[บันทึกการเดินทาง] 𝙴𝚜𝚙𝚎𝚛 ⌇ ᴛʜᴇ ᴊᴏᴜʀɴᴇʏ ᴛᴏ ᴄᴀᴍᴘ ᴊᴜᴘɪᴛᴇʀ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Esper เมื่อ 2025-10-8 20:23








[บันทึกการเดินทาง]

𝙴𝚜𝚙𝚎𝚛 ⌇ ᴛʜᴇ ᴊᴏᴜʀɴᴇʏ ᴛᴏ ᴄᴀᴍᴘ ᴊᴜᴘɪᴛᴇʀ ꔛ

 


𝐍𝐨𝐰 𝐥𝐨𝐚𝐝𝐢𝐧𝐠. . .





ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5149 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-10-6 00:09
โพสต์ 2025-10-8 20:21:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด




บันทึกการเดินทาง [1]

บ้านหมาป่า, หุบเขาโซโนมา



20 · กันยายน · 2025 · 07.00 น.


ณ หุบเขาโซโนม่าแผ่นดินอันห่างไกลที่โอบล้อมด้วยภูเขาและป่าทึบ เสียงลมพัดผ่านใบไม้บนยอดไม้สูงส่งกลิ่นสนและกลิ่นดินแห้งอบอวลในอากาศ 


พื้นดินรอบๆเต็มไปด้วยรอยกรงเล็บ รอยฝ่าเท้าของหมาป่านับไม่ถ้วน เสียงหอนต่ำลึกก้องสะท้อนจากหุบเขา ราวกับเป็นการประกาศถึงการเริ่มต้นของพิธีกรรมใหม่ในเช้าวันนั้น


เอสเปอร์ ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างสูงโปร่งในชุดฝึกที่เปื้อนดิน รอยเลือดเก่า ผมสีเงินยาวประบ่าปลิวเบา ๆ ตามแรงลม ดวงตาฟ้าน้ำทะเลฉายแววเยือกเย็น เขาดูสุขุมกว่าครั้งแรกที่มาถึง บ้านหมาป่าร่างกายบาดเจ็บจากการต่อสู้กับอสุรกายหลายครั้ง แต่ดวงตานั้นกลับแน่วแน่กว่าเดิม


ข้างกายเขา ยูพิลวอนซึ่งผ่านความเจ็บปวด ความหิว และการฝึกที่ทรหดจากฝูงหมาป่าของลูปา แต่ในแววตาทั้งมีประกายความมุ่งมั่นที่แทบไม่ต่างจากเอสเปอร์


แล้วเงาร่างมหึมาสีเทาปนดำก็ปรากฏขึ้นจากเงาไม้.โอไรออน แบล็ควูด หมาป่าที่ได้รับความไว้วางใจที่สุดของลูปา เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักแน่น ร่างสูงสง่า ขนหนาเงาวาวราวกับโลหะเปียกน้ำ เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ข้างเจ้านายของตนร่างของเทพีลูปา


เทพีลูปายืนอยู่เหนือทุกคน ร่างของเธอมีรูปร่างคล้ายหญิงสาววัยกลางคนที่สง่างามแต่ทรงอำนาจ ผมยาวไหลลงคล้ายแผงคอหมาป่า ดวงตาทองคู่คมจ้องตรงไปยังผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทุกการเคลื่อนไหวของเธอทำให้เหล่าหมาป่ารอบข้างก้มหัวอย่างนอบน้อม


เสียงของเธอดังขึ้นทุ้มต่ำ แฝงด้วยพลังอันไม่อาจปฏิเสธ


“ถึงเวลาที่พวกเจ้าทั้งสองคนจะได้ไปยังสถานที่ ที่พวกเจ้าสมควรได้ไปตั้งแต่แรก” สายตาของเธอกวาดมองเอสเปอร์ ยูพิลวอน ราวกับมองทะลุถึงจิตวิญญาณของพวกเขา “พวกเจ้าต้องพิสูจน์ตนเองในดินแดนของมนุษย์ ดินแดนที่ความศรัทธาเจือจางและความจริงถูกบดบังด้วยหมอกแห่งการลืมเลือน”


ลูปายกมือขึ้นช้า ๆ หมาป่ารอบตัวเธอส่งเสียงคำรามต่ำ เหมือนเป็นสัญญาณแห่งการยอมรับคำพิพากษา


“จงไปยัง อุโมงค์คัลลีคอตต์ ที่อยู่เบื้องหลังประตูค่ายจูปิเตอร์ จงไปถึงที่นั่นภายในสามวันหรือไม่ก็จงตายระหว่างทาง”


คำสุดท้ายหล่นลงกลางอากาศอย่างเย็นเยียบ พวกเขาทั้งสองนิ่งงัน ไม่มีใครกล้าพูดแม้แต่คำเดียว


ลูปาเหยียบลงจากแท่นหิน ก้าวเข้ามาใกล้ร่างสูงของเธออยู่ในระยะที่พวกเขาได้กลิ่นดิบของพลังเทพเจ้าปะปนกับกลิ่นเหล็กในอากาศ เธอหยิบแผ่นกระดาษหนังสัตว์เก่าแก่ที่ขอบเริ่มหลุดลุ่ยออกจากถุงหนังที่ห้อยข้างเอว แล้วส่งให้เอสเปอร์


“นี่คือแผนที่เส้นทางที่พวกเจ้าต้องไป” ดวงตาทองคู่นั้นฉายแววท้าทายเล็กน้อย “ระหว่างทาง เจ้าจะต้องเจอกับสิ่งที่แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจทำนายได้”


จากนั้นเธอพยักหน้าให้หมาป่าตัวหนึ่งร่างใหญ่ขนสีน้ำตาลเข้มวิ่งเข้ามาและคาบถุงผ้าขนาดเล็กมาวางตรงหน้าแต่ละคน


“เนคทาร์ และแอมโบรเซีย…คนละหนึ่งชุด”


เสียงของเธอนุ่มลงเล็กน้อย แต่ยังทรงอำนาจเหมือนเดิม


“ใช้มันเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น มันคือของขวัญจากเหล่าทวยเทพ แต่ก็อาจเป็นคำสาปหากใช้โดยไม่สมควร”


ยูพิลวอนยื่นมือไปรับอย่างนอบน้อม ขณะที่เอสเปอร์เพียงก้มศีรษะตอบรับโดยไม่พูดอะไร เขาเก็บของทั้งหมดไว้ในกระเป๋าหนังที่สะพายอยู่ข้างเอว 


ลูปาเหลือบตามองเขาเล็กน้อย มุมปากคลี่ยิ้มจาง ๆ ที่มีทั้งความชื่นชมและทดสอบ “ลูกของไทรเวีย…” เธอเอ่ยเรียกเสียงเรียบ “จงระวังให้ดี เพราะในโลกของมนุษย์ ไม่มีสิ่งใดมั่นคงดั่งที่ตาเห็นและพวกอสุรกายชื่นชอบเลือดของพวกเจ้าเป็นที่สุด เดมิก็อด”


เธอเดินอ้อมไปช้า ๆ หมาป่าทั้งฝูงแหวกทางให้ ดวงตาทองของเธอสะท้อนแสงแดดยามสายจนเหมือนเปลวไฟลุกวาบ


“และจงจำไว้ให้ขึ้นใจ” เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นจนสายลมรอบตัวหยุดนิ่ง “จงระวังหมอกพรางตาที่ปกคลุมโลกมนุษย์ หากพวกเจ้าเผยความจริงให้มนุษย์เห็น พลังของไทรเวียก็จะไร้ความหมาย” เธอหยุดตรงหน้าทั้งสองอีกครั้ง เสียงหายใจของหมาป่ารอบข้างดังก้องคล้ายกลองศึก 


ลูปายืนสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับ ร่างของเธอค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากหญิงสาวเป็นหมาป่าตัวเมียขนาดใหญ่ ดวงตาทองวาววับมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะส่งเสียงหอนยาวก้องไปทั่วหุบเขาโซโนม่า เสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในอากาศเหมือนสัญญาณจากฟากฟ้า


โอไรออน แบล็ควูด หอนตอบรับต่ำ ๆ จากด้านล่าง เสียงของเขาหนักแน่นและอบอุ่น ต่างจากของลูปา แต่กลับก้องไปถึงใจผู้ฟัง


เอสเปอร์ ยูพิลวอน ยืนอยู่อย่างสงบในท่ากึ่งคำนับ รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพียงคำสั่ง หากแต่เป็นการส่งออกจากฝูงการเริ่มต้นภารกิจที่จะกำหนดว่า พวกเขาคู่ควรจะอยู่รอดในโลกทั้งสองหรือไม่


กลิ่นเหล็กและเรซินจากต้นไม้ผสมกับกลิ่นดอกไม้ป่าจาง ๆ เอสเปอร์แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีเงินที่มีเมฆหนาเคลื่อนตัวช้า ๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หันไปสบตากับเพื่อนร่วมทางทั้งสองคน


“ต้องไปถึงภายในสามวันสินะ” ยูพิลวอนพูดขึ้นเบา ๆ


เอสเปอร์ตอบเสียงเรียบ “เราจะไม่ตายระหว่างทางแน่”


เสียงหอนสุดท้ายของลูปายังสะท้อนในหูพวกเขา สู่ภารกิจแรกของพวกเขา ที่หมอกพรางตาจะไม่เพียงทดสอบความกล้า….


ยูพิลวอนเป็นฝ่ายพูดก่อน เสียงของเขาเรียบแต่มีน้ำหนัก “ถ้าทำตามแผนที่นี้ คงต้องเร่งเดินทั้งวันทั้งคืน”


เอสเปอร์เงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆหนาทึบเคลื่อนตัวช้า ๆ เขาไม่พูดอะไรอยู่นาน จนกระทั่งลมพัดผ่านใบไม้ดัง ซ่า ๆ


“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่ ‘เส้นทาง’ หรอก” เสียงเขานุ่มแต่ชัด “ลูปาไม่เคยให้สิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกอย่างในแผนที่นี่อาจเป็นบททดสอบอีกอย่าง”


ยูพิลวอนเหลือบตามอง “แล้วพี่คิดว่าเราควรเริ่มจากตรงไหนก่อน?”


เอสเปอร์นิ่งคิด “นั่นสินะ แต่ฉันคิดว่าคงไม่ได้เจอทางง่ายๆ สะดวกๆแน่ บางทีอาจจะเจอบางสิ่งบางอย่าง”


“บางอย่าง... อย่างเช่นพวกก็อบลิน?” ไกด์หนุ่มเอ่ยพลางยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย


เอสเปอร์หัวเราะในลำคอ “ถ้าเป็นก็อบลิน ก็ดีกว่าพวกฮาร์ปี้คราวก่อนเยอะแล้ว”


ยูพิลวอนมองรอยยิ้มจาง ๆ นั้น แล้วถอนหายใจเบา ๆ “พี่ไม่คิดจะพูดให้มันน่ากลัวน้อยลงหน่อยเหรอ”


“ฉันพูดตามจริง” เอสเปอร์ตอบนิ่ง “แต่อย่างน้อยเราก็มีของช่วยชีวิต” เขาแตะที่กระเป๋าหนังซึ่งบรรจุแอมโบรเซียและเนคทาร์ “อย่าใช้มันโดยพลการล่ะ”


“ครับพี่” ยูพิลวอนตอบเรียบ ริมฝีปากมีรอยยิ้มจาง ๆ “แต่ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมา ผมคงไม่รอให้พี่อนุญาตแน่”


เอสเปอร์เหลือบตามองเขา “อย่าให้ถึงตอนนั้นเลยจะดีกว่า”



เนคทาร์กับแอมโบรเชียคนละ 1 ชุด (สำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น)






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 40128 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-10-8 20:21
โพสต์ 40,128 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +10 ความกล้า จาก ดาบกราดิอุสไม้  โพสต์ 2025-10-8 20:21
โพสต์ 40,128 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +3 ความกล้า จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2025-10-8 20:21
โพสต์ 40,128 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +7 ความกล้า จาก ไฟแช็ค  โพสต์ 2025-10-8 20:21
โพสต์ 40,128 ไบต์และได้รับ +10 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตหนัง  โพสต์ 2025-10-8 20:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x1
x2
x15
โพสต์ 2025-10-9 10:01:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด




บันทึกการเดินทาง [2]

สวนเก่าแก่ใกล้เมือง Glen Ellen



20 · กันยายน · 2025 · 15.00 น.


แสงแดดยามบ่ายคล้อยทาบผ่านเรือนใบไม้แห้งกรังที่เหมือนจะสิ้นลมหายใจจากความอุดมสมบูรณ์ที่เคยมี สายลมอุ่นพัดเอากลิ่นเหม็นไหม้ของไร่องุ่นเน่าขึ้นจมูก เถาองุ่นสีเทาเหมือนขี้เถ้าพัวพันกันอยู่เหนือพื้นดินราวกับงูร้อยตัวที่ตายเกลื่อน เสียงเหล็กกระทบไม้ดังขึ้นเป็นจังหวะหอบเหนื่อยของคนสองคนที่กำลังฝ่าพื้นที่อาถรรพ์นี้ไปอย่างระมัดระวัง


เขากำดาบกราดิอุสไม้แน่น ไม้เนื้อแข็งที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายสัปดาห์จนเต็มไปด้วยรอยบาก ใบหน้าของเขามีเหงื่อซึมไหลลงมาตามกรามที่ตั้งตรงไม่ยอมอ่อนแรง


“พี่...” เสียงของยูพิลวอนเบา แต่ชัดเจนพอจะทะลุความเงียบงันที่ปกคลุม “กลิ่นโลหิตเก่ามาก อยู่ใกล้กว่าที่คิด”


เอสเปอร์หยุดเดิน เหลือบมองรอบ “ฉันรู้สึกเหมือนกัน...  มันไม่ใช่ก็อบลินแน่”


เขาพูดพลางยกดาบขึ้นระวัง สายตากวาดไปทั่ว แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากเถาไม้และต้นองุ่นที่เหี่ยวตาย แต่แล้ว... พื้นใต้ฝ่าเท้าก็สั่น เหมือนมีอะไรขนาดใหญ่ขยับอยู่ใต้ดิน ยูพิลวอนเงยหน้าแทบจะทันที “บนต้นนั้น”


เสียงคำรามต่ำและแผ่วแต่ก้องสะท้อนออกมาจากเงาของต้นโอ๊กโบราณ เงาร่างขนาดมหึมาโผล่จากความมืด ร่างของ มันติคอร์แต่สีผิวไม่เหมือนในตำนาน มันไม่ใช่สีแดงเลือด หากเป็นเขียวซีดเหมือนเนื้อเน่าที่กลืนเข้ากับเถาไม้ หนามตามหลังยาวและหนา หางของมันแผ่เหมือนพัดที่เต็มไปด้วยเข็มแหลม ตาสีเหลืองขุ่น ลมหายใจของมันกลิ่นคลุ้ง เหมือนการผสมของเหล็กสนิมกับซากสัตว์ที่ตายคาแดด


ยูพิลวอนถอยหลังช้าๆ “พี่!!”


เสียงคำรามดังลั่น สามีทพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วผิดธรรมชาติ เท้าหน้าขนาดใหญ่ตะปบพื้นจนหินกระเด็น เอสเปอร์ผลักยูพิลวอนออกไปด้านข้าง ตัวเองหมุนหลบอย่างเฉียดฉิว เขายกดาบไม้ขึ้นรับแรงกระแทก ไม้กระทบกรงเล็บจนเกิดเสียงดังแหลม แรงมหาศาลจนแขนชาของเขาสั่นไหว


ยูพิลวอนตอบโต้ พุ่งเข้าแทงใต้ลำคอของมัน แต่หนังกึ่งโลหะของสามีทแข็งราวกับเหล็ก ดาบไม้กระเด้งออก ก่อนที่หางหนามจะแผ่เข้าใส่ เขาหมุนตัวหลบแต่ปลายหนามเฉี่ยวต้นแขน แผลเล็กๆ ขึ้นสีม่วง แต่ไม่ลึกพอจะทำให้เสียพลัง


“อย่าให้มันปิดทางหนี!” เอสเปอร์ตะโกน เสียงเต็มไปด้วยแรงหอบ “มันฉลาด มันพยายามไล่เราทางเดียว!”


“รู้แล้ว” ยูพิลวอนตอบสั้น มือข้างที่ถือดาบสั่นเล็กน้อยแต่ไม่ปล่อย เขาก้าวซ้ายหนึ่งก้าว ดวงตานิ่ง คำนวณจังหวะของสัตว์ร้ายที่พยายามแผ่หางหนามรอบวงกว้าง



เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง เหงื่อทั้งสองไหลรินจนเปียกเสื้อ กล้ามแขนสั่นระริกด้วยความล้า ดาบไม้เริ่มมีรอยแตกตามแรงปะทะ เอสเปอร์ขยับปากหอบ “นี่มันไม่ใช่แค่สัตว์... มันมีเจตนา มันอยากทรมานเรา”


“ถ้ามันอยากฆ่า มันคงทำไปแล้ว” ยูพิลวอนว่า “มันเหมือนกำลังเล่นกับเหยื่อ”


เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นอีกครั้งก่อนสามีทจะกระโจนใส่พวกเขาทั้งคู่พร้อมกัน ราวกับรู้ว่ามนุษย์สองคนนี้เริ่มอ่อนแรง เอสเปอร์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปัดกราดิอุสไม้ขึ้นรับกรงเล็บของมัน เสียงไม้แตกดังลั่น แรงปะทะทำให้เขากระเด็นไปชนต้นไม้ด้านหลัง ไหล่ด้านซ้ายกระแทกจนชา


ยูพิลวอนพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้ง แทงดาบไม้เข้าที่ใต้คอ มันร้องเสียงแหลมจนลั่น เหวี่ยงตัวหนีจนเถาวัลย์ขาดเป็นฝอย แต่คราวนี้เลือดสีดำปนเขียวไหลจากบาดแผล

“ได้ผล!” ยูพิลวอนตะโกน ก่อนที่หนามหางจะฟาดเฉียดแก้มเขา เกิดรอยไหม้ตื้น ๆ จากพิษ



สามชั่วโมงผ่านไป ท้องฟ้าเปลี่ยนจากส้มเป็นม่วงทั้งสองแทบยืนไม่ไหว แขนเอสเปอร์สั่นจนแทบยกไม่ขึ้น ส่วนยูพิลวอนขาเจ็บจากแรงฟาดของหาง


สามีทยังคงยืนอยู่ตรงหน้า หอบแรงเหมือนสัตว์ที่ใกล้ถึงขีดจำกัด ดวงตาสีเหลืองยังไม่ดับ แต่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น มันหรี่ตาลงมองทั้งสอง ร่างของมันสั่นสะท้าน ก่อนที่มันจะหันไปมองลึกเข้าในป่าทึบ


“มันกำลังลังเล...” เอสเปอร์พูดแผ่ว


ลมวูบใหญ่พัดเข้ามา ใบไม้ปลิวฟุ้ง มันติคอร์แผดเสียงคำรามสุดท้ายก่อนจะกระโจนหนีไป แล้วหายลับ ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าไหม้ดำและกลิ่นพิษจาง ๆ


ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบที่กลับคืนมาอีกครั้ง หอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งหนีจากความตาย


ยูพิลวอนทรุดตัวลงนั่ง มือกุมสีข้าง “พี่มันหนีไปแล้วใช่ไหม”


“ไม่หนีมันแค่ถอย เพราะมันยังไม่อยากตาย”


ความเงียบโรยตัวกลับมาอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักและกลิ่นเลือดคาวปนกลิ่นไม้ไหม้


ยูพิลวอนทรุดนั่ง “...สามชั่วโมง สำหรับตัวเดียว ถ้ามีอีก คงไม่รอดแน่”


เอสเปอร์ทิ้งตัวลงข้างๆ “อย่างน้อยเรายังมีชีวิตอยู่ รีบหนีกันเร็วก่อนที่มันจะกลับมาล่าพวกเราอีก”.เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี “แต่แผลของนาย”


ยูพิลวอนยกมือขึ้นดูแขนที่มีรอยหนามข่วน “พิษมันอ่อน แต่แสบนิดหน่อย เดี๋ยวคืนนี้ใช้แอมโบรเซียก็พอ”


“อย่าใช้พร่ำเพรื่อ ของพวกนั้นลูปาบอกให้เก็บไว้กรณีจำเป็น” เอสเปอร์พูดเสียงเรียบ แต่สายตาเต็มไปด้วยความห่วง “เรายังไม่ถึงค่ายจูปิเตอร์ และนั่นอาจเป็นทางที่ยาวกว่าเราคิด”


ยูพิลวอนหัวเราะเบาๆ “พี่นี่ ระมัดระวังเหมือนเดิม แต่ก็ใช่ คงต้องอดทนอีกหน่อย”


“เราชนะไม่ได้หรอก ถ้ามีครั้งต่อไป” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและยอมรับในความจริง


ยูพิลวอนยิ้มบาง ๆ ทั้งที่ยังหอบ “แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่... นั่นก็นับว่าชนะแล้ว”


เอสเปอร์หันมามองเด็กหนุ่มผมสีม่วงแซมขาวข้าง ๆ ดวงตาสีเงินนิ่งงัน แต่แววอ่อนโยนแผ่วผ่านในเสี้ยววินาที “นายมันบ้า”


“ก็คนบ้าเท่านั้นแหละที่เดินมากับพี่ได้ถึงนี่” ยูพิลวอนหัวเราะหอบ ๆ แล้วเอนตัวพิงหิน “พักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะล้างแผลให้”


เอสเปอร์พูดต่อ “บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่ลูปาอยากให้เราเห็น ความเน่าเปื่อยของโลกมนุษย์ ที่แม้แต่เทพก็ปกป้องไม่ได้”


ยูพิลวอนหันมามอง “แต่พี่ยังเชื่อในพลังของไทรเวีย ใช่ไหม”


เอสเปอร์เงียบไป มองดาบไม้ในมือที่เปื้อนเลือดสีเขียวอ่อนของมันติคอร์ “ฉันไม่รู้จะเรียกว่าความเชื่อหรือความเคยชินดี แต่ถ้าแม่ยังเฝ้ามองเราอยู่ ฉันก็จะไม่ยอมให้พลังของนางสูญเปล่า”


ยูพิลวอนพยักหน้าเบา “งั้นก็ไปต่อกันเถอะ”


เอสเปอร์ยันตัวขึ้น แสงสุดท้ายของวันทอดผ่านผมสีเงินของเขา ส่องให้เห็นแผลเป็นเล็กๆ บนแก้ม แต่ในดวงตายังไม่ดับความมุ่งมั่น เขายื่นมือให้ยูพิลวอน อีกฝ่ายมองเพียงชั่วครู่ก่อนจะยื่นมือขึ้นจับไว้


ทั้งสองเดินต่อไปในสวนเก่าที่เหมือนเมืองคนตาย เบื้องหลังพวกเขา เงาของมันติคอร์ค่อยๆ มืดลงในแสงเย็น และที่ไกลออกไป เสียงคำรามต่ำอีกเสียงก็ดังแว่วจากแนวเขา เตือนว่าการเดินทางสู่ค่ายจูปิเตอร์ของพวกเขา ยังอีกยาวไกลนัก


แต่ในเงามืดของด้านหลังสวนนั้น ดวงตาสีเหลืองสองดวงยังคงลอบมอง ทั้งสองไม่รู้เลยว่าอสุรกายสามีทยังไม่จากไปไกลนัก…


มันเพียงรอเวลาและรอจังหวะที่เหมาะสมจะล่าอีกครั้ง









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 44050 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-10-9 10:01
โพสต์ 44,050 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +10 ความกล้า จาก ดาบกราดิอุสไม้  โพสต์ 2025-10-9 10:01
โพสต์ 44,050 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +3 ความกล้า จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2025-10-9 10:01
โพสต์ 44,050 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +7 ความกล้า จาก ไฟแช็ค  โพสต์ 2025-10-9 10:01
โพสต์ 44,050 ไบต์และได้รับ +10 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตหนัง  โพสต์ 2025-10-9 10:01
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x1
x2
x15
โพสต์ 2025-10-9 12:02:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด




บันทึกการเดินทาง [3]

ลานจอดรถร้าง , โอ๊คแลนด์



21 · กันยายน · 2025 · 08.00 น.


ยามเช้าที่ไม่ควรจะมีแดดกลับมืดครึ้มตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยงวัน เมฆสีเทาเข้มคืบคลานเหนือเมืองโอ๊คแลนด์ ราวกับเงามืดของบางสิ่งที่กำลังคืบใกล้เข้ามา เสียงลมหอบหวิวพัดผ่านตึกที่พังทลาย เศษกระจกและแผ่นเหล็กกระทบกันดังแผ่วเบาเหมือนเสียงเล็บข่วนลงบนผิวโลก


รถเก่าที่ขึ้นสนิมเรียงรายอยู่ทั่วลานจอดรถร้างแห่งนั้น พื้นคอนกรีตแตกเป็นร่องลึก น้ำขังเป็นแอ่งสะท้อนเงาของท้องฟ้าที่หม่นหมอง พิลวอนเดินช้า ๆ ลูบผมตัวเองที่เปียกชื้นจากหมอก สีม่วงแซมขาวของมันดูซีดลงกว่าเดิม ร่างสูงของเขายืนนิ่งอยู่ข้างรถที่พลิกคว่ำ


"คงต้องผ่านที่นี่ก่อนถึงทางอุโมงค์".เสียงพิลวอนราบเรียบจนแทบไม่มีอารมณ์ แต่แววตาเยือกเย็นนั้นบ่งบอกว่าเขากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างเส้นทางกับความเสี่ยงที่รออยู่ข้างหน้า


“หมอกตรงนั้น...” เอสเปอร์พูดเสียงแผ่วแต่แน่น “มันดูแปลกๆ”


“รู้” พิลวอนตอบ เขาก้าวช้า ๆ


หมอกตรงนั้นข้นจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย คล้ายกำแพงสีขาวที่ขยับได้ มันสั่นไหวเบา ๆ เหมือนมีบางสิ่งอยู่ภายในกำลังหายใจ


“เราต้องข้ามไปให้ได้ก่อนค่ำ” เอสเปอร์เอ่ยขึ้นอีก “ถ้ารอ มันจะหนากว่านี้”


ถูกบดบังด้วยม่านหมอกสีเทาขุ่นที่ปกคลุมเหนือถนนคอนกรีต ลานจอดรถที่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นจุดพักของผู้คนในเมือง กลับกลายเป็นสถานที่รกร้าง มีเพียงโครงเหล็กสนิมเขรอะของป้ายไฟและรถยนต์ที่เหลือแต่โครง พื้นเต็มไปด้วยเศษแก้วแตกกับรอยร้าวคล้ายเส้นเลือดของพื้นดิน


เสียงฝีเท้าสองคู่ก้าวช้า ๆ ผ่านความเงียบงันนั้น

พิลวอนอยู่ด้านหน้า มือหนึ่งถือแผนที่เก่าของลูปา อีกมือหนึ่งกำดาบกราดิอุสไม้ไว้แน่น แม้จะไม่ใช่อาวุธจริง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขามี


“เงียบเกินไป...” เสียงของเอสเปอร์เบาแต่ชัด


“มันไม่ใช่แค่เงียบ” พิลวอนตอบ น้ำเสียงเรียบแต่แฝงแรงกดดัน “ฟังสิ ไม่มีเสียงนก ไม่มีเสียงลมเหมือนอากาศหยุดนิ่ง”


เอสเปอร์หยุดเดิน สายตาจับจ้องไปที่มุมหนึ่งของลาน ซึ่งหมอกหนาทึบกว่าบริเวณอื่น ดวงตาเขาแฝงแสงระยิบวาบร่องรอยของสายเลือดเทพีไทรเวียที่เริ่มสะท้อนกับพลังของหมอก


“นี่คือ... หมอกพรางตาใช่ไหม”


พิลวอนพยักหน้า เขากางแผนที่ออก ขอบกระดาษสั่นไหวในลมที่ไม่มีอยู่จริง


“ทางลัดไปอุโมงค์คัลลีคอตต์อยู่ข้างในนั่น” เขาวางนิ้วลงบนเส้นทางที่ขีดด้วยหมึกสีซีด “แต่ลูปาเตือนไว้ถ้าเรามองเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น อย่าพยายามตีความมันเป็นของจริง”


เอสเปอร์ถอนหายใจเบา ๆ “พูดง่ายนะ แต่เวลาเห็นอะไรแปลก ๆ ใครจะมั่นใจได้ว่ามันไม่จริง...”


เขาเดินไปใกล้หมอก รู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่วผ่านปลายนิ้วความเย็นที่เหมือนจะดึงดูดและผลักไสในเวลาเดียวกัน


เสียงโลหะบางอย่างกระทบพื้นกริ๊ง


ทั้งคู่หันขวับพร้อมกัน


พิลวอนก้าวขึ้นมาข้างหน้า ดาบไม้ยกขึ้นระดับอก สายตาเฉียบเหมือนนักล่า


เอสเปอร์มองตามต้นเสียงเศษโลหะคร่ำคร่า ตกอยู่บนพื้นตรงข้างกำแพงซีเมนต์


มันเป็นเศษของ “โล่” … โล่กลมแบบโรมัน ที่ผุกร่อนจนเหลือเพียงครึ่งเดียว


“นี่มันของโรมัน” เอสเปอร์พึมพำ “เหมือนที่เราเห็นในหนังสือเรียนในห้องสมุดลูปา”


พิลวอนโน้มตัวลงช้า ๆ แตะขอบโล่ด้วยปลายนิ้ว

ทันใดนั้น พื้นดินใต้เท้าก็สั่นสะเทือนเบา ๆ

เสียงครืดคล้ายเหล็กเสียดกันดังมาจากในหมอก


เอสเปอร์ขยับถอย ดวงตาสีเงินส่องวาบ เขากระซิบ “นายได้ยินไหม?”


“ได้ยิน” พิลวอนตอบ “เหมือนเหล็กเสียดกับพื้น… เหมือนพวกมันลากอะไรบางอย่าง”


กลิ่นอับของเหล็กเก่าลอยคละคลุ้งในอากาศ มันเป็นกลิ่นสนิมปนกับกลิ่นเผาไหม้ของเวลา


เอสเปอร์กลืนน้ำลาย พึมพำเบา ๆ “ถ้ามันเป็นอสุรกายอีก... ดาบไม้นี่อาจไม่พอแล้วนะ” เขามองไปยังหมอกขาวที่เริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต คลื่นหมอกแยกออกช้า ๆ เผยให้เห็นเงาเลือนรางของ “บางสิ่ง”


ไม่ใช่สัตว์


ไม่ใช่มนุษย์


แต่เป็นร่างในชุดเกราะ


แสงสีฟ้าอมเทาส่องออกมาจากช่องว่างในหมวกเกราะและรอยร้าวบนโล่


เสียงฝีเท้าโลหะดังขึ้นอีกครั้ง “ครืน… ครืน…” พร้อมกับเสียงลมหายใจแผ่วราวกับพายุโบราณ


เอสเปอร์ขยับถอยอีกก้าว “...มันไม่ใช่คน”


“ไม่ใช่คนแน่” พิลวอนตอบ ขณะดวงตาเขาไหววูบ “แต่ก็ดูไม่เหมือนพวกอสุรกายที่เราเคยเจอ”


ทั้งคู่ยืนนิ่ง ห่างจากหมอกเพียงไม่กี่ก้าว


เงาร่างนั้นเริ่มชัดเจนขึ้น — แล้วอีกเงาหนึ่งก็ปรากฏตามมา


สามร่าง


ยืนเรียงกันเหมือนกองทหารที่ยังคงทำหน้าที่อยู่


เสียงโลหะกระทบโล่ “กึงงงง” ดังก้องในลานว่าง มันไม่ดังมาก แต่สะท้อนยาวเหมือนคลื่นเสียงจากอีกโลกหนึ่ง

พิลวอนรู้ทันทีว่ามันไม่ใช่เสียงจากสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน

“ลาเรส...” เขาพึมพำ


เอสเปอร์เลิกคิ้ว “ลาเรส?”


“วิญญาณทหารโรมัน พวกที่ตายไปนานแล้ว”


พิลวอนยกมือแตะหัวไหล่เพื่อนเบา ๆ “อย่ากระพริบตา อย่าขยับ”


ทั้งคู่ยืนอยู่กลางลาน เงาของหมอกค่อย ๆ คลานเข้ามาเหมือนมือยาวของใครบางคนที่กำลังจะโอบรัดพวกเขา


“มันกำลังมองเราอยู่...” เอสเปอร์พูดเสียงเบา


“ผมรู้” พิลวอนตอบ “แต่ยังไม่ขยับ... มันยังไม่ได้โจมตี”


เงาร่างในชุดเกราะขยับช้า ๆ ยกโล่ขึ้นทีละนิด เสียงโลหะเก่ากึกก้องเหมือนเสียงโซ่ล่ามของอดีตที่หลุดออกจากห่วง


เอสเปอร์สูดลมหายใจลึก มือข้างหนึ่งแตะด้ามดาบไม้แน่นจนข้อนิ้วขาว “นายว่า... เราควรถอยไหม”


พิลวอนมองหมอกที่กำลังหมุนวนรอบเท้า “ถ้าเราขยับ มันจะตาม... หมอกนี่เหมือนกับมีชีวิตเอง”

เขาเหลือบตาไปทางมุมตึกเก่า ๆ ที่มีทางแคบลอดไปด้านหลัง “ทางนั้นน่าจะไปได้ ถ้ามันยังไม่เห็นเรา”


เอสเปอร์พยักหน้า ดวงตาไหววูบด้วยแสงจางของเวทมนตร์ เขายกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก “เงียบไว้”


พิลวอนนับในใจ หนึ่ง... สอง… ทั้งคู่เริ่มถอยช้า ๆ ไปตามแนวรถเก่าโดยไม่ละสายตาจากเงาในหมอก


แต่ในจังหวะนั้นเอง


เสียงกระแทกของโล่ดังขึ้นอีกครั้งหนักหน่วงกว่าครั้งก่อน


กึงงงงง!!


ลานจอดรถสะเทือนเล็กน้อย


เอสเปอร์กลั้นหายใจ แสงในหมอกวูบขึ้นเหมือนตาของบางสิ่งเปิดขึ้นมาพร้อมกัน


สามเงาในชุดเกราะค่อย ๆ หันหน้ามา และในวินาทีนั้น ทั้งคู่ก็รู้… ว่ามันเห็นพวกเขาแล้ว


“ไกด์…”


“รู้แล้ว วิ่ง!”


ทั้งคู่กระชากเท้าวิ่งไปตามแนวกำแพง รถเก่าแตกกระจาย เสียงฝีเท้าโลหะเริ่มดังไล่หลัง



เปิดดันเจี้ยน

ประลองปัญญา








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 52793 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-10-9 12:02
โพสต์ 52,793 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +10 ความกล้า จาก ดาบกราดิอุสไม้  โพสต์ 2025-10-9 12:02
โพสต์ 52,793 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +3 ความกล้า จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2025-10-9 12:02
โพสต์ 52,793 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +7 ความกล้า จาก ไฟแช็ค  โพสต์ 2025-10-9 12:02
โพสต์ 52,793 ไบต์และได้รับ +10 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตหนัง  โพสต์ 2025-10-9 12:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x1
x2
x15
โพสต์ 2025-10-9 20:55:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Esper เมื่อ 2025-10-9 20:57





บันทึกการเดินทาง [4]

ลานจอดรถร้าง , โอ๊คแลนด์



21 · กันยายน · 2025 · 13.00 น.


เสียงโลหะเสียดสีดังไล่หลังมาไม่ขาดช่วง


ครืน… ครืน…


เอสเปอร์กับพิลวอนวิ่งจนสุดแนวกำแพงคอนกรีต ก่อนหยุดหอบหายใจ ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปยังหมอกที่กลืนกินทุกอย่างด้านหลัง.แสงสีน้ำเงินอมเทาวูบวาบในนั้น เหมือนเปลวไฟเย็นที่ไม่มีวันดับ


“มันไม่หยุด” เอสเปอร์พูดเสียงแผ่ว


พิลวอนหันมาทางเขา “เราคงหนีไม่พ้น ถ้าออกจากลานไม่ได้ก็ต้องสู้”


เอสเปอร์กัดฟันแน่น ส่ายหน้าเล็กน้อย “กับวิญญาณเนี่ยนะ จะสู้ยังไง ดาบไม้ไม่มีทางฟันโดนแน่”


“มันไม่ใช่วิญญาณธรรมดา” พิลวอนตอบเรียบ “พวกมันยังถูกผูกไว้กับโลกนี้ แปลว่ามันมี ‘ร่าง’ บางส่วนที่แตะต้องได้”


เสียงก้าวเท้าโลหะหนักหน่วงขึ้นใกล้ ร่างทหารสามตนปรากฏชัดในหมอก ชุดเกราะสนิมเขรอะเปื้อนเงาแสงสีน้ำเงิน รอยร้าวบนโล่เรืองวาบราวกับรอยแผลของกาลเวลา พวกมันเดินเรียงแถวอย่างช้า ๆ ดาบสั้นเย็นเฉียบในมือสะท้อนแสงหมอกเหมือนกระจก


พิลวอนกระชับดาบไม้ หันมามองเอสเปอร์ “อย่าใช้แรงฟาด ต้องใช้จังหวะ”


“นี่นายจะให้สู้แบบใช้เทคนิคงั้นเหรอ?”


“ใช่” เขาพยักหน้า “เราผ่านการฝึกจากลูปาแล้ว จำได้ไหมอย่าต่อต้านแรงใช้มัน”


เอสเปอร์สูดลมหายใจลึก เขาวางเท้าซ้ายถอยครึ่งก้าว ยกดาบขึ้นระดับอก


หมอกเย็นไหลเข้าปอดราวกับน้ำแข็ง


ร่างแรกของลาเรสพุ่งเข้ามาก่อน โล่ในมือกระแทกเข้าด้านข้างของเอสเปอร์ด้วยแรงมหาศาลจนเขาเซล้ม พิลวอนหมุนตัวรับจังหวะนั้น ฟาดดาบไม้เข้าใส่ข้อมือโลหะของมัน


เพล้ง!!!


เสียงไม้กระทบเหล็กสะท้อนก้องไปทั่วลาน โล่ของลาเรสสะบัดหลุดไปด้านข้าง


“ตอนนี้!” พิลวอนตะโกน


เอสเปอร์กัดฟันลุกขึ้นรวดเร็ว ใช้แรงถีบพื้นกระแทกเข้ากลางอกเกราะของมัน


เสียงครืนดังขึ้นเหมือนกระแทกแท่งเหล็ก แต่ร่างของลาเรสก็ถอยหลังไปสองก้าว


พิลวอนไม่รอช้า ฟันเข้าด้านล่างของหมวกเกราะ “แกร๊ง!”


เศษเหล็กแตกกระจายแสงสีฟ้าในดวงตาพลันดับลง ร่างนั้นทรุดลงก่อนสลายกลายเป็นเถ้าหมอก


“หนึ่ง...” พิลวอนหอบ หยาดเหงื่อไหลตามขมับ


“ยังเหลืออีกสอง” เอสเปอร์ตอบ พลางถ่มเลือดจากริมฝีปากที่แตก


ร่างที่สองพุ่งเข้ามา เสียงก้าวเท้าของมันหนักกว่าเดิม โล่เหล็กสะบัดเป็นแนวกว้าง เอสเปอร์ยกดาบไม้ขึ้นกัน เสียงไม้แตกสะท้อนก้อง แรงกระแทกทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว ดาบไม้ในมือหักเป็นสองท่อน


“เอสเปอร์!”


“ไม่เป็นไร!” เขาขว้างด้ามที่เหลือใส่หน้าของลาเรส ก่อนหมุนตัวหลบด้านข้าง แรงปะทะเฉียดแขนจนเจ็บแปลบ เขาหยิบเศษท่อเหล็กที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแทนดาบ


พิลวอนเคลื่อนเข้าข้างหลังของมัน ก้าวยาวหนึ่งก้าว ฟันตรงจุดเชื่อมหลังเกราะ เสียงโลหะฉีกดัง แสงสีเหลืองพุ่งทะลุรอยร้าวแล้วดับวูบ


ร่างนั้นทรุดลงเหมือนหุ่นที่เชือกถูกตัดขาด เหลือเพียงร่างสุดท้าย ร่างที่สาม สูงกว่าและสวมหมวกเกราะเต็มใบ ไม่มีช่องตามีเพียงแสงเย็นส่องลอด


พิลวอนยืนหอบมือสั่นเพราะแรงกระแทกสะสม เขาเหลือแรงอีกไม่มาก เอสเปอร์เองก็เจ็บแขนจนแทบยกไม่ขึ้น


ร่างสุดท้ายก้าวช้า ๆ เข้ามา ทุกย่างก้าวของมันทำให้หมอกหมุนวนรอบขา เหมือนโลกทั้งใบหายใจพร้อมกัน


เอสเปอร์กระซิบ “นายไปหลอกมันทางขวา ฉันจะลอบเข้าใกล้จากด้านหลัง”


“แน่ใจเหรอ”


“มันหนักเกินไป เคลื่อนไหวช้า ถ้าใช้แรงทั้งหมดตอนมันฟันพลาด เราอาจจะล้มมันได้”


พิลวอนพยักหน้าแล้วพุ่งไปทางขวา


ลาเรสหมุนตามทันที เสียงลมหายใจเย็นของมันดังผ่านช่องเกราะ พิลวอนหลบการฟันครั้งแรกได้เฉียดฉิว ดาบโลหะฝังลงพื้นจนแตก


ในจังหวะนั้นเอสเปอร์พุ่งเข้าจากด้านหลัง ใช้ท่อเหล็กฟาดเข้าด้านหลังหัวของมันเต็มแรง


มันไม่ล้ม แต่สะดุดก้าว


พิลวอนเห็นช่องรีบใช้ปลายดาบไม้ที่เหลืออยู่แทงเข้าใต้แขนเกราะ ร่างโลหะสั่นไหวแสงในหมวกเกราะสั่นระริก ก่อนจางลงอย่างช้า ๆ


ทั้งคู่หอบหายใจแรงหมอกเริ่มบางลง เมื่อร่างสุดท้ายสลายหายไป เหลือเพียงเศษฝุ่นโลหะและกลิ่นอับของสนิม


พิลวอนทรุดนั่งลง เอามือกุมท้อง “ผมคิดว่าผมจะตายจริง ๆ”


เอสเปอร์หัวเราะเบา ๆ ทั้งที่หอบแทบไม่ไหว “อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่ที่สุดที่เจอมา...”


เขามองเศษดาบไม้ในมือ เหลือเพียงครึ่งเดียว “เห็นไหม ดาบไม้ก็เอาอยู่”


พิลวอนมองหน้าเขา พลางหัวเราะแผ่ว “พี่นี่มัน ไม่ยอมแพ้อะไรเลยจริง ๆ”


เอสเปอร์ยักไหล่ “พี่แค่ไม่อยากตายแบบโง่ ๆ เท่านั้นเอง”


หมอกค่อย ๆ จางลงเผยให้เห็นท้องฟ้าที่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านมาอีกครั้ง ลานจอดรถกลับมาเป็นเหมือนเดิมเงียบงันแต่มีชีวิต


เอสเปอร์กับพิลวอนยืนเคียงกัน มองไปทางเขตตึกสูงในเบิร์กลีย์ ปลายทางคืออุโมงค์คัลลีคอตต์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบกิโลเมตร


“เราไปกันต่อไหม” พิลวอนถาม


เอสเปอร์พยักหน้า “ต้องไปสิ”


ทั้งสองออกเดินอีกครั้ง.ท่ามกลางกลิ่นควันของเมืองและไอหมอกที่ยังหลงเหลือเบาบาง ชัยชนะครั้งนี้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เพียงพอให้พวกเขารู้ว่าความกล้า ไม่ได้เกิดจากพลังของเทพ แต่อยู่ในหัวใจของคนที่ไม่ยอมถอย


เสียงลมหอบหายใจสั้นถี่ของเอสเปอร์ผสมกับเสียงเท้าเบา ๆ ของพิลวอนที่เหยียบย่ำเศษกรวดบนพื้นคอนกรีต ทั้งสองพิงหลังกับซากรถบัสเก่าที่ถูกไฟไหม้ครึ่งคัน แสงหมอกสีขาวอมฟ้าล้อมรอบทุกอย่างจนดูเหมือนโลกกำลังละลาย


“ขอพักแค่ห้านาทีได้ไหม” เอสเปอร์พึมพำ เสียงแหบเล็กน้อย มือยังจับกลาดิอุสไม้แน่น


พิลวอนหันมามอง ดวงตาสีม่วงแซมขาวของเขาดูสงบ แต่ภายใต้ความนิ่งนั้นมีความร้อนรนที่ซ่อนอยู่ “พักได้ แต่ต้องฟังเสียงรอบตัวไว้ตลอดนะ” เขาวางกระเป๋าลง ควักขวดน้ำที่เหลือเพียงครึ่งแล้วยื่นให้ “ดื่มหน่อย เดี๋ยวจะหมดแรงก่อนถึงอุโมงค์”


เอสเปอร์รับมาช้า ๆ ดื่มเพียงอึกเดียวก่อนยื่นคืน “นายเองก็ดื่มสิ พวกเราเหลือแค่นี้”


“ไม่เป็นไร” พิลวอนส่ายหน้า “ผมยังไหว”


เงียบไปครู่หนึ่ง ลมหายใจของทั้งสองประสานกันอย่างเหนื่อยล้า ราวกับความเงียบในหมอกนั้นกำลังรัดคอให้แน่นขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งเสียงบางอย่างดังขึ้นเสียงกระพือปีกอันใหญ่โต ผสมกับเสียงกรนต่ำในลำคอ


กรรรรรรรซ์


เอสเปอร์สะดุ้งเฮือก “มันมาอีกแล้ว” เขากระซิบเสียงสั่นเล็กน้อย แต่สายตากลับเฉียบพลัน


พิลวอนลุกขึ้นทันที คว้าดาบไม้แน่น “ถ้ามันยังตามมาตั้งแต่สวน… แสดงว่ามันจำเราได้”


ทั้งคู่มองไปทางเดียวกันหมอกข้างหลังเริ่มแหวกออก เสียงกึกกักของกรงเล็บขูดพื้นดังก้อง สามีทปรากฏร่างในเงาหมอก ขนาดตัวมหึมาปีกคลี่ออกจนบดบังไฟถนนที่ยังหลงเหลือ มันส่งเสียงคำรามต่ำก่อนจะพุ่งเข้าใส่


“วิ่ง!!” พิลวอนตะโกนโดยไม่ต้องคิด


เสียงฝีเท้าทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน ข้ามซากเหล็กที่หักงอ วิ่งผ่านตรอกแคบระหว่างอาคารร้าง ลมหายใจหนักขึ้นทุกวินาที


“มันเร็วกว่าครั้งก่อนแน่ ๆ!” เอสเปอร์พูดขณะหลบเศษป้ายถนน


“อย่าหันกลับไป” พิลวอนตะโกน “ทางนี้ มีบันไดหนีไฟข้างตึก”


พวกเขาวิ่งเข้าไปในซอกกำแพงที่เปื้อนสนิม บันไดเหล็กผุๆ ทอดยาวขึ้นไปถึงชั้นสองของอาคารพังทลาย เอสเปอร์ปีนขึ้นก่อน แต่ขาแทบไม่มีแรง “ไกด์! เราจะหนีไปได้ยังไง ถ้ามันบินได้แบบนั้น”


พิลวอนยกกลาดิอุสขึ้นในมือข้างหนึ่ง ก่อนเหยียบขั้นบันไดต่อ “มันติคอร์มันใหญ่เกิน จะบินเข้าซอกแคบ ๆ ไม่ได้หรอก ขึ้นไปบนหลังคา แล้วค่อยหาทางอีกที!”


เสียงคำรามข้างล่างดังลั่น พื้นสั่นสะเทือนจากแรงชน มันพยายามพุ่งหัวกระแทกเข้ามาในช่องแคบ แต่ถูกผนังตึกกั้นไว้ เอสเปอร์รีบดึงพิลวอนขึ้นมาทันเวลา ทั้งคู่กลิ้งเข้ามาบนพื้นหลังคาเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว


ทั้งคู่หอบหายใจแรง “ฉัน… เกลียดมันจริง ๆ” เอสเปอร์พูดเบา ๆ


“ฉันก็เหมือนกัน” พิลวอนตอบ ยกมือขึ้นแตะบาดแผลที่แขนซ้ายซึ่งโดนหนามพิษครูดไว้เมื่อคราวก่อน “มันคงตามกลิ่นพวกเรามา”


“เราต้องหาทางตัดรอยตาม ไม่งั้นจะไม่ถึงอุโมงค์แน่”


เอสเปอร์มองลงไปข้างล่าง เห็นเงาปีกเคลื่อนผ่านหมอกอีกครั้ง เสียงปีกกระพือแรงจนเศษกระจกปลิวกระจาย


“มันยังไม่ไป…” เขาพึมพำ ดวงตาสีเงินซีดสะท้อนแสงหมอก


พิลวอนขบฟันแน่น “เราต้องล่อมันไปอีกทาง”


“อย่าบอกนะว่านายจะเป็นเหยื่อ?”


“ไม่ใช่เหยื่อ” พิลวอนตอบนิ่ง “แค่ล่อออกไปให้ไกลพอที่พี่จะไปต่อได้”


“ไม่มีทาง ฉันไม่ทิ้งนายไว้แน่”


เสียงของเอสเปอร์หนักแน่นจนน่าแปลกใจ ทั้งคู่สบตากันกลางหมอก เสี้ยววินาทีนั้นมีความเข้าใจบางอย่างที่ไม่ต้องใช้คำพูด ความดื้อดึงในแบบเดียวกันความไม่ยอมแพ้แม้จะรู้ว่าตัวเองบอบช้ำเกินจะสู้


เสียงคำรามของสามีทดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของมันโผล่ขึ้นเหนือหลังคาตึก ฝุ่นคอนกรีตปลิวกระจายจากแรงปีก มันคำรามในลำคอและพุ่งตรงมาทางพวกเขา


“โดดลงไป!” พิลวอนผลักเอสเปอร์ให้หล่นลงช่องหลังคาที่เปิดไว้ก่อน แล้วตัวเองกระโดดตาม เสียงกระแทกพื้นดังตุบ ทั้งคู่กลิ้งเข้ามาในห้องร้างชั้นล่าง เต็มไปด้วยเศษโต๊ะเก่าและผ้าม่านเปื้อนฝุ่น


“โอ๊ย” เอสเปอร์ครางเบา ๆ “นายบ้าไปแล้ว”


“แต่มันช่วยให้เรารอด” พิลวอนตอบเรียบ ๆ ทั้งที่หายใจหอบ “ขยับเร็วเข้า มันอาจเข้ามาทางหน้าต่าง”


พวกเขารีบมุดออกหลังตึก วิ่งผ่านตรอกอีกเส้น มุ่งไปทางเนินเขาที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ทางเดียวที่จะไปถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์ได้


ระหว่างวิ่ง พิลวอนถามทั้งที่ยังไม่หันหน้า “เอสเปอร์ พี่ยังพกเนคทาร์กับแอมโบรเซียอยู่ไหม?”


“มีแต่ยังไม่ถึงคราวใช้”


“งั้นดี” พิลวอนพยักหน้า “เพราะถ้าเจ็บอีกครั้ง ผมอาจต้องใช้มันจริง ๆ”


เสียงปีกกระพือดังตามหลังอีกครั้ง ทั้งคู่ไม่พูดอะไรต่อ วิ่งไปเรื่อย ๆ ในความมืดของหมอกที่เหมือนจะหนาขึ้นเรื่อย ๆ เสียงลมหายใจของพวกเขากลืนหายไปกับเสียงคำรามอันไกลโพ้นของอสุรกายสามีทที่ยังไม่เลิกรา


พวกเขาไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงอุโมงค์ แต่รู้เพียงอย่างเดียว คือถ้าหยุดตอนนี้มันจะเป็นการสิ้นสุดของทั้งหมด











แสดงความคิดเห็น

God
พาร์ทเสริม: (แยกจากพาร์ทหลัก) มีสตรีนางหนึ่งยืนอีกฟากถนนเมื่อคุณเดินขึ้นมาจากลานจอดรถ [God-17-2] ก่อนรถบรรทุกแล่นผ่านไปและเธอหายไปแล้ว https://i.imgur.com/a41sJwx.png   โพสต์ 2025-10-9 22:10
โพสต์ 73,376 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +6 ความกล้า จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2025-10-9 20:55
โพสต์ 73,376 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-10-9 20:55
โพสต์ 73,376 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-10-9 20:55
โพสต์ 73,376 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2025-10-9 20:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x1
x2
x15
โพสต์ 2025-10-9 23:20:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด




บันทึกการเดินทาง [5]

อุโมงค์คัลลีคอตต์



22 · กันยายน · 2025 · 07.00 น.


แสงอรุณของวันที่สามค่อย ๆ ทะลุผ่านม่านหมอกสีเทาอ่อนเหนือเนินเขาเบิร์กลีย์ ลำแสงบางเส้นสาดลงบนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นและเศษใบไม้แห้ง กลิ่นควันและสนิมจาง ๆ ลอยมากับลมจากทางฝั่งอ่าวซานฟรานซิสโก เงาเล็กสองเงาเดินกะโผลกกะเผลกออกมาจากซอกกำแพงแตก พวกเขาแทบจะทรุดลงกับพื้นทันทีที่เห็นป้ายทางเข้าอุโมงค์คัลลีคอตต์อยู่เบื้องหน้า


เสียงลมหายใจหนักของเอสเปอร์ดังแข่งกับเสียงลมพัด

“เราถึงแล้วใช่ไหม” เสียงของเขาแทบไม่เหลือแรงพอจะพูด


พิลวอนพยักหน้าช้า ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบฝุ่นและรอยข่วน เขาเอามือเท้าข้างเข่าพร้อมหอบหายใจแรง “อืม ถึงแล้วแน่ ๆ ป้ายนี้มันตรงกับในแผนที่ของลูปา”


ทั้งสองยืนนิ่งอยู่พักใหญ่มองไปยังอุโมงค์กว้างที่ปากทางยังคงถูกหมอกหนาทึบคลุมไว้ มันดูเหมือนอ้าปากรอรับผู้กล้าเข้าไปในความมืดลึก ไม่มีแสง ไม่มีเสียงใดตอบรับนอกจากเสียงลมเย็นที่พัดลอดออกมาเป็นระยะ


“ฉันนึกว่าพวกเราจะไม่รอดซะแล้ว” เอสเปอร์พูดพลางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นคอนกรีตเย็น ๆ “จากสวน... จากเมือง... จากสามีท... แล้วก็ลาเรสพวกนั้น”


พิลวอนนั่งลงข้าง ๆ ช้า ๆ พิงกำแพงหินที่เย็นเฉียบ “ผมก็คิดแบบนั้น” เขาวางกระเป๋าลง เปิดดูของข้างใน เหลือเพียงขวดน้ำครึ่งขวด เนคทาร์ที่ยังไม่ได้เปิดกับชิ้นแอมโบรเซียที่ห่อผ้าไว้แน่นหนา


“ดีที่ยังเหลือ” เอสเปอร์มองตาม “ถ้าไม่มีของพวกนี้ เราคงนอนตายอยู่ตรงทางแยกนั่นไปแล้ว”


“อย่าเพิ่งพูดว่าตาย” พิลวอนยิ้มบาง ๆ เสียงของเขาแหบแต่ยังมีน้ำเสียงสงบ “อย่างน้อยเรายังมีลมหายใจอยู่ และยังเห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง”


ลมหายใจของทั้งคู่กลายเป็นไอสีขาวเบาบางในอากาศเย็น หมอกยังคงลอยอยู่รอบตัวพวกเขา แม้จะเป็นตอนเช้าแต่บรรยากาศยังดูคล้ายยามค่ำคืน เงียบ เหงา และเต็มไปด้วยกลิ่นของเหล็กกับควันไฟ


ทั้งคู่เงียบไปอีกครู่ฟังเสียงลมที่พัดลอดผ่านปากอุโมงค์ เสียงนั้นเหมือนเสียงหายใจของใครบางคน “นายคิดว่าข้างใน จะมีอะไรไหม” เอสเปอร์ถามในที่สุด


พิลวอนก้มมองพื้น รอยเท้าทั้งสองเป็นทางยาวมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ผ่านหมอกผ่านหุบเขาผ่านความตายที่ตามไม่ทัน “มีสิแน่นอนอยู่แล้ว” เขาว่าช้า ๆ “แต่ตอนนี้ ฉันแค่ดีใจที่เราเดินมาถึง”


เสียงปีกของอะไรบางอย่างดังอยู่ไกล ๆ จากด้านหลัง พิลวอนหันไปมองทันที ดวงตาของเขาแคบลงเห็นเพียงเงาลาง ๆ ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บินวนอยู่เหนือแนวป่า


“มันยังอยู่” เขาพึมพำเบา ๆ “สามีทยังไม่ไปไหน”


เอสเปอร์กัดฟันแน่น ดวงตาสีเงินวูบวาบด้วยความไม่พอใจ “มันตามเรามาสามวันแล้ว เราคงไม่มีเวลาให้นั่งพักอีกนาน”


พิลวอนพยักหน้า “ใช่ เราต้องเข้าข้างในก่อนที่มันจะตามมาทัน”


ทั้งคู่เก็บของเงียบ ๆ เอสเปอร์หยิบดาบไม้ขึ้นมาถือในมือขวา แม้มันจะสั่นและมีรอยแตกตรงด้าม แต่เขาก็จับมันแน่นเหมือนดาบจริง พิลวอนขยับสายกระเป๋าให้แน่นขึ้นก่อนพูดเสียงเบา “พอเราเข้าไปข้างใน จะเจออะไรอีกนะ”


เอสเปอร์ไม่ตอบในทันที เขามองไปยังปากอุโมงค์ที่มีหมอกหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วพูดเบา ๆ “ฉันไม่รู้”


พิลวอนยิ้มจาง ๆ “เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา”


เอสเปอร์มองหน้าเขา แล้วพยักหน้าช้า ๆ “ใช่ทุกครั้งที่ผ่านมา”


ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าสู่เงามืดของอุโมงค์คัลลีคอตต์ เสียงรองเท้ากระทบพื้นคอนกรีตสะท้อนก้องในอากาศเย็นเฉียบ หมอกขาวค่อย ๆ กลืนพวกเขาไปทีละน้อย จนเหลือเพียงเงาเคลื่อนไหวสองเงาท่ามกลางความมืด


ด้านนอกท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้นเต็มที่ เสียงสามีทคำรามไกล ๆ แต่ไม่ได้เข้าใกล้กว่านั้นมันยืนอยู่บนหน้าผา มองลงมายังปากอุโมงค์ด้วยดวงตาสีเหลืองหม่น ก่อนจะกางปีกแล้วบินหายไปในหมอก


ภายในอุโมงค์ความเงียบปกคลุมทุกอย่าง มีเพียงเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มสองคนที่ยังคงเดินต่อไป 


เอสเปอร์เดินนำยูพิลวอนตามหลังอย่างเงียบงัน ทั้งคู่เดินโซซัดโซเซ แทบไม่เหลือแรง แต่ในแววตายังมีประกายของความอยู่รอด ที่เหนี่ยวรั้งให้ก้าวต่อไป เสียงรองเท้าบูทกระทบพื้นคอนกรีตในอุโมงค์ดังก้องสะท้อนเป็นจังหวะช้า ๆ คล้ายเสียงหัวใจเต้นของใครบางคนที่ยังไม่แน่ใจว่าข้างหน้าจะพบสิ่งใด


ยูพิลวอนเอ่ยเสียงแผ่ว “คิดว่าเรามาถูกทางไหม”


เอสเปอร์เหลือบมองไปทางแสงรำไรที่ลอดจากปลายอุโมงค์อีกด้าน “ลูปาให้เรามาอุโมงค์คัลลีคอตต์ไม่มีทางอื่นแล้ว ถ้าเรามาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าผ่านบททดสอบ”


“แต่ผมได้กลิ่น” ยูพิลวอนพูดเบา ๆ พลางชะงักก้าว “กลิ่นเนื้อสัตว์ไหม้...กับ...”


“มนุษย์” เอสเปอร์พูดต่อให้จบ พลางวางมือบนดาบกราดิอุสไม้ของตน “ระวังตัวไว้”


กระทั่งพวกเขาทั้งสองเจอใครบางคน ระหว่างเดินในอุโมงค์คัลลีคอตต์ ชายคนแรกก้าวออกมาอย่างมั่นคง ดวงตาสีทองสว่างจับจ้องพวกเขา ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะทองแดงสะท้อนแสงอาทิตย์ เขายืนตรงเรียบ มือถือหอกยาวแต่ไม่ยกขึ้นในท่าขู่ “พวกนายสองคนมาจากไหน” เสียงเข้มแต่ไม่เย็นชา


เอสเปอร์หยุดฝีเท้า “บ้านหมาป่า...เทพีลูปาเป็นคนส่งมา”


ได้ยินเพียงเท่านั้น แสงในดวงตาของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไป เขายกหอกลง “งั้นก็ใช่แล้ว เดมิก็อต”


อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาชายผมสีบลอนด์ หัวเราะเบา “ให้ตายสิ ลูปายังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ ส่งเด็กมาทางหมอกพรางตา ทั้งที่มันแทบกลืนพวกเขาเข้าไปได้ทุกเมื่อ” เขากระพริบตาเบา ๆ ก่อนแนะนำตัว “อาเธอร์ แมฟเวอริค นายทหารลาดตระเวนที่ประจำเวรวันนี้ ยินดีต้อนรับ...ถึงจะดูไม่ได้พักเลยก็ตาม”


เอสเปอร์พยักหน้า ขณะยูพิลวอนยกมือทาบอก เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาทั้งสอง เขาสูงกว่าทุกคนในที่นั้นดวงตาแดง “ข้าชื่อแอสเทอเรี่ยน” เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำ “อย่าตกใจที่เจอคนตัวโต ฉันไม่ใช่ยักษ์ แค่มีสายเลือด….นิดหน่อย


ยูพิลวอนชะงักนิด ๆ แต่พยายามไม่ทำท่าหวาดกลัว

อาเธอร์ยกมือขึ้นพาดไหล่เอสเปอร์ “ดูท่าพวกนายผ่านอะไรมามากกว่าที่คิดสินะ เสื้อผ้าแทบขาดหมด แผลก็ยังสด”


เอสเปอร์ตอบสั้น “เราเจอกับมันติคอร์ที่ชื่อสามีทแล้วก็ลาเรสระหว่างทาง”


เสียงปีกของอีกาสองตัวบินข้ามศีรษะ ลมเช้ายกฝุ่นขึ้นจากพื้นดิน กลุ่มของเอสเปอร์ยืนเงียบครู่หนึ่งก่อนอาเธอร์ผายมือ “ไปกันเถอะ พวกนายคงหิวแทบขาดใจ ในค่ายมีอาหารร้อน น้ำสะอาด”


ยูพิลวอนมองเอสเปอร์อย่างถามความเห็น “พี่...” เสียงเขาเบาและเหนื่อย “เราจะพักจริง ๆ แล้วใช่ไหม”



รางวัลผ่านบททดสอบไปถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์:

(เงินจะปรากฎในถุงย่ามของคุณ) +100 พลังใจ , 35 ดีนาเรียส และ อาหารเทพ 1 แท่ง +50 EXP ,

(เลือกเป็น +3 Point แทน) ความโปรดปรานจากลูปา+35 แต้ม







แสดงความคิดเห็น

God
อาหารเทพให้ตั้งแต่ออกจากบ้านหมาป่าแล้ว  โพสต์ 2025-10-11 11:37
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-29] ลูปา เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-10-11 11:37
โพสต์ 42970 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-9 23:21
โพสต์ 42,970 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +10 ความกล้า จาก ดาบกราดิอุสไม้  โพสต์ 2025-10-9 23:21
โพสต์ 42,970 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความศรัทธา +3 ความกล้า จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2025-10-9 23:21

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 เหรียญดีนาเรียส +35 ย่อ เหตุผล
God + 100 + 35

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x1
x2
x15
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้