แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-22 10:25
043 งานอดิเรกและความฝัน
ตื่นเช้ามาด้วยใจฮึกเหิมกำหนดเป้าหมายเอาไว้ว่าวันนี้จะต้องลม ‘ยัยโซเฟีย คลาร์ก’ จอมโหดคนนั้นให้ได้!
…ล้อเล่นน่ะ ไก่อ่อนเลเวลหนึ่งที่เพิ่งมีประสบการณ์จับอาวุธหอกได้ไม่ถึงสามวัน จะมีปัญญาอะไรไปล้มหญิงสาวผู้เชี่ยวชาญการใช้หอกถึงขนาดเป็นครูฝึกในค่ายได้กันล่ะ แต่จุดมุ่งหมายน่ะมีอยู่แล้ว คือการเป็นนักเรียนดีเด่นในคลาสสอนหอกในวันนี้ กระนั้นคนฉลาด (?) อย่างดีนก็มีแผนสำรองเสมอ หากแผนเอคือเป็นที่หนึ่ง แผนบีก็คือไม่เป็นที่สุดท้าย
ใช่ว่าอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจะหมดไป แต่ตอนนี้จิตใจที่ลุกโชนมีมากกว่าจนพอจะเมินเฉยต่ออาการปวดกล้ามเนื้อไปได้ เพื่อทำตัวให้ชินกับศาสตราวุทธและชุดเกราะที่เรียนมา เขาจึงสวมใส่อุปกรณ์การต่อสู้ทุกอย่างออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งด้วยในวันนี้ แน่นอนว่ามันเหนื่อยมาก แต่ความเหนื่อยล้าจะเสริมแกร่งให้แก่ร่างกายของตนเองในวันต่อไป มันคงไม่ต่างอะไรกับช่วงแรกของการเข้าฟิตเนสหรอก
แม้จะกลับมาจากจ๊อกกิ้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ดีนก็ยังสวมเกราะและหมวกนักรบกรีกทรงประหลาดไปกินมื้อเช้าที่โรงอาหาร จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็ใช่ เพราะมีเด็ก ๆ บางคนเช่นกันที่จริงจังกับการต่อสู้จึงสวมใส่ชุดเกราะเอาไว้ตลอดเวลา
เพราะว่าวันนี้ตื่นค่อนข้างเช้าดีนจึงมีเวลาอีกครู่ใหญ่กว่าที่คลาสหอก-โล่จะเริ่มสอน ดีที่มีนิตยสารวิทยาศาสตร์ติดตัวมาด้วยจึงพอจะนำมาพลิกอ่านฆ่าเวลาแถว ๆ อัฒจันทร์ได้ แม้เขาจะเคยอ่านจนจบเล่มมาแล้วรอบนึงแล้วก็ตามที ในช่วงที่สันหลังยาวอยู่แต่ที่กระท่อมหมายเลขสาม
“สงสัยว่านี้ฝนต้องตกแน่ ๆ ที่มีคนมารอเรียนก่อนเข้าคาบตั้งครึ่งชั่วโมง”
น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทักถาม เป็นของหญิงสาวที่เขาไม่อยากปะทะแต่ก็จำต้องเจอหน้า โซเฟีย คลาร์ก มาที่อัฒจันทร์ก่อนเวลาเพื่อเตรียมการสอนในวันนี้ ดีนเหลือบสายตาขึ้นมองร่างเพรียวระหงของหญิงสาวที่เดินมาใกล้ ๆ เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นคล้ายจะเซย์ไฮแต่ไม่ได้ออกเสียงทักสวัสดี
“อ่านอะไร? การสื่อสารด้วยคลื่นสัญญาณของค้างคาว”
สีหน้าของโซเฟียดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอเดาเนื้อหาการอ่านจากหน้าปก แต่มากได้กว่านั้นอีกเมื่อชายหนุ่มพลิกหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้ให้ดู
“ผิด ฉันอ่านหัวข้อ ‘การนำคริสเปอร์-แคสเพื่อใช้เป็นตัวกำหนดเป้าหมายของวิศวกรรมไมโครไบโอม’ ต่างหาก”
“โอ้ ชีววิทยา… ไม่คิดเลยแฮะว่านายจะทำตัวมีสาระเกินคาด” โซเฟียนั่งลงข้าง ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างสนใจนิตยสารวิชาการที่ดีนอ่านอยู่พอสมควร “ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้เหรอ?”
“ไม่อ่ะ ไม่ชอบอ่าน” คำถามนี้ตอบได้อย่างรวดเร็วทันใจ พอมีคนมาชวนคุยชายหนุ่มก็ปิดนิตยสารวิทยาศาสตร์แล้ววางลงบนตัก “ฉันเป็นพวกอ่านอะไรก็ไม่ค่อยเข้าหัว แต่ที่นี่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเหมือนคนยุคแปดศูนย์ ที่ต้องอ่านนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ ฉันเกิดไม่ทันหรอกนะ แต่มันต้องเป็นงี้แน่ ๆ ก็ที่นี่มันใช้อินเตอร์เน็ตสะดวกซะที่ไหน”
คำพูดของดีนทำเอาโซเฟียหลุดขำ แม้เธอจะเกิดไม่ทันยุคแปดศูนย์เช่นเดียวกันกับดีน แต่คนเจนวายปลาย ๆ อย่างเธอพอจะทันสัมผัสโลกที่เทคโนโลยียังเข้าไม่ถึงในทุกพื้นที่อย่างเช่นทุกวันนี้อยู่บ้าง
“ถือว่าโซเชี่ยลดีท็อกซ์เป็นไง? เด็กสมัยนี้เอาแต่ติดเทคโนโลยีจนเป็นโรคซึมเศร้า” หญิงสาวกระเซ้าศอกแหย่คนข้างกายเบา ๆ จากคำพูดนั้นทำเอาดีนเป็นฝ่ายหัวเราะขำขึ้นมาแทน
“พูดอย่างกับยัยป้าข้างบ้าน… ‘เด็กสมัยนี้เอาแต่เล่นมือถือแล้วก็ไม่มีความอดทนเอาซะเลย’” ชายหนุ่มแกล้งดัดเสียงเล็กแหลมเหมือนป้าขี้นินทา “พวกเจนซีอย่างฉันก็มีความอดทนในแบบของฉันเหมือนกันล่ะน่า”
“จะว่าไป ก่อนหน้านี้นายทำอะไรมา อายุยี่สิบสามเรียนจบแล้วใช่ไหม? ทำยังไงบุตรของสามมหาเทพถึงได้อยู่รอดมาจนอายุเกินยี่สิบ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ”
โซเฟียเอ่ยถาม เรียกว่าเป็นการพูดจากันดี ๆ ครั้งแรกโดยไม่เล่นละครเสแสร้งเลยได้ไหม? ในชีวิตของเขาไม่มีเรื่องอะไรให้ปกปิด (เว้นเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง) ชายหนุ่มจึงไม่รังเกียจที่จะเล่าออกมา
“ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจเรื่องที่ฉันอายุยี่สิบสามแล้วยังไม่ตายจังเลยนะ ถ้าบอกว่าพ่อคอยช่วยอยู่เธอจะเชื่อไหม?”
“มีเด็กเดมี่ก็อดที่ทวยเทพตามช่วยเหลือจนโตป่านนี้ด้วยเหรอ เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก” แม้นไม่อยากเชื่อแต่คนตรงหน้าที่ไม่เป็นวิชาการต่อสู้เลยกลับรอดมาได้ครบสามสิบสอง บางทีเธออาจควรเชื่อไว้บ้าง “จะบอกว่าตัวเองเป็นลูกคนโปรดงั้นสิ? น่าหมั่นไส้ชะมัด ตอนแรกฉันก็คิดว่านายจะมีฝีมือหรือเทพเจ้าทิ้งไอเท็มวิเศษไว้สำหรับการป้องกันตัวเสียอีก งั้นซิกส์แพ็คพวกนี้จะบอกว่าเข้าฟิตเนสแล้วปั้นขึ้นมารึไง?”
ไม่พูดเปล่ามือซนยังล้วงมาคลำพุงทำเอาคนยังหนุ่มยังแน่นสะดุ้งหนี
“ทำอะไรเนี่ย!? แบบนี้มันคุกคามทางเพศกันชัด ๆ แล้วถ้าเข้าฟิตเนสได้ออกมาหุ่นแบบนี้แล้วจะทำไมกันเล่า”
“ทีพ่อนายเข้ามาทำมิดีมิร้ายสาวกของท่านแม่ฉันในวิหารล่ะ โดนเอาคืนซะบ้างสิบุตรแห่งโพไซดอน”
“พอเลย!” ดีนดันมือของหญิงสาวที่หยุมพุงเขาออก ถึงมันจะมีกล้ามเนื้อสวยงามคู่ควรกับการเรียกว่าซิกส์แพ็คมากกว่าพุงก็ตามทีเถอะ “ฉันก็ใช่ว่าจะรับได้กับความผิดที่พ่อทำเสียเมื่อไรเล่า แต่เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ วิหารของแม่?”
“ใช่ วิหารของท่านแม่… ทำไม?” โซเฟียเลิกคิ้วถาม
“แม่ที่ว่าหมายถึงเทพีอะธีน่าน่ะเหรอ? ให้ตายสิ ฉันก็คิดว่าเธอเป็นลูกสาวแอรีสมาตั้งนาน”
โซเฟียทำหน้าเหลือจะเชื่อ ตานี้เข้าใจไปได้อย่างไรว่าเธอเป็นบุตรสาวของเทพเจ้าจอมอันธพาล
“ฉันฉลาดว่านั้นเยอะย่ะ แล้วที่ถามไปก่อนหน้านี้ล่ะ ทำอะไรมา เรียนจบแล้วใช่ไหม?”
ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าเธอเป็นบุตรสาวของเทพีอะธีน่าก็คงตามนั้น แค่ไม่คาดคิดว่าการเหม็นหน้าจะส่งต่อจากรุ่นพ่อแม่มาสู่รุ่นลูกได้ด้วย ไร้สาระชะมัด ดีนพยายามไม่ใส่ใจว่าใครเป็นลูกใคร เขาจึงเปลี่ยนเรื่องมาตอบคำถามก่อนหน้า
“ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก คณะเทคโนโลยีชีวภาพ ตอนเรียนอยู่ก็ทำงานร้านฟาสต์ฟู้ด จนเรียนจบมาเลยลองยื่นใบสมัครงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยไปเล่น ๆ จนได้งานมา แต่ยังทันได้เริ่มงานวันแรกก็… ฟิ้ว~ ถูกส่งมาอยู่ที่นี่ ไม่สิ.. ถ้าพูดให้ถูกก็คือฉันมาเองตามคำแนะนำของคน ๆ หนึ่ง ตอนแรกคิดว่าที่นี่เป็นลัทธิหลอกลวงเลยด้วยซ้ำ”
“มหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก! ถือว่านายหัวดีเลยนะที่เข้า ม.นั้นได้”
หญิงสาวทำตาโตเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง แต่คนที่นั่งอ่านนิตยสารเชิงวิชาการเป็นการฆ่าเวลาก่อนเรียนการต่อสู้ก็พอมีมูลว่าหนุ่มคนนี้ไม่ได้โม้เหม็น
“นี่ หยุดเลยสายตาแบบนั้น อย่ามามองว่าฉันเหมือน เฮอร์ไมโอนี่ แกรนเจอร์ นะ!” ดีนพูดดักทางแต่การเปรียบเปรยติดปากนั้นก็ทำเอาคนฟังหลุดหัวเราะน้อย ๆ “คงงั้น ฉันอาจจะหัวดีก็ได้ แต่ยังไงก็ไม่ชอบการอ่านหนังสืออยู่ดี”
“สมาธิสั้นหรือว่าดิสเล็กเซียล่ะ?”
“สมาธิสั้นก็พอแล้ว อย่าให้ต้องถึงขั้นกับเป็นดิสเล็กเซียเลย”
ดีนยังจำไครอนเคยบอกว่าเหล่าลูกเทพมักมีปัญหาความบกพร่องดังกล่าว แต่เรื่องสายตาสั้นได้มาจากคุณแม่ล้วน ๆ
“อืม แค่สมาธิสั้นก็เรียนรู้อะไรได้ยากแล้ว แต่มันก็ดีสำหรับการต่อสู้ เพราะมันจะทำให้นายมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมกว่าคนปกติ”
“ถึงจะมีประสาทสัมผัสเฉียบคม แต่ฉันก็คงเอาไว้เพื่อหนีอสุรกายพวกนั้นอย่างเดียว” ดีนแค่นหัวเราะ
“ก็แล้วแต่ ยังไงก็ใช่ว่าเดมี่ก็อดทุกคนจะเป็นสายต่อสู้ไปทั้งหมด จะว่าไป.. นายใจสลายเลยสิที่ไม่ได้ทำงานในสิ่งที่เรียนมา”
“เปล่าเลย ก็อย่างที่บอก ฉันก็แค่ลองสมัครดูเฉย ๆ แล้วทางคณะก็รับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะศิษย์เก่าด้วยมั้ง ทำงานคุ้นเคยกันดีเลยอาจจะได้โควต้าพิเศษก่อน”
ดีนไม่รู้หรอกว่ากระบวนการตัดสินใจรับสมัครแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร เขาก็แค่เดา จะเพราะว่าได้รับโควต้าศิษย์เก่ามาจริง จะเป็นผลงานดีเยี่ยมเข้าตา หรือจะเพราะอะไรก็ช่าง ตอนนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปในเมื่อเขาไม่ได้ทำงานนั้น และน่าจะไม่ได้รับโอกาสให้ทำอีกแล้วด้วยเช่นกัน
“ความจริงฉันอยากจะรวยแล้วมีเงินท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ มากกว่า”
“นายอยากใช้ชีวิตแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” โซเฟียรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งจนต้องเอ่ยถาม
“ช่ายยย” ดีนตอบลากเสียงยาว “ถามแต่ฉันแล้วเธอล่ะ ก่อนหน้านี้เป็นไงมาไง แล้วก็ทำไมถึงกลับมาสอนคลาสหอก-โล่ แบบว่า.. ที่นี่เหมือนโรงเรียนประจำไหม? พอเปิดเทอมอาจารย์ก็เลยต้องกลับมาสอน”
“จินตนาการกว้างไกลจังนะเจ้าหนูจำไม แต่ก็คงเหมาะแล้วกับสิ่งที่นายเรียน” โซเฟียหัวเราะหึก่อนจะเล่าต่อ “ฉันเป็นนักสำรวจ อย่างที่เจอกันครั้งแรก ฉันมักจะขี่ดูคาติคู่ใจไปเรื่อยรอบสหรัฐ แล้วก็สำรวจพื้นที่ในแต่ละแห่งที่เคยไปมา ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นโลกของมนุษย์หรอกนะ มันมีอะไรที่ซับซ้อนไปกว่านั้น พออยู่ที่นี่นานเข้าเดี๋ยวนายก็จะเข้าใจไปเองว่าพื้นที่ ๆ ฉันว่าคือที่แบบไหน ส่วนที่มาช่วยสอนก็เพราะงานของท่านอาจารย์ไครอนล้นมือแล้ว เหตุผลก็แค่นั้นแหล่ะ”
“อ้อ เหมือนพวก.. ดินแดนลึกลับ โลกต่างมิติในหนังผี.. อะไรเทือกนี้ใช่ไหม?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ใช่” โซเฟียขี้เกียจอธิบายเธอเลยให้ดีนเข้าใจไปอย่างนั้นก่อน “แต่ท่าทางนายดูเข้ากันได้ดีกับพวกเด็กจากเฮเฟตัสนะ พอฝึกการต่อสู้จนคล่องแล้วก็ลองไปขอให้พวกนั้นทำแบบนี้ให้สิ”
หญิงสาวนำกุญแจรถบิ๊กไบค์คู่ใจออกมา ตอนนี้รถคันดังกล่าวมีขนาดย่อส่วนเหลือแค่เพียงเท่าโมเดลพวงกุญแจ ชายหนุ่มมองมันด้วยความสงสัยใคร่รู้โซเฟียจึงวางมันลงมาบนฝ่ามือของเขา
“เฮเฟตัส.. เฮเฟตัส.. อ๋อ เทพนักประดิษฐ์”
ถึงจะเป็นสิบสองเทพโอลิมปัสแต่บทที่จืดจางก็มีหลงลืมชื่อกันไปบ้าง
“เข้ากันได้ดีเหรอ? ฉันเรียนด้านชีววิทยามานะไม่ใช่วิศวกรรม ความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกไม่ค่อยจะมีหรอก ถึงจะเคยไปเดินเล่นงานนิทรรศการหุ่นยนต์บ้างก็เถอะ.. ฉันว่าฉันเข้ากันได้ดีกับทางบ้านไดโอนีซุสมากว่าอีก”
ดีนหยิบจับพวงกุญแจดูคาติพลิกไปพลิกมา ดวงตาเป็นประกายเหมือนกับเด็กน้อยได้ทดลองหยิบจับของเล่นรุ่นใหม่ จากนั้นเขาก็เอ่ยถามหญิงสาวตาใสเปี่ยมไปด้วยความใคร่รู้
“แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับพวงกุญแจนี่..”
“สงสัย? เรื่องอะไรล่ะ?”
โซเฟียถาม เพราะดูเหมือนว่าหนุ่มนักวิทยาศาสตร์จะสนอกสนใจของวิเศษชิ้นนี้เป็นพิเศษ เธอเป็นเจ้าของมันมานานบางทีอาจจะให้คำแนะนำได้
“ถ้าเกิดว่าขี่ไปแล้วเหยียบขี้หมาขึ้นมา ตอนเก็บกลับคืนจะอยู่ในสภาพไหนน่ะ?”
“ถามอะไรของนายยะ เอาคืนมาเลย!”
โซเฟียรีบฉกพวงกุญแจของเธอกลับคืนมา ในหัวก็คิดว่า ‘ไม่น่าเอาให้ไอ้หมอนี่ไปถือเล่น’ เกือบจะคุยกันดี ๆ ได้แล้วเชียวแต่คราวนี้หนุ่มผิวน้ำผึ้งเป็นฝ่ายกวนประสาทเธอก่อนไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามที ฝ่ายดีนที่เพิ่งรู้ตัวว่าอาคืนได้อย่างฟลุ้ก ๆ เขาก็ขำไหล่สั่น หัวเราะไม่ออกเสียง
“จะว่าไปดูเหมือนเธอจะสนใจนิตยสารเล่มนี้น่าดูเลยแฮะ ไม่งั้นคงไม่มาชวนคุยกันดี ๆ แบบนี้” ดีนยื่นหนังสือที่วางไว้บนตักให้กับอีกฝ่าย “ฉันอ่านจบไปรอบนึงแล้ว งั้นเล่มนี้ให้เธอก็แล้วกัน”
“หืม ขอบใจ”
แม้ไม่ทันตั้งตัว แต่โซเฟียรับนิตยสารวิทยาศาสตร์มาเปิดอ่านหัวข้ออัพเดทคร่าว ๆ ตอนนี้จวนเจียนจะได้เวลาเรียนวิชาหอก-โล่แล้วเด็ก ๆ จึงทยอยกันเข้ามาในอัฒจันทร์ ดีนกับโซเฟียจึงดีดตัวผึงออกจากกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อนักเรียนมากันได้จำนวนหนึ่งที่มากพอแล้วโซเฟียก็เริ่มสอน
.
.
.
ครึ่งแรกเป็นการทบทวนกระบวนท่าการต่อสู้ของเมื่อวาน ดีนจับคู่กับเลนน็อคเหมือนเดิม และจากการเรียนพิเศษมาเป็นชั่วโมงทำให้พัฒนาการของดีนดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้จะไม่ได้สูสีกับคนที่ฝึกมานานกว่า แต่วันนี้ก็แทบไม่มีการผิดจังหวะเกิดขึ้นเลย เท่าที่ดูเด็ก ๆ คนอื่นก็เริ่มจะหลบและบล็อคกันอย่างชำนาญพอตัวแล้ว ครึ่งหลังของการเบรคโซเฟียจึงสอนวิชาใหม่เป็นกลยุทธ์การฝึกอย่างกระบวนทัพเทสทูดอร์ และกระบวนทัพกระบวนทัพฟาลังซ์สำหรับการร่วมมือล่าอสุรกายอย่างเป็นทีมเวิร์ค
แม้วันนี้ดีนจะไม่ใช่เอ็มวีพีของคาบเรียน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ที่โหล่ การเรียนการสอนวันนี้จึงหมดคาบไปโดยไม่มีการต่อเวลาพิเศษให้กับใคร ดูเหมือนว่าวันนี้ดีนจะได้ไปช่วยเจโรมจัดเตรียมสถานที่ช่วยจัดงานแล้วเสียทีสินะ…
เข้าชั้นเรียนหอก-โล่ ครั้งที่ 3
มอบ [นิตยสารวิชาการ] แก่ [โซเฟีย คลาร์ก] ได้รับโบนัสพิเศษ +5 แต้ม จาก น้ำหอม
|