เจ้าของ: God

[ตรงกลางระหว่างบ้านพักทั้งหมด] กองไฟแห่งเฮสเทีย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-11-1 20:55:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2024-11-1 21:05
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-10-31 22:32
227Trick or Treat
               31/10/2024 — 19.00 น. - 23.00 น.
               “ทริก ออ  ...

ย้อนเวลาวันที่ 31/10/2024 22.00 น.

บทพิเศษ ฮาโลวีนไนท์!



คูเปอร์พลิกตัวไปมาเป็นรอบที่เท่าไรไม่แน่ใจ ขณะที่นอนอยู่บนเตียงเหล็กดัดในห้องเล็ก ๆ ของบ้านหมายเลขหก พยายามข่มตาหลับ แต่ดูเหมือนการข่มใจให้สงบจะยากกว่าการปลุกให้ลุกขึ้นมาสู้เสียอีก โดยเฉพาะในคืนฮาโลวีนอย่างนี้ ที่ปฏิทินบอกว่าค่ำคืน แต่ดูจะผิดเพี้ยนไปหมด เพราะแม้เข็มนาฬิกาจะวิ่งล่วงเข้าใกล้เที่ยงคืน แต่ดวงอาทิตย์กลับตั้งฉากอยู่เหนือหัวจนแทบจะส่องแสงเข้ามาในห้อง เขาคิดขำ ๆ ว่า นี่ถ้าไม่ใช่ค่ายฮาล์ฟบลัดก็คงจะต้องมีคนแจ้งให้ใครซักคนมาปิดไฟกันบ้างแล้ว

บ่นพึมพำในใจอยู่พักหนึ่ง แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แทรกทุกความพยายามเข้าสู่นิทราได้อย่างรวดเร็ว “คูเปอร์! ตื่นเร็ว ๆ! พี่ชายจะนอนทับวันฮาโลวีนกันหรือไง”

คำว่า "ฮาโลวีน" ทิ่มแทงจุดอ่อนในใจจนต้องลุกขึ้นนั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ หนุ่มคนนี้หลับตาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะยอมพาตัวเองไปเปิดประตูให้ลิเลียน่า ผู้เป็นน้องสาวร่วมมารดา ร่างเล็กของเธอในชุดแม่มดสีดำพร้อมหมวกทรงสูงดูทะเล้นชวนขัน ทว่าแววตาเป็นประกายของเธอก็ทำให้เขาอมยิ้มเล็ก ๆ ออกมา

"มันเป็นฮาโลวีนที่ไหนกัน ฟ้าแบบนี้ยังกะกลางวัน" เขาพูดพลางหาวกว้าง หวังในใจว่าลิเลียน่าจะปรานีปล่อยเขากลับไปนอนต่อ แต่เห็นทีคงจะฝันหวานเกินไป เพราะมือเล็กของเธอจับข้อมือเขาแน่นแล้วดึงออกไปยังสนามด้านนอก

"ก็เพราะพี่ชอบอิดออดไง ไม่ทันใครเขา!" เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ "รู้ไหม ตอนนี้มีคนจัดกิจกรรมแจกขนมกันอยู่ที่กองไฟกลางค่าย ฉันไม่ได้อยากออกมาเจอใครนักหรอก แต่นี่มันฮาโลวีน คูเปอร์ มันคือคืนแห่งความสนุกของเหล่าเด็ก ๆ"

เขาขมวดคิ้วพลางนึกคร้านเล็ก ๆ กับการโดนลากออกไปในชุดนอน แต่ไหน ๆ แล้วก็ไหน ๆ เจ้าคูเปอร์ผู้โตเกินวัย 18 แต่หัวใจยังไหลลื่นตามสายลมในค่ายแห่งนี้ก็ขอเลือก "สวมบทบาท" เด็ก 18 สักคืนเสียหน่อย

พลางยิ้มขันตนเอง ก่อนจะเดินไปหยิบเศษผ้าสีดำมาพันเป็นผ้าคลุม ผูกเข้ากับคออย่างง่าย ๆ แล้วพอเหลือบเห็นเศษผ้าที่อยู่ใกล้มือ เขาก็จัดการดัดแปลงเป็นปีกค้างคาวจิ๋วติดด้านหลัง กลายเป็นแวมไพร์งบประหยัดในเวลาไม่กี่นาที

ลิเลียน่ากอดอกมองดูพี่ชายแปลงร่างแบบไร้การยั้งคิด แล้วส่ายหน้าเบา ๆ รอยยิ้มขบขันประดับบนใบหน้า "พี่ชายจะแต่งตัวลวก ๆ แบบนี้จริง ๆ น่ะหรอคะ "

“ทำไมล่ะ ดูดีออก” คูเปอร์ยักคิ้วพลางยักไหล่ในคราวเดียว ก่อนจะก้าวออกไปโดยมีน้องสาวเดินตามมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจ แต่พวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน ท่ามกลางอากาศที่อุ่นราวกับกลางวัน แม้จะเป็น "ค่ำคืนฮาโลวีน" ก็ตาม

เมื่อพวกเขามาถึงลานกองไฟกลางค่าย บรรยากาศครึกครื้นอย่างน่าประหลาด สำหรับค่ายฮาล์ฟบลัด กองไฟแห่งเฮสเทียนี้คือจุดรวมใจของเหล่าผู้กล้า สถานที่ซึ่งเทพีผู้เป็นมารดาแห่งครอบครัวได้สละบัลลังก์เพื่อให้อพอลโลได้ขึ้นนั่ง จึงไม่มีบ้านแห่งเฮสเทีย บ้านทั้งสิบสองหลังล้วนแต่ต่างอยู่กันในเอกลักษณ์ของตน ค่ายจึงสร้างกองไฟนี้ขึ้นมาเพื่อเคารพพระนาง และกลายเป็นศูนย์กลางในการพบปะ นัดหมาย หรือกระทั่งงานรื่นเริงยามค่ำคืนอย่างที่เป็นในคืนนี้

คูเปอร์ลอบถอนหายใจขณะยืนข้างกองไฟแห่งเฮสเทีย แสงจากเปลวเพลิงอ่อนโยนที่พุ่งขึ้นราวจะคอยต้อนรับเขาและเพื่อนร่วมค่ายเหมือนดวงตาสีทองของเทพีผู้สูงศักดิ์ที่คอยมองลงมาจากเบื้องบนด้วยรอยยิ้มเงียบงาม ชายหนุ่มยืนข้างลิเลียน่า ร่างเล็กของเธอสวมชุดแม่มดน้อยที่ดูราวกับเพิ่งผ่านมือดีไซเนอร์ชั้นเลิศมาเสริมให้เรียบหรูและพอเหมาะพอเจาะ ต่างจากแวมไพร์งบประหยัดอย่างเขาที่เพียงคลุมผ้าสีดำแล้วติดปีกค้างคาวจิ๋วด้านหลังพอให้มองไกล ๆ ว่าเป็น “แวมไพร์” อยู่ในทางทฤษฎีมากกว่าทางปฏิบัติ

ลิเลียน่าขำเบา ๆ ขณะเขย่งเท้าจับผ้าคลุมบนบ่าคูเปอร์ให้อยู่ทรง “พี่ชายก็ดูเข้ากับค่ายดีนะ ฉันว่าพี่น่าจะเหมาะกับวันฮาโลวีนกว่าพวกเด็ก ๆ พวกนั้นด้วยซ้ำ” เธอเอียงคอส่งยิ้มทะเล้น ชายหนุ่มทำหน้าแสร้งโอดครวญ พูดตามตรง แสงแดดที่ส่องตลอดวันจนย่ำค่ำเช่นนี้อาจทำให้แวมไพร์ตัวจริงลาตายแล้วตั้งแต่กลางวัน



แสงจากเปลวไฟอบอุ่นอ่อนโยน และเหมือนจะเปล่งประกายแรงขึ้นกว่าเดิมในคืนฮาโลวีนนี้ ราวกับพระนางเองก็อยากร่วมงานเทศกาลกับพวกเขา คูเปอร์และลิเลียน่าหยุดมองผู้คนที่แต่งกายล้วนแตกต่างกันไป

คูเปอร์มองไปยังกลุ่ม "ผีแคสเปอร์" ที่ตัวสองขนาดไม่ทราบอายุ(เพราะไม่เห็นหน้า) คนหนึ่งสูงใหญ่ในชุดผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดสะอ้านเจาะรูสำหรับดวงตา   ส่วนอีกคนรูปร่างผอมบางตัวเล็กคล้ายเด็ก สวมผ้าขาวแบบเดียวกัน มีพร็อพเป็นตะกร้าขนมหวานที่เต็มไปด้วยถุงผ้าเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้แจกให้กับทุกคนในงานนี้ พวกเขายืนตรงกลางรอบกองไฟ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์โผล่พ้นรูผ้าคลุมออกมา

"ทริกออร์ทรีต!!" ผีแคสเปอร์ตัวยักษ์ในวัยราวยี่สิบต้น ๆ ตะโกนทักเสียงดัง พร้อมขยับตะกร้าขนมในมือราวกับจะท้าทาย ชายหนุ่มยิ้มขำ นึกชมอยู่ในใจว่ารุ่นพี่คนนั้นต้องเป็น "พี่คนคูล" ตามที่เขาจินตนาการแน่ๆ

คูเปอร์ก้าวเข้าไปหา พร้อมทำท่าทางหลอกแบบขึงขัง(?) ใส่ผีแคสเปอร์รุ่นพี่ " ทริก! ผมขอขนมนะครับ พี่!"

“สวัสดีงับรุ่นพี่ ผมคูเปอร์เด็กใหม่บ้านอะธีน่าพึ่งมาได้ไม่นานฝากตัวด้วยนะคร๊าบ” คูเปอร์นึกคำที่วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ชอบใช้เผื่อมันจะทำให้คนอื่นมองว่าเขายังเป็นรุ่นๆอยู่ ขณะที่สายตาเหลือบไปเห็นลิเลียน่าเหมือนกำลังพยายามกลั้นขำไว้ น้องรักฮึบไว้ค่อยไปปล่อยที่บ้านทีเดียวนะ! ชายหนุ่มคิด

คูเปอร์หัวเราะลั่น ก่อนจะคว้าขนมจากตะกร้า ทว่ามันไม่ใช่ขนมหวานธรรมดา แต่เป็นถุงผ้าผูกเชือกไว้แน่นหนา


คูเปอร์พลิกถุงผ้าในมือด้วยความสนใจ  เขาก้มมองลิเลียน่าที่ถือถุงคล้ายกันอยู่ในมือ สายตาของเธอเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างจากเขา

"งั้นเรามาดูกันเถอะ ว่าค่ำคืนฮาโลวีนนี้จะมีอะไรให้พวกเราบ้าง" คูเปอร์พูดเบา ๆ พลางค่อย ๆ คลายปมเชือกบนถุงผ้า

ของในถุงของคูเปอร์และลิเลียน่าคือห่อของขวัญเล็ก ๆ ตกแต่งด้วยริบบิ้นสีส้มแซมดำ สวยงามราวกับจะซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ ขณะที่ทั้งสองคนแกะออกมา สิ่งที่เห็นในนั้นทำให้พวกเขาหลุดขำพร้อมกันช็อกโกแลตแท่งหนึ่งถูกวางไว้อย่างเรียบง่ายในห่อกระดาษสวย

"เอ๊ะ!" คูเปอร์อุทาน พยายามกลั้นหัวเราะจนแทบจะกลั้นไม่อยู่ "นี่มันฮาโลวีนหรือวาเลนไทน์กันแน่เนี่ย"

ลิเลียน่าหัวเราะคิก "พี่คะ ถ้าอยากเป็นแวมไพร์ที่แท้จริงต้องกินเลือดสิ ไม่ใช่ช็อกโกแลต" เธอเอ่ยเย้า แววตาซนๆ

คูเปอร์ยิ้มขัน ยกช็อกโกแลตแท่งนั้นขึ้นราวกับกำลังอวดสมบัติล้ำค่า ก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ในชุดผีแคสเปอร์ที่ยืนหัวเราะอยู่ข้าง

"เจ้าผีนี่แสบไม่เบาเลยนะครับ" คูเปอร์เอ่ยอย่างล้อเลียน ก่อนจะกัดช็อกโกแลตคำหนึ่งด้วยท่าทางพึงพอใจ รู้สึกเหมือนได้รับพลังเล็ก ๆ ที่อุ่นขึ้นในใจ ไม่ใช่เพราะขนมหรอก แต่เป็นเพราะความห่วงใยและขวัญกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทุกคนได้จากงานนี้มากกว่า

หลังจากหยิบช็อกโกแลตมากัดเล่นไปพลาง คูเปอร์กับลิเลียน่าก็กล่าวลารุ่นพี่ในชุดผีแคสเปอร์ แล้วค่อย ๆ เดินกลับบ้านอะธีน่าด้วยกัน ความรู้สึกอบอุ่นจากเสียงหัวเราะและบรรยากาศในค่ายทำให้หัวใจเขาอิ่มเอมอย่างประหลาด ฮาโลวีนปีนี้ดูจะไม่ได้พิเศษอะไรมากไปกว่าปีอื่น ๆ แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความสุขเล็ก ๆ ที่ทำให้จิตใจเบาสบายไปอีกพักใหญ่





ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

แสดงความคิดเห็น

คอสตูมชนะเลิศ! (>_<)b [คุณได้รับ ช็อกโกแลต 1 ea]   โพสต์ 2024-11-1 21:24
โพสต์ 19184 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-11-1 20:55
โพสต์ 19,184 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-11-1 20:55
โพสต์ 19,184 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2024-11-1 20:55
โพสต์ 19,184 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 เกียรติยศ +3 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2024-11-1 20:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2024-11-1 23:41:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-10-31 22:32
227Trick or Treat
               31/10/2024 — 19.00 น. - 23.00 น.
               “ทริก ออ  ...

41. Halloween Night
M

-ย้อนเวลา วันที่ 31.10.24 เวลาประมาณ 19:30 น.-
วันนี้แมคเคนซีกับดีนไม่ได้ตัวติดกันเป็นมาชเมลโลวเหมือนเช่นทุกวัน เป็นเพราะอีกฝ่ายบอกว่าอยากจะหาอะไรเล่นสนุกสักหน่อยในช่วงเทศกาลวันฮัลโลวีน เขาเลยไปทานมื้อเย็นกับจูลี่น้องชายร่วมสายเลือดและร่วมบ้านพักแทน มื้อเย็นผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้จะมีคิดถึงแฟนนิดหน่อยแต่ก็ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง

“พอฟ้าสว่างทั้งวันแบบนี้แล้วแยกเวลาไม่ออกเลยนะฮะ”

จูลี่หนุ่มน้อยผมสีบรอนซ์ทองเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีสดใสที่มีแสงอาทิตย์ส่องทั้งวันทั้งคืนมาได้ร่วมเดือนแล้ว

“นั่นสิ ที่ไทยก็อากาศร้อนแล้ว กลับมาที่นี่ยังเป็นกลางวันทั้งวันอีก ว่าแต่นายไหวหรือเปล่า จะหน้ามืดไหม”

พอเห็นเหงื่อที่ซึมออกมาตามหน้าผากน้องชายแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ปกติจูลี่ก็ป่วยง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากต้องมาเจออากาศร้อนตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้ไม่รู้ว่าจะยิ่งไม่สบายไปใหญ่หรือเปล่า

“อ๊ะ ไม่ฮะ แค่นี้สบายมาก ร่างกายผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย พี่ชายกังวลเกินไปแล้ว”

เด็กหนุ่มรีบหันมาปฏิเสธแล้วบ่นพึมพำติดหน้างอในประโยคสุดท้าย เห็นแบบนั้นแล้วแมคเคนซีก็หัวเราะน้อย ๆ

“แข็งแรงแล้วก็ดี ไว้มาฝึกดาบกัน”

ฝ่ามือใหญ่วางลงบนศีรษะเล็กแล้วขยี้ผมนุ่มมือเบา ๆ ตอนนี้พวกเขาใกล้จะถึงโซนบ้านพักแล้ว แต่เหมือนว่าตรงแถวกองไฟแห่งเฮสเทียซึ่งอยู่ตรงกลางของเหล่าบ้านพักจะมีกิจกรรมอะไรอยู่สักอย่าง

“นั่นพี่แมคกับพี่จูลี่นี่ ! ทางนี้ ๆ มาเล่นด้วยกันสิ !”

เสียงเล็ก ๆ คุ้นหูดังมาจากตรงนั้น พอมองไปก็เห็นผี…ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเด็กตัวน้อยที่เอาผ้าขาวมาคลุมตัวเลียนแบบผีมากกว่า ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นมนุษย์ตัวโตที่เอาผ้าขาวมาคลุมตัวเช่นกัน

…ชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วสิ…

“มีจัดเทศกาลฮัลโลวีนด้วย เยี่ยมเลย พี่ชาย เราไปดูกันเถอะฮะ”

จูลี่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ น้องชายก็คว้ามือเขาแล้วลากไปหาผี (ปลอม) สองตนนั้นแล้ว

“รีชใช่ไหม ฉันจำเสียงเธอได้ ส่วนนี่ก็…พี่ดีน ?”

ไม่อยากคิดว่าสิ่งที่จูลี่คาดเดาจะเป็นความจริง แต่พอได้ยินสองผีพี่น้องหัวเราะแล้ว ให้ตายสิ…เสียงทุ้ม ๆ ที่เขาได้ยินทุกวัน เป็นดีนไม่ผิดแน่ ที่บอกว่าจะเล่นสนุกก็คือมาจัดกิจกรรมฮัลโลวีนกับน้องสาวสินะ

”โดนจับได้ซะแล้ว คิก ๆ ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาเอาของขวัญจากพวกเราสิคะ“

รีชาตัวน้อยและดีนตัวโตยื่นตะกร้ามาตรงหน้าพวกเขา แต่ก่อนจะได้ของขวัญสองพี่น้องแห่งบ้านเฮคาทีคงต้องเล่นตามเทศกาลก่อนสินะ

“ทริก ออ ทรีท”

เป็นจูลี่ที่เริ่มก่อน ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะดีใจไม่น้อยที่มีคนมาจัดงานเทศกาลในค่าย

“ทริกกกกก !”

รีชาตอบเสียงดังฟังชัดอย่างไม่ลังเล ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจูลี่จะคิดแผนการทริกสองผีพี่น้องไว้ในใจแล้ว ฝ่ามือขาวซีดข้างนึงแบออกมาตรงหน้าบุตรโพไซดอนทั้งคู่ ก่อนจะบริกรรมคาถาที่แมคเคนซีจับใจความได้ว่า “อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา” จากนั้นลูกไฟดวงเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศเหนือฝ่ามือของจูลี่

“โอ้โห พี่จูลี่เก่งจัง เอารางวัลไปเลยค่ะ”

ฟังจากน้ำเสียงโดยไม่ต้องเห็นสีหน้าก็รู้ว่ารีชาตื่นเต้นมาก จูลี่ยิ้มแป้นก่อนจะดับไฟพลังเวทย์ของตนเองแล้วหยิบของขวัญจากในตะกร้าที่รีชาถือมาอย่างนึง

  

“ว้าว ตุ๊กตาล่ะฮะ น่ารักมากเลย ขอบคุณนะรีช ขอบคุณฮะพี่ดีน”

จูลี่กอดตุ๊กตานุ่มนิ่มหน้าตาประหลาด (ในความคิดแมคเคนซี) ไว้แน่น ดูเหมือนว่ากองทัพตุ๊กตาในห้องนอนจูลี่จะมีพรรคพวกเพิ่มแล้ว

“พี่ชาร์ล็อตไม่อยู่ใช่ม่า งั้นจับของขวัญให้พี่ชาร์ล็อตสักอย่างสิคะ พี่ชาร์ล็อตกลับมาเห็นของขวัญจะได้ดีใจ“

รีชายังคงยื่นตะกร้าค้างไว้ น่าเสียดายที่ชาร์ล็อตน้องสาวอีกคนของเขาไปทำภารกิจนอกค่ายจึงไม่ได้อยู่ร่วมเทศกาลด้วย แมคเคนซีจึงให้จูลี่เป็นคนจับของรางวัลอีกชิ้นนึง



”ช็อกโกแลตล่ะฮะ พี่สาวจะกลับมากินทันไหม“

จูลี่ยิ้มบางเมื่อเห็นของขวัญที่จับได้

“ทันสิ เดี๋ยวชาร์ล็อตก็กลับมาแล้ว”

‘ล่ะมั้ง…’ แมคเคนซีแอบเติมคำนี้ในใจ

“ตาพี่แมคแล้วค่ะ”

เสียงรีชาดังขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายสิ นี่เขาต้องมาเล่นกิจกรรมที่เคยเล่นเมื่อวัยเด็กและห่างหายไปเป็นสิบปีแล้วงั้นเหรอ

“โอเค…ทริก ออ ทรีท”

“ทริกกกกก !”

คราวนี้มีเสียงของดีนประสานมาพร้อมกับรีชาด้วย แมคเคนซีจ้องหน้าดีนที่ตอนนี้ถูกผ้าขาวคลุมอยู่เขม็ง

‘หมอนี่รอจังหวะนี้อยู่แน่ ๆ’

“เอาเลยค่ะพี่แมค อย่าให้น้อยหน้าจูลี่นะ”

รีชาส่งเสียงเชียร์ แต่จะให้เขาทำอะไร พลังเวทย์ที่เป็นทักษะเฉพาะของบุตรบ้านเฮคาทีก็ยังไม่ได้เรียนรู้มาสักอย่าง แล้วเขาจะไปสู้อะไรจูลี่ได้ แมคเคนซีเหลือบมองสองผีพี่น้องแห่งบ้านโพไซดอน รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังคาดหวังและตั้งตารอ โดยเฉพาะเจ้าผีตัวโตนั่น เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฉันหลอกใครไม่เป็น เรื่องนี้ดีนรู้ดีที่สุด”

“………….”

“………….”

“………….”

แล้วก็เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วครู่กลางวงสนทนา

“โอ๊ยยยย ! หนูเหม็นความรัก พี่แมคไม่สนุกเลยอะ !”

รีชาย่ำเท้าไปมาเหมือนเด็กถูกขัดใจ ส่วนจูลี่ก็ยิ้มอ่อน อ่านจากสีหน้าได้ว่า “ขอโทษแทนพี่ชายผมด้วยนะฮะ” และเหมือนเขาจะได้ยินดีนสบถอะไรสักอย่างด้วย แต่อีกฝ่ายก็ยอมยื่นตะกร้ามาให้เขาจับของขวัญจนได้



“ดรักม่า ตั้งสิบดรักม่าแน่ะ เยี่ยมเลย”

หลังจากจับของขวัญแล้วคุยกันอีกนิดหน่อย สองพี่น้องแห่งบ้านเฮคาทีก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ไม่รู้ว่ารางวัลที่แมคเคนซีจับได้ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีที่สุดหรือไม่ แต่เขาก็พอใจกับรางวัลนี้นะ…ดรักม่าของเขาก็คือของเขา ส่วนดรักม่าของดีน…ก็คือของเขาอีกนั่นแหละ (?)



แสดงความคิดเห็น

นายเล่นงานจุดอ่อนของฉัน ไอ้ขี้โกง!! >[]< [คุณได้รับ 10 ดรักม่า]  โพสต์ 2024-11-1 23:48
โพสต์ 20,694 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-11-1 23:41
โพสต์ 20,694 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-11-1 23:41
โพสต์ 20,694 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-11-1 23:41
โพสต์ 20,694 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-11-1 23:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-17 01:09:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 15 ธันวาคม 2024
เวลา 20.10 น.


เอโลอิสเดินมาที่กองไฟเฮสเทียตามคำบอกของไครอน เขาได้นัดเธอมาพบกับธิดาแห่งไทคีเพื่อฝากฝังให้ไปฝึกประสบการณ์ด้านนอก เอโลอิสที่พอจะมีประสบการณ์ออกทำภารกิจอยู่บ้างก็ยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างน้อยตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้จะชวนใครไป 

เธอเดินไปนั่งลงใกล้กองไฟ มองเห็นป้าชาวเอเชียคนหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ริ้วรอยตามวัยบ่งบอกว่าเธอผ่านโลกมามากแค่ไหน ดวงตาที่จ้องกองไฟอย่างไม่สบอารมณ์เผยถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เอโลอิสยิ้มเล็กน้อยพอเป็นมารยาทก่อนจะเบือนสายตาออกไป ไม่นานนักความเงียบก็ถูกทำลายลง

“พวกเด็กสมัยนี้นี่ไม่ได้เรื่อง ให้ผู้หลักผู้ใหญ่มานั่งรอแบบนี้ได้ยังไงกัน!” เสียงบ่นด้วยความหงุดหงิดทำเอาเอโลอิสสะดุ้งเล็กน้อย เธอมองป้าคนนั้นอีกครั้งแล้วพยายามหันไปมองหาธิดาไทคีต่ออย่างเงียบ ๆ

“นี่หนู รู้จักคนชื่อเอโลอิสไหม?...ไครอนบอกให้ฉันมานั่งรอ เด็กบ้าอะไรเสียมารยาทจริงป่านนี้ยังไม่มาอีก!”

“อะ…เอ่อ…ไครอนเหรอคะ?” เอโลอิสกระพริบตาปริบ ๆ

“ก็ใช่น่ะสิ บอกให้ฉันไปหาประสบการณ์บ้าบออะไรไม่รู้ อายุปูนนี้แล้วยังต้องหาประสบการณ์อะไรอีก ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมต้องให้เด็กเมื่อวานซืนมาสั่งสอนด้วย?”

“เอ่อ…ป้าคะ…” เอโลอิสพยายามแทรก

“นี่ก็กี่โมงกี่ยามแล้วคิดว่าฉันมีเวลามานั่งรอแบบนี้นานแค่ไหนกัน—”

“ป้าคะ!” เอโลอิสพูดเสียงดังขึ้นจนป้าหยุดชะงัก “หนูเองค่ะ เอโลอิสที่ป้าตามหา”

“เอ้า!ก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนั่งจ้องหน้ากันตั้งนาน ปากน่ะมีไหม” ป้าบ่นขึ้นมาทันที คนแก่วัยนี้ไม่มีคำว่าขอโทษหลุดออกมาจากปากได้แน่นอน

“เอ้า! หนูก็คิดว่าธิดาไทคีจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันนี่คะ” เอโลอิสถอนหายใจ

“ช่างเถอะ มีอะไรก็รีบว่ามาละครจะมาแล้ว ฉันต้องรีบไปบ้านเฮอร์มีสไปดูละคร” ป้าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นหนูจะรีบพูดรีบไปนะคะ เอาเป็นว่าตอนนี้ป้าตกลงจะร่วมทีมเดินทางกับหนูแล้วใช่ไหม?”

“แล้วเห็นฉันนั่งซักผ้าอยู่หรือไง? ที่มารอก็ต้องเพราะจะไปนี่สิ ถ้าไครอนไม่ขอฉันไม่มีทางไปหรอกนะ ลำบากก็ลำบาก” ป้าพูดสวนกลับมาทันทีท่าทางของเธอดูหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

“โอเค เดี๋ยวถ้าหาสมาชิกครบแล้วจะนัดป้าอีกทีนะคะ” เอโลอิสพยักหน้าเบา ๆ พยายามรักษาสีหน้าให้ดูสุภาพที่สุดเท่าที่ทำได้

“สมาชิกยังไม่ครบอีกเหรอ? ชักช้ายืดยาดจริง ที่เรียกให้มารอตั้งนานคือแค่จะมาพูดแค่นี้เหรอ?” ป้าถลึงตาใส่เอโลอิส น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

“อ้าว…ก็ป้าบอกจะรีบไปดูละคร” เอโลอิสตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหมดความอดทน

“จริงด้วย! เนี่ยเห็นมั้ยชวนฉันคุยเพลินเกือบลืมเรื่องละครไปเลย” ป้าพูดขึ้นเสียงสูงก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นยืน

“ป้าจะไปทำอะไรก็เชิญเถอะค่ะ หนูปวดหัว” เอโลอิสพูดพลางยกมือขึ้นนวดขมับ 

“แค่นี้ใช่ไหมงั้นฉันไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทันเบรคแรก” ป้าพูดพลางลุกขึ้นยืน เดินฉับ ๆ ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุพัดผ่านไป

เอโลอิสมองตามหลังป้าไป รอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเหนื่อยหน่ายในทันที 

“ไครอนส่งใครมาให้ฉันเนี่ย…” 

เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ แล้วอดคิดไม่ได้ว่า การเดินทางครั้งนี้คงเต็มไปด้วยเสียงบ่นและความจู้จี้จนต้องเตรียมที่อุดหูไว้หลาย ๆ ชุดแน่ ๆ เอโลอิสสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ที่เหลือก็คือหาสมาชิกอีกคนให้มันจบ ๆ ไป การเดินทางยังไม่ทันเริ่มจะมาล่มเพราะป้าแก่ ๆ หนังเหี่ยวคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด!



คาเรน ริทซ์ ตอบรับเข้าร่วมภารกิจ





แสดงความคิดเห็น

God
ป้าถามเอโอลิม พอมีให้ป้ายืมสัก 1000 usd ไหม ป้าจะโอนให้ลูกชาย เดี๋ยวแลกกับนี่ ก่อนหยิบขวดเลือดมิโนทอร์ออกมาโชว์  โพสต์ 2024-12-17 01:41
โพสต์ 14024 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-12-17 01:09
โพสต์ 14,024 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-17 01:09
โพสต์ 14,024 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-17 01:09
โพสต์ 14,024 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ควบคุมโลหะ  โพสต์ 2024-12-17 01:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-18 22:10:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 15 ธันวาคม 2024
เวลา 20.20 น.


จู่ ๆ เอโลอิสก็สังเกตเห็นร่างคุ้นตาเดินกลับมาที่กองไฟเฮสเทีย ป้าคนเดิมที่เมื่อครู่ยังทำ…แปลกไปเล็กน้อย…รอยยิ้มกว้างที่มองจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าป้ากำลังการละครใส่เธออยู่มันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ป้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอส่งยิ้มหวานเจี๊ยบจนเอโลอิสต้องถามออกไปเพราะมันดูผิดวิสัยเกินเหตุ

“อ้าวป้า ไหนว่าจะไปดูละครไงคะ?”

“เอ้อ! ป้าถามหน่อยพอจะมีสัก 1,000 ดอลล่าร์ไหม ป้าว่าจะโอนให้ลูกชายหน่อย นี่ไม่ได้มาขอเปล่านะ เอามาแลกกับนี่”

ว่าแล้ว ป้าก็ควักขวดแก้วเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า ข้างในเป็นของเหลวสีแดงเข้มข้นและเหนียวหนืด ป้าคนนั้นยื่นขวดขึ้นสูงเล็กน้อยพลางยิ้มอย่างภูมิใจ…นี่มันเลือดมิโนทอร์ไม่ใช่เหรอ…

“โหป้าตั้ง 1,000 ดอลล่าร์เลยนะ แลกกับเลือดมิโนทอร์ขวดเดียวเนี่ยนะ หนูแอบไปขโมยเองก็ได้”

คำพูดของเอโลอิสเหมือนก้อนหินก้อนโตที่ปาใส่รอยยิ้มหวานของป้าให้กระจุยกระจาย ใบหน้าของป้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที ดวงตาหรี่ลงจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรงพร้อมกับมองเอโลอิสอย่างคาดโทษ

“ยัยเด็กแล้งน้ำใจ!”

“หนูก็ไม่ได้งกนักหรอกแต่นั่นมัน 1 ใน 4 ของเงินที่หนูมีเลยนะ” เอโลอิสถอนหายใจพลางยกมือขึ้นกอดอก

เอโลอิสยังไม่ทันจะโต้ตอบอะไร ป้าก็จัดการเดินหน้าเข้าโหมดเทศนาทันที ดวงตาของป้าหรี่ลงอย่างจับผิด ริมฝีปากเบะออกด้วยความดูแคลน พร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้ดีไปเสียทุกอย่าง

“ใช้จ่ายยังไงถึงมีเงินแค่นั้น?!” ป้าถลึงตาใส่เอโลอิสอย่างกับพบเจอความผิดมหันต์ 

“เนี่ยเห็นไหม! ไม่รู้จักใช้เงินให้เป็นเอาไปทำอะไรหมดล่ะ ซื้อเกมใช่ไหม? ติดเกมแหง ๆ!”
เอโลอิสเบิกตากว้าง อ้าปากเหมือนจะเถียงแต่ป้าพูดเร็วเสียจนไม่มีช่องว่างให้แทรกได้เลยสักคำ

“เด็กสมัยนี้เนี่ยนะไม่รู้จักประหยัด ไม่รู้จักอดออม!” ป้าส่ายหัวอย่างเอือมระอามือกอดอกแน่นเหมือนกำลังตัดสินคดีใหญ่ระดับชาติ

เอโลอิสได้แต่มองตาปริบ ๆ เธอคิดในใจว่านี่มันอะไรกันเนี่ย! อยู่ดี ๆ ฉันก็โดนด่าว่าติดเกมซะงั้น…เธอถอนหายใจอย่างหนักใจ ก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนเดินผ่านมาพอดี จึงยกมือขึ้นแล้วตะโกนเรียกเสียงดังลั่นเรียกเด็กคนนั้นให้เดินมาหา

“นี่! นายคนนั้นน่ะ มานี่หน่อย”

เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกหยุดชะงัก เขาชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงง ๆ ดวงตาลอกแลกมองซ้ายทีขวาที เหมือนจะถามว่าหมายถึงเขาจริง ๆ หรือเปล่า เมื่อเห็นเอโลอิสพยักหน้าหงึก ๆ เขาก็จำใจเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางประหม่า

“ป้าเขาร้อนเงินพอจะมีให้ป้าเขาสัก 1,000 ดอลล่าร์ไหม?”

“โหเงินเยอะขนาดนั้นผมจะไปมีได้ยังไง?” เด็กหนุ่มทำตาโต ก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“เห็นไหมคะป้า เงินมันไม่ได้น้อย ๆ เลยนะ” 

ไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นอย่างกระตือรือร้นเหมือนกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้

“แต่เดี๋ยวนะผมก็เช็คในกระเป๋าสักครู่” เขาล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วเริ่มหยิบแบงค์ดอลล่าร์ที่ยับยู่ยี่ออกมานับทีละใบ ก่อนจะยื่นมาให้ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“พอดีเลย 1,000 ดอลล่าร์” เขาพูดเสียงดัง

เอโลอิสกะพริบตาปริบ ๆ มองธนบัตรในมือเขาอย่างสงสัย ก่อนจะเลิกคิ้วพลางลองนับดูเองอย่างช้า ๆ

“เดี๋ยวนะ แบงค์ 50 หนึ่งใบ 20 สองใบ 10 ใบนึง รวมกันมันก็ 100 ดอลล่าร์ไม่ใช่เหรอ บวกเลขยังไงได้ 1,000 เนี่ย?”

“อ้าวมันไม่ได้บวกกันได้ 1,000 หรอกเหรอ?” เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ เกาหัวแกรก ๆ

“นายจบจากที่นี่มาเนี่ย?”

“ผมซ้ำชั้นอยู่…” เขายิ้มเจื่อน

“นี่ฉันเจอกับเด็กไม่เอาไหนถึงสองคนเลยเหรอเนี่ย!” ป้าที่ยืนฟังอยู่นานมองทั้งคู่ด้วยสีหน้าเหยเก ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วบ่นพึมพำออกมา

“ก็บอกแล้วว่าใครจะไปมีเงินเยอะขนาดนั้นกันป้า พวกหนูยังเรียนกันอยู่เลย” เอโลอิสพูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย

“พวกเธอนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ แล้วแบบนี้เดินทางไกลฉันจะอดตายไหมเนี่ย” ป้ายังคงบ่นเสียงสูง

“เอ๋? เดินทางไกลเหรอพวกพี่สาวกับป้าจะไปไหนกันเหรอ?” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าสงสัย ก่อนจะถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ทำภารกิจตามคำพยากรณ์น่ะ” เอโลอิสตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยกับการพูดถึงภารกิจเหล่านี้แล้ว

“ว้าว ๆ ขาดคนไหม?” เด็กหนุ่มตาโตด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับแสดงท่าทีสนใจอย่างเห็นได้ชัด

“ก็…ว่างอยู่ที่นึงนะ”  

“ขอผมไปด้วยคนได้ไหม?” เด็กหนุ่มถามออกมาด้วยเสียงกระตือรือร้น ท่าทางเต็มไปด้วยความหวัง

“นายอยากไปเหรอ แต่ว่านะนับเลขยังไม่ถูกเลย—” ก่อนที่เอโลอิสจะพูดจบ เด็กหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“แต่ว่านะผมน่ะเป็นบุตรแห่งแอรีสเรื่องสู้น่ะผมถนัดมากเลยขอบอก” เขายิ้มอย่างมั่นใจ พร้อมกับท่าทางที่ดูจริงจังจนเอโลอิสต้องหยุดคิด

“จริงดิ?”

เอโลอิสเผยสีหน้าแปลกใจ พยายามมองเขาอีกครั้ง ใบหน้าและท่าทางของเด็กหนุ่มทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะจากสิ่งที่เห็นครั้งแรกไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเขาจะเป็นบุตรแห่งแอรีสเลยแม้แต่น้อย

“พี่สาวน่ะ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเป็นธิดาแห่งเฮเฟตัสใช่ไหมล่ะ? พวกเราน่ะลูกพี่ลูกน้องกันเห็นมั้ยผมไม่ได้โง่ไปซะทุกเรื่องเสียหน่อย” เด็กหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ท่าทางของเขาทำให้เอโลอิสไม่สามารถหุบยิ้มได้

“นายรู้ได้ไงว่าฉันลูกเทพเฮเฟตัสน่ะ หรือเพราะเห็นฉันชอบสะพายเครื่องมือช่างใช่ไหม ถือว่าฉลาดอยู่บ้างนะเนี่ย”

“อ๋อเปล่าหรอก ก็แบบว่าพี่สาวหน้าตาไม่ค่อยสวย—” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างไม่ทันคิด เอโลอิสที่กำลังยิ้มอยู่กลับเปลี่ยนสีหน้าในทันที

“เงียบไปเลยเรื่องนั้นน่ะ!” เอโลอิสตวาดขึ้นทันที น้ำเสียงดุดันจนเด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบยิ้มแหยๆ กลับไป

“เอาเป็นว่าพี่สาวรับผมเข้าทีมแล้วใช่มั้ย” เด็กหนุ่มทำตาปิ๊ง ๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความหวัง

“รับ!” เอโลอิสยังไม่ทันจะตอบ แต่ป้าก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนอย่างรวดเร็ว “ฉันรับเข้าทีมเอง แล้วคอยปกป้องป้าด้วยเข้าใจไหม?” ป้าพูดพร้อมกับยิ้มให้เด็กหนุ่ม

“แน่นอน” เด็กหนุ่มตอบกลับทันที พร้อมยักคิ้วและท่าทางมั่นใจเต็มที่

เอโลอิสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีกแล้ว จึงต้องยอมรับเด็กหนุ่มคนนี้เข้าทีมแบบงง ๆ เธอคิดในใจว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องป่วนมากแน่ ๆ ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ พวกเขาทั้งสองดูเหมือนจะพร้อมที่จะพาเธอลุยไปกับภารกิจที่ยังไม่ทันจะเริ่ม จากนี้เอโลอิสคงต้องทำใจแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องไปด้วยกันและหวังเพียงว่าจะไม่พากันได้ไปกลางภารกิจเสียก่อน…



ปฏิเสธไม่ให้ป้ายืมเงิน

แจสเปอร์ ซู ตอบรับเข้าร่วมภารกิจ





แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ --50 เกียรติยศ โพสต์ 2024-12-18 22:15
โพสต์ 24690 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-18 22:10
โพสต์ 24,690 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-18 22:10
โพสต์ 24,690 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-18 22:10
โพสต์ 24,690 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +15 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมโลหะ  โพสต์ 2024-12-18 22:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-23 20:04:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-27 00:13

261
ต่อสู้เคียงข้างสหายใหม่เพื่อวันรุ่งจะมาถึง


               21/12/2024 เวลา 22.00 น.

               อสุรกายโผล่ออกมาที่สมรภูมิหัวหาดไม่หยุดหย่อน แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่มีตัวโหดหินอย่างไฮดร้าออกมาแล้ว ซิลเวอร์จึงเพียงแค่ร่ายเวทไม่กี่บทก็กำราบมันได้ ทำให้เหล่านักรบพอจะมีเวลาให้หยุดพักบ้างเล็กน้อย

               พอถึงเวลาราว ๆ หกโมงเย็น กองกำลังจากบุตรธิดาแห่งสายเลือดเนเมซิสได้เข้ามาเปลี่ยนเวร เดมิก็อดทั้งสี่ที่ตรึงกำลังไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงได้ถอยร่นกลับมาในค่ายฮาล์ฟบลัด

               ดีนรู้สึกร้อนใจไม่น้อยหลังจากเห็นภาพมายาจากแร็กนาร์ป่วนประสาท เขาดึงดันจะเข้าไปตามหาแมคเคนซีคนรักในป่าต้องห้าม แต่ถูกหน่วยพยาบาลปรามเอาไว้ แถมยังถูกฉีดยานอนหลับบังคับให้พักผ่อนอีกหนึ่งตื่นใหญ่ ๆ จนกระทั้งชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเวลาสี่ทุ่มหลังจากได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์จากแซเทอร์เป่าประกาศสัญญาณ

               “ตอนนี้บาเรียค่ายฮาล์ฟบลัดแตกแล้ว ย้ำ! บาเรียค่ายฮาล์ฟบลัดแตกแล้ว ทุกคนเกาะกลุ่มกันเอาไว้แล้วหยิบอาวุธขึ้นมา!!”

               ‘อะไรนะ! บาเรียค่ายแตกแล้วงั้นเหรอ!?’

               จากประกาศทำเอาคนเพิ่งตื่นนอนหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง ดีนลุกขึ้นมาจากเตียงของโรงพยาบาลสนาม เช่นเดียวกับคนอื่นที่กำลังพักผ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนเจ็บ ไม่น่าเชื่อว่าพลังของรูปปั้นอะธีน่าพาเธนอนจะพ่ายแพ้เทพโลกิ ทำให้ยิ่งรู้ว่าพลังของทวยเทพนั้นยิ่งใหญ่ปานไหน แต่ตอนนี้สิ่งที่สงสัยคือไม่มีการขอความช่วยเหลือไปถึงโอลิมปัสบ้างเลยเหรอ?

               ดีนวิ่งตรงไปยังบ้านพักหมายเลยสาม ประสานมือกับรูปปั้นของเจ้าสมุทร

               “พ่อ! พ่อได้ยินผมไหม! ตอนนี้ฮาล์ฟบลัดตกอยู่ในอันตราย พ่อช่วยที!!”

               เปล่าประโยชน์… ไร้เสียงตอบรับจากโพไซดอนอย่างเช่นทุกที การเชื่อมต่อระหว่างที่อยู่อาศัยของเดมิก็อดและโอลิมปัสถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์

               “บ้าเอ๊ย!!” ดีนสบถอย่างสิ้นหวัง

               แต่นาทีนี้เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเตรียมสู้รบครั้งสุดท้ายที่ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่ ตอนนี้ดีนอยากพบกับแมคเคนซีมากที่สุด วันนี้เขาไม่เจอหน้าอีกฝ่ายเลยตั้งแต่เช้า ไม่รู้เลยว่าคนรักเป็นตายร้ายดีอย่างไร อย่างน้อยหากต้องตายจริงเขาก็ขอให้ได้อยู่กับแมคเคนซีจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตได้ไหม..

               ประตูบ้านพักหมายเลขสามถูกผลักเปิดออกอย่างรุนแรงจนดีนสะดุ้ง และเมื่อเขาหันกลับไปก็พบหน้ากับชายที่อธิษฐานถึงเมื่อครู่นี้

               “แมคซี่!!” ร่างสูงตะโกนชื่อคนรักก้อง ก่อนจะวิ่งไปสวมกอดกับอีกฝ่ายที่ประตูหน้าบ้าน จากความดีใจทำเอาชายหนุ่มแทบจะปล่อยโฮออกมาเดี๋ยวนั้น


               @Mackenzie

               “แต่เดี๋ยวนะ…” ดีนฉุกใจคิด เขาเพิ่งถูกแร็กนาร์ใช้มนต์มายาปั่นประสาทมา ชายหนุ่มจึงดีดตัวออกผึง พลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหวาดระแวง ก่อนจะตัดสินใจเลิ่กเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมา

               @Mackenzie

               “ก็หาตำหนิของนายไง จะได้รู้ว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม!” ถึงแร็กนาร์จะปลอมแปลงเป็นคนอื่นได้อย่างแนบเนียน แต่ดีนมันใจว่ามันคงไม่รู้ลึกถึงขนาดร่องรอยใต้ร่มผ้า เมื่อดีนเห็นไฝและขี้แมลงวันตามจุดเดิมที่ควรมีบนร่างกายของแมคเคนซีเขาก็สวมกอดอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง “โฮ่ แมคซี่นายคือตัวจริง!!! ฉันคิดถึงนายจังพ่อหมีของฉัน”

               @Mackenzie

               คราวนี้เป็นฝ่ายดีนที่ถูกสำรวจร่างกายบ้าง ในแบบที่แมคเคนซีชอบทำหลังจากที่เขาเพิ่งสู้เสร็จมาหมาด ๆ

               “ฉันไม่เป็นไร ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย ส่วนบาดแผลใช้น้ำเยียวยาไปหมดแล้ว ว่าแต่จากนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ แมคซี่.. ฉันกลัว ค่ายแตกแล้ว ติดต่อพ่อก็ไม่ได้ด้วย”

               ถึงจะเบาใจได้ส่วนหนึ่งที่แมคเคนซียังปลอดภัย แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ยังกังวล ทั้งเรื่องความปลอดภัยของตัวเองในขณะนี้ และสวัสดิภาพของพี่น้องร่วมสายเลือดที่ไม่ได้ไปโอลิมปัสอย่างซันซ์และไทสัน ไหนจะเพื่อนที่เคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ประจำการอยู่ด่านหน้าอย่างเลนน็อคอีก หากค่ายแตกหมอนั่นคงเจ็บหนักกว่าใครเพื่อน

               @Mackenzie

               “โอเค ฉันจะตั้งสติ” ดีนพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะกลับตาลงแนบหน้าผากกับแมคเคนซี พลางฟังสิ่งที่อีกฝ่ายบอกกับเขาทำให้ใจเย็นลง “เข้าใจแล้วที่รัก.. งั้นก็เอาตามที่นายบอกเลย”

               @Mackenzie

               ทั้งสองออกมาจากกระท่อมหมายเลขสาม ตอนนี้ภายในค่ายยิ่งชุลมุนวุ่นวายกันไปใหญ่ จากเดิมที่บริเวณรอบ ๆ มีแต่เดมิก็อด แซเทอร์ และทหารม้าของคุณไครอน ตอนนี้เพิ่มเติมคือมีอสุรกายน้อยใหญ่วิ่งพล่านไปทั่วจนอ้าปากค้าง ดีนเห็นเหล่าก็อบลินถือคบเพลิงจุดไฟเผาส่วนต่าง ๆ ของค่าย รวมถึงบ้านพักแต่ละหลังด้วยเช่นกัน

               “เฮ้ย! แย่แล้วไฟไหม้!!”

               @Mackenzie

               ดีนปล่อยให้แมคเคนซีไปไล่หวดอสุรกายจอมวางเพลิง ส่วนตัวเองควบคุมน้ำจากสระว่ายน้ำบ้านโพไซดอนคอยดับไฟให้แก่บ้านพักแต่ละหลัง จนสามารถควบคุมเพลิงได้ แต่ก็ได้รับความเสียหายน้อยมากแตกต่างกันไปในแต่ละจุด

               .
               .
               .

               23.50 น.

               ท่ามกลางความอลหม่าน เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินอยู่เหนือน่านฟ้าค่ายฮาล์ฟบลัด เขาเห็นคนสองคนโรยตัวลงมา

               ‘ใครอี๊ก!!’

               แม้ไม่รู้ว่าใครแต่พอสองคนนั้นลงจากช็อปเปอร์มาได้ก็รีบวิ่งไปคุยกับเรเชล เทพธิดาพยากรณ์ในค่ายราวกับว่าเป็นคนรู้จัก ทั้งดีนและแมคเคนซีจึงเข้าไปสมทบตาม คนหนึ่งเป็นชายผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งเหมือนนักกีฬา ส่วนที่ยืนเคียงข้างคือสาวสวยผมบลอนด์ในชุดสีชมพูทั้งตัวยกเว้นเสื้อสีม่วงที่สวมใส่ใต้แจ๊กเก็ต อย่างกับเธอคนนี้หลุดออกมาจากหนังเรื่องบาร์บี้ พอไดถึงก็ได้ยินสองคนนั้นแนะนำตัวกับชาวค่ายรอบ ๆ บริเวณอยู่เลย

               “เอาล่ะทุกคนอย่าเพิ่งแตกตื่น! กำลังเสริมจากค่ายจูปิเตอร์มาช่วยแล้ว ผมแม่ทัพควินตัส แอนเดอร์สัน และชาวค่ายจูปิเตอร์ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ จะขอสู้ยืนหยัดชาวค่ายฮาล์ฟบลัดทุกคนเอง!! สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”

               “สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”

               เสียงปลุกใจจากแม่ทัพคนนั้นดังก้อง ปลุกขวัญและกำลังใจจากชาวค่ายที่กำลังย่อท้อได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง รวมทั้งดีนที่รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอีกนิดหน่อย

               @Mackenzie

               การต่อสู้เปิดฉากขึ้น คนจากค่ายจูปิเตอร์แสดงพลังการต่อสู้เหนือชั้นกว่าเด็กฮาล์ฟบลัดเป็นไหน ๆ หากฮาล์ฟบลัดคือที่อยู่ที่ปลอดภัยของเดมิก็อดกรีก ฝึกฝนวิชาการต่อสู้เพื่อให้ได้ออกไปใช้ชีวิตโดยไม่ตาย แต่กลับกัน… คนของค่ายจูปิเตอร์คือกองทหารชั้นดีที่มีไว้เพื่อทำสงครามและปกป้องดินแดนโรมใหม่

               @Mackenzie (เริ่มสู้ได้เลยครับ)

               การต่อสู้ภายในค่ายฮาล์ฟบลัดชุลมุนวุ่นวายไปหมด ดีนพยายามสู้ตายแต่ด้วยจำนวนของอสุรกายที่กรูกันเข้ามาทำให้เขาเกือบจะถูกเวนดิโก้ที่เข้ามาด้านหลังสอยร่วง ทว่าดีที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ชื่อว่าแองเจลิก้า เธอพุ่งหอกใส่อสุรกายเขากวางอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนร่างกายแตกดับ ไม่ทันจะขอบคุณหญิงสาวก็แหว๋วใส่ขึ้นมาเสียก่อน

               “โอ๊ยยย เด็กฮาล์ฟบลัดนี่มันยืดยาดกันชะมัด ตั้งใจสู้กันหน่อยเซ่!!” เสียงตะโกนของแองเจลิก้าเกรี้ยวกราดดุดัน แม้ออกจะเป็นคำพูดเหยียดหยามชาวฮาล์ฟบลัดไปเสียหน่อย แต่น่าแปลกที่พวกเขากลับมีกำลังใจฮึกเหิมในการต่อสู้เพิ่มขึ้นจากขวัญกำลังใจ ราวกับว่าพละกำลังจะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว

               @Mackenzie

               ตอนนี้ดูเหมือนว่าการร่วมมือร่วมใจของกำลังเสริมจากค่ายจูปิเตอร์และชาวฮาล์ฟบลัดจะตีต้านอสุรกายที่โลกินำพาได้สำเร็จ ทีนี้ก็ถึงคราวของบอสใหญ่แล้ว!!!
               
+3 Point จากการสู้เคียงข้างกองกำลังสนับสนุนจากค่ายจูปิเตอร์
สถานการณ์ Winter is Coming II คร่าว ๆ
1. เวลา 22.00 น. บาเรียคุ้มครองค่ายฮาล์ฟบลัดถูกทำลาย อสุรกายจำนวนมากแห่ทะลักกันเข้ามาในค่ายอย่างล้นหลาม
2. สถานที่หลายส่วนในค่ายได้รับความเสียหาย รวมถึงบ้านพักบางหลัง (ตามแต่สะดวกเลยว่าบ้านใครจะโดนบ้าง)
3. เวลา 23.50 น. แม่ทัพควินตัส แอนเดอร์สัน (บุตรเทพีอาร์คัส) และ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ (ธิดาเทพมาร์ส) โรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงกลางค่ายฯ
4. ทุกคนที่บริเวณนี้ได้จะได้รับบัพ ขวัญกำลังใจ จากธิดาแห่งมาร์ส +80 STR
5. คนจากทั้งสองค่ายร่วมกันต่อสู้จนพลิกกลับมาชนะ อสุรกายถูกกำจัด เหลือเพียงเทพโลกิตัวต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
59. The winter solstice war VI-21.12.24  /  10:00PM.-[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]เข้าสู่ช่วงค่ำแล้ว แต่พระอาทิตย์ก็ยังลอ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-23 22:29
God
ดี: 5
  โพสต์ 2024-12-23 20:17
โพสต์ 25907 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 20:04
โพสต์ 25,907 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-23 20:04
โพสต์ 25,907 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-23 20:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-23 22:29:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-23 22:32

Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-12-23 20:04 261ต่อสู้เคียงข้างสหายใหม่เพื่อวันรุ่งจะมาถึง ...
59. The winter solstice war VI

-21.12.24  /  10:00PM.-


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


เข้าสู่ช่วงค่ำแล้ว แต่พระอาทิตย์ก็ยังลอยอยู่เหนือขอบฟ้าราวกับเป็นเวลาเที่ยงตรง ปรากฏการณ์รัติกาลสาบสูญยังคงดำเนินไปอย่างไม่รู้จุดสิ้นสุด…ดังเช่นสงครามที่ค่ายฮาล์ฟบลัดตอนนี้


แมคเคนซีอยู่ช่วยตรึงกำลังอยู่ที่ป่าต้องห้ามถึงช่วงค่ำ จนเมื่อมีข่าวมาจากค่ายว่าตอนนี้บาเรียที่ป้องกันค่ายแตกแล้ว ฝูงอสุรกายหลากหลายเผ่าพันธุ์บุกเข้าไปในตัวค่ายที่มีทั้งเดมิก็อดอายุน้อย ฝูงแซเทอร์ และฝูงสัตว์วิเศษต่าง ๆ หลบภัยอยู่ภายในนั้น กองกำลังของพวกเขาจึงต้องรีบกลับไปช่วยที่ค่ายก่อน


เมื่อกลับไปถึงค่าย ภาพความอลหม่านยุ่งเหยิงก็ปรากฏแก่สายตา ฝูงอสุรกายกำลังทำลายข้าวของสิ่งปลูกสร้างในค่าย คนในค่ายที่ไร้ทางสู้ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เขาเหลือบไปเห็นสถานที่ที่ถูกใช้เป็นโรงพยาบาลสนามก็เริ่มใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าจะมีคนรู้จักหรือแม้กระทั่งคนรักของเขารวมอยู่ในนั้นไหม แมคเคนซีรีบวิ่งไปยังโรงพยาบาลสนามแบบทุลักทุเลเพราะถูกฝูงก็อบลินมาขวางไว้จนต้องลงมือสังหารไปหลายตัว เมื่อมาถึงก็รู้สึกโล่งใจไปส่วนนึงที่ไม่เจอใครที่เขากังวลอยู่ แต่เขากลับได้รับแจ้งจากเดมิก็อดสาวผู้เป็นพยาบาลสนามว่าดีนมารักษาตัวอยู่ที่นี่ชั่วเวลาหนึ่งและเธอเพิ่งเห็นอีกฝ่ายวิ่งไปที่บ้านหมายเลข 3 เมื่อไม่นาน


เดมิก็อดหนุ่มรีบวิ่งไปยังบ้านของบุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนทันที ฝ่ามือใหญ่ผลักประตูให้เปิดออกทันทีที่มาถึง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด คนที่เขาอยากเจอที่สุดในเวลานี้อยู่ตรงหน้าพอดี ชื่อของเขาที่อีกฝ่ายเรียกทำให้แทบไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก แมคเคนซีรีบวิ่งมากอดอีกฝ่ายไว้แน่น


“ดีน…โชคดีจริง ๆ ที่นายไม่เป็นอะไร”


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“หือ…เฮ้ เดี๋ยวสิ นายทำอะไร”


อยู่ ๆ ดีนก็รีบคลายกอดแล้วเลิกเสื้อของเขาขึ้น ดีที่ว่าร่องรอยจากการต่อสู้บางส่วนเริ่มจางลงบ้างแล้ว บาดแผลจากการถูกโจมตีก็ไม่ได้ลึกหรือใหญ่โตจนน่ากลัว แมคเคนซีจึงล่อยให้คนรักได้สำรวจจนพอใจ


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ก็ตัวจริงน่ะสิ นายพูดอย่างกับมีใครปลอมตัว…….”


พอพูดถึงตรงนี้แมคเคนซีก็เงียบไป เหตุการณ์ที่ตนเองเผชิญหน้ากับแร็กนาร์ผุดขึ้นมาในหัว ดูจากคำพูดและท่าทางของดีนแล้ว เขาไม่อยากคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเจอกลลวงแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามานั่งเล่ารายละเอียดกันมานัก ไว้เขาค่อยถามหลังจากจบศึกสงครามนี้ก็แล้วกัน


“ฉันก็คิดถึงนาย แล้วนายเป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหม”


ไม่พูดเปล่า เขาคลายอ้อมกอดจากดีนอีกครั้ง ถือโอกาสสำรวจบาดแผลตามร่างกายอีกฝ่ายไปด้วย แล้วก็เหมือนครั้งก่อน ๆ เสื้อผ้าที่ดีนสวมใส่ขาดรุ่งริ่งเป็นบางส่วน มีรอยเลือดเปื้อนอยู่บ้างแต่กับไม่มีบาดแผลใดหลงเหลืออยู่บนร่างกายเลย นี่สินะ ความพิเศษของบุตรแห่งมหาเทพ


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ใจเย็น ๆ ดีน…พวกเราจะไม่เป็นไร ทั้งเราและทุกคนในค่าย เราจะผ่านปัญหาครั้งนี้ไปได้ นายต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในตัวฉัน และเชื่อมั่นในตัวทุกคนในค่ายตอนนี้ โอเคไหม”


แมคเคนซีประคองแก้มทั้งสองข้างของคนรักที่อยู่ในอาการแพนิคไว้แล้วแนบหน้าผากลงไปกับหน้าผากอีกฝ่าย หวังว่าคำพูดและการกระทำของตนจะสามารถช่วยปลอบประโลมคนตรงหน้าให้มีสติและใจเย็นลงได้


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“เก่งมากที่รัก ถ้านายพร้อมแล้ว…เราออกไปจัดการเรื่องนี้ให้มันจบด้วยกันเถอะ”


เดมิก็อดหนุ่มแห่งบ้านเฮคาทีส่งยิ้มให้ แล้วคว้ามือคนรักเดินออกจากบ้านหมายเลข 3 โดยเบื้องหลังมีรูปปั้นมหาเทพโพไซดอนตั้งอยู่ในบ้านท่ามกลางความเงียบงัน


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ถึงกับเผาค่ายเลยงั้นเรอะ”


แมคเคนซีมุ่นคิ้ว ตอนนี้ภายในค่ายบางส่วนถูกเผาจนเสียหาย อสุรกายพากันเดินเพ่นพ่านเต็มค่ายไปหมด พวกเดมิก็อดที่มีกำลังก็เข้าพากันเข้าต่อสู้สุดกำลัง บางส่วนก็คอยกวาดต้อนเดมิก็อดที่ยังเด็กและไม่มีทักษะการต่อสู้รวมถึงเหล่าแซเทอร์และสัตว์วิเศษไปหลบยังที่ปลอดภัยที่ยังพอหลงเหลืออยู่


“ดีน ! นายช่วยดับไฟที ฉันจะคอยจัดการมอนสเตอร์พวกนี้เอง”


ว่าแล้วแมคเคนซีก็ชักดาบออกมาแล้วเข้าต่อสู้กับพวกอสุรกายแถวนั้นทันที น่าเสียดายที่ตอนนี้เวทย์โจมตีที่เขาจำได้ดันมีแต่เวทย์ไฟ เขาจึงต้องเลี่ยงการใช้คฑาเวทย์ไปก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามขึ้นไปอีก


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


การต่อสู้เริ่มจะตึงมือมากขึ้นเมื่อเหล่าเดมิก็อดจากค่ายฮาล์ฟบลัดที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเริ่มหมดเรี่ยวแรง กลับกันกับฝูงอสุรกายที่เมื่อเทียบจากจำนวนที่เห็นด้วยตาแล้วยังถือว่ามีมากอยู่จนเกือบหมดสิ้นกำลังใจ

.


.


.

-11:50PM.-


ท่ามกลางความสิ้นหวัง เสียงใบพัดและเครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าค่ายฮาล์ฟบลัดทำให้การสู้รบหยุดชะงักไปเล็กน้อย ร่างของคนสองคนโรยตัวตามเชือกลงมาจากเฮลิคอปเตอร์อย่างกับหน่วยซีเอสไอที่ที่เคยเห็นในหนัง


“เอาล่ะทุกคนอย่าเพิ่งแตกตื่น! กำลังเสริมจากค่ายจูปิเตอร์มาช่วยแล้ว ผมแม่ทัพควินตัส แอนเดอร์สัน และชาวค่ายจูปิเตอร์ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ จะขอสู้ยืนหยัดชาวค่ายฮาล์ฟบลัดทุกคนเอง!! สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”


หลังจากการแนะนำตัว แมคเคนซีจึงได้รู้ว่าทั้งคู่มาจากค่ายจูปิเตอร์ หากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือค่ายเดมิก็อดสาขาโรมันนั่นเอง


“สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”


ประโยคปลุกใจของแม่ทัพควินตัสช่วยปลุกใจเหล่าเดมิก็อดจากค่ายฮาล์ฟบลัดไม่น้อย ในเวลานี้ขวัญและกำลังใจของทุกคนคือสิ่งสำคัญ และแล้วการต่อสู้ระหว่างเดมิก็อดกับอสุรกายในค่ายฮาล์ฟบลัดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


ยอมรับว่าในตอนแรกแมคเคนซีนึกสงสัยว่ากองกำลังจากค่ายจูปิเตอร์…ที่ไม่อาจเรียกว่ากองกำลังได้ด้วยซ้ำเพราะมากันเพียงสองคนจะช่วยเหลือค่ายฮาล์ฟบลัดได้มากแค่ไหน แต่จากฝีมือการสู้รบของทั้งแม่ทัพควินตัสและแองเจลิก้าก็แสดงให้เห็นว่าทักษะการสู้รบของเดมิก็อดแห่งค่ายจูปิเตอร์นั้นทั้งคล่องแคล่วและฉับไวเพียงใด เพียงไม่นานจำนวนอสุรกายที่บุกเข้ามาในค่ายก็ลดไปกว่าครึ่ง


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“บุตรแห่งเทพีเฮคาทีงั้นเหรอ เยี่ยมไปเลยนี่พี่ชาย”


ควินตัสหันมายิ้มให้ขณะที่เขาใช้คฑาเวทย์ยิงเวทย์ไฟใส่เท็งงุที่บินอยู่บนฟ้าหมายจะทำลายเฮลิคอปเตอร์ของค่ายจูปิเตอร์จนร่วงลงมากลายเป็นเถ้าถ่านไปสองตน


“ขอบคุณ ฝีมือนายก็ไม่เบาเหมือนกัน”


แมคเคนซียิ้มตอบเด็กหนุ่มผู้เป็นแม่ทัพจากค่ายจูปิเตอร์แล้วชักดาบออกมาช่วยฟาดฟันฝูงหมาป่าแห่งแอรีสต่อ การต่อสู้วันเหมายันยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกันกับงานรื่นเริงบนสรวงสวรรค์โอลิมปัสที่ยังไม่จบสิ้น


หลังจากกำจัดเหล่าอสุรกายจนหมดสิ้นแล้ว ตัวการผู้เป็นชนวนเหตุของศึกสงครามครั้งนี้ยังคงรออยู่


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]




+3 Point จากการสู้เคียงข้างกองกำลังสนับสนุนจากค่ายจูปิเตอร์


@God 


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 63600 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 22:29
โพสต์ 63,600 ไบต์และได้รับ +20 EXP +35 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2024-12-23 22:29
โพสต์ 63,600 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2024-12-23 22:29
โพสต์ 63,600 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2024-12-23 22:29
โพสต์ 63,600 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-12-23 22:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-23 23:07:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Eloise เมื่อ 2024-12-23 23:08





วันที่ 21 ธันวาคม 2024
เวลา 23.50 น.


บริเวณทะเลสาบที่เคยปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตึงเครียดบัดนี้เริ่มกลับคืนสู่ความสงบ เอโลอิสสูดลมหายใจลึกเหงื่อยังคงไหลอยู่เต็มหน้าผาก เธอคิดว่าตอนนี้คงสามารถวางใจได้แล้วว่าสถานการณ์ที่นี่อยู่ในการควมคุมของคนที่เหลือ อสุรกายบริเวณนี้แค่เพียงคนไม่กี่คนตอนนี้ก็น่าจะเอาอยู่แล้ว

แม้บริเวณทะเลสาบจะวางใจได้แล้วแต่เธอก็ได้ยินว่าบริเวณกองไฟเฮสเทียนั้นยังคงตึงอยู่ เอโลอิสรู้ทันทีว่าหน้าที่ของเธอยังไม่จบ ถึงจะเหนื่อยล้าจากศึกมาตลอดทั้งวันแต่ตอนนี้เธอยังจำเป็นที่จะต้องสู้ต่อ!

เธอรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายใหม่ ณ กองไฟเฮสเทีย เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่นั้นกลิ่นควันและเสียงกระทบกันของอาวุธยังคงกึกก้องไปทั่วบริเวณ เธอเห็นเพื่อนในค่ายหลายคนกำลังตั้งแนวป้องกัน กองไฟในขณะนี้เป็นเหมือนกับเวทีสำหรับการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ครึ่งเทพและอสุรกายจะว่าแบบนั้นก็คงไม่ผิดนัก

ทันใดนั้นเองเสียงของใบพัดโลหะก็ดังก้องเหนือหัว เอโลอิสเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอจับจ้องไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อย ๆ ลดระดับความสูงลง โลโก้ที่แปะอยู่ข้างลำตัวเครื่องสะดุดตาเป็นพิเศษ

“Dare Enterprises” เธอพึมพำเบา ๆ ชื่อนี้ไม่คุ้นหูเธอสักเท่าไหร่

เชือกถูกหย่อนลงจากเฮลิคอปเตอร์ก่อนที่ร่างสองร่างจะโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่วราวกับมืออาชีพ ทันทีที่เท้าของทั้งสองแตะพื้น ทั้งคู่รีบตรงไปหาเรเชลคุยอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาจริงจังไม่นานนักก็มีเสียงประกาศก้อง

“เอาล่ะทุกคนอย่าเพิ่งแตกตื่น! กำลังเสริมจากค่ายจูปิเตอร์มาช่วยแล้ว ผมแม่ทัพควินตัส แอนเดอร์สัน และชาวค่ายจูปิเตอร์ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ จะขอสู้ยืนหยัดชาวค่ายฮาล์ฟบลัดทุกคนเอง!! สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”

สิ้นเสียงชาวค่ายทุกคนก็ฮึกเหิมในทันทีและเริ่มต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง แต่เอโลอิสเองยังยืนทำหน้างงสตั๊นอยู่ครู่หนึ่ง

“จะว่าไปเสียงปลุกใจมันก็ดีอยู่หรอก แต่ส่งกำลังเสริมมาแค่สองคนเนี่ยนะ?!”

เธอส่ายหน้าถอนหายใจเบา ๆ จู่ ๆ เสียงคำรามก็ก้องดังขึ้นจากอีกฟากของสนามรบ เอโลอิสหันไปตามเสียงก็พบร่างของสิ่งมีชีวิตที่ดูไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไหร่ จะว่ากวางก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง มันสูงใหญ่ ผอมแห้งจนมองเห็นกระดูก ร่างกายปกคลุมด้วยขนบาง ๆ แถมตัวเหม็นเน่ายังกะศพ ดวงตาของมันจ้องมาทางเธอ

“เวนดิโก” เดจาวูสุด ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอมัน เพราะเคยเจอครั้งหนึ่งแล้วสมัยไปเที่ยวรอบโลกกับเทพอะพอลโล 

เอโลอิสเปลี่ยนอาวุธล้วงเอาสิ่งที่ไม่เคยใช้มาก่อนออกจากกระเป๋าคาดเอว นั่นคือค้อนไฟที่เทพเฮเฟตัสเคยมอบให้เธอไว้ งานนี้จะได้เจิมแล้ว! เวนดิโกกระโจนเข้าใส่ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ แต่โล่ในมือของเธอยกขึ้นทันเวลาพอดี กรงเล็บแหลมของมันกระแทกเข้ากับโล่เสียงดังลั่น แรงปะทะทำให้เธอเสียหลักถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อตั้งหลักใหม่ได้เธอก็รีบหาจังหวะเหวี่ยงค้อนเข้าที่ลำตัวของมัน

พลั่ก!!!

ดูเหมือนว่าความแรงของการฟาดค้อนจะทำให้กระดูกของมันหัก เวนดิโกคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดและพุ่งถอยหลังไป เธอไม่ปล่อยให้มันมีเวลาเตรียมตัวพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้ง โล่ของเธอปัดป้องการโจมตีที่โหมกระหน่ำจากกรงเล็บมัน เธอถอยหลังเล็กน้อยหลอกให้มันเปิดช่องว่างก่อนจะหมุนตัวฟาดค้อนเข้าที่ขาของมันเต็มแรง มันล้มลงทันทีพร้อมเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เธอกระโดดขึ้นสูงใช้โล่กระแทกหัวของมันเพื่อกันการตอบโต้จากเจ้าเวนดิโกตัวร้าย จากนั้นก็ฟาดค้อนในมือเข้าที่กะโหลกมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี กระโหลกของมันถึงกับแหลกและร่างสลายเป็นละอองในทันที

เอโลอิสหอบหายใจหนักในมือของเธอยังกระชับค้อนและโล่แน่น แม้จะเหนื่อยล้าแต่แววตาของยังเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดต่อสู้ ยังไม่ทันที่เธอจะได้พักหายใจหายคอร่างสูงโปร่งของเท็งงุสองตัวก็พุ่งตรงเข้ามาหาเธอ

“นี่กะจะไม่ให้พักเลยใช่ไหมเนี่ย!”

เอโลอิสบ่นขณะยกโล่ขึ้นรับการโจมตีของเท็งงุตัวแรก กรงเล็บของมันฟาดเข้ากับโล่เสียงดังลั่น แรงปะทะทำให้เธอถอยหลังไปเล็กน้อย ก่อนที่ตัวที่สองจะกระโจนเข้าใส่ เอโลอิสหมุนตัวหลบเฉียดฉิวก่อนจะเหวี่ยงค้อนฟาดเข้าที่ปีกของมัน

พลั่ก!!!

เท็งงุตัวแรกไม่รอช้าพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง กรงเล็บของมันฟาดเข้าหาเธอซ้ำ ๆ แต่โล่ของเอโลอิสรับไว้ได้ทุกครั้ง เธอเบี่ยงตัวหลบแล้วใช้ขอบโล่กระแทกเข้าที่หน้าของมันจนเสียหลัก จากนั้นเธอหมุนตัวใช้ค้อนกระแทกเข้ากลางลำตัวของมัน เสียงกระดูกแตกดังสนั่น ร่างของมันล้มลงก่อนจะค่อย ๆ สลายเป็นละออง

เท็งงุตัวที่สองส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธที่เอโลอิสทำร้ายปีกมัน มันพุ่งเข้าใส่เธอด้วยความเร็วสูง เธอยกโล่ขึ้นรับแรงกระแทกจนต้องถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ใช้จังหวะนั้นหมุนตัวหลบและตวัดค้อนเข้ากระแทกที่ขาของมันทำให้มันเสียหลักล้มลง

เธอก้าวเข้าไปหามันอย่างไม่ลังเลใช้โล่กระแทกซ้ำที่ใบหน้าของมันอย่างแรงจนมันแน่นิ่ง ก่อนจะง้างค้อนขึ้นสูงและฟาดลงมาเต็มแรง ร่างของมันแตกสลายกลายเป็นละอองสลายหายไปในอากาศ

เธอยืนมองละอองสีทองจางหายไป เสียงการต่อสู้รอบข้างยังคงดังก้องแม้จะอยากหยุดแล้วแต่ก็ยังหยุดไม่ได้สินะ…



สินสงคราม : - หน้ากากเวนดิโก (เลขไบต์คี่)
- เขาเวนดิโก (เลขไบต์คู่)
(เลขไบต์รองท้ายคือจำนวนที่ได้ 0-1)




สินสงคราม:
หน้ากากเท็งงุ


รางวัล:: (Level 20+) ได้ค่าประสบการณ์ +3 Point






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19065 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 23:07
โพสต์ 19,065 ไบต์และได้รับ +4 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก สร้อยไข่มุกตาฮิตี   โพสต์ 2024-12-23 23:07
โพสต์ 19,065 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-23 23:07
โพสต์ 19,065 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-23 23:07
โพสต์ 19,065 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก ค้อนไฟ  โพสต์ 2024-12-23 23:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-24 00:16:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2024-12-26 22:44


Winter is coming
event : day 2 (21 dec 2024 11.50 PM)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


“ตอนนี้บาเรียค่ายฮาล์ฟบลัดแตกแล้ว ย้ำ! บาเรียค่ายฮาล์ฟบลัดแตกแล้ว ทุกคนเกาะกลุ่มกันเอาไว้แล้วหยิบอาวุธขึ้นมา!!”

เสียงเป่าแตรสัญญาณพร้อมเสียงกรีดร้องของแซเทอร์ที่ดังขึ้นเมื่อราวๆ หนึ่งชั่วโมงก่อนเหมือนเป็นสัญญาณของวันสิ้นโลก โรบินไม่ได้เวอร์เลย เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างข้างในนี้ก็วุ่นวายไปหมด


หลังจากแบกเลนน็อคไปทิ้งไว้ที่บ้านพักหมายเลขสิบเอ็ดที่กลายเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว เธอก็ช่วยคาสึฮะและชาวค่ายที่ยังไม่ได้รับการรับรองเอาอาหารเทพกับน้ำทิพย์แจกจ่ายให้กับมนุษย์กึ่งเทพที่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้นอกจากมนุษย์แล้ว ยังมีทั้งนางไม้ แซเทอร์ และครึ่งคนครึ่งม้าในหมวกซานต้าอีก จนภายในบ้านวุ่นวายไปหมด 

อีธานดุเล็กน้อยที่โรบินแอบหนีออกไปโดยไม่บอก ขณะที่มือก็เร่งไฟในเตาผิงให้อุ่นขึ้นไปด้วย

“ก็มันน่าเบื่อนี่นา!” โรบินว่าอย่างนั้น ตอนอสุรกายบุกค่ายเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เธอก็ไม่ได้จับดาบเลยด้วยซ้ำ

หลายชีวิตผลัดกันเข้ามาพักฟื้น ยิ่งสถานการณ์ตึงเครียดเท่าไหร่ แนวเขตชายแดนก็มีคนลดลงเท่านั้น

และเมื่ออาธีน่า พาร์เธนอสที่เนินเพลี่ยงพล้ำให้แก่ร่างเงาของโลกิ ความวุ่นวายจึงบังเกิด อสุรกายสีเขียวตัวจิ๋วดาหน้ากันเข้ามาก่อนพร้อมคบเพลิงในมือ พวกมันหัวเราะพลางวิ่งไปจุดไฟตามสถานที่ต่างๆ อย่างไม่เลือกหน้า ตามมาด้วยพวกตัวใหญ่ และพวกที่บินได้ คาสึฮะจับดาบแล้วพุ่งตัวออกไปจากบ้าน โรบินคว้าสลักเวทมนตร์ของพี่สาวที่วางรวมกับกองสิ่งของระเกะระกะบนโซฟ้า เธอเอามันไปวางไว้ตามสี่มุมของบ้านพร้อมติดตั้งสายล่อไฟฟ้า ชาวค่ายจากบ้านอื่นๆ โผล่กันออกมาช่วยดับไฟและพยายามกันไม่ให้อสุรกายเข้าไปข้างในได้

“อย่าเข้ามานะไอ้พวกตัวน่าเกลียด!”

โรบินดึงสลักเวทมนตร์ตัวที่ใกล้ที่สุดออก มันปล่อยแสงสีฟ้าสว่างวาบก่อนจะสร้างกำแพงพลังงานบางๆ และปล่อยกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินออกมาล้อมรอบบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ดในจังหวะที่ก็อบลินตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาพอดี ร่างของมันช็อตจนไหม้เกรียมและสลายไป

ชาวค่ายที่พักฟื้นอยู่ข้างในเห็นภาพนั้นก็วิ่งกรูกันออกมาจากบ้านและเข้าร่วมการต่อสู้ทันที

“เลนน็อค!” โรบินนึกไปถึงร่างซีดเซียวจนแทบจะไร้สีเลือดของรุ่นพี่ที่เธอตามต้อยๆ ทั้งวันตอนแบกร่างหนักๆ ของเขาเข้ามาในค่าย เลนน็อคใช้พลังแบบมืดๆ ของเขามากเกินไปจนถึงวินาทีที่เขตเวทมนตร์แตกดังเปรี๊ยะ โครงกระดูกตัวสุดท้ายที่โผล่ออกมาจากพื้นดินเป็นโครงกระดูกหนูตัวเล็กๆ เท่านั้น

โรบินรีบกลับเข้ามาเช็คเตียงสนามในบ้านพัก เธอก็พบว่าร่างของเขาหายไปแล้ว

“ให้ตายสิ!” 


แบบนี้ไม่สนุกเลย!

โรบินหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เธอเข้ามาหลบหลังมุมเสาต้นหนึ่งของอาคารโรงอาหาร ทุกตารางนิ้วของค่ายตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยจากการต่อสู้ ทั้งเถ้าถ่านที่ปลิวกระจาย และฝุ่นจากการสลายร่างของอสุรกายลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เสียงกรีดร้องของชาวค่ายหน้าใหม่ที่แตกตื่นประสานไปกับเสียงปะทะกันของดาบและเสียงปืน พื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือนจากแรงระเบิด ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาจนดึกและบาดแผลที่ขัดกันเต็มร่างกายทำให้โรบินไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้เหมือนเคย ทุกสิ่งรอบตัวเธอดูเหมือนจะหลอมรวมกันเป็นเสียงที่หนวกหู

เธอหยิบช็อคโกแลตบาร์แท่งสุดท้ายจากกระเป๋ากางเกงออกมากิน ร่างกายค่อยๆ เริ่มผ่อนคลายขึ้น ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วกล้ามเนื้อทุกมัดจนเริ่มร้อน วันนี้เธอกินอาหารเทพอัดแท่งเข้าไปหลายชิ้นแล้ว ถ้าไครอนรู้เรื่องนี้ไม่วายคงโดนบ่นหูชาแน่

แต่เธอไม่สนใจ ตอนนี้เธอยังหาร่างของรุ่นพี่คนนั้นไม่เจอเลยด้วยซ้ำ


เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้นจากท้องฟ้าสูงเหนือค่าย มันดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จากระยะทางที่ลดลง 

แค่ไอ้พวกที่บินๆ อยู่นี่ยังไม่พอหรือไงนะ!

โรบินดันตัวลุกขึ้นตั้งท่า เงาดำมืดของเฮลิคอปเตอร์ชนเข้ากับร่างอสุรกายของเท็งงุตัวหนึ่งจนมันกระเด็นลอยไปไกล เสียงกระหึ่มของใบพัดดังก้องไปทั่วค่าย ขณะที่ตัวเครื่องค่อยๆ ลดระดับลง ใบพัดของมันก็ตีกับลมในอากาศจนฝุ่นละอองที่ปกคลุมอยู่รอบพื้นที่กระจายไปทั่ว ทุกคนเงยหน้าขึ้นฟ้า แม้แต่อสุรกายยังแตกตื่น

‘Dare Enterprises’

โลโก้สีขาวเด่นปรากฏอยู่ข้างตัวเครื่อง ชื่อของมันฟังดูคุ้นหูชอบกล เธอไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินชื่อนี้จากบทสนทนาของคุณนายเบเรนีซกับพ่อไหม

แต่พอเรเชล สาวผมแดงที่ปกติจะประจำอยู่ที่ถ้ำพยากรณ์น่าขนลุกของเธอในป่ากับคนสองคนที่โรยตัวลงมาจากเครื่องยนต์อย่างกับฮีโร่ในช่วงไคลแมกซ์เริ่มทักทายกัน โรบินก็ได้คำตอบทันที ชาวค่ายส่วนหนึ่งที่โรบินค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาวิ่งเข้าไปสมทบกับคนกลุ่มนั้น ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ใช่ศัตรู โรบินลดดาบลงและแอบย่องเข้าไปใกล้ๆ เธอใช้ด้ามดาบสัมฤทธิ์ทุบเข้าที่หัวของก็อบลินตัวเขียวที่บาดเจ็บแต่พยายามจะจับต้นขาของเธอจนมันสลายกลายเป็นไอ 

  “เอาล่ะทุกคนอย่าเพิ่งแตกตื่น! กำลังเสริมจากค่ายจูปิเตอร์มาช่วยแล้ว ผมแม่ทัพควินตัส แอนเดอร์สัน และชาวค่ายจูปิเตอร์ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ จะขอสู้ยืนหยัดชาวค่ายฮาล์ฟบลัดทุกคนเอง!! สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!” ชายผมทองร่างสูงในเสื้อสีม่วงที่มีโลโก้สีทองชูดาบขึ้นเหนือหัว เขาตะโกนลั่นพลางแนะนำตัวอย่างรวดเร็วจนได้ยินไปทั้งค่าย

“สู้เพื่อวันพรุ่งนี้!!”

น่าแปลกที่แค่เสียงปลุกใจของควินตัสก็ทำเอาทุกคนกลับมามีแรงฮึดสู้ขึ้นทันที การต่อสู้กลับมาดำเนินไปอีกครั้ง

ทั้งคู่ฟาดฟันกับอสุรกายอย่างดุเดือดด้วยท่วงท่าที่เหมือนได้รับการขัดเกลาจากกองทัพของทหาร โรบินมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกครั่นคร้าม ค่ายจูปิเตอร์หรอ.. น่าสนใจเหลือเกิน!

“โอ๊ยยย เด็กฮาล์ฟบลัดนี่มันยืดยาดกันชะมัด ตั้งใจสู้กันหน่อยเซ่!!” เสียงตะโกนของหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดเสื้อค่ายสีม่วงกับกางเกงสีชมพูดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด เธอพุ่งหอกใส่เวนดิโกตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว 

โรบินได้ยินเสียงก่นด่าดังมาจากไกลๆ แต่วินาทีต่อมาเธอรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่มากขึ้น ดาบในมือเบาหวิว กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอสัมผัสได้ว่าคนอื่นๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน 


“โรบิน! ทางซ้าย!” เสียงอีธานดังลั่นจากด้านขวาเตือนให้เธอระวังตัว เธอรีบหันไปทางซ้ายแล้วกวัดแกว่งดาบเข้าปะทะกับอสุรกายร่างสูงใหญ่ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาจากบนฟ้า กลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนของมันตีเข้าที่จมูกอย่างจัง ก่อนที่ร่างใหญ่โตของมันจะถูกชาวค่ายอีกคนโจมตีกลับจนมันล้มลงกับพื้นแล้วสลายกลายเป็นไอ โรบินวิ่งไปสมทบกับอีธานที่เขตบ้านพักอย่างรวดเร็ว เธอเตะก็อบลินตัวแล้วตัวเล่า หมุนตัวฟันดาบเข้าที่คอของมันเพื่อกันไม่ให้มันทำลายบ้านพักหลังต่างๆ ไปมากกว่านี้

ขณะพยายามมองหาเลนน็อค โรบินเห็นควินตัส แอนเดอร์สัน ยกดาบของเขาอย่างมั่นคง ร่างของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงเรืองรองท่ามกลางสมรภูมิ เธอเห็นจากหางตาว่าเขากับเอลลิสจากบ้านแอรีสพุ่งตรงไปทางทิศที่รูปปั้นอาธีน่า พาร์เธนอสกำลังต่อสู้อยู่ ร่างคล้ายเงาวูบวาบสีแดงปรากฏขึ้นข้างๆ ตัวทั้งสองคน โดยมีไครอนที่ยังผูกโบว์สีแดงเขียวที่หางคอยยิงธนูเสริมพร้อมกับกึ่งมนุษย์กึ่งม้าศึกสีน้ำตาลอีกสองตน

“แด่องค์เทพีเบลโลน่า!” แองเจลิก้ากู่ร้อง “ย้ากกกก!”

“เทพี!?” แน่นอนว่าคำนี้ดึงความสนใจของชาวค่ายฮาล์ฟบลัดทุกคนได้ในทันที ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด มันกลับสามารถกระตุ้นทั้งความหวัง ความโกรธ และความรู้สึกหลากหลายในใจของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพที่ไม่ได้ยินแม้แต่คำอวยพรจากพ่อหรือแม่ผู้เป็นอมตะของตนเองตลอดวันอันยากลำบากนี้


หลังจากเสียงประกาศกร้าวของหญิงสาวผมบลอนด์เลือดร้อน ไม่นานก็มีเสียงกระหึ่มของมอเตอร์ไซค์หลายสิบคันเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่เนินฮาล์ฟบลัด

“เซนาตัส! พอพพูลัสก์! โรมานัส!”

“มาสักทีโว้ย!” เสียงใครสักคนตะโกนขึ้นมา โรบินฟาดโล่เข้าที่ก็อบลินตัวที่พยายามเข้าไปในบ้านพักหมายเลขสิบสาม เธอวางสลักเวทมนตร์สองอันเข้าที่สองมุมหน้าบ้านพักพร้อมขึงสายนำไฟฟ้าเข้าที่มุม

ใช่ มาสักที ทางนี้จะตายกันหมดแล้ว!


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

  


Summary




- กำจัดก็อบลิน (ครั้งแรก) Level 4 : ได้รับสินสงคราม หมวกก็อบลิน


- กำจัดก็อบลิน Level 17 (ครั้งแรก) : ได้รับสินสงคราม หมวกก็อบลิน


- รางวัลร่วมสู้กับชาวค่ายจูปิเตอร์ Level (ไม่เกิน 20) : +2 Levelup


- รางวัลร่วมสู้ศึกสุดท้าย :  100 ความกล้าหาญ


- ไม่รู้ว่าได้ตื่นรู้หรือใส่รางวัลผิดไหม ถ้าไม่ได้ช่วยลบให้ทีค่า ฮ่าๆๆ

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +100 ความกล้า โพสต์ 2024-12-24 00:42
God
คุณได้รับ 200 EXP โพสต์ 2024-12-24 00:42
โพสต์ 37262 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-12-24 00:16
โพสต์ 37,262 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-12-24 00:16
โพสต์ 37,262 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-12-24 00:16

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2024-12-26 22:27:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2025-1-5 21:05


Winter is coming
event : day 3 (22 dec 2024 00.35 AM)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความโกลาหลที่ปกคลุมค่ายฮาล์ฟบลัดเมื่อครู่เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ความเงียบค่อยๆ โรยตัวลงมาปกคลุมเหนือค่ายราวกับหิมะในฤดูหนาว เสียงอาวุธที่กระทบกันค่อยๆ เบาลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ของผู้รอดชีวิต และกลิ่นโลหิตที่ตลบอบอวลไปทั่ว

“เอลลิส..” เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าแบบคนเอเชียหันรีหันขวาง ดวงตาของเขาฉายแววตื่นตระหนกเมื่อพบว่าพี่น้องร่วมบ้านที่หันหลังประจันหน้ากับอสุรกายด้วยกันเมื่อครู่หายไป “เอลลิสอยู่ไหน! เอลลิส!” เสียงของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงตะโกนที่แผ่ไปทั่วสนามรบ

“เอโลอิส!” พร้อมกันกับเสียงดุดันจากชาวค่ายคนหนึ่งในบ้านเฮเฟสตัส เขาเริ่มตะโกนขึ้นบ้าง สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของเด็กสาวผมสีแดงเพลิงที่ค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น

ชาวค่ายค่อยๆ แหวกทางให้เขาทั้งสอง เมื่อทั้งคู่ไปถึงเนินฮาล์ฟบลัด เด็กหนุ่มผิวเข้มค่อยๆ ประคองศรีษะของเอโลอิสขึ้นมาวางบนตักอย่างเบามือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งอก “ยังหายใจอยู่! เธอแค่หมดสติ!”

แต่แจสเปอร์.. โรบินจำเขาได้แล้ว แจสเปอร์ดูเหมือนจะไม่ได้รับความโล่งใจเช่นนั้น เขาทรุดตัวลงข้างร่างของเอลลิส ดวงตาเบิกโพลงด้วยความเจ็บปวด “เอลลิส!” เขาร้องเรียกอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะกลายเป็นเสียงสะอื้นหนักหน่วง “ไม่นะ! ไม่ๆๆๆๆๆ!”

โรบินและชาวค่ายคนอื่นๆ ค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้น ไม่มีใครพูดอะไร ก้อนขมุกขมัวตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอจนจุกแน่นไปหมด

“สรรเสริญแด่วีรบุรุษ เอลลิส เวคฟิลด์!” ไครอนกล่าวด้วยเสียงอันกังวาน ดาบในมือของเขาเปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามอัสดง “บุตรแห่งสงคราม แอรีส! วีรบุรุษผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดในทุกศึกสงครามของค่ายฮาล์ฟบลัด ผู้ไม่เคยหันหลังให้แก่หน้าที่ แม้ในยามที่ความตายอยู่ใกล้แค่ลมหายใจ!”

เสียงของไครอนก้องไปทั่วค่าย แม้จะผ่านการสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ ณ เวลานี้ทุกคนสัมผัสได้ถึงอาการสั่นเครือในน้ำเสียง “เอลลิส เวคฟิลด์ ผู้พิชิตดาบแห่งเซอร์ซี วีรบุรุษแห่งเดนเวอร์ ผู้เผชิญหน้ากับปลาหมึกยักษ์ในวันที่มันบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง และในวันนี้..!”

เซนเทอร์หยุดเพื่อกลืนความเศร้าโศกในน้ำเสียงของตน ก่อนจะกล่าวต่อด้วยความภาคภูมิ

“เอลลิส เวคฟิลด์ ผู้กล้าหาญและเสียสละ ผู้ซึ่งยืนหยัดต่อกรกับจ้าวแห่งเล่ห์กล ณ ดินแดนแห่งเหมันต์ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายได้จากร่าง เขาได้ปกป้องเราและค่ายแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณที่หาใครเปรียบมิได้!”

เสียงสะอื้นจากชาวค่ายดังแว่วขึ้นเมื่อคำพูดของไครอนก้องสะท้อนทั่วพื้นที่ ไครอนยกดาบขึ้นสูงเหนือหัว ควินตัสและชาวค่ายที่เหลือทำตาม ทุกคนชูอาวุธขึ้นด้วยความเคารพ

“สรรเสริญแด่เอลลิส! สรรเสริญแด่วีรบุรุษ!” เสียงแสดงความเคารพดังกึกก้องไปทั่วค่าย

เหนือศีรษะ ร่างสีทองของมังกรพิลีอุสบินวนรอบรูปปั้นอาธีน่า พาร์เธนอส ก่อนจะเกาะลงบนไหล่ของรูปปั้น เปลวไฟสาดส่องท้องฟ้า ราวกับประกาศให้ทั่วทั้งโอลิมปัสรับรู้ถึงการสูญเสียของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

เทพีเบโลน่าปรากฏกายขึ้นจากหมู่ควันรบ ร่างสูงสง่าของเธอก้าวอย่างมั่นคงมายังร่างของเอลลิส ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความเคารพ เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ทรงพลัง

“โอ้ เอลลิส เวคฟิลด์ ผู้สืบสายเลือดแห่งสงคราม เจ้าคือผู้ที่ไม่หวั่นเกรงแม้ความมืดมิด เจ้าคือแสงสว่างในสนามรบ ผู้ที่ยืนหยัดเพื่อศรัทธาและมิตรภาพอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย”

เทพีวางเหรียญดรัคม่าอันไว้บนดวงตาทั้งสองข้างของเอลลิส พร้อมกล่าวต่อ “ข้าขอสรรเสริญเจ้า ในฐานะผู้กล้าหาญที่โอลิมปัสจะระลึกถึงตราบนานเท่านาน ดวงวิญญาณของเจ้าจักเดินทางสู่ทุ่งเอลิเซียม สถานที่ที่ความสงบสุขอันนิรันดร์รอคอย ข้าจะเป็นสักขีพยานว่าเจ้าคือวีรบุรุษที่แท้จริง”

เลนน็อคยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับคุณดี. โรบินเห็นเขาแล้ว เขาโค้งตัวลงนำผ้าสีแดงปักดิ้นสีทองรูปหัวหมูป่าและดาบไขว้สัญลักษณ์ของบ้านพักหมายเลขห้า ค่อยๆ คลุมเหนือร่างของเอลลิสอย่างเบามือ

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ไม่มีเสียงโห่ร้อง ในวันนี้ ชัยชนะของพวกเขาไม่ได้มาพร้อมกับความยินดี แต่เป็นความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียวีรบุรุษผู้เป็นที่รักไปตลอดกาล


ร่างไร้วิญญาณของเอลลิส เวคฟิลด์ ค่อยๆ ถูกลำเลียงเข้าสู่บ้านพักหมายเลขห้าด้วยเตียงชั่วคราวที่สร้างจากเถาองุ่นของคุณดี. ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโศกเศร้า เคารพ และเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ชาวค่ายต่างแหวกทางให้ไครอนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ตามมาด้วยควินตัส แอนเดอร์สัน

ที่หน้าประตูบ้านพัก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่โรบินไม่เคยเห็นมาก่อนยืนรออยู่ เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำคู่กับกางเกงทหารสีกากีและรองเท้าบูทหนัง ดวงตาของเขาสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกถึงสายลมหนาวที่พัดผ่าน เขามองจนเอลลิสหายเข้าไปในประตูบ้านแล้วจึงค่อยตามเข้าไป


“ฮู่ว..” แองเจลิก้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลถอนหายใจออกมาเบาๆ วินาทีต่อมาชาวค่ายต่างทรุดตัวลงกับพื้น บางคนเริ่มเจ็บปวดจากบาดแผลที่กลับมาเป็นปกติหลังจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วง

เหล่าแซเทอร์และเหล่านางไม้เร่งมือช่วยกันจัดซุ้มไว้อาลัยรอบกองไฟแห่งเฮสเทีย ดอกไฮยาซินธ์สีม่วงขาวเบ่งบานขึ้นอย่างเงียบงันจนกลายเป็นซุ้มดอกไม้สวยงาม

ทุกคนช่วยกันพยุงผู้บาดเจ็บกลับไปยังบ้านพักของตนเอง


โรบินถอนหายใจยาว มือของเธอสั่นเทา เธอกดตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ความอ่อนล้าจากการต่อสู้เริ่มถาโถมใส่ เธอหันกลับมามองภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินลากเท้าอย่างเหนื่อยอ่อน

แกรก..

จู่ๆ เท้าของเธอก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง

มันคือหมวกทหารลายพราง สภาพเก่าๆ แต่ยังดูแข็งแรง สภาพเหมือนหมวกเลเวลสองจากเกมพับจีที่เธอกับชาวค่ายหลายคนชอบเล่น หมวกก็อบลิน สินสงครามคุ้นตาเกลื่อนอยู่เต็มพื้นค่าย

โรบินก้มลงหยิบมันขึ้นมาใบหนึ่ง ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้าใส่ในทันที คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวพร้อมกับความผิดหวังสุดขีด เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังโกรธหรือเปล่า เอาตรงๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้จัก เอลลิส เวคฟิลด์ เป็นการส่วนตัว แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าความสูญเสียในวันนี้อาจหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเพียงเหล่าเทพเจ้าแสนอวดดีพวกนั้นลงมาช่วยเหลือในเวลาที่ควรจะเป็น

หมวกในมือถูกกำจนแน่นจนข้อนิ้วซีด โรบินเดินไปหยุดอยู่หน้ากองไฟแห่งเฮสเทีย แสงจากเปลวไฟสะท้อนในดวงตา

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก

“ขอบคุณนะคะ...ที่ไม่คิดจะมาช่วยอะไรเลย”

โรบินเหวี่ยงหมวกเข้าไปในกองไฟ เปลวเพลิงค่อยๆ กลืนกินหมวกจนสลายเป็นควันขึ้นสู่ยอดฟ้า


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

  


แบบฟอร์มถวายเครื่องสักการะ


ชื่อ : โรบิน มิไคเลอร์วิช


ของที่ถวาย : หมวกก็อบลิน


เทพเจ้าที่ถวายของ : เฮอร์มีส


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



Note : - ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเอลลิสเสียชีวิต +15 EXP


(รางวัลน่าจะมีแค่นี้ใช่มั้ยนะ..)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] ไทสัน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 23:57
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ไพเพอร์ แม็กลีน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 22:31
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 22:30
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-04] โซเฟีย คลาร์ก เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 22:30
God
คุณได้รับ 200 EXP โพสต์ 2024-12-26 22:30

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 เหรียญดรักม่า +30 พลังงาน +100 ย่อ เหตุผล
God + 100 + 30 + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2024-12-26 23:29:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-26 23:54

262
ความสูญเสียที่มากเกินไป

               22/12/2024 เวลา 01.00 น.

               ท่ามกลางความโกลาหล ณ ใจกลางค่าย…

               “ขออาสาสมัครไปช่วยเสริมทัพช่วยรูปปั้น ตามผมมา!” แม่ทัพควินตัสตะโกนสั่งอย่างห้าวหาญ ก่อนจะพุ่งทะยานนำไปข้างหน้า ควงหอกฮาสต้านุนเทียสฟาดฟันอสุรกายเปิดทางเมื่อพวกมันเบาบางลง

               คนที่สองที่ออกตัวตามไปคือ เอลลิส เวคฟิลด์ บุตรแห่งแอรีส ส่วนคนที่สามคือ เอลโลอิส เพจ สาวผมแดงเพลิงธิดาแห่งเฮเฟตัส ที่ห้าวหาญเกินกว่าจะเป็นสายเลือดของนักประดิษฐ์

               อสุรกายที่ฝ่าบาเรียเข้ามาภายในค่ายฮาล์ฟบลัดถูกกำจัดไปทีละตัวสองตัวจนบัดนี้เหลือเพียงแค่ตัวสุดท้าย มันคือตัวอะไรไม่รู้ แต่หน้าเหมือนหมาอินคาที่ปลายหางเป็นมือลิง เพราะงั้นขอเรียกมันว่า ‘หมามือลิง’ ท่าทางมันดูไม่ค่อยคล่องแคล่วยังไงไม่รู้เหมือนมาอยู่ผิดถิ่น แต่ช่างเถอะ ถ้าไทสันยังไม่สั่งการบ้านไอ้ตัวนี้ในคาบอสุรกายศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องไปทำความรู้จักมันหรอก

               “ย้าก!!”

               ดาบตรีศูลฟันหมามือลิงตัวขาดจากกันเป็นหลายท่อน ร่างกายของมันสลายกลายเป็นฝุ่นในพริบตา

               “เฮ้!!”

               เสียงกู่ร้องดีใจหลังจากที่อสุรกายตัวสุดท้ายถูกกำจัดดังขึ้น ทว่ายังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้จากฉากนี้.. ตัวต้นเรื่องอย่างเทพโลกิยังคงยิงแสงสีเขียวใส่รูปปั้นของเทพีอะธีน่าเพื่อฝ่าไปเอาขนแกะทองคำอยู่เลย คงต้องฝากความหวังเอาไว้แก่ผู้กล้าทั้งสามแล้วล่ะ

               วูบ…

               ดีนโซเซอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาเปลี่ยนสภาพจากดาบสามง่ามมาเป็นหอกตรีศูลอย่างรวดเร็วเพื่อคำยันตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม

               @Mackenzie

               “ไม่แมคซี… ฉันไม่ได้บาดเจ็บ”

               ดีนหน้าซีด เขาพูดด้วยน้ำเสียงโรยแรง ตอนนี้ชายหนุ่มเห็นภาพตรงหน้าเบลอไปหมด เหมือนสติสตางค์จะดับเสียให้ได้ มันคืออาการของคนที่พักผ่อนน้อยเกินไป กอปรกับก่อนหน้านี้ประมาณสี่ชั่วโมงที่แล้ว เขาเพิ่งถูกหน่วยพยาบาลฉีดยานอนหลับให้ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาสู้ต่อเพราะเสียงแตรเขาสัตว์ที่แซเทอร์เป่าดังระงมจนแม้แต่ยานอนหลับยังต้องยอมแพ้ สารเคมีที่ชวนง่วงจึงยังตกค้างอยู่ในร่างกาย

               “ฉันคิดว่าฉันต้องพักสักหน่อย…”

               @Mackenzie

               ดูเหมือนว่าตอนนี้บ้านพักของพวกเขาทั้งสองจะได้รับความเสียหายเกินกว่ากำลังในขณะนี้จะเยียวยาแก้ไขได้ทันจะไปซุกหัวนอนในคืนแรก ดังนั้นหากไม่ไปพักที่บ้านเฮอร์มีสที่มีเตียงรับรองเหล่าผู้มาเยือนอย่างเพียงพอ (ซึ่งคงมีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้เตียงของบ้านนี้มีอยู่อย่างไม่จำกัด) ก็คงต้องนอนหลับหน้ากองไฟเฮสเทียที่ส่องแสงสว่างท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด (แม้ฟ้าไม่มืด แต่เหมือนจิตใจของทุกคนในตอนนี้จะมืดดับ) ให้ช่วยคลายความหนาวจากเหมันต์ฤดูได้อยู่บ้าง

               หน่วยแพทย์เข้ามาดูอากาศของดีนจึงทำให้เขายังกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนรวมบ้านเฮอร์มีสไม่ได้ แอมโมเนียกลิ่นฉุนถูกส่งให้คนที่คล้ายจะเป็นลมสูดดม ดีนเคยคิดว่าสารเคมีนี้โคตรเหม็นมาโดยตลอด ทว่านาทีนี้เขากลับโหยหามันอย่างประหลาด บุตรแห่งโพไซดอนนั่งซบหัวพิงไหล่ของแมคเคนซีตาเกือบปิด ในขณะที่ร่างกายกำลังจะชัตดาวน์ตัวเอง ดูเหมือนว่าเหล่ากลุ่มคนที่ไปสู้ที่หน้ารูปปั้นอะธีน่าพาเธนอนจะกลับมาพร้อมชัยชนะ ทว่ากลับไร้เสียงโห่ร้องยินดีให้ได้ยิน

               @Mackenzie


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

               ฝูงชนบริเวณรอบกองกองไฟแหวกทางออก หน่วยพยาบาลฝ่ายเปลสนามแบกร่างหนึ่งเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้ากองไฟแล้ววางลง ขณะที่มองผ่านแสงของเปลวเพลิงอันสงบในระยะห่างที่ไม่เรียกว่าใกล้นัก แต่ก็ชัดเจนว่าร่างนั้นคือ เอลลิส บุตรแห่งแอรีส… เขานอนนิ่งไม่ไหวติง จากที่เคยรู้จักกันมาแม้จะถูกเหม็นขี้หน้าจนทำให้ไม่กล้าเข้าหา แต่ดีนมั่นใจว่าผิวกายของบุตรแห่งสงครามสีเข้มและมีชีวิตชีวามากกว่านี้ ทว่าบัดนี้ทั้งใบหน้า และฝ่ามือกลับกลายเป็นสีขาวราวกับไร้เลือด

               เสียงกีบม้าย่ำตามมา นั่นคือคุณไครอน ผู้อำนวยการค่ายฮาล์ฟบลัดในชุดเกราะออกรบเต็มยศ ตามร่างกายอันกำยำของนักรบเซ็นทอร์เต็มไปด้วยบาดแผลรอยขีดข่วน ขาหน้าทั้งสองของอาชาย่อลงคุกเข่า ไครอนถอดหมวกเกราะของเขาออกวางไว้ข้างกับร่างที่นอนนิ่ง ก่อนจะยื่นมือไปลูบดวงตาที่เปิดปรือของเด็กหนุ่มในสีหน้าไร้อารมณ์ ทั้งที่ปกติเอลลิสมักจะทำหน้าบึ้งตึงโมโหตลอดเวลาเป็นภาพจำของแทบทุกคน ดีนเห็นไหล่ของผู้อำนวยการสั่นไหว ราวกับว่าเขากำลังข่มใจไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา

               @Mackenzie

               “เขาตายเหรอ?...”

               ใครบางคนในฝูงชนเอ่ยขึ้น เรียกเสียงฮือฮาออกมาจากชาวค่ายคนอื่น ๆ จากนั้นสุ้มเสียงอื่นก็ดังระงมอื้ออึง

               “ไม่จริงน่า….”

               “ต้องล้อเล่นกันแน่ ๆ”

               “เอลลิสเนี่ยนะ!!”

               “ขอทาง!! ขอทางหน่อย!!!” ชายคนหนึ่งพยายามแหวกดันฝูงชนออกมา เขาคือแจสเปอร์ บุตรแห่งแอรีสอีกคน ที่ตอนนี้เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นควัน คราบเลือด และเหงื่อไคล เสื้อยืดสีส้มสัญลักษณ์ของฮาล์ฟบลัดขาดรุ่งริ่ง เขาถลาตัวมาที่ด้านหน้าศพของน้องชายร่วมสายเลือด ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ “ไม่!! เอลลิส ไม่จริง!!! นายตื่นขึ้นมาสิ!!!”

               ภาพดังกล่าวสะเทือนใจทำให้ใครหลาย ๆ คนร้องตาม จนบัดนี้รอบกองไฟเฮสเทียเต็มไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น

               ดีนที่เห็นภาพดังกล่าวในกรอบสายตาเกิดอาการช็อค เนื้อตัวของเขาสั่นไหวไปหมด จับมือใหญ่ของแมคเคนซีบีบเอาไว้พร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่อีกฝ่ายพยายามไม่มอง ตอนนี้เขารู้สึกจุกหน่วงเกินกว่าจะหลั่งน้ำตา ริมฝีปากได้เพียงแต่เรียกชื่อคนรักด้วยเสียงอันแผ่วเบาและแหบแห้ง “แมคซี่…”

               @Mackenzie

               “บ้าน่า… เป็นไปได้ยังไง…”

               อีกหนึ่งคนที่ยืนอึ้งไม่แพ้กัน คน ๆ นั้นคือซันซ์ บุตรแห่งโพไซดอน ใบหน้าคมเข้มของหนุ่มละตินซีดเผือด เพราะเขาเพิ่งจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอลลิสที่ทะเลสาบเมื่อหัวค่ำวันนี้นี่เอง ในขณะที่กำลังช็อคอยู่นั้น สายตาของซันซ์ก็เหลือบไปเห็นสายเลือดของตัวเองนั่งหลบมุมอยู่กับแฟนหนุ่ม จึงพาร่างที่แข้งขาที่เกือบจะก้าวไม่ออกไปหาดีน

               “ดีน แมคเคนซี.. หวัดดี” หนุ่มเชื่อสายละตินใบหน้าเปื้อนกระเอ่ยเสียทักทั้งสอง ด้วยสีหน้าของคนตระหนกไม่ต่าง แต่ก็ยังพอมีกะจิตกะใจจะทักทาย หลังเสียงทักนั้นดีนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะอ้าแขนทั้งสองข้างออก ซันซ์รู้ทันทีว่าพี่ชายต้องการอะไรจึงเข้าไปสวมกอด

               @Mackenzie

               “ซันซ์ โล่งอกไปทีที่นายปลอดภัย” ชายหนุ่มซบหน้าลงกับไหล่ของน้องชายเมื่อสวมกอด ตอนที่เห็นว่าเอลลิสตายเขากลัวแทบแย่ว่าจะมีใครเป็นอะไรไปอีกไหม กลัวที่สุดคือคน ๆ นั้นจะเป็นพี่น้องของตัวเอง “นายเห็นไทสันไหม?”

               “ไม่… ไม่เลย” ซันซ์ตอบกลับเสียงเครียด เพราะชายหนุ่มก็เป็นห่วงสายเลือดของตัวเองไม่แพ้ใคร “แล้วทางบ้านนายเป็นไงบ้างแมคเคนซี” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หันหน้าไปทางบุตรแห่งเฮคาที โดยที่มือก็ลูบสีข้างปลอบดีนไม่หยุดชนิดที่แยกไม่ออกว่าใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่

               @Mackenzie

               “ถ้าปลอดภัยกันดีก็โล่งอก…” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น อาสาสมัครจากโรงครัวก็นำอาหารมาแจกจ่ายชาวค่ายผู้ประสบภัยที่กองไฟเฮสเทีย ซันซ์จึงผละกอดออกแล้วส่งคืนพี่ชายให้แมคเคนซี “วันนี้ฉันทำตัวไร้ประโยชน์มาก ขอไปช่วยแจกอาหารให้คนอื่นก่อนดีกว่า” เขากล่าวแค่นั้นก่อนจะลุกออกไป

               .
               .
               .

               แต่เพียงไม่นานก็ดูเหมือนจะมีคนใหม่มาแทนที่ซันซ์…

               เดมอน แคนเนลท์ บุตรแห่งอะโฟร์ไดท์บาดเจ็บที่ขา ทว่าอีกฝ่ายยังค้ำไม้เท้าเดินกะเผลกออกมา คนเจ็บควรพัก ไม่รู้ว่าออกมาทำไม หรือบางทีข่าวการตายของเอลลิสอาจดังไปถึงสถานพยาบาล ซึ่งหากเป็นเหตุผลนั้นคงไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายจะออกมา เพราะเอลลิสเป็นถึงแฟนพี่สาวของเขา อลิเซีย คอร์เนตี้..

               พอเห็นคนรู้จักดีนจึงเรียกชื่ออีกฝ่าย “เดมี่ ทางนี้!!”

               @Daemon

               “พวกนายเคยรู้จักกันหรือยังนะ?” เห็นทีว่าตัวกลางอย่างดีนต้องแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน “แมคซี่ นี่เดมี่… ส่วนนี่แมคซี่ นะเดมี่ เขาเป็นแฟนฉัน”

               @Mackenzie

               @Daemon

               หลังแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยฝ่ายบริการอาหารก็ยกมาเสิร์ฟ คน ๆ นั้นคือ ไทสัน ไซคลอปส์ผู้เป็นบุตรแห่งโพไซดอนอีกคนนึง “อาหารมาเสิร์ฟแล้ว พวกนายคงเหนื่อยกันมามาก กินกันไปก่อน”

               บนมือของรุ่นพี่ไซคลอปส์ถือถาดอาหารเตรียมแจกจ่าย บนนั้นมีถ้วยซุปครีมข้นและขนมปังบาแก็ตอบใหม่ปักอยู่ถ้วยละชิ้น เมื่อเห็นว่าใครมาดีนก็ลุกพรวดขึ้นสวมกอดอีกฝ่ายทันที ไซคลอปส์ได้แต่เบี่ยงถาดหลบทำเอาถ้วยซุปเกือบจะกระฉอกออกมา

               “ไทสัน ดีใจจังที่นายปลอดภัย”

               “ฉันก็ดีใจเหมือนกันดีนที่เห็นนายยังอยู่ตรงนี้” ไทสันได้แต่เพียงอมยิ้ม ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่รู้เลยว่าควรจะปั้นหน้ายังไง ความจริงแล้วหลังศึกสงครามใหญ่ คนในค่ายควรได้เฉลิมฉลองยินดี แต่ในเมื่อวันนี้เกิดการสูญเสียความยินดีเหล่านั้นจึงสูญตาม “แต่ว่า.. รับอาหารไปก่อนเถอะ”

               “โอ้ โทษที มัวแต่ดีใจเลยลืมไปเลย” ดีนผละกอดออกจากนั้นจึงรับถ้วยซุปมาดี ๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะกินอะไรแทบไม่ลง

               “พวกนายก็ด้วยนะ กินบำรุงกันหน่อย กินของร้อน ๆ ก่อนนอนเผื่อจะได้หลับสบายขึ้น” ไทสันผู้ใจดีบอกแก่รุ่นน้องทั้งสอง เมื่อแจกจ่ายอาหารกับคนกลุ่มนี้เสร็จเขาก็ขอตัวไปช่วยเสิร์ฟอาหารต่อ

               @Mackenzie

               @Daemon

               “แล้วนายเป็นไงบ้างเดม่อน… นายหายไปไหนมาตั้งหลายเดือน ฉันควรจะได้รู้เรื่องราวของนายในฐานะคนที่ช่วยโกหกใช่ไหม?”

               @Mackenzie (ขอปลีกตัวออกมา)

               “อะ อืม.. งั้นไว้เดี๋ยวเจอกันที่รัก” ดีนยิ้มตอบแมคเคนซีด้วยรอยยิ้มแหยก่อนที่อีกฝ่ายจะขอปลีกตัวออกมา มีเวลาให้เดม่อนเรียบเรียงเรื่องราวอธิบายเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายหายตัวไป

               @Daemon

               ดีนฟังสิ่งที่เดม่อนเล่าอย่างตั้งใจ ส่วนมือก็หยิบชิ้นขนมปังจิ้มซุปเข้าปากกินไปด้วย ถึงจะบอกว่ากินอะไรไม่ลง แต่พออาหารเข้าปากคำนึง คำต่อ ๆ ไปมันก็ตามมาไม่หยุด ซุปร้อน ๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นตามที่ไทสันบอก รวมถึงอาการง่วงซึมเมื่อก่อนหน้าก็ดูจะหายไปชั่วคราวราวกับได้พาวเวอร์แบกง์มาชาร์จแบ็ต

               “ตายหอง.. แบบนี้ลินี่ก็รู้แล้วสิว่าฉันโกหกน่ะ” ดีนอ้าปากค้าง ขนมปังในมือหล่นต๋อมลงไปในถ้วยซุปเมื่อฟังถึงตอนที่เดม่อนเล่าว่าเขากลับมาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดได้ยังไง ดีที่ตอนนี้ลิเลียน่าไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเขามีหวังถูกบ่นจนหูชาแน่ ๆ “แต่ก็ดีแล้วที่นายปลอดภัยนะเดมี่”

               @Daemon

               “ฉันเหรอ? ก็สบายดี หลังจากกลับมาจากภารกิจก็หาอะไรทำเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่ก็รับเควสเล็ก ๆ จากกระดานมาทำ อย่างถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวอะไรแบบนี้…” ชายหนุ่มพยายามนึกว่า ระหว่างที่เดม่อนออกไปผจญภัยคนเดียวเกิดอะไรขึ้นในค่ายบ้าง “แล้วก็.. หลังกลับมาจากภารกิจไม่นาน สักเดือนนึงหลังจากนั้นได้มั้ง… ยีเมียร์ก็มาบุกค่ายคล้าย ๆ กับคราวนี้แต่กำลังพลน้อยกว่า ค่ายเลยไม่ได้เสียหายหนักขนาดนี้… ฉันเล่าแค่คร่าว ๆ ก็แล้วกัน ถ้าอยากรู้รายละเอียดนายลองไปถามลินี่ดู หรือไม่ก็บันทึกที่ห้องคุณไครอนน่าจะมีเก็บไว้นะ”

               @Daemon

               “แล้วหลังจากนี้นายจะเอายังไงต่อ.. ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ไม่ยอมตกก็น่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าด้วย พ่อบอกว่าอะพอลโล่คงเล่นสนุก แต่ฉันแอบได้ยินคุณดีกับคุณไครอนคุยกันว่าอาจเกิดเหตุอะไรบางอย่างกับเทพีนิกซ์ก็ได้…”

               @Daemon
               
               “ไม่… ไม่เอา” ดีนส่ายหน้าดิ๊กปฏิเสธ เขายังหลอนกับภารกิจครั้งก่อนที่ทำพลาดครั้งใหญ่อย่างการส่งคธูลฮูให้แก่โลกิ จนเกิดเป็นบาดแผลในใจครั้งใหญ่จนหวาดกลัว “ไม่ทำภารกิจอีกเด็ดขาด คราวที่แล้วฉันก่อเรื่องไว้หนัก ยังไม่รู้เลยว่าจะชดใช้ความผิดของตัวเองยังไง ถึงพ่อจะไม่ด่าก็เถอะ…”

               และดีนรู้ว่าที่พ่อไม่ด่าเป็นเพราะเขากับไบร์ทคือคนที่ไปรายงานภารกิจและส่งมอบตรีศูลคืนแก่โพไซดอน หากเป็นเด็กคนอื่นที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงล่ะก็… เขาไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นจะถูกโทสะของมหาเทพเล่นงานขนาดไหน หากแค่ถูกด่าคงดีไป…

               “อีกอย่าง..” ดีนปรายตามองไปทางเจ้าหน้าที่ค่ายที่กำลังแต่งศพของเอลลิสอยู่ ณ มุมหนึ่งที่ไม่ไกลจากนี้ แม้การออกไปทำภารกิจหลายครั้งจะสาหัส แต่ก็ไม่มีคนตายจนเผลอย่ามใจ “เรื่องวันนี้มันทำให้ฉันรู้ว่า… พวกเราตายกันได้ง่าย ๆ เลยนะ”

               เขาเม้มปาก ก่อนจะกินซุปที่เหลือจนหมด

               @Daemon

               “นายก็พักผ่อนเยอะ ๆ ล่ะเดมี่..” ดีนยิ้มให้เพื่อนรุ่นน้อง “อ้อ ลืมบอกอย่างนึง คุณเอลี่เธอก็กลับมาค่ายกับเราด้วย ตอนนี้เหมือนกับกำลังทำงานเป็นครูฝึกคลาสดาบโล่อยู่ ยังไงก็อย่าลืมไปทักทายเธอล่ะ”

               ชายหนุ่มโบกมือลาอีกฝ่าย และพอเดม่อนจากไป ดวงตาสีเปลือกไม้ก็ไล่มองหาแมคเคนซีจนพบว่าอีกฝ่ายกำลังรวมกลุ่มอยู่กับพี่น้อง ทั้งซิลเวอร์และจูลี่ก็ยังอยู่ครบ และดูเหมือนว่าไม่มีใครบาดเจ็บอะไร จนกระทั่งแมคเคนซีมองมาทางนี้ สายตามองสบกันอีกฝ่ายถึงได้เดินเข้ามาหา

               @Mackenzie

               “อืม คุยกันเรียบร้อย… แล้วจูลี่กับซิลเวอร์เป็นไงบ้าง” พูดจบก็หาวออกมายาว “แมคซีฉันง่วงอีกแล้ว ดูเหมือนว่าคืนนี้เราต้องเปลี่ยนบ้านนอนไปที่กระท่อมเฮอร์มีสนะ”

               @Mackenzie

               เมื่อตกลงกันได้แล้วดีนก็วางถ้วยซุปลงปล่อยตรงนั้น เดี๋ยวสักพักคงมีแซเทอร์มาตามเก็บถ้วยชามให้เอง ในตอนนี้เขาง่วงเกินกว่าจะคิดเรื่องเหล่านั้นอีกแล้ว จากนั้นทั้งสองก็ประคองกันเพื่อไปพักผ่อนที่บ้านพักหมายเลขสิบเอ็ดเป็นการชั่วคราวเป็นเวลากี่วันไม่อาจทราบ จนกว่าที่บ้านทั้งสองหลังจะถูกซ่อมแซมให้พอกลับไปนอนพักอาศัยได้

.
.
.

END CREDIT


               เรเชล อลิซาเบธ แดร์ มนุษย์ธรรมดาเพียงไม่กี่คนในค่ายฮาล์ฟบลัด นั่งอยู่ ณ ส่วนหนึ่งของกองไฟเฮสเทียด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย เธอคือหนึ่งในผู้ประสบภัยวันนี้ บ้านถ้ำที่น่ารักถูกอสุรกายก่อกวนจนข้าวของเสียหาย และคงใช้กระท่อมเฮอร์มีสเป็นที่ลี้ภัยเหมือนกับเดมิก็อดคนอื่น ๆ ทว่าในใจของผู้พยากรณ์เดลฟีมีเรื่องให้หนักอกเยอะกว่าคนอื่น ๆ คำพยากรณ์หลากหลายที่ไม่มีเดมิก็อดมารับไปทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด ที่อึดอัดก็เพราะว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าเทพเจ้าจะให้คำทำนายใดออกมาบ้าง

               ร่าง ๆ หนึ่งเดินตรงไปที่หญิงสาวก่อนจะนั่งลงเคียงข้าง เธอคนนั้นคือ แองเจลิก้า ฮาร์ดี้ ธิดาแห่งมาร์ส ชาวนิวโรมผู้มาช่วยเหลือค่ายฮาล์ฟบลัดจากเทพโลกิผู้ชั่วร้ายหญิงสาวไขว่ห้างบนก้อนหินด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้อยู่ในอาการโศกเศร้าเหมือนชาวค่ายคนอื่น ๆ แม้งานนี้จะมีคนตายเป็นถึงบุตรแห่งแอรีส หรือพูดอีกทีคือพี่น้องร่วมสายเลือดของเธอเอง ผิดแค่ต่างภาคกัน.. และคนอย่างแองเจลิก้าก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคนตายที่ไม่รู้จัก อย่างไรเสียความตายก็ช่างเป็นสิ่งที่ชินชาเหลือเกินสำหรับนักรบนิวโรมที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

               “ไง แม่หมอ ช่วยดูดวงให้ฉันหน่อยได้ไหม พอดีว่าที่ค่ายจูปิเตอร์ไม่มีอะไรแบบนี้น่ะ แค่ดูดวงขำ ๆ ฉันไม่แย่งภารกิจพยากรณ์จากพวกฮาล์ฟบลัดหรอกน่า”

               “ได้สิ..” เรเชลตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เสียดายนิดหน่อยที่คนมาขอดูดวงไม่ใช่เดมิก็อดฮาล์ฟบลัด ซึ่งหากใช่เธออาจจะยัดคำพยากรณ์ให้เขาสักบทเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นภายในหัวออกไปบ้าง

               แม่หมอแห่งฮาล์ฟบลัดนำไพ่ทาโรต์ชุดนึงออกมา แล้วใช้ขอนแม้แถวนั้นแทนโต๊ะดูดวง การทำนายไพ่เริ่มขึ้น ส่วนใหญ่คำทำนายแก่ธิดาแห่งมาร์สจะเกี่ยวกับเรื่องของความรักและการเดินทาง แองเจลิก้ากอดอกฟังคำทำนายด้วยรอยยิ้มมุมปากคล้ายกับยิ้มเยาะ ที่บอกว่าตรงน่ะใช่ แต่ชีวิตของเดมิก็อดก็ต้องผจญชะตากรรมคล้าย ๆ กันหมด เดินทาง.. ต่อสู้.. เดินทาง…

               จนกระทั่งเปิดไพ่ใบสุดท้ายออกมา ด้านหน้าได้มีไพ่สามใบเรียงกัน The Hermit, 6 of Cups และ Judgement เรเชลชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะบอกคำทำนายสุดท้าย

               “ไพ่ฤๅษีสื่อถึงการเดินทาง คุณจะได้เดินทางไปในที่ที่แสนไกล..”

               “ภารกิจล่ะสิ เมื่อกี้เธอก็พูดแบบนี้ในหมวดหมู่ดวงทั่วไป” แองเจลิก้าพูดแทรก สายตาไม่ได้จับจ้องไปยังไพ่แต่เพ่งมองไปที่เล็บมือสีชมพูของตัวเองที่ตอนนี้รอกร่อนจากการต่อสู้ น่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่เติมสีใหม่ไม่ได้ในตอนนี้

               “ใช่ค่ะ” เรเชลพยักหน้าก่อนอธิบายต่อ “ไพ่ใบต่อมา หกถ้วย… หมายถึงความทรงจำในอดีต การกลับไปหาครอบครัว หรือครอบครัวกลับมาหา คุณจะได้พบกับส่วนหนึ่งของสายเลือดที่แดนไกลในภารกิจ”

               “อาฮะ แล้วไงต่อ ยังเหลือไพ่อีกใบนึงนี่..” แองเจลิก้าพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ

               “ไพ่ใบสุดท้าย การพิพากษา… หมายถึงการตื่นรู้หรือการฟื้นคืนของบางสิ่ง เช่น การค้นพบพี่น้องที่ถูกลืมไป และการเรียกให้กลับมาสู่สิ่งที่เป็นบ้านหรือจุดเริ่มต้น”

               “สรุปก็คือ… เดี๋ยวฉันจะได้รับภารกิจแล้วเจอน้องร่วมสายเลือด พอถึงเวลานั้นให้พากลับไปที่กองร้อยด้วย?” หญิงสาวหัวเราะ “จะบ้าเหรอ ระบบของจูปิเตอร์ไม่เหมือนกับฮาล์ฟบลัดนะยะ! หน้าที่นั้นเป็นของแม่ลูปาฉันไม่เกี่ยว”

               ทว่าเรเชลส่ายหน้า “สถานที่ที่คุณต้องส่ง.. ไม่ใช่บ้านหมาป่าแต่คือค่ายฮาล์ฟบลัดค่ะ”

               ได้ยินแบบนี้ธิดาแห่งมาร์สยิ่งขำหนัก “เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะยะ! อ่ะ ดูหมอต้องมีค่าครูใช่ไหม? ฉันไม่มีดรักม่าน่ะ มีแต่ดีนาเรียส ถ้าใช้ไม่ได้งั้นเอาดอลลาร์ไปแล้วกัน”

               พูดจบแองเจลิก้าก็วางเงินจำนวนหนึ่งซึ่งถือว่ามากอยู่ตรงหน้าเรเชล จากนั้นจึงเดินออกมา ไม่ได้ใส่ใจกับคำทำนายที่ได้รับเมื่อครู่นี้ สำหรับเธอแล้วช่างเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็แก้เบื่อได้ดีในระหว่างที่รอแม่ทัพควินตัสจัดการธุระที่ฮาล์ฟบลัดเสร็จก่อนจะบินกลับไปซานฟรานซิสโก




ตื่นรู้ +2 จากการพิชิต [อะฮุยโซตล์] ครั้งแรก
สินสงคราม: ขนอะฮุยโซตล์ 3 ชิ้น

รางวัลร่วมสู้ศึกสุดท้าย:  100 ความกล้าหาญ
รางวัลจบงานปาร์ตี้ (เฉพาะคนร่วมปกป้องค่าย):
+100 พลังน้ำใจ / +30 ดรักม่า / +3 Point
+500 เกียรติยศ และ 500 ความกล้าหาญ
+100 พลังงาน กินอาหารในงานเลี้ยงจนอิ่ม

+ความสัมพันธ์กับ NPC รุ่นพี่ทุกคนที่อยู่ค่าย 50 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

Daemon  Kannel22 · ธันวาคม · 2024  · 01.00 น.               ท่ามกลางความโกลาหล ณ ใจกล  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-30 19:03
60. AfterThe winter solstice War-22.12.24  /  01:00AM.-[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]หลังจากการต่อสู้ที่กินเวลายืดเยื้อไปกว  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-26 23:59
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] ไทสัน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 23:57
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-04] โซเฟีย คลาร์ก เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 23:42
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] คริสโตเฟอร์ บราวน์ เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-12-26 23:41

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 เหรียญดรักม่า +30 พลังงาน +100 ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 100 + 30 + 100 + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้