แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-5-5 18:04
112 คำแนะนำจากรุ่นพี่
ตั้งแต่ได้รับสารแปลก ๆ จากบิดาเทพก็ทำให้ดีนคิดไม่ตก เขาเอาแต่ใจลอยแล้วก็เดินวนไปวนมาอยู่บริเวณสวนหย่อมส่วนกลางที่ล้อมกองไฟเฮสเทียเอาไว้ ชายหนุ่มได้แต่หวนคิดถึงสุ้มเสียงของบิดาที่ส่งตรงถึงโสตประสาทอย่างรุนแรงจนเลือดกำเดาไหล
ตรีศูล.. ตรีศูล.. ตรีศูล.. ตรีศูล.. ตรีศูล.. ของข้า! ใครบังอาจ.. ใครบังอาจ.. ใครบังอาจ ขโมยไป!! ▓▓▓ จักต้องชดใช้!!!...
‘ใครจะต้องชดใช้นะ?’
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก ถ้าแบบนี้แปลว่าเทพโพไซดอนรู้อยู่แล้วงั้นเหรอว่าใครคือหัวขโมย? แม้ว่าดีนจะพยายามสื่อสารกับรูปปั้นมากเท่าไรก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาอีกเสียด้วยสิ
ซึ่งท่าทางกระวนกระวายใจนั้นอยู่ในสายตาของคน ๆ หนึ่งมาโดยตลอด
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
มือของคนที่ทักวางแตะบนไหล่ ทำเอาคนที่กำลังใจลอยอยู่สะดุ้ง ใจแทบจะร่วงไปกองอยู่กับพื้น ดีนแสดงอาการแพนิกอย่างชัดเจน
“เหวอ!?!”
“ใจเย็น ๆ ฉันเอง” เล่นทำเอาคนทักสะดุ้งตาม เมื่อหันไปมองถึงได้เห็นว่าเธอคือรุ่นพี่ไพเพอร์ ธิดาแห่งอะโฟรไดท์ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดสวยงามเหมือนสาวมีนเกิร์ลแต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงไหลเหมือนมารดาจนต้องหลบตา “เธอดู… ค่อนข้างจะกังวลนะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม? ดีน.. ชื่อนี้ใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ครับ ผมดีน.. สวัสดีรุ่นพี่ไพเพอร์ ไม่คิดว่าคุณจะจำผมได้”
นับตั้งแต่วันที่เขาและเธอพบกันครั้งแรกก็ผ่านมาแล้วเป็นเดือน จะว่าอีกฝ่ายเป็นคนความจำดีได้ไหมนะ คงไม่ใช่ว่าเพราะเขาหน้าตาดีจนทำให้ทั้งชื่อและหน้าติดอยู่ในความทรงจำของเธอหรอกนะ ว่าไปนั่น.. คนสวยอย่างรุ่นพี่น่าจะจดจำเขาในภาพลักษณ์ของ ‘ตาแว่นหนวด’ มากกว่า ซึ่งไม่ต่างจากตอนนี้เลย
“อื้ม จำได้สิ” หญิงสาวคลี่ยิ้มให้ “บุตรชายแห่งโพไซดอนค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่นะ เป็นคนเต้นเก่ง ดื่มหนักอย่างกับว่าเป็นบุตรของเทพไดโอนีซุส แล้วก็อะไรอีก..” ไพเพอร์ทำหน้านึกซึ่งดีนแทบอยากจะอยากเอาหน้ามุดดิน ถึงทุกอย่างจะเป็นความจริงแต่ก็ช่วยจำเขาในภาพอื่นที่ดีกว่านั้นหน่อยเถอะ “เธอเป็นผู้จัดการบ้านโพไซดอนด้วยนี่ใช่ไหม? ขอแสดงความยินดีด้วยนะ แล้วยังตลุยทำภารกิจที่เฮติเพียงลำพังอย่างบ้าบิ่นเพราะอยากช่วยคุณแม่อีกด้วย เป็นการกระทำที่กล้าหาญมากเลย”
“ขอบคุณครับ.. แต่ว่าคุณรู้เรื่องที่เฮติด้วยเหรอ?”
“อือฮึ” ไพเพอร์พยักหน้าก่อนจะตอบ “ได้ยินเด็ก ๆ ที่โรงอาหารคุยกันน่ะ”
“อ๋อ เออใช่ ผมเคยไปเล่าไว้นี่นา..”
คงเป็นช่วงก่อนวันเอพริลฟูลเดย์ แต่ไม่คิดเลยนะว่าเรื่องโม้ที่มีทั้งจริงและเท็จจะไปเข้าหูเหล่ารุ่นพี่ด้วย ถ้างั้น.. บางทีโซเฟียก็อาจจะรู้แล้วเชิดหน้ายิ้มยืดอกภูมิใจแล้วเคลมว่า ‘ลูกศิษย์ฉันเอง’ ก็เป็นได้… ก็แค่คาดเดา เธอเคยบอกเขาว่าที่เธอทำให้เขาเป็นหอกได้เพราะว่าตัวเธอนั้นเก่ง ถูกต้องตามนั้นไม่เกินจริง แต่คิดถึงใบหน้าหยิ่งยะโสนั้นทีไรก็รู้สึกคันในใจแทบทุกที
“แล้วก็ยังจำได้ด้วยนะว่าเธอบอกจะเข้าเรียนคลาสมีดสั้นของฉัน แต่ความจริงคือหายต๋อม”
“โอ้!” ดีนลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยรับปากรุ่นพี่ไพเพอร์เอาไว้เมื่อตอนเจอกันครั้งแรก “โทษที คือว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ภารกิจรัดตัวไปหน่อย”
…ได้แต่ยิ้มแห้งแก้ตัว
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ตอนนี้เธอจะน่าจะมีฝีมือมากพอที่จะเอาตัวรอดในภารกิจแล้ว แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ” รุ่นพี่สาวคลี่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เธอสวยมากจนเขาสบตาแทบไม่ได้เลย “จริงสิ เราหาที่นั่งคุยกันหน่อยไหม? สีหน้าเธอดูแบบว่า.. มีเรื่องมากมายในใจเลย แล้วพวกเรายืนแบบนี้กันนานไปแล้ว”
“จริงอย่างที่คุณพูดเลย ถ้าจะนั่งคุยกันเดี๋ยวผมเลี้ยงน้ำ คุณดื่มน้ำอัดลมได้ใช่ไหม? ผมจะไปเอาจากในบ้านมา”
“เลี้ยงน้ำด้วยเหรอ เกรงใจจัง ฉันดื่มอะไรก็ได้จ้ะ” หญิงสาวเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าขึ้นทัดหูด้วยท่าทีเกรงใจ “ถ้าเธอไปเอาเครื่องดื่มถ้าอย่างนั้นฉันไปนั่งรอตรงนั้นนะ”
กล่าวจบไพเพอร์ก็ชี้นิ้วไปทางม้านั่งยาวใต้ต้นไม้ที่อยู่ริมทางเดินที่ต้นหญ้าถูกดอกแดนดีไลออนขึ้นปกคลุม เป็นมุมที่ค่อนข้างร่มรื่นเลยทีเดียว
“โอเคครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมมา” ดีนเอ่ยบอกก่อนจะเดินกลับไปที่กระท่อมหมายเลขสาม ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเขาก็กลับมาพร้อมกับน้ำอัดลมสองกระป๋อง “เลม่อนโซดา กับ โคล่า รุ่นพี่เอาอะไรดี?”
“เอาเป็นกระป๋องนี้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรุ่นพี่บ้านอะโฟรไดท์ชี้นิ้วแตะไปยังกระป๋องน้ำอัดลมสีฟ้าเขียว เมื่อรู้ว่าเธอจะดื่มอะไรดีนก็เปิดกระป๋องเลม่อนโซดาให้จากนั้นก็ยื่นส่งให้เธอ สีหน้าของไพเพอร์ดูจะประหลาดใจไม่น้อย “ขอบคุณ บริการดีนะ”
“อ้อ…”
ชายหนุ่มหลุดอุทานเพียงสั้น ๆ บางทีก็ลืมตัวไปเลยจนเผลอไปเปิดกระป๋องน้ำอัดลมให้อีกฝ่าย ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขามีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงและดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะมีปัญหากับการเปิดน้ำอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มกระป๋องหรือว่าขวดฝาเกลียวก็ตาม แต่ดันเปิดขวดเบียร์ที่เป็นฝาจีบเก่งซะอย่างนั้น เป็นเรื่องบ้าบอชัด ๆ
“ผมลืมตัวน่ะ พอดีว่าก่อนมาค่ายผมมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงแล้วเธอก็มักจะมีปัญหากับเล็บ แบบว่ากลัวเล็บหักตอนเปิดกระป๋องเครื่องดื่มน่ะครับเลยติดมา หวังว่ารุ่นพี่จะไม่รังเกียจ”
“ไม่ ไม่รังเกียจหรอก แค่แปลกใจนิดหน่อย ก็แบบว่า.. พวกผู้ชายค่อนข้างที่จะเข้าหาฉันแบบ… แล้วฉันก็มีแฟนแล้วด้วย” แม้ไม่อธิบายออกมาเป็นคำพูดแต่ดีนก็พอเข้าใจ ความมีเสน่ห์ของสายเลือดอะโฟรไดท์มักจะดึงดูดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้เขาหาเสมอ ไพเพอร์กลัวว่าบรรยากาศจะชวนอึดอัดเธอจึงเปลี่ยนคำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก “ก็แค่บอกให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้ทำเล็บน่ะ”
“รุ่นพี่คิดว่าผมจะจีบสินะครับ” ดีนหัวเราะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็น่าสนใจนิดหน่อย แต่เขาคิดว่าตัวเองไม่อาจเอื้อมหรอก อีกอย่างหนึ่งดูเหมือนว่าในใจของเขามีใบหน้าของคนอื่นลอยขึ้นมามากกว่าจนแทบจะมองใครคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อเธอเปลี่ยนเป็นโจ๊ก ถ้างั้นเขาก็ตบมุกบ้าง “งั้นเอาไว้วันหลังผมจะแก้มือให้รุ่นพี่เปิดให้ผมแทน”
“คารมเธอนี่มันร้ายกาจจริง ๆ” รุ่นพี่ไพเพอร์ชกแขนเขาด้วยความมันเขี้ยวหนึ่งตุ้บแต่ว่าไม่เจ็บเลยสักนิด เรียกเสียงหัวเราะออกจากคนที่ถูกชกได้มากกว่า “แล้วเรื่องไม่สบายใจที่ทำให้เธอต้องเดินวนกลับไปกลับมาร่วมชั่วโมงคือเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฟูว.. อธิบายลำบากจังแฮะ” ชายหนุ่มเป่าปากพลางคิดว่าเขาควรจะเริ่มจากตรงไหนดี ลองเลียบ ๆ ถามอีกฝ่ายเพื่อเข้าเรื่องดูแล้วกัน “รุ่นพี่เคยเห็นเทพีอะโฟรไดท์ตอนโกรธหรือเปล่าครับ?”
“เคยนะ แต่ไม่บ่อย ท่านแม่มักจะไม่พอใจเมื่อรู้ข่าวว่าก็อบลินมาสร้างความรำคาญให้แก่สถานที่ที่สวยงาม.. ทำไมถึงถามแบบนี้เหรอ? อย่าบอกนะว่าเธอทำให้เทพโพไซดอนกริ้วมา”
“ไม่ใช่ผมหรอก คิดว่าไม่ใช่นะ..”
ดีนเคยวีนแตกใส่เทพบิดามาแล้วผ่านทางกองเพลิงบูชาเทพ แต่เจ้าสมุทรก็ไม่โกรธเขาเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะสาปหรือส่งจิตมาแสดงความไม่พอใจก็ตาม แต่ว่าเขากลับโดนลูกหลงจากการที่ใครบางคนขโมยตรีศูลที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไป ดีนไม่เคยเห็นมุมนี้ของพ่อมาก่อน บอกตรง ๆ เลยว่าเขาค่อนข้างกลัว
ชายหนุ่มหันไปสบใบหน้าของรุ่นพี่สาวคนสวย พลางคำนวนในใจว่าสิ่งที่เขาประสบมาสามารถเล่าให้เธอฟังได้หรือไม่ เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ไพเพอร์ แม็กลีน ถือว่าเป็นหนึ่งในอาจารย์ของค่ายฮาล์ฟบลัด เขาเคยได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นถึง ‘หนึ่งในตำนานเจ็ดวีรบุรุษที่ยังมีลมหายใจ’ และยังเป็นเพื่อนร่วมค่ายของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน พี่ชายของเขาเอง แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องวีรกรรมของอีกฝ่ายมากนักแต่ดีนประเมินในใจแล้วว่าเขาสามารถเล่าเรื่องนี้ให้หญิงสาวฟังได้
“คืองี้ เริ่มมาจากที่ผมได้ข่าวคราวจากเพื่อนตัวน้อยในทะเลมาว่าพ่อทำของสำคัญหายไป เพื่อนผมบอกว่าพ่อดูโกรธมาก ๆ เลย จากนั้นตอนผมไปขอพลังเพื่ออัพเกรดตัวเอง เหมือนจะได้รับรู้ถึงความโกรธของเทพโพไซดอนส่งมาทางจิตเต็ม ๆ เหมือนว่ามีใครบางคนที่ขโมยของสำคัญชิ้นนั้นของพ่อไป แล้วพ่อก็โกรธมากคล้ายกับจะส่งสึนามิยักษ์เขามาถล่มเมืองได้เลย”
ปลายนิ้วเรียวงามของไพเพอร์ลูบบนขอบกระป๋องเครื่องดื่มขณะใช้ความคิด เรื่องนี้คล้ายกับเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่มีผิด ตอนที่สายฟ้าของเทพซุสถูกขโมยไป…
“ฉันคงตอบแทนไม่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เอาแบบนี้ไหม เธอลองไปขอคำทำนายจากเทพพยากรณ์แห่งเดลฟีดู บางทีอาจจะได้คำตอบบางอย่าง”
“อะไรนะ? เทพพยากรณ์? เดลฟี?” ศัพท์ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คล้ายกับพวกแม่มดหมอผีอะไรทำนองนั้นเลย
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้?” ไพเพอร์หลุดขำ “แต่อย่างน้อยเธอคงเคยได้ยินเรื่องภารกิจเดินทางหรือภารกิจตามคำพยากรณ์บ้างใช่ไหม?”
“อ่า.. ใช่ ผมเคยได้ยินเรื่องภารกิจตามคำทำนายอยู่ คุณไครอนเคยบอกมา งานที่เฉพาะเจาะจงยิ่งกว่าภารกิจในกระดานหิน เหมือนเร็ว ๆ นี้จะมีเด็กฮิปนอสไปทำมาภารกิจนึงด้วยนี่ครับ”
“ถูกต้อง ถ้างี้ก็ง่ายขึ้นมาหน่อย” ไพเพอร์ยกเครื่องดื่มจรดปากแล้วส่งน้ำอัดลมรสเปรี้ยวซ่าลงคอ “ตอนนี้ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งของเทพพยากรณ์คือ 'เรเชล' เธออาศัยอยู่ที่ถ้ำของผู้พยากรณ์ที่อยู่ทางเข้าป่าทิศเหนือ เธอเป็นผู้มอบหมายคำพยากรณ์ต่าง ๆ ให้แก่ชาวค่าย ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายของภารกิจหรือว่าจะเป็นการดูดวงเธอก็ทำได้หมด”
“เรื่องที่ผมเจอมาจะเกี่ยวกับภารกิจใหม่เหรอ? เรื่องการดูดวงผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไร”
“ไม่ได้บังคับให้เชื่อนะ แต่อนาคตที่เทพพยากรณ์เห็นมักเป็นจริงเสมอ แล้วจากที่เธอเล่าให้ฟังมันก็ดูร้ายแรงมากเลยใช่ไหม?”
“รุ่นพี่พูดแบบนี้แปลว่าอยากให้ผมไปลอง?” ดีนกลั้วหัวเราะ
“แค่ลองไม่ได้เสียหายนี่นา คำทำนายตอบคำถามในใจเธอได้ แล้วอีกอย่างเผื่อว่าเป็นเรื่องร้าย ๆ จริงจะได้แก้ไขกันทัน” ไพเพอร์มองสีหน้าของดีนที่มีแต่คำว่า ‘ไม่เอาล่ะ’ เขียนด้วยหมึกล่องหนอยู่บนนั้นเต็มไปหมด “เอางี้ไหม ฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งให้เธอฟัง”
“ครับ เรื่องอะไรเหรอ?”
“ภารกิจเดินทางแรกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน ชื่อนี้พอจะทำให้เธอสนใจมากขึ้นได้หรือเปล่า?”
ถูกเผ็ง พอได้ยินชื่อของพี่ชายที่เป็นวีรบุรุษในตำนานของหมู่ลูกครึ่งเทพยุคใหม่มีหรือที่จะไม่สนใจ ดีนพยักหน้าให้หญิงสาวหงึก ๆ
“หลังจากที่เพอร์ซีย์มาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดได้ไม่นานเขาก็ถูกรับรองโดยเทพโพไซดอนหลังจากการแข่งขันชิงธง จากนั้นก็เป็นเรื่อง.. ในยุคของพวกเราตอนยังเด็ก สามมหาเทพ ซุส โพไซดอน และฮาเดสถูกห้ามไม่ให้มีบุตรกับมนุษย์ เพราะเดมิก็อดที่มีสายเลือดของสามมหาเทพไหลเวียนอยู่ในตัวมีพลังอำนาจเหนือยิ่งกว่าเดมิก็อดคนอื่น ๆ สงครามโลกที่เคยมีมาก็ถูกจุดชนวนขึ้นมาจากบุตรแห่งสามมหาเทพนี่แหล่ะ”
“อ้าวเหรอ ฉันคิดว่าเป็นเทพแอริสซะอีกที่ปลอมตัวเป็นนายพลเยอรมันแล้วปลุกปั่นให้อักษะกับสัมพันธมิตรตีกัน”
“ผิดจ้ะ เธอจำมาจากหนังวันเดอร์วูแมนภาคแรกใช่ไหม?” ไพเพอร์หลิ่วตาถามกลับ ซึ่งถูกเผ็ง ดีนจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้ “ความจริงเป็นอย่างที่ฉันเล่า หลังจากเกิดสงครามโลก เทพเจ้าก็ลงความเห็นกันว่าห้ามสามมหาเทพมีบุตรนอกสมรสกันอีก เด็ก ๆ อย่างเพอร์ซีย์จึงถูกเรียกว่า ‘เด็กต้องห้าม’ ”
“อืม.. เข้าใจแล้ว ถ้างี้ตอนที่มีตรีศูลขึ้นอยู่บนหัวพี่ชายผมทุกคนเลยแตกตื่นสินะ แต่พ่อนี่ก็… เจ้าชู้จนถึงขั้นแหกกฎสวรรค์เลยเหรอ ไม่ไหวเลยนะ” ได้ฟังแล้วคนเป็นลูกได้แต่ส่ายหน้า
“ความจริงคือสามมหาเทพแหกกฎกันหมดทุกองค์เลยต่างหาก” ไพเพอร์กล่าวแบบนี้ดีนก็หลุดขำมาพร้อมกับอุทานว่า “อ้าว!” “เทพซุสมีบุตรสาวชื่อธาเลีย ชื่อเดียวกับต้นสนที่อยู่หน้าทางเข้าประตูค่าย ธาเลียเคยต่อสู้อย่างห้าวหาญอยู่ที่นั่นแต่เธอพลาดท่าจึงทำให้เกือบเสียชีวิต เทพซุสไม่อยากจะสูญเสียลูกสาวจึงเสกให้เธอกลายเป็นต้นสนพิทักษ์ทางเข้าค่ายฮาล์ฟบลัดเอาไว้”
“ต้นสนนั่นเคยเห็นคนมาก่อนเหรอ!?”
ดีนทำตาโต เขาพยายามคิดว่าตัวเองเคยทำเรื่องอุบาทว์ ๆ ที่หน้าต้นสนหรือเปล่า เช่น การฉี่ใส่.. แต่ไม่ เขาไม่เคย เพราะว่าใต้ต้นสนธาเลียมีมังกรสีทองนอนเฝ้าอยู่
“ใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่แล้ว ธาเลียได้รับชีวิตกลับมาอีกครั้ง ต้นสนต้นนั้นจึงไม่ใช่ธาเลียอีกต่อไป แต่ยังคงถูกเรียกว่า ‘ต้นสนธาเลีย’ อยู่ตามความชินปากของชาวค่าย ส่วนบุตรของฮาเดสถูกนำไปซ่อนไว้ที่คาสิโนโลตัสจึงไม่ได้ออกมายุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก”
“ถือว่าเทพฮาเดสเป็นพ่อที่มีความรับผิดชอบมากที่สุดเลยแฮะ.. แล้วยังไงต่อเหรอครับ เพราะทุกคนรู้ว่ามีเพอร์ซีย์โลกเลยตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งงั้นเหรอ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง ก่อนหน้าที่เพอร์ซีย์จะถูกรับรองโดยเทพโพไซดอน ซุสและโพไซดอนมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนอยู่แล้ว และก่อนหน้านั้นสายฟ้าของเทพซุสถูกขโมยไป เทพซุสจึงคิดว่าบุตรของโพไซดอนต้องเป็นคนเอาไปแน่ ๆ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพอร์ซีย์ไม่ได้ทำแบบนั้น”
ฟังถึงตรงนี้ก็เกิดคำถาม สายฟ้าเนี่ยนะถูกขโมยไป ขโมยยังไง มันเกิดขึ้นจากประจุอิเล็กตรอนในก้อนเมฆเกิดการเคลื่อนตัวทำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้า โดยมีประจุบวกอยู่ทางด้านบน ประจุลบอยู่ทางตอนล่างซึ่งจะเหนี่ยวนำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้ากันไม่ใช่เหรอ ดูไม่น่าจะเป็นสิ่งของที่จับต้องได้เลยแม้แต่น้อย
“สายฟ้าเหรอ? มันจะหายไปได้ยังไง?”
“คืองี้ สายฟ้าที่ฉันพูดถึงเป็นอาวุธของเทพซุสน่ะ ถ้าให้เธอเข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนกับเทพธอร์ที่มีค้อนโยเนียร์”
“ออ.. เข้าใจแล้วถ้างั้นก็เล่าต่อเลยครับ” ดีนผายมือออกมาทางไพเพอร์ จากนั้นเขาก็ยกกระป๋องโคล่าขึ้นดื่มอึก ๆ
“ข้อพิพาทระหว่างเทพซุสกับโพไซดอนกำลังจะทำให้เกิดสงครามหากว่าบุตรแห่งโพไซดอนไม่ยอมคืนสายฟ้ามาให้ก่อนวันครีษมายัน เป็นวันที่กลางวันยาวนานที่สุดของปีนั้น ๆ ซึ่งเพอร์ซีย์มีเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียวในการตามหาสายฟ้ามาคืน ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าสายฟ้าที่หายไปตอนนั้นอยู่ในมือของใคร การทำนายของเทพพยากรณ์เดลฟีถึงได้สำคัญ”
“เดี๋ยวนะ.. อย่าบอกนะว่าพ่อคิดว่าเด็กบ้านซุสขโมยตรีศูลไป นี่มันเรื่องเก่าเล่าใหม่ชัด ๆ เลย!”
ดีนพอจะรู้ว่าเทพเจ้าสององค์นี้ไม่ค่อยถูกกันเป็นผลที่ทำให้เขาขึ้นเรื่องบินไม่ได้เพราะจะถูกฟ้าผ่า พ่อเคยผ่านเหตุการณ์การกล่าวหานั้นมาแล้วเลยระแวงว่าคู่กรณีจะมาป่วนสินะ ชายหนุ่มยังไม่รีบตัดสินว่าเด็กบ้านซุสเป็นผู้ขโมยตรีศูลไป
“แล้วแบบนี้ผู้ไปรับคำทำนายจะต้องเป็นเด็กบ้านซุสหรือเปล่าครับ เพื่อให้เขาแสดงความบริสุทธิ์ออกมา”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ว่าจำเป็นหรือไม่ ฉันตอบแทนท่านพ่อของเธอไม่ได้ แต่เทพพยากรณ์สามารถให้คำแนะนำได้ ถ้าอยากจะลองฉันพาเธอไปหาเรเชลได้นะ”
จากเรื่องราวที่รุ่นพี่สาวเล่าโน้มน้าวใจของเขาได้เกินครึ่งเลยทีเดียว เพราะกระแสจิตของพ่อที่หลุดมาถึงเขาดูรุนแรงน่ากลัวเหมือนกับว่าจะส่งกองทัพมนุษย์ปลามาถล่มโลกได้เลยจริง ๆ
“ลองดูก็ได้ ผมไม่อยากให้เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นหรอก เอาไว้ถ้าคนที่ต้องรับภารกิจคือเด็กบ้านซุสจริง ๆ ผมก็ยินดีที่ซัพพอร์ตเขานะ รวมถึงช่วยกล่อมพ่อให้ด้วย”
“ถ้างั้นไปกัน ฉันจะนำทางเธอไปเอง”
ทั้งสองลุกออกจากม้านั่งยาวที่หน้ากองไฟเฮสเทียแล้วเดินเท้าไปยังถ้ำของเทพพยากรณ์เดลฟี
ระหว่างทางไพเพอร์ก็เล่าเรื่องต่อจนจบ โดยมีบทสรุปว่าผู้ร้ายในคดีนี้ก็คือ ‘ลุค คาสเทลแลน’ และหลังจากจบภารกิจนี้เพอร์ซีย์ก็ได้พิสูจน์ตัวเองมากมาย ทำให้กฎ ‘เด็กต้องห้าม’ ถูกยกเลิกไป จึงทำให้สามมหาเทพปั๊มลูกออกมาอีกเป็นโขยง นอกจากนี้เพอร์ซี์ยังผลักดันหลายอย่างภายในค่าย ปรับปรุงสถานที่ใหม่และช่วยให้การรับรองเทพเล็ก ๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปัส ส่งผลให้จากกระท่อมที่มีอยู่เดิมในค่ายฮาล์ฟบลัดสิบสองกระท่อม งอกขึ้นมาเป็นยี่สิบสามในยุคนั้น
‘แต่ว่าเป็น ลุค คาสเทลแลน อีกแล้วงั้นเหรอ?’
ในภารกิจตามหาพัสดุของเทพเฮอร์มีส ดีนได้สนทนากับเทพเจ้านิดหน่อยในเรื่องนี้และรับรู้มาว่าตอนนี้วิญญาณของลุคควรจะอยู่ในปรภพ ซึ่งคนที่มาก่อกวนในเร็ว ๆ นี้อาจเป็นบุตรเทพเจ้าองค์อื่นเสียมากกว่า
ครุ่นคิดอยู่อีกไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้าถ้ำของเทพพยากรณ์
“การเข้าไปขอรับคำทำนายต้องเข้าไปคนเดียว ฉันมีธุระต่อแถวนี้พอดีนายเข้าไปเองได้ใช่ไหม?” ไพเพอร์ถาม
“ครับ ขอบคุณนะครับรุ่นพี่ที่มาส่ง”
“ยินดีค่ะดีน ไม่ว่าคำทำนายจะออกมาว่ายังไงก็ขอให้เธอสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนะ”
ชายหนุ่มร่ำลากับรุ่นพี่สาว เธอยืนส่งเขาอยู่ที่ปากทางเข้าบ้านถ้ำโดยยังไม่ยอมปลีกตัวไปทำธุระที่ว่านั่นก่อน ตอนนี้ชักจะตื่นเต้นมากกว่ากังวลเสียแล้วสิ ถ้ำของเทพพยากรณ์จะเป็นอย่างไรนะ จะมืดตื๊ดตื๋อแล้วก็น่ากลัวหรือเปล่า ร่างสูงสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่เขาจะก้าวขาเดินเข้าไปในนั้นด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ
มอบ [เลม่อนโซดา] แก่ [ไพเพอร์ แม็กลีน]
|