[บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-10-25 20:46:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-26 18:25

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 9 : แง๊น?
วันที่ 22 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป เมืองธีบส์ จนถึง เมืองอาลิ อาร์โตส กรีซ ยุโรป

รถโดยสารประจำทางสายยาวกำลังวิ่งฝ่าทางหลวงเงียบงันกลางชานเมือง เสียงล้อบดไปตามถนนขรุขระดังเป็นจังหวะเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสะดุดลงในพริบตา เสียงกระแทกสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอย่างรุนแรง รถทั้งคันสั่นสะเทือนเหมือนถูกแรงอัดมหาศาลกระแทกจากด้านข้าง ผู้โดยสารหลายคนกรีดร้อง ขวดน้ำและกระเป๋ากระเด็นตกพื้น 


โมนีก้าเกือบหลุดจากเบาะ แต่แรงแขนแข็งแรงของเลสเตอร์กลับโอบรอบตัวเธอไว้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะล้มกระแทกพื้น เขากระชับมือแน่นรั้งเธอเข้ามาชิดอก “อยู่เฉย ๆ!” เสียงเขาแน่นด้วยแรงกดดันและความตกใจ ทั้งสองประคองตัวท่ามกลางความโกลาหล ขณะที่รถหยุดนิ่งกะทันหันและเอนข้างจนเสียงโลหะครูดกับพื้นถนน โมนีก้าเงยหน้าขึ้นเงยนหน้ามองพวงแก้มขึ้นสีแดงจัดอย่างช่วยไม่ได้ ระยะห่างระหว่างเธอกับเลสเตอร์แทบไม่มีเลย กลิ่นสบู่ของเขาและไออุ่นจากร่างสูงทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบผละออก “ขะ…ขอบคุณ...” เสียงเธอแผ่วสั่น ดวงตาเทาเงินหลุบลงเล็กน้อย


เลสเตอร์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ “แน่นอนสิ คุณโชคดีที่อยู่ข้างบุรุษผู้มีความสามารถเหนือระดับอย่างผมนะ ไม่งั้นอันตรายมาก คุณคงต้องใช้กำลังที่ของคุณอีกมากเลยกว่าจะรอด” เขาพูดพลางยักคิ้ว พร้อมรอยยิ้มกวนประสาทประจำตัว โมนีก้ากรอกตาตอนเห็นเขาทำแบบนั้น “ให้ตายเถอะ นายจะอวดตัวเองแม้แต่ตอนเกือบตายก็ยังได้สินะ”


“ก็ผมยังไม่ตายนี่นา นั่นแหละคือสิ่งที่น่าฉลองที่สุด ความอยู่รอดของผมเป็นโชคลาภของโลกใบนี้” เขาตอบพลางดันประตูรถออก แล้วก้าวลงไปพร้อมกับเธอ ท่ามกลางเสียงเอะอะของผู้โดยสารที่เริ่มทยอยออกมาดูเหตุการณ์


ท้องถนนเงียบจนน่าประหลาด ลมอุ่นพัดผ่านพร้อมกลิ่นไหม้เบาบาง และเมื่อทั้งคู่หันไปมอง สิ่งที่เห็นทำให้เลือดในกายแทบหยุดไหล สิ่งที่พุ่งชนรถเมื่อครู่ไม่ใช่รถสิบล้ออย่างที่ทุกคนคิด แต่เป็นสัตว์โลหะยักษ์ร่างทองแดงเปล่งแสงจากรอยต่อ วัวโคลคีสสัตว์อสูรแห่งเหล็กกล้า ดวงตาสีแดงเรืองราวกับถ่านไฟในเตา หลั่งควันขาวออกจากรูจมูกทุกครั้งที่มันหายใจ เสียงโลหะกระทบกันดังก้องทุกครั้งที่มันขยับ


มนุษย์ทั่วไปมองเห็นเพียงรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่ง ที่กำลังวิ่งหนีออกไปสุดถนน บางคนถึงกับตะโกน “รถสิบล้อชนแล้วหนี!” แต่โมนีก้าและเลสเตอร์เห็นมันชัดเจนเกินใครอสุรกายแห่งเฮเฟตัสที่กำลัง คลั่ง


“นั่นมัน... วัวโคลคีส!” โมนีก้าเบิกตากว้าง มือแตะข้อมือซ้ายที่สวมกำไลซึ่งเปล่งแสงจาง ๆ เลสเตอร์สบถเบา ๆ “เจ้าสัตว์พวกนี้ยังหลงเหลืออยู่อีก เฮเฟตัสคงลืมใส่โหมดปลอดภัยไว้แน่”


โมนีก้ากำดาบแน่น “มันจะพุ่งชนพวกมนุษย์แน่ เราต้องหยุดมัน!”


“งั้นก็รีบเถอะ ก่อนมันเผาใครเป็นถ่าน” เลสเตอร์พูดพลางคว้าธนูออกจากกระเป๋าหลัง แสงอาทิตย์สะท้อนคมศรให้วาววับขณะที่เขาก้าวออกไปจากกลุ่มผู้คน ทั้งสองวิ่งตามมันข้ามถนนสายแคบ ลัดเลาะเข้าทางลาดชันตามมันไป เสียงหอบหายใจของโมนีก้าผสมกับเสียงฝีเท้าของเลสเตอร์เป็นจังหวะเดียวกัน


“อย่าเข้าใกล้ตรงหน้า มันพ่นไฟได้!” เขาตะโกนเตือน ขณะสายตาจับจ้องเป้าหมายอย่างแม่นยำ


“รู้แล้ว! ฉันไม่อยากกลายเป็นไก่ย่างหรอกนะ!” โมนีก้าตอบกลับเสียงแข็ง ดวงตาเทาเงินเปล่งแสงราวสะท้อนเปลวไฟในร่างสัตว์ยักษ์นั้น ในแสงอาทิตย์บ่ายแก่ วัวโคลคีสแผดเสียงคำรามลั่นสะท้านพื้นดิน ร่างโลหะทองแดงแผ่ความร้อนจนไอร้อนลอยขึ้นรอบตัว มันกระทืบพื้นจนเกิดประกายไฟพล่าน และในวินาทีนั้น เลสเตอร์ก็ดึงสายธนูสุดแรงก่อนปล่อยศรพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ศรแห่งแสงพุ่งทะลวงเข้าที่คอของมันจนเกิดระเบิดแสงเล็ก ๆ แต่ยังไม่พอ มันคำรามกึกก้อง แววตาแดงฉานเจิดจ้ากว่าเดิม


โมนีก้าเงื้อดาบ “ฉันจะล่อมันไว้!” เธอตะโกนแล้วพุ่งเข้าใกล้อย่างกล้าหาญ ดาบในมือสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ราวเปลวสุริยันที่ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง


หลังจากนั้นทั้งเลสเตอร์และโมนีก้าก็สู้กับวัวอย่างรวดเร็วแค่สองนาทีมันก็โดนจัดการเรียบร้อยแล้ว เสียงโลหะกระทบพื้นดัง "กึง!" ตามด้วยแรงระเบิดพลังที่สว่างวาบกลางอากาศ แสงทองแผ่กระจายทั่วถนนจนต้นไม้สองข้างสั่นสะเทือน ก่อนที่วัวโคลคีสจะคำรามสุดเสียงแล้วทรุดฮวบลงตรงหน้า ทั้งร่างยักษ์ของมันเริ่มแตกร้าวเป็นเส้นแสงสีทอง ลุกโชติช่วงจากภายในราวกับเตาเผาโลหะที่กำลังดับไฟครั้งสุดท้าย แล้วสลายกลายเป็นผงทองระยิบระยับปลิวหายไปกับลม เหลือเพียงเศษกลไกสีแดงทองที่ยังอุ่นระอุอยู่กลางพื้น


โมนีก้าและเลสเตอร์ยืนนิ่งหอบเบา ๆ ทั้งคู่มีเหงื่อเกาะตามกรอบหน้า แต่แววตายังเปล่งประกายแห่งชัยชนะ “จบแล้วสินะ” เธอพูดพลางยิ้มมุมปาก ดาบในมือค่อย ๆ แปรกลับเป็นกำไลเรืองแสงตรงข้อมือซ้ายอีกครั้ง


“สองนาที” เลสเตอร์พูดพลางเป่าปอยผมหยิกของตัวเองที่ตกมาบังตา “สถิติที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้ามีโอลิมปิกแห่งการล่าปีศาจคนที่ได้เหรียญเยอะที่สุดจนโดนสลักชื่อก็คือผมนี้แหละ”


“เหรียญทองกับอัตตานายคงใหญ่พอ ๆ กันแหละ” โมนีก้ายิ้มอย่างเอือม ๆ แต่ในแววตาแฝงประกายขำที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้ เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เศษซากที่เหลืออยู่จากร่างวัว “แต่ดูสิ สินสงครามของเรา” เขาก้มลง เห็นฟันเฟืองโลหะขนาดเท่าฝ่ามือซึ่งยังเปล่งแสงเรื่อ ๆ จากความร้อน เขาหยิบขวดน้ำแร่แบรนด์หรูขึ้นมาเปิดฝา “ของดีแบบนี้ควรได้รับการชำระให้สะอาดหน่อย”


“นั่นมันน้ำแร่ VOSS นายคิดว่ามันกี่ดอลลาร์กัน” โมนีก้าอุทาน แต่เขาเทราดลงไปเฉย ๆ


“ก็ใช่ ผมเลือกแต่ของคุณภาพสูงที่สุดสำหรับทุกสิ่งเท่านั้นครับ” เขายักไหล่ทำหน้าภูมิใจสุดขีด จากนั้นหยิบฟันเฟืองทองที่เย็นลงส่งให้เธอ “เก็บไว้ในแหวนดาราจรัสของคุณสิ ของแบบนี้เอาไปขายที่ร้านได้ราคาดี” โมนีก้ารับของพลางส่ายหน้า “บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่านายเป็นนักล่าหรือเป็นพ่อค้าเครื่องประดับกันแน่”


“ผมก็เป็นทั้งสองอย่าง และเป็นได้ทุกอย่างได้เก่งและสุดเท่ และแน่นอนเป็นคนหน้าตาดีที่สุดในบรรดาพวกนั้นด้วย นี่คือความสามารถพิเศษของผม” เขาตอบพร้อมยักคิ้ว


“น่าจะบอกว่าหน้าตาดีที่สุดในกระจกที่นายมองทุกวันมากกว่า” เธอว่าพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหมุนแหวนที่นิ้วขวาให้แสงจากมันเปล่งประกาย แล้วเก็บฟันเฟืองเข้าไปในวงแหวนทันที เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งคู่ก็หันหลังกลับไปทางถนนที่รถโดยสารคันเดิมจอดเสียอยู่ ผู้โดยสารบางส่วนยังยืนรวมกลุ่มกันคุย บ้างโทรศัพท์ บ้างบ่นเสียงดัง เสียงไซเรนรถกู้ภัยแว่วมาแต่ไกลแต่ยังไม่ถึง


“กลับไปรอรถตรงโน้นกันเถอะ ก่อนที่ใครจะเริ่มถามว่าทำไมมันกลายเป็นผงทอง” โมนีก้าพูดแบบขำ ๆ เพราะเอาความจริงไม่มีทางที่คนจะเห็นอะไรแบบนั้นหรอกหากไม่เกี่ยวข้องเพราะมีหมอกคอยปิดอยู่ “เห็นด้วยเลย ผมยังไม่อยากขึ้นข่าวหนุ่มทรงเสน่ห์ช่วยหญิงสาวกลางทางด้วยลูกศรเรืองแสง” เขายักไหล่ ท่าทางราวกับไม่รู้จะห่วงตัวเองหรือห่วงชื่อเสียงมากกว่ากัน


ทั้งสองเดินกลับไปที่ป้ายรถโดยสาร ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มทอง แสงแดดอาบไล่ผมของโมนีก้าให้ส่องวาวราวกับไหมน้ำผึ้ง เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ข้างทาง ส่วนเลสเตอร์ยืนพิงเสา ปากพึมพำ “แสงแบบนี้งดงามจริง ๆ …ราวกับฉันเอง”


“หยุดเลย” เธอพูดทั้งยังมองไปข้างหน้า “ก่อนที่ฉันจะโยนนายลงข้างทาง”

“ผมแค่บรรยายตามความจริง!” เขาโวยแผ่ว ๆ แต่ก็หัวเราะตามในที่สุด


เวลาผ่านไปเกือบ 40 นาที รถเมย์สายสำรองคันใหม่แล่นเข้ามาจอด เสียงเบรกดังเอี๊ยดก่อนประตูเปิดออก โมนีก้าหันมามองเขาเล็กน้อย “คราวนี้ขอให้ไม่มีอะไรระเบิดอีกเถอะนะ”


“ไม่มีหรอก ถ้าผมอยู่ด้วย ทุกอย่างย่อมอยู่ภายใต้การควบคุมของแสงอาทิตย์ผู้ยิ่งใหญ่ ยกเว้นว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่มันเกิดขึ้นเพราะความเจิดจรัสของผมน่ะนะ”


“ถ้าหมายถึงนาย ฉันขอเตรียมหมวกกันน็อกไว้ก่อนเลยแล้วกัน” เธอตอบเสียงเรียบ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับบอกว่าลึก ๆ เธอชักเริ่มชินกับความโอ้อวดของเขาเสียแล้ว เลสเตอร์หัวเราะเบา ๆ ขณะทั้งสองก้าวขึ้นรถประจำทางคันใหม่ เสียงประตูปิดดัง “ปัง” แล้วรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากจุดเกิดเหตุ มุ่งหน้าไปตามถนนยาวสู่เมืองฟีลีอีกครั้ง ท่ามกลางแสงเย็นที่ทอดเงาทองยาวไกลจนสุดสายตา พร้อมหัวใจของทั้งสองที่เริ่มเต้นไปในจังหวะเดียวกันโดยไม่รู้ตัว

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

ผมทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดด้วยการสั่งให้โมนีก้าหลบหลังผมแต่เธอก็ยังกล้าดียังไงเข้าไปล่อมัน ผมรู้ว่าเธอเก่ง ดาบของเธอมันร้อนแรงและรวดเร็วราวกับเปลวสุริยัน แต่ผมไม่ชอบความเสี่ยง รอยข่วนบนร่างกายที่สวยงามของเธอเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้อีกแล้ว

การที่ผมเทน้ำแร่ VOSS ลงบนเศษซากนั่นคือการแสดงรสนิยมที่สูงส่งและความไม่แยแสต่อราคาเป็นเทพเจ้าใครเขาใช้เงินกันบ้าแล้ว (ถึงจะต้องใช้จริงก็เถอะ) 


ผมไม่ชอบที่เธอท้าทายผมแต่ผมชอบที่เธอสนใจในทุกคำพูดของผม และผมไม่ชอบที่จะต้องกุมมือเธอไว้ตลอดเวลา แต่มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมมั่นใจว่าความปลอดภัยของเธออยู่ภายใต้การควบคุมที่สมบูรณ์แบบของผม


ธีบส์! เราต้องรีบไปถึงที่นั่น! ผมต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่น่ารำคาญพวกนี้ ก่อนที่ผมจะสูญเสียความสงบทางอารมณ์และยอมรับว่าผมห่วงโมนีก้ามากเกินกว่าที่เทพเจ้าควรจะเป็นเสียแล้วล่ะ

avatar

Moneka M. Blossom

โนคอมเม้นท์ว่ะ....

หากมี LUK 100+ จะได้รับฟันเฟืองโบนัสพิเศษจากจำนวนเลขไบต์สุดท้าย



แสดงความคิดเห็น

God
((ระหว่างนี้ภายในกรีซทั้งหมดทั้งสองคนไม่สามารถใช้บริการธุรกิจ การค้า รถโดยสารใดๆ ได้ เนื่องจากมีหมายจับ))  โพสต์ 2025-10-25 21:31
God
((สถานะ: จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ทั้งคู่ถูกทางการกรีซตามจับเนื่องจากหนีการจับกุม หลังวันที่ 31 หมอกบังตาจะทำงานทำให้ผู้คนลืมเหตุการต่อสู้บนท้องถนนกับวัวโคลคีสตัวนั้นไป ))  โพสต์ 2025-10-25 21:30
God
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง (ตำรวจจริงๆ) หยุด วางอาวุธ (ท่อแป๊บ) ที่ทั้งคู่ถืออยู่ ผู้ก่อการร้ายก่อเหตุวิวาท เลสเตอร์กับโมนีก้ารีบพากันวิ่งหนี พวกเขาจะปล่อยให้โดนจับที่นี่ได้ยังไง  โพสต์ 2025-10-25 21:29
โพสต์ 51991 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-25 20:46
โพสต์ 51,991 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-25 20:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-26 21:47:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-27 08:15

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 10 : โดนจีบตลอดเลยคับ
วันที่ 22 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเย็น เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป เมืองธีบส์ จนถึง เมืองอาลิ อาร์โตส กรีซ ยุโรป

เสียงล้อรถประจำทางเพิ่งจะครืดเบา ๆ เตรียมออกจากป้ายเมื่อเสียงหวีดไซเรนแหวกอากาศดังขึ้นอย่างกะทันหัน “หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนดังจากกลุ่มชายในเครื่องแบบที่กรูกันเข้ามาอย่างเร่งรีบ ตำรวจจริงไม่ใช่ปีศาจปลอมตัวมา เพราะคราวนี้เป็นของแท้แน่นอน 


โมนีก้าชะงักเท้า มือที่จับราวขึ้นรถค้างกลางอากาศ เธอหันไปมองก็เห็นปลายกระบอกปืนมากกว่าสิบกระบอกชี้ตรงมาทางเธอกับเลสเตอร์ “ขอให้ทั้งสองวางอาวุธลง!” ตำรวจนายหนึ่งตะโกนเป็นภาษาอังกฤษปนกรีก “คุณทั้งคู่ถูกจับในข้อหาก่อเหตุร้ายแรงสี่คดี ที่สถานีรถไฟทำร้ายเจ้าหน้าที่เจ็ดนาย ที่คามาเทโรทำร้ายพลเรือน ที่ฟีลีทำร้ายสตรีและล่าสุดทำให้รถบรรทุกระเบิด!”


“ว่าไงนะ?” โมนีก้าอุทาน ตาเบิกกว้าง “พวกนั้นมันไม่ใช่คน มันคือ—”

“เงียบ! ไม่งั้นจะยิงเตือน!” ตำรวจอีกนายตะโกนสวนทันที


เลสเตอร์ยืนนิ่ง ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องเจ้าหน้าที่ตรงหน้าเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนเอียงคอเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความกวนประสาท “ความจริงแล้วผมก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่โดนจับ… ความมีเสน่ห์ของผมมันเป็นบาปโดยธรรมชาติอยู่แล้ว”


“เลสเตอร์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา!” โมนีก้ากระซิบอย่างขุ่นเคืองแต่หน้าเริ่มซีด เพราะตำรวจเริ่มขยับเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่เธอจะพูดต่อ เขากลับยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเจิดเหมือนคนคิดอะไรสนุกขึ้นมาได้ “คุณพูดถูก ไม่ใช่เวลาอธิบาย…” เสียงเขาแผ่วลงก่อนพูดประโยคต่อมาพร้อมแววตาวิบวับ “...แต่เป็นเวลาหนีแล้วต่างหาก!”


“หา!! อ๊ะ!?”


ไม่ทันที่โมนีก้าจะตั้งตัว เลสเตอร์ก็ช้อนร่างของเธอขึ้นในอ้อมแขนอย่างไม่บอกกล่าว แล้วพุ่งตัวออกจากตรงนั้นด้วยความเร็วระดับที่ตำรวจทั้งแผงตะโกนตามแทบไม่ทัน! เสียงปืนเตือนดัง “ปัง!” แต่สิ่งที่เห็นคือชายร่างสูง 191 เซนฯ วิ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วระดับ ปรินต์โอลิมปิก 4x100เหรียญทองยังชิดซ้ายขวาไม่เห็นฝุ่น ผงฝุ่นลอยตามหลังขณะที่โมนีก้าในอ้อมแขนร้องออกมาเสียงหลง “เลสเตอร์! นา— นายจะรีบไปไหนนนน!!”


“หนีไงครับที่รัก! หรือคุณอยากเข้าคุกกรีซพร้อมผม?” เขาตะโกนสวนอย่างหน้าตาย พร้อมเสียงหัวเราะที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย “โว๊ยยย!!! ใครที่รักแก!!!! วางฉันลงก่อนที่ฉันจะอ้วก!”


“ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคุณจะสะดุด! ผมเป็นผู้ชายที่สุภาพมากนะ ถึงจะดูดีเกินไปก็เถอะ!”


“นี่มันไม่ใช่การสุภาพ นี่มันการลักพาตัวต่างหาก!!” เธอเถียงทั้งที่กอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เลสเตอร์หัวเราะในลำคออย่างชอบใจกับปฎิกิริยานั้น เสียงตะโกนของตำรวจด้านหลังก้องตามมา 


“ผู้ต้องสงสัยกำลังหนี! เร็วเข้า เขาเร็วมาก!! เร็วเกินมนุษย์!!”

“ผู้ก่อการร้ายหนีการจับกุมมมม!” อีกเสียงหนึ่งดังซ้ำอย่างแตกตื่น 


เตอร์กระโดดข้ามรั้วเหล็ก พุ่งทะลุตรอกแคบแล้ววกเข้าถนนหลังร้านกาแฟแห่งหนึ่งข้างเส้นทาง เขาวิ่งไปเหมือนไม่รู้จักเหนื่อยขณะที่โมนีก้าได้แต่พยายามไม่กรี๊ด “เลสเตอร์! นายเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถ้าโดนจับได้เราจะอธิบายยังไง!?”


“ก็แค่บอกความจริงสิ ว่าผมหล่อเกินไปจนโลกไม่ยอมรับ—อุ๊บ!”

“ถ้านายยังพูดอีก ฉันจะดีดหน้าผากนาย!” โมนีก้าพูดแล้วยกมือตีไหล่อีกคน


“ได้เลย แต่รอก่อนนะ ผมจะหาที่หลบก่อน ไม่อยากให้แฟนคลับคนใหม่ถือปืนมาจีบเราสองคน!” เขาพูดพร้อมหัวเราะอีกครั้ง ในที่สุดเลสเตอร์ก็พุ่งเข้าซอยแคบด้านหลังอาคารร้าง หยุดหอบนิด ๆ ก่อนวางโมนีก้าลงอย่างอ่อนโยน “เห็นไหม ผมบอกแล้ว ไม่มีใครวิ่งเร็วกว่าผมนอกจากลมกับเสียงปรบมือของตัวเอง”


โมนีก้าหันมามองเขาอย่างอึ้งปนเหนื่อย “เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส… ถ้านายไม่ใช่เทพจริง ฉันจะเรียกนายว่าปีศาจแห่งความมั่นหน้าแทนแล้ว!” เขายิ้มบาง “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ แม่สาวดอกไลแลค”


“ฉันไม่ได้ชม!” เธอแว๊ดใส่หน้าเขาทันทีที่โดนพูดใส่

“แต่ผมเลือกจะถือว่าเป็นคำน่ารักแทน” แต่เหมือนเลสเตอร์จะไม่รู้ตัว…โมนีก้าได้แต่เอามือกุมขมับ แต่ก็เผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขณะที่เสียงไซเรนยังดังอยู่ไกล ๆ ทั้งสองยืนมองหน้ากันในตรอกอับนั้น ใจเต้นแรงไม่รู้ว่าเพราะความหวาดกลัวหรือเพราะเขายังไม่ยอมปล่อยมือจากเธอสักที


ลมยามเย็นพัดเฉื่อยผ่านตรอกอับที่ทั้งสองใช้ซ่อนตัว เสียงไซเรนไกลออกไปจนเหลือเพียงความเงียบระคนเสียงแมลงกลางพุ่มไม้ เลสเตอร์ยืนพิงกำแพงหายใจยาว ขณะมองท้องฟ้าที่เริ่มกลืนด้วยสีครามของยามพลบ ก่อนจะหันมาทางโมนีก้าที่กำลังปัดฝุ่นบนเสื้อโค้ทของตัวเองอยู่ เขายักคิ้ว “งั้นเราก็น่าจะต้องเดินแล้วล่ะ เพราะผมว่า...ตอนนี้เราโดนหมายจับไปเรียบร้อยแน่ ๆ”


โมนีก้าชะงักมือ ขมวดคิ้วมองเขา “หมายจับ? นายพูดเหมือนเรื่องมันขำเลยนะ นี่เราจะทำยังไงกันดี”


“ง่ายมากครับ” เขาพูดเสียงเรียบแต่มีรอยยิ้มจางบนริมฝีปาก “เราก็ไม่ต้องใช้บริการอะไรทั้งนั้น ไม่ใช้รถ ไม่นอนโรงแรม ไม่เดินตลาด เพราะยังไงเราก็เข้าไม่ได้อยู่แล้ว ผมเดาว่าถ้าเปิดทีวีคืนนี้ เราสองคงขึ้นจอข่าวแน่นอน ‘ผู้ก่อการร้ายปริศนา หนีการจับกุมด้วยความเร็วเหนือมนุษย์’ ฟังดูเท่ดีออกนะ”


“นายยังจะมีอารมณ์ล้อเล่นอีกเหรอ?” โมนีก้าโวยเบา ๆ “นี่มันไม่ใช่หนังแอ็กชันนะเลสเตอร์!” เขาหัวเราะเบา “โอเค ๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้” ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัว “ตอนนี้เราต้องเดินเท้าไปก่อน เมืองข้างหน้า...อาลิอาร์โตสแค่สิบห้ากิโล เดินสามชั่วโมงก็ถึง…ถึงจะช้าหน่อยแต่ปลอดภัยกว่า”


“สามชั่วโมงเหรอ...” โมนีก้าขมวดคิ้ว คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มจาง “งั้นเรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ฉันมีในแหวนดาราจรัสเยอะมากเลย ทั้งของสด ทั้งแห้ง ทั้งของหวาน” เลสเตอร์หัวเราะพออกพอใจ “คุณนี่วางแผนเก่งนะ ผมเริ่มคิดแล้วว่าผมควรจะขออยู่รอดด้วยการเป็นคนแบกกระเป๋าให้คุณแทนแล้วล่ะ”


“ได้สิ แต่ฉันจะคิดค่าแรงเป็นรายชั่วโมงนะ”

“โอ้ ดูคุณสิ ยังกล้าพูดกับชายที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในค่ายจูปิเตอร์แบบนี้อีกหรอ”

“หล่อที่สุดในความฝันของตัวเองน่ะสิ” เธอเถียงกลับอย่างขำ ๆ แต่ในรอยยิ้มมีความอบอุ่นบางอย่างซ่อนอยู่ เลสเตอร์มองเธอครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ “ไม่ต้องห่วงไปหรอก เดี๋ยวอีกไม่นาน หมอกบังตาจะทำงาน พอครบเดือนมนุษย์ก็จะเริ่มลืมเหตุการณ์เองจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีผู้ก่อการร้ายสองคนหน้าตาดีแบบเรา”


“นั่นฟังดูแปลก ๆ นะ” โมนีก้าเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ

“ไม่แปลกหรอกสำหรับคนที่เป็นอดีตเทพแห่งแสงอาทิตย์อย่างผ—” เขาชะงักกึก แล้วไอแห้ง ๆ “...ผะ...ผมหมายถึงอดีตนักเดินทางที่มีความรู้เรื่องหมอก!” โมนีก้าเลิกคิ้ว “พูดเกือบจะครบแล้วนะ”


“ผมพูดอะไร? ไม่มี๊” เขายิ้มกวนก่อนยกมือพนมเล่น ๆ “ขอพูดต่อแสงดาวในราตรีพลบค่ำ ว่าผมพูดอะไรผิดไปไม่ได้เลย” โมนีก้าหัวเราะออกมาจนเผลอยิ้มกว้าง “งั้นไปกันเถอะ ก่อนที่ตำรวจจะย้อนกลับมาอีก” สิ้นคำแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันค่อย ๆ จมหายไปหลังขอบฟ้า ขณะที่ทั้งสองเดินเท้าออกจากตรอกเข้าสู่ทางหลวงเล็กที่ทอดยาวไปยังเมืองอาลิอาร์โตส เสียงฝีเท้าดังเบา ๆ บนพื้นกรวด แสงส้มอ่อนของยามพลบค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม


เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนความมืดเข้าปกคลุมท้องทุ่ง เสียงจักจั่นดังระงมทั่วผืนทาง โมนีก้าหยิบไฟฉายเล็กจากในแหวนดาราจรัส แสงสีขาวนวลค่อย ๆ ทาบลงบนถนนหินและพงหญ้าสองข้างทาง เลสเตอร์เดินนำอยู่ไม่ห่าง ดวงตาสีฟ้าของเขาดูเรืองขึ้นน้อย ๆ จากแสงไฟ “คุณรู้ไหม แสงของคุณน่ะสวยกว่าไฟฉายอีก” เขาพูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไร โมนีก้าชะงักที่อยู่ ๆ เขามาพูดอะไรวะเนี้ย แววตาเทาเงินสะท้อนแสงกลับไป “นายพูดทุกอย่างให้มันกลายเป็นคำหวานได้ตลอดเลยนะ”


“ก็เพราะทุกอย่างที่ผมพูดกับคุณ มันเป็นความจริงไง” เลสเตอร์เอ่ยยิ้ม ๆ เหมือนกับว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้คิดอะไรมากกว่าไปกับการหยอดโมนีก้า “เฮอะ...” เธอหัวเราะเบา ๆ “ไปต่อเถอะก่อนที่ฉันจะหน้าแดงไปมากกว่านี้”

 

ทั้งสองเดินต่อในความมืดที่มีเพียงแสงไฟฉายและแสงดาวนำทาง เสียงลมพัดใบไม้ข้างทางดังกรอบแกรบ และในจังหวะที่สายลมพัดหอมกลิ่นไลแลคอ่อน ๆ จากตัวโมนีก้า เลสเตอร์ก็แอบเหลือบมองเธออีกครั้งอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “...ผมอาจจะถูกหมายจับจากมนุษย์ แต่ถ้าเป็นคุณผมยอมจำนนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ” แน่นอน เขาพูดเสียงเบาจนโมนีก้าไม่ได้ยิน  และทั้งคู่ก็ยังคงเดินเคียงกันไปในค่ำคืนอันเงียบสงบของกรีซ ด้านหน้าคือแสงสลัวของเมืองอาลิอาร์โตสที่รออยู่ในระยะไกล


เสียงลมราตรีพัดผ่านแผ่วเบา แสงจันทร์สะท้อนลงบนผิวน้ำที่นิ่งราวกระจก ท้องฟ้าไม่มืดสนิทเพราะยังคงเป็นช่วงเวลาที่พลบค่ำมาแทนกลางคืน แต่มีหมู่ดาวพราวระยับเหนือหัว ทั้งโมนีก้าและเลสเตอร์หยุดยืนอยู่ข้างแหล่งน้ำนั้น หายใจคล่องหลังเดินทางมาหลายชั่วโมง “ที่นี่ดูเหมาะจะพักหน่อยนะ” เธอพูดพลางยกขวดน้ำขึ้นดื่ม เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังกลบความเงียบที่โรยตัวครอบคลุมไปทั่วผืนป่า เลสเตอร์เดินเข้ามาใกล้ เหลียวตามแสงไฟที่ทอดยาวไปบนผิวน้ำ “อย่าเพิ่งเข้าใกล้มากนัก ดูสีน้ำนั่นสิ ไม่ปกติเท่าไรนะ”


โมนีก้าขมวดคิ้ว “หมายถึงสีเขียวเรือง ๆ นั่นเหร—”


ยังไม่ทันพูดจบ เสียงกระพือปีกขนาดใหญ่ก็แหวกอากาศดัง “วูบ!” มาจากเบื้องบน ลมแรงกระแทกลงจนใบไม้ปลิวว่อน ดวงตาของเลสเตอร์หรี่ลงอย่างเฉียบไว เขาร้องเสียงต่ำ “หมอบลง!” แล้วคว้าข้อมือโมนีก้ากดร่างเธอลงกับพื้นทันก่อนที่วัตถุแหลมแวววาวหลายสิบชิ้นจะพุ่งเฉียดหัวทั้งคู่ไปฝังลงบนต้นไม้ด้านหลัง เสียง “ฉึก ฉึก ฉึก!” ดังรัวราวลูกธนูโลหะ โมนีก้าเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนกขนาดมหึมาสีดำทอง ปีกมันเป็นแผ่นโลหะสะท้อนจันทร์ เงาวับเหมือนดาบบินได้ “นั่นมั—”


“นกสติมฟาเลียน!” เลสเตอร์คำรามตอบทันที “พวกมันโหดกว่าที่เห็น!”

“แล้วจะเอายังไงดี!?” เธอตะโกนถาม ขณะที่พวกมันเริ่มโฉบลงพร้อมเสียงแหลมทะลุแก้วหู เลสเตอร์ขมวดคิ้วแน่น กำลังวางแผนในหัวอย่างรวดเร็ว ก่อนสายตาสีฟ้าเข้มจะวาบแสงขึ้นนิดหนึ่ง “ผมมีวิธี… แต่คุณต้องทำตามที่ผมบอกเท่านั้น”


“อะไรของนายอี—” ยังไม่ทันถามจบ เลสเตอร์ก็เอื้อมมือมาปิดหูของเธอแน่น มือใหญ่ประกบไว้สองข้างจนเสียงรอบตัวดับวูบ เหลือเพียงเสียงหัวใจของตัวเองในอก โมนีก้าขมวดคิ้ว มองเขาอย่างงงงัน “เฮ้!” เธอร้องแต่ไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลย 


จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางท้องฟ้า สูดลมหายใจเข้าลึก เสียงร้องของเขาดังขึ้นเสียงสูงมากจนทะลุความถี่ของหูมนุษย์ เป็นเสียงดนตรีบริสุทธิ์ที่สั่นสะเทือนอากาศรอบตัว คลื่นเสียงนั้นพุ่งทะลุขึ้นฟ้า กระแทกฝูงนกสติมฟาเลียนเข้าเต็มแรง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงตะโกนธรรมดา แต่เป็นเหมือนคีย์สังหารของเทพผู้เคยครอบครองดนตรี เสียงนั้นสะเทือนทุกหยาดน้ำในบึงให้กระเพื่อมราวพายุ เสียงโลหะเสียดกันของฝูงนกกรีดร้องระงม ก่อนแตกฮือบินสะเปะสะปะราวคลั่ง โมนีก้าตกใจสุดขีด แม้จะไม่ได้ยิน แต่แรงลมจากเสียงนั้นทำให้ผมของเธอปลิวว่อน เธอมองเห็นนกทุกตัวบินกระเจิดกระเจิงในอากาศ แล้วเลสเตอร์ก็ปล่อยมือออกจากหูเธอในจังหวะเดียวกัน “ตอนนี้ล่ะ โมนีก้า!” เขาตะโกน พร้อมง้างธนูขึ้นในชั่วอึดใจ


เสียง “ฟิ่ว!” ของลูกศรพุ่งแหวกกลางลม ยิงปีกนกตัวหนึ่งจนโลหะระเบิดกระจาย มันกรีดร้องพลางร่วงลงจากฟ้า โมนีก้าไม่รอช้า เธอแตะกำไลที่ข้อมือซ้าย แสงทองเปล่งวาบ ดาบสุริยคติปรากฏในมือทันที เธอก้าวเข้าหานกตัวนั้นแล้วฟาดคมดาบแสงลงกลางอก ร่างมันกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดังสะท้าน เลสเตอร์ยิงซ้ำอีกลูก สองลูก สามลูก ทุกดอกเข้าปีกพอดีราวจับจังหวะดนตรี เขาเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำจนดูแทบไม่ใช่มนุษย์ ขณะเดียวกันโมนีก้าก็จัดการกับพวกที่ตกลงมาอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเธอแม้ไม่หนักแน่นเท่าเขา แต่ก็เฉียบคมและกล้าอย่างน่าประหลาด


ในที่สุด เสียงโลหะกระแทกพื้นเงียบลงพร้อมกลิ่นไหม้คละคลุ้งไปทั่ว ทั้งสองยืนนิ่งหอบหายใจท่ามกลางร่างนกโลหะสิบตัวที่กองเกลื่อนพื้น โมนีก้ามองร่างพวกมันที่สะท้อนแสงจันทร์แปลกตา “มันไม่สลาย…?” เลสเตอร์พยักหน้า “พวกมันไม่กลายเป็นฝุ่นทองอย่างปีศาจทั่วไป”


“แต่… ถ้าปล่อยไว้แล้วถ้ามีคนมาเห็นล่ะจะเกิดอะไรขึ้น” เขาเหลือบมองเธอ ดวงตาสีฟ้าคล้ายส่องประกายจริงจังขึ้น “ก็จะเห็นว่าเรากำลังอุ้มศพเด็ก หรือไม่ก็อะไรแปลกประหลาด ผมไม่อยากให้เรากลายเป็นข่าวอีกแล้วนะ แค่นี้ผมก็เนื้อหอมเยอะเกินจนคุณลำบากใจแล้วล่ะใช่ไหมล่ะ?” โมนีก้าอ้าปากค้างทั้งเรื่องศพเด็กและเรื่องที่เลสเตอร์พูด “ศพเด็ก!? นี่มัน? โอ๊ย เดี๋ยวสิ!” เธอรีบควักแหวนดาราจรัสขึ้นมา แสงจากแหวนส่องวาบ แล้วร่างของนกแต่ละตัวก็ถูกดูดเข้าไปในแสงทองจนหายหมดสิ้น เมื่อแสงสุดท้ายจางลง เลสเตอร์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันมายิ้มบาง “ดีมาก... คุณทำเร็วเกินคาดเลย”


“แน่นอนสิ” เธอหอบนิด ๆ “ใครมันจะอยากอุ้มศพนกกลางป่าแบบนี้เล่า...”


เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ เดินเข้ามาใกล้แล้วจับมือเธอไว้ “ไปกันเถอะ ก่อนที่คุณจะเริ่มบ่นมากกว่านี้ ผมไม่อยากให้เสียงของคุณกลบความสงบของธรรมชาติ”


“โอ๊ย! นายกล้า!” เธอเถียงแต่ไม่ดึงมือออกแต่อย่างใดเพราะกำลังตกใจอยู่ ทว่าเขากลับยิ้มมุมปาก “กล้าสิ เพราะผมถือว่าการได้เดินจับมือกับคุณคือรางวัลหลังการสู้รบแล้ว” โมนีก้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหน้าแดงน้อย ๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น “เดินไปเลยเลสเตอร์ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเอาดาบฟาดนายแทนพวกนก”


“ครับ คุณแม่สาวไลแลค” เขาตอบเสียงเรียบแต่มีรอยยิ้มในน้ำเสียง


แสงจันทร์จาง ๆ และแสงพลบค่ำเหนือแนวป่าโปรยส่องลงบนทางเดินคดเคี้ยวเลียบลำธาร เสียงน้ำไหลแผ่วเบาแต่เยือกเย็นจนรู้สึกได้ถึงความนิ่งผิดธรรมชาติ โมนีก้าชะงักฝีเท้าเมื่อแสงไฟฉายในมือสะท้อนกับบางสิ่งระยิบระยับอยู่ข้างหน้า หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมแม่น้ำเล็ก ๆ ผมของนางยาวสยายดั่งแพรไหม เงาสะท้อนบนผิวน้ำทำให้ดูราวกับแสงจันทร์เองก็กำลังส่องให้เฉพาะเธอ ใบหน้าของนางงดงามเกินมนุษย์ ดวงตาสีเขียวอมทองเปล่งแสงเรืองราวหยาดหยกในเงาน้ำ


“เลสเตอร์…” โมนีก้ากระซิบเบา ๆ “เธอสวยมากเลย…”


แต่แทนที่เลสเตอร์จะตอบ เขากลับยืนนิ่ง ดวงตาเบิกค้างราวกับเห็นภาพลวงตา เขามองหญิงริมแม่น้ำสลับกับโมนีก้า ไปมา ๆ หลายครั้งเหมือนเห็นผี สีหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “โอ้พระ... เอ่อ หมายถึง โอ้จันทร์ดาวในค่ำคืนนี้…” เขาพึมพำ พยายามควบคุมสีหน้า โมนีก้ามองงง ๆ “อะไรของนายเนี่ย?” เขารีบไอแก้เขิน “ไม่มีอะไร ผมแค่… เห็นเงาของตัวเองในน้ำต่างหาก ก็แปลกดีนะ แสงจันทร์คืนนี้ช่างขับความงามของผมจนผมเกือบจำตัวเองไม่ได้เลย”


โมนีก้าเลิกคิ้ว “อืม…แน่นอน จ๊ะ เชิญเลย”


“ก็ผมมันมีปัญหากับความสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดนั่นแหละ” เขาตอบพร้อมยกคิ้วอย่างกวน ๆ แต่ในน้ำเสียงแฝงความตึงเครียดแปลก ๆ โมนีก้าก้าวเข้าไปอีกนิด เธอรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในอากาศ เย็นแต่เหนียวราวหมอก เธอขยับมือเรียกดาบที่กำไลออกมากำมันแน่นขณะเอ่ยเสียงเบา “เลสเตอร์…นั่นไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม?”


เลสเตอร์พยักหน้า ดวงตาสีฟ้าคมกล้า “เมลูซีนไงครับ คุณจำไม่ได้หรอ… วิญญาณแห่งสายน้ำครึ่งหญิงครึ่งงู เธอมีพลังลวงตาและแน่นอน ชอบล่อลวงคนที่คิดว่าตัวเองสวย” โมนีก้าหันขวับ “งั้นนายตกหลุมรักตัวเองในเวอร์ชันของเธอเหรอ?”


“อย่าประชดผมตอนนี้ได้ไหม ผมแค่สะดุดกับความเหมือน…” เสียงเขาลดต่ำลงนิดหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา” เมลูซีนยกสายตาขึ้นดวงตาสีหยกหรี่ลงพร้อมรอยยิ้มบาง “เจ้าทั้งสอง… กลิ่นเลือดของเทพและกลิ่นของดอกไลแลค … หอมเหลือเกิน” เสียงของเธอดังลื่นไหลเหมือนสายธาร แต่แฝงแรงดึงดูดอันตราย


“โอ้ ผมขอไม่ปฏิเสธคำชมนั่นนะครับ เสน่ห์ผมเกินต้านอยู่แล้วคุณผู้หญิง” เลสเตอร์พูดพลางยกคันธนูขึ้นอย่างรวดเร็ว “แต่พอดี...ผมไม่ค่อยชอบพวกที่มีหางยาวกว่าผม แต่เพราะคุณหน้าตาดีผมจะปรานี”


“งั้นก็ชดใช้ด้วยเลือดของเจ้าเถิด” เสียงนั้นเปลี่ยนเป็นคำรามต่ำในวินาทีเดียว ร่างของเมลูซีนบิดงอ เผยให้เห็นส่วนล่างเป็นเกล็ดสีฟ้าเงินส่องประกาย เธอพุ่งขึ้นจากน้ำด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ เล็บยาวเฉียดคอเลสเตอร์จนเส้นผมปลิว โมนีก้ารวบดาบไว้แน่น ปัดการโจมตีถัดมาอย่างเฉียดฉิว เสียงโลหะกระทบเกล็ดดัง “แกร๊ง!” เธอกัดฟัน “ยัยนี่เร็วกว่าที่คิดอีก!”


“เธอเร็ว… แต่ไม่เร็วกว่าลูกศรของผม!” เลสเตอร์ง้างธนูขึ้น ปลายนิ้วปล่อยสาย เสียง “ฟิ่ว!” ดังพร้อมประกายทองพุ่งเข้าใส่เมลูซีน แต่นางหมุนตัวหลบได้เฉียดฉิว “ไม่โดน…” โมนีก้ากระซิบ แต่เลสเตอร์ยิ้มมุมปาก “ใครว่าผมเล็งปกติ?”


ทันใดนั้น แสงจากลูกศรที่พลาดเมื่อครู่กระทบกับผิวน้ำ ระเบิดเป็นลำแสงสะท้อนขึ้นฟ้า เมลูซีนชะงักด้วยแรงแสงส่องจ้าดวงตาเธอพร่ามัวเพียงชั่ววินาที แต่เพียงพอให้โมนีก้าพุ่งเข้าใส่ เธอฟาดดาบสุริยคติเต็มแรง แสงทองพุ่งกระจายกลางคืน เสียงคำรามของเมลูซีนดังก้อง ก่อนร่างของเธอแตกสลายกลายเป็นละอองทองละเอียด ล่องลอยไปกับสายลมราวกับเกล็ดน้ำ โมนีก้าหอบหายใจยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก “จบแล้วสินะ…” เลสเตอร์เก็บธนูแล้วเดินเข้ามายิ้มกวน “แน่นอนครับ ไม่มีปีศาจไหนทนแรงดึงดูดของผมได้นานหรอก ไม่ว่าจะเป็นครึ่งงู ครึ่งน้ำ หรือครึ่งใจของคุณ”


“โอ๊ย… พอเถอะ ฉันเพลียจะตายอยู่แล้ว” โมนีก้าส่ายหน้าแบบเอิือมระอา แต่ริมฝีปากกลับยิ้มจาง ๆ “ไปกันเถอะ เมืองลิวาเดียคงอยู่ไม่ไกลแล้ว” การตอบรับของเลสเตอร์คือรอยยิ้มก่อนเขาจะโค้งตัวอย่างโอเวอร์ก่อนเดินนำไปบนทางลาดชื้น เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังกึกกักในความเงียบ

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

ยอดเยี่ยม! การวิ่งหนีตำรวจมนุษย์นั้นเป็นการแสดงความเร็วระดับเทพที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่ผมเคยทำมาในร่างนี้เลยนะ พวกเขาควรจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เห็นสิ่งนี้จากผม และการที่ผมช้อนโมนีก้าขึ้นมานั้น... มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องตามหลักสุภาพบุรุษและเป็นการสร้างฉากที่น่าจดจำให้กับความทรงจำของเธอ (แล้วทำไมเธอจะไม่รักผมลง ไม่มีทาง) 


ผมชอบปฏิกิริยาของโมนีก้าที่ทั้งตกใจทั้งโกรธแต่ก็กอดผมแน่น นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการเพราะการเป็นจุดศูนย์กลางของอารมณ์ทั้งหมดของเธอมันชวนรู้สึกดีไง! และสำหรับเจ้าพวอสูรนั้น นกสติมฟาเลียนกับเมลูซีน พวกมันพยายามทำลายการเดินทางของผมอย่างต่อเนื่อง ผมรู้ว่าโมนีก้าตกใจตอนที่ผมปิดหูเธอแต่เธอไม่จำเป็นต้องได้ยินหรอก เดี๋ยวจะหลงผมมากกว่าเดิม เสียงของผมควรมีไว้เพื่อสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลาย (ยกเว้นใจของสาว ๆ) และแน่นอน... เพื่อจีบเธอไง


วินาทีที่ผมเห็นเงาของเมลูซีนสะท้อนในน้ำ... ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่ผมจัดการทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ ผมมั่นใจอย่างนั้น

avatar

Moneka M. Blossom

มีหมายจับว่ะ...โคตรเท่ 555555 วัยรุ่นท่อแป๊ปปปปป


+2 ตื่นรู้ จากการกำจัด นกสติมฟาเลียน ครั้งแรก


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ น้ำตาเมลูซีน จำนวน 4 ชิ้น 4 x 2 = 8 ชิ้น

สรุป ได้รับ น้ำตาเมลูซีน 4 ชิ้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 101048 ไบต์และได้รับ 56 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-26 21:47
โพสต์ 101,048 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-26 21:47
โพสต์ 101,048 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-26 21:47
โพสต์ 101,048 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-26 21:47
โพสต์ 101,048 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-26 21:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-27 08:41:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 11 : ระเบิดตู๊มมม กลายเป็น โกโก้ครั้ชวส์?
วันที่ 23 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงดึก เวลา 01.00 น. เป็นต้นไป เมืองอาลิอาร์โตส จนถึง เมืองลิวาเดีย กรีซ ยุโรป

ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีเงินจางของย่ำรุ่งเป็นแสงทองเรื่อ ๆ ของวันใหม่เพราะตอนนี้ใกล้ถึงช่วงเวลาตี 2 ที่พล่ำค่ำจะหายไปแล้ว เสียงจักจั่นและนกในทุ่งข้าวสาลีร้องประสานกันราวจะกล่อมให้ผู้เดินทางสองคนที่เหนื่อยมาทั้งคืนได้พักเสียที โมนีก้าหาววอดพลางบ่นเสียงง่วง “เลสเตอร์…เราพักก่อนเถอะ เดินทั้งวันทั้งคืนขาแทบหลุดแล้ว…” เลสเตอร์มองรอบ ๆ เห็นเพียงทุ่งข้าวสาลีและข้าวโพดสุดลูกหูลูกตา ไม่มีโรงแรม ไม่มีโฮสเทล ไม่มีแม้แต่ศาลาพักร้อน เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ “จะให้ผมนอนกลางดินเนี่ยนะ? คนอย่างผมเนี้ยนะ? โรแมนติกดีแต่ไม่ควรเป็นตอนนี้สิ”


“นายก็พูดมากไปเถอะ” โมนีก้าประชดตรงนั้นมีต้นไม้ใหญ่อยู่ไง ใต้ร่มเงานั่นก็น่าจะพอไหว เราพักกันแค่สักชั่วโมงก็ยังดีเลสเตอร์ถอนหายใจยอมจำนนต่อคำขอของโมนีก้าที่เขาแพ้มันทุกทีสินะ “โอเคก็ได้ คุณแม่แห่งความอดทน(ต่ำ)” เขาประชดกลับแต่ก็เดินไปจุดกองไฟให้ตามคำขอ


ทั้งสองนั่งรอบกองไฟเล็ก ๆ กลางทุ่ง ข้าวสาลีเอนพริ้วตามแรงลม อากาศเช้าเย็นแต่ไม่หนาวจนเกินไป เสียงแตกเปรี๊ยะของฟืนให้ความอบอุ่นจนโมนีก้าเริ่มจะเคลิ้ม หลับตาพริ้มพอให้พักใจ แต่ไม่นานเสียงกรอบแกรบประหลาดก็ดังขึ้นจากพุ่มหญ้า โมนีก้าลืมตา “เสียงอะไรน่ะ…”


ยังไม่ทันพูดจบ เสียงหัวเราะแหลมเล็กก็ดังขึ้น “ฮี่ ฮี่ ฮี่!” ออกมาพร้อมร่างบางสิ่งเล็ก ๆ ที่โผล่พรวดจากทุ่งข้าวสาลี มันมีปีกสีทองแห้งกรอบเหมือนเปลือกข้าวโพด ผมสีขาวฟูยุ่งเหมือนไหมข้าวโพด และผิวเขียวอ่อนจนมองเห็นเส้นเลือดสีเหลืองทอง รอยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ แววตาสีเขียวหม่นของมันเต็มไปด้วยความซุกซน “เดี๋ยว…นั่นเด็กมีปีกเหรอ?” โมนีก้าขมวดคิ้ว “คิวปิดที่เรียนคณะเกษตรปะ?”


เลสเตอร์ย่นจมูกขมวดคิ้วใส่โมนีก้าสำหรับคนที่เคยเจอคิวปิดมาก่อนแล้วมองไปทางตัวที่พึ่งมา เหมือนตรงไหนเนี้ย? “ไม่ใช่คิวปิด มันคือคาร์ปอสพวกวิญญาณแห่งธัญพืช พวกนี้เป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์คุณด้วยนะโมนีก้า พวกมันเกลียดพวกสายเลือดเซเรส”


“เพราะแม่ฉันปลูกพวกมันอ่ะหรอ?” เธอถามเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความสงสัยพอสมควรเลยทีเดียวแหละ เลสเตอร์พยักหน้า “ใช่แหละ สำหรับมันการเพาะปลูกคือการทำให้สิ่งที่พวกมันภาคภูมิใจนั้นเชื่อง มันมองว่านั่นคือการหมิ่นศักดิ์ศรีของธรรมชาติที่ดุร้ายของพวกมัน”


เสียงหัวเราะของคาร์ปอสสองตัวดังอีกครั้ง “เซเรส! เซเรสสส! สายเลือดเซเรส!!! พวกเจ้าเพาะเราไว้กินใช่ไหม? งั้นวันนี้เราจะกินเจ้าคืนบ้าง ฮี่ฮี่ฮี่!” แล้วมันพุ่งลงมาจากอากาศทันทีมุ่งหน้าไปทางโมนีก้าอย่างไม่เกรงใจใคร เลสเตอร์ลุกพรวดหยิบธนูขึ้นง้างร้อมเสียง “ฟิ่ว!” ลูกศรแสงทองพุ่งไปเฉียดผมมัน “โมนีก้า ระวังปีกของพวกมัน! มันคมเหมือนใบมีดข้าว!”


เพราะคำนั้นเป็นจังหวะที่โมนีก้าแตะกำไลที่ข้อมือ แสงทองเปล่งขึ้นเมื่อดาบสุริยคติปรากฏ “ได้เลย ฉันไม่ชอบเด็กที่เล่นซนแบบนี้อยู่แล้ว!” เธอเหวี่ยงดาบปัดเมล็ดข้าวที่พวกมันพ่นออกมาเป็นฝนกระหน่ำ เสียงกระแทกเปรี๊ยะ ๆ ดังเหมือนฝนห่าใหญ่ คาร์ปอสสองตัวหมุนตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว กลายเป็นลมหมุนธัญพืช พุ่งเข้ามาหาเลสเตอร์จากด้านหลัง แต่เขาเหยียบปลายเท้าหมุนกลับยิงสวนกลางพายุจนลูกศรทะลวงกลางวงลม เสียงปังดังขึ้นพร้อมกลิ่นไหม้ของข้าวคั่ว “ผมไม่รู้จะภูมิใจหรือหิวดีนะตอนนี้” เขาประชด


“เลสเตอร์โว้ย!” โมนีก้าตะโกนขณะพุ่งเข้าฟันอีกตัวหนึ่งตรงหน้าด้วยแรงทั้งหมด ดาบสุริยคติพาดผ่านกลางลำตัวของมันจนเกิดแสงระเบิดสีทอง กลิ่นหอมแปลก ๆ ของข้าวอบและน้ำผึ้งลอยคลุ้ง พวกคาร์ปอสส่งเสียงแหลมสูง “ไม่…พวกเราคือผลผลิตแห่งที่อร่อยที่สู๊ดดดด ตู๊มมม กลายเป็นโกโก้ครั้ช ช ช ชช—!” แล้วร่างทั้งคู่ก็ระเบิดเป็นละอองฝุ่น


… และซีเรียล


ใช่…ไม่ผิดหรอก อ่านไม่ผิด ซีเรียลจริง ๆ เมล็ดกลมสีทองลอยลงบนพื้น พร้อมกล่องจิ๋วที่เขียนว่า Milo, Weet-Bix, Choco Crunch, Corn Flakes ร่วงกระจายรอบตัวทั้งสอง


โมนีก้ายืนอึ้งตอนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “...นี่คือระเบิดเป็นโกโก้ครั้นช์ใช่ไหม?” เธอพูดเสียงเรียบแต่สีหน้าอึนสุดชีวิต “คืออะไรเนี่ย… ขอโทษนะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในโฆษณาซีเรียลตอนเช้าเลยว่ะ…” เลสเตอร์หลุดหัวเราะจนตัวงอกับสภาพของโมนีก้าในตอนนี้ “ฮะฮะฮ่า โอ้ พระเจ้า! ถ้าเทพีเซเรสเห็นคงขำไม่ออกแน่ ๆ ลูกสาวเธอสู้กับผีข้าวแล้วได้รางวัลเป็นอาหารเช้า!”


โมนีก้าเอามือกุมหน้า “เลสเตอร์…ฉันสาบานเลย ถ้ามีโลโก้คิ้วท์ ๆ โผล่มา ฉันจะเลิกเดินกับนายเดี๋ยวนี้”


“ไม่หรอก” เขายกคิ้ว “เพราะคุณจะเอาพวกนี้ไปเก็บไว้ในแหวนใช่ไหมล่ะ? สินสงครามแห่งโกโก้ครั้นช์อันศักดิ์สิทธิ์” เธอหันมาค้อนแรงกับทางเลสเตอร์ แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ ยื่นแหวนดาราจรัสออกมาดูดซีเรียลพวกนั้นเข้าไปกล่องด้วยสีหน้าเอือม ๆ


เมื่อทุกอย่างสงบเลสเตอร์ยังยืนหัวเราะไม่หยุด “เฮ้อ…ผมรักโลกนี้จัง มีปีศาจที่ตายแล้วกลายเป็นอาหารเช้า ใครจะคิดได้วะเนี่ย”


“นายสิปีศาจตัวจริง…” โมนีก้าพึมพำแล้วล้มตัวเอนพิงต้นไม้ เหนื่อยแต่แอบยิ้มมุมปาก “อย่างน้อยเราก็มีอาหารเช้าพร้อมแล้วล่ะ” เลสเตอร์นั่งลงข้าง ๆ มองแสงเช้าที่เริ่มอบอุ่นขึ้นบนท้องทุ่ง “ครับ… และผมจะไม่กินมันเด็ดขาดถ้ามันยังมีหน้าการ์ตูนยิ้มใส่ผมอยู่บนกล่อง” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นแผ่ว ๆ ท่ามกลางทุ่งข้าวสาลีที่พลิ้วไหว สายลมพัดพาเมล็ดทองปลิวขึ้นสูงราวกับฤดูเก็บเกี่ยวกำลังยิ้มให้ผู้กล้าทั้งสองที่เพิ่งผ่านศึกกับปีศาจอาหารเช้าแห่งลิวาเดียมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีและเมื่อถึงช่วงเช้าทั้งสองก็ออกเดินทางต่อ

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

อ่านเอง

avatar

Moneka M. Blossom

ทำไม...ผมฮา


+2 ตื่นรู้ จากการกำจัด คาร์ปอส ครั้งแรก


มีค่า LUK 150 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เปลือกข้าวโพด จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น

สรุป ได้รับ เปลือกข้าวโพด 1 ชิ้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 41970 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-27 08:41
โพสต์ 41,970 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-27 08:41
โพสต์ 41,970 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-27 08:41
โพสต์ 41,970 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-27 08:41
โพสต์ 41,970 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-27 08:41

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-27 22:00:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 12 : เดินเดินเดิน
วันที่ 23 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป เมืองลิวาเดีย จนถึง เมืองอาราโควา กรีซ ยุโรป

แสงแดดยามเช้าของเมืองลิวาเดียเริ่มอุ่นขึ้นช้า ๆ พาดผ่านยอดหญ้าและแนวข้าวสาลีที่ยังมีละอองน้ำค้างเกาะอยู่ เสียงนกร้องปลุกให้สองนักเดินทางที่เพิ่งผ่านคืนยาวนานลืมตาขึ้นรับวันใหม่ โมนีก้าขยี้ตาพลางยืดแขนหาวหวอด ส่วนอีกคนที่นอนข้าง ๆ กันใต้ต้นไม้นั้นเริ่มบ่นเสียงงัวเงียทันทีที่ลืมตา “โอ๊ย...หลังผมนี่เหมือนโดนคนเอาก้อนหินมานวดทั้งคืนเลย นี่เรานอนบนพื้นหรือบนกระดูกมังกรกันแน่?” โมนีก้าอมยิ้ม “นายก็พูดมากเกินไปทุกเช้าเลยนะ ทนหน่อยเถอะ นอนกลางทุ่งแบบนี้ไม่ใช่ห้องพักห้าดาวของนายหรอก”


เลสเตอร์ถอนหายใจ ทำท่าบีบไหล่ตัวเอง “ก็ผมเป็นเทพที่เคยชินกับความสะดวกสบา— เอ่อ หมายถึง เป็นคนที่ชอบที่นอนดี ๆ น่ะครับ ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร”


โมนีก้าหรี่ตา “นายเกือบหลุดพูดอะไรออกมานะเมื่อกี้...”

พอเลสเตอร์ได้ยินเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ว่าแต่ เราควรเริ่มเดินได้แล้ว เดี๋ยวแดดแรงจะลำบาก” 


หลังจากจัดของเตรียมข้าวเช้าเล็ก ๆ จากซีเรียล สินสงครามแห่งโกโก้ครั้นช์ที่ยังไม่หมดจากเมื่อคืน ทั้งสองก็เริ่มออกเดินต่อ มุ่งหน้าสู่เมืองอาราโควาที่อยู่ลึกขึ้นไปทางภูเขาของภูมิภาคนี้ในกรีซ ระหว่างเดิน โมนีก้ามองรอบ ๆ ทิวทัศน์ที่เริ่มเปลี่ยนจากทุ่งราบเป็นทางลาดเนินเขา “เลสเตอร์ จากลิวาเดียไปอาราโควาใช้เวลานานไหม?”


“ถ้าเดินแบบชิว ๆ ชมนกชมไม้...” เขาเว้นจังหวะยิ้ม “ก็แค่แปดชั่วโมงเองครับ”

โมนีก้าเบิกตา “แปดชั่วโมง!? นายนิยามคำว่าชิวต่างจากฉันมากเลยนะ!”

“ผมเรียกว่าวันออกกำลังกายเพื่อสุขภาพต่างหาก คุณควรขอบคุณผมที่ให้โอกาสได้เผาผลาญพลังงานจากโกโก้ครั้นช์เมื่อคืน”

“เผาผลาญหัวนายสิ...” เธอบ่นงึมงำแต่ก็เดินตามอย่างจนใจ


เวลาผ่านไปประมาณสามชั่วโมง ทางเริ่มลาดชันขึ้น อากาศเย็นลงจากลมภูเขา โมนีก้าเริ่มเงียบเพราะเหนื่อย และตอนที่เท้าซ้ายเธอเหยียบก้อนหินที่กลิ้งหลวม ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เธอสะดุดเสียหลัก “ว้าย!” ก่อนหน้าของเธอจะล้มลงกับพื้น “โมนีก้า!” เลสเตอร์รีบวิ่งเข้ามาพยุงทันที เธอขมวดคิ้วแน่นเมื่อพยายามขยับข้อเท้าแล้วร้อง “โอ๊ย... ข้อเท้าฉัน...” เขาคุกเข่าลงใกล้ ๆ ตรวจดูเบา ๆ “ข้อเท้าพลิก...โชคดีไม่ถึงกับหัก แต่ถ้าเดินต่อแบบนี้อาจบวมหนักแน่” เขาเปิดกระเป๋าหยิบผ้าพันออกมา รัดข้อเท้าเธอไว้อย่างระมัดระวัง มือเขาอุ่นจนเธอรู้สึกหน้าร้อนวาบ


“นายถนัดจังนะ ด้านการทำแผลเนี้ย” โมนีก้าเอ่ยถามเขาแบบเสียงเบา ๆ ไปด้วยความสงสัย

เลสเตอร์ยิ้มแบบคนมีอะไรซ่อน “ก็ผม...เคยช่วยคนเจ็บบ่อยน่ะสิ”

“ใครล่ะ?” หญิงสาวถามต่อ

“อดีตคนรักสักสี่สิบกว่าคนได้มั้ง” เขาตอบหน้าตาเฉย

“เลสเตอร์! เว่อร์!” เธอตะโกนแล้วเอาดาบข้อมือเคาะหัวเขาเบา ๆ “อยากโดนหักข้อเท้าตามไหม?”


ทางเลสเตอร์ที่เห็นแบบนั้นเขาก็หัวเราะในลำคอ “ผมล้อเล่นน่า เอาล่ะ ถ้าเดินไม่ได้ก็คงต้อง...” เขาหยุดพูด แล้วหันหลังให้เธอ “ขึ้นหลังผมสิ” โมนีก้าชะงักตอนที่เลสเตอร์เสนอแบบนั้น “หา? นายจะให้ฉันขี่หลัง?!”


“ครับ ผมเป็นผู้ชายแข็งแรงพูดความจริงเสมอและใจดีในบางโอกาส... ไม่ต้องเกรงใจ” เขาพูดหน้าตาเฉยแต่ดวงตากลับเปล่งประกายขี้เล่น “อีกอย่าง ผมเคยทำแบบนี้แล้วนะ จำไม่ได้เหรอ วันแรกที่เราเจอกันนั่นไง ตอนคุณบ่นว่าไม่อยากเดิน” เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที ภาพวันนั้นย้อนเข้ามาในหัว เขาเดินอุ้มเธอผ่านเส้นทางในป่าทางตอนเหนือของแคนาดา ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครจริง ๆ “ไม่ต้องพูดถึงวันนั้นเลยได้ไหม...” เธอบ่นเสียงเบาเพราะจำได้ว่าโมนีก้าหลับคาหลังของเลสเตอร์ด้วยซ้ำ เอาแบบน้ำลายยืดเต็มเสื้อของเขา


“อ๋อ เหรอครับ? แต่ผมว่ามันเป็นความทรงจำที่ดีนี่นา” เขาหัวเราะ แล้วก้มตัวลงให้เธอขึ้นหลัง “เร็วเข้า ก่อนที่แดดจะขึ้นแรงกว่านี้” โมนีก้าทำท่าอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ วางมือบนไหล่เขา แล้วขึ้นขี่หลังในที่สุด กลิ่นกายของเขาผสมกับกลิ่นไม้และเหงื่ออ่อน ๆ ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เธอพูดพึมพำ “นายชอบทำให้ฉันอายใช่ไหมเลสเตอร์...”


“ผมก็ไม่ได้ตั้งใจนะครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “แต่ผมจะถือว่านี่คือหน้าที่ของผู้ชายหล่อมีคุณธรรม”

“อย่าพูดคำว่าหล่อซ้ำอีกครั้งได้ไหม...เดี๋ยวฉันจะกัดหูนายจริง ๆ” โมนีก้าเอ่ยเสียงเรียบแถมดวงตายังกรอกไปมา 

“ถ้าเป็นคุณกัด ผมก็อาจจะไม่หลบก็ได้นะ”

“เลสเตอร์!” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังสะท้อนก้องไปตามทางภูเขาที่ทอดยาว แสงแดดยามเช้าอาบไล่พวกเขาไปจนถึงปลายทาง ลมเย็นพัดพลิ้วผ่าน เส้นทางจากลิวาเดียสู่เมืองอาราโควาดูจะยาวไกลน้อยลง ไม่ใช่เพราะระยะทางที่สั้นลงแต่เหมือนว่าใครบางคนจะอยากอยู่แบบนี้นาน ๆ อีกหน่อย 


การเดินทางเป็นไปด้วยความเหนื่อยยาก แต่เหมือนกับการชมนกชมไม้จริง ๆ อย่างที่โมนีก้ารู้สึก หญิงสาวมีบ้างที่ลงมาเดินเองเธอไม่อยากให้เลสเตอร์แบกเธอหนัก ๆ ไปตลอดทางเพราะน้ำหนักของเธอก็ไม่ได้น้อย ๆ เหมือนกัน หญิงสาวเดินข้าง ๆ เลสเตอร์ คุยโน้นคุยนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งช่วงที่เข้าสู่เขตของเมืองอาราโควา ทั้งสองพักกันที่ข้างแม่น้ำซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ สายน้ำเพลย์สทอสลากเงาเย็นของภูเขาลงมาคลอเคลียตลิ่งหินสีเทา เสียงกระซิบของกระแสไหลกลบความเงียบของป่าพอให้เหนื่อยล้าถูกล้างออกจากหัวไหล่ 


โมนีก้าค่อย ๆ ไถตัวจากแผ่นหลังเลสเตอร์ลงมายืนเองหลังช่วงยาวที่ผลัดกันแบกผลัดกันเดิน “พักตรงนี้นะ นายไม่ต้องแบกตลอดหรอก เดี๋ยวหลังพัง” เธอว่า พร้อมยิ้มบาง ๆ กลบแก้มที่ยังอุ่นอยู่ กลิ่นไลแลคหวานจางของเธอลอยปะปนกับไอเย็นจากสายน้ำจนบรรยากาศชืดชื่นอย่างประหลาด เลสเตอร์ยักคิ้ว “หลังผมสร้างมาเพื่อรองรับความงามและความลำบากของโลกอยู่แล้วครับ”


พวกเขาก่อไฟเล็ก ๆ ใต้กอหิน ต้มน้ำจากลำธารให้เดือดแล้วชงโกโก้อุ่นจากซองในแหวนดาราจรัส กลิ่นไลแลคหวานจางของโมนีก้าปะปนไอร้อน ละมุนจนเลสเตอร์แอบเผลอสูดลึกกว่าปกติ ก่อนที่ผิวน้ำจะสะท้อนเงาของบางสิ่งวูบไหวขึ้นมา


ผิวน้ำแตกกระเซ็นเป็นมงกุฎหยดแก้ว หญิงสาวรูปงามเลื้อยตัวพ้นลำธาร ผิวเป็นเกล็ดสีมรกตระริกระยับ หูแผ่กางดุจครีบปลา หางสองแฉกพัวพันหยอกกับเกลียวคลื่น ใบหน้าของเธองามจนทำให้ลมหายใจสะดุด งามในแบบที่บิดเปลี่ยนจากความทรงจำ เลสเตอร์ชะงักงัน ดวงตาสีฟ้าพร่าไหวเหมือนกำลังมองใครอีกคนทาบซ้อนอยู่ เขาเกือบหลุดเรียกชื่อ ทว่าเมื่อเธอขยับยิ้ม เขี้ยวบางเผยแวบใต้ริมฝีปากสติของเขาก็กระชากกลับมาในพริบตา “พอดีผมสะดุ้ง เห็นคนหล่อสะท้อนผิวน้ำน่ะครับ” เขาเก็กหน้าตามสูตร โยนคำพูดโอ้อวดทับรอยสะท้อนอารมณ์ที่เผลอเผย เมลูซีนเลียริมฝีปากสีเขียวอ่อนอย่างรำคาญตอนเห็นเลสเตอร์พูดแบบนั้น


โมนีก้าก็ตะลึงงันไม่แพ้กัน เธอเห็นบางอย่างบนหน้าของเมลูซีนที่ทำให้หัวใจเต้นสะดุด แววดวงตาคล้ายเธอเองปนภาพที่ฉาบด้วยเสน่ห์ใส “อย่าไปหลงภาพนะ” เธอเอ่ยเตือนทั้งเขาและตัวเองในที ก่อนดึงข้อมือซ้ายสะบัด กำไลแตกประกายแล้วเลื่อนรูปเป็นดาบสุริยคติ ใบมีดสะท้อนเปลวไฟกองเล็กเป็นทางทองพุ่งเข้าหาศัตรู


เมลูซีนหัวเราะ ต่ำและเย็น “น้ำนี้บริสุทธิ์ พวกผู้ก่อมลทินไม่มีสิทธิ์ดื่มแต่เห็นว่าคืนนี้เมนูคงอร่อยเจ้าทั้งสองจะเป็นอาหารของข้า” หางอันแกร่งฟาดผิวน้ำจนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเหมือนแส้แก้ว แต่ลูกศรจากเลสเตอร์ก็ผ่าอากาศออกไปก่อน มันรวดเร็ว เรียบและแม่นดั่งถักลายทอ ปักกลางตัวของนาง


“ผมจะตัดการเคลือนไหวเอง คุณจบงาน” เขาพูดเสียงเรียบ ความหลงตัวเองม้วนเก็บไว้ใต้สมาธิเข้ม


“รับช่วง!” โมนีก้าพุ่งเข้าระยะ ดาบโค้งกินแสงเย็น เธอหลบครีบคมฉิวเฉียดแก้มแล้วบิดข้อมือเฉือนแนวเกล็ดใต้ซี่โครง เสียงโลหะกับหินน้ำแข็งเสียดกันดังวาบ เมลูซีนหวีดสั้น ๆ ก่อนเลสเตอร์จะเติมลูกศรที่สองตรึงหน้าผากเจาะรอยเรืองแสงตรงหว่างคิ้ว พริบตานั้นร่างสีมรกตก็แตกประกายเป็นผงทองกระจายเหนือธารา แววตาลวงตาทั้งหมดม้วนหายไปพร้อมละอองแสง 


ความเงียบของน้ำคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงฝันสั้น ๆ โมนีก้าค่อย ๆ ลดดาบ หอบเบา ๆ แล้วเหล่หันไปทางเขา “คราวนี้ไม่ต้องอธิบายยาวสองชั่วโมงใช่ไหมว่าเมลูซีนนั้นสวยแค่ไหน” โมนีก้าเอ่ยดักเลสเตอร์ไว้ก่อน ส่วนเขาก็ยืดอกเชิดคางในที่สุด ความโอ่อวดค่อย ๆ ไหลกลับสู่ท่าเดินและน้ำเสียง “ผมไม่คิดจะสรรเสริญเธอหรอก เพราะคำว่างามทั้งหมดควรเป็นของคนที่กำลังยืนอยู่ฝั่งนี้” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่หูแดงจาง ๆ ใต้ลอนผมบอกความจริงมากกว่า แน่นอนว่า…สำหรับเลสเตอร์มันหมายถึงตัวเขาเองเอ๊ะ..หรือโมนีก้ากันนะ?


โมนีก้าแกล้งไอ “อะแฮ่ม…ยอมรับก็ได้นะว่าตัวเองเกือบโดนสะกดอ่ะ”

“ผม? ไม่มีทางครับ” เขารีบปัดคำบอกนั้นออกไป “เพียงแค่…ภาพสะท้อนมันไม่ค่อยชัด ผมเลยต้องมองซ้ำ”

“อ้อ…ภาพสะท้อนของตัวเองล่ะสิ” เธอเลียนเสียงเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ


พวกเขาดับเปลวไฟให้เหลือไออุ่น โรยทรายทับให้เรียบ จากนั้นเลื่อนตัวมานั่งชิดตลิ่ง ฟังเสียงน้ำเคล้าไกวใบไม้เหนือศีรษะ ดาวเล็ก ๆ ปะทุขึ้นตามแนวฟ้า พลบค่ำของเวสเปอร์ที่ยืนยันทาบแทนรัตติกาลยังคงคุ้มครองการเดินทางของทั้งคู่ “กินข้าวเสร็จแล้วนอนเลยนะ” โมนีก้าห่มโค้ทคลุมไหล่ “พรุ่งนี้เข้าตัวเมืองอาราโควา ฉันอยากมีแรงเถียงนายเวลาเริ่มอวดอีก”


เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ “ผมจะเตรียมคำอวดที่ไพเราะที่สุดให้คุณโดยเฉพาะ” เขาเอนหลังพิงเป้ สายตาเหลือบมองเธอชั่วครู่ยาวพอให้หัวใจตัวเองอุ่น ก่อนปิดลงอย่างผ่อนคลาย ริมน้ำเพลย์สทอสคืนนั้นจึงมีเพียงเสียงธาราและลมหายใจสองจังหวะที่ค่อย ๆ เข้าจูนกัน กลายเป็นทำนองเรียบง่ายที่ไพเราะกว่าบทเพลงใด ๆ ที่เลสเตอร์เคยโอ้อวดว่าตัวเองแต่งได้ (ไม่ได้อวดนะแต่งได้จริง ๆ)

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เกล็ดเมลูซีน จำนวน 2 ชิ้น 2 x 2 = 4 ชิ้น

สรุป ได้รับ เกล็ดเมลูซีน 2 ชิ้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 60542 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-27 22:00
โพสต์ 60,542 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-27 22:00
โพสต์ 60,542 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-27 22:00
โพสต์ 60,542 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-27 22:00
โพสต์ 60,542 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-27 22:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-28 09:16:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 13 : อดีตที่แสนไกล
วันที่ 24 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้ามืด เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป เมืองอาราโควา จนถึง วิหารเทพอะพอลโล เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

             ลมหนาวของยามเช้ามืดกัดแก้มจนชื้น โมนีก้าดึงปกโค้ทขึ้นสูงพร้อมกระชับสายกระเป๋า ขณะที่แสงสีเงินบางเฉียบคืบคลานเหนือสันเขาพาร์นาสซัส ถนนหินกรวดจากปลายอาราโควาไล่ขึ้นลงเนินเหมือนเส้นด้ายที่เย็บท้องฟ้ากับแผ่นดินเข้าหากัน เงาไซปรัสเรียงตัวเป็นทหารยืนเฝ้าทาง ตะเกียงถนนบางดวงยังสั่นไหว โมนีก้าบ่นงึมงำ “ถ้าพลบค่ำยาวกว่านี้อีกสักหน่อยก็ดีนะ แบบตั้งแต่หกโมงเย็นถึงตีห้าอะไรงี้ก็คงจะดีนะเนี้ย เหนื่อยจะตาย”


             เลสเตอร์ยักไหล่แบบไม่เสียเหงื่อ “คุณคิดว่าการใช้พลังยืดพลบค่ำไปทั้งคืนใช้พลังไปเท่าไรกัน พลังงานกึ่งจักรวาลไม่ได้ชาร์จด้วยโกโก้ครั้นช์หนึ่งถุงนะครับ แค่นี้ก็นับว่ามหัศจรรย์” น้ำเสียงเขาฟังดูสบายและยียวนอย่างคุ้นเคย แต่ฝีเท้าในยามมืดกลับมั่นคงราวกับจำทุกก้อนหินของทางลาดนี้ได้ด้วยปลายนิ้วเท้า โมนีก้าเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจยาว เธอซ่อนมือไว้ในกระเป๋าโค้ท ขณะกลิ่นไลแลคเบาบางของตัวเองลอยคลอไปกับกลิ่นสนเปียกหมอก


             ระหว่างการเดินทางยิ่งทางเริ่มสูงชันและป้ายบอกทาง เมืองเดลฟี ปรากฏถี่ขึ้นเท่าไร เลสเตอร์ก็ยิ่งเหม่อลอยมากขึ้น โมนีก้าเหลือบมองเขาเหมือนเป็นห่วง “นายเป็นอะไร”


             “ไม่เป็นอะไร” เขาตอบสั้น ๆ โดยไม่หันมา เสียงนั้นเรียบเกินกว่าจะเชื่อ โมนีก้ากดริมฝีปากแน่นแล้วปล่อยลมหายใจหนักอย่างคนแพ้ให้กับความดื้อแพ่งของเขาในที่สุด เลสเตอร์หัวเราะนิดเดียวเหมือนยอมความ “ก็แค่...พอใกล้เดลฟี ผมมักคิดถึงเรื่องเก่า ๆ นิดหน่อย ความทรงจำมันเหมือนลมหนาวแทรกเข้าเสื้อโค้ทยังไงก็กันไม่อยู่” เขาเงียบไป ก่อนอยู่ดี ๆ ก็ยืดอก คางเชิดขึ้นในทันทีราวกับดึงหน้ากากใบโปรดกลับมาติด “และเมื่อพูดถึงเสียงก้องของโลก ใครจะคู่ควรไปกว่าเทพแห่งดนตรี ผู้หล่อเหลาเกินจะบรรยาย ผู้ประดิษฐ์พิณ ผู้โปรยแสงแรกสู่ขอบน้ำ ผู้ที่—”


             “พักก่อน” โมนีก้ายกนิ้วจิ้มต้นแขนเขา หยุดพร่ำสรรเสริญด้วยสายตากึ่งขำกึ่งกลอก “ทำไมนางถึงชอบเทพอะพอลโลนัก อยากรู้จริง”


             เลสเตอร์ชะงักเหมือนโดนยิงศรใส่ใจ “มันก็ต้องแน่นอนไม่ใช่หรอ” เขาเอ่ยช้า ๆ ทำท่าเกาหลังคอเพื่อซื้อเวลา “ผม…ผมเคารพ...ความสว่างที่ผลักความมืดออกไปทุกเช้า เคารพเสียงเพลงที่ทำให้คนอกหักยังหายใจต่อ เคารพลูกศรที่ถึงเป้าหมายเพราะเชื่อมสายตาเข้ากับหัวใจ และที่สำคัญ” เขาหยุด ยิ้มมุมปากแบบคนกำลังจะพูดสิ่งดูดีเกินงาม “เพราะท่านหล่อมากครับ ผมก็เลยได้รับแรงบันดาลใจทางสุนทรียะอย่างลึกซึ้ง”


             “อื้อหือ คำตอบครึ่งแรกดีมาก ครึ่งหลังนี่โคตรเลสเตอร์” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ แต่หัวใจอบอุ่นพิกล เธอรู้ว่าใต้ท่าทีโอ้อวดนั่นมีบางอย่างคุ้มกันอ่อนไหวอยู่เสมอ และเดลฟีกระตุกมันให้ตื่น ถนนหินแคบคดไปบนไหล่เขา พุ่มลอเรลส่ายใบรับลมเย็น โมฆะแห่งรุ่งสางค่อยถอยให้แสงแรกจนยอดสนเป็นเส้นทองเลือนจาง 


             เลสเตอร์กะระยะด้วยสายตาอย่างคนคุ้นชิน “อีกแค่สามชั่วโมง คุณก็จะได้ยืนบ่นเรื่องพื้นหินแข็งหน้าเดลฟีแล้ว” น้ำเสียงเขาอวดดีสบายใจเหมือนประกาศตารางคอนเสิร์ตตัวเองมากกว่าบอกระยะทาง โมนีก้าวางคางมองเขาเฉียง “เชี่ยวชาญจัง สงสัยเป็นติ่งเทพอะพอลโลขั้นจัดหนักแน่” เลสเตอร์ตอนที่ได้ยินเขาก็ยักคิ้วใส่โมนีก้า “มากกว่าติ่งเสียอีก” เขาชูคางอย่างภาคภูมิ “ค่ายกรีกสอนมาดี…เอ่อ ชีวิตสอนมาดีกว่า” แล้วหันมาถามกลับทันควัน “ว่าแต่คุณไม่ปลื้มท่านหรือไงทำไมชอบถามเรื่องนี้จัง” เขายังไม่ทันเริ่มบทสรรเสริญยาวเหยียด โมนีก้าก็ยื่นแท็บเล็ตให้ 


             “ถ้าเรื่องหน้าตาฉันชอบนะ แต่ดูนี่ก่อน” หน้าจอสว่างขึ้นเผยโปรไฟล์ LoveFind ของเธอ เลสเตอร์อ่านเร็วกว่าลมพัด พอเจอกรอบไฮไลต์แดง รอยยิ้มเขาก็ชะงักกึกคล้ายลูกศรถูกสะท้อนกลับเข้ากลางอกเสียเองและแต่ละคำกลับเหมือนค้อนทุบเข้าหัวใจ


             🚫 ไม่ชอบคนเจ้าชู้ 💔 ไม่ชอบคนมีแฟนแล้ว ขอคนที่มีฉันคนเดียวพอ นะ! เพราะถ้าฉันรักใครแล้ว... ฉันจะทุ่มให้ทุกอย่างแบบไม่มีกั๊กเลย! ❤️‍🔥 สิ่งที่ไม่ชอบสุด ๆ: คนเจ้าชู้ (Bye! 👋), ความลับที่ทำให้ต้องเจ็บปวด 😔, และคำพูดเชย ๆ ว่า “ขอโทษนะ ฉันยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง” 🤢 (ถ้าไม่ชัวร์ก็ไม่ต้องมานะ!)


             มือของเขาชะงักค้างความเงียบกินที่ว่างระหว่างพวกเขา “ทำไมถึงไม่ชอบคนเจ้าชู้เหรอ?” เสียงเขาฟังดูเหมือนถามเล่น แต่ในดวงตากลับมีเงาแปลบวาบของความรู้สึกผิดบางอย่างที่ซ่อนลึกมากเกินไป 


             โมนีก้าหัวเราะแบบงงในคำถามของอีกฝ่ายนิดหน่อย “มีคนชอบด้วยเหรอ?”

             เขาพยายามยกยิ้ม “แล้วถ้าคุณหน้าดีมีเสน่ห์ชนิดที่ว่าไม่สมควรเป็นของใครคนเดียวล่ะ?”

             “งั้นก็ไม่ควรมีแฟนหรือคนรักตั้งแต่แรกสิ” โมนีก้าตอบอย่างชัดเจน “ฉันรู้ว่าสมัยก่อนมันต่างกัน แต่ยุคนี้คนรักต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย การมีหลายคนโดยไม่ถามกันก่อน มันคือการหักหลังไม่ใช่ความรัก”


             เลสเตอร์เงียบไปตอนได้ยินคำของโมนีก้า ดวงตาสีฟ้าละจากเธอแล้วทอดมองเส้นขอบฟ้าที่เริ่มเรืองแสงทอง “นั่นสินะ...” เสียงเขาเบาราวกับพูดกับตัวเอง “บางครั้ง...คนก็ลืมว่าแสงอาทิตย์ถึงจะส่องให้โลกทั้งใบได้ แต่ถ้ามันอยากอยู่แค่กับใครคนเดียว มันก็แค่ตกลงมาตรงหน้าเขาเท่านั้นเอง” โมนีก้าชะงักไปเล็กน้อยกับน้ำเสียงนั้นที่ดูจริงจังกว่าที่เคย ก่อนจะหัวเราะกลบความแปลก “นายพูดเหมือนเป็นอะพอลโลเองเลยนะ” เลสเตอร์หลุดหัวเราะออกมา แต่แววตาเขาไหววูบชั่วขณะเหมือนโดนจับได้ เขาหันไปพูดติดตลก “ผมแค่ศึกษาเยอะไปนิดนึง”


             “ศึกษา?” เธอยักคิ้ว “งั้นนายก็คงรู้ว่าเทพอะพอลโลน่ะ ตัวพ่อแห่งวงการคนเจ้าชู้เลยไม่ใช่เหรอ ไม่สนเพศ ไม่สนฐานะ ขอแค่มีเสน่ห์หน่อยก็พร้อมจะรักทุกคนสินะ”


             คำพูดนั้นเหมือนลมหนาวพัดกระแทกเข้าหน้าเขาเต็มแรง เขาหัวเราะในลำคอ แต่ฟังดูเหมือนกลืนเศษกระจก “...ใช่ เขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ” เสียงเขาแผ่วจนแทบไม่ใช่เลสเตอร์ที่เธอรู้จัก “คนที่ให้ความรักมากเกินไป จนลืมว่ามันทำร้ายคนอื่นยังไง” โมนีก้าไม่ทันสังเกตว่าเขากำมือแน่นอยู่ในเงาโค้ท และว่าในใจเขากำลังร้อนเหมือนเปลวตะวัน “บางทีนะโมนีก้า” เขาพูดเบา ๆ “บางคนก็พยายามเปลี่ยนตัวเองทั้งชีวิต เพียงเพราะมีใครสักคนที่อยากให้เขาหยุดอยู่ตรงนั้น...แค่คนเดียว”


             เธอมองหน้าเขานิ่ง ๆ เหมือนจะถามว่าทำไมพูดเหมือนรู้ดีจัง แต่เลสเตอร์กลับชิงยิ้มกวนก่อน “เอาเป็นว่า ถ้าผมหล่อขนาดอะพอลโลได้สักครึ่ง คุณจะยอมยกเว้นให้ไหม?”


             “ไม่มีทาง” โมนีก้าขำพรืดกับคำถาม “ต่อให้เป็นอะพอลโลจริง ๆ ฉันก็ไม่ชอบคนเจ้าชู้หรอก”

             “...ดีแล้ว” เขาพึมพำเบาเกินจะได้ยิน “เพราะถ้าคุณรู้ว่าผมเป็นใคร...คุณคงจะไม่มองผมแบบนี้อีก”

             โมนีก้าเงยหน้ามองเขาทันทีที่เหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่าง “เมื่อกี้ว่านายว่าอะไรนะ?”

             เขาสะดุ้งเล็กน้อย “หืม? เปล่านี่”

             “โกหกไม่เนียนเลยเลสเตอร์” เธอพูดพลางหยุดเดิน มองหน้าเขาตรง ๆ ดวงตาสีเทาเงินของเธอสะท้อนแสงตะวันราวกับกระจก “ฉันมีความรู้สึกว่านายกำลังปิดอะไรฉันอยู่”


             เลสเตอร์นิ่งไปหนึ่งอึดใจ ความเงียบรอบข้างเหมือนกลืนทุกเสียงเข้าไปในอก เขาผ่อนลมหายใจช้า “ผมไม่ได้ปิดอะไรหรอก” เขายิ้มเล็ก ๆ แต่รอยยิ้มนั้นสั่นระริก ราวกับเปลวไฟที่พยายามซ่อนใต้ผ้าบาง ๆ ทั้งที่ภายในมันกำลังลุกไหม้อยู่เต็มอก โมนีก้ามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจหนักสักที “งั้นขอถามอีกอย่าง ที่นายเคยพูดว่ามีแฟนเป็นสิบ ๆ คนน่ะ เรื่องจริงเหรอ?”


             เลสเตอร์ที่ได้ยินคำถามก็หลุดหัวเราะในลำคอเบา ๆ “คงจะใช่แหละ”

             “งั้นนายก็คงเจ้าชู้มากสินะ” เธอพูดยิ้มขำเหมือนแหย่เขา “แล้วตอนนี้ยังเจ้าชู้อยู่ไหม?”


             “ไม่แล้ว” เขาตอบแทบจะทันที น้ำเสียงเด็ดขาดแต่ไม่ดัง “ไม่ได้เจ้าชู้มานานแล้ว... เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับผมมากไปหน่อย ส่งบางอย่างมาให้ผมเรียนรู้บทเรียนที่ผมไม่อยากเรียนเลยด้วยซ้ำ” โมนีก้าเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “บทเรียนอะไรหรอ?”


             เลสเตอร์ยิ้มบาง ๆ แต่ดวงตาสีฟ้าที่มักส่องแสงกลับดูหม่นเหมือนท้องฟ้าหลังฝน “บทเรียนที่ว่าการให้ความรักมากเกินไป มันไม่ได้แปลว่าเข้าใจความรักเลย... ผมเคยคิดว่าผมควบคุมทุกอย่างได้ ทุกคนต้องรักผมอย่างไม่มีเงื่อนไข ควบคุมคำพูด ดนตรี ความรู้สึกของคนอื่น แต่วันหนึ่ง...โชคชะตาเล่นตลกพรากสิ่งที่ผมรักเหมือนจะหัวเราะเยาะผมให้ผมทรมาร แล้วโยนใครบางคนเข้ามาในชีวิตผมโดยไม่ให้เวลาเตรียมตัวเลย”


             เขาหันมามองเธอในตอนพูดคำนั้น เสียงหัวใจเขาดังขึ้นจนแทบกลบเสียงนกในป่า “ตั้งแต่ที่เราไปช่วยพวกวินเซนโซวันนั้นตั้งแต่คุณเข้ามา ผมก็เริ่มสงสัยว่าจริง ๆ แล้วโชคชะตาเล่นตลกอะไรอีก...หรือมันกำลังให้โอกาสผมอีกครั้งกันแน่”


             โมนีก้าเงียบไปนานกว่าที่เขาคิดว่าจะตอบริมฝีปากเธอค่อย ๆ คลี่ยิ้มบาง “เราไม่รู้หรอกเลสเตอร์ ขนาดคนที่เป็นเทพในตำนานยังไม่รู้เลยว่าโชคชะตาจะส่งอะไรมาให้ เพราะงั้นสิ่งที่เราทำได้ก็แค่ฝ่ามันไป แล้วก็รับมือให้ดี” เธอพูดพลางเดินต่ออย่างช้า ๆ เสียงของเธอนุ่มแต่มั่นคง “ถ้านายเคยเป็นคนเจ้าชู้ ก็แค่เลิกเจ้าชู้ก็พอ ฉันรู้ว่ามันอาจจะยาก แต่วันหนึ่ง...ถ้านายเจอใครบางคนที่ทำให้นายอยากหยุด ฉันเชื่อว่านายจะหยุดได้เอง”


             ลมพัดผ่านกลีบผมของเธอให้ปลิวเล่นกลางแสงอาทิตย์ และเธอก็เดินนำหน้าไปโดยไม่รู้เลยว่าในขณะนั้น แววตาของเลสเตอร์กำลังมองตามหลังเธอด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินจะอธิบาย เขายิ้มเจื่อนในมุมปาก ขณะพูดเบา ๆ ราวกับกลืนคำสารภาพทั้งหมดเข้าไปในลมหายใจ เลสเตอร์เหมือนจะพูดอะไรออกมาไร้เสียง เสียงของเขาแผ่วพอให้ลมหอบเอาไปกลืนไว้ ไม่มีใครได้ยิน นอกจากฟ้าเบื้องบนที่รู้ดีว่า เทพแห่งแสงเคยเป็นเพียงเปลวไฟเย่อหยิ่ง แต่วันนี้กลับเผาไหม้ตัวเองอย่างเงียบงัน เพื่อให้ใครบางคนได้เดินต่อไปในความอบอุ่นของแสงนั้น โดยไม่รู้เลยว่าแสงที่เธอเห็น...คือเขาเอง


             เสียงลมพัดผ่านหุบเขาพาร์นาสซัสดังก้องไกลในความเงียบงันของยามสาย พวกเขาเดินทางต่อเนื่องสองชั่วโมงก่อนที่แนวเสาหินจะเริ่มโผล่พ้นขอบผา กลิ่นดินโบราณผสมหญ้าแห้งคละคลุ้ง  นั่นคือเดลฟีเมืองแห่งเทพพยากรณ์และแสงสว่างเหนือปวงชน เลสเตอร์หยุดยืนบนโขดหินมองวิวตรงหน้าอย่างคนที่รู้จักมันทุกซอกมุม “จากตรงนี้ไปผมจะนำเองนะ ที่นี่...อาจจะมีพวกอสูรซ่อนตัวอยู่เยอะ” เสียงเขาเรียบแต่นุ่มลึกอย่างประหลาด เหมือนมีแรงสะกดบางอย่างในนั้นที่ทำให้แม้แต่ลมหายใจก็ดูจะเงียบตาม


             ระหว่างเส้นทางขึ้นวิหาร ทั้งคู่ต้องต่อสู้กับเมลูซีนที่ซ่อนอยู่ในลำธารและลาเมียที่แฝงในเงาโขดหินริมทาง นกกรีดร้องเหนือฟ้า ลูกศรของเลสเตอร์พุ่งฉีกอากาศเป็นเส้นแสงสีทอง ส่วนโมนีก้าก็สะบัดข้อมือปล่อยให้กำไลเปลี่ยนเป็นดาบสุริยคติที่เปล่งแสงจ้า พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวราวกับเข้าใจจังหวะของกันและกันโดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว ร่างของอสูรทั้งสองสลายกลายเป็นละอองทองกระจายเหนือผืนน้ำ ก่อนทุกอย่างจะกลับมาเงียบอีกครั้ง


             “ดี...ที่ไม่มีใครบาดเจ็บนะเนี้ย ผมดูแลคุณดีนะ” เลสเตอร์พูดพร้อมปัดฝุ่นบนเสื้อโค้ทอย่างเฉยเมย แต่แววตาเขาเหมือนซ่อนความห่วงใยไว้เกินจำเป็น


             เมื่อทั้งคู่เดินต่อจนถึงเชิงวิหาร Temple of Apollo at Delphi แสงอาทิตย์เริ่มทอดลงมาตรงระเบียงหิน ผนังหักพังและเสาโดริกสูงตระหง่านราวกับยังคงอำนาจในอดีตกาลไว้ไม่เสื่อมคลาย โมนีก้ามองรอบตัวอย่างตะลึง “ฉันเคยเห็นที่นี่แต่ในหนังสือ... ของจริงสวยจนพูดไม่ออกเลยนะเนี้ย ขนาดเป็นแค่ซากปรักหักพังนะ” เลสเตอร์ก้าวขึ้นช้า ๆ มือแตะผิวหินที่เต็มไปด้วยรอยสลักจาง ๆ “มันต้องอยู่ที่นี่แน่... คริสตัลแห่งเสียงก้อง” เขาเอ่ยอย่างแน่ใจ “จากที่ผมคิด มันถูกเก็บไว้ในบริเวณของวิหารอะพอลโล เพราะไม่มีที่ใดสะท้อนเสียงเทพที่เสียงดีที่สุดได้ชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว”


             ระหว่างเดินสำรวจหาคริสตัลหรือเส้นทางลับ เลสเตอร์ก็เริ่มทำหน้าที่ล่ามจำเป็นเขาเล่าเหมือนคนที่ไม่ต้องเปิดหนังสือ “วิหารแรกสร้างจากกิ่งกระวาน ส่วนวิหารที่สองทำจากขี้ผึ้งและขนนก พังเพราะไฟ ส่วนวิหารที่สามสร้างจากสัมฤทธิ์ เงางามดั่งพระอาทิตย์ตกกระทบโลหะ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตำนานนะ ถึงผมจะไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสต์กาล” เขาเดินนำไปพลางพูดต่อเหมือนครูที่อธิบายความทรงจำของตัวเองมากกว่าความรู้ “ที่นี่เคยถูกทำลายหลายครั้ง ทั้งจากแผ่นดินไหว ไฟไหม้ และสงคราม แต่ไม่ว่าสักกี่ครั้ง มันก็ถูกสร้างใหม่เสมอ เพราะเสียงของเทพพยากรณ์แห่งอะพอลโลที่นี่...ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะดับลงได้”


             โมนีก้าเหลือบตามองเขา เห็นรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าขณะเขาเงยหน้ามองเสาหินทองเหลืองนั้น ดวงตาสีฟ้าของเลสเตอร์สะท้อนแสงแดดราวกับมันไม่ใช่แค่แสงอาทิตย์ทั่วไป แต่เป็นการหวนคืนของบางสิ่งที่เคยเป็นของเขาเอง


             “ที่นี่คือหัวใจของกรีซยุคโบราณ” เขากล่าวเสียงต่ำ “ถนนศักดิ์สิทธิ์ที่ทอดขึ้นไปยังวิหาร เคยเต็มไปด้วยโรงคลังสมบัติจากเอเธนส์ โครินธ์ ธีบส์ ทุกนครสร้างไว้เพื่อถวายของล้ำค่าแก่เทพผู้ครองที่นี่ พวกเขามาเพื่อขอคำพยากรณ์ ก่อนจะตัดสินใจทำสงคราม สร้างเมือง หรือออกกฎหมายใหม่ ทุกคน...แม้แต่จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์เอง ก็เคยมายืนตรงนี้”


             โมนีก้าขยับเข้าใกล้ทีละก้าว มองรอยเสาและแผ่นศิลาที่ทอดเรียงสลับแสง เธอเอ่ยขำเบา ๆ “นายพูดเหมือนอยู่ตอนนั้นเลยนะ ถ้าไปสอบวิชาระบุเทพ ฉันว่าได้เต็มล้านคะแนนแน่”


             เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ แต่ไม่ตอบตรง ๆ “บางเรื่อง...ไม่ต้องสอบก็รู้” เขาเงยหน้ามองเสาที่เหลือเพียงครึ่งในรอยแดด “ผมจำได้ว่าที่นี่เคยมีเสียงพิณดังตอนลมพัดผ่าน และเมื่อมีคนตั้งคำถาม เสียงนั้นจะสะท้อนกลับเป็นคำตอบในหัว...แต่คงไม่มีใครได้ยินแบบนั้นอีกแล้ว”


             “พูดเหมือนนายเคยอยู่ตอนนั้นเลยนะ” โมนีก้าย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเจือแปลกใจ

             เลสเตอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเอื่อย “ก็อาจจะเคย...ในฝัน” แต่ในแววตาของเขา ไม่ได้มีร่องรอยของความฝันเลยมันคือความทรงจำที่กำลังคุกรุ่น ราวกับแสงที่สาดลงบนหินเก่าเหล่านี้ยังจำเสียงพิณของเขาได้ดี ว่าครั้งหนึ่งเทพอะพอลโลเคยเดินอยู่ตรงนี้จริง ๆ และในตอนนี้ เขาก็กลับมาอีกครั้งในร่างของชายหนุ่มที่เลือกจะเงียบ แทนที่จะพูดคำสารภาพที่อาจเปลี่ยนทุกอย่างตลอดกาล


Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

โมนีก้า กับ LoveFind ของเธอ... มันเหมือนกระสุนเงินที่พุ่งตรงเข้าใส่ความบาปในอดีตของผมจริง ๆ เลยนะ คำพูดของเธอทำให้ผมร้อนรุ่มยิ่งกว่าเปลวไฟเสียอีก การมีหลายคนโดยไม่ถามกันก่อน มันคือการหักหลังไม่ใช่ความรัก การหักหลังงั้นหรอ?นั่นคือคำที่ผมโดนคนอื่นกับตัวเองมานานนับศตวรรษ ผมคือผู้ทรยศความรู้สึกของผู้อื่นอย่างงั้นสินะ? ... ผมโกหก ผมปิดบังความเป็นจริงทั้งหมด ผมปิดบังตัวตนที่ยิ่งใหญ่และที่โมนีก้าบอกว่ามันน่ารังเกียจของผม เพราะถ้าเธอรู้... เธอจะมองผมเป็นเพียงคนเจ้าชู้ที่เธอรังเกียจ ทำไมกันนะ? 


วิหารอะพอลโลผมมาถึงแล้ว และคริสตัลแห่งเสียงก้องมันถูกซ่อนไว้ที่นี่ ความภาคภูมิใจของผมเรียกร้องให้ผมประกาศตัวตนมันเสียเดี๋ยวนี้แต่บางสิ่งที่ผมรู้สึกต่อโมนีก้า... มันสั่งให้ผมเงียบลงไป

avatar

Moneka M. Blossom

ให้ตายสิ! เดลฟีสวยมากเลยนะเนี้ย เลสเตอร์เหมือนจะเงียบไปนิดหน่อยแต่ก็ยังอวดเหมือนเดิม แค่บางครั้งเรื่องรักมันทำให้ฉันคิดว่าเมื่อไรฉันจะได้คำตอบเกี่ยวกับที่ฉันสารภาพรักไปกันนะ? หรือเลสเตอร์จะทำให้มันคลุมเครือต่อไปเรื่อย ๆ งั้นหรอ...อาจจะใช่ก็ได้มั้ง เหอะ ท่าทางจะอกหักคนที่ 15 แล้วล่ะ มนก บซ


+2 ตื่นรู้ จากการกำจัด ลาเมีย ครั้งแรก


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ น้ำมันคบเพลิง จำนวน 2 ชิ้น 2 x 2 = 4 ชิ้น


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เกล็ดเมลูซีน จำนวน 4 ชิ้น 4 x 2 = 8 ชิ้น

สรุป ได้รับ น้ำมันคบเพลิง 2 ขวด, เกล็ดเมลูซีน 4 ชิ้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 83731 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-28 09:16
โพสต์ 83,731 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-28 09:16
โพสต์ 83,731 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-28 09:16
โพสต์ 83,731 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-28 09:16
โพสต์ 83,731 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-28 09:16

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-28 21:50:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 14 : คู่กรณีคนเก่า
วันที่ 24 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป วิหารเทพอะพอลโล เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

แสงแดดยามสายลอดผ่านเสาหินของวิหารอะพอลโลราวกับเส้นแสงแห่งยุคโบราณที่ยังไม่ดับสิ้น ลมหายใจของทั้งสองลอยในอากาศบางเบา กลิ่นหินผสานฝุ่นเก่าคละคลุ้งอยู่ในลำคอราวกับเวลาได้หยุดหมุนเมื่อพวกเขาก้าวเท้าลงบันไดหินสู่ชั้นล่างของวิหาร เสียงของเลสเตอร์กระซิบต่ำแต่มั่นคง “ห้องลับอยู่ข้างล่างนี้ คริสตัลแห่งเสียงก้อง… ต้องอยู่ที่นี่แน่แหละ” แสงไฟฉายในมือเขาส่องสว่างลอดผ่านกำแพงหินที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์โบราณซึ่งเรืองแสงแผ่วเหมือนมีชีวิต ดวงตาสีฟ้าที่ดูเย่อหยิ่งสะท้อนเงาแสงอย่างคนที่รู้ดีว่า ที่นี่คืออาณาเขตของเขาเอง แม้ไม่มีใครรู้ความจริงนั้น โมนีก้าก้าวตามช้า ๆ ใจเต้นด้วยความตื่นเต้นและระแวดระวังในเวลาเดียวกัน


“เห็นไหม ผมบอกแล้วว่ามีห้องลับ” เขาเอ่ยพลางยกคางขึ้นเล็กน้อย เสียงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยน้ำเสียงแห่งความภาคภูมิใจที่เกินขอบ “พวกนักโบราณคดีนั่นใช้เวลาค้นหากันเป็นสิบปีแต่ก็ไม่เจอ ผมมาไม่ถึงครึ่งวันยังเจอเลย บางคนอาจเรียกว่าสัญชาตญาณแต่ผมเรียกว่าความอัจฉริยะ”


โมนีก้ากลอกตา “ค่ะ คุณอัจฉริยะ เดินนำไปเลย เดี๋ยวจะหลงทางเพราะมัวแต่ชมตัวเองอีก”


“ผมไม่เคยหลงทางในที่ที่แสงของผมเคยส่องถึงหรอก” เขาตอบอย่างมั่นใจสุดขีดพร้อมก้าวลงบันไดหินไปข้างหน้าโดยไม่รอคำประชด เธอถอนหายใจหนัก แต่ก็เดินตามไปเพราะอย่างน้อย...เขาก็ยังพาออกจากเขตอันตรายได้เสมอ แม้จะพูดมากก็ตาม เสียงฝีเท้าทั้งสองสะท้อนในอุโมงค์แคบ ๆ ที่ลึกลงไปใต้พื้นวิหาร


จนกระทั่ง…


เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากความมืดข้างหลัง ละเมียดละไมเย็นเฉียบเหมือนใบมีดกระจก “ไม่ได้เจอกันไม่ถึงเดือน... เก่งขึ้นมากเลยนี่ ธิดาแห่งเซเรส”


ร่างของโมนีก้าแข็งค้างราวถูกตรึงด้วยพลังมืดที่มองไม่เห็น ลมหายใจของเธอหยุดลงในทันที พลังนั้นเย็นเฉียบ ลึก และแฝงกลิ่นเหล็กจาง ๆ ของเลือดที่แห้งกรัง เมื่อเธอพยายามจะขยับ แขนกลับไร้เรี่ยวแรง เหมือนกล้ามเนื้อทุกเส้นถูกล็อกด้วยพลังของใครบางคน เลสเตอร์หันขวับ ดวงตาสีฟ้าสว่างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเงาสูงใหญ่ในชุดดำก้าวออกจากมุมมืดของวิหาร ใบหน้าคมดุดันกับแววตาเย็นยะเยือกที่สะกดทุกสิ่งให้หยุดนิ่ง ศาสตราจารย์เซเวอรัส โครนัส


เลสเตอร์หันกลับมา เสียงในลำคอแทบกลืนไม่ลงเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยของชายในชุดสูทสีดำสนิท ดวงตาเข้มข้นเหมือนหลุมดำ “...โครนัส...เป็นไปไม่ได้” เลสเตอร์กัดฟันแน่น “แกควรจะอยู่ในคุกของเซเนท…ไม่ใช่ที่นี่”


ศาสตราจารย์เซเวอรัส โครนัส ยิ้มบาง มุมปากโค้งขึ้นอย่างเยือกเย็น “แหม จำกันได้เร็วจังเลย คุณพระอาทิตย์ตกสวรรค์”


“ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้” เลสเตอร์สวนทันที เสียงเขาแข็งแต่เต็มไปด้วยท่าทีปั้นปึ่งอย่างคนที่ยังหวงศักดิ์ศรี “ชื่อผมคือเลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส จำให้ดี คราวหน้าถ้าเรียกผิดอีก ผมจะคิดว่าคุณเป็นแฟนคลับคลั่งรักในคราบนักวิทยาศาสตร์บ้าสำหรับไอ้คนทำร้ายเด็กตัวเล็ก ๆ แบบเลือดเย็นผมไม่อยากนับว่าเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้ผม” 


โครนัสหัวเราะในลำคออย่างขบขัน เสียงต่ำและเย็นพอจะทำให้แม้แต่ลมหายใจก็กลายเป็นน้ำแข็ง “ผมไม่เคยคลั่งใครนอกจากอำนาจของตัวเอง” เขาเดินอ้อมมาข้างหลังโมนีก้า เงาของเขาคลุมร่างเธอจนมิด ก่อนจะเอื้อมมือแตะที่ต้นคอของเธอเบา ๆ ลูบไล้มันเหมือนกำลังวิเคราะห์บางอย่าง แรงสั่นสะเทือนบางอย่างแผ่ไปทั่วร่างเธอ ทำให้เธอแทบทรุดแต่ขยับไม่ได้ “พลังของเธอ... เพิ่มขึ้น” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงของนักวิทยาศาสตร์ที่เจอสิ่งใหม่ในห้องทดลอง 


“เร็วเกินไป…ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ธิดาเซเรส... แปลกมากจริง ๆ” นิ้วมือเย็นเฉียบของเขาลูบผ่านไหล่เธอเหมือนสำรวจโครงสร้างกล้ามเนื้อทุกเส้น เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจแตะข้างหูเธอ “ต้องขอบคุณเด็กของเฮคาทีในปี... 1860? หรือ 1880 กันนะ จำไม่ได้แน่ชัด ผมก็ไม่ได้สนใจชื่อของสิ่งที่ผมใช้ทดสอบนักหรอก” เสียงหัวเราะต่ำในลำคอของเขาทำให้เลือดในร่างโมนีก้าเย็นเฉียบ “เด็กคนนั้นมีพลังที่ช่วยให้ข้าสร้างเงาแยกได้... อย่างตอนนี้ ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่จริง ๆ หรอก เงานี้ก็เพียงพอแล้ว”


“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันทำให้เงาของแกระเหยเป็นควัน ก็ควรเอามือออกจากเธอเดี๋ยวนี้” เลสเตอร์พูดพลางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะขู่ แต่แววตากลับฉายประกายเย้ยหยันเสียมากกว่า “หรือแกคิดว่าตัวเองเท่พอจะยืนเทียบผมได้ล่ะ?”


“เทียบ?” โครนัสหัวเราะ “ผมไม่เทียบหรอก อะพอลโลผมแค่ทดลอง”


“เลสเตอร์” เขาย้ำเสียงเข้มและบ่นตามสไตล์เดิม “พูดให้ถูกหน่อยสิถึงชื่อนั้นจะเป็นชื่อที่ดูดีที่สุดก็ตาม”


โครนัสหัวเราะใส่เลสเตอร์เขาหันกลับมาทางโมนีก้าโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง น้ำเสียงเรียบจนขนลุก “สาวน้อย เธอไม่อยากช่วยผมทำวิจัยเหรอ ผมจะให้เธออยู่ในลูกบาศก์ที่สวยที่สุด เหมาะกับผิวขาว ๆ ของเธอเลยนะ” ปลายนิ้วของเขาแตะที่แก้มเธอเบา ๆ นิ้วเรียวไล้ตามใบหน้าของโมนีก้า เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งที่ลามเข้าสู่ผิวหนัง เสียงของเขาต่ำ ลื่น และลึกล้ำเหมือนงูที่กระซิบ “จะได้อยู่ในนั้นตลอดไป สวยงาม ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องกลัวถูกทอดทิ้ง...ฉันไม่ทิ้งเธอแน่”


“อย่ามายุ่งกับเธอ อย่าบังอาจมาเตะตัวเธอ!” เสียงเลสเตอร์ดังลั่น แสงศรสีทองพุ่งออกจากมือของเขาทันที เป็นลูกศรแสงที่สว่างจนแม้แต่เงาของโครนัสยังต้องถอยหนี เขาเงยหน้าขึ้นราวกับคนเพิ่งปล่อยเวทีให้สปอตไลต์จับตัวเองเต็มที่ “ให้ตายสิ... ผมพยายามไม่ใช้พลังนี้เพราะมันทำให้ผมดูดีเกินไปต่อหน้าคนทั่วไป แต่คุณน่ะ...บังคับผมจริง ๆ นะ ศาสตราจารย์”


โครนัสมองร่างสูงตรงหน้า แสงจากพลังเทพสะท้อนอยู่ในดวงตาสีฟ้าที่ตอนนี้เปล่งประกายทองอบอุ่น แต่อารมณ์ของเจ้าของแสงกลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและโกรธเกรี้ยว “โอ้... นี่แหละ แสงของพระอาทิตย์จริง ๆ งดงามแต่เย่อหยิ่งเหมือนเจ้าของไม่มีผิด” เลสเตอร์หัวเราะหยัน “ขอบคุณสำหรับคำชม ถึงจะออกจากปากคนบ้า แต่ก็ถือว่าเป็นคำพูดที่มีรสนิยมดีทีเดียว” เขายกคันศรทองขึ้นในมือ “ทีนี้…ขออภัยนะครับ ผมต้องขับไล่สิ่งมีชีวิตโรคจิตชอบบังคับเด็กไปทดลองและเป็นตัวทำลายบรรยากาศของผมกับสาวสวยก่อนอาหารเช้าออกไปหน่อย”


เสียงหัวเราะของศาสตราจารย์เซเวอรัส โครนัสดังก้องสะท้อนทั่วโถงวิหารใต้ดิน ราวกับเสียงนั้นเองกลั่นจากเหล็กเย็นและน้ำแข็งในขุมนรก “หยาบคายจังนะพ่อหนุ่ม”ขาว่า พลางแสยะยิ้มเย็นจัด “ผมไม่เคยทำร้ายเด็ก ๆ ที่อาสาเข้าโครงการเดมิกอตโซเยอร์เลยนะ ทุกคนล้วนเต็มใจทั้งนั้น”


เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ เสียงนั้นอัดแน่นด้วยความดูแคลนอย่างปิดไม่มิด “เต็มใจงั้นเหรอ? ถ้าเรียกการจับใส่กรงทดลองว่าเต็มใจ ผมคงต้องมอบรางวัลนักบิดเบือนศตวรรษให้คุณแล้วสิ ศาสตราจารย์” เขาก้าวมาข้างหน้า ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายด้วยแสงอ่อน ๆ จากพลังภายใน แม้ท่าทีจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่ความตึงเครียดในอากาศกลับขมุกขมัวหนาแน่นเหมือนก่อนพายุ


โครนัสกลับไม่ขยับหนี เขาก้มลงมองโมนีก้าที่เริ่มหายใจติดขัด มือเย็นเฉียบของเขาแตะข้างแก้มเธออีกครั้ง ปลายนิ้วลากช้า ๆ เหมือนนักแกะสลักที่กำลังชื่นชมวัสดุหายาก “ไว้รอบหน้าจะมารับนะสาวน้อย” เสียงของเขาเบา ราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจที่น่าขนลุก “ฉันรู้ว่าเธอจะมีประโยชน์ในภายหลังแน่ ๆ อย่าลืมเสียล่ะ หากอยากพัฒนาพลังของเธอให้ยิ่งใหญ่... ฉันพร้อมจะรับเธอเสมอ สาวน้อย” โมนีก้าสั่นสะท้าน สายตาสีเทาเงินของเธอสะท้อนภาพร่างสูงในชุดดำที่เหมือนหลุดมาจากเงาโลกอื่น สำหรับเขาเธอไม่ได้เป็นคนแต่เป็นสมการที่ยังแก้ไม่จบ


เลสเตอร์กัดฟันแน่น เขาอยากจะพุ่งเข้าไปยิงลูกศรใส่หน้ามัน แต่ความเยือกเย็นของศัตรูตรงหน้านั้นกลับทำให้เขาเลือกจะรอ เขาไม่ยอมให้โมนีก้าต้องถูกลูกหลงจากพลังของตัวเองแน่นอน “จะไปแล้วเหรอ?” เขาเย้าด้วยเสียงยียวนแบบที่ยังไงก็เป็นเลสเตอร์ “กลัวผมจับโยนเข้ารูแสงหรือไง? ผมเพิ่งเริ่มรู้สึกสนุกเองนะ”


โครนัสหัวเราะแผ่ว “อย่าห่วงเลย ผมไม่มืดบอดถึงขั้นจะต่อกรกับพระอาทิตย์ในที่ของเขาหรอก อีกอย่างตอนนี้ผมไม่อยากจะลดตัวไปกับการกำจัดคุณในร่างก้อนเนื้อ” เขายื่นมือออกไปกลางอากาศ วงพอร์ทัลมืดเปิดออกตรงนั้นเอง เส้นสายเวทดำคลี่ตัวออกเป็นเกลียวหมุนพร้อมเสียงร้องกระชากจากอีกมิติ “แต่ผมมีของฝากให้... ถือว่าเป็นของเล่นก่อนอาหารเช้า” เขาพูดพลางยกมือขึ้น เหมือนดีดนิ้วเพียงเบา ๆ


เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น แผ่นดินใต้เท้าแตกออกเป็นรอยแยก เสียงคำรามต่ำดังสะเทือนจนผนังวิหารสั่นสะเทือน เงาดำหนาทึบพวยพุ่งขึ้นจากพื้นหิน ลมหายใจแรกที่ลอดออกมาเหม็นกลิ่นกำมะถันและเลือด


“ผมได้เศษชิ้นเนื้อตอนเจ้านี่โดนห้วงเหวแห่งเคออสฉีกกระชาก...” โครนัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างคนเล่าเรื่องอาหารเช้า “ชิ้นเนื้อนึงกระเด็นไปบนฝั่งทาร์ทารัส... เราส่งคณะสำรวจไปเก็บกลับมา แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของหลายคน” เขาหันมองเลสเตอร์ ดวงตาเรืองวาว “แม้มันจะไม่แข็งแกร่งเท่าตัวที่คุณเคยฆ่า แต่ผมมั่นใจว่ามันคงเล่นสนุกกับคุณได้พอสมควร โดยเฉพาะในสภาพที่คุณดูอ่อนล้าแบบนี้” จากรอยแยกใต้พื้น หัวมังกรยักษ์ผุดขึ้นพร้อมเสียงคำรามสะเทือนโลก ไพธอน งูยักษ์ในตำนานแห่งเดลฟี ผู้เป็นบุตรแห่งไกอา ดวงตาสีเหลืองดั่งเปลวโคมมองลงมาจากความมืดเหนือศีรษะของทั้งคู่ เกล็ดสีม่วงเข้มสะท้อนแสงตะเกียงวิหารเป็นประกายเยือกเย็น ขณะมันขดร่างยักษ์รอบผนังหิน พื้นดินสั่นราวแผ่นดินจะถล่ม


“อย่าเอาให้ตายล่ะ ผมยังต้องการพลังอยู่ โดยเฉพาะเด็กเดมิก็อดเซเรสตรงนั้น” โครนัสหันไปบอกมัน น้ำเสียงเหมือนเจ้าของสุนัขที่สั่งให้ไปคาบลูกบอล


เลสเตอร์มองขึ้นไปข้างบน ดวงตาสีฟ้าหันมองสัตว์ยักษ์ตรงหน้า ความหวาดกลัวแว้บหนึ่งฉายขึ้นในดวงตาเขา... ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเยาะ “อืม... งั้นของเล่นก็มีระดับดีนี่” เขายกมือปัดฝุ่นจากเสื้อของตัวเองเบา ๆ “ผมจะถือว่าเป็นการรีวิวฝีมือใหม่ ๆ ของตัวเองก็แล้วกัน ว่าคนอย่างผมต้องใช้กี่ลูกศรถึงจะฆ่าสัตว์ประหลาดก๊อปเกรดเสินเจิ้นแบบนี้ได้”


แสงของพอร์ทัลมืดค่อย ๆ หดตัวลงพร้อมกับเสียงหัวเราะต่ำของศาสตราจารย์เซเวอรัส โครนัสที่ค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหล็กเผาและกลิ่นเนื้อเน่าของพลังเวทที่เหลือค้างอยู่ในอากาศ เมื่อร่องรอยสุดท้ายของเขาหายไป โมนีก้าก็เหมือนถูกปลดจากพันธนาการ พลังตรึงที่บีบรัดร่างเธอจนหายใจไม่ออกจางลงในเสี้ยววินาที เธอทรุดตัวลงกับพื้นทันที มือสั่นเทา พยายามคว้าแตะกำไลดาบสุริยคติ


แต่เสียงคำรามของสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับดังกลบทุกสติของเธอ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!


เสียงของงูยักษ์นั้นดังสะเทือนพื้นหิน มันพุ่งตัวมาข้างหน้า ร่างยักษ์เกล็ดสีม่วงมืดสะท้อนแสงทองสั่นวาบในแสงเลือน ๆ ของวิหาร ร่างมันใหญ่โตเสียจนทั้งห้องสั่นสะเทือน เสาหินโบราณที่รับน้ำหนักวิหารมาหลายพันปีกลับแตกร้าวเพียงแรงกระแทกของมัน งูยักษ์แยกเขี้ยวคำรามอีกครั้ง ลมหายใจของมันร้อนเหมือนเปลวเพลิงจากแก่นโลก ทั้งอากาศกลายเป็นไอพิษสีเขียวอ่อนพวยพุ่งออกมาจากปากมัน สะเก็ดหินละลายเมื่อโดนเพียงเสี้ยววินาที มันพุ่งเข้าใส่เลสเตอร์ด้วยความเร็วเหนือความคาดหมาย เหมือนสัตว์ร้ายที่จดจำกลิ่นของศัตรูได้ตั้งแต่ชาติปางก่อน


เลสเตอร์กระโดดถอยหลังหลบ เขาพลิกตัวลงพื้นพร้อมคว้าคันศรขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ง้างลูกศร เสียงกระแทกดังลั่นจากด้านข้างทำให้เขาหันขวับกลับไป ทันเห็นเพียงเสี้ยววินาทีที่หางของงูยักษ์สะบัดออกไปกระกทแร่างของโมนีก้า 


“โมนีก้า!”


แรงกระแทกจากหางงูมหึมาฟาดเข้าที่ลำตัวของเธอเต็มแรง เสียงดังสนั่นดังก้องทั่วห้องโถง ร่างของเธอกระเด็นไปกระแทกเสาหินข้างหลังจนแตกสะเทือน ก่อนจะทรุดลงมากองกับพื้น เลือดสีแดงสดทะลักออกจากมุมปากเป็นสาย เธอหอบหายใจถี่ ร่างกายบิดงอเหมือนถูกแรงกระแทกฉีกข้างใน เลือดเปื้อนเสื้อคลุมสีขาวของเธอจนกลายเป็นสีแดงเข้ม “อึก... เลส…เตอร์...” เสียงเธอแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน


เลสเตอร์ชะงัก ทั้งร่างนิ่งงันไปชั่วขณะ ดวงตาสีฟ้าของเขาเบิกกว้างความร้อนรอบตัวเขาพุ่งสูงขึ้นจนหากเป็นจริงพื้นหินใต้เท้าคงเริ่มละลาย “แก... กล้าทำร้ายเธอ?” เสียงของเขาไม่ดัง แต่กลับก้องไปทั่วห้อง เหมือนฟ้าผ่าผ่านหัวใจทุกชีวิตที่ได้ยิน งูยักษ์คำรามตอบ เสียงของมันประสานกับแรงสั่นสะเทือนจากกำแพงที่พังครืนรอบ ๆ แต่เลสเตอร์กลับยืนนิ่ง ใบหน้าไม่เหลือแววเย้ยหยันหรือบ่นอะไรอีก มีเพียงความโกรธลึกล้ำที่แผดเผาไปทั้งอากาศ…

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

avatar

Moneka M. Blossom

-




แสดงความคิดเห็น

God
โมนีก้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไพธอนทำร้าย หลังจากจบเรื่องไพธอนงดต่อสู้ระยะเวลาหนึ่งเพื่อพักฟื้นหรือใช้เนคทาร์ อาหารเทพรักษา  โพสต์ 2025-10-28 22:11
โพสต์ 67,641 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-28 21:50
โพสต์ 67,641 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-28 21:50
โพสต์ 67,641 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-28 21:50
โพสต์ 67,641 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก รากพันธนาการ  โพสต์ 2025-10-28 21:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-29 12:24:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 15 : ข่อยสิแปรงร่าง ได้เวลาฮีโร่
วันที่ 24 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงสาย เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป วิหารเทพอะพอลโล เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

เสียงคำรามของไพธอนก้องสะท้านทั่ววิหารจนหินแตกร้าว เสียงสะท้อนนั้นเหมือนคลื่นพลังอันโบราณของโลกกำลังตื่นขึ้น ร่างยักษ์สีม่วงเข้มสะบัดเกล็ดที่ส่องประกายเยือกเย็น มันจ้องเลสเตอร์ด้วยสายตาอาฆาตราวกับจำได้ตั้งแต่ชาติภพก่อนว่า ชายผู้ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือศัตรูชั่วนิรันดร์ ผู้ที่เคยปลิดชีวิตมันและยึดวิหารเดลฟีไปจากอ้อมอกของไกอา เลสเตอร์จ้องกลับ สีทองจากดวงตาเริ่มเรืองขึ้นอย่างอันตราย ดวงอาทิตย์ที่เขาเคยเป็นเริ่มแผดเผาอยู่ในร่างมนุษย์นั้น เขารู้ดีว่าถ้ายังเก็บพลังไว้โมนีก้าจะตายแน่


“อย่าแตะต้องเธอ” เขาขบกรามแน่น เสียงต่ำจนแทบเป็นคำราม 


แต่ไม่ทันขาดคำ หางมหึมาของไพธอนสะบัดพุ่งเข้าโอบร่างของโมนีก้าไว้แน่น เสียงกระดูกของโมนีก้าดังลั่น “กร๊อบ” ดังน่ากลัว เลือดสด ๆ กระอักออกจากปากของเธออีกครั้ง หางงูรัดจนขาแทบหัก ดวงตาเทาเงินของโมนีก้าเบิกกว้าง เธอพยายามขยับมือแตะกำไลดาบ แต่ไม่อาจขยับได้แม้ปลายนิ้ว มันไม่ได้ฆ่าเธอทันที... มันกำลังดูดซับพลังของเธอ พลังลังถูกกลืนเข้าไปในเกล็ดสีม่วงมืดของมัน ไพธอนแผ่เสียงหัวเราะต่ำที่ไม่ใช่ของมนุษย์ มันคำรามในภาษาที่เก่าแก่เกินกว่าจะถอดความได้ ก่อนที่เกล็ดบนหัวมันจะเรืองแสงสีเขียวแปลกตา พยายามใช้ร่างของโมนีก้าเป็นสื่อพยากรณ์เพื่อฟื้นอำนาจแห่งคำทำนายของตน


และในวินาทีนั้น เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส ก็ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป (ถอยไปทุกคน ข่อยสิแปรงร่าง ได้เวลา ฮีโร่ววววว)


“พอได้แล้ว...” เสียงของเขาแผ่ว แต่บรรยากาศทั้งห้องกลับหยุดนิ่ง แสงรอบตัวเริ่มเปลี่ยนจากทองนวลเป็นทองเพลิง ดวงตาของเขากลายเป็นสีทองสนิท ไม่มีสีฟ้าของมนุษย์หลงเหลืออีกต่อไป อุณหภูมิในห้องพุ่งสูงขึ้นทันที เสาหินรอบวิหารแตกร้าวเพราะความร้อนอัดแน่นจากพลังศักดิ์สิทธิ์ แสงทองสาดออกจากร่างเขาจนพื้นศิลาแตกเป็นรอยร้าว นี่คือ ร่างทอง (The Gold Form) เศษเสี้ยวของรัศมีเทพแห่งดวงอาทิตย์ที่ถูกปลุกขึ้นในร่างมนุษย์ที่ไม่อาจรับมันได้เต็มที่



เลสเตอร์ยกมือขึ้น แสงจากฝ่ามือสว่างจนตาพร่ามัว เส้นผมของเขาเริ่มลอยขึ้นในอากาศเหมือนมีแรงลมรอบตัว “...อยากเล่นของใหญ่เหรอ เจ้าตัวก๊อปเกรดตลาดนัด” เขายิงลูกศรแรกออกไป เส้นแสงทองพุ่งทะลุร่างงูทันทีจนเกิดเสียงระเบิดกึกก้อง เศษเกล็ดปลิวเป็นประกายราวฝนทองตกทั่วห้อง แต่ไพธอนกลับไม่ล้มตาย มันคำรามและพุ่งกลับใส่เขาอีกครั้ง เลสเตอร์ยิ้ม “อ้อ ยังกล้าดิ้นนะ? ดี... ผมเกลียดพวกของปลอมที่คิดว่าตัวเองเท่กว่าของจริง” เขาง้างศรอีกลูก แสงสว่างเจิดจ้าจนแทบกลืนทุกเงา “ขอโทษนะ เจ้าของลอกเลียนแบบ... แต่งานอาร์ตชิ้นนี้มีศิลปินคนเดียว”


ลูกศรทองปักเข้ากลางหน้าผากงู เสียงแผดร้องของมันดังสนั่นจนพื้นสั่นสะเทือนทั่ววิหาร เปลวทองแตกกระจายเป็นคลื่นรัศมีพุ่งออกไปรอบทิศ ก่อนร่างยักษ์ของไพธอนจะสลายไปในหมอกแสง เหลือเพียงเศษเถ้าสีม่วงเข้มที่ลอยอยู่ในอากาศ เลสเตอร์ยืนนิ่งอยู่กลางหมอกนั้น ผมเปียกชื้นจากเหงื่อ พลังทองยังแผ่วอยู่รอบตัว เขาหอบหายใจหนัก ๆ ราวกับแบกภูเขาไว้บนบ่า แต่บนใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มมั่นหน้าขั้นเทพ


“ฮะ... เห็นไหม?” เขาหัวเราะเบา ๆ พลางสะบัดผม “ผมบอกแล้ว ว่าพวกของก๊อปมันไม่มีวันชนะของแท้ได้หรอก ไพธอนตัวก่อนที่ผมสู้เมื่อไม่กี่ปีก่อนยังทำให้เหนื่อยกว่านี้เลยแกมันไม่ได้ถึงเสี้ยวหนึ่ง เสิ้นเจิ้นเอ้ย” เขาเช็ดเลือดจากมุมปากด้วยหลังมือ “ดูท่าพวก LoNex คงมีปัญญาแค่สร้างรูปลักษณ์ แต่ไม่รู้จักสูตรลับของความสง่างามกับความแข็งแกร่งสินะ” เขายิ้มให้เถ้าควันที่ค่อย ๆ จางหาย “เจ้าของก๊อปมือสองเอ๊ย... รบกวนอย่างกับแมลงวันในพิธีบูชาแสงแรกของผม”


ในความสว่างที่ค่อย ๆ จางลง โมนีก้ามองภาพนั้นด้วยสายตาแทบไม่เชื่อ เธอไม่รู้ว่าอะไรที่น่ากลัวกว่ากันระหว่างอสูรงูที่เพิ่งถูกทำลาย หรือชายตรงหน้าที่แสงของเขาร้อนแรงเสียจนแทบจะละลายทุกสิ่งรอบข้าง


แสงทองจากร่างเลสเตอร์ค่อย ๆ จางหายไป เหมือนอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า เศษเงาของพลังเทพแผ่วเบาลงพร้อมกับเสียงหายใจที่เริ่มหนักของเขา กลิ่นควันและฝุ่นจากการสู้รบยังลอยอยู่ในอากาศ เศษเกล็ดของไพธอนปลิวกระจายอยู่ทั่ววิหารเหมือนฝุ่นทองตกค้างจากสงครามสวรรค์ เขาก้าวข้ามซากหินที่ถล่มลงมา ก้าวข้ามเศษเกล็ดของไพธอนตรงเข้าไปหาโมนีก้าที่นอนพิงเสาหินอยู่ ดวงตาเทาเงินของเธอยังพร่ามัว ใจเต้นแรงจากสิ่งที่เห็น ไม่ใช่เพราะความกลัว... แต่เพราะเธอเพิ่งเห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


“อยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะ” เขาพูดเสียงแหบ  มือเปล่งแสงอ่อน ๆ สีทองจาง ๆ ขึ้นจากปลายนิ้ว แสงนั้นส่องผ่านบาดแผลและรอยฟกช้ำบนร่างของเธออย่างแผ่วเบา พลังนั้นอบอุ่นจนเหมือนแสงอรุณแรกของเช้าวันใหม่ กลิ่นดอกไม้และเหล็กจาง ๆ ปะปนกันในอากาศ มันอุ่น... อุ่นจนเธอแทบเผลอหลับ แผลที่แตกร้าวเริ่มสมาน เลือดหยุดซึมลงช้า ๆ “ผมไม่ชอบเห็นคนหน้าตาดีแบบคุณเลือดอาบไปทั้งตัว มันลดระดับความงามโดยรวมของภาพเลยนะ”


โมนีก้ามองหน้าเขา ดวงตาของเธอนั้นสั่นไหวจนไม่พูดอะไรสักพัก ก่อนที่เสียงแผ่วต่ำจะหลุดออกมา “เลสเตอร์... ตอนนี้นาย... ยังเป็นเลสเตอร์อยู่ไหม?”


เขาชะงักไปนิดกับคำถามของโมนีก้าพลางยกคิ้วอย่างเหนื่อย ๆ แต่ยังคงรอยยิ้มกวน ๆ ประจำตัว “ก็ยังเป็นอยู่นะ แค่รู้สึกเหมือนกลืนเข็มพิษไปหนึ่งกำมือ...” เขาสูดลมหายใจ “ร่างมนุษย์มันไม่ชอบพลังแบบนี้เท่าไหร่” แสงทองดับลงในที่สุด เขาทรุดตัวข้างเธอเหมือนคนหมดแรง โมนีก้ารีบยันตัวขึ้น ประคองเขาไว้ด้วยความตกใจ “เลสเตอร์!?”


“นายคืออะไรกันแน่...” เธอถามเสียงเบาในระหว่างที่ดูร่างกายของเขา “เมื่อกี้นายพูดกับงูนั่นเหมือน... เหมือนมันรู้จักนาย... แล้วพลังเมื่อกี้มันคืออะไร นายเป็นใครกันแน่?” โมนีก้ารู้ว่ามันเป็นอะไร แต่เพราะความสับสน เธอต้องถามเขา เอาให้ชัดเจน เอาให้รู้จริงว่ามันใช่ไหม เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น


เขายกตาขึ้นมามองเธอ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเหมือนน้ำทะเลสะท้อนแสงยามรุ่ง “คำถามดีมาก ผมควรตอบด้วยกลอนมั้ยนะ จะได้มีชั้นเชิงหน่อย”

“เลสเตอร์—”


เขายิ้มกว้างกว่าเดิม “โอ้ แน่นอนสิ หนึ่งเดียวที่ชนะไพธอนได้ก็คือผมคนนี้แหละ คุณคิดว่ามีมนุษย์คนไหนกำจัดเจ้านั้นได้บ้างล่ะ อะพอลโล เทพแห่งแสงสว่าง ดนตรี คำพยากรณ์ และความงามในทุกอณูผิว” เขาแกล้งยืดหลังขึ้นนิด ยกมือเสยผม “จริง ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจนะที่ผมยังดูดีแม้ในร่างมนุษย์... มันยากจะปิดบังออร่าแห่งความสมบูรณ์แบบของผมได้ ผมหมายถึง... ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือผมทั้งหล่อ ทั้งยิงแม่น ทั้งเปี่ยมเสน่ห์ และยังมีพลังแห่งแสง ซึ่งแน่นอนว่านั่นคืออะพอลโลเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่รัก”


โมนีก้านิ่งไปสามวินาทีเต็มก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อ “นี่นาย... กำลังบอกฉันว่านายคือ อะพอลโล? เทพเจ้าที่…โอ้พระแม่เซเรสเถอะ... นี่ฉันเดินสำรวจวิหารของเขา พร้อมกับเจ้าของมันเองเหรอเนี่ย?” โมนีก้าเหมือนเริ่มประติดประต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าหากันอย่างอึน ๆ แม้ว่าจะรู้แต่ใจมันก็ไม่อยากจะยอมรับว่าไอ้หนุ่มหน้าจืดนี้คือเลสเตอร์แม้ตอนนี้จะหุ่นพอไปวัดไปวาก็ตาม


“พูดให้ถูกคือคุณได้ร่วมภารกิจกับเทพเจ้าแห่งทุกสิ่งที่ดีงามบนโอลิมปัส” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นหน้าจนอยากจะปาเศษหินใส่ “และยังรอดชีวิตจากการเห็นร่างทองของผมโดยไม่ละลายตายด้วย ถือว่าคุณโชคดีมากนะครับ โมนี—”


“เลสเตอร์” เธอขัดขึ้นทันที “อย่าเพิ่งเริ่มโม้ ฉันยังพยายามประติดประต่ออยู่ นายคืออะพอลโลจริง ๆ... แล้วที่ผ่านมานาย?” เธอกลืนคำ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังเล่นตลก เขาหัวเราะแผ่ว ๆ “ใช่ ผมเคยเป็นเทพและยังเป็นอยู่แต่ผมโดนสาปลงมาอยู่ในร่างมนุษย์... ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงพักร้อนที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สวรรค์ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังทำงานอยู่ดีมันเหนื่อยนะบอกเลย”


โมนีก้าจ้องหน้าเขาแน่นิ่ง “พักร้อน?”


“ใช่สิ ก็มันเหนื่อยนี่นา คุณไม่รู้หรอกว่าการต้องคอยให้คำพยากรณ์กับมนุษย์วันละพันคำ มันเครียดแค่ไหน... ไหนจะคอยบันดาลใจให้เกิดบทเพลงใหม่ ๆ ขึ้นมา เหนื่อยมาก ๆ เลยนะ ผมแทบไม่มีเวลาเซ็ตผมเลยนะ”


“นาย... ยังจะห่วงผมตอนนี้เนี่ยนะ?” เธอพูดอย่างไม่อยากเชื่อ


“แน่นอน ผมต้องรักษาภาพลักษณ์เทพแห่งความงามไว้สิ” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนเธอแทบหายใจไม่ทั่วปอด “หรือว่า... คุณเพิ่งตระหนักว่าคุณกำลังโอบเทพเจ้าอยู่?” โมนีก้าเบิกตา แล้วรีบปล่อยแขนเขาทันที “อย่ามาทำมั่นหน้าใส่ฉันนะ!”


“อ้าว เมื่อกี้ยังจับแน่นเลยนี่นา ผมคิดว่าคุณเริ่มศรัทธาผมแล้วเสียอีก” เธอส่ายหน้าแรง พยายามซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ฉัน... ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดี นายดูไม่เหมือนเทพเจ้าตรงไหนเลยนอกจากปากเก่ง!” เมื่อได้รับคำตอบเขายิ้มบาง รอยยิ้มแบบคนที่รู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันถ่อมตัวได้ “ก็นั่นแหละสิ... เพราะเทพเจ้าที่ดีไม่จำเป็นต้องนิ่งสง่าเสมอไป บางทีก็ต้องเท่ พูดเยอะ และมีสไตล์แบบนี้แหละ”


ทว่าหลังจากนั้นเลสเตอร์เหมือนจะกระอักความเจ็บจนโมนีก้าต้องเข้าหาเขาอีกครั้ง “เลสเตอร์!?” แสงแดดลอดช่องหินที่แตกเข้ามาเป็นลำ ๆ สะท้อนกับผิวของเลสเตอร์ที่ตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เขายังหอบแรงจากการใช้พลังเทพแต่ก็ยังฝืนยิ้มตามสไตล์ของเขา “ไม่เป็นอะไร ๆ ผมสบายดี” เขาเอ่ยบอก


โมนีก้ามองเขานิ่งระหว่างประคองอีกคนรอบที่สอง ดวงตาสีเทาเงินของเธอเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าความกลัว “งั้น... ตลอดมาฉันทำภารกิจกับนาย... ที่เป็นเทพที่โดนสาปอย่างงั้นใช่ไหม?” น้ำเสียงของเธอเรียบแต่แฝงแรงสั่นอย่างคุมไม่อยู่ เลสเตอร์หัวเราะในลำคอแผ่ว ๆ “ใครจะไปคิดว่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะต้องมาติดอยู่ในร่างมนุษย์แบบนี้ล่ะ จริงไหม?”


“ใครสาปนาย?” เธอถามเสียงเข้มขึ้นแต่ก็แฝงไปด้วยความสงสัย


เขายกมือขึ้นชี้ฟ้าแบบเอือม ๆ “จะใครได้อีกล่ะ พระบิดาผมเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นแหละ... ซุส หรือถ้าจะให้เวอร์ชั่นโรมันก็จูปิเตอร์น่ะสิ คนดี คนเดิม คนเดียวที่ชอบสาปลูกชายตัวเองทุกเมื่อที่ไม่พอใจ! ผมทำอะไรผิดยังไม่รู้เลย” เขาบ่นยาวทันทีเหมือนเปิดน้ำป่า “ผมหมายความว่า มันไม่แฟร์เลยนะ! ผมช่วยพวกมนุษย์มานับครั้งไม่ถ้วน สร้างบทกวี สอนดนตรี พยากรณ์อนาคต แล้วแค่เพราะผมอาจจีบใครผิดคน หรือพูดแรงไปหน่อย ท่านพ่อก็จับผมโยนลงโลกอีกแล้ว! จะให้ผมขอโทษกี่ครั้งถึงจะพอใจกันนะ ซุสผู้สูงศักดิ์ผู้ทรงอำนาจแต่ขาดอารมณ์ขัน!”


โมนีก้าได้แต่ถอนหายใจแรง ทั้งที่ยังประคองเขาอยู่ “พระแม่เซเรส... นี่สินะเหตุผลที่นายติดนิสัยบ่นทุกเรื่อง”


“ผมไม่ได้บ่นนะ ผมแค่พูดความจริงที่จักรวาลควรรู้ต่างหาก! ลองคิดดูสิร่างอะพอลโลผมมีมาเซเรติขับ แต่นี้ผมต้องมาเดินดิน” เขาแย้งเสียงจริงจัง แต่พอเห็นสายตาของเธอที่จ้องมา เขาก็ชะงักไปชั่วครู่ รอยยิ้มค่อย ๆ จางลง “แล้วทำไมต้องปิดบังฉันไว้?” เธอถามต่อ เสียงเบาแต่ชัด เหมือนแทงเข้าใจเขาแล้วคิดอยู่นาน


เลสเตอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบช้า ๆ “เพราะคุณ... เหมือนบาดแผลในใจของผม”

โมนีก้าชะงัก “หมายความว่าไง?”


เขาหลุบตามองต่ำ มือที่พยายามซ่อนความสั่นไหวกำแน่น “กลิ่นไลแลคของคุณ มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคน... ดาฟนี่” เสียงของเขาแผ่วลง “คุณรู้ไหม ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมโดนสาปให้ลงมาแย่แบบนี้ และทุกครั้งมันก็เหมือนโลกกำลังบังคับให้ผมชดใช้ในสิ่งเดิม ๆ ที่ผมทำพลาด” เขาเงยหน้ามองเธอ ดวงตาสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามา “การเดินทางในร่างของเลสเตอร์ ปาปาโดปูลอสนี่มันไม่ใช่การลงโทษหรอก มันคือบทเรียน... ที่ทำให้ผมรู้ว่าเทพก็ทำผิดได้มากมายแค่ไหน ในอดีตผมเคยเป็นเทพเจ้าที่ไล่ตามทุกสิ่งที่ผมต้องการโดยไม่ฟังใครเลย โดยเฉพาะดาฟนี่... ผมควรปล่อยเธอไปตั้งแต่วันที่เธอบอกว่า ‘ไม่’ แต่ผมกลับไม่ยอม และต้องดูเธอกลายเป็นต้นลอเรลทั้งเป็น”


น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่น ไม่ใช่เพราะอ่อนแรงจากพลัง แต่เพราะความทรงจำที่กัดกิน “ผมใช้เวลานับพันปี... ถึงจะเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเธอได้จริง ๆ” ระหว่างการเล่าโมนีก้าเงียยฟังเขาเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว


เลสเตอร์สูดหายใจเข้าอย่างหนัก “คุณรู้ไหม โม... คุณทำให้ผมกลัว กลัวว่าจะทำผิดซ้ำอีก ผมกลัวว่าความสนใจของผมที่มีต่อคุณ... จะกลายเป็นการไล่ตามแบบนั้นอีก ผมเลยโกหกตัวเองว่าที่ผมสนใจคุณก็เพราะกลิ่น เพราะความทรงจำของอดีต แต่ไม่ใช่เลย ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่เธอ...”


คำพูดสุดท้ายของเขาจบลงในความเงียบที่ยืดยาว แสงอาทิตย์ยามสายส่องผ่านรอยแตกบนผนังมาสะท้อนบนดวงตาของโมนีก้า ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน เธอไม่ร้องไห้มีน้ำตาแต่ก็ไม่พูดออกมาเหมือนกัน ในแววตานั้นเต็มไปด้วยคำมากมายที่ยังไม่กล้าออกเสียง เธอเพียงแค่ขยับแขน ประคองเขาแน่นขึ้น แล้วพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขาเล็กน้อย ไม่พูดอะไรเลย มีเพียงเสียงหายใจสองจังหวะที่ผสานกันในวิหารที่เคยเป็นสนามรบ


เลสเตอร์ไม่ได้พูดต่อ เขาเพียงยกมือขึ้นแตะหลังมือของเธอเบา ๆ เป็นการตอบกลับโดยไม่ต้องใช้คำพูด และในความเงียบนั้นโมนีก้ารู้ ว่าเขาเข้าใจข้อความเดียวกันกับที่เธอพยายามส่ง


อากาศในวิหารเงียบสงบลงหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านไป เหลือเพียงเสียงลมพัดลอดช่องหินและแสงแดดอุ่นที่ส่องกระทบผนังศิลาเก่าแก่ เศษเกล็ดไพธอนส่องประกายเล็กน้อยเหมือนฝุ่นทองที่ลอยวนในแสงนั้น เลสเตอร์เอนตัวพิงเสา พลางพ่นลมหายใจหนักเหมือนคนหมดแรง ส่วนโมนีก้านั่งข้าง ๆ เขา เธอยังรู้สึกถึงแรงสั่นในพื้นหินใต้ตัว เหมือนมีอะไรบางอย่างเต้นตอบกลับเป็นจังหวะ


หญิงสาวขมวดคิ้ว “นายได้ยินเสียงไหม?”

เลสเตอร์หลุบตามองพื้น “เสียงอะไร?”


“เหมือนมีบางอย่าง... อยู่ข้างใต้ช่องลับนั่น” เธอชี้ไปยังผนังด้านในที่ร้าว เศษหินตรงนั้นเรืองแสงจาง ๆ คล้ายสะท้อนพลังงานจากภายใน โมนีก้าใช้มือแตะพื้นหินช้า ๆ ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นมาตามแขน เธอสูดหายใจ “มันคือคริสตัลแห่งเสียงก้องแน่เลย...”


เลสเตอร์เงยหน้าขึ้นทันที “คุณแน่ใจเหรอ?”

“แน่สิ” เธอยิ้มบาง “เราตามหามันมาตลอดนี่นา... ตอนนี้เราพบแล้ว จะได้ซ่อมพิณสักที” โมนีก้าหันมามอง “ขอถามตรง ๆ เลยนะ พิณนั่นของนายใช่ไหม?” เขายักคิ้วก่อนตอบ “ใช่ มันเป็นของผมเอง... ในร่างอะพอลโล ผมสร้างมันไว้ตั้งแต่สมัยที่พยากรณ์ยังดังไปทั่วโอลิมปัสและแน่นอนว่าตอนนี้ดังไปทั่วโลกและสามโลก ดังไม่มีแผ่ว มันเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างเสียงทวยเทพกับมนุษย์ แน่นอน ผมตั้งชื่อมันเองด้วย น่าจะเดาได้ว่าเพราะผมเสียงดีแค่ไหน”


“โอ้พระเจ้า...” โมนีก้าพ่นลมหายใจเบา ๆ “นายยังจะหาเวลาชมตัวเองได้อีกเหรอ ตอนนี้?”

“ก็ผมพูดความจริง” เขายิ้มมุมปาก “เสียงของผมทำให้คริสตัลนั่นเกิดขึ้นนะ คุณควรซาบซึ้ง”

โมนีก้าส่ายหน้าแต่ยิ้มบาง เธอชำเลืองมองแสงที่ลอดผ่านหิน “เราต้องหามันอีกกี่ชิ้นนะ?”

เลสเตอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบ “สอง”

“สองเหรอ?” โมนีก้าทวนตัวเลข


“อืม” เขาพยักหน้า “หนึ่งอยู่ที่นี่... อีกหนึ่ง...” เขาขมวดคิ้วเหมือนพยายามระลึก “ผมรู้สึกได้ว่ามันอยู่ในที่ที่มีเสียงลมพัดผ่านต้นสนหนาแน่น... กลิ่นทะเลกับกลิ่นเกลือจาง ๆ... ป่าสนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน” โมนีก้าพึมพำเหมือนกำลังคิดอยู่ “ป่าสน... งั้นก็คงฝรั่งเศสตอนใต้สินะ” เลสเตอร์พยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่ แคว้นโพรวองซ์ นั่นแหละที่ผมจำได้ ที่ที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในยุโรป ก็แน่นอนสิ ผมออกแบบแสงมันเองกับมือ”


“นาย...” เธอกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “อวดแม้กระทั่งพระอาทิตย์ตกเลยเหรอ?”

“มันเป็นงานศิลป์ที่ผมสร้างขึ้นมาเอง เพราะงั้นผมมีสิทธิ์โม้” เขาตอบหน้าตาย


โมนีก้าเพียงส่ายหน้า แล้วเอนหลังพิงเสาอย่างเหนื่อยล้า “งั้นเราพักกันก่อนดีไหม ฉันว่าถ้านายยังพูดอีกนิดเดียวคงหมดแรงก่อนถึงโพรวองซ์แน่ ๆ” เลสเตอร์หัวเราะแผ่ว ๆ แล้วเอนหัวพิงกำแพงข้าง ๆ เธอ “ตกลง... พักก่อนก็ได้ แต่บอกไว้เลยนะ ผมไม่ได้หมดแรง ผมแค่ให้โอกาสร่างมนุษย์ได้พักเท่านั้นเอง”


“แน่นอนค่ะ คุณอะพอลโล” เธอประชดเบา ๆ พร้อมหลับตา สิ้นคำนั้นเลสเตอร์ยิ้มอย่างพึงใจ แม้ร่างกายจะอ่อนแรงแต่ในหัวใจกลับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด แสงแดดยามสายตกกระทบทั้งคู่ราวกับจงใจห่มคลุมไว้ในความเงียบสงบของวิหารเดลฟี ก่อนที่การเดินทางสู่โพรวองซ์จะเริ่มต้นอีกครั้งหลังจากนี้

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

บ้าที่สุด! เจ้าไพธอนตัวปลอมนั่นมันกล้าดีบังไงมารัดตัวโมนีก้า! การเห็นเลือดของเธอ... เสียงกระดูกของเธอดัง... มันทำให้ผม โกรธจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์ มันคือศัตรูชั่วนิรันดร์ของผม และมันทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บปวด ผมไม่สามารถทนเห็นเธอถูกทำลายได้มันเป็นความผิดที่ไม่มีวันให้อภัยแน่ ๆ ผมทำถูกแล้วที่ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมา มันอาจทำให้ร่างมนุษย์ที่แสนบอบบางนี้แตกสลาย แต่ความปลอดภัยของโมนีก้าอยู่เหนือทุกสิ่ง ลูกศรทองของผมมันยังคงสมบูรณ์แบบ! ไพธอนตัวนี้เป็นแค่สินค้าลอกเลียนแบบเกรดต่ำที่ไม่คู่ควรกับการเสียพลังงานของผมเลยด้วยซ้ำ บ้าเอ้ย! แต่นั้นหมายถึงผมที่ต้องเปิดเผยทุกอย่าง


ผมถูกจับได้จนมุมคำถามของโมนีก้าเจาะลึกเข้าไปถึงหัวใจ ผมไม่สามารถโกหกเธอได้อีกต่อไป... โดยเฉพาะเมื่อร่างกายของผมทรยศตัวเอง ผมเกลียดที่ต้องบอกว่าผมคืออะพอลโล... เทพเจ้าจอมเจ้าชู้ที่เธอรังเกียจ คำพูดเรื่อง ดาฟนี่มันเหมือนบาดแผลที่เปิดใหม่ ผมใช้เธอเป็นกระจกเพื่อมองความผิดพลาดของผมเอง ผมกลัวว่าเธอจะทิ้งผมไปเมื่อรู้ความจริง ผมเตรียมใจไว้ว่าผมสมควรที่จะถูกทิ้ง


แต่โมนีก้าไม่หนีและไม่ทิ้งผม เธอแค่โอบกอดผมแน่นขึ้น เธอเชื่อในความพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองของผมแม้อาจจะยังไม่เชื่อใจเต็มร้อย แต่ผมก็มีหวัง

avatar

Moneka M. Blossom

นี่มันเรื่องบ้าอะไร คนที่ฉันชอบแม่งแปลงร่างเป็นดวงอาทิตย์ อะพอลโลงั้นหรอ เอาจริงรู้สักพักแล้วล่ะแค่ยังไม่อยากจะเชื่อ ...มันทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ เอาตรง ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ฉันอยากช่วยจนกว่าจะจบเรื่องนี้แล้วฉันจะบ่งบอกกับเขาว่าเป็นยังไง


ฉันรู้เลยว่าทำไมถึงมีสัญชาญชาณแบบนั้น แม่งเอ้ย โคตรบ้าชอบใครไม่ชอบ มาชอบเทพเจ้าซะงั้น .... ฉันต้องทำใจที่จะอกหักสินะ แม้ว่าในใจลึก ๆ ของฉัน ฉันจะคิดว่าเขาจะรักฉันก็ตาม แต่ความแตกต่างของฉันกับเขาตอนนี้...มันห่างไกลเหลือเกิน...เห่อ คนที่ 15 หรอ รักที่ไม่สมหวังของฉัน แต่เอาเถอะได้คริสตัลชิ้นที่ 1 มาแล้ว อีกแค่ชิ้นเดียว...




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 99472 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-29 12:24
โพสต์ 99,472 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-29 12:24
โพสต์ 99,472 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-29 12:24
โพสต์ 99,472 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-29 12:24
โพสต์ 99,472 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-29 12:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-29 17:39:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 16 : ได้เวลาพักผ่อน 1
วันที่ 24 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป วิหารอะพอลโล เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

แดดยามบ่ายคล้อยสาดผ่านผาหินของเดลฟีเป็นลำแสงสีนวลที่ร่วงลอดลงมายังพื้นวิหารเก่า โมนีก้าประคองเลสเตอร์ที่ตัวสูงกว่าเธอถึงสามสิบเซนติเมตรไว้แน่น ทุกย่างก้าวเหมือนลากก้อนหินขนาดใหญ่ไปตามทางขรุขระ เสียงหอบเบา ๆ ของเขากับไอร้อนในอากาศปะทะกันอย่างหนักหน่วง “ขืนฝืนแบบนี้อีกหน่อย นายได้กลิ้งลงเขาแน่” หญิงสาวบ่นขณะกวาดสายตามองรอบด้าน จนเหลือบเห็นปากถ้ำเล็ก ๆ ที่โผล่ขึ้นข้างทาง “นั่นไงเห็นไหม มีถ้ำอยู่ตรงนั้น เราเข้าไปพักกันก่อนเถอะ”


เลสเตอร์เงยหน้าขึ้นทั้งที่เหงื่อซึมตามไรผม “ถ้ำแถวนี้แหล่งรวมอสุรกายนะคุณ รู้ไหม—” 


“คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าไพธอนแล้วล่ะสำหรับตอนนี้น่ะ” เธอตัดบทเสียงเรียบ ทำเอาเทพเจ้าในร่างมนุษย์ได้แต่ยกคิ้วขึ้นอย่างขุ่นใจ “เฮ้อ ก็ได้ แต่เธอจะพูดให้ผมพูดหน่อยก็ไม่ได้เหรอ ผมกำจัดเจ้างูนั่นโดยไม่บาดเจ็บเลยสักนิดเชียวนะ” เสียงเขาไม่ทันจบ เงาดำขนาดใหญ่กลับโผล่ขึ้นจากมุมถ้ำ เสียงคำรามต่ำดังก้องเหมือนหินถล่ม โทรลล์ร่างยักษ์สูงเกือบสามเมตร กรามแสยะ แววตาขุ่นมัวเต็มไปด้วยความกระหาย มันยกตะบองไม้หนาเท่าลำต้นสนขึ้นเตรียมจะฟาด


โมนีก้าไม่ลังเลหลังการกินแอมโบรเชียรเพื่อนฟื้นร่างกาย เธอผลักเลสเตอร์ให้พิงผนังหินแล้วขยับก้าวขึ้นหน้า นิ้วแตะกำไลที่ข้อมือซ้ายเพียงแผ่วเบา แสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากโลหะจนกลายเป็นดาบสุริยคติในพริบตา ความร้อนของคมดาบสะท้อนในตาโทรลล์ที่คำรามลั่นก่อนจะพุ่งเข้าหา เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็ว คมดาบตวัดเฉือนผ่านแขนของมัน เสียงเนื้อฉีกปะปนกับไอร้อน มันแผดเสียงคำรามอีกครั้งเงื้ออาวุธขึ้น แต่เธอหมุนตัวต่ำเฉือนเข้าที่ข้อพับ สะบัดมือขึ้นฟันเฉียงตัดผ่านหัวไหล่ เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างอสุรกายยักษ์นั้นก็สลายกลายเป็นผงควันสีทองกระจายอยู่ทั่วโพรงถ้ำ


หญิงสาวหอบเบา ๆ แล้วมองผงทองที่ปลิวในอากาศด้วยสีหน้ารำคาญปนเหนื่อย “บอกแล้วไง แย่กว่างูก็ไม่มีแล้ว” เธอปัดฝุ่นออกจากไหล่ก่อนหันกลับไปหาเทพเจ้าขี้โม้ของตนที่ยังยืนนิ่งพิงผนังอย่างตะลึง “โอเคไหมคะ ฮีโร่ผู้ไม่บาดเจ็บสักนิด?”


เลสเตอร์ทำท่าจะตอบ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากเธอก็ชิงพูดก่อน “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เข้าไปนอนในนั้นซะ” เธอรูดแหวนดาราจรัสที่นิ้วกลาง แสงเงินแผ่วสว่างขึ้นก่อนที่เต็นท์ผ้าใบสะอาด ที่นอนนุ่ม และหมอนผ้าห่มจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละชิ้นอย่างประณีต เสียงบ่นจากเทพเจ้ายังไม่จาง “หมอนใบนี้แข็งไปนิดนะ ถ้าพระอาทิตย์มีเสียงผมจะร้องเรียน”


“หลับซะ เลสเตอร์” โมนีก้ากดหลังมือเบา ๆ ลงบนหน้าผากของเขา “ฉันจะเฝ้านายเอง”


เลสเตอร์มองเธอเงียบ ๆ ก่อนจะหลับตาลง สีหน้าที่มักแฝงความหยิ่งยโสกลับดูสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ “ถ้ามีฝันร้าย... ปลุกผมนะ” เขาพึมพำแผ่วเบา เธอเพียงพยักหน้าแล้วดึงผ้าห่มคลุมร่างสูงไว้


เสียงลมอุ่นพัดลอดเข้ามาจากปากถ้ำ โมนีก้านั่งพิงกำแพงหินเฝ้ามองเงาอาทิตย์ที่ไต่เลื่อนผ่านพื้นถ้ำ ดาบสุริยคติวางพาดอยู่ข้างตัว มือหนึ่งของเธอวางทับหลังมือของเขาอย่างแผ่วเบา สายตาคมของเธอยังคงมองออกไปนอกถ้ำอย่างระวัง แต่ในหัวกลับมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นสอดคล้องกับลมหายใจของเทพเจ้าผู้หลับใหล เธอไม่รู้ว่าการเดินทางต่อจากนี้จะนำพาไปเจอกับอะไรอีกบ้าง แต่ในตอนนี้... แค่เห็นเขายังหายใจอยู่ตรงหน้า นั่นก็คงเพียงพอแล้วสำหรับช่วงเวลานี้ของเดลฟีที่อาบไปด้วยแสงบ่ายสีทอง


โมนีก้าขยับตัวกินแอมโบรเชียรที่มีแล้วก็พักผ่อนในเต้นท์ด้วยเช่นเดียวกันและตอนนี้ได้เวลาพักผ่อนของคนสองคนแล้วล่ะ…


Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

Z Z z  z ZZZz

avatar

Moneka M. Blossom

ช่วงเวลาพักผ่อนขี้เกียจง่ะ


โมนีก้ากิน แอมโบรเชียร 1 ชิ้น พื้นร่างกาย


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 27584 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-29 17:39
โพสต์ 27,584 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-29 17:39
โพสต์ 27,584 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-29 17:39
โพสต์ 27,584 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-29 17:39
โพสต์ 27,584 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-29 17:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-29 20:58:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 17 : ได้เวลาพักผ่อน 2
วันที่ 25 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ตลอดทั้งวัน เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

สายหมอกแห่งเช้าวันถัดมาคลี่คลุมภูเขาเดลฟีไว้บางเบา กลิ่นดินและกลิ่นน้ำคละเคล้าในอากาศยามรุ่งสางราวกับพรมหอมจากธรรมชาติที่ยังคงมีชีวิต โมนีก้าพาร่างสูงของเลสเตอร์ลงจากเขามาด้วยความเหนื่อยล้าจนแทบจะทรุด ข้างหลังเธอเต็มไปด้วยรอยข่วนและรอยฝุ่นจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ลาเมียที่ซุ่มอยู่ตรงตีนเขาแทบจะกัดขาเธอขาดหากไม่ทันฟันโมนีก้าก็ต้องกำจัดมันก่อน และเมลูซีนที่โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำระหว่างการเดินทางก็ทำให้แขนข้างหนึ่งของเธอสั่นชาเพราะการสู้แต่โมนีก้าก็จัดการมันลงไปด้วย เธอแทบไม่แน่ใจว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ยังยืนอยู่ได้ถึงตอนนี้ แต่สุดท้ายก็พาเลสเตอร์มาถึงกระท่อมร้างเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ที่พอจะบังลมและฝนได้อย่างพอดี


กระท่อมไม้หลังนี้คงเคยเป็นบ้านของชาวบ้านที่หนีภัยจากสัตว์ประหลาดไปนานแล้ว หน้าต่างบานหนึ่งแตกแหว่ง ประตูไม้ผุจนเกือบจะหลุดจากบานพับ แต่สำหรับโมนีก้าแล้ว มันคือที่พักที่ดีกว่าถ้ำของโทรลล์แน่นอน เธอวางเลสเตอร์ลงบนฟูกชั่วคราวที่ทำจากผ้าคลุมหนาและใบไม้แห้ง ปลายนิ้วสัมผัสแก้มเขาที่ซีดลงไปมากจากการใช้พลังเทพในร่างมนุษย์ ริมฝีปากของเขายังขยับเบา ๆ เหมือนละเมอถึงบางสิ่ง แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงปิดสนิท


หญิงสาวพ่นลมหายใจยาว เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้อ่อนแอ แค่ร่างนี้รับภาระที่ไม่ควรรับไว้ต่างหาก โมนีก้าเอาผ้าชุบน้ำสะอาดจากแม่น้ำมาเช็ดเหงื่อและฝุ่นบนใบหน้าของเขา เช็ดไปถึงแผ่นอกและแขน มือของเธอสั่นเล็กน้อยตอนที่สัมผัสผิวอุ่นของเขา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเทพแต่เพราะหัวใจของเธอที่เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่


ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นช่างย้อนแย้ง เหมือนโลกกำลังเล่นตลก เทพเจ้าผู้เคยเรืองรองในตำนานนอนนิ่งอยู่ต่อหน้า ในขณะที่เธอผู้เป็นเพียงลูกสาวตัวน้อยของเทพีเกษตร ต้องมานั่งเฝ้าชีวิตของพระอาทิตย์ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อยจากความกลัวและความรู้สึกบางอย่างที่ไม่กล้าเอ่ยชื่อ


เธอรู้ดี ความรักของเธอมันคงไม่มีทางเป็นจริง โมนีก้าไม่เคยถามเขา และเขาก็ไม่เคยให้คำตอบ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่วิ่งอยู่เคียงกันโดยไม่มีวันบรรจบ เธอไม่ชอบคนเจ้าชู้ ไม่เคยเลย และเลสเตอร์…หรืออะพอลโลในร่างของเขา ก็คือภาพแทนของสิ่งที่เธอควรเกลียดมากที่สุด เขาช่างหว่านล้อม โรแมนติกจนแทบจะเหลือเชื่อ และมีเสน่ห์ในแบบที่ทำให้คนหลงได้ง่ายอย่างอันตราย แต่กลับมีบางอย่างในแววตาและความอ่อนโยนที่หลุดออกมาท่ามกลางความขี้โม้และท่าทีเอาแต่ใจนั่น ที่ทำให้เธอรักเขาเข้าเต็มหัวใจสำหรับคนที่ไม่ประสาประสาและโหยหาความรักวัยรุ่น


หญิงสาวมองเขาเงียบ ๆ พลางนั่งพิงขอบเตียงชั่วคราว เสียงน้ำไหลข้างนอกดังแผ่วกล่อมความคิดให้สงบลง มือข้างหนึ่งของเลสเตอร์วางอยู่บนขาเธอ เธอมองมันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตเดดาลัสขึ้นมา “หวังว่านายจะไม่มีเนคทาร์นะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางยิ้มจาง ๆ แล้วเลื่อนกล้องไปถ่ายภาพมือของเขาที่วางซ้อนบนตักของเธอ แสงบ่ายสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าเข้ามาแตะหลังมือของเขาอย่างอ่อนโยน จนดูราวกับภาพในฝัน


“ขอแค่ภาพมือนะ ไม่ใช่หน้าพระอาทิตย์” เธอกระซิบ เหมือนบอกกับตัวเองมากกว่า แล้วหัวเราะแผ่วอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะวางมันลงข้างตัว ลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นไลแลคจากผิวของเธอปะปนกับกลิ่นไม้เก่าและกลิ่นน้ำในแม่น้ำ มันช่างอ่อนหวานและเศร้าในเวลาเดียวกัน โมนีก้ามองเขาอีกครั้ง ริมฝีปากกระซิบแผ่วราวกับสวดมนต์ที่ไม่มีผู้ฟัง “ฝันดี...เลสเตอร์...”


เธอเอนหัวพิงขอบเตียง หลับตาเบา ๆ พร้อมเสียงลมหายใจของเลสเตอร์ที่สม่ำเสมออยู่ข้างกาย บนโลกที่แปลกประหลาดนี้ เทพเจ้าผู้หลับใหลกับหญิงสาวที่รักเขาอย่างไม่อาจเอื้อม มีเพียงเสียงลำน้ำที่ยังคงไหลผ่านราวกับจะบันทึกเรื่องราวของทั้งสองไว้ในกาลนิรันดร์…และรอวันจบ

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

Z Z z  z ZZZz

avatar

Moneka M. Blossom

รอวันจบ...มนกกำลังเจ็บและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอไม่มีหวัง มันดับลงแล้วล่ะ


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ น้ำมันคบเพลิง จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น


มีค่า LUK 90 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เกล็ดเมลูซีน จำนวน 3 ชิ้น 3 x 2 = 6 ชิ้น

สรุป ได้รับ น้ำมันคบเพลิง 1 ขวด, เกล็ดเมลูซีน 3 ชิ้น


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-10-30 00:11
โพสต์ 29439 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-29 20:58
โพสต์ 29,439 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-29 20:58
โพสต์ 29,439 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-29 20:58
โพสต์ 29,439 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-29 20:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-30 02:44:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 18 : ได้เวลาพักผ่อน 3
วันที่ 26 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ตลอดทั้งวัน เมืองเดลฟี กรีซ ยุโรป

ยามเช้าของวันที่แสงอาทิตย์อาบไล้ผิวน้ำในแม่น้ำที่ไหลผ่านด้านหน้ากระท่อมร้าง เงาไม้ทอดลงบนพื้นหญ้าที่ชื้นจากหยาดน้ำค้าง โมนีก้าตื่นขึ้นพร้อมเสียงลมเย็นแผ่วเบา เธอลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ ขยับเข้าหาเตียงไม้ที่เลสเตอร์ยังนอนอยู่ ร่างสูงนั้นขยับเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากซีดยังคงหายใจช้าและลึก ราวกับร่างกายกำลังซ่อมแซมบาดแผลจากภายในหลังจากการใช้พลังเทพอย่างเกินขีดจำกัด


หญิงสาวย่อตัวลงข้างเตียง ผ้าชุบน้ำในมือค่อย ๆ ลูบตามลำคอและหน้าอกของเขาอย่างอ่อนโยน รอยเหงื่อและฝุ่นที่จับตามเสื้อผ้าค่อย ๆ จางหายไปภายใต้สัมผัสนั้น ทุกครั้งที่ผ้าสัมผัสผิว เธอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอุ่นร้อนจากพลังภายในที่ยังไม่ดับสนิท เธอมองใบหน้าเขาอย่างนิ่งสงบ เส้นผมหยิกสีเข้มปรกหน้าผาก ดวงตาหลับสนิทนั้นแม้จะปิดอยู่แต่ยังแฝงแสงบางอย่างที่เธอจำได้ดีจากครั้งที่เขามองเธอ “นายก็ยังไม่ตื่นอีกสินะ” เสียงของเธอเบาราวกระซิบในสายลม


เมื่อเช็ดตัวให้เขาจนเสร็จ โมนีก้าใช้มือจัดหมอนให้เข้าที่ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมอกชายหนุ่ม แล้วปล่อยให้เขาหลับต่ออย่างสงบ หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดกับเขาที่ไม่อาจได้ยิน “เดี๋ยวฉันมานะ”


เธอหยิบเสื้อคลุมขึ้นพาดบ่า เดินออกจากกระท่อมไปตามทางเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย น้ำเย็นเฉียบจากลำธารสะท้อนแสงอรุณเป็นประกาย เธอตักน้ำขึ้นล้างหน้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชื้นติดแก้ม เธอสวมหมวกและหน้ากากปิดปากที่พกติดไว้ จากนั้นเดินต่อไปตามถนนสายเล็กเพื่อซื้อของตุนสำหรับสองคนในกระท่อม ผลไม้แห้ง ขนมปัง และน้ำสะอาด ทุกอย่างแลกมาด้วยเงินสดที่เธอซ่อนไว้ในกระเป๋าคาดเอว


ขากลับท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลง ฝุ่นจากพื้นถนนลอยขึ้นเบาบางเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนจากใต้ดิน เสียงหอบหายใจคล้ายควันเหล็กดังมาจากแนวต้นไม้ด้านหน้า ก่อนที่เงาร่างขนาดมหึมาจะโผล่พ้นออกมา วัวโคลคีสเจ้าเก่าเจ้าเดิม ดวงตาสีแดงลุกโชนราวกับถ่านไฟ เกราะทองสัมฤทธิ์ทั่วทั้งร่างขยับไปตามเสียงกลไก ควันขาวจากจมูกพ่นออกมาพร้อมเสียงคำรามต่ำที่ทำให้พื้นสั่นสะเทือน


โมนีก้าชะงักเท้าในทันที แววตาเย็นลง มือซ้ายยกขึ้นแตะกำไลข้อมือ ดาบสุริยคติแผ่แสงทองราวเปลวเพลิงกลางอากาศ ลมหายใจของวัวประหลาดพ่นออกมาอีกครั้งพร้อมเปลวไฟร้อนระอุ แต่หญิงสาวก้าวเท้าฉับเดียวพุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เธอหมุนตัวตวัดคมดาบเฉือนกระทบเกราะทองจนเสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ความร้อนและแรงปะทะทำให้หญ้าโดยรอบไหม้เป็นวงเล็ก ๆ วัวโคลคีสพุ่งเข้าชนอีกครั้ง แต่โมนีก้ากระโดดขึ้นบนหลังมันอย่างรวดเร็ว ฟันเฉียงลงตามแนวคอ เกราะแตกเป็นเสี่ยง แสงจากภายในร่างของมันระเบิดวาบก่อนสลายเป็นผงทองลอยฟุ้ง เธอยืนหอบบนพื้น หยดเหงื่อไหลผ่านขมับ เธอใช้หลังมือเช็ดออกเบา ๆ ก่อนมองซากโลหะที่กลายเป็นเถ้ากระจายไปตามสายลม


“เดี๋ยวฉันต้องไปเปลี่ยนรองเท้าใหม่อีกแน่...” เธอบ่นเบา ๆ แล้วสะพายถุงของกลับกระท่อมด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า


เมื่อกลับถึงที่พัก กระท่อมร้างยังคงเงียบงัน เสียงแม่น้ำยังคงไหลเอื่อยเหมือนเดิม เธอวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะไม้เล็ก ๆ แล้วก้าวเข้าไปหาเลสเตอร์ ร่างสูงยังคงหลับอยู่ตามเดิม สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย แสงจากหน้าต่างสะท้อนบนเส้นผมหยิกของเขาอย่างอ่อนโยน โมนีก้านั่งลงข้างเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำซับเหงื่อบนหน้าผากของเขาอีกครั้ง เสียงลมหายใจของเลสเตอร์ดังชัดในห้องเงียบ ๆ เธอพึมพำแผ่ว “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตื่นนะ... แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะรอ”


เธอเอนหลังพิงกำแพงไม้ ปล่อยให้ลมจากหน้าต่างพัดกลิ่นไลแลคและแม่น้ำปะปนกันในอากาศ เสียงนกร้องไกล ๆ ทำให้บรรยากาศในวันนี้ดูเหมือนหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะ ระหว่างหญิงสาวธรรมดาผู้แบกรักอันเป็นไปไม่ได้ กับเทพเจ้าผู้หลับใหลในร่างมนุษย์ที่เธอยังเฝ้ารอให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

Z Z z  z ZZZz

avatar

Moneka M. Blossom

มนก กำลังเหงาเพราะไม่มีคนคุยด้วย 2 วันแล้ว ฮรุก ๆ 


ส่ง น้ำแร่ ให้ God เพื่อรับสินสงคราม ได้รับ ทับทิมขนาดมหึมา 1 ชิ้น (ไม่ต้องส่งจ้ามันไม่ได้ *2)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 27078 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-30 02:44
โพสต์ 27,078 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก หน้ากากอนามัย  โพสต์ 2025-10-30 02:44
โพสต์ 27,078 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-30 02:44
โพสต์ 27,078 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-30 02:44
โพสต์ 27,078 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-30 02:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้