[ตอนเหนือของค่าย] ชายหาด

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-12-17 15:14:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
251
เรียนอสุรกายศึกษา วันที่ 1

               17/12/2024 เวลา 13.30 น. - 14.20 น.

               พักภาษากรีกโบราณเอาไว้ก่อน วันนี้ดีนมารอเรียนวิชาอสุรกายศึกษาที่ชายหาด สถานที่ที่คล้ายกับแหล่งกบดานของสายเลือดโพไซดอน (รวมถึงอะโฟร์ไดท์บางคนที่มาอาบแดด…)

               ตอนแรกดีนคิดว่าตัวเองมาสายเมื่อเห็นว่า ‘ไทสัน’ พี่ชายบ้านโพไซดอนกำลังทำการสอนอยู่ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเสียงกริ่งจากนาฬิกาจับเวลาก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณของการเลิกคาบเรียนช่วงเที่ยง ไม่มีนักเรียนคนไหนที่อิดออดนั่งต่อ ทุกคนต่างลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วเพื่อให้นักเรียนคาบต่อไปได้เข้ามาเรียนต่อ ดีนดูตารางเรียนในมือ การสอนติดต่อกันแบบคาบชนคาบแทบไม่มีเวลาให้ผู้สอนได้พักหายใจ

               “สอนคาบชนคาบแบบนี้เหนื่อยแย่เลย กินน้ำหน่อยไหมพี่ชาย?”

               ชายหนุ่มยื่นขวดน้ำแร่ไปให้บุรุษที่ยืนอยู่หน้าคลาส ดีนไม่เคยพบไทสันมาก่อน เขาเคยได้ยินแต่เสียงร่ำลือว่าอีกฝ่ายเป็นไซคลอปส์ที่กำเนิดจากโพไซดอนและนิมฟ์สาวสุดสวย และเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่หน้าเบลอ ๆ ตอนที่โทรเครือข่ายไอริสหาซันซ์ …คิดว่าอีกฝ่ายก็คงเช่นเดียวกัน

               “ในที่สุดก็ได้เจอนายสักที ขอบใจนะดีน”

               ไทสันเงยหน้าขึ้นมาจากตำราเอกสารประกอบการสอน ยื่นมือมารับน้ำแร่ที่ดีนให้ด้วยแววตาสุกใส ไม่บอกก็รู้ โหงวเฮ็งของไทสันเป็นประเภทคนดีจิตใจงดงามแน่ ๆ

               “โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักนะพี่ชาย ฉันดีน นีล เรียกดีนล่ะถูกแล้ว” ทั้งสองเช็คแฮนด์ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ “ว่าแต่นายมีสองตาแฮะ ฉันนึกว่าพี่จะมีตาเดียว”

               “แบบนี้เหรอ?”

               ไทสันกล่าว จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างได้ไหลกองมาอยู่ตรงกลางเป็นตาใหญ่เพียงดวงเดียว เมื่อเห็นไซคลอปส์คลายมนต์ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ทำเอาดีนสะดุ้งอยู่หน่อย ๆ เขาแค่ล้อเล่นเฉย ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำจริง.. แต่เมื่อได้เวลาใกล้สอนแล้วเขาก็แยกดวงตาทั้งสองออกดังเดิม

               “ใกล้ได้เวลาเรียนแล้วนายไปนั่งที่ดีกว่านะ” ไทสันยิ้มบอก

               “โอเค”

               หันไปอีกทีนักเรียนวิชาอสุรกายศึกษาคาบบ่ายก็จับจองที่นั่งจนเต็มคลาสแล้ว เหลือเพียงที่นั่งหน้าสุดตรงกลางเพียงตัวเดียวที่เว้นเอาไว้ให้นั่ง ให้ตายสิ! ไม่ว่าจะเป็นชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยหรือค่ายฮาล์ฟบลัด ที่นั่งตรงนี้ก็ไม่เคยมีใครอยากนั่งไม่รู้ว่าทำไม ดีนที่ตัวสูงกว่าใครเพื่อนจึงจำเป็นต้องนั่งตรงนี้ อย่าให้ใครบ่นเขาว่ามองไม่เห็นกระดานก็แล้วกัน

               “เอาล่ะ สวัสดีทุกคน เพื่อไม่ให้เสียเวลาวันนี้เราก็มาเริ่มเรียนกันเลย” คุณครูใจดียิ้มบอก ซึ่งไม่รู้จะมีเปลี่ยนโหมดเป็นโหดเมื่อไร “อสุรกายที่เราจะเรียนรู้กันในวันนี้คือฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นสัตว์พาหนะของมหาเทพโพไซดอน”

               ผู้สอนหันหน้าเข้ากระดาน หยิบชอล์กวาดรูป ‘ม้าปลา’ ยุกยิก แม้ภาพจะไม่ได้สวยงามเหมือนในสมุดรวมภาพ แต่ก็เป็นลายเส้นที่น่ารักดีไม่หยอก อย่างไรเสียเด็กบ้านโพไซดอนก็มี ‘พรสวรรค์’ ที่จะเปลี่ยนอสุรกายน่าเกรงขามเป็นตัวการ์ตูนตะมุตะมิอยู่แล้ว

               จะว่าไปก็ชวนนึกถึง.. ครั้งหนึ่งหลังภารกิจที่เฮติ พ่อส่งเรือเทียมฮิปโปแคมปัสสองตัวมารับเขาที่บาดเจ็บกลับสู่ลองไอแลนด์ แล้วสุดท้ายเขาก็มานอนสลบเหมือดคาชายหาดอยู่แถวนี้ ดีนยังคงจำชื่อฮิปโปแคมปัสสองตัวนั้นได้ ‘ไทร์รีม’ และ ‘แกลลี่ย์’ ไม่รู้ป่านนี้สองตัวนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่ไปแอตแลนติสได้นั่งเรือดำน้ำฮิปโปแคมปัสด้วยเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าจะไม่ใช่สองตัวที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้นะ

               “ม้าปลา–.. เอ้ย ฮิปโปแคมปัสเป็นชื่อภาษากรีกมาจากคำว่า ‘ἵππος’ (ฮิปโป) แปลว่าม้า และ ‘κάμπος’ (แคมโปส) แปลว่าสัตว์ทะเล ผสมกัน โดยลักษณะของฮิปโปแคมปัสจะมีส่วนหัวและขาหน้าเหมือนม้า แต่ลำตัวช่วงล่างและหางจะเป็นปลาคล้ายกับเงือก บางครั้งอาจถูกพรรณนาว่ามีครีบหรือแผงคอที่พลิ้วไหวเหมือนสาหร่ายทะเล ฮิปโปแคมปัสถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สง่างามและมักปรากฏในตำนานที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเล……. ………. ………. …………”

               การบรรยายของไทสันไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรเนื่องจากอาหารกลางวันจากยอดฝีมือเชฟฮาร์ปี้ทำพิษ (?) กอปรกับสายลมพัดโกรกจากทะเลเย็นสบาย ทำคอมโบกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดเป็นจังหวะ ทำเอาหนังตาของชายหนุ่มค่อย ๆ ปรือลงเรื่อย ๆ เอาเข้าจริงที่นี่ไม่เหมาะกับการเป็นคลาสเรียนเลยสักนิด แต่เหมาะกับเอาไว้ทำสปา นวดน้ำมันและอาบแดดเสียมากกว่า

               ทว่าเสียงของไทสันก็ทำให้เขาสะดุ้ง

               “เอาล่ะ จากที่อธิบายไปเมื่อกี้ใครตอบได้บ้างว่า ทำไม ‘ฮิปโปแคมปัส’ ถึงกลายเป็นชื่อส่วนหนึ่งของสมองได้” ไทสันกวาดสายตา ทว่าไม่มีใครยกมือตอบ เขายิ้มหวาน ไหน ๆ มีญาติต่างมารดาเป็นนักเรียนในชั้นแล้วก็เลือกญาติให้มาตอบหน่อยแล้วกัน “ดีน นายตอบคำถามข้อนี้ได้ไหม?”

               “ฮะ! อะไรนะฉันเหรอ?” จากสัปหงกอยู่ ชายหนุ่มผู้สวมแว่นตากรอบหนาต้องรีบเด้งตัวขึ้นมาทำหน้าเหรอหรา “ถามว่าอะไรนะ ขอทวนคำถามอีกที”

               ไทสันทำตาปริบ ๆ (ที่คล้ายกับว่าเขาเห็นตาทั้งสองข้างกองรวมกันเป็นตาเดียวอีกแล้ว..) แต่ก็ยินดีที่จะทวนคำถามอีกครั้ง

               “ทำไม ‘ฮิปโปแคมปัส’ ถึงกลายเป็นชื่อส่วนหนึ่งของสมอง”

               ‘…แล้วไหงจากการบรรยายเรื่องม้าน้ำถึงกลายเป็น การทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสไปได้ฟะ!’

               ดีนโวยวายในใจ ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับในนานขนาดไหนกันแน่ จะว่าโชคดีไหมนะที่ตนเคยเรียนเรื่องนี้มาในมหาวิทยาลัย แล้วชีววิทยาก็เป็นอะไรที่เข้าทางเขาแบบสุด ๆ

               “โอ้ แน่นอน เพราะว่าสมองส่วนนั้นหน้าตาเหมือนกับ ‘ม้าน้ำ’ แต่เป็นม้าน้ำที่ไม่ใช่ฮิปโปแคมปัส แต่เป็นม้าน้ำหน้าตาแบบนี้”


               สายเลือดเจ้าสมุทรเล่นกลให้ชาวค่ายได้ชม เขาดึงน้ำจากมหาสมุทรมาส่วนหนึ่ง เสกสรรรูปร่างให้กลายเป็นม้าน้ำลอยไปลอยมาโลดแล่นเหนืออากาศ ก่อนจะสลายพลังคืนแก่ธรรมชาติไป เรียกเสียงปรบมือให้กับเด็ก ๆ ในคลาสได้เป็นอย่างดี

               ไม่รู้ว่าตอบคำถามครบหรือยังดีนจึงสาธยายต่อ

               “สมองส่วนฮิปโปแคมปัสเป็นโครงสร้างเล็ก ๆ ที่อยู่ลึกลงไปใน สมองกลีบขมับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบลิมบิก แต่ไม่ต้องไปจำชื่อก็ได้ มันยุ่งยาก” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดไปมากลางอากาศ

               “หน้าที่หลักของฮิปโปแคมปัส คือการสร้างความจำระยะยาว จากการแปลงข้อมูลจากความจำระยะสั้นให้กลายเป็นความจำระยะยาว เช่น การจดจำเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการเรียนรู้ ตรงตามข้อที่หนึ่งเป๊ะ คือการเปลี่ยนความจำระยะสั้นเป็นระยะยาว การนำทางและการเชื่อมโยงข้อมูล การจดจำตำแหน่งและการนำทาง หากสมองส่วนนี้เสื่อมหรือได้รับความเสียหาย จะเกิดความผิดปกติในระบบความทรงจำ อย่างเช่นโรคอัลไซเมอร์ในคนชรา”

               จากการบรรยายทำเอาเด็กร่วมคลาสหลายคนอ้าปากค้าง บางทีเรื่องที่เขาพูดก็ยากเกินกว่าเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปีจะเข้าใจ หลักจากที่เขาเห็นสีหน้าของหลาย ๆ คนถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองตอบเกินคำถามไปเยอะ ดีนจึงนั่งลงกับที่ก่อนจะยิ้มแหะ ๆ ไปให้ผู้สอนได้ทำหน้าที่ต่อ
               
               “ดีนอธิบายเกร็ดความรู้เสริมไว้ดีมาก เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะทุกคน” ไทสันช่วยพูดตบให้ข้อมูลข้างต้นแม้ว่ามันจะไม่เข้าประเด็น “เอาล่ะ ต่อไปก็—..”

               ยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยคกริ่งเลิกคลาสก็ดังขึ้นก่อน ดูเหมือนว่าที่ดีนสาธยายเรื่องการทำงานของสมอง จะกินเวลาสอนของไทสันไปพอสมควร

               “ต้องเลิกคลาสแล้วล่ะ แต่ว่าทุกคนอย่าลืมไปค้นคว้าข้อมูลต่อกันนะ ไม่แน่ว่าในอนาคตพวกคุณอาจจะมีโอกาสได้นั่งเรือฮิปโปแคมปัสกันก็ได้”

               “คร้าบ/ค่า” เด็กนักเรียนขานตอบ จากนั้นก็ทยอยกันออกจากชั้นเรียน ซึ่งดีนก็เหมือนกัน…

               “สอนเก่งนี่นาไทสัน ไว้เจอกันที่บ้านนะพี่ชาย”

               คนเป็นน้องเดินไปตบบ่าพี่ชายไซคลอปส์ปุ ๆ แต่ที่ไทสันบอกให้ไปค้นคว้าเพิ่ม… มันคือเรื่องอะไรกันนะ?


เรียนวิชาอสุรกายศีกษา วันที่ 1/4
+10 EXP , +20 ความกล้า
----------------------------------
มอบ [น้ำแร่] แก่ [ไทสัน]

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] ไทสัน เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2024-12-17 15:46
God
การบ้าน(+5 INT) || (เขียนบล็อกของคุณ) ศึกษาความแตกต่างระหว่างฮิปโปแคมปัส ม้าทะเลชาวเคลติก ม้าน้ำและนิลกาย  โพสต์ 2024-12-17 15:46
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-12-17 15:45
โพสต์ 24997 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-17 15:14
โพสต์ 24,997 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-17 15:14
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-22 03:47:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-22 06:05

259
ผู้ท้ายทายจากแดนอาทิตย์อุทัย

               21/12/2024 เวลา 14.30 น.

               “ใจเย็น ๆ ก๊อน!!” ดีนร้องปราม

               วันนี้นี่มันยังไงกันแน่นะ ตอนเที่ยงถูกเด็กบ้านแอรีสถูลู่ถูกังไปทิ้งไว้กลางสนามรบ หลังมื้ออาหารกลางวันก็ถูกพี่ชายแฟนลากคอมาที่ชายหาดอีก ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันชั่วคราว แต่ดีนไม่มั่นใจกว่ากิริยาท่าทางนี้เป็นปกติของซิลเวอร์ หรือเขาทำอะไรให้พี่ชายของแมคเคนซีขุ่นข้องหมองใจหรือเปล่า อีกฝ่ายถึงได้มือหนักกับเขานัก

               “ใจเย็นอะไร ฮาล์ฟบลัดกำลังมีภัยเราต้องรีบไปช่วยเหลือ!”

               “ผมรู้ แต่พี่ชายหยุดล็อคคอลากผมก่อน เดินด้วยกันไปดี ๆ ก็ได้” ดีนร้องโวย

               “โอ้ จริงด้วย โทษทีฉันลืมตัวไปหน่อยน่ะ” ซิลเวอร์ปล่อยแขนออกจากคอของดีน จากนั้นเขาหัวเราะแก้เก้อ

               หนุ่มบ้านโพไซดอนนวดคอตัวเองปอย ๆ พลางคิดในใจ ‘หน้าตาดูเป็นคนคูล ๆ แต่ไหงนิสัยถึงได้ออกมาเป็นลุงเท็กซัสได้นะ…

               “จะว่าไปพอจะเคยได้ยินกิตติศัพท์เจ้าเด็กมาบ้าง ไปลุยภารกิจทวงคืนตรีศูลมาเหรอเรา?” ซิลเวอร์ถาม

               “เจ้าหนู? หมายถึง ผม?” ดูแล้วอายุของดีนและซิลเวอร์ก็ต่างกันไม่กี่ปี แต่โดนเรียกว่า ‘เจ้าเด็ก’ ยิ่งย้ำความนิสัย ‘ลุง’ ของอีกฝ่ายได้ชัด “เอ่อ.. ก็ใช่ครับ”

               “นั่นน่ะเจ๋งสุดยอด! ว่าแต่ผ่านมากี่ภารกิจคำพยากรณ์แล้วล่ะ?”

               “แค่หนึ่งครับ ภารกิจตามหาตรีศูลก็แค่นั้น…” คำพูดเหมือนถ่อมตัวแต่จริง ๆ แล้วดีนแค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายคาดหวังเพราะว่าเขาไม่ใช่นักรบฝีมือดี ที่ผ่านมาก็พึ่งพาผองเพื่อนและดวงซะเยอะ

               “แค่หนึ่งเองเรอะ?” ซิลเวอร์ยกแขนขึ้นมากอดคอดีนเข้าหาอีกครั้ง ซึ่งบุตรแห่งโพไซดอนทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตัวลีบ ๆ เข้าไว้ “ประสบการณ์ยังน้อยอยู่นี่น่า เอางี้มะ หลังจากนี้นายกับฉันเราไปทัวร์ทำภารกิจรอบโลกกัน สานสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นน้องชายแฟนสักหน่อย”

               “เอางั้นเหรอ..”

               ดีนเหงื่อตก พูดก็พูดเถอะ ภารกิจคำทำนายเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มขยาดมากที่สุดจนไม่อยากไปทำอีก การเดินทางแต่ละวันแสนยากลำบาก นั่งรถจนก้นระบม ไหนยังคอยมีอสุรกายไล่รังควานตามทางคูณสอง ไม่รู้ทำไมทวยเทพถึงได้นิยมชมชอบให้ลูกหลานไปตกระกำลำบากกันนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้วยังจะมาชูเรื่องเกียรติยศอะไรกันอีก มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายสิคือสิ่งที่ควรส่งเสริม ถ้าจะใช้งานก็ขอให้เดินทางปลอดภัยไร้กังวลหน่อยได้ไหม…

               อีกอย่าง… เขาไม่อยากทำเรื่องผิดพลาดจนเกิดเป็นปมในใจ เหมือนตอนถูกหลอกใช้ให้ปลดปล่อยคธูลฮูอีกแล้ว

               “ผมไม่รับปากได้ไหม บางที.. มันก็ไม่ค่อยสะดวกออกเดินทางไกลน่ะ ผมอายุจะยี่สิบสี่แล้ว อยากหาเงินสร้างอนาคตของตัวเองมากกว่า”

               “เส้นทางวีรบุรุษก็ทำเงินได้ จิตวิญญาณลูกผู้ชายคือการต่อสู้!”

               ให้ตายเถอะ เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอคนที่ดีดกว่าตัวเอง ปวดหัวเหมือนกันแฮะ…

               ดีนพยายามก้าวขาเดินไว ๆ ให้ไปถึงชายหาด อย่างน้อยถ้าได้ปะทะกับอสุรกายก็น่าจะหลีกเลี่ยงการคาดคั้นให้ไปรับคำพยากรณ์ได้พอประมาณ

               บริเวณชายหาดดีนเห็นสองพี่น้องสายเลือดแอมฟิไทรต์อย่าง ‘เอิร์ล สเตรธเอิร์น’ และ ‘ชิมะบุคุโระ ไอมิ’ ประจำการตั้งรับกันอยู่ ดูจากร่องรอยของสถานที่น่าจะเพิ่งผ่านการต่อสู้ยกที่หนึ่งมาหมาด ๆ เอิร์ลยังอยู่ในท่าทางสบาย ๆ ในมือถือดาบน้ำ เสื้อสูทสีขาวเลอะเทอะคราบทรายนิดหน่อยแต่ยังหล่อเนี้ยบดูดี ฝั่งไอมิที่เป็นพลธนู เธอมีท่าทางเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนร่างกายไม่มีริ้วรอยบาดแผล ยังสวยเช้งแม้อยู่ในชุดเสื้อกันหนาวดาวน์แจ็กเก็ตที่ดูเทอะทะ

               “ไงทั้งสองคน กำลังเสริมมาแล้ว”

               “โอ๊ะ สวัสดีคุณนีล พบกันในสถานที่นี้อีกแล้ว” เอิร์ลหันมายิ้มให้ ส่วนไอมิเพียงแค่ค้อมศีรษะทัก ชายหนุ่มผมเงินมองไปทางซิลเวอร์ซึ่งมีผมสีเงินอีกคน “และอีกท่านหนึ่ง…”
               “ฉันซิลเวอร์! ซิลเวอร์ ควินน์ บุตรแห่งเฮคาที ยินดีที่ได้รู้จัก!”

               ซิลเวอร์แนะนำตัวเองด้วยพลังงานที่เต็มเปี่ยม ผิดกับอีกสองคนที่เพิ่งสู้ยกแรกเสร็จมาจึงดีดไม่เท่า… ไม่สิ สองคนนี้ไม่ใช่คนที่ดีดอยู่แล้ว

               “ดูเหมือนว่าพวกมันจะมากันอีกแล้วค่ะ!” ไอมิสายตาว่องไวสมกับที่เป็นนักแม่นธนู เธอมองเห็นอสุรกายหลายฝูงผุดออกมาจากประตูมิติไม่มีหยุดหย่อน คราวนี้จำนวนของพวกมันมากกว่าคราวที่แล้วจนบุตรและธิดาแห่งแอมฟิไทรต์ถึงกับเหงื่อตก

               “แถมยังออกมาจากตรงนู้นซะด้วย” ซิลเวอร์ผิวปาก ชายหาดของค่ายฮาล์ฟบลัดกว้างขวางออกขนาดนี้กำลังของคนแค่สี่คนที่กระจุกตัวรวมกันคงไม่อาจต้านทานไหว

               “ต้องกระจายตัวกันไปแล้ว ถ้าใครไม่ไหวให้ยิงสัญญาณนะโอเค๊?”

               สองพี่น้องแอมฟิไทรต์พยักหน้ารับ ส่วนซิลเวอร์ยักไหล่ไม่มีปัญหา เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสี่จึงแยกย้ายกันไปประจำในแต่ละจุด

               .
               .
               .

               ดีนรับผิดชอบส่วนของฝั่งซ้ายสุดของหาดที่อยู่ติดกับป่าต้องห้าม ดูเหมือนว่าภายในป่าจะมีกองกำลังเข้าไปต่อกรอสุรกายสังกัดโลกิอยู่ประมาณหนึ่ง เขาถึงได้ยินเสียงดังตูมตามและควันไฟออกมาจากบริเวณนั้น

               แต่จะมัวไปสนใจคนอื่นคงไม่ได้ เพราะอสุรกายที่เขาต้องรับมือในคราวนี้มาพร้อมกันทีเดียวถึงสามตัวด้วยกัน มียักษ์ฟ้าที่พุ่งชนแจสเปอร์ ฮาร์ปี้ญี่ปุ่น แล้วก็ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้มันจำแลงกายมาในรูปแบบของสาวสวยหุ่นสะบึ้ม แต่.. หึ! คราวนี้ฉันไม่หลงกลแกหรอก!!!

               ฮาร์ปี้ญี่ปุ่นจากที่บินอยู่ไกล ๆ เผลอแป๊บเดียวมันได้วาร์ปมาตรงหน้าของเดมิก็อดหนุ่ม ราวกับมีทักษะก้าวพริบตาเหมือนเหล่ายมทูตจากเรื่องบลีช ดวงตาของมันสว่างวาบเป็นสีเขียว จากนั้นมันโบกพัดใส่ดีนก่อกำเนิดลมพายุมหาศาล พัดพาจนแทบจะทำให้ชายหนุ่มที่หนักหนึ่งร้อยเจ็บสิบสี่ปอนด์แทบกระเด็น ทว่าดีนไวพอที่จะเรียกหอกตรีศูลมาปักพื้นไว้เป็นหลักยืดต้านพายุ

               ระหว่างที่เขากำลังมีสมาธิกับฮาร์ปี้ญี่ปุ่นอยู่นั้นเอง ยักษ์สีฟ้าที่ดวงตาเรืองแสงสีเขียวก็พุ่งทยานเข้ามาพร้อมกับซัดหมัดอันหนักหน่วงใส่เขาจนตั้งหลักแทบไม่ทัน

               “เฮ้ย!! โล่! โล่!!”

               จากหอกตรีศูลเปลี่ยนสภาพเป็นโล่ทันทีเมื่อดีนสั่ง เขาจึงไม่ได้รับความเสียหายเต็ม ๆ แต่ก็ถูกซัดกระเด็นจมผืนทราย ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมาดีนก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งทื่อเป็นหินขยับตัวแทบไม่ได้นอกจากกรอกลูกตาไปมา

               ‘เกิด.. เกิดอะไรขึ้นวะ!?!’

               『คิก』

               เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังแผ่วเบาขึ้นหลังใบหู เมื่อเหลือบตามองตามเขาเห็นนงคราญร่างระหงในชุดกิโมโนกรุยกรายหลุดรุ่ยเยื้องย่างผ่านไปด้านหลัง ในแววตาซุกซนขี้เล่นของจิ้งจอกสาวมีไอบางอย่างสีเขียวอ่อนฉาบทับอยู่จาง ๆ แม้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ดีนรู้ได้ทันทีว่าตัวเองโดนมนตราบางอย่างเล่นงานเข้าให้แล้ว!

               ตอนนี้ชายหนุ่มตกเป็นเป้านิ่งจนถูกอสุรกายสามตัวรุมสกรัม ยักษ์ฟ้ารัวหมัดต่อยใส่เขาไม่ยั้งจนมัวหมัดไปหมด ส่วนฮาร์ปี้ญี่ปุ่นที่โบกพัดเรียกใบมีดลมนับสิบกรีดเฉือนตามร่างกายจนได้รับบาดแผล

               ‘ไม่ไหว.. แบบนี้ไม่ไหวแล้ว!’

               ในชั่วขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะน็อคเขาได้เรียกมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากอ่าวนิวยอร์ก ถาโถมใส่อสุรกายทั้งสามตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกมวลน้ำซัดพาไปด้วย แต่ด้วยพลังของสายเลือดเจ้าสมุทรบาดแผลที่ได้รับเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเมื่อแช่อยู่ในน้ำทะเลธรรมชาติ

               『ที่นี่คือที่ไหน?』

               『ข้ามาทำอะไรที่นี่?』

               『เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่!?』
               
               “ห๊ะ!?” เสียงจากจิตของอสุรกายดังขึ้นอย่างงุนงง พลอยทำให้ดีนงงไปด้วย สังเกตดี ๆ เหมือนดวงตาของเจ้าสามตัวนี้จะไม่ได้เรืองแสงแล้ว แต่เพียงชั่วพริบตาร่างกายทั้งสามก็กระตุกเฮือก และดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหมือนเดิม

               『ตายซะ!』

               ฮาร์ปี้ญี่ปุ่นโบกพัดใส่ดีนอีกครั้ง คราวนี้เดมิก็อดหนุ่มวิ่งหลบได้ทัน กระนั้นกระสุนลมกรดก็ยิงติดตามมาเรื่อย ๆ เสียงตัดอากาศดังฟิ้วช่างน่าหวาดเสียว

               ยักษ์ฟ้าลุกขึ้นมาเป็นตัวที่สอง มันวิ่งดักหน้าดีนไว้ คราวนี้มันทุบอกก่อนจะกระโดดถีบขาคู่ใส่ ชายหนุ่มกำลังจะหลบแต่ชั่วขณะหนึ่งที่เขาขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้

               ‘เวรเอ๊ย! อีกแล้ว!!!’

               แต่คราวนี้ดีนจะไม่ยอมให้เจ้าสามหน่อนี้แท็กทีมกันรุมตีนเขาได้อีกเด็ดขาด แม้ร่างกายจะขยับไม่ได้ แต่ชายหนุ่มรู้แล้วว่าเขายังใช้พลังควบคุมน้ำได้อยู่ การตัดสินใจชั่วเสี้ยววินาทีคือสิ่งสำคัญ ดีนเรียกลูกบอลน้ำกระแทกใส่จิ้งจอกสาวจัง ๆ จนนางร้องกรี๊ด ร่างกายของเขาขยับได้แล้วจึงรีบกระโจนหลบลูกถีบของยักษ์ฟ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นพุ่งหอกในมือแทงทะลุร่างของฮาร์ปี้ญี่ปุ่นจนน่างของมันแตกสลายกลายเป็นละออง

               ‘จัดการไปได้หนึ่ง เหลืออีกสอง!’

               สำหรับดีน.. นางจิ้งจอกเก้าหางถือเป็นตัวปัญหาเสียยิ่งว่ายักษ์ฟ้า ชายหนุ่มจึงเตรียมคุกน้ำไว้สำหรับนาง มันไม่ใช่ตะแกรงแต่เป็นมวลน้ำทรงลูกบากศ์ที่อัดน้ำทะเลอยู่จนแน่นเอียด หากไม่ใช่ปลาหรือมีสกิลหายใจใต้น้ำก็ไม่อาจมีลมหายใจต่อไปได้ ปีศาจจิ้งจอกจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในคุกน้ำ ร่างกายที่สลายไปคล้ายเป็นหนึ่งเดียวกันกับสายน้ำ

               ตัวสุดท้ายคือยักษ์ฟ้า แม้มันจะรวดเร็วรุนแรง แต่ดีนเคยกำราบอสุรกายกรีกความสามารถประมาณนี้มาแล้วหลายตัว

               หอกตรีศูลถูกเปลี่ยนเป็นรูปแบบดาบ เข้าฟาดฟันกับผิวหนังแกร่งในระยะประชิต แต่เนื้อหนังอสุรกายมีหรือจะทนทานอาวุธที่ประทานโดยเทพเจ้าได้ ดีนใช้ความคล่องตัวกว่าอ้อมตัวไปด้านหลัง จากนั้นแทงใบมีดทั้งสามจากหลังขึ้นกลางอก

               ยักษ์ฟ้ากระตุกตัวอย่างรุนแรง ดวงตาที่เคยเรืองแสงสีเขียวค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ

               『ที่นี่ที่ไหน.. ข้าอยากกลับบ้าน…』

               สิ้นเสียงที่สื่อตรงถึงจิตร่างสีฟ้าก็สายไปกับธาตุอากาศ เหลือเพียงสินสงครามของทั้งสามหล่นทิ้งไว้บนผืนทราย และชายหนุ่มที่ค้างท่าแทงดาบที่หอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า

               ‘เมื่อกี้มันบอกว่าอยากกลับบ้านเหรอ?...’

               ขณะเก็บสินสงครามขึ้นมาชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด เขาไม่เข้าใจว่าพวกมันหมายถึงอะไร อย่างกับถูกบังคับใจมา…

               ตอนนี้บริเวณของดีนถูกเคลียร์ได้แล้ว เขาควรรีบไปช่วยเหลือคนอื่นจัดการอสุรกายในลำดับถัดไป…

ตื่นรู้ +2 จากการพิชิต [เท็งงุ] ครั้งแรก
สินสงคราม: หน้ากากเท็งงุ 1 หน่วย
สินสงคราม: ใบไม้วิเศษ 6 หน่วย

ตื่นรู้ +2 จากการพิชิต [รากษส] ครั้งแรก
สินสงคราม: รองเท้ารากษส 1 หน่วย

สรุปสถานการณ์ Winter is Coming II แบบคร่าว ๆ
อสุรกายจำนวนมากถูกวาร์ปมาที่ชายหาดจน ดีน ซิลเวอร์ เอิร์ล และไอมิ จำเป็นต้องแยกกันสู้
(กำลังเขียนโรลของ NPC ทั้ง 3)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 35268 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-12-22 03:47
โพสต์ 35,268 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-22 03:47
โพสต์ 35,268 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-22 03:47
โพสต์ 35,268 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-22 03:47
โพสต์ 35,268 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก เข็มทิศมหาสมุทร  โพสต์ 2024-12-22 03:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-22 05:53:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-23 05:22

Earl Strathearn [EVENT] 21.12.2024
Winter is Coming

ขณะเดียวกันทางฝั่งของ
...เอิร์ล สเตรธเอิร์น...

ชายหนุ่มผมเงิน พี่ใหญ่จากกระท่อมหมายเลขยี่สิบสี กำลังยืนหลับตาหันหน้าเข้าหาท้องทะเลด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึก

ส่วนหนึ่งคล้ายทำสมาธิ ส่วนหนึ่งคล้ายขอพรจากเทพีมารดา อีกส่วนคล้ายกับสงบใจเพื่อปลงต่ออะไรบางอย่าง

รอยวาร์ปเกิดขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่มอยู่ไม่ไกล เมื่อห้วงมิติเปิดออก ปรากฏร่างของอสุรกายหมาป่าแอรีสหนึ่งฝูงใหญ่ เดินออกมาจากช่องว่างรอยแยกของเงา พวกมันทั้งหมดถูกควบคุมจิตใจด้วยมนตร์มายาของ โลกิ เทพแห่งการหลอกลวง ของฝั่งนอร์ส มนตร์สีเขียวปกคลุมพวกมันราวกับหมอกควันที่สังเกตเห็นได้ยาก

"กรร"

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายทั้งห้าเต็มไปด้วยความหิวกระหาย ในตอนนี้มันไม่รู้จักว่าใครคือเจ้านายที่แท้จริง จิตสังหารที่รุนแรงมุ่งหวังเพียงแค่การคร่า และทำลายล้าง เพียงสองอย่างเท่านั้น


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

ดวงตาของชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดขึ้นมองเผยให้เห็นนัยน์เนตรสีฟ้าครามราวกับอัญมณีล้ำค่า

เอิร์ลผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ พร้อมกับสะบัดมือขึ้น

มวลน้ำจากท้องสมุทร รวมตัวกันก่อร่างเป็นรูปทรงของเรเปียน้ำที่ทั้งงดงามและน่าหวั่นเกรงปรากฏอยู่เหนือฝ่ามือ

"เข้ามา"

น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยสั่งเพียงสั้น ๆ

คล้ายหมาป่าแห่งแอรีสจับได้ถึงจิตวิญญาณของนักสู้ มันกรูเข้ามาหาหนุ่มแห่งสายน้ำเค็มในเวลาพร้อม ๆ กัน

เอิร์ลเอี้ยวตัวหลบสุนัขป่าด้วยความคล่องแคล่ว คล้ายกับว่าการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่การหลับตาเพียงหนึ่งตื่น

ทั้งสายน้ำและร่างกาย สอดคล้องกันราวกับว่าเขากำลังเริงระบำในจังหวะแทงโก้กับฝูงหมาป่า

พริ้วหลบ จ้วงแทง ฟาดฟัน

เปลี่ยนคู่เต้นรำจนครบห้า ย้อมสีสันจนเกิดเป็นละอองธุลีดำแก่ผู้ท้าทาย บาดแผลที่เชือดเฉือนไม่ได้จัดการให้อสุรกายเหล่านั้นถูกกำราบในคราวเดียว

บนใบหน้าเย็นชาเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็นยิ่งกว่า
เขากำลังเล่นสนุกกับเหยื่อที่คิดว่าตัวมันเองคือผู้ล่า
ตัดเส้นสายตามแข้งขาจนพวกมันล้มพับไปโดยไม่รู้ตัว

ทว่าความตายยังไม่มาถึงในเมื่อชายหนุ่มยังไม่ยินยอมที่จะมอบให้
ปลายดาบปราณวารีลากผ่านขนสีเทาอันยุ่งเหยิง แต่มิได้ชำแรกผ่านเนื้อหนัง คล้ายหยอกเย้ากับเหยื่อในวินาทีสุดท้าย

ฉันพลันเนตรสีครามฉายแววเบื่อหน่าย
ยามอาคมของเทพโลกิสลายพวกมันก็ไม่ฮึดสู้เหมือนในตอนแรก

คมอาวุธจึงค่อย ๆ แทรกผ่านร่างกายของอสูรที่ไร้ทางสู้อย่างเยือกเย็นทีละตัว... ทีละตัว...

"หงิง"

เสียงสุดท้ายก่อนหวนคืนสู่ทาร์ทารัสช่างแผ่วเบา
พอ ๆ กับเสียงของลมหายใจที่สั่นสะท้าน

เพียงชั่วพริบตาร่างทั้งห้าที่นอนกองบนผืนทรายก็สลายเป็นฝุ่นควัน

มือเรียวปัดฝุ่นฝ้าออกจากเนื้อผ้า
ดวงตาอันเย็นชามองลงมายังสินสงครามด้วยความเพิกเฉย

"กรี๊ด!! โอนี่จัง ช่วยด้วย!!!"

เสียงกรีดร้องจากอีกฝั่งหนึ่งของหาดทราย
เพียงชั่วพริบตาที่นักฆ่าผู้แสนเย็นชาก็สะดุ้งเฮือก
อากัปกิริยาของชายหนุ่มดูร้อนรนไม่สุขุมอีกต่อไป

"ไอมิ.."

ริมฝีปากขยับเป็นชื่อของน้องสาวต่างบิดา
จากนั้น เอิร์ล สเตรธเอิร์น ก็รีบหุนหันออกจากอาณาเขตรับผิดชอบของตัวเองด้วยความรีบร้อน

- - - - - - - - - - - - - - - - -
NPC เอิร์ล สเตรธเอิร์น
พิชิต ฝูงหมาป่าแห่งแอรีส 1 ฝูง
NPCEarl Strathearn#24AMPHITRITE CABIN
NC

แสดงความคิดเห็น

God
หินบางอย่างตกใส่หัวดีน ไม่รู้มาจากไหน -- ดูเหมือนโรลเพลย์นี้จะได้หินตีบวก  โพสต์ 2024-12-22 14:43
โพสต์ 9571 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-12-22 05:53
โพสต์ 9,571 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-22 05:53
โพสต์ 9,571 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-22 05:53
โพสต์ 9,571 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก เข็มทิศมหาสมุทร  โพสต์ 2024-12-22 05:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-23 00:00:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-23 01:36

S i l v e r  Q u i n n
W i n t e r   i s  C o m i n g
2 1 . 1 2 . 2 0 2 4
NPC  Cabin 20  Hecate

Trigger Warning: Part นี้อุดมไปด้วยคำหยาบ


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]
ขณะเดียวกัน... ทางด้าน ซิลเวอร์ ควินน์
หากเทียบประสบการณ์ด้านรับมือกับอสุรกายแล้ว ซิลเวอร์น่าจะมีมากที่สุดในหมู่เดมิก็อดที่มาป้องกันค่ายที่แนวชายหาด แม้ชายหนุ่มจะแสตนบายในจุดของตัวเองด้วยท่วงท่าทางสบาย ๆ ทว่าสัญชาตญาณการรับรู้ของเขากลับดีเป็นพิเศษ
"วิ้ด~ มากันแล้วสินะ" บุตรแห่งเฮคาทีผิวปาก เขารับรู้ได้ก่อนที่รอยแยกมิติที่เทพโลกิจะเปิดออกเพื่อส่งอสุรกายข้ามแดนมายังค่ายฮาล์ฟบลัดเสียอีก 
คทาวิเศษแห่งมนตราถูกนำออกมาถือไว้ที่มือซ้าย เปลวเพลิงรัตติกาลลุกโชติช่วงสว่างไสว แม้สายลมทะเลก็ไม่มีวันพัดดับ มือขวาชักปืนอัจริยะที่เหน็บเอวออกมาควงเล่น
สายตาเหยี่ยวเหลือบมองเพื่อนร่วมทีม ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกแบบนี้ได้ไหม เพราะแต่ละคนอยู่กระจัดกระจายกันไปหมด ถึงจะห่างแต่ก็พอเห็นความเคลื่อนไหว
หนุ่มโพไซดอนที่แสตนบายทางซ้ายมือเหมือนจะเริ่มการต่อสู้เป็นคนแรก ...การต่อสู้ที่เรียกว่า 'ถูกยำเละ' เอาไว้ถ้าเจ้าเด็กนั่นไม่ตายค่อยจับโยนลงทะเลเพื่อรักษา
และพอหันไปทางขวา เขาเห็นชายหนุ่มผมเงินในชุดสีขาวกำลังยืนทำสมาธิต่อหน้าท้องทะเล ไม่นานจากนั้นฝูงหมาป่าแอรีสห้าตัวก็โผล่หัวออกมาจากช่องมิติสีขะมุกขมัว ส่วนฝั่งสาวน้อยที่อยู่ห่างไกลสุด... มองไม่เห็น
ถ้าไม่นับไอมิก็ดูเหมือนว่าซิลเวอร์จะเป็นคนเดียวช่องว่างมิติเอาแต่ก่อร่างสร้างตัว ควันเขียวจับตัวกันเป็นก้อนได้เป็นนาที ๆ มันเปิดทางออก แต่กลับไม่มีอสุรกายโผล่หัวออกมาสักตัว
'คงไม่ใช่ว่าสิ่งที่ต้องเผชิญคือความว่างเปล่าหรอกนะ...'
พ่อมดหนุ่มเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ใช่ว่าชายหนุ่มโปรดปรานการต่อสู้ (ความจริงก็ยอมรับนิดนึง) แต่เขาเกลียดอสุรกายเป็นที่สุดต่างหาก
"เฮ้ย! จะชักช้าเกินไปแล้วนะว้อย!"
ปืนอัจฉริยะชาร์จในมือขวา ยิงปังเข้าไปในรอยว่าง เป็นจังหวะเดียวกันที่อสุรกายตัวหนึ่งเสนอหน้าออกมาจากรอยแยก กระสุนสัมฤทธิ์เจาะเข้ากลางกบาลของมันอย่างฟลุก ๆ
FIRST BLOOD
"กว่าจะโผล่หัวกันออกมาได้นะพวกเอ็ง" ซิลเวอร์แค่นหัวเราะขึ้นจมูก แม้ว่าเพื่อนอสุรกายตัวนั้นจะถูกสังหารทั้งที่ตัวยังไม่ทันจะออกมาพ้นรอยแยกของมิติดี กลุ่มกูลราวยี่สิบตัวก็วิ่งกรูกันออกมาจากรูหมอกเขียวคลายฝูงซอมบี้ให้หนังเรื่องเวิร์ลวอร์ซี "ถ้าอยากตายนักก็ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย ไอ้พวกอสุรกายหน้าหมี!!"
ชายร่างใหญ่ประกาศกร้าว แววตาวาวโรจน์ดุดัน เขารัวกระสุนจากปืนอัจฉริยะใส่ไม่ยั้ง ซึ่งผีดิบกูลที่วิ่งเขาหาโดนกระสุนสัมฤทธิ์บ้างหลบได้บ้าง เพียงแค่การต่อสู้เปิดฉากขึ้นกูลก็ถูกสอยลงไปนอนแดดิ้นเป็นฝุ่นผงเพิ่มอีกสามตัว
Double Kill
Triple Kill
Quadra Kill
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังลั่นไปทั่วทั้งหาดต้องหยุดลงเพราะเหล่ากูลที่หิวกระหายเลือดเนื้อที่เหลืออยู่วิ่งเข้ามาใกล้เกินไป ชายผมเงินจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธที่ใช้ ปืนในมือขวาถูกควงเก็บเข้าซองปืน ในจังหวะเดียวกับที่กูลตัวหนึ่งกระโจนเข้าหาหมายกินสมอง  ซิลเวอร์ไม่หลบ มือซ้ายที่ถือคทาคบเพลิงร่ายวน ปลายนิ้วทั้งสองจี้ไปที่หน้าผากของผีดิบกระหายเลือด
"อินคันทาเร่ เฟลมมา มาจิก้า! เอ็งเล่นผิดคนแล้วไอ้ผีดิบส้นตีน!!"
ตู้ม!!! โผล่ะ!!
หัวของกูลระเบิดกระจุยเมื่อถูกยิงเวทไฟใส่ในระยะประชิด ร่างกายของมันถูกไฟนรกลุกลามเผาไหม้กลายเป็นผง
Pentakill
ไอ้อสุรกายพวกนี้มันไม่มีสมอง มีแต่สัญชาตญาณการเข่นคร่า ไม่ว่าเปลวเพลงจะลุกโชนแค่ไหน หรือตะวันที่ขึ้นสูงจะส่องแสงกลางหัวก็ตาม ผีดิบเหล่านี้ไม่มีทีท่าว่าจะยี่หระหลบเร้นภายในเงา ซึ่งก็ดี.. "ตายแม่งให้หมดไอ้พวกเวร!!!"
บทร่ายเวทไฟถูกร่ายขึ้นอีกครั้ง คร่าวนี้ซิลเวอร์รวบรวมพลัง ก่อกำเนิดลูกเพลิงก้อนใหญ่เหมือนอุกาบาต มันแตกออกพ่นสะเก็ดเพลิงออกไปทั่วบริเวณ ย้อมหาดทรายจนกลายเป็นขุมนรก
Hexakill!!!
จากนี้จะไม่มีการนับแต้มต่อ..
ควันไฟและคราบเขม่าที่ลอยฟุ้งไปทั่วมองอะไรแทบไม่เห็น ได้กลิ่นก็เพียงแต่กลิ่นของเนื้อกูลย่าง (คงไม่ต้องบรรยายหรอกนะว่ากลิ่นศพเน่าไหม้ไฟเป็นอย่างไร...)
หมอกควันยังไม่ทันได้สงบ กูลตัวหนึ่งได้กระโดดพุ่งขย้ำซิลเวอร์จากด้านหลัง ทว่าเดมิก็อดผู้มากประสบการณ์พลิ้วตัวหลบ ดาบสัมฤทธิ์ที่เหน็บอยู่ข้างเอวถูกชักออกจากฝักตวัดฟันอย่างรวดเร็ว ตัดคอของกูลที่พุ่งเข้าหาหลุดขาดออกจากกันโดยที่มันยังแทบไม่รู้ตัว ดวงตาปีศาลกลอกกลิ้งไปมา เมื่อรู้ตัวว่าหัวไม่อยู่กับตัวมันก็ร้องกรี๊ดออกมาแต่ไร้เสียง จากนั้นกูลตัวที่เจ็ดก็สลายตามเพื่อนของมันไป
"ไหน!! ตัวไหนมันกล้าดีอีก!! พวกเอ็งจะได้เจ็บแบบที่เจ็บโคตร ๆ!!"
หนุ่มเฮคาที (ที่สาบานได้ว่าเป็นพ่อมดจริง ๆ นะ) ประกาศกร้าว ภายใต้หมอกควันจาง ๆ เขาเห็นเหล่ากูลที่เหลืออยู่อีกเก้าตัวชะงักเท้าไม่ยอมวิ่งเข้าหาเหมือนตอนแรก สติสัมปชัญญะของมันกลับมางั้นเหรอ? ไม่น่าใช่.. เพราะไอ้พวกนี้น่ะมันไม่มีสมอง
นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อป้องกันตัว.. ถ้าพูดว่าป้องกันค่ายน่ะใช่... แต่เมื่อมีปีศาจร้ายที่กล้ารุกเข้ามาในถิ่นมีแต่ความตายที่มอบให้ เมื่อกูลคิดได้ (?) มันก็ตกลงว่าวิ่งหนีดีกว่า บางทีหากเปลี่ยนเหยื่อจัดการเป็นบุตรเทพสมุทรเนื้อหวานในสังเวียนข้าง ๆ ที่กำลังนัวเนียกับอสุรกายสามตนจนไม่ทันระวังรอบด้านน่าจะง่ายกว่านี้ พวกมันพากันวิ่งไปทางด้านซ้ายของหาด
"พวกเอ็งจะไปไหน!!" ซิลเวอร์คำรามจากนั้นร่ายเวทโซ่ดำพันธนาการ "อินคันทาเร่ คาเทน่า!!"
สายโซ่แห่งความมืดพุ่งออกมาจากฝ่ามือใหญ่ พันขาและตัวของกูลได้หลายตัว บางตัวก็ถูกโซ่ที่พุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงทะลุอกทำลายหัวใจจนกลายเป็นผงไปบ้างก็มี และมีกูลหนึ่งตัวที่หลุดรอดออกไป
"จะหนีไปไหน มาเล่นกับฉันนี่ไอ้กร๊วกเอ๊ย!! อินคันทาเร่... แอ๊กซิมัส!!" ก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์ถูกเวทเรียกของสั่งให้มาหา ด้วยน้ำหนักที่มากเป็นตันทำให้มันลอยมาหาซิลเวอร์ช้ากว่าปกติ แต่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น "อินคันทาเร คอนเทรัม อินคานทาทอเรส... ลงนรกกันซะให้หมดไอ้พวกห่าราก!!"
คาถาทลายมนตราถูกร่ายออกมากระทันหัน ทั้งโซ่ตรวนและก้อนหินจึงไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป กูลเกือบสิบหลุดออกจากพันธนาการ ยังไม่ทันจะหนีต่อก้อนหินที่โคตรจะหนักนั้นก็ร่วงทับพวกมันทั้งฝูงจนร่างกายแบนแต๊ดแต๋ วิญญาณหลุดลอยไปเข้าทาร์ทารัส
แต่ยังเหลืออีกหนึ่งนี่ที่ไม่ถูกโซ่มัดนี่ ใช่ไหม? ได้เวลากลับมาใช้อาวุธระยะไกล บุตรแห่งเฮคาทีชักปืนออกมาอีกครั้งจากนั้นลั่นไกไปที่สมองของกูลตัวสุดท้ายจนมันล้มลง
ปัง!
"ฟู้ว" ควันจากปากกระบอกปืนถูกเป่าลอยไป ซิลเวอร์เสยผมขึ้น ก่อนจะเตะสินสงครามจากกูลตัวที่สี่หรือห้านี่แหล่ะที่เขาจัดการมันลงแทบเท้า ขวดเลือดกูลถือว่าไม่แย่สำหรับสายเลือดเฮคาที แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อมดที่ไม่ได้ชื่นชอบและเชี่ยวชาญด้านปรุงยา แต่เจ้าเด็กน้อยน้องเล็กสุดของบ้านจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบปรุงยาเหล่านี้
และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขาได้เห็นดีน ลูกชายเจ้าสมุทรยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยสีหน้าเหรอหราอ้าปากค้าง มัวแต่บู๊ติดพันเลยไม่ได้ใส่ใจว่าอีกฝ่ายสู้จบไปตอนไหน.. บางทีเจ้าเด็กนี่อาจได้ยินที่เขาสบถออกมาตลอดทั้งการต่อสู้นี้ก็ได้ แต่แล้วไงล่ะ? ซิลเวอร์น่าจะแค่เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้จับเจ้าเด็กน้องเขยโยนลงทะเลเพื่อเพิ่มความสนิทสนมของครอบครัว
หนุ่มผมเงินฉีกยิ้มกว้างให้แก่ดีนแล้วจึงเข้าไปล็อคคออีกฝ่ายเหมือนตอนที่เขาถูลู่ถูกังดีนมาที่นี่
"ไงเจ้าเด็ก ปลอดภัยดีสินะ น่าเสียดายชะมัด" ซิลเวอร์หัวเราะก่อนจะยีผมสีดำหยักศกสั้นอย่างมันมือ
"โอ๊ยยยย ใจเย๊นนนนพี่ชาย น่าเสียดายชะมัดคืออะไร!? แล้วไหงอยู่ ๆ มาทำงี้เล่า!" ดีนพยายามยันตัวออก แต่เหมือนร่างกายของเขาจะแข็งทื่อไปหมดเมื่อถูกคนด้วยกันใช้กำลังใส่โดยไม่ทันได้ต้องมนตร์สะกดแข็ง

"สกินชิปจะได้สนิทกันไว ๆ ไงล่ะ!" รุ่นพี่จากบ้านเฮคาทีหัวเราะชอบใจก่อนจะยอมปล่อยออก ความจริงเขาแค่อยากแกล้ง "ว่าแต่คนอื่นจัดการกันได้หมดแล้วหรือยัง?"
ดวงตาสีหม่นกวาดมองไปทางขวาของหาด เอิร์ลไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
"เจ้าหนุ่มชุดขาวไม่อยู่แล้วแฮะ สงสัยจะได้เวลาไปรวมทีม งั้นเราก็ไปกันเจ้าเด็ก!"
มือใหญ่ตบหลังดีนดันป้าบก่อนจะเดินอาด ๆ ไปที่ด้านขวาสุดของหาดโดยไม่ได้หันไปมองบุรุษพลังน้ำ เดี๋ยวเจ้าเด็กก็ตามต้อย ๆ มาเองนั่นแหล่ะ! 

NPC ซิลเวอร์ ควินน์ พิชิต ฝูงกูล 20 ตัว
bettyleg

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-12-23 00:12
God
มีหินก้อนหนึ่งกำลังพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูงซนเข้ากับตัวคุณ  โพสต์ 2024-12-23 00:12
โพสต์ 31,360 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-12-23 00:00
โพสต์ 31,360 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก หมวกเกราะ  โพสต์ 2024-12-23 00:00
โพสต์ 31,360 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-12-23 00:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-23 05:10:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Winter is Coming
------------------
21.12.2024

ขณะเดียวกัน.... ทางฝั่งขวาสุดของชายหาดค่ายฮาล์ฟบลัด
การต่อสู้ในครั้งนี้สร้างความกังวลใจแก่ ชิมะบุคุโระ ไอมิ ธิดาแห่งแอมฟิไทรต์ เป็นอย่างมาก
ประการแรก.. หญิงสาวมีประสบการณ์การต่อสู้น้อยกว่าเหล่าหนุ่ม ๆ ในทีมเยอะ ยามว่างในค่ายฮาล์ฟบลัดของเธออยู่กับการช่วยเหลือนางสไคลล่า หรือที่ทุกคนในค่ายรู้จักกันดีในนามเจ๊ฮาร์ปี้มากกว่าชื่อจริงของนางเอง ที่โรงอาหาร นอกจากนั้นก็เรียนวิชาภาษากรีกโบราณ และเข้าคลาสยิงธนูเนื่องจากก่อนเข้าค่ายฮาล์ฟบลัดไอมิเคยอยู่ชมรมคิวโด (ยิงธนูญี่ปุ่น) มาก่อน
แม้หญิงสาวจะเป็นคนสายตาดีและว่องไว มีพรสวรรค์ทางด้านทักษะยิงธนูเป็นรองเหล่าบุตรธิดาอะพอลโล่เพียงเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้ชื่นชอบการต่อสู้ เอิร์ล สเตรธเอิร์น ผู้เป็นพี่ชายต่างบิดา (หรือสำหรับไอมิเป็นต่างมารดาเพราะเธอเกิดจากคู่แม่-แม่) ได้ให้คำแนะนำในการอยู่ค่ายฮาล์ฟบลัดว่า...
"เธอควรจะเรียนศิลปะการต่อสู้สักอย่าง ตอนออกไปนอกค่ายจะได้ไม่ลำบาก"
ในเมื่อเคยมีพื้นฐานการยิงธนูมาบ้าง ไอมิจึงเรียนแต่คลาสธนูเอาไว้ใช้สำหรับเอาตัวรอดนอกค่ายฮาล์ฟบลัดตามคำแนะนำของพี่ชาย ทว่าเอาเข้าจริงกลับได้ใช้งานในค่ายฮาล์ฟบลัดถึงสองครั้งสองคราว...
ประการที่สอง.. เธอไม่เคยต้องต่อสู้เพียงลำพังโดยไร้เอิร์ลคอยสนับสนุน แม้ว่าพักหลัง ๆ เอิร์ลจะไม่ค่อยได้กลับค่ายเลยก็ตามที แต่พอเขากลับมาทีไรก็มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดถูกล้อมไว้อยู่ตลอด ดังนั้นไอมิจึงไม่มั่นใจเอามาก ๆ ว่าเธอจะต่อสู้เพียงลำพังไหว
ก่อนหน้าจะแยกย้ายไปประจำจุดเพื่อตรึงแนวรบที่หัวหาด สองพี่น้องแอมฟิไทรต์ได้แต่มองหน้ากัน ไอมิรู้ว่าเอิร์ลเป็นห่วง แต่หญิงสาวไม่มีปากเสียง ส่วนหนึ่งเพราะเธอไม่กล้าร้องขอและไม่อยากเป็นตัวถ่วง คอยให้พี่ชายมาแบกรับหน้าที่แทนอยู่ตลอดเวลา
"เฮ้อ..." หญิงสาวถอนหายใจออกมายาว
เธอนึกถึงความเชื่อหนึ่ง 'หากเขียนตัวอักษรคำว่า 人 (คน) ไว้บนฝ่ามือแล้วกลืนลงไปจะทำให้หายตื่นเต้น' มันเป็นความเชื่อที่ฮิตกันในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น เพื่อสร้างกำลังใจยามเมื่อต้องออกไปแสดงตัวในที่สาธารณะ หรือทำให้หายตื่นเต้นจากการสอบ ฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เธอหากำลังใจจากแหล่งอื่นไม่ได้แล้วจริง ๆ มือที่ทั้งเรียวเล็กและขาวนวลลากตัวเส้นตัวอักษร ลงบนฝ่ามืออีกข้างที่เย็นจนสั่นจากทั้งความหนาวและความตื่นเต้น จากนั้นป้อนตัวอักษรเข้าปากกลืน
'หายตื่นเต้นขึ้นมาได้นิดนึงแล้วมั้ง...'

[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]
ยังไม่ทันได้เตรียมใจให้พร้อมดีประตูมิติที่ปริแตกออกก็มีอสุรกายฝูงหนึ่งเดินออกมา มันคือฝูงก๊อบลินที่มีด้วยกันทั้งหมดสิบตัว แม้มันจะเป็นอสุรกายชั้นต่ำที่กำจัดได้ง่าย แต่เมื่อมันรวมฝูงเมื่อไร ต่อให้เป็นเดมิก็อดทักษะสูงก็อาจตึงมือเมื่อถูกก่อกวน แล้วยิ่งเธอชำนาญแค่ทักษะการยิงธนูเพียงแค่อย่างเดียวบอกได้เลยว่าลำบาก...
"อึ๋ย... มันมาแล้ว"
ไม่มีเวลาหวาดกลัว สาวแอมฟิไทรต์สะบัดหัวเรียกสติ เธอง้างคันศรขึ้นเล็งเป้า จากนั้นธนูดอกแรกก็ถูกยิงออกไปเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ
ฟุบ...
ก็อบลินตัวหน้าสุดล้มลงสิ้นใจโดยไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้อง ร่างน้อย ๆ สลายกลายเป็นฝุ่นสีดำ แม้ว่าก๊อบลินที่ตายจะไม่ส่งเสียง แต่เพื่อนพ้องของพวกมันไม่อาจใจเย็นได้เมื่อส่วนหนึ่งของฝูงแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตา สร้างแรงโทสะปลุกไฟแค้นแก่ก๊อบลินเขียวให้ฮึกเหิมแล้ววิ่งกรูกันเข้ามา
"กี้!!"
ไม่มีเวลาให้ใจเย็นอีกต่อไป หญิงสาวง้างศรยิงต่อเนื่องด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเก่า ยอมรับว่าตอนนี้เธอไม่ค่อยมีสมาธิและค่อนข้างล่ก กระนั้นลูกศรที่แผลงออกไปค่อนข้างแม่นยำ เข้าเป้าสังหารก๊อบลินที่หนีไม่ทันหลายตัว แต่บางตัวก็กางโล่ตั้งรับทำให้ไม่ถูกลูกธนูเสียบหัว
ยังเหลือก็อบลินอีกตั้งหกตัวที่ต้องจัดการ...
ไอมิถดถอยหลังไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่เธอไม่เคยฝึกใช้ธนูพร้อมกับการเคลื่อนที่ไปด้วย ความแม่นยำจึงถดถอย ยิงผิดยิงถูกและไม่มีก๊อบลินตนไหนตายเพิ่มเลยสักตัว
ในขณะที่มัวแต่ถอยไปเรื่อย ๆ จนเกือบจะสุดชายหาด หญิงสาวได้สะดุดรากไม้ล้มลง ลูกธนูในกระบอกด้านหลังหกเกลื่อนกราด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

"ว้าย!"
ไอมิรีบผุดลุกขึ้นแต่เหมือนว่าข้อเท้าของเธอจะพลิกทำให้ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้สะดวก ลูกศรที่มีอยู่ใกล้จะหมดเต็มที ก๊อบลินที่ต้องพิชิตก็ยังเหลืออีกตั้งหกตัว
แว้บหนึ่งที่หญิงสาวอยากร้องเรียกหาพี่ชาย แต่เมื่อมองไปยังหาดอีกฝั่งที่อยู่เกือบสุดสายตา ก็เห็นว่าบุตรแห่งแอมฟิไทรต์กำลังฟาดฟันกับสุนัขป่าของเทพแอรีสภายใต้วงน้ำไม่หยุดหย่อน
'...ไม่ได้นะไอมิ เธอจะเอาแต่พึ่งพาเอิร์ลโอนี่จังไม่ได้!'
"ฮึ่ม!!" ริมฝีปากสีดอกอุเมะเม้มเข้าหากันแน่น เธอรีบคลานไปเก็บลูกธนูที่เหลือให้ได้มากที่สุด ศรสี่ดอกกับศัตรูหกตัว ต่อให้ยิงแม่นเข้าเป้าทุกดอก แต่การจะจัดการกับอีกสองตัวที่เหลือแทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังสู้ตายเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่จนถึงวันพรุ่งนี้ เธอจะมายอมแพ้กับชะตาชีวิตได้อย่างไรกัน!
แม้ตอนนี้หยาดน้ำตาจะเริ่มปริ่มที่หางตาด้วยความหวาดกลัว แต่หญิงสาวฮึดสู้! เธอง้างคันศรอีกครั้งทั้งที่ยังนั่งอยู่บนพื้นทรายเม็ดหยาบ ธนูดอกที่หนึ่งพุ่งปักติดที่โล่ของก๊อบลิน โอกาสรอดชีวิตลดลงไปอีกหนึ่ง แต่เธอยังไม่อยากตาย ไอมิเล็งลูกศรลงต่ำแล้วยิงที่ขาของก๊อบลินตัวเดิมที่ยกโล่ขึ้นมากัน ถึงไม่ทำให้ตายแต่ก๊อบลินตนนั้นล้มลงไปพลางร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
ยังเหลืออีกห้าตัวที่วิ่งเข้าหา ไอมิยิงธนูดอกที่สามใส่เป้าหมาย ทว่าก๊อบลินตนนั้นโยกหลบลูกศรได้ทันท่วงทีชนิดที่ว่าเส้นยาแดงผ่าแปด นั่นทำให้ความสิ้นหวังเข้าครอบงำ ก๊อบลินตัวหนึ่งเข้าถึงเธอได้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะง้างศร ไอมิจึงใช้ธนูดอกสุดท้ายที่มีในมือแทงร่างเล็กสีเขียวนั้นเข้าที่ลำคอ 
"ย้ากกก!"
ก๊อบลินกุมคอหอย ส่งเสียงร้อง "กี้" ที่มีแต่ลมออกมา ก่อนจะสิ้นใจแล้วสลายไป ธุลีดำปลิวละล่องยามเมื่อสายลมพัดผ่านมาพอดี
อย่างน้อยก็กำจัดไปได้หนึ่งตัว แต่ก็ยังถูกก๊อบลินถึงสี่ตัวล้อมเอาไว้แล้วพร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ
'ท่านแม่ลูกควรจะทำยังไงดีคะ!'
ในตอนนี้หญิงสาวจากหมู่เกาะทางใต้ได้แต่ประสานมือภาวนา นึกถึงมารดาผู้เป็นเทพ และมารดาผู้เป็นมนุษย์
'ไอมิ ลูกจงจำไว้... จงเป็นหนึ่งเดียวกันกับสายน้ำ ทะเลน้ำเค็มเป็นพลังให้แก่ลูกเสมอ...'
สุ้มเสียงของราชินีแห่งแอตแลนติสดังแล่นข้ามาในหัว ไม่ว่าจะเป็นคำบอกใบ้จากมารดา หรือเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่เธอนึกขึ้นมาได้ ครั้นที่องค์เทพีเคยสื่อสารตอนปลดพลังแห่งสายเลือดก็ตามที
ดวงตาที่ปิดแน่นเปิดขึ้น ขนตายาวกะพือหยาดน้ำตาที่คลอปริ่มออกมาเป็นละอองฝอย ธิดาแห่งแอมฟิไทรต์ลองใช้พลังแห่งสายเลือดที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อนในชีวิต รวบรวมหยาดน้ำจากทะเลที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาสร้างปีกวารีที่กลางหลัง และเมื่อปีกสยายออก ก็ได้ซัดก๊อบลินทั้งสี่ที่เงื้ออาวุธลงมาฟาดฟัน ให้กระเด็นกระดอนกันไปคนละทิศละทาง
"ฮ่าห์!"
แม้ไม่ใช่ปีกขนนก ทว่าธิดาน้อยได้ส่งตัวเองให้โบยบินได้ โดยขยับปีกน้ำเพียงครั้งเดียว
"กี้!"
เหล่าก๊อบลินเด้งตัวลุกขึ้นมาได้ก็ส่งเสียงไม่พอใจที่เหยื่อของมันลอยสูง แขนสั้น ๆ ของมันฟาดฟันได้แต่อากาศ คมอาวุธไปไม่ถึงหญิงสาว ทำได้มากสุดก็แค่ขว้างปาสรรพาวุธเท่าที่มีติดตัวขึ้นไปบนฟ้า เพื่อสอยให้อาหารหลักกลับลงมาเสิร์ฟอยู่บนจาน ทว่าก็ถูกปีกสายน้ำคู่นี้ปัดดาบก๊อบลินเล็ก ๆ ร่วงหล่นจมผืนทรายไปเสียหมด
'ทะเลน้ำเค็มเป็นพลังให้แก่ลูกเสมอ...'
เสียงของมารดายังคงติดตรึงในความทรงจำ แม้การปลดพลังครั้งล่าสุดจะเลยผ่านมาเป็นเดือน กลยุทธ์ถัดไปที่จะเอาชนะอสุรกายจำเป็นต้องพึ่งพาพลังแห่งสายน้ำอีกครั้งหนึ่ง..
คันศรที่ไร้ลูกธนูถูกง้างขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ลูกศรถูกสร้างขึ้นจากน้ำทะเลที่หญิงสาวดึงพลังมาจากมหาสมุทร มวลน้ำนั้นไหลวนรอบปลายนิ้วของไอมิเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อพลังแห่งสายน้ำเค็มเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ธนูแห่งสายน้ำจึงถูกยิงขึ้นสู่ฟากฟ้า จากนั้นได้ตกลงมาเป็นฝนแหลมคมนับพัน
"กี้!"
ก๊อบลินสี่ตัววิ่งหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น ตัวที่ตายก่อนเห็นทีจะเป็นเจ้าตัวที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ตามมาด้วยตัวอื่น ๆ จนสิ้นชีพยกฝูง ก็ใครเล่าจะหลบลูกศรนับพันดอกที่ปักลงมาได้...
ธิดาแห่งสายน้ำเค็มที่ลอยตัวอยู่บนฟ้าได้แต่มองผลงานของตัวเองด้วยสายตาทึ่ง ๆ จากการใช้พลังไปมากทำให้เธอหอบเล็กน้อย..
"เรา... ก็ทำได้งั้นเหรอ" รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าหวานนวลผ่อง
ทว่ายังไม่ทันได้ยินดีกับตัวเองเต็มที่ รอยแยกใหม่ก็ได้ผุดขึ้นมากลางอากาศ มันอยู่ห่างจากเธอไปไม่ถึงห้าเมตร นับว่าอันตรายและจวนตัว อสุรกายขนาดใหญ่ออกมาจากวงสีเขียวนั้นทันที มันคือมังกรที่มีหกหัว เป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าครึ่งเทพมาอย่างยาวนาน สัตว์อสูรที่ถูกกำราบโดยเฮราคลีส และไอโอลอส นามของมันคือ ไฮดร้า!
เมื่อปรากฎกายออกมาไฮดร้าได้พ่นพิษใส่ธิดาแห่งแอมฟิไทรต์ในทันที เธอใช้ปีกวารีป้องกันพิษร้ายนั้นไว้จึงรอดปลอดภัยในชั่วขณะ แต่จำเป็นต้องสละปีกน้ำคู่นั้นทิ้งไป เนื่องจากมันอุดมไปด้วยพิษกัดกร่อนแสนอันตราย ร่างบอบบางจึงร่วงหล่นกระแทกบนผืนทราย
"กรี๊ด!! โอนี่จัง ช่วยด้วย!!!"



NPC ชิมะบุคุโระ ไอมิ พิชิต ฝูงก๊อบลิน 10 ตัว

สถานการณ์ Winter is Coming II คร่าว ๆ
1. ดีน, เอิร์ล, ซิลเวอร์ และไอมิ พิชิตอสุรกายในฝั่งของแต่ละคนได้สำเร็จ
2. ไฮดร้า 6 หัว ปรากฏกายขึ้นที่ชายหาด!
(To be Continued...)

NPC ★ Shimabukuro Aimi ★ Amphitrite Cabin
—Hakrabi

แสดงความคิดเห็น

God
โอ้วววววววววววววววว ดูเหมือนมีหินบางอย่างกำลังพุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงและไฟลุกท่วม รีบหลบให้ทันเร็ว มันกำลังจะซนดีนแล้วววว  โพสต์ 2024-12-23 10:21
โพสต์ 28870 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 05:10
โพสต์ 28,870 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-23 05:10
โพสต์ 28,870 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-23 05:10
โพสต์ 28,870 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-23 05:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-23 16:42:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-23 18:25

260
อเวนเจอร์ส… รวมพลัง!

!! Trigger Warning: Part นี้มีคำหยาบนิดหน่อย !!


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

               21/12/2024 เวลา 17.30 น.

               ฝีเท้าหนักวิ่งเหยียบบนพื้นทรายหลังได้ยินเสียงกรีดร้องของน้องสาวร่วมสายเลือด บัดนี้ เอิร์ล สเตรธเอิร์น ผู้สุขุมนุ่มลึกไม่ได้อยู่ในอาการนั้นอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งของเขาอย่างสมาชิกในครอบครัวกำลังตกอยู่ในอันตราย ภาพที่เห็นใกล้ขึ้นทุกที ชิมะบุคุโระ ไอมิ ผู้เป็นน้องสาวนั่งอยู่บนพื้นทราย เธอพยายามใช้พลังแห่งสายน้ำเค็มเพื่อป้องกันตัวเองจากไฮดร้าหกหัวที่จู่โจมเข้ามาอย่างสุดชีวิต

               “ไฮดร้า…งั้นเหรอ” ยิ่งเห็นว่าอสุรกายที่น้องสาวกำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นตัวอันตรายแค่ไหน ใบหน้าขาวของหนุ่มผู้ดีชาวอังกฤษยิ่งเผือดสีลง ฝีเท้าเร่งความเร็วขึ้นมากเก่าเพื่อไปให้ทันก่อนที่ไฮดร้าจะสังหารไอมิ ไม่รู้ว่าเธอจะใช้พลังอันน้อยนิดต้านทานต่อไปได้นานขนาดไหน

               เอิร์ลดูดน้ำจากทะเลรวมมาไว้ที่ดาบของเขามากขึ้น จนเรเปียวารีเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบดาบขนาดใหญ่ยักษ์เกินจริงจนขัดกับร่างสูงเพรียวของเขา ชายหนุ่มรู้ว่าควรจะกำจัดไฮดร้าอย่างไร แต่ผู้ที่ไม่สามารถก่อไฟ รู้ตัวเองได้ทันทีว่าเขาคงไม่สามารถพิชิตอสุรกายชั้นสูงนี้ได้เพียงลำพัง จำต้องมีพรรคพวกคอยช่วยเหลือ

               บุตรแห่งแอมฟิไทรต์ไม่ลืมจะจุดพลุสัญญาณ ยิงกระสุนน้ำสายหนึ่งขึ้นฟ้าเพื่อเรียกหาพรรคพวกที่เหลือตามตกลงกันไว้ในยามเมื่อมีภัย จากนั้นเอิร์ลหวดดาบน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ไปด้านหน้า ปลดปล่อยคลื่นน้ำสามสายพุ่งตรงไปยังไฮดร้าตัวนั้นเมื่อเข้าระยะโจมตี เขาพยายามควบคุมพลังเพื่อไม่ให้ฟันโดนคอ ไม่อย่างนั้นเจ้ามังกรที่น่าสยดสยองได้มีหัวใหม่งอกเพิ่มขึ้นมาแน่ ๆ

               คลื่นดาบน้ำสามสายโจมตีถูกลำตัวของไฮดร้าเข้าอย่างจัง ๆ แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักแต่อสูรร้ายก็เลิกสนใจแต่ไอมิแล้วหันมาขู่คำคามยังชายหนุ่มแทน

               “หนีไป ไอมิ!!!”

               .
               .
               .

               ตัดภาพมาที่อีกฝั่งของชายหาด

               “ดูนั่นสิเจ้าเด็ก! เหมือนกับพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือเลยว่าไหม?”

               สิ่งที่ปรากฏเหนือน่านฟ้าคือดอกไม้ไฟที่ทำจากน้ำ พุ่งขึ้นจากพื้นแล้วแตกสลายออกกลางเวหาอย่างไม่รู้จบ บางครั้งเดมิก็อดอย่างพวกเขาก็ใช้ท่าไม้ตายในรูปลักษณ์คล้าย ๆ แบบนี้ใส่ศัตรู แต่ดูเหมือนคราวนี้แตกต่างออกไป เพราะพลุน้ำไม่ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินทว่าคงค้างเป็นสัญญาณที่โดดเด่นอยู่แบบนั้น

               “ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแต่คิดว่าน่าจะใช่นะลูกพี่”

               “ถ้างั้นจะรออะไร วิ่งให้เร็วกว่านี้สิ! วิ่ง!! เจ้าเด็ก!” ซิลเวอร์กล่าวอย่างกระตือรือร้น เขาเร่งความเร็วของฝีเท้าให้มากขึ้น ราวกับว่ามีพลังงานให้เผาผลาญอย่างไม่รู้เหนื่อย แม้แต่นักวิ่ง (จ๊อกกิ้ง) อย่างดีนได้แต่มองค้าง

               ‘เขาเป็นบุตรแห่งเฮคาทีจริง ๆ ใช่ไหม?’

               ต่อให้เป็นคนแข็งแรงแค่ไหน แต่ใครจะไปวิ่งตามทัน วันนี้ดีนสู้กับอสุรกายมาตั้งกี่ตัวแล้วล่ะ... แม้จะได้รับการเยียวยาบาดแผลมาเป็นระยะ ๆ แต่ความเหนื่อยล้าสะสมก็ไม่ได้ทุเลาเบาบางลงไป เพราะงั้นใช้เครื่องทุนแรงจากขีดความสามารถทางสายเลือดดีกว่า สกิลใหม่ที่เพิ่งค้นพบตอนที่ไปซานอันโตนิโอ ดีนดึงเอาน้ำจากมหาสมุทรมาสร้างเป็นเซิร์ฟบอร์ด แล้วควบคุมให้มันส่งตัวเขาไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง

               “ขอนำไปก่อนนะซิลเวอร์!”

               บุตรแห่งเฮคาทีมองเจ้าเด็กบ้านโพไซดอนด้วยสายตาระยิบระยับ “เฮ้ย! นั่นมันโคตรเจ๋ง แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกเจ้าเด็ก!!” จากนั้นบุรุษร่างสูงก็เร่งความเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อไปให้ถึงสมรภูมิรบใหม่โดยเร็วที่สุด

               .
               .
               .

               แน่นอนว่าคนที่มีเครื่องทุ่นแรงมาถึงก่อน ดีนเห็นเอิร์ลกับไอริกำลังต่อสู้ฟาดฟันกันกับไฮดร้า ทั้งสองมีปีกที่ทำจากน้ำโบยบินฉวัดเฉวียนขาไม่คิดพื้น ทว่าดูเหมือนกำลังของเดมิก็อดแห่งท้องทะเลถึงสองคนจะไม่อาจทำอันตรายแก่ไฮดร้าได้เลยเมื่อพลังไม่ตรงธาตุกัน ซึ่งดีนก็ด้วยเช่นกัน…

               “ลูกพี่! เตรียมไฟไว้เลยนะ ข้างหน้ามีไฮดร้าหกหัว!” ดีนป้องปากตะโกนบอกคนที่วิ่งห้อตามหลังเหมือนหมาล่าเนื้อ

               “ไฮดร้างั้นเหรอ.. วี้ด~~” ซิลเวอร์ผิวปาก “งั้นนายเอาไปก่อนเลย อินคันทาเร่ เฟลมมา มาจิก้า!”

               คาถาเพลิงถูกจุดขึ้นจากนั้นซิลเวอร์ก็ส่งเปลวไฟเคลือบปลายดาบสามเล่มที่ดีนถืออยู่ในมือ

               “โอ๊ะ พลังของสายเลือดเฮคาทีทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ นี่มันแจ่มเป็นบ้า!”

               “แน่นอนสิ ใครว่าคาถานี้ใช้แต่ยิงลูกไฟอย่างเดียวล่ะ มันคือคาถาเปลวเพลิงต่างหาก! เอ้า! ไปถึงก่อนก็ ลุย!!”

               “รับทราบ!!”

               ดีนเร่งบอร์ดพลังน้ำของเขาไปด้านหน้าด้วยความเร็วด่วนจี๋จนเห็นเป็นเส้นสายสีฟ้าและแดงเพลิงลากยาวไปเป็นแถบยาว เหนื่อยควบคุมน้ำนิดหน่อยแต่ไม่เหนื่อยควบคุมขา และเมื่อใกล้ถึงตัวไฮดร้าในระยะประชิด ชายหนุ่มจึงพุ่งตัวออกจากบอร์ดน้ำ กระโดดเงื้อแขนขึ้นฟันคอไฮดร้าด้วยดาบเพลิง จากความคมของอาวุธที่เทพมอบทำให้เขาตัดคออสุรกายขาดในฉับเดียว จากนั้นเปลวไฟสุดร้อนแรงที่ซิลเวอร์เสกก็เผาผลาญเซลล์เนื้อเยื่อที่คอของไฮดร้าจนทำให้มันไม่อาจงอกหัวขึ้นมาใหม่

               “กร๊าซซซซ”

               ไฮดร้าที่เหลือหัวเพียงห้าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันถอยหลักไปสามสี่ก้าว แววตาสีเขียวแทนที่จะเป็นสีแดงก่ำจ้องมองเหล่าเดมิก็อดด้วยความเคียดแค้น แต่ตอนนี้มันกำลังเป็นรองเพราะทีมนักสู้ที่เจ๋งที่สุดในชายหาด (มีทีมเดียว) ได้กลับมารวมกลุ่มครบทุกองค์ประชุม ทุกคนต่างมองหน้ากัน แม้ไม่มีคำพูดแต่คล้ายกับไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันด้วยสายตาว่า ‘ทุกคนปลอดภัยกันดีใช่ไหม พร้อมนะ?’

               “ในสถานการณ์แบบนี้… นายต้องพูดคำนั้นแล้วเจ้าเด็ก”

               มือของซิลเวอร์วางบนไหล่หนาของบุตรแห่งเจ้าสมุทร แล้วบีบเบา ๆ

               ‘ใช่แล้ว.. คำนั้น คำพูดที่รอคอยมานานแสนนาน….’

               ดีนพยักหน้าให้กับพี่ชายของแฟนก่อนจะตีหน้าขรึม แล้วกล่าวคำพูดปลุกใจที่สุดในนาทีนี้

               “อเวนเจอร์ส… รวมพลัง!!”

               “ไม่ใช่ว้อย คำนี้ต่างหาก! เอ็งมาเล่นผิดค่ายแล้วไอ้ไฮดร้าเศษสวะ เวรตะไลหน้าส้นตีน! ไอ้ลูกนังอิคิดน่าหน้าหมี!!!”

               “...” เอิร์ลหรี่ตามองชายสองคนที่ยืนอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลนนิดหน่อย ส่วนไอมิสะดุ้งตอนที่ซิลเวอร์ด่าไฮดร้า และหากแพนกล้องลงมาข้างล่างอีกนิดจะเห็นดีนที่สะดุ้งด้วยอีกคนนึง

               “กร๊าซซซซ” ไฮดร้าไม่ปล่อยให้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ (?) ยืนแอคท่ากันนานไปกว่านั้น มันพ่นละอองพิษมรณะออกมาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้คนทั้งสี่จำเป็นต้องดีดตัวออกจากกัน

               แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไปในเมื่อตอนดีนมีดาบอาบเปลวเพลิงอยู่ในมือ และยังมีจอมเวทที่ร่ายคาถาระดับสูงได้อย่างคล่องแคล่ว เอิร์ลเองก็รู้เช่นนั้น เขาจึงไม่กังวลที่จะตัดหัวของไฮดร้าอีกต่อไป คลื่นดาบสายน้ำฟาดฟันเข้าที่คอของไฮดร้าอย่างไร้ความปราณีจนเนื้อที่ลำคอปริออกขาดสะบั้น จากนั้นเปลวเพลิงจากคาถา ‘เฟลมมา มาจิก้า’ ก็โหมใส่ส่วนที่ขาดหายนั้นอย่างรุนแรง จนหัวที่สองถูกตัดขาด

               บนฟ้ายังมีการยิงสนับสนุนจากมือธนูชั้นดีอย่างไอมิ ลูกศรน้ำพุ่งแทงร่างของไฮดร้าสะกัดการเคลื่อนไหวตอนที่หัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปกัดซิลเวอร์

               “แต๊งกิ้วเจ้าเด็ก!” หนุ่มร่างใหญ่ยกในนิ้วโป้งพร้อมกับมอบรอยยิ้มเผล่เห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่ ให้หน่วยสนับสนุนทางอากาศ

               “คะ.. ค่ะ” แม้แต่สาวสวยก็ไม่เว้นจะถูกเรียกด้วยคำ ๆ นี้ ไอมิจึงได้แต่ยิ้มแห้งอยู่บนฟ้า

               ระหว่างนั้นดีนก็ตัดหัวของไฮดร้าได้อีกหนึ่งอย่างง่ายดาย พอมีดาบเคลือบเปลวเพลิงแบบนี้ดูเหมือนว่าการจัดการกับอสุรกายงอกหัวได้จะเป็นเรื่องง่ายราวกับกินของหวาน เขาต้องจดเรื่องนี้เอาไว้ ไปเม้ามอยให้แมคเคนซีฟังทีหลัง

               ทว่าระหว่างการปะทะกันของทีมชายหาดกับไฮดร้า ได้มีสายตาหนึ่งแอบมองมาผ่านเงามืดของพุ่มไม้ ซิลเวอร์ผู้มีประสบการณ์สูงที่สุดรู้สึกตัวได้ก่อนใคร เขาจึงปลีกตัวออกมาจากการต่อสู้นั้นเพื่อไล่ล่าเงาดำ ในการรบกับไฮดร้ามีคนถือไฟเพียงแค่คนเดียวก็เหลือแหล่...

               “ย้ากกก” ดีนพุ่งตัวหลบมังกรอสุรกายที่อ้าปากไล่งับ ก่อนจะพลิกตัวฟันฉับเข้าที่คอนั้นจนสลายไปอีกหัว

               ทางด้านเอิร์ลเขาลดขนาดของใบดาบน้ำให้เล็กลง จากการคงรูปน้ำเป็นดาบอันคมกริบในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อกินพลังงานไม่ใช่เล่น กระนั้นเขาได้ความว่องไวกลับคืนมาส่วนหนึ่ง แล้วปาดคอหอยของไฮดร้าอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่มีการสนับสนุนจากเวทไฟตามมา เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าซิลเวอร์ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว.. หนุ่มผมเงินจึงขมวดคิ้วเคร่งเครียด

               หัวที่ห้าที่ถูกตัดกำลังงอกขึ้นมาใหม่ แต่ตาดีนไวเห็นทันเขาจึงฟันซ้ำด้วยดาบไฟลุกอีกรอบหนึ่ง

               “ซิลเวอร์ไปไหนแล้ว?”

               “ไม่รู้สิ…” เอิร์ลตอบ “แต่มันเหลือแค่หัวสุดท้ายแล้ว.. มาปิดจ๊อบกันเถอะครับ”

               ดวงตาสีครามปรายมองอสุรกายร่างยักษ์ที่บัดนี้มันโซเซไปมาจากร่างกายที่บอบช้ำ ดีนพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะรวมพลังกัน ดาบแห่งสายน้ำ และคมดาบเคลือบไฟ ฟาดฟันรุกไล่จนไฮร้าหกหัวคอกุดไปทั้งหมด ร่างใหญ่โตระเบิดหายกลายเป็นละลองดำ หลังการต่อสู้จบลงเสียงโหวกเหวกก็ตามมา

               “เฮ้! มีใครเป็นคนรู้จักของไอ้กร๊วกหน้าขาวตัวนี้บ้าง เหมือนฉันเห็นไอ้สตอล์กเกอร์โรคจิตนี่แอบตามสักคนในนี้มาได้พักใหญ่แล้ว!”

               ซิลเวอร์โยนร่างของชายคนหนึ่งลงมากลางวงของเหล่าผู้พิชิตไฮดร้า ชายหนุ่มร่างผอมเพรียว ผิวขาวซีด เรือนผมสีดำสนิทเรียบลู่ไปด้านหลัง ถูกมัดด้วยโซ่เวทมนตร์จากคาถา ‘คาเทน่า’ ซึ่งดีนมองเพียงแว้บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าหมอนี่เป็นใคร ‘แร็กนาร์ เมสัน’ บุตรแห่งเทพโลกิจอมลวงโลก ศัตรูคู่อาฆาต!!

               “มันตามเธอมาหรือเปล่าเจ้าเด็ก?” บุตรแห่งเฮคาทีเงยหน้าถามไอมิ สาวสวยเพียงหนึ่งเดียวที่ติดปีกบินอยู่บนฟ้า

               “ปะ.. เปล่าค่ะ ไม่น่าจะใช่...นะคะ” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวตอบด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก

               “ไม่ใช่คนรู้จักของไอมิ แต่ว่าเป็นของฉันเอง แกอีกแล้วเหรอ ไอ้เวรแร็กนาร์!!!” ดีนคำรามออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของศัตรูที่แสนเกลียดชัง มันคนนี้เองที่ล่อหลอกให้คณะตามหาตรีศูลไปปลดผนึกคธูลฮูเข้า แถมยังต้องฟาดฟันกับวิญญาณผู้พิทักษ์สายเลือดเดียวกับตัวเองอีกต่างหาก

               “อ้อ ลูกเทพโลกิหน้าหมีคนนั้นนี่เอง ถึงว่า... หน้ามันแม่งเหมือนกันอย่างกับแกะ! ถ้ามันตามเจ้าเด็กโพไซดอนมางั้นก็ยกให้นายจัดการก็แล้วกัน”

               ซิลเวอร์ปลดพลังเพลิงออกจากดาบตรีศูล ก่อนจะถอยฉากออกมากอดอกยืนพิงต้นมะพร้าวเพื่อพักเหนื่อ ควบคู่ไปกับคุมสถานการณ์จากระยะไกล ส่วนเอิร์ลรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาจึงช่วยประคองน้องสาวที่ได้รับบาดเจ็บจากก๊อบลินไปรักษาบาดแผลที่ในทะเล ตอนนี้คนที่ประชันหน้ากันจึงเหลือเพียงแค่สอง

               ปลายดาบที่ยังคงร้อนฉ่าจ่อที่ใบหน้าซีดขาว เงาของแร็กนาร์กัดกรามจนขึ้นสันก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมาทักทายพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ

               “ไงดีน ไม่ได้เจอกันตั้งนานดูเหมือนว่านายจะได้ของเล่นใหม่… ไหน ๆ แล้วไม่ลองเอามันแทงฉันดูล่ะ หรือไม่ก็ตัดหัวฉันเหมือนกับที่นายตัดหัวไฮดร้า”

               แร็กนาร์กล่าวท้าทาย หัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่สะทกสะท้าน มันรู้ว่าบุตรแห่งโพไซดอนเป็นคนอย่างไร ดีนไม่กล้าจะฆ่าใครตายจริง ๆ อาจเว้นเหล่าอสุรกายจากนรก ที่พอฆ่าไปแต่ละครั้งก็กลับมานอยด์ตัวเองตอนที่อยู่คนเดียว

               “ฮึ่ม! แก!!”

               ดีนไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นตัวจริงหรือเงามายา แต่ว่ามันกุมจุดอ่อนเล่นกับจิตใจเขาอยู่ ชายหนุ่มหดดาบกลับคืนไปให้อยู่ในรูปของกำไลอัจฉริยะ จากนั้นเขากระชากคอเสื้อของบุตรแห่งคำลวงขึ้นมา ถึงตรงนี้ซิลเวอร์ที่มองอยู่ไกล ๆ ส่ายหน้า

               “ต่อให้แกเป็นตัวปลอมฉันก็จะซัดหน้าแกให้หน้าแหก!!”

               ดีนเงื้อหมัดขึ้นชกหน้าแร็กนาร์ไปหลายมัดจนหน้าขาว ๆ เต็มไปด้วยรอยชำ มันพ่นเลือดออกมาพร้อมกับฟันแต่ยังยิ้มเยาะได้ ภาพที่เห็นสมจริงจนชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นตัวจริงหรือร่างเงา

               ซึ่งดีนก็ยังคงเป็นดีนเหมือนเดิม ...คนเดียวกับที่บุตรแห่งคำลวงปั่นหัวได้ง่าย ๆ

               “แต่ก่อนที่นายจะซัดหน้าฉันเละ ฉันมีข่าวหนึ่งจะบอก…” จอมวายร้ายผงกหน้าขึ้นกระซิบข้างหูของบุตรแห่งโพไซดอนด้วยน้ำเสียงพร่า “ฉันฆ่าแมคเคนซี”

               ถ้อยคำนั้นทำเอาดีนหยุดชะงัก ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาเรื่อย ๆ.. จังหวะนั้นเองที่แร็กนาร์ร่ายมนตร์ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

               .
               .
               .

               ในป่าต้องห้ามทางทิศเหนือของค่ายฮาล์ฟบลัด ดีนเห็นแมคเคนซีกำลังอยู่ในสภาพที่เหนื่อยอ่อนหลังจากที่เพิ่งกำจัดอสุรกายสุดโหดหินอย่างไคมีร่ามาได้หมาด ๆ อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พักหายใจก็ถูกศัตรูรายใหม่เข้ามาก่อกวน ซึ่งนั่นคือตัวของเขาเอง.. แร็กนาร์ใช้หมวกเวทมนตร์ปลอมกายเป็นเขา ป้อคำหวานที่ชาตินี้ดีนไม่มีวันพูดออกมา (เพราะนึกศัพท์ไม่ออก) ใส่คนรักไม่หยุด

               มันแสร้งทำเป็นเขาที่บาดเจ็บให้แมคเคนซีรักษา จากนั้นดีนตัวปลอมก็แทงกริชใส่แมคเคนซีจนล้มลง…

               .
               .
               .

               “ไม่!! แมคซี่!!!”

               กำไลข้อมือเปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบสามง่ามในทันที ดีนแทงมันทะลุร่างของแร็กนาร์ที่อยู่ในกำมือก่อนจะบิดคมดาบไปทั่วช่องท้องด้วยแรงโทสะ

               “เห็นไหมว่าด้วยความโกรธ.. มันก็ทำให้นายฆ่าคนได้ด้วยเหมือนกัน ดีน…”

               แม้น้ำเสียงจะเจ็บปวด แต่เงาของบุตรแห่งคำลวงกลับหัวเราะลั่นออกมา ก่อนที่มันสบายไปราวกับมายาที่ไม่เคยมีอยู่จริง

               ไม่ว่าภาพที่เห็นจะเป็นเรื่องจริงหรือของปลอม แต่มันก็ทำให้บุตรแห่งท้องทะเลทรงตัวแทบไม่อยู่ เขาเดินไปหาซิลเวอร์ด้วยท่าทีซวนเซ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทรายด้วยความอ่อนแรงเมื่อกำลังใจถูกทำลายสะบั้น

               “ลูกพี่.. เมื่อกี้ผมเห็นภาพแมคซี่ถูก…” ดีนไม่กล้าพูดคำต่อไป คำว่า ‘ฆ่า’ จุกอยู่ในคอหอยจนเปล่งเสียงไม่ออก

               “มานี่เจ้าเด็ก…” ซิลเวอร์ย่อตัวลงจับศีรษะแฟนน้องชายกดลงแนบบ่ากว้าง ๆ ของเขา “แล้วนายจะเชื่อเรื่องโกหกที่ไอ้หน้าหมีนั่นปั้นน้ำขึ้นมาเหรอ? น้องชายฉันไม่พลาดท่าง่าย ๆ แน่ นายเชื่อใจเขาสิเจ้าเด็ก!”

               “อืม… ผม… ผมเชื่อใจแมคซี่ เชื่อว่าเขาจะปลอดภัย”

               กระนั้นร่างกายก็ยังไม่หยุดสั่น แม้จะปลอบใจตัวเองว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ภาพคนรักถูกแทงจนเลือดอาบยังคงติดตาจนไม่อาจลุกไหว

               ระหว่างนั้นเอง รอยแยกของมิติก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นอสุรกายระรอกใหม่ก็ผุดขึ้นที่ชายหาดไม่ยอมให้พวกเขาได้พักหายใจ แต่ตอนนี้ดีนไม่ไหวจะสู้หรอก..

               “อุบ๊ะ! ไอ้อสุรกายเฮ็งซวย!! พวกห่ารากนี่แม่งไม่ยอมให้พักหายใจหายคอกันเลยวุ้ย แต่นายพักไปก่อนเจ้าเด็ก เดี๋ยวมื้อนี้ป๊าลุยเอง”

               ซิลเวอร์ละมือออกจากการปลอบประโลมเด็กน้อย เขายืดเส้นสายสะบัดคอจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ จากนั้นบุตรแห่งเฮคาทีผู้มีเชื้อไฟไม่หยุดหย่อนก็วิ่งทะยานออกไปด้านหน้าพร้อมด้วยปืนคู่ใจ การต่อสู้ฉากใหม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังระงมก้องไปทั่วทั้งหาด
               
   
โบนัสพิชิตไฮดร้า: 50 ความกล้าหาญ
สินสงครามจากไฮดร้า: หัวไฮดร้า 1 หัว และ แก่นวิญญาณไฮดร้า 1 หน่วย
สินสงครามจากเงาบุตรแห่งคำลวง: ???

สรุปสถานการณ์ Winter is Coming คร่าว ๆ
1. ดีน ซิลเวอร์ เอิร์ล และไอมิ ร่วมมือร่วมใจกันกำจัดไฮดร้า 6 หัวสำเร็จ
2. ซิลเวอร์จับตัวเงาแร็กนาร์มาได้ และเขาให้ดีนจัดการ
3. อสุรกายได้ผุดออกมาอีกเรื่อย ๆ จนน่าจะสู้กันทั้งคืน


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2024-12-23 16:50
โพสต์ 53496 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 16:42
โพสต์ 53,496 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-23 16:42
โพสต์ 53,496 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-23 16:42
โพสต์ 53,496 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-23 16:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2025-2-12 00:42:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Leoric เมื่อ 2025-2-12 00:44

Leoric
Hwang
RESPECT ALL, FEAR NONE
วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 12.40-13.30 น.

หลังจากทำกิจกรรมกับรุ่นพี่ในค่ายเสร็จไปถึง 2 กิจกรรมด้วยกัน ทีแรกลีโอริคก็คิดว่าตนจะแวะไปที่โรงอาหารเพื่อที่จะรับประทานมื้อกลางวันเสียหน่อย แต่ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นชิด ทำให้ตัดสินใจที่จะหาของว่างภายในกระเป๋าอย่างพวกเบอร์เกอร์ หรือว่าฟิชแอนด์ชิพรองท้องไปก่อน แล้วก็รีบเดินทางไปยังชายหาดเพื่อที่จะเข้าเรียนวิชาถัดไป

ว่าแต่ชายหาดอย่างนั้นหรือ ทำไมวิชาเลคเชอร์จึงชอบจัดสถานที่เรียนสวยงามกันจัง อย่างวิชาภาษากรีกโบราณก็เรียนที่ทะเลสาบ ส่วนอสุรกายนี่ก็เรียนที่ทะเล หรือว่าในทะเลจะมีอสุรกายตามบทเรียนสิงสถิตย์อยู่ ก็ไม่แน่หรอก แต่ผู้สอนคงไม่คิดจะให้เด็ก ๆ ต้องเผชิญกับพวกมันตั้งแต่คาบแรกหรอกมั้ง

เนื่องจากเด็กหนุ่มเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ก่อนเวลา เขาจึงมีเวลาเตร็ดเตร่อยู่ที่ชายหาดพอสมควร เดินเล่นรับลมแสนสดชื่นไปพลาง แล้วก็ช่วยเหลือเก็บเศษขยะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตกหล่นอยู่ และเมื่อนำไปทิ้งลงถังขยะและล้างมื้อให้เรียบร้อย ก็ได้เวลาเริ่มต้นคลาสเรียนพอดี

ครูผู้สอนเดินมาตรงหน้าพร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อโกรเวอร์ อันเดอร์วู้ด ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่เข้าเรียนมาก็เหมือนว่าจะเจอแต่ครูผู้หญิงมาตลอด เพิ่งจะเจอผู้ชายคนแรกเนี่ยแหละ ลีโอริคคาดเดาเอาเองว่าวิชานี้น่าจะเป็นวิชาท่องแบบเดียวกับภาษากรีก ดังนั้นจึงหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาพร้อมกับดินสอเพื่อที่จะเตรียมตัวจดลงไป

"เรามารู้จักสัตว์และอสูรกายพื้นฐานกันดีกว่า" เสียงเปิดพลิกหน้ากระดาษดังขึ้น มันมาจากทั้งผู้สอนและผู้เรียนประสานกัน ภาพแรกของหน้ากระดาษปรากฏขึ้น เป็นหญิงสาวที่มีเส้นผมเป็นงู ดวงตาฉายแววน่ากลัว และสวมชุดสีดำเขียว ต่อให้โกรเวอร์ไม่บอก แต่ใคร ๆ ก็เดาได้ว่า นั่นคือเมดูซ่า หญิงสาวที่มีพลังอำนาจทำให้ใครก็ตามที่จ้องตาหล่อนกลายเป็นหิน ซึ่งตำนานของนางนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับมารดาของเขาเสียด้วย สีหน้าจึงเหยเกแทบจะตลอดเวลาที่ได้รับฟัง ทำไมต้องมาเรียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วยหนอ เอาเป็นว่า จดจำนางไว้ฐานะสตรีที่มีพี่น้อง 3 คนนางหนึ่งก็แล้วกัน จะจดบันทึกอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่ามารดาจะกริ้วเอาได้ ตนจึงกระทำเพียงแค่ฟังผ่าน ๆ ไปยังอสุรกายตนถัดไปก็เท่านั้น

อสุรกายตัวถัดมานั้นมีขนาดมโหฬารและรูปร่างน่ากลัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีหลายรูปลักษณ์อยู่เหมือนกัน บ้างก็ว่ามันมีร้อยหัว ตาเป็นลุกไฟ สามารถพ่นไฟได้ แต่บ้างก็บอกว่า มีร่างกายเป็นคน น้ำตาเป็นพิษ แต่ก็มีหัวร้อยหัวอยู่ดี และเด็กหนุ่มก็ไม่คิดว่าตนจะเคยรู้จักหรือเห็นมันมาก่อน แต่เท่าที่ฟังดู ก็เหมือนแบบแรกน่าจะเท่กว่านะ คล้าย ๆ มังกรอะไรแบบนั้น ผู้สอนแนะนำว่ามันชื่อไทฟอน เป็นบุตรของพระแม่ธรณีไกอาซึ่งนางก็ได้สั่งให้มันไปสู้รบกับซุสผู้ยิ่งใหญ่ และโค่นเขาโอลิมปัส อืม ทำไมแต่ละตำนานมันล้วนดี ๆ ทั้งนั้นแบบนี้ล่ะ นอกจากนี้แล้วพลังของไทฟอนยังร้ายกาจถึงขั้นสามารถกางปีกปิดโลกได้ เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ และเพราะสิ่งนี้นี่แหละ จึงเป็นที่มาของคำว่า Typhoon หรือพายุไต้ฝุ่น อันนี้ก็แอบฟังดูมีประโยชน์เหมือนกันแฮะ ได้รู้ที่มาของคำศัพท์ด้วย

ชื่อของอสุรกายต่าง ๆ ยังคงเปลี่ยนผ่านมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งใกล้จะครบเวลาเกือบ 50 นาทีนั่นแหละ โกรเวอร์จึงค่อยเอ่ยบอกให้นักเรียนไต่ถามข้อสงสัย แต่สำหรับตัวของลีโอริคนั้น เขาคิดว่าจะลองค้นคว้าเพิ่มเติมดูเองเสียก่อน ที่โถงแห่งปัญญาก็น่าจะมีหนังสือที่เกี่ยวข้องเก็บอยู่มากทีเดียว และภายหลังให้การบ้านแล้ว ก็เป็นอันสิ้นสุดคาบเรียนประจำวันนี้ลง
หมายเหตุ
เรียนวิชาอสุรกายศีกษา ครั้งที่ 1/4 𓆩†𓆪 +10 EXP , +20 ความกล้า
ชายหาด

แสดงความคิดเห็น

God
วิชาอสุรกายศึกษา: ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์มิโนทอร์ตามความเข้าใจของเราและจุดแข็งและจุดอ่อนก่อนที่จะเจอตัวจริงจะต้องเรียนรู้พวกมัน (เขียนบล็อกส่วนตัว) ส่งคาบหน้า+2 Point  โพสต์ 2025-2-12 01:03
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-2-12 01:02
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-2-12 01:02
โพสต์ 9954 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-2-12 00:42
โพสต์ 9,954 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-12 00:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
ยาดม
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
น้ำหอมบุรุษ
ต่างหูเงิน
อัจฉริยะ
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x4
x5
x4
x1
x1
x1
x2
x4
x2
x22
x4
โพสต์ 2025-2-12 02:29:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ERTAH BROWN
ชายหาด - วิชาอสุรกายศึกษา
Feb, 11, 2025 | 0.40PM-1.30PM

          อยู่ในค่ายแห่งนี้มาได้หลายวันแล้ว เออต้าที่พยายามเรียนรู้การใช้ชีวิตที่นี่ให้ได้มากที่สุดกำลังจัดเรียงตารางชีวิตในการทำกิจกรรมในแต่ละวันของเธออยู่ อย่างน้อยก็อยากให้ชีวิตมีแบบแผนที่ดีบ้าง เมื่อไล่เรียงสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว มันเริ่มจากตอนเช้าเลยที่เธอได้ไปสักการะพ่อมาแล้ว ตามด้วยการฝึกฝนร่างกายในยามเช้าของเธอ แน่นอนว่าร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงเป้นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นมันไม่สามารถรับอะไรมากมายไหวหรอก เธอก็เลยไปหาที่พักผ่อนมาเสียนาน รู้ตัวอีกทีก็จะมีคาบเรียนในช่วงบ่ายเสียแล้ว

          เวลาในตอนนี้คืออีกไม่กี่สิบนาทีจะเริ่มเรียนวิชาในคาบบ่าย ซึ่งจากที่ดูตารางแล้ว มันเป็นวิชาทฤษฎีแน่ ๆ ดูจากชื่อแล้ว เธอก็น่าจะได้ไปเรียนกับสัตว์หรืออสูรกายที่อยู่ที่นี่ และนั่นเป็นเพียงความคาดหวังในตัววิชาของเธอเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ เธอจะต้องเลิกคิดอะไรที่ไร้สาระในตอนนั้นทั้งหมด เพื่อให้ตัวเองสามารถเดินไปเข้าเรียนที่ชายหาดได้ทัน เธอจะไปสายตั้งแต่คาบแรกที่เข้าเรียนที่นี่มันคงจะไม่ได้เรื่องที่ดีเท่าไหร่

 

          เออต้ามาถึงที่ชายหาดด้วยท่าทางที่ดูจะเหนื่อยมากเป็นพิเศษ จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้อย่างไหร่ในเมื่อเธอวิ่งมาจนหอบขนาดนี้ และยังที่ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกนิดเดียวให้ได้เตรียมตัวก่อนเรียนบ้าง แต่คำว่าเตรียมตัวก่อนเรียนคงจะไม่มีความหมายกับเออต้าเท่าไหร่ เพราะว่าเธอยะงไม่ได้อะไรเป็นข้อมูลในการเรียนวันนี้เลยน่ะสิ ก็เลยได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เอาเถอะ อย่างไร่ในวันนี้เธอก็ต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อนอยู่แล้ว รู้ไม่รู้ หรือว่าตอบได้ไม่ได้ มันไม่มีอะไรแบบนี้แน่นอน

 

          “ อ้าว ได้เวลาเริ่มคาบเรียนแล้ว ”

          นี่เป็นเสียงของคนที่จะมาสอนในคาบนี้ซึ่งเธอเองก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่เท่าที่ดูจากในใบปลิวแล้ว เหมือนว่าจะเป็นเซเทอร์นี่แหล่ะ ชื่อว่าโกรเวอร์ อันเดอร์วู้ด ซึ่งเขาได้รับหน้าที่มาสอนในวิชาที่เธอกำลังจะเรียนในตอนนี้อย่างอสูรกายศึกษา ในใจก็มีความสงสัยอยู่มากมาย แต่ว่าคงจะไม่ใช่เวลาในการสอบถามตั้งแต่เริ่มคาบเรียนอย่างแน่นอน

          ร่างสูงโปร่งของเออต้าพาตัวเองไปนั่งที่นั่งของนักเรียน ซึ่งเลือกมุมที่จะไม่มีใครเห็นได้อย่างถนัดตา เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะโดนดึงออกไปจากที่นั่งเพื่อร่วมกิจกรรมอะไรอยู่ใกล้โต๊ะนี้พอดีเลย และไม่นานนักเธอก็ได้รับหนังสือที่จะใช้ในการประกอบการเรียนรู้ในวิชานี่ด้วย ในใจอยากจะตะโกนถามไปเลยให้รู้แล้วรู้รอดว่ายังขาดเหลืออะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย?

          แน่นอนว่าในเวลาแบบนี้มันคงไม่มีใครแต่งตัวได้ถูกตามระเบียบตามคู่มือได้ว่าเอาไว้นะคะ เพราะว่านอกจากสภาพแวดล้อมที่ดูไม่ได้อำนวยต่อการเรียนรู้อย่างใจจดใจจ่อแล้ว ยังมีเสียงนก กบ และอีกหลายเสียงที่ไม่สามารถนำเสนอได้

 

          มือเรียวสวยของเออต้าเริ่มซุกซนทันทีเมื่อเสียงของอาจารย์ผู้สอนนั้นเริ่มขึ้นแล้ว ลักษณะของรายวิชาเป็นแบบทฤษฎี ซึ่งมันอาจจะต้องหาอะไรที่ทำให้คนอื่นสนใจได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย  แต่นั่นก็เป็นความคิดของเออต้าเอง เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าเขารู้จักใครมั้ยเหมือนกัน และใอเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั่นเรียบร้อยดีแล้ว

          “ เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะมาเริ่มเรียนกันตั้งแต่อสูรกายที่หาคนไม่เจอแล้ว ”

          สิ้นเสียงของอาจารย์แล้ว ก็เริ่มทำการสอนเนื้อหาในรายวิชานั้นทันที ทั้งอสูรกายที่มีขนาดเล็ก ขนาดกลางที่ตอนนี้หลาย ๆ คนก็ยังใช้กันอยู่  และขนาดใหญ่ซึ่งสามารถหาได้ที่ร้านค้า การเรียนการสอนนั้นเป็นไปได้ด้วยความสงบเลย เพราะว่าเป็นสมาชิกของสาขานี้ด้วย

          รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ดูแล้วไม่ได้ต่างอะไรจากที่ลุกอย่างเดียวเลย แล้วเจ้ายอมให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าเป็นเปิดทั้งหมดแล้วคุณพ่อก็น่ารักอยู่ข้างนอก

 

          เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในการเรียนรู้คาบอสูรกายสื่อสาร  แล้วก็สิ่งที่จะสามารถใช้ในการต่อกรมันได้เบื้องต้น แต่ก็เป็นเพียงข้อมูลทั่วไปเท่านั้น เพราะในเวลานี้เธอจะต้องรีบไปเคลียร์งานที่ห้องของสบช.อีกครั้งแล้ว ทุกทีเขาจะเอากระปุกแอลกอฮอล์เพราะจะได้รู้ว่าใครเพิ่มอะไรมาบ้าง

          “ น่าสนใจ... ”

          เสียงหวานของเออต้าเอ่ยออกมาเมื่อการเรียนในวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว ใบหน้าน่ารักของเธอนั้นฉายประกายขึ้นมาในทันที อย่างน้อยในตอนนี้มันก็ทำให้เธอรู้จักอสูรกายที่ยังไม่เคยและเคยทำร้ายเพื่อมากขึ้นดีเลย แต่ว่าคราวหน้า เธออาจจะได้เห็นหรือจับมันจริง ๆ ก็ได้นะ เตรียมไปฝึกเอาไว้ก่อน

 

Ps. เข้าเรียนวิชาอสุรกายศึกษา ครั้งที่ 1/4 [ +10 EXP , +20 ความกล้า ]

 

แสดงความคิดเห็น

God
การบ้านวิชาอสุรกายศึกษา: ศึกษาข้อมูลความแตกต่างและเทียบเปรียบระหว่างออร์คและก็อบลิน (เขียนบล็อกส่วนตัว) ส่งคาบหน้า+2 Point  โพสต์ 2025-2-12 08:14
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-2-12 08:14
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-2-12 08:13
โพสต์ 14617 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-2-12 02:29
โพสต์ 14,617 ไบต์และได้รับ +6 EXP +4 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-12 02:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบอกลูกธนู
ธนู
น้ำหอมสตรี
หูฟังบลูทูธ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x16
x1
x4
x1
x2
x2
x2
x4
โพสต์ 2025-2-15 17:05:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ERTAH BROWN
ชายหาด – วิชาอสุรกายศึกษา

Feb, 14, 2025 | 11.10AM-0.00PM


          หลังจากที่ร่างโปร่งของหญิงสาวจัดการตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ยามเช้าเสร็จทั้งหมดแล้ว ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาที่เธอจะได้เตรียมตัวเข้าเรียนวิชาอสูรกายที่ชายหาด เออต้าพอตัวเองกลับไปที่บ้านหมายเลขเจ็ดก่อนเพื่อนำการบ้านและเตรียมตัวในการเรียนวันนี้ให้พร้อมเสียก่อน สำหรับในการเรียนก็ไม่ได้มีอะไรมากไปการสมุดโน้ตเล่มหนา การบ้านที่จะต้องส่ง ปากกาและดินสิที่เอาไว้ใช้จด หรือวาดรูปเล่นมากกว่าก็ไม่แน่ใจนัก แต่อย่างน้อยมันก็ถือเป็นความพร้อมในการเรียนนั่นแหล่ะ

 

          เดินทางออกมาจากบ้านหมายเลขเจ็ดก่อนเวลาเรียนได้สักยี่สิบนาที ก็มาถึงที่ชายหาดซึ่งเป็นสถานที่เรียนวิชาอสูรกายในวันนี้เช่นเดิม คราวนี้เองเธอก็มาก่อนเวลาไม่ได้ต่างจากคราวที่แล้ว เธอมองไปโดยรอบเพื่อหาที่นั่ง ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้มีคนเยอะอย่างคราวที่แล้ว อาจจะเพราะว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ก็เป็นไปได้ ก็เลยมีแต่คนไม่ว่างอยู่เต็มไปหมด เธอเองก็เหมือนกัน หลังจากเรียนสองคาบที่ตั้งหน้าตั้งตารอแล้ว เธอเองก็จะเตรียมตัวไปเดตกับรุ่นพี่แล้วเหมือนกัน ส่วนวิชาอื่น ๆ ก็หลังจากนี้ก็ค่อยว่ากันก็แล้วกันนะ

 

          รอเวลาให้ถึงชั่วโมงเรียนเพียงไม่เท่าไหร่ เธอก็เห็นอาจารย์ที่จะเข้าสอนก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้ว ทุกอย่างถูกวางเตรียมเอาไว้เบื้องหน้าของเออต้า ดวงตากลมโตกระจ่างประกายขึ้นมาก่อนที่เสียงหวานของเธอจะเอ่ยทักทายไปตามมารยาทที่ควรมีกับผู้สอน

          “ สวัสดีค่ะ ” เธอกล่าวไปพร้อมกับรอยยิ้มดวงอาทิตย์ของเธอ

          ท่าทางร่าเริงและดูสนใจเรียนของเออต้าคงทำให้ผู้สอนรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาได้นิดหน่อย เพราะเสียงที่เธอได้ยินตอบกลับคำเอ่ยทักทายเมื่อครู่มานั้นดูจะมีความกระตือรือร้นอยู่ในที

          “ สวัสดีนะ ถึงคาบเรียนวิชาอสูรกายศึกษากันอีกเช่นเคย วันนี้เราจะเรียนกันแค่คาบเดียว ”

          อาจารย์เอ่ยบอกช่วงเวลาในการเรียนของวันนี้ ดวงตาของเขากวาดมองนักเรียนในคลาสของเขาก่อนที่จะเอ่ยต่อไป

          “ เรียนอสูรกายที่จะเรียนในคราวนี้ เป็นเรื่องราวที่ต่อจากการบ้านที่เคยให้ไปเมื่อคาบที่แล้ว ทำการบ้านกันมาใช่ไหม? ”

          มาถึงต้นคาบก็ถามหาการบ้านเลย มันเป้นเรื่องปกติที่อาจารย์จะถาม แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ดีนะที่เธอทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะตามหาข้อมูลจนหัวแทบจะระเบิดก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วก็สรุปออกมาอย่างที่การบ้านต้องการได้ เล่นเอาเหนื่อยใช่ย่อยเลยจริง ๆ ไม่กล้าพูดเลยว่าตัวเธอรู้สึกสนุกกับการหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ แบบนั้น แต่ว่าถ้าให้วาดรูปอสูรกายล่ะก็ เธออาจจะทำมันได้อย่างเต็มที่แล้วส่งงานได้ภายในชั่วโมงเดียวเลยก็ได้ ก็ว่าไปนั่น

          “ ทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ”

          เสียงหวานของเออต้าเอ่ยตอบไปประสานกับเสียงของผู้เรียนคนอื่น ๆ และดูจะเป้นที่พอใจกับอาจารย์ผู้สอนในวันนี้ด้วย เขาพยักหน้าให้ก่อนที่เสียงของเขาจะเอ่ยสิ่งที่จะเรียนในวันนี้ต่อไป

 

          เออต้าตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์ผู้สอนได้เอ่ยบอกในทุกคำ หลาย ๆ อย่างถูกบันทึกลงสมุดโน้ตของเธอด้วยความตั้งใจ ทั้งลายเส้นที่ดูน่ารักและรูปวาดที่ใช้เวลาไม่นานแต่ดูสวยและรู้เรื่องนั่นก็ด้วย มันแทบจะเป้นหนังสือเล่มหนึ่งได้เลยทีเดียว แต่ว่านะ นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าทำลวก ๆ ของเออต้าด้วยซ้ำ

          “ ตรงนี้... ”

          มีเสียงเอ่ยของเออต้าดังออกมาบางช่วง ใบหน้าน่ารักเงยมองและก้มลงสลับกันไปมาระหว่าสมุดโน้ตและภาพที่ปรากฏตรงหน้า อาจารย์ผู้สอนกำลังตั้งใจสอน แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเร็วกว่าครั้งก่อนนิดหน่อย คงเพราะว่าเวลาที่น้อยลงกว่าเดิม และชั่วโมงต่อไปก็เป็นช่วงเวลาพักกลางวันแล้ว จะเลิกช้าคงจะโดนบ่นแน่ ๆ อย่างน้อยก็คงจะเป็นเธอแล้วคนหนึ่งที่จะบ่นล่ะ

 

          เวลาเดินเร็วกว่าที่คิด ตอนนี้ถึงเวลาเลิกเรียนคาบนี้เสียแล้ว

          “ เอาล่ะ วันนี้มีเพียงเท่านี้ อย่าลืมนำการบ้านคราวที่มาส่งด้วย แล้วก็การบ้านคราวนี้ก็อย่าลืมล่ะ ”

          เสียงของอาจารย์ผู้สอนเหมือนเรียกความสนใจของเธอให้ออกจากสมุดโน้ตไป มือเรียวสวยของเออต้ารีบจัดการกับการเขียนตรงหน้าให้เรียบร้อยยและเริ่มเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่ในเข้าที่เข้าทาง เพราะว่าตอนนี้เธอจะต้องรีบนำการบ้านที่ทำมาด้วยความยากลำบากไปส่งให้กับอาจารย์แล้วน่ะสิ และนอกจากการบ้านครั้งที่หนึ่งที่ต้องส่งแล้ว ก็ยังมีการบ้านครั้งที่สงที่จะต้องกลับไปทำอีก แต่เรื่องนั้น ให้มันเป้นเรื่อ’ขอ’อนาคตในอีกวันข้างหน้าแล้วกัน เพราะเธอคงใช้เวลาในวันนี้ทำไม่ได้แน่นอน

          “ การบ้านครั้งที่หนึ่งค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ”

          เออต้าที่รีบลุกไปหานั้นยื่นการบ้านที่ทำมาอย่างเรียบร้อยให้กับอาจารย์ผู้สอนในทันที เขารับไปพร้อมกับการพยักหน้าแล้วหันไปรับการบ้านจากคนอื่น ๆ ต่อ ตอนนี้เธอก็ได้เวลาที่จะต้องไปรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ดีที่เธอเตรียมของตัวเองมาให้พร้อมแล้ว เพราะว่าเดี๋ยวเธอจะต้องไปเรียนอีกคาบเรียนต่อ ตอนนี้เวลาทุกอย่างมันแน่นไปหมด มันเลยทำให้เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรดีให้มันทันในทุกอย่าง

          แต่เชื่อเถอะว่าเออต้าทำได้ เพราะเธอจะทำให้มันเกิดให้ได้นั่นแหล่ะ

 
 

Ps. เข้าเรียนวิชาอสุรกายศึกษา ครั้งที่ 2/4 [ +10 EXP , +20 ความกล้า ]

แสดงความคิดเห็น

God
การบ้านคาบที่ 2: ไปห้องสมุดของค่ายเพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับก๊อบลิน 1 โรล และ เข้าเมืองไปนิวยอร์กที่ใดก็ได้ เพื่อตามหา [ก็อบลิน-17] พิชิตและนำสินสงครามมามอบให้รุ่นพี่ (+50 ความกล้า)  โพสต์ 2025-2-15 18:41
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-2-15 18:38
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-2-15 18:38
โพสต์ 17261 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-2-15 17:05
โพสต์ 17,261 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก กระบอกลูกธนู  โพสต์ 2025-2-15 17:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบอกลูกธนู
ธนู
น้ำหอมสตรี
หูฟังบลูทูธ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x16
x1
x4
x1
x2
x2
x2
x4
โพสต์ 2025-4-25 18:28:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
312
ถึงซะทีค่ายฮาล์ฟบลัด

               22/03/2025 เวลา 8.00 น.

               ใช้ชีวิตบนเรือกอนโดล่าลำน้อยแสนแคบชนิดที่ว่าขยับตัวไปมาแทบไม่ได้ เป็นอุปสรรคนิดหน่อยแต่พอเทียบกับอุบัติภัยที่เพิ่งผ่านมาถือเป็นสิ่งที่รับได้จึงไม่ได้ยินเสียงบ่นเจี๊ยวจ๊าวของชายหนุ่ม ดีนกินและนอนบนนี้คืนนึง พอถึงรุ่งสางก็พบว่าเรือน้อยใกล้มาถึงปากอ่าวริเวอร์เฮด ลองไอแลนด์แล้ว

               ถึงเทพเนปจูนจะเป็นคนซึนเดะเระ แต่อาหารที่บรรจุลงมาในเรือให้บุตรชายของอีกภาคหนึ่งได้รับประทานระหว่างการเดินทางก็เป็นอาหารแห้งชั้นดีที่ไม่มีบกพร่อง พัคซีมาธี (ขนมปังแข็ง) เฟต้าชีส ผลไม้อบแห้ง ปลาตากแห้ง มะกอกดอง และธัญพืช ที่รับประทานรวม ๆ กันแล้วอร่อยเหาะ เด็ดสุดเห็นจะเป็นไวน์ชั้นดีจากคลังบ่มหมักของแอตแลนติส

               แหม ดินเนอร์กันแค่มื้อเดียวเนปจูนก็ช่างรู้ใจว่ามีลูกเป็นขี้เมา เขาล่ะอยากจะกดรีวิวห้าดาวให้พ่อคนนี้จริง ๆ

               ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งเปิดจอกน้ำจืดล้างหน้าให้สร่างเหล้า ดีใจชะมัดเลยที่ได้กลับมาถึงค่ายฮาล์ฟบลัดโดยสวัสดิภาพแม้จะใช้เวลาเดินทางกว่าหนึ่งเดือน (รอบแรกที่โดยตุ๊ยไม่นับ) เขามองดูวิวสองฝั่งทะเลที่สดใสระยิบระยับจับแสงอาทิตย์ และความร้อนแรงของสุริยะเทพก็เผาหัวไม่หยุดหย่อนจนหน้าแทบไหม้ จนเรือล่องเข้าอาณาเขตชายหาดที่ขนแกะทองคำเปิดทางให้แล้วหยุดเกยอยู่บนหาดทรายอ่อนนุ่ม

               บุตรแห่งโพไซดอนหิ้วสัมภาระขึ้นบ่าแล้วกระโดดลงจากเรือยืนเหยียบผืนทรายที่ไม่ได้ย่ำเหยียบมานานด้วยอาการเมาค้างนิด ๆ กอปรกับแรงคลื่นลมที่พัดเขาจนซวนเซชวนให้หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

               วันนี้เป็นวันเสาร์ เหมือนจะมีคาบการเรียนการสอนวิชาสัตว์วิเศษ (และถิ่นที่อยู่) แต่อาจยังไม่ถึงเวลาหาดทรายจึงไร้ผู้คน อันที่จริงดีนไม่มั่นใจนักว่ายังมีการสอนวิชานี้อยู่หรือไม่ เพราะอาจารย์ ‘ไทสัน’ เจ้าของวิชาจำต้องลาไปดูแลศรีภรรยาท้องอ่อน ๆ ที่นิวโรม แต่คุณไครอนคงไม่ปล่อยให้คาบวิชานี้ว่างโดยเปล่าประโยชน์ ไม่แน่อาจมีครูสอนคนใหม่ที่เขาไม่รู้จักทำการสอนวิชานี้แทน

               “ขอบคุณทั้งคู่เลยนะที่มาส่ง”

               ดีนหันกลับไปขอบคุณฮิปโปแคมปัสทั้งสองที่ทำหน้าที่สารถีพาเขามาส่งถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจากกันขอลองลูบฮิปโปแคมปัสเล่นตัวละทีสองที ทั้งสองนั้นเป็นมิตรไม่พยศเหมือนเพกาซัสบางตัว ดูแล้วมันค่อนข้างจะเคลิ้มไปตามการลูบเหมือนไม่ได้ถูกมอบความรักมานาน

               “ฮรี้~~” oO(พวกเรายินดีรับใช้ขอรับท่านชาย)

               “ไม่อยากบอกลากันเลยแฮะ ถ้าไม่มีธุระอะไรต่อก็แวะพักผ่อนที่ฮาล์ฟบลัดสักแป๊บนึงสิ ที่นี่น่ะดีนะ”

               “ฮรี้~~” oO(ขอบพระคุณในน้ำใจของท่านเพคะ แต่เห็นทีว่าพวกเราจะไม่มีเวลามากขนาดนั้น) แกลลี่ย์ตอบกลับน้ำเสียงเกรงใจ

               “ว้า น่าเสียดายจัง พวกพี่คงรีบทำรอบสินะ งั้นขากลับก็โชคดีล่ะ บ๊ายบาย”

               ดีนโบกมือลาส่งฮิปโปแคมปัสทั้งสองที่ออกลากเรืออีกครั้งแล้วมุดน้ำหายลงไปจนลับสายตา ทั้งสองคงเหนื่อยแย่ต้องว่ายน้ำกันมาทั้งคืนแล้วต้องรีบกลับไปอีก หวังว่าจะไม่เหนื่อยกันกลางทาง

               “เฮ้อ.. คิดถึงชะมัดเลยค่ายฮาล์ฟบลัด”

               ชายหนุ่มยืดแขนบิดขี้เกียจไปมา คลายตัวให้หลุดพ้นจากอาการเส้นยึดที่ต้องคุดคู่อยู่ในกอนโดล่าลำหรูมานานกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ดีนยกนาฬิกาข้อมือสุดสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสายแล้วแต่คงเช้าเกินไปที่หนุ่มจากบ้านเฮคาทีจะตื่นนอน แต่กระนั่นจะมัวรออะไรอยู่ บุตรแห่งโพไซดอนยิ้มหน้าบานเดินลั่ลล้าแล้วตรงกลับไปที่กระท่อมหมายเลขยี่สิบก่อนจะไปเยือนที่ไหนในค่าย

               ‘แมคซี่จ๋า~ ฉันกลับมาแล้ว!!!’

กลับถึงค่ายฮาล์ฟบลัดโดยสวัสดิภาพ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11846 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-4-25 18:28
โพสต์ 11,846 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก กุหลาบสีน้ำเงินทอง  โพสต์ 2025-4-25 18:28
โพสต์ 11,846 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก เสื้อฮาวาย  โพสต์ 2025-4-25 18:28
โพสต์ 11,846 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-25 18:28
โพสต์ 11,846 ไบต์และได้รับ +3 EXP +3 เกียรติยศ +3 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก โล่แห่งเกียรติยศ  โพสต์ 2025-4-25 18:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้