังหาร ความเอาแต่ใจและถือตัวนั้นวิญญาณอัศวินรู้ดี เขาต้องคอยเป็นคนเก็บกวาดพวกอสุรกายต่ำชั้นแทนให้ ดีแค่ไหนแล้วที่ วิลเลียม วอลเลซ ไม่ใช่คนเรื่องมาก
...ถึงเด็กเหล่านี้จะอ่อนแอ แต่ก็เอามาตรฐานเดมิก็อดมาวัดไม่ได้...
ใช่ว่าความหยิ่งผยองจะทำให้หญิงสาวไร้จิตใจจนด้านชาไปเสียทั้งหมด กระนั้นเธอก็ไม่ได้ตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ
กึก ๆ วื้ดดดด
เสียงเครื่องจักรทำงานภายใต้ซากปรักหักพังดังขึ้น ทว่ามันไม่ใช่เสียงของรถเครนที่คอยยกซากอิฐปูนไปทิ้ง
ธิดาแห่งแอรีสจับจิตสังหารที่ไม่ได้จากสิ่งมีชีวิตได้ นางหยุดเดินก่อนจะวางมือบนด้ามกระบี่
"เป็นอะไรพี่สาวเหรอคะ?"
"ฉันรู้สึกถึงศัตรู นีน่าเธอพาคนอื่นไปหลบก่อน"
รูบี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สั่งให้เด็กที่โตที่สุดช่วยพาน้องคนอื่นวิ่งหลบหาที่ซ่อน ไม่ว่าศัตรูที่พี่สาวต่างชาติพูดถึงจะเป็นอะไร แต่พวกเธอไม่อยากถูกจับตัวกลับไปอีกเด็ดขาดจึงได้แต่ทำตามโดยห้ามสงสัย
หุ่นทองคำพุ่งตัวออกจากซากตึก มันเงื้อดาบใส่ธิดาแห่งแอรีสทันทีเมื่อจับคลื่นของเดมิก็อดคู่อริได้
เคร้ง!!
กระบี่สัมฤทธิ์วิเศษถูกชักออกจากฝักทันทีเพื่อปัดป้องการโจมตี เดมิก็อดสาวหมุนตัวหลบไปด้านข้าง อาภรณ์ที่เธอสวมใส่พริ้วไหวตามแรงเคลื่อน ภาพที่ออกมาราวกับว่าเธอกำลังร่ายรำเพลงกระบี่ร่วมกับหุ่นยนต์สีทอง หากแต่กระบี่เล่มบางมิอาจสอดผ่านรอยต่อของชุดเกราะอันแน่นหนา ท่วงท่าเหล่านั้นจึงเปล่าประโยชน์
...นึกว่าจะไม่ได้ใช้พลังเสียแล้ว...
...จงมา เปลวเพลิงแห่งแอรีส!...
เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกท่วมไปทั้งกายของหญิงสาว ทว่าเสื้อผ้าของเธอกลับไม่มีส่วนไหนถูกเผาไหม้ ผิดกับถนนยางมะตอยที่เธอย่ำเหยียบกำลังละลายเป็นของเหลวสีดำเหนียว ความร้อนแรงจากไฟนักสู้ที่ไม่มีสิ่งไหนสามารถทัดทาน ไม่แม้แต่ความสามารถกันความร้อนของสายเลือดเฮเฟตัสก็ตามที
หญิงสาวออกวิ่งไปด้านหน้าราวกับว่าเธอคือกระสุนเพลิง ทั้งความเร็วและความรุนแรงทวีขึ้นหลายเท่าตัวจนสามารถพุ่งทะลุผ่านหุ่นสีทองนั้นได้
ตู้มมมม
หุ่นทองคำระเบิดออก ชิ้นส่วนของมันกระจัดกระจายไปทั่ว
...เฝ้าโบราณสถานอยู่ดี ๆ มิชอบ รนหาที่ตายแท้ ๆ...
เปลวเพลิงดับลง รูบี้จัดแจงเสื้อผ้าพลางมองหาสินสงครามที่มีประโยชน์ มีของฝากติดมือกลับไปก็ไม่เสียเที่ยวสักทีเดียว
"เจ้าลงมือได้ไม่เกรงใจเด็ก"
ร่างวิญญาณอันเรือนรางโผล่ออกมายู่ใกล้ ๆ แววตาของนักรบเหลือบไปทางที่ซ่อนของเด็กสาวทั้งหลาย
"เกรงใจอะไร ยังไงพวกเธอก็เห็นแค่ฉันสู้กับคนร้ายสักคน" หญิงสาวตอบกลับวีรชนเสียงเบาจากนั้นจึงเอ่ยปากเรียก "ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว ออกมาได้นีน่า พวกเราจะเดินทางกันต่อ"
"คะ..ค่ะ"
เด็ก ๆ ค่อย ๆ ออกมาจากที่ซ่อน ท่าทางพวกเธอไม่ได้เอะใจกับการต่อสู้เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย
"เห็นไหมล่ะ"
นารีในชุดแดงเผยยิ้มมุมปาก ตอบอัศวินที่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่มองเห็น จากนั้นจับมือจูงกลุ่มเด็กนำหน้าไปราวกับเป็นแม่ของฝูงเป็ด
.
.
.
กว่าจะถึงศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่จัดโดยยูเอ็นเอฟซีและยูนิเซฟ รูบี้ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เมื่อเธอคนนั้นหันมาทำเอาหญิงสาวชะงัก
หญิงวัยกลางคนทว่าดูอ่อนวัยกว่าปกติ ผิวแทนน้ำผึ้งรับกับใบหน้าสวยคมอย่างชาวฮิสแปนิก แว่นตากรอบหนาที่สวมบนใบหน้า ไม่อาจบดบังความงามของดวงตาหวานปนโศก ที่ล้อมไปด้วยแพขนตาดกหนา
...อย่างกับคนรักของศิษย์น้องในร่างสาวใหญ่...
"เฮ้ เอาแต่จ้องใหญ่เลย มีอะไรหรือเปล่า?" เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเอฟซีที่ออกมารับเรื่องเอ่ยทัก
"เปล่า..."
จำเป็นต้องโกหก ใครจะกล้าบอกว่าคนตรงหน้าดูคล้ายกับชายที่เธออยากประมือด้วยมากที่สุดรองจากเหล่ารุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ในค่าย
"แน่ใจนะ? ถ้างั้นรบกวนช่วยตอบคำถามอีกที เธอเป็นใครแล้วไปเจอเด็กพวกนั้นมาจากไหน"
"บังเอิญเจอเด็กคนหนึ่งถูกลักพาตัวเลยตามไป สุดท้ายก็เลยหาวิธีช่วยออกมาได้หมด"
ก็ไม่ได้โกหก แค่ไม่ได้บอกว่าช่วยยังไงและซัดใครไปบ้าง แต่บอกตรง ๆ การให้ข้อมูลเป็นสิ่งที่หญิงสาวอยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด ซึ่งนี่เหมือนกับถูกสอบสวนมากกว่าให้ข้อมูล
"แค่นั้นเลยเหรอ?" เจ้าหน้าที่ทำหน้าไม่อยากเชื่อ หญิงสาวต่างแดนตัวคนเดียวเข้าไปช่วยเด็กห้าคนจากกลุ่มชายฉกรรจ์ที่หาตัวจับยาก ดูอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผลเลยสักอย่างเดียว "เธอนี่ลึกลับจัง อย่างกับเป็นพวกซูเปอร์ฮีโร่เลย หรือไม่ก็.. พวกลูกครึ่งเทพที่มาช่วยกู้โลก... อะไรแบบนั้น"
"คุณว่าไงนะ?"
คิ้วหงส์ขมวดเข้าหากัน โดยปกติแล้วใครจะพูดว่า 'ลูกครึ่งเทพ' ออกมา
...หรือบางทีผู้หญิงคนนี้จะไม่ธรรมดา อาจเป็นเดมิก็อดจากเทพสักองค์...
รูบี้หยิบกระบี่คู่ใจออกมาวางกลางโต๊ะ
"คุณเห็นสิ่งนี้เป็นอะไร?"
"หืมมมม" เจ้าหน้าที่หญิงลากเสียงยาว สีหน้าดูงุนงงโดยไม่ปกปิด "ก็... ร่มไงจ๊ะ เอาจริงฉันก็แอบสงสัย ทำไมเธอถึงพกร่มมาสองคันล่ะ แล้วยังกางร่มอยู่คนเดียวไม่แบ่งอีกคันให้เด็ก ๆ ด้วย"
"...."
หากไม่เห็นอาวุธพิชิตอสุรกายก็แสดงว่าเป็นคนปกติ แต่ไฉนคนตรงหน้าถึงได้ทักเรื่องเดมิก็อด หรือจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญที่หลุดปากมา จะอะไรก็ช่าง รูบี้เพียงแค่ตอบคำถามที่น่ารำคาญเหล่านั้นไปมั่ว ๆ พออีกฝ่ายก้มหน้าลงจดบันทึกเธอก็หนีไปอย่างว่องไวราวกับสายลม
.
.
.
"ยุ่งยากเสียจริง"
ริมฝีปากสีเหมยชาดขยับบ่นพึมพำหลังออกมาจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยได้หลายสิบก้าว ทว่าเธอก็ต้องชะงักไม่เดินต่อเมื่อเห็นคนที่ยืนดักหน้า
"แหม ซุกซนมาไกลถึงนี่เอง ฉันก็เสียเวลาหาเธอตั้งนาน"
"โฮ่ง ๆๆ กรรรรร"
เสียงคำรามเหมือนสุนัขชิวาว่าดังออกมาจากกระเป๋าใส่สัตว์ ผู้ที่มาดักหน้ารูบี้คืออีคิดน่าคือมารดาของเหล่าอสุรกาย
...แย่ล่ะสิ!...
"โอ๋ ๆ ลูกจ๋า ใจเย็น ๆ สิ ถ้าหนูอยากหม่ำ ก็หม่ำได้เลยนะกู๊ดบอย"
ทันทีที่อีคิดน่ารูดซิบเปิดกระเป๋าสัตว์เลี้ยง ไคมีร่าตัวใหญ่กว่าปกติก็กระโจนออกมาใส่รูบี้ เธอตีลังกาหลบได้อย่างพร้อมกับสวนกระบี่ไปด้านหน้า
วูบบบบบ
ลำแสงเรืองรองล้อมรอบกายหญิงสาว จากนั้นเธอก็ถูกส่งขึ้นสู่ฟากฟ้าผ่านสายลมจนมาสู่ทะเลสาบกลางค่ายฮาล์ฟบลัด เบื้องหน้าของรูบี้คือเทพีฮีบี้ในร่างแปดขวบ ขณะทำงานที่ร้านฮีบี้จีบี้ส์เทพีสังหรณ์ใจบางอย่างจึงแอบส่องดูเดมิก็อดที่ทำภารกิจ จนเธอพบกับฉากต่อสู้ดังกล่าว
"ฟู้ววว ทันเวลาพอดี เค้านึกว่าจะช่วยเตงไม่ทันซะแล้ว"
"ท่านเจ้าคะ ฉันสู้กับมันได้"
ธิดาแอรีสกัดฟันกรอด รู้สึกเจ็บใจที่ไม่ทันได้ฝากรอยไว้ให้อสุรกายน่าเกลียดนั่นสักแผล
"สู้ได้อะไรกัน นั่นไม่ใช่ไคมีร่าธรรมดาสักหน่อย เค้าไม่ยอมให้เดมิก็อดเอาชีวิตไปทิ้งในภารกิจง่าย ๆ หรอกนะ"
เทพีแห่งความเยาว์วัยสะบัดมือจากนั้นปรากฏกุหลาบสีน้ำเงินขึ้นกลางเวหา
"เอาน่า ๆ อย่ามัวแต่ทำหน้าหงิก นี่รางวัลจากเค้า ขอบคุณนะที่เตงมาช่วยงาน เค้ากลับไปเล่นบ้านบอล-.. เอ้ย! กลับไปทำงานต่อล่ะ บายยยย"
จากนั้นเทพีในวัยเด็กก็กระโดดเข้าหลุมวาร์ป ทิ้งไว้เพียงของรางวัลให้ดูต่างหน้า ของสิ่งนี้ไม่จำเป็นสำหรับรูบี้ ทว่าอาจจำเป็นสำหรับบางคน
ท่ามกลางความหงุดหงิดใจในชั่วครู่หญิงสาวกลับนึกเรื่องสนุกอย่างหนึ่งขึ้นมาได้...