เจ้าของ: God

[ทิศเหนือของค่าย] ป่าต้องห้าม

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-12-8 14:35:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Laura เมื่อ 2024-12-8 14:42

Activity Form

[ทิศเหนือของค่าย] ป่าต้องห้าม


เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ตัวเดียว เด็กสาวถึงกับต้องเหงื่อตกใจอยากจะวิ่งหนีสุดชีวิตเลย 


แต่ก็ดูเหมือนจะทำไม่ได้เธอคงจะต้องจัดการไปทีละตัว ฮาร์ปี้ที่หันมา แบบดิจิดอล เล่นเอาคนที่มาสู้เป็นครั้งแรก กุมหัวเลยทีเดียว


นี่มันอะไรกันหรือว่ามันจะรับน้องเธอมาทีเดียวขนาดนี้  ฆ่ากันก็ได้


ขาทั้งสองข้างของเด็กสาวตอนนี้สั่นไปหมดมีดในมือก็คือเล็กมากหากเทียบกับขนาดตัวของมัน 


เธอแทบไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อสองเท้าก็คือไม่ยอมทำงานตามคำสั่งแล้วใจอยากจะวิ่งแต่กัปตันยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดเอาไว้สายตาจ้องมอง ตาประสานกับฮาร์ปี้


โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ” ตอนนี้เธอแทบจะกรีดร้องให้สุดเสียงแต่แค่จะร้องเสียงยังหลงหายไปหมดเลย


ทำอะไรไม่ถูกแล้วเธอควรทำยังไงดีกิจสั้นในมือทำงานอย่างหนักเมื่อถึงวินาทีสุดท้าย 


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  มือของเธอเพื่อป้องกันตัวเองและสัญชาตญาณทุกอย่าง เลือกที่จะโจมตีเข้าอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวเองก็ไม่เข้าใจเพราะอยู่นานก็ไม่เลือกที่จะทำอะไรเลยพอเข้ามาใกล้เท่านั้นแหละสัญชาตญาณการรักตัวเองมันปกป้อง


มือไม้ก็คือทำตามคำสั่งได้ทันทีสะโมงสมองก็คือไหลไปหมดตอนนี้เหลือแต่การโจมตีอย่างบ้าคลั่ง 


สติหลุดหลุดออกไปเป็นที่เรียบร้อยเหลือแต่สัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะต้องปกป้องตัวเอง 


มือไม้ของเด็กสาวพร้อมกับขาและเเขนที่เราถามว่าเธอทำอะไรไป เพราะถ้าถามตอนนี้เธอคงบอกได้เลยว่าเธอจำไม่ได้หรอก


แม้แต่เสียงโดยรอบตอนนี้ก็เหมือนถูกตัดออกเหลือเพียงการต่อสู้ระหว่างเธอกับ ฮาร์ปี้เท่านั้น


เด็กสาวไม่แน่ใจว่าเธอใช้ในการต่อสู้นี้นานเท่าไหร่กว่าจะสะหยกมันลงได้ 


ร่างใหญ่นั้นค่อยค่อยล้มลงกับพื้นฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมา  พร้อมกับร่างที่แน่นิ่งทำให้เด็กสาวรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก


อันนี้คือสำเร็จหรือยัง สำเร็จแล้วหรอ ” 


เด็กสาวเองก็ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเธอสามารถทำไปเสร็จแล้วแล้วเธอก็ทำได้แล้วด้วย 


อย่างที่เธอพูดหลังจากที่มันรู้สึกตัวว่ามันต้องสู้แน่นอนว่าเธอก็สู้อย่างสุดใจ


ถึงอย่างนั้นแล้วก็ทำเธอเอาเหงื่อตกกระจิดกระใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมือไม้สั่นไปหมดจนถึงตอนนี้มือเธอก็ยังสั่นอยู่ 


เด็กสาวแอบทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย  พูดไม่ถูกด้วยเธอคงต้องนั่งเรียบเรียงอยู่สักพักว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำอะไรไปบ้าง


เธอหันไปมองรอบๆเพื่อตรวจดูว่าตอนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติไม่มีอะไรจะมาตีเธออีกใช่ไหม 


จ่ายตอนนี้ตอนนี้เธอหวาดระแวงไปหมดแล้วขาสั่นไปหมดแทบจะลงไปนั่งทรุดกับพื้นพร้อมกับร่างของ ฮาร์ปี้ที่ตายไปแล้วด้วยซ้ำ


ไม่นานค่ะของเธอก็หมดแรงทุกอย่างของเธอมันดูหมดไปไปหมดเเล้ว เด็กสาวนั่งทรุดลงกับพื้นแต่ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก


ทุกอย่างที่เธอทำตอนนี้มันดูขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมาดูจะงงไปหมด  น่าจะเป็นเพราะว่าการต่อสู้ครั้งแรกยังดูเดือดของเธอด้วยละมั้ง




หลักฐานการโจมตีครั้งที่ 1





ไม่นานนักหลังตัวเเรกจบลง อยู่ๆตัวใหม่ก็กระโจนออกมา เหมือนเเบบว่าลอร์ร่าไปทำเพื่อนมัน มันมาเเก้เเค่้นเเทนเพื่อนมันเเล้วนะ แต่ก็นะแล้วใครมันจะคิดหลังจากการโจมตีทุกอย่างเสร็จแล้ว


ตัวถัดมาก็พอขึ้นมาอีก ฮาร์ปี้อีกตัว กระโจนออกมาจากพุ่มไม้ทำเอาเด็กสาวที่นั่งทรุดตัวอยู่ถึงกับไปไม่เป็น


เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไงต่อตอนนี้แรงที่ใช้ก็คือหมดไปกับตัวแรกแล้ว 


เธอหันไปมองก่อนที่ดาบในมือจะเริ่มทำงานอยู่อยู่มือข้างที่จับเอาไว้ก็ยกขึ้นแทงเข้ากลางลำตัวของมัน 


ท่าทางของทั้งมันและทั้งเธอก็ตกใจกันทั้งคู่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง 


ทำไมชอบมากันแบบนี้นะ ” เด็กสาวโวยวายยกใหญ่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า


แต่มันก็ทำให้เธอรอดมาได้อย่างหวุดหวิด 


เธอพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างรู้สึกว่ามัน ตกใจเอามากๆ


“ ฟู้ววววว ” เสียงเล็กๆของเธอยังไม่ทันจะพ้นภัยก็รู้สึกว่ามันยังไม่ตายดีด้วยซ้ำ


อะไรมันจะตายยากตายเย็นแต่ถ้าหากสังเกตดูก็จะรู้ว่าตัวนี้ตัวใหญ่ตัวใหญ่กว่าตัวก่อนหน้านี้เยอะเลย 


นั่นเทียบได้กับพละกำลังที่มากกว่าตัวก่อนหน้านี้เธออาจจะต้องใช้เวลาต่อสู้ที่เยอะกว่าเด็กสาวรวมพลังของของตัวเองอีกครั้งค่อยๆลุกขึ้นและยืนหยัด 


และครั้งนี้จะต้องไม่เหมือนรอบก่อนที่เธอสติหลุดทำอะไรไม่ค่อยถูกมือไม้ไม่ค่อยเป็นไปตามที่ใจคิดแต่ตอนนี้เป็นตัวที่สองแล้ว 


น่าจะต้องมีสติมากขึ้นเด็กสาวใช้สมาธิและเบี่ยงหลบเพียงเล็กน้อยกับการโจมตีต่างๆ 


ไม่นานนักทุกอย่างก็ดูกลับมาสงบอีกครั้ง เมื่อฮาร์ปี้ ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอีกตัวนึง


และแน่นอนว่าครั้งนี้มันไม่ได้นอนเฉยเฉยแต่มันเป็นเพราะว่ามันตายแล้วต่างหากเด็กสาวดูจะรอดตายได้อย่างหวุดหวิดเลยทีเดียวเชียว


ใบหน้าของเธอนั้นคือเจื่อนแบบขาวซีด รู้เลยว่าเธอกำลังกลัวอยู่หวังว่าหลังจากนี้มันจะไม่โผล่มาแบบนี้อีกแล้วนะ ถึงงั้นก็เถอะร่างเล็กก็ภาวนาขอให้ระหว่างการเดินกลับของเธอนั้นไม่มีตัวอะไรโผล่มาอีก เพราะสภาพในตอนนี้คือเธอไม่พร้อมสู้อย่างรุนแรงเลย


ร่างเล็กยกมือขึ้นปัดเหงื่อตัวเองที่ไหลอยู่บนหน้า นอกจากเหงื่อแล้วก็ยังมีแผลเล็กน้อยที่เกิดจากการต่อสู้เป็นพวกแผลถลอกจากการหกล้มของตัวเธอมากกว่า


เธอเอามือปัดพวกฝุ่นต่างๆที่เกะตามตัว “ ไว่ค่อยไปอาบน้ำเอา ” 


จะบอกตัวเองแบบนั้นเพื่อเป็นการปลอบใจก่อนเธอจะเดินกลับเข้าไปภายในค่าย ด้วยความเร็วเธอไม่อยากเจอตัวอะไรในระหว่างที่เธอเดินอีกแล้วแค่นี้ก็รู้สึกหลอน


และท่าทางจะหลอนได้อีกนานเลยด้วย ร่างเล็กว่า และแน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะต้องถึงหูของไครอนอย่างแน่นอน จากที่เค้าบอกว่าจะมีแค่ตัวเดียวมันดันออกมาสองตัวพร้อมกันเลย แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาพร้อมกันแต่ก็ในเวลาไล่เลี่ยกันแบบไม่ต้องหายใจคอกันเลยทีเดียว


จิตใจช่างทำด้วยอะไรกัน ร่างเล็กที่เดินไปบ่นไปแต่เพียงการบ่นในใจ เท่านั้นเอง


เเต่เมื่อหันกลับไปดูร่าง หรือซากของพวกมัน ใดๆ หายไปแล้ว หวังว่าจะไม่ใช่ก่อตัวใหม่มาไล่ตีเธออีกนะ เด็กสาวระเเวงๆ เเต่มองดีๆ คือมันสลายเป็นละอองฝุ่นปลิวกระจายไปรอบๆ 


" ใดๆ ขอให้ไปอย่างสงบหละ " เด็กสาวอำนวยอวยพรพวกมัน แบบคนดีสุดๆ ก่อนร่างของเธอจะเดินกลับเข้าไป ลอดผ่านมุมเข้าไปภายในตัวค่ายโดยทันที


" กลับมาเเล้ว " เธกล่าวหลังเข้าไปได้นิดหน่อย แน่นอนสภาพคือไม่จืดเลยตัวเลอะมอมเเมมไปหมด เเต่เอาเเบบนี้หละไปหาไครอน เเน่นอนสมจริงมาก ไปทั้งสภาพงี้เลย จะได้รู้ว่าการต่อสู้นี้มันเหนื่อยยากและดุขนาดนไหนกัน




หลักฐานการโจมตีครั้งที่ 2 (ฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้ - เวล 10) 

จิ้มๆๆ






 หมายเหตุ ภารกิจ ฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้  

สินสงคราม: ขนฮาร์ปี้ 4 เส้น (ก็ตี 2 ตัวอะสิ), 

 ตื่นรู้ +2 จากการเรียนรู้การชนะฮาร์ปี้ครั้งแรก 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32570 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-12-8 14:35
โพสต์ 32,570 ไบต์และได้รับ +6 EXP +8 เกียรติยศ +6 ความศรัทธา จาก ชุดเครื่องเพชร  โพสต์ 2024-12-8 14:35
โพสต์ 32,570 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 เกียรติยศ +6 ความกล้า จาก หมวกปีกกว้าง  โพสต์ 2024-12-8 14:35
โพสต์ 32,570 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ความคิดสร้างสรรค์  โพสต์ 2024-12-8 14:35
โพสต์ 32,570 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-12-8 14:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
สื่อสารกับสัตว์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x3
x3
x5
x1
x1
x7
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x4
x2
x4
x4
x15
โพสต์ 2024-12-8 18:33:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด






REVANGE - HARPHY


              แสงแดดในยามบ่ายอ่อนแรงลงเมื่อไนมีเรียก้าวข้ามรั้วไม้ที่แบ่งเขตแดนค่ายออกจากป่าต้องห้าม เบื้องหน้าของเธอมีเพียงความมืดครึ้มของแมกไม้สูงตระหง่าน รากไม้พันเกี่ยวกันเป็นเครือข่ายซับซ้อนเหมือนกับเงื่อนงำที่เธอต้องคลี่คลาย ดวงตาสีเฮเซลของเธอฉายแววเฉียบคม หัวใจเต้นแรงไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะความตื่นเต้นที่จะได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่


              เสียงใบไม้กรอบแกรบดังขึ้นเบื้องหลัง เธอหันไปพบกับบุตรแห่งแอรีส เด็กชายผมดำที่มีดวงตาเปล่งประกายและท่าทางกระตือรือร้น


              "ไนมีเรีย!" เขาเรียกพร้อมยิ้มกว้าง "ก่อนเธอไป ฉันมีอะไรบางอย่างจะบอก"


              เธอเลิกคิ้ว "อะไรอีกล่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอจะพูดถึงคำพยากรณ์อีกอัน"


              "ใช่! มันสำคัญนะ!" เขาตอบเสียงดัง ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเธอ "ฟังสิ พวกเขาบอกว่าเราต้องระวังยานยนต์ที่อาจระเบิดได้ แล้วก็ต้องมุ่งหน้าสู่สามเหลี่ยมแห่งเบนนิงตันเพื่อค้นหาคัมภีร์แห่งซาตาน"


พึงระวังภัยจากยานยนต์ ทุกการเดินทางจักระเบิด

มุ่งหน้าสู่สามเหลี่ยมแห่งเบนนิงตัน ดินแดนที่สูญหาย

แสวงหาหน้าคัมภีร์แห่งซาตานที่ถูกขโมย

แล้วไซร์ เจ้าจักได้เผชิญหน้ากับบุตรแห่งหมาป่าผู้พิชิตเทพ

พึงสังเกตทุกรูขุมขนภายในแดนลี้ลับ นำคัมภีร์แห่งซาตานที่ขาดหายไปกลับคืน

มุ่งหน้าสู่ยมโลก ตามหาหนทางสู่ดินแดนแห่งความตาย

เจ้าจักต้องฝ่าด่านบาปทั้งเจ็ด เพื่อเข้าเฝ้านายเหนือหัว

ส่งคืนคัมภีร์แห่งซาตาน.... มิฉะนั้นโลกจะตกในความโกลาหล


              ไนมีเรียหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ "คัมภีร์แห่งซาตาน? ใครกันที่คิดเรื่องพวกนี้? พวกเรากำลังอยู่ในนิยายสยองขวัญหรือเปล่า?"


              เด็กชายหัวเราะตาม "ฉันไม่รู้ แต่มันดู...น่าสนุกดีนะ! ฉันพนันได้เลยว่าเธอจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้แน่ ๆ"


              เธอส่ายหน้า ก่อนจะก้าวเข้าไปตบไหล่เขาเบา ๆ น้ำเสียงติดหยอกเย้า "ถ้าฉันไม่กลับมาภายในสองวัน เธอรีบไปบอกไครอนด้วยล่ะว่าฉันอาจจะโดนฮาร์ปี้กินไปแล้ว"


              "ได้เลย!" เขาตอบเสียงดัง แล้วมองเธอเดินหายเข้าไปในเงามืดของป่า


              ไนมีเรียเดินลึกเข้าไปในป่าต้องห้าม แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเรือนยอดไม้ดูเหมือนจะเลือนหายไปทีละน้อย อากาศเย็นลง และความเงียบงันที่มีเพียงเสียงนกร้องประปรายสร้างความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งคอยจับตามองเธออยู่


              "คลาริสซ่า" บุตรีแห่งเฮคาทีเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เธอคิดว่าเราจะเจออะไรบ้างในป่านี้?"


              เสียงของวิญญาณแม่มดดังขึ้นข้างเธอ ร่างโปร่งใสปรากฏขึ้นในชุดยาวสีหม่น และผมสีแดงที่ดูเหมือนลุกโชนในเงามืด "บางทีฮาร์ปี้ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น เธอพร้อมจะเผชิญหน้ากับพวกมันไหม?"


              ไนมีเรียยักไหล่ "ฉันไม่มีทางเลือกนี่ ใช่ไหม?"


              "ทางเลือกมีเสมอ" คลาริสซ่าตอบเสียงเย็น "แต่ทางที่ดีที่สุดมักไม่ใช่ทางที่ง่ายดายที่สุด"


              ไนมีเรียหัวเราะสั้น ๆ "ฉันควรจะจดคำนั้นไว้ในสมุดคำคมประจำตัวฉันดีไหม?"


              พวกเธอเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ ขณะนั้น ไนมีเรียสังเกตเห็นรอยกรงเล็บบนต้นไม้ ร่องรอยเหล่านั้นยาวลึกและสดใหม่พอที่จะบอกได้ว่าฮาร์ปี้เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่นาน


              "ดูเหมือนเรากำลังมาถูกทาง" เธอกล่าว ก่อนจะก้มลงตรวจสอบพื้นดิน รอยเท้าแปลก ๆ ที่มีรูปร่างเหมือนกรงเล็บขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นบนดินที่อ่อนตัวรอบธารน้ำเล็กๆ


              "อย่าประมาท" คลาริสซ่าเตือน น้ำเสียงของเธอนิ่งแต่กดดัน "ฮาร์ปี้ไม่ใช่แค่สัตว์ป่า 它们是生物,充满智慧。"


              ไนมีเรียขมวดคิ้ว "แคลร์ เธอเผลอพูดอะไรเป็นภาษาจีนหรือเปล่า? แอบอ่านตำราของพ่อฉันไปอีกแล้วใช่ไหม"


              คลาริสซ่าหัวเราะเบา ๆ "บางทีฉันอาจจะลืมตัวนิดหน่อย แต่เธอเข้าใจความหมายใช่ไหม?"


              ไนมีเรียยิ้มจาง ๆ "แน่นอน พวกมันฉลาด และนั่นทำให้มันอันตรายกว่าที่คิด"


ค้นหา ตามล่า ล้างแค้นฮาร์ปี้!!

โรลเพลย์ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคำพยากรณ์ในค่ายได้ โบนัส+10 EXP





@God 




แสดงความคิดเห็น

God
ยินดีด้วยยยเจอฮาร์ปี้เวล 10  โพสต์ 2024-12-8 18:38
โพสต์ 25131 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-8 18:33
โพสต์ 25,131 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-12-8 18:33
โพสต์ 25,131 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-12-8 18:33
โพสต์ 25,131 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 เกียรติยศ +8 ความกล้า +8 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับภูตผีปีศาจ  โพสต์ 2024-12-8 18:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2024-12-8 19:26:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด






REVANGE - HARPHY (2)

              เสียงหวีดหวิวของลมที่พัดผ่านต้นไม้ดังขึ้น ไนมีเรียหยุดเดินทันที ดวงตาสีเฮเซลของเธอกวาดมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง ความเงียบที่ตามมาเหมือนเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา


              "มันอยู่ตรงนั้น!" คลาริสซ่ากล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเงาที่ยืดตัวสูงในพุ่มไม้ห่างออกไป


              ไนมีเรียหยิบมีดสั้นจากเข็มขัด เธอขยับตัวเบา ๆ เข้าไปใกล้เป้าหมายอย่างเงียบเชียบ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทันใดนั้น เงามืดพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เสียงปีกกระพือดังสนั่น ฮาร์ปี้ร่างใหญ่ที่มีปีกสีดำสนิทและดวงตาแดงก่ำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ไนมีเรียไม่รีรอ เธอพุ่งเข้าหามันอย่างรวดเร็ว มีดในมือสะท้อนแสงที่เลือนราง


              "ระวังหลังของเธอ!" คลาริสซ่าตะโกน


              ไนมีเรียหมุนตัวหลบทันเวลา กรงเล็บแหลมคมของฮาร์ปี้อีกตัวจู่โจมลงมาตรงที่ที่เธอยืนอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว


              "นี่มันล้อมฉันไว้แล้วหรือไง!" ไนมีเรียตะโกนอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพลิกตัวหลบอีกครั้ง


              คลาริสซ่ายิ้มอย่างเคร่งขรึม "เธอควรดีใจที่ได้ต่อสู้กับสิ่งที่ท้าทาย"


              "ดีใจงั้นเหรอ? ฉันคิดว่านี่มันใกล้เคียงกับคำว่า 'ซวย' มากกว่า!" ไนมีเรียตอบพร้อมกับฟันมีดเข้าที่ปีกของฮาร์ปี้ตัวหนึ่ง


              การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดในความมืดของป่า ทุกการโจมตีของฮาร์ปี้เหมือนถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบไหวพริบและความแข็งแกร่งของไนมีเรีย แต่เธอไม่ถอยหลัง ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น


              ในที่สุด ฮาร์ปี้ตัวหนึ่งก็ส่งเสียงกรีดร้องก่อนจะล่าถอยหายไปในความมืด อีกตัวหนึ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ไนมีเรียหอบหายใจ ใบหน้าและเสื้อผ้าของเธอเปื้อนไปด้วยเศษดินและเลือดบางส่วนที่ไม่ใช่ของตนเอง เธอทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อย


              "ไม่เลวเลย" คลาริสซ่ากล่าว น้ำเสียงของเธอเจือด้วยความภาคภูมิใจ


              "ไม่เลวน่ะเหรอ?" ไนมีเรียถาม "ฉันรู้สึกเหมือนฉันเพิ่งลงจากเวทีมวย"


              "แต่มันพิสูจน์แล้วว่าเธอพร้อมสำหรับสิ่งที่ท้าทายกว่านี้" คลาริสซ่ากล่าวพร้อมยิ้มจาง ๆ


              คนฟังได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน "ถ้าคำพยากรณ์นั่นเป็นจริง ฉันคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้อีกเยอะ"




              ดวงตาลุ่มลึกมองไปยังป่าที่มืดลึกเบื้องหน้า แม้หัวใจจะเต้นระทึกกับสิ่งที่อาจรออยู่ เธอกลับรู้สึกถึงเปลวไฟในตัวเองที่ยังคงลุกโชนพร้อมเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายที่จะมาถึง ในขณะที่ความเงียบสงบกลับมาครอบครองป่าอีกครั้ง ร่างธิดาแห่งเฮคาทียืนอยู่กลางลานที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้และรอยกรงเล็บบนพื้น เธอหายใจเข้าลึกเพื่อสงบจังหวะหัวใจ ร่างบางจับจ้องไปยังเบื้องหน้า รู้สึกถึงบางสิ่งที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในเงามืด


              “มันยังไม่จบ” คลาริสซ่ากล่าวขึ้น น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงความตึงเครียด “ฉันสัมผัสได้ถึงความคั่งแค้นของมัน”


              "แน่นอน" ไนมีเรียตอบพลางเอื้อมมือไปยังหอกที่สะพายหลังอยู่ “ฉันคงจะเซอร์ไพรส์ถ้าพวกมันยอมถอยไปง่าย ๆ”


              เงามืดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสียงปีกกระพือดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ร่างของฮาร์ปี้อีกตัวจะโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ มันมีปีกดำสนิทที่ดูใหญ่กว่าตัวก่อนหน้านี้ ใบหน้าของมันมีรอยแผลลึกที่ลากผ่านดวงตาข้างหนึ่ง ความบาดหมางในแววตาแดงก่ำของมันบอกทุกอย่างได้ชัดเจน


              “โอ้ ดูสิ ใครกันกลับมาจากนรก” ไนมีเรียเอ่ยเสียงสูง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "ฉันจำได้ว่าเรามีเรื่องกันครั้งล่าสุด แต่จำไม่ได้ว่าฉันสัญญาว่าจะให้โอกาสแกแก้มือ"


              ฮาร์ปี้หน้าบากส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ก่อนจะกระโจนเข้ามาโดยไม่ให้เวลาเธอได้ตั้งตัว

              ไนมีเรียหมุนตัวหลบกรงเล็บแหลมคมที่ฟาดลงมาด้วยความเร็ว แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ลอดผ่านใบไม้สะท้อนบนใบหอกในมือของเธอ ราวกับมันเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้น


              “เร็วขึ้นหน่อยสิ! มื้อเช้าเป็นสไลม์รึไง” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยหอกในมือ


              ฮาร์ปี้หน้าบากกระพือปีกแรงจนเกิดลมกรรโชก มันบินขึ้นสูงจากพื้น ก่อนจะทิ้งตัวลงมาโจมตี ไนมีเรียก้มหลบในจังหวะสุดท้าย หอกในมือฟาดขึ้นเฉียดปีกของมัน แต่ยังไม่ทันพอที่จะสร้างบาดแผล


              “ยังแค้นฉันเรื่องเดิมอยู่ใช่ไหม? คราวนี้ฉันจะทำรอยบากสวยๆ ให้อีกข้าง!” ไนมีเรียเอ่ยพลางตั้งท่าใหม่ รอยยิ้มเล็ก ๆ ยังไม่หายจากริมฝีปาก "รับรองแกได้ฝังใจไปอีกนานเลย"


              ไนมีเรียถอยหลังออกห่าง เธอปล่อยให้ฮาร์ปี้บินวนไปมาราวกับจับจังหวะการเคลื่อนไหวของมัน ดวงตาสีเฮเซลของเธอเป็นประกายวาววับเหมือนเสือที่จ้องเหยื่อ


              “มันกำลังพยายามทำให้เธอหมดแรง” คลาริสซ่ากล่าวเตือน ร่างโปร่งใสปรากฏอยู่ข้าง ๆ


              "Good." ไนมีเรียตอบเสียงเรียบ "เพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำกับมันเหมือนกัน"


              เธอค่อย ๆ ล่าถอยไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรากไม้และพุ่มหนาม เส้นทางที่ดูเหมือนถูกเลือกแบบสุ่มแต่ทุกก้าวถูกวางแผนไว้หมดแล้ว ฮาร์ปี้พุ่งเข้ามาอีกครั้ง กรงเล็บของมันข่วนเฉียดต้นแขนของเธอเล็กน้อย


              “อ้าว มีปัญญาทำได้แค่นี้เองเหรอ?” ไนมีเรียหัวเราะเบา ๆ เธอถอยไปอีกสองก้าวจนหลังชิดกับต้นไม้ใหญ่


              ฮาร์ปี้คิดว่ามันได้เปรียบ มันบินโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง ทว่าทันทีที่มันพุ่งเข้าใกล้ ไนมีเรียก็หมุนตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว ปล่อยให้มันติดอยู่กับพุ่มหนามที่อยู่เบื้องหลัง


              เสียงกรีดร้องของฮาร์ปี้ดังลั่นขณะที่มันพยายามดิ้นรนออกมา


              “โอ้ ไม่ต้องรีบ แค่เจ็บนิดเดียวร้องดังเชียว” ไนมีเรียเย้ยอย่างสนุก ก่อนจะตั้งท่าใหม่เพื่อโจมตี


              ฮาร์ปี้ดิ้นหลุดจากพุ่มหนาม มันโกรธจัดและพุ่งเข้าหาเธอด้วยพลังที่เหลืออยู่ ไนมีเรียนิ่งราวกับนักล่าที่รอคอยจังหวะ เธอกำหอกในมือแน่น และเมื่อมันอยู่ใกล้พอ เธอก็พุ่งไปข้างหน้า


              หอกในมือแทงเข้าไปที่หน้าอกของฮาร์ปี้อย่างแม่นยำ เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของมันจะเริ่มแตกสลายเป็นผงเถ้าสีดำ


              ไนมีเรียหอบหายใจเบา ๆ เธอปล่อยหอกลงในจังหวะที่ร่างของฮาร์ปี้สลายหายไปหมด


              “เสร็จสิ้นแล้ว” คลาริสซ่ากล่าว น้ำเสียงของเธอสงบนิ่ง แต่แววตาฉายความพอใจ


              ไนมีเรียเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมบนหน้าผาก ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย "มันอาจจะเป็นการล้างแค้นที่สนุกที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำมาเลยก็ได้"


              "และเธอก็ทำได้อย่างงดงาม" เยี่ยม ผีของเธอภาคภูมิใจแล้วสิ


              “และนี่แค่บทเริ่มต้น” ธิดาแห่งเฮคาทีเดินกลับออกมาจากป่าพร้อมกับหอกในมือและใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแห่งชัยชนะ เธอรู้ดีว่ายังมีภารกิจอีกมากรออยู่ แต่สำหรับตอนนี้ เธอได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเธอไม่ใช่แค่ลูกหลานของเทพเจ้า เลือดในตัวเธอที่เดือดพล่านความกล้านั้นไม่สืบทอดผ่านโลหิตจากแม่ผู้เคยเจอหน้า เราล้วนเกิดมาด้วยจิตวิญญาณนักสู้


              และตัวที่กล้าลองดีกับราชินีนักสู้ ให้มันต้องได้เจอหายนะ





ภารกิจ ฝึกเผชิญหน้ากับฮาร์ปี้  

สินสงคราม: ขนฮาร์ปี้ 4 เส้น (เก็บแต้ม 2 ตัว) 

 ตื่นรู้ +2 จากการเรียนรู้การชนะฮาร์ปี้ครั้งแรก


หึ หึหึ หึ ฮ่าาาา


@God 


              







แสดงความคิดเห็น

ถ้านี่ไม่ใช่เฮคาทีที่น่ากลัวที่สุด .ขนลุก  โพสต์ 2024-12-8 19:38
โพสต์ 42822 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-12-8 19:26
โพสต์ 42,822 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-12-8 19:26
โพสต์ 42,822 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-12-8 19:26
โพสต์ 42,822 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 เกียรติยศ +8 ความกล้า +8 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับภูตผีปีศาจ  โพสต์ 2024-12-8 19:26

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2024-12-9 20:25:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เจวิคที่เดินออกมาจากสนามฝึกก็นึกแล้วนึกอีกว่าจะไปที่ไหนดี ชายหาดก็ไปมาแล้ว ทะเลวสาบก็ไปมาแล้ว เขาอยากจะสำรวจธรรมชาติรอบข้างที่เขาอยู่อาศัย 
‘ป่าต้องห้าม’ เจวิคนึกสถานที่นี้ขึ้นมาภายในหัว 
‘แต่เขาก็ตั้งชื่อว่าป่าต้องห้ามเลยนะ ก็แปลว่าห้ามเข้าหรือเปล่า แต่ก็ช่างเหอะลองเดินไปดูเดี๋ยวก็รู้’ ชายหนุ่มนึกภายในใจ ก่อนจะเดินมายังบริเวณทางเข้าป่าต้องห้าม
ชายหนุ่มยืนหยุดมองเข้าไปภายในป่า ป่าดูเหมือนลึกไม่มีที่สิ้นสุด ต้นไม้บดบังแสงที่จะสอดส่องลงมาให้เห็นทางได้ชัดเจน เสียงสัตว์ป่าร้องดังออกมาเป็นระยะ ๆ
‘ทำไมรู้สึกขนลุกแปลก ๆ เอาเป็นว่าค่อยเข้าไปรอบหน้าแล้วกัน ยังอยากกลับไปเจอหน้าแม่อยู่’ ชายหนุ่มนึกในใจก่อนจะรีบก้าวเท้าออกจากทางเข้าป่าแล้วเดินไปยังที่อื่นต่อไป
Jayvik Mchonde
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
โชกเกอร์หนาม
หมวกแก๊ป
รองเท้าเซฟตี้
สร้อยข้อมือถัก
น้ำหอมบุรุษ
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x20
x1
x1
x2
x13
โพสต์ 2024-12-20 18:08:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด







Daemon  Kannel

20 · ธันวาคม · 2024 
 · 18.00 น.

        เดม่อนเข้ามาหมกตัวอยู่ภายในป่า แม้เขาจะสัญญากับยัยฉลาดไว้ว่าจะไม่ออกไปหาเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบคราวก่อนจนกว่าเธอจะกลับมา ดังนั้นนี่จึงไม่ถือว่าออกจากค่าย... การเบี่ยงเบนที่ดีเลยล่ะ เขาไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านมากี่วันแล้ว 


        เดม่อนฝึกฝนตัวเองภายในป่าของค่าย เขาพยายามฝึกการย่องและแอบ ใช้ธรรมชาติรอบตัวช่วยอำพรางกายตามที่พ่อเคยสอนสมัยเขาพาผมไปแคมป์ในป่าเมื่อวัยหกขวบ และรวมกับพลังแปลงกาย ซึ่งมันก็ค่อนข้างได้ผลดีอยู่บ้าง แม้จะมีบ้างไปจ๊ะเอ๋อสุรกาย แต่เดม่อนก็เลือกวิ่งและหาจังหวะแอบให้พ้นอันตรายโดยไม่ต้องสู้ 


        เดม่อนที่กำลังนอนบนต้นไม้สูงในป่า ดูเหมือนมันน่าจะเป็นต้นสนเก่าแก่ที่มีอายุพอสมควรเมื่อดูขนาดลำต้น และหวนนึกถึงตอนที่พ่อของเขาสอน 





เหตุการณ์ในวัย 6 ขวบ แคมป์ปิ้งกลางป่าเยลเยลโลว์สโตน


        "พ่อ  ต้นสนต้นนั้นใหญ่มากเลย  มันสูงเท่าไหร่เหรอ?" เสียงเดม่อนถามผู้เป็นพ่อขึ้น ในขณะเขาหันไปเห็นต้นสน


        "นั่นคือต้นสนอายุมากกว่า 1,000 ปีแล้ว  มันสูงกว่าตึก 10 ชั้นเสียอีกนะเจ้ารู้ไหม" คริสโตเฟอร์ผู้เป็นบิดามองใบหน้าเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นด้วยความปลื้มปิติ 


        "ว้าว! มันเก่าแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ  แล้วมันมีชื่ออะไรงั้นเหรอครับ" เดม่อนถามอีกคำถามมองอ้อนพ่อด้วยสายตาน่าเอ็นดู


      "ต้นสนต้นนี้ ชาวอินเดียนแดงเรียกมันว่า ต้นสนแห่งวิญญาณ เพราะพวกเขาเชื่อว่า  ต้นสนนี้เป็นที่สิงสถิตของเหล่าเทพเจ้า" พ่อของผมตอบคำถามพลางยิ้ม แววตาของเด็กคนนี้เหมือนอะโฟร์ไดต์ไม่มีผิด พลางใบหน้าเหม่ยลอยมองท้องฟ้า ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะสุขสบายดีหรือไม่


        "เทพเจ้างั้นเหรอ พวกเขามีจริง ๆ เหรอครับ" เดม่อนกระพริบตามองพ่อของตนเอง 


        "ลูก เทพเจ้าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แพวกเขาก็มีอยู่จริงและพวกเขาก็คอยดูแลโลกใบนี้" คริสโตเฟอร์ยิ้มก่อนยกมือขึ้นลูบศีรษะผม "สักวันลูกจะเข้าใจ"


        "แล้วเทพเจ้าองค์ไหนที่สิงสถิตอยู่ในต้นสนต้นนี้?" เดม่อนถามขึ้นด้วยความสนใจ เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะเป็นคนเพ้อฝันหรือโกหกเขาหรอกนะ หากพ่อเชื่อว่าพวกเทพมีจริง ก็แสดงว่ามันต้องมีจริง ๆ มั้ง


        "พ่อก็ไม่แน่ใจ แต่ชาวอินเดียนแดงเชื่อว่า เป็นเทพแห่งป่าไม้และสัตว์ป่า" 


        "ว้าว! นี่มันน่าสนใจมากเลย พ่อ ผมอยากรู้เรื่องเทพเจ้าอีกเยอะจัง" เดม่อนเริ่มสนใจตำนานเทพตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อพ่อเลือกพูดแล้วมันย่อมกระตุ้นต่อมของผมที่อยากจะรู้มากขึ้น


        "ได้เลยลูก  พ่อจะเล่าให้ฟัง"


        พ่อเล่าเรื่องเทพเจ้าต่าง ๆ ให้ผมฟัง ทั้งเทพเจ้ากรีกโรมันและเทพเจ้าของชาวอินเดียนแดง  ผมฟังอย่างตั้งใจ  และรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวเหล่านี้ ตำนานที่น่าเหลือเชื่อเหล่านี้แต่พ่อกลับพูดเหมือนกับว่าพวกเขามีตัวตนจริงอย่างนั้นแหละ และผมก็เชื่อในคำพูดของพ่อ


        "พ่อ  ผมอยากเป็นเทพเจ้าบ้างจัง" เดม่อนในวัยเด็กพูดขึ้นตามประสาเด็กในวัยนั้น เขาอยากจะเป็นเทพแทนจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ในหนังจริง ๆ เขาคิดว่าเทพเจ้าดูจะทรงพลังแข็งแกร่งกว่า หากเขาแข็งแกร่งเขาก็สามารถปกป้องพ่อได้


        "ลูก  เป็นเทพเจ้าไม่ได้หรอกนะ  แต่ลูกสามารถเป็นคนดีและช่วยเหลือคนอื่นได้ นั่นก็เหมือนกับเป็นเทพเจ้าแล้ว" คริสโตเฟอร์พูดตอบคำถามลูกชายตนเองก่อนจะยิ้ม "และสักวันลูกอาจจะได้เจอเทพเจ้าตัวเป็น ๆ"


        ผมยิ้มและรู้สึกดีใจที่ได้รู้จักเทพเจ้าและเรียนรู้เรื่องราวของพวกเขา ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ และในตอนนั้นผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงหรอก เด็กธรรมดาอย่างผมได้เจอเทพเจ้าเนี่ยนะ


        "พ่อ  ขอบคุณที่เล่าเรื่องเทพเจ้าให้ผมฟัง"


        "ไม่เป็นไรลูก  พ่อดีใจที่ลูกสนใจเรื่องราวเหล่านี้"


     เราคุยกันอีกสักพัก ก่อนจะเข้านอน ผมหลับไปพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย  เพราะรู้ว่า เรามักจะมีเทพเจ้าคอยปกปักษ์คุ้มครองเราอยู่เสมอ 


        ในรุ่งเช้าเดม่อนน้อยตื่นก่อนพ่อ เขาเดินไปขุ้ยของในเป้หยิบดินสอสีและกระดาษออกมาเพื่อนั่งวาดรูปต้นสนในค่ำคืนก่อนหน้านี้และภาพพ่อของเขากับตัวเขากำลังนั่งพูดคุยกัน เดม่อนที่กำลังคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น เขารู้สึกอยากจะกลับไปบ้านแล้วสิ ตอนนั้นเขาหนีเอาตัวรอดจากบ้านจนไม่มีเวลาได้ทำอะไร ไม่รู้ตอนนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง และพ่อของเขา...ตายจริง ๆ หรือเปล่านะเสียงร้องตอนนั้น หรืออาจจะรอดเพราะเขาเป็นคนธรรมดา 


 

NC
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2024-12-21 07:17:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2024-12-21 07:23








Daemon  Kannel

21 · ธันวาคม · 2024 
 · 12.00 น.

        เดม่อนที่พยายามข่มตาหลับเมื่อคืนเพียงเพราะแสงอาทิตย์ส่องสว่างทั้งวันทั้งคืนทำให้เขาต้องหยิบหมวกราชสีห์นีเมียนมาคลุมใบหน้าของเขาและพยายามนอนหลับ ก่อนเขาจะรู้สึกตัวกับเสียงเอะอะโวยวายแต่เช้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก อสุรกายคงจะไม่น่าโวยวายคงเป็นชาวค่ายสักคนมาฝึกในป่า 


        เดม่อนเริ่มได้ยินเสียงดังมากขึ้นก่อนเขาลุกพรวด ค่อย ๆ แย้มสายตามองแหวกดงใบไม้จากบนต้นไม้ สองขายืนบนต้นไม้อย่างมั่นคง เขาเห็นลาเมียสองตัวกำลังคุยเสียงดัง 


        'พวกมันดูแปลกชะมัด' เดม่อนพูดเสียงเบา ปกติอสุรกายไม่น่าจะดูเป็นกลุ่มพูดคุยหารือกันแบบนี้ 


        "นี่ แกว่านายท่านจะให้สิ่งที่เราต้องการได้จริงไหม" ลาเมียตัวหนึ่งพูดขึ้น 


        "แกไม่รู้จักเหรอ ท่านผู้นั้นเป็นถึงเทพผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเชียวนะ เจ้าไม่รู้จักเหรอ เขาคือผู้จุดชนวนสงครามแร็กนาร็อกในตำนานเก้าโลกของฝั่งเขาเลย" ลาเมียอีกตัวตอบ


        'พวกนางคุยเรื่องอะไรกัน' เดม่อนทำหน้างุงงง เขาต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงว่าเขาแอบอยู่บนต้นไม้นี้


        เดม่อนพยายามกลั้นลมหายใจชั่วครู่เพื่อไม่ให้พวกนางได้ยินเสียงหายใจของเขา แต่ดูเหมือนพวกนางไม่ยอมขยับไปไหนเลยราวกับมีแบบแผนหรือแค่มายืนเฝ้าจุดนี้ผิดแปลกจากอสุรกายปกติ


        เดม่อนตรวจเช็ดดูแหวน (ดาบเธซีอุส) ที่นิ้วของเขา เขาขยับออกมาไว้ที่ปลายนิ้วนิดนึงแต่ยังกุมไว้อยู่ เผื่อมีเหตุต้องต่อสู้ ก่อนเขาหันไปทางทิศทางของค่ายเห็นควันโขมงราวกับมีอะไรเกิดขึ้นบริเวณฝั่งของค่าย มันดูไม่ใช่เรื่องดีแน่ และลาเมียสองตัวนี้ก็ดูไม่ขยับไปไหนสักที เดม่อนไม่รีรอ เขาเป็นห่วงทางค่ายมากกว่าก่อนจะถอดแหวนและดีดขึ้นท้องฟ้า ก่อนแหวนกลายสภาพเป็นดาบแบบกรีกโบราณส่องประกายสีฟ้า


        เดม่อนคว้าดาบไว้ในมือก่อนกระโดดลงไปจู่โจมลาเมียทันที เสียงโลหะกระทบกับเกล็ดดังกังวานไปทั่วบริเวณ ดาบในตำนานของเธซีอุสฟาดฟันเข้าใส่ลาเมียตนหนึ่งอย่างรวดเร็ว คมดาบเฉือนผ่านเกล็ดแข็ง ๆ ของมัน เลือดสีดำข้นเหนียวพุ่งกระฉูด ลาเมียร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันหันขวับมาเผชิญหน้ากับเดม่อน ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว

        "เจ้าหนู...!" ลาเมียคำรามเสียงแหบพร่า "กล้าดียังไงมาขัดขวางพวกข้า!"

        "พวกเจ้ากำลังทำอะไรที่นี่?" เดม่อนถามเสียงแข็ง "เหตุการณ์ที่ค่าย เป็นฝีมือพวกแกรึเปล่า?"

        "หึหึ... เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า" ลาเมียอีกตนเลื้อยเข้ามาสมทบ "พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของนายท่าน"

        "นายท่าน?" เดม่อนขมวดคิ้ว "ใครคือ-- "

        ไม่ทันที่เดม่อนจะพูดจบ ลาเมียทั้งสองก็พุ่งเข้าโจมตีเขาพร้อมกัน เดม่อนหลบคมเขี้ยวแหลมคมและหางที่ฟาดใส่ เขาใช้ดาบปัดป้องการโจมตี แต่ลาเมียมีจำนวนมากกว่า และการเคลื่อนไหวของพวกมันก็รวดเร็วและคาดเดาได้ยาก เดม่อนเริ่มเสียเปรียบ

        "หยุด หยุด หยุดเถอะ!" เดม่อนพยายามพูดน้ำเสียงเข้มแข็งพร้อมกับใส่มนตร์มหาเสน่ห์ลงไป เพื่อพยายามสะกดจิตใจลาเมีย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ดวงตาของพวกมันยังคงแดงก่ำ ไร้ซึ่งวี่แววของความลังเลเพียงชั่วพริบตาก็ไม่มีเลย

        "เสียเวลาเปล่า" ลาเมียตนหนึ่งหัวเราะเยาะ "พวกเราได้รับคำสั่งให้ฆ่าพวกแก จะไม่มีอะไรมาหยุดพวกเราได้!"

        เดม่อนกัดฟัน เขาต้องหาทางเอาชนะลาเมียให้ได้ แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ? เขาเหลือบไปเห็นกองหินขนาดใหญ่ใกล้ ๆ ดูเหมือนจะเป็นกำปั้นซุส ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวและก็แอบขอโทษซุสที่ต้องขอยืมกองหินที่ชาวค่ายเรียกกำปั้นซุสด้วย

         เดม่อนพยายามนึกถึงบางอย่างที่คล่องแคล่วและรวดเร็ว แต่ก็มีกำลังแข็งแกร่งพอต่อสู้ได้ด้วยมนต์แปลงร่าง ก่อนร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง กลายเป็น....

     

        เสือดำคำรามลั่น พุ่งเข้าใส่ลาเมียด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ กรงเล็บแหลมคมตะปบเข้าใส่ ฉีกกระชากเนื้อหนังของลาเมียจนเป็นแผลเหวอะหวะ ลาเมียทั้งสองตกใจ พวกมันไม่คิดว่าเดม่อนจะมีพลังเช่นนี้

        เดม่อนในร่างเสือดำ ใช้ความแข็งแกร่งและความว่องไว ตะลุยเข้าโจมตีลาเมียอย่างดุเดือด เขาใช้กรงเล็บและเขี้ยว สร้างบาดแผลให้กับลาเมียทั้งสอง จนพวกมันเริ่มอ่อนแรง

        "กรี๊ดดดด! ไอเด็กบ้า ชั้นเพิ่งไปทำสปามานะย่ะ!!!" ลาเมียตนหนึ่งร้องเสียงหลง เมื่อเดม่อนกัดเข้าที่คอของมัน เลือดสีดำพุ่งทะลัก มันดิ้นรน พยายามแกะเสือดำออก แต่ไร้ผล

        เสือดำกระชากคอของลาเมีย จนขาดกระเด็น ร่างของมันแน่นิ่งไปก่อนจะสลายเป็นฝุ่นละอองสีทอง เหลือเพียงลาเมียอีกตนที่ยืนตัวสั่นเทา มองภาพนั้นด้วยความหวาดกลัว

        "อย่า... อย่าฆ่าข้า!" มันร้องขอชีวิต "ข้า... ข้าแค่ทำตามคำสั่ง!"

        เดม่อนในร่างเสือดำ จ้องมองลาเมียที่เหลือ ดวงตาสีฟ้าของเขา เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและตอนนี้เขาไม่รู้ที่ค่ายจะเป็นยังไงบ้าง ควันโขมงใหญ่โตเช่นนี้ไม่น่าใช่เรื่องดีแน่ ก่อนเขาจะคำราม เสียงดังกึกก้องและพุ่งเข้าใส่ หมายจะปลิดชีพมัน...

        ลาเมียตัวสุดท้ายกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นเสือดำพุ่งเข้าใส่ มันพยายามจะหลบหนี แต่สายเกินไป กรงเล็บของเสือดำตะปบเข้าที่กลางหลัง ฉีกกระชากเนื้อหนังจนเป็นแผลเหวอะหวะ ลาเมียร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มันดิ้นรน พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากกรงเล็บ แต่ยิ่งดิ้น กรงเล็บก็ยิ่งจิกเข้าไปลึก

        เดม่อนในร่างเสือดำ ไม่สนใจเสียงร้องขอชีวิตของลาเมีย เขากระชากร่างของมัน ลากไปตามพื้นดิน ก่อนจะเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ ร่างของลาเมียลอยละลิ่ว ก่อนจะตกกระแทกพื้น กระดูกหักดังกร๊อบ มันนอนหายใจรวยริน เลือดไหลนองเต็มพื้น

        เดม่อนเดินเข้าไปใกล้ จ้องมองลาเมียที่กำลังจะตาย ดวงตาสีฟ้าของเขา เต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่รู้สึกสงสารหรือเห็นใจ มีเพียงความโกรธและความต้องการที่จะปกป้องค่าย

        "บอกมา" เดม่อนคำรามเสียงต่ำก่อนยกเท้าขึ้นตะปบที่หน้าอกของมัน "ใครคือคนที่สั่งให้พวกเจ้ามา?"

        ลาเมียพยายามจะพูด แต่เสียงของมันแหบพร่า แทบจะไม่ได้ยิน มันชี้มือไปทางทิศตะวันตกก่อนจะขาดใจตาย ร่างกายสลายเป็นฝุ่นละอองสีทอง เช่นเดียวกับลาเมียตัวก่อนหน้า

        เดม่อนจ้องมองไปทางทิศตะวันตก ตามที่ลาเมียบอก ดูเหมือนทางทิศนี้น่าจะเป็นบริเวณเนินค่าย ใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? และทำไมถึงต้องโจมตีค่ายฮาล์ฟบลัดในเวลานี้? ถ้าเขาจำไม่ผิดวันนี้.... วันที่ทวยเทพอ่อนกำลังลงที่สุด!?

        ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว เขาต้องรีบกลับไปที่ค่าย

        เดม่อนแปลงร่างกลับเป็นมนุษย์ คว้าดาบเธซีอุสที่ตอนนี้กลับกลายเป็นแหวนสวมกลับนิ้วมือ แล้ววิ่งสุดกำลังไปทางค่าย ควันไฟยังคงพวยพุ่ง เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาเป็นระยะ เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่เขาจะต้องไปช่วยคนอื่น ๆ รับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้


สินสงคราม: เกล็ดลาเมีย 2 ชิ้น (2 ตัว)

+2 ตื่นรู้พิชิตลาเมียครั้งแรก


 

NC

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2024-12-22 00:19:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-22 00:34

55. the winter solstice waR II

-21.12.24  /  02:00PM.-


หลังจากแยกกับพวกซิลเวอร์กับจูลี่แล้ว แมคเคนซี่ก็รีบวิ่งเข้าไปในป่าต้องห้ามเพื่อไปสมทบกับ

เหล่าเดมิก็อดที่กำลังต่อสู้กับฝูงอสุรกายอยู่ จากพิ้นที่โล่งแถวถ้ำเทพพยากรณ์ ตอนนี้รอบตัวของเขาเริ่มมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมดจนแทบบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าขณะนี้เดมิก็อดหนุ่มเข้าสู่เขตป่าต้องห้ามแล้ว


เสียงการต่อสู้แว่ว ๆ ที่ดังอยู่ไม่ไกลเป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใกล้สมรภูมิรบเข้าไปทุกที แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน ปลายดาบเล่มหนึ่งพร้อกับร่างของใครบางคนพุ่งออกมาจากหลังต้นไม้ตรงมาที่แมคเคนซีด้วยความเร็วทำให้เขาต้องรีบเบี่ยงตัวหลบการโจมตีที่รวดเร็วนั้นจนหลังชนเข้ากับต้นไม้อีกต้น


“อุ๊บ ! นาย…อเล็กเซย์ ?”


“นาย…แมคเคนซี ?”


ทั้งคู่อุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน หากอีกฝ่ายไม่ยั้งดาบในมือไว้ก่อนรับรองได้เลยว่าแมคเคนซีคงได้เข้าไปนอนเล่นในห้องพยาบาลอีกรอบไม่ก็ได้ไปทัวร์ยมโลกแบบไร้ลมหายใจแทน


“ขอโทษทีเพื่อน นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”


อเล็กเซย์รีบขอโทษขอโพย พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ แมคเคนซีก็โกรธไม่ลง


“ไม่เป็นไร แค่เจ็บหลังนิดหน่อย เมื่อกี้ฉันชนต้นไม้ไปเต็ม ๆ ว่าแต่นายเถอะ มาช่วยสกัดพวก

มอนสเตอร์ที่ป่าต้องห้ามงั้นเหรอ”


บุตรแห่งเฮคาทียกมือลูบหลังป้อย ๆ ไม่ใช่แค่หลังชนต้นไม้แต่ยังกระแทกเข้ากับกระบอกซูมที่ใช้เก็บคฑาเวทย์ที่สะพายหลังอยู่ด้วย ดีที่เขาซื้อกระบอกอย่างดีมามันจึงแข็งแรงทนทานในระดับหนึ่ง


“ใช่ นายเข้าใจถูกแล้ว แต่เหมือนว่าจะมีอสุรกายหลุดมาแถวนี้ตัวนึง ฉันเห็นเข้าก็เลยตามมันมา แต่วิ่งตามได้ไม่เท่าไหร่มันก็หายไปแล้ว”


ขณะที่สรุปเหตุการณ์ ใบหน้าของอเล็กเซย์ก็ดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มือของอีกฝ่ายยังคงกำดาบแน่นเต็มไปด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา


“หายไป…มันจะเป็นไปได้ยังไง นอกจากว่ามันจะมีวิชาหายตั—-!”


ยังพูดไปทันจบทั้งคู่ก็ถูกสิ่งที่มองไม่เห็นชนเข้าอย่างแรงจนกระเด็นกันไปคนละทิศละทาง 

แมคเคนซีที่ล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นค่อย ๆ ขยับตัวจะลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่าอเล็กเซย์กำลังถูกอสุรกายร่างกายกำยำบีบคอยกร่างขึ้นจนขาลอยไม่ติดพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว


“อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !”


แมคเคนซีรีบหยิบคฑาเวทย์ออกมาแล้วร่ายเวทย์ที่จำจนขึ้นใจได้เพียงเวทย์เดียวก่อนจะชี้ปลายคฑาไปยังอสุรกายร่างฟ้าตนนั้น ลูกไฟขนาดใหญ่กว่าปกติพวยพุ่งจากปลายคฑายิงเข้าใส่ส่วนศีรษะมันทันทีจนมันคำรามร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับปล่อยร่างบุตรแห่งมหาเทพซุสร่วงลงสู่พื้น แม้ใบหน้าจะถูกเผาจนไหม้ไปกว่าครึ่ง แต่อสุรกายตนนั้นก็ยังรั้นที่จะจับอเล็กเซย์กินเป็นอาหาร จนแมคเคนซีนึกแปลกใจว่ารสชาติของบุตรแห่งมหาเทพนั้นเย้ายวนใจพวกอสุรกายขนาดนั้นเชียวหรือ แต่หากถามเขาแล้วก็คงตอบว่า “ใช่” เพราะเขาพิสูจน์มาแล้วจากบุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนยังไงล่ะ


แต่เดี๋ยวก่อน…นี่มันใช่เวลามาอวยแฟนซะที่ไหน แมคเคนซีรีบดึงสติตัวเองกลับมาแล้วใช้เวทย์เสกลูกไฟอีกลูกยิงใส่เจ้าอสุรกายร่างยักษ์ไปอีกสองสามลูกจนเปลวเพลิงแผดเผามันทั่วร่างและสลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไปตามอากาศ


“นายเป็นไงบ้าง”


แมคเคนซีรีบลุกไปดูอาการอเล็กเซย์ที่ไอโขลกจากการสำลักอากาศ เขาค่อย ๆ พยุงอีกฝ่ายมานั่งพิงต้นไม้


“เจ้าตัวเมื่อกี้ใช่ไหมที่นายบอกว่ากำลังตามมันอยู่“


”ใช่ มันคือรากษส เป็นยักษ์ของทางแถบเอเชีย ที่ฉันคลาดกับมันคงเพราะมันใช้มนตร์พรางตานี่แหละ“


เมื่อกลับมาหายใจได้ปกติ อเล็กเซย์จึงค่อย ๆ อธิบายให้ฟัง และแมคเคนซีก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าที่รอบคอของอีกฝ่ายเป็นรอยแดงจากการถูกบีบคอเมื่อครู่


“ว่าแต่นายใช้พลังเวทย์ได้แล้วเหรอ ยอดไปเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องใช้ดาบแล้วน่ะสิ”


“ยังไม่เก่งขนาดนั้น ฉันยังต้องพกดาบไปด้วย จะได้ไม่เผลอเอาคฑาเวทย์ไปฟาดพวกมอนสเตอร์ แม่ฉันบอกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเสื่อมสภาพ”


แมคเคนซีบอกแล้วเพยิดหน้าลงมายังดาบที่คาดอยู่ตรงเอว เมื่ออเล็กเซย์มองตามไปก็หลุดขำน้อย ๆ


“งั้นเอง แบบนี้ฉันก็ยังมีเพื่อนฝึกดาบอยู่ใช่ไหม นายไม่ค่อยเข้าคลาสเลย ว่าง ๆ มาเข้าเรียนเป็นคู่ซ้อมให้ฉันอีกสิ”


“ด้วยความยินดี ฉันจะหาเวลาเข้าคลาสไปฝึกดาบกับนายอีก”


“พักพอแล้ว เราไปสมทบกับพวกที่ป่าต้องห้ามกันต่อเถอะ”


แมคเคนซีเห็นแบบนั้นจึงเข้ามาช่วยพยุงอเล็กเซย์ให้ลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันจะลุกก็เหมือนมีบางอย่างบินโฉบผ่านศีรษะพวกเขาไป


“อ..อะไรน่ะ”


เมื่อมองตามทิศทางของสิ่งที่เพิ่งบินผ่านพวกเขาไป แมคเคนซีก็เห็นอสุรกายตนหนึ่งที่สวมหน้ากาก รูปร่างเหมือนคนแต่กลับมีปีกเหมือนนกและส่วนเท้ามีลักษณะเหมือนกรงเล็บเหยี่ยว


“เท็งงุ อสุรกายของทางฝั่งเอเชียเหมือนกัน นายระวังไว้นะเจ้านี่สามารถเรียกพายุได้ เชี่ยวชาญเรื่องมนตร์มายา แล้วก็มีพละกำลังมากหมือนเจ้าตัวเมื่อกี้เลย”


อเล็กเซย์บอกพลางใช้ดาบค่อย ๆ ยันร่างตัวเองให้ยืนขึ้นแล้วชี้ปลายดาบไปยังเท็งงุตนนั้น ไม่รู้ว่าแมคเคนซีรู้สึกไปเองไหมว่าแม้จะผ่านการโดนทำร้ายจนบาดเจ็บมาแต่อีกฝ่ายก็ยังดูมีกำลังเหลือล้นอยู่ หรือว่านี่จะเป็นพลังของบุตรแห่งมหาเทพซุสกันนะ


“ฝั่งเอเชียอีกแล้วเหรอ…นี่มันมหกรรมความร่วมมือระหว่างมอนสเตอร์ระดับทวีปหรือไง”


แมคเคนซีเลิกคิ้ว นึกแปลกใจว่า ‘ไอ้โลกิเวรตะไล’ ที่ซิลเวอร์พูดถึงมีอำนาจมากมายขนาดไหนถึงได้ชักจูงอสุรกายจากทั่วทุกมุมโลกมายังที่นี่ได้


พรึ่บ !


มัวคิดไร้สาระได้ไม่นานก็ต้องยกแขนขึ้นมาบังส่วนหน้าเอาไว้เมื่อเท็งงุตนนั้นกระพือปีกเรียกพายุมาทำให้พวกเขาทั้งสองแทบยืนไม่ติดพื้น


“ระวังนะแมคเคนซี หาที่หลบไว้ !”


อเล็กเซย์ตะโกนบอกเขาก่อนจะใช้พลังอะไรบางอย่างรวบรวมลมพายุที่เท็งงุตนนั้นสร้างขึ้นจนเป็นก้อนกลมเหมือนลูกบอลแล้วบังคับให้มันพุ่งอัดเข้าไปที่อสุรกายบินได้ตนนั้นจนมันร่วงลงมาบนพื้น


“ตอนนี้ล่ะแมคเคนซี จัดการมันแทนฉันที”


อเล็กเซย์หันมาบอกเขาอีกครั้ง ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูท่าจะเหนื่อยสะสมจากการต่อสู้ก่อนหน้านั้นที่ยาวนาน ซ้ำยังต้องมาใช้พลังสายเลือดในยามนี้อีก แมคเคนซีจึงไม่รอช้า รีบร่ายคาถาเวทย์ไฟอีกครั้งแล้วเล็งปลายคฑาเวทย์ส่งเปลวเพลิงไปเผาเท็งงุตนนั้นให้มอดไหม้จนกลายเป็นผงธุลีเหลือเพียงแค่หน้ากากไว้เป็นสินสงคราม


“อา…เหนื่อยชะมัด ฉันคงต้องพักตรงนี้แป๊บนึงแล้วสิ”


บุตรแห่งมหาเทพซุสถอนหายใจยาวก่อนจะทิ้งตัวนั่งพิงต้นไม้อย่างหมดเรี่ยวแรง


“นายอยู่ได้เหรอ ให้ฉันอยู่ด้วยก่อนไหม เผื่อมีมอนสเตอร์หลุดมาตรงนี้อีก”


แมคเคนซีถามอย่างเป็นห่วง แต่อเล็กเซย์กลับส่ายศีรษะยิ้ม ๆ


“ไม่เป็นไร ตรงนั้นต้องการนายมากกว่า ฉันพักแค่ไม่นานอีกเดี๋ยวจะตามไป”


“โอเค งั้นนายระวังตัวด้วยนะอเล็กเซย์”


แมคเคนซีบอกแล้วเก็บคฑาเวทย์ใส่กระบอกซูมสะพายหลังไว้ตามเดิม เตรียมออกเดินทางไปยังจุดที่สู้รบกันต่อ


 “เดี๋ยวก่อนแมคเคนซี….”


เสียงเรียกของอเล็กเซย์รั้งให้เขาหันกลับมามองอีกครั้งด้วยความสงสัย


“ฉันบอกนายไปหรือยัง ว่านายทำผมสีบรอนซ์ทองแล้วโคตรดูดี”


เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะระหว่างพวกเขาทั้งสอง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ


“ขอบคุณที่ชม นายรีบตามมาล่ะ ถ้าชักช้าฉันไม่ไปเป็นคู่ซ้อมดาบให้นะ”


จบประโยคนั้นแล้วแมคเคนซีก็ออกตัววิ่งลึกเข้าไปด้านในของป่าต้องห้ามต่อ




ตื่นรู้ +2   จากการพิชิต รากษส เป็นครั้งแรก

สินสงคราม  : หน้ากากรากษส

ตื่นรู้ +2   จากการพิชิต เท็งงุ เป็นครั้งแรก

สินสงคราม   หน้ากากเท็งงุ


 


@God


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-22 13:10:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-23 17:24

56. The winter solstice war III

-21.12.24  /  03:45PM.-


หลังแยกกับอเล็กเซย์บุตรแห่งมหาเทพซุสได้พักหนึ่ง ตอนนี้แมคเคนซีก็มาสบทบกับกองกำลัง

เดมิก็อดที่กำลังต่อสู้กับฝูงอสุรกายที่พากันออกมาจากประตูมิติไม่หยุดหย่อน หากไม่มาเห็นกับตาตนเองก็คงไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีสัตว์ประหลาดดุร้ายมากมายขนาดนี้ บุตรแห่งเฮคาทีใช้ทั้งดาบและคฑาเวทย์สลับกันไปในการต่อสู้ตามแต่ละสถานการณ์ แม้ประเมินด้วยสายตาและคำบอกเล่าจากเดมิก็อดบ้านเฮอร์มีสที่คอยมาแจ้งข่าวเป็นระยะแล้ว พื้นที่ป่าต้องห้ามถือว่ามีจำนวนศัตรูไม่มากเท่าตรงหน้าประตูค่ายที่มีโลกิผู้เป็นแกนนำเริ่มศึกสงครามครั้งนี้คอยต่อสู้กับรูปปั้นอะธีนา พาร์เธนอนที่คอยปกป้องค่าย และตรงชายหาดซึ่งเป็นพื้นที่เปิดติดต่อกับโลกภายนอกก็ตาม ดังนั้น กำลังคนจึงมีลดน้อยตามลงไปด้วย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จึงมีแค่การสู้สุดกำลังเพื่อ

ไม่ให้พวกอสุรกายบุกทะลวงฝ่าเข้าไปถึงตัวค่ายได้เท่านั้น


“ช..ช่วยด้วย ! อ๊ากกก !”


เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังมาจากตรงจุดไม่ใกล้ไม่ไกลที่แมคเคนซีอยู่ เมื่อหันไปตามเสียงนั้นก็เห็นเดมิก็อดหนุ่มคนหนึ่งที่ขามีรอยกัดของสัตว์ใหญ่จนเป็นแผลเหวอะหวะน่ากลัว ซึ่งสัตว์ตัวที่ว่านั่นก็คือสิงโตตัวใหญ่ยักษ์ที่แมคเคนซีคุ้นเคยดี


“สิงโตนีเมียน…”


ภาพของออมเล็ต ลูกสิงโตนีเมียนที่คนรักของเขาเลี้ยงไว้โผล่เข้ามาในหัว รวมถึงภาพวันที่เขากับดีนนั่งคุยกันตรงทะเลสาบ วันนั้นอีกฝ่ายเล่าว่ารู้สึกเสียใจมากที่ต้องสังหารสิงโตนีเมียนเพื่อให้ผ่านการทดสอบของทางค่าย ซึ่งเขาก็ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมันไวขนาดนี้ แม้ว่าแมคเคนซีเองก็เป็นคนรักสัตว์เหมือนกัน แต่สิงโตตัวนี้คืออสุรกาย และเขาไม่สามารถทนมองดูอสุรกายสังหารใครได้ต่อหน้าต่อตา


“อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !”


ลูกไฟจากคฑาคบเพลิงถูกยิงเข้าไปตรงกลางลำตัวสิงโตนีเมียนที่จ้องจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า และมันก็เป็นอย่างที่ดีนเคยพูดไว้จริง ๆ ขนและหนังของมันแข็งแกร่งราวกับเสื้อเกราะ แม้แต่ไฟจากพลังเวทย์ของเขาก็เพียงแค่ทำให้มันรู้สึกระคายตัวเท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าดีที่เจ้าสิงโตยักษ์นั่นเปลี่ยนเป้าหมายจากผู้บาดเจ็บมาเป็นเขาแทน 


“พวกนายรีบพาเขากลับไปห้องพยาบาลก่อน ! ตรงนี้ฉันจัดการเอง !”


แมคเคนซีรีบหันไปบอกคนแถวนั้นที่ดูเหมือนจะอยากเข้ามาช่วยแต่ก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อเห็นว่ามีคนจะรับมือกับอสุรกายแสนดุร้ายตัวนี้แล้ว พวกเขาจึงรีบช่วยกันพาคนเจ็บกลับค่ายทันที


“กรรรรร….”


เมื่อประจัญหน้ากัน สิงโตนีเมียนก็มองจ้องแมคเคนซีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มันคงโกรธที่เขาเข้าไปขัดจังหวะแล้วทำให้เหยื่อหนีไป และอาหารอันโอชะรายต่อไปของมันก็คงไม่พ้นเขานี่แหละ


“โฮกกกก !!”


ทันใดนั้นร่างใหญ่โตของปิศาจสิงโตก็พุ่งกระโจนใส่ด้วยพละกำลังมหาศาลจนแมคเคนซีล้มกลิ้งไปกับพื้นแล้วใช้อุ้งเท้าของมันเหยียบเข้าที่อกของเขาจนขยับเขยื้อนไม่ได้


“อึก….”


แมคเคนซีกัดฟันข่มความรู้สึกจุกแน่นที่อกจากการโดนเหยียบเอาไว้ สายตามองหาวัตถุใกล้มือที่พอจะต่อกรกับมันได้


“อินคันทาเร แอ๊กซิมัส !”


โล่ของใครสักคนที่ถูกวางทิ้งไว้แถวนั้นลอยมาเข้ามือแมคเคนซีป้องกันเขาจากคมเขี้ยวของสิงโตนีเมียนที่กำลังแยกเขี้ยวเตรียมขย้ำเขากินเป็นอาหารได้ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ต้องขอบคุณ

จูลี่น้องชายของเขาที่สองสามวันมานี้เด็กชายมักจะใช้เวทย์นี้หยิบของต่าง ๆ ตอนปรุงยาสมุนไพรจนเขาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่จำได้ขึ้นใจ จากนั้นก็พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามดันโล่ให้หน้าของมันออกห่างจากระยะอันตราย ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเริ่มหงุดหงิดเต็มทีที่เหยื่อรายนี้ฤทธิ์เยอะเหลือเกินจึงยกอุ้งเท้าขึ้นหมายจะตะปบเหยียบอีกทีให้สิ้นใจ แมคเคนซีเห็นดังนั้นจึงใช้จังหวะที่มีอยู่น้อยนิดยกคฑาเวทย์ขึ้นชี้ไปตรงอุ้งเท้าของมัน


 “อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !”


ลูกไฟลูกใหญ่ถูกยิงออกมาจากปลายคฑาอีกครั้ง คราวนี้มันพุ่งเข้าใส่อุ้งเท้าของเจ้าสิงโตยักษ์

จัง ๆ จนมันคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากโดนโจมตีเข้าตรงจุดอ่อน แมคเคนซีอาศัยโอกาสนี้กลิ้งตัวหลบออกมาใช้โล่คำยันกับพื้นช่วยประคองตนเองให้ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาคุกเข่า 

จากคำบอกเล่าของดีนในการสังหารอสุรกายตัวนี้มันทำให้เขาตั้งใจว่าจะจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นภาพเวลามันทรมานทุรนทุรายให้ต้องเจ็บปวดใจ


เวทย์ไฟถูกเสกออกไปอีกครั้ง คราวนี้มันพุ่งตรงอัดเข้าไปในปากของสิงโตนีเมียนที่กำลังร้องครวญครางจากแผลแรกที่อุ้งเท้าจนร่างหงายแล้วร่างของมันก็ค่อย ๆ สลายไปเหลือเพียงหนังทิ้งไว้กลายเป็นสินสงคราม


“แฮ่ก…แฮ่ก…แค่ก ๆ !”


หลังจากการต่อสู้จบลง แมคเคนซีทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พ่นลมหายใจแรงปนหอบด้วยความเหนื่อย ความรู้สึกจุกที่อกยังหลงเหลืออยู่จนเขาไอออกมาทุกครั้งที่หายใจเอาอากาศเข้าไป


แกรกกก ! แกรกกกก !


เสียงใบไม้แห้งบนพื้นดังขึ้นแล้วลอยต่ำ ๆ ราวกับมีสายลมพัดเบา ๆ แต่หากดูดี ๆ กลับไม่ใช่…มันเหมือนมีใครกำลังวิ่งวนอยู่รอบตัวเขามากกว่า แน่นอนว่าแมคเคนซีไม่ลืมแม้สักวินาทีว่าเขากำลังอยู่ในสนามรบ ทุกอย่างรอบตัวย่อมไม่อาจไว้วางใจได้ บุตรแห่งเฮคาทีกำคฑาเวทย์ในมือแน่น ดวงตาสีฮาเซลไล่มองตามสิ่งที่เขาคิดว่าเป็น ‘ฝีเท้าของใครสักคน’ ผ่านเสียงใบไม้แห้งที่ดังใกล้ตัวเขามามากขึ้นเรื่อย ๆ


“นั่นใคร…!?”




ตื่นรู้ +2   จากการพิชิต ราชสีห์นีเมียน เป็นครั้งแรก

สินสงคราม  :  หนังราชสีห์นีเมียน




@God

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-23 01:34:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-23 17:23

57. The winter solstice war Iv

-21.12.24  /  04:15PM.-


“นั่นใคร…!?”


แมคเคนซีตวาดถามลั่น เวลานี้เขามั่นใจเหลือเกินว่าร่างที่กำลังวิ่งอยู่รอบตัวเพื่อปั่นประสาทเขานั้นไม่ใช่ ‘มนุษย์’


“ฮ่ะ ๆ…ฮ่า ๆๆ รู้ตัวไวดีนี่”


เสียงหัวเราะน่าขนลุกสะท้อนก้องจนเดมิก็อดที่อยู่บริเวณนั้นชะงักค้างกันไปหมด เสียงใบไม้แห้งถูกเหยียบดังกรอบแกรบไล่มาหยุดอยู่ตรงหน้าแมคเคนซี จากนั้นก็มีร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น


“นั่นมัน…แร็กนาร์ !”


เสียงของใครคนหนึ่งในที่นั้นตะโกนขึ้นมาสร้างความแตกตื่นในหมู่เดมิก็อดไม่น้อย


“ลูกของเทพโลกินี่ มาด้วยงั้นเหรอ จัดการมันก่อนเลยไหม”


เสียงซุบซิบยังคงเข้าหูอย่างต่อเนื่อง ‘โลกิ’ แมคเคนซีจำชื่อนี้ได้ เจ้าของชื่อที่ซิลเวอร์พี่ชายของเขาบอกว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ทั้งหมด เดมิก็อดแห่งบ้านเฮคาทีที่นั่งอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองบุตรแห่งเทพโลกิที่กำลังมองมาที่เขาเช่นกันด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันจนต้องรีบขยับลุกขึ้นยืนแม้จะยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้างก็ตาม


“เจ้าพวกนั้นมันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ว่าไหม…”


ดวงตาสีเขียวมรกตมองผ่านไหล่แมคเคนซีไปยังกลุ่มเดมิก็อดที่อยู่ด้านหลัง เพียงแค่ดีดนิ้วทีเดียวฝูงกูลก็วิ่งกรูมาจากไหนไม่รู้แล้วโจมตีกลุ่มครึ่งเทพพวกนั้นจนไม่มีเวลามาสนใจพวกเขาอีก


“ฉันจัดของเล่นที่เหมาะสมให้พวกนั้นแล้ว ส่วนนาย…มาเล่นกับฉัน”


แมคเคนซีมุ่นคิ้วมองรอยยิ้มเยือกเย็นของร่างตรงหน้า ให้ตายสิ…เขารู้สึกไม่ชอบหน้าหมอนี่ชะมัด พอเป็นแบบนี้แล้วการกระทำก็มักจะไปไวกว่าความคิดเสียด้วย มือข้างที่ว่างชักดาบที่เอวออกมาแล้วตวัดดาบฟันแร็กนาร์ทันทีพร้อม ๆ กับร่างที่หายวับไปเหลือแต่เพียงอากาศให้แมคเคนซีหงุดหงิดใจเล่น


“ฮ่ะ ๆๆ ใจร้อนซะจริงลูกเทพีเฮคาที แม่นายชอบหมาใช่ไหม งั้นนายก็เล่นกับหมาซะหน่อยสิ”


น้ำเสียงยียวนดังก้องแต่กลับหาเจ้าของเสียงไม่ได้ ฉับพลันดวงตาสีฮาเซลก็สังเกตเห็นใบไม้บนพื้นดังกรอบแกรบอีกครั้งราวกับมีคนกำลังเหยียบย่ำ แมคเคนซีรีบตามไปแต่กลับโดนสุนัขล่าเนื้อเส้นขนสีดำสนิทขนาดใหญ่โดดเข้ามาขวางไว้เสียก่อน


“ทำความรู้จักกันไว้ อีกไม่นานนายต้องให้เฮลฮาวนด์ช่วยนำทางไปหาแม่ที่ยมโลกแล้ว”


สิ้นเสียงแร็กนาร์ สุนัขเฮลฮาวนด์ตัวใหญ่ที่กำลังจ้องแมคเคนซีด้วยดวงตาอันแดงก่ำของมันก็พุ่งตัวเข้าใส่ ด้วยความเร็วและพละกำลังของมันทำให้เดมิก็อดหนุ่มต้องรีบหยิบโล่ที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาป้องกันตนเองอีกครั้ง


“ฮื่ออออ โฮ่ง ! โฮ่ง ๆ !”


เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าหนึ่งในสัญลักษณ์แทนตัวผู้เป็นมารดาของตนคือสุนัขที่เป็นสัญลักษณ์แทนวิญญาณและความมืด แมคเคนซีเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่เจ้าเฮลฮาวนด์ตัวนี้ไหม หากสังหารสุนัขประจำยมโลกแล้วผู้เป็นแม่จะไม่พอใจเขาหรือเปล่า


“เฮ้ ! ใจเย็นก่อน ฉันไม่อยากทำร้ายแกนะ”


ไม่รู้ว่ามันฟังรู้เรื่องไหม แต่แมคเคนซีก็ไม่อยากทำร้ายมัน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นอสุรกายแต่รูปร่างของเฮลฮาวนด์ก็เหมือนสุนัขเสียเหลือเกิน และดูเหมือนว่าเจ้าสุนัขจากยมโลกจะไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย มันยังคงใช้แรงกำลังบุกโถมเข้าใส่อย่างไร้สติหมายจะขย้ำเขาให้ได้สมชื่อกับสุนัขล่าเนื้อ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงยื้อไว้ไม่ได้นาน มือที่ถือโล่หนักกว่าเจ็ดกิโลกรัมก็เริ่มจะอ่อนแรงเต็มที สุดท้ายแมคเคนซีจึงต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุด ปลายดาบสัมฤทธิ์แทงเข้าที่สีข้างของเฮลฮาวนด์จนมิดด้าม เจ้าสุนัขแห่งยมโลกร้องเสียงหลงก่อนที่ร่างจะสลายเป็นผุยผงไป


“โอ้ ไม่เลวนี่ นายฆ่ามันไปแล้ว ทีนี้จะบอกแม่ยังไงดีล่ะ”


ร่างของแร็กนาร์ปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายปรบมือเปาะแปะราวกับเพิ่งได้ชมการแสดงอันยอดเยี่ยมจบ ซ้ำยังพูดจากวนประสาทจนแมคเคนซีต้องขบกรามด้วยความโกรธ


“แก……”


เดมิก็อดหนุ่มรีบวิ่งไปหมายจะจัดการบุตรแห่งเทพโลกิ แต่ก็เหมือนเดิม เมื่อใกล้ประชิดตัวอีกครั้งแร็กนาร์ก็หายไป และกลับกลายเป็นอสุรกายตัวใหญ่อีกตัวที่พุ่งเข้ามาจะโจมตีเขา


“……….”


เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์มันใกล้ ๆ แม็คเคนซีก็ถึงกับผงะไป จะว่ายังไงดี…หากให้อธิบายคงเหมือนอสุรกายข้ามสายพันธุ์ที่ตัวของมันมีทั้งหัวสิงโต ร่างกายเป็นแพะและมีหัวแพะงอกออกมา ส่วนที่หางก็เป็นอสรพิษที่พร้อมจะฉกและกัดเขาตลอดเวลา


“เจ้าหมานั่นมันง่ายไป ลองเล่นกับไคเมร่าดูหน่อยเป็นไง”


เสียงแร็กนาร์ดังขึ้นอีกครั้งจนแมคเคนซีเริ่มหัวเสีย แต่ก่อนอื่นเขาต้องกำจัดอสุรกายตรงหน้านี้ก่อน ซึ่งมันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน แม้อสุรกายทั้งสามหัวจะมีความคิดเป็นของตัวเองจนดูไม่สามัคคีกันไปบ้างก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังทำงานเป็นทีมอยู่โดยหัวสิงโตจะคอยระแวดระวังภัย หัวแพะก็คอยพ่นไฟ และหัวอสรพิษก็พร้อมจะกัดและพ่นพิษใส่ตลอดเวลา จนเขาไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลย


“แม่งเอ๊ย…”


แมคเคนซีพึมพำพลางคิดว่าจะใช้วิธีไหนจัดการกับมันดี แต่ไคเมร่าก็ไม่ปล่อยให้เขาได้คิดนาน หัวที่เป็นงูของมันพยายามฉกหวังปลิดชีพด้วยพิษร้ายแรงให้ถึงตายแต่เดมิก็อดหนุ่มก็ไวไม่แพ้กันยกดาบในมือขึ้นตวัดฟันคอมันจนหัวอสรพิษขาดออกจากลำตัว


“ชิบเป๋ง…มือลั่น”


เมื่อหายไปหัวนึงก็ยิ่งเหมือนจะทำให้ไคเมร่ายิ่งโกรธจัด หัวแพะของมันพ่นไฟใส่แมคเคนซีจนต้องรีบหลบกันจ้าละหวั่น คราวนี้ยิ่งไม่ต้องหวังเลยว่าจะจัดการระยะประชิดได้เหมือนเมื่อครู่ มันคงไม่ปล่อยให้เขาได้มือลั่นเป็นครั้งที่สอง


ตอนนี้เขามาหลบอยู่ที่หลังต้นไม้ พอเก็บดาบแล้วก็พยายามหาของติดตัวอื่น ๆ ที่คิดว่าพอจะใช้ได้จนมาเจอเข้ากับบางสิ่งในกระเป๋ากางเกง


”น้ำหอม…?“


เมื่อหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นขวดน้ำหอมที่ซิลเวอร์ฝากเขาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลังคิดอะไรบางอย่างออก


”ขอยืมก่อนนะซิลเวอร์ แล้วผมจะซื้อขวดใหม่มาคืน…“


แมคเคนซีกำขวดน้ำหอมในมือแน่น มืออีกข้างก็หยิบคฑาเวทย์ออกมาเตรียมพร้อม เขามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวที่จะกำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งตนนี้


”เฮ้ ! ทางนี้ !“


เขาโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ เมื่อไคเมร่าหางกุดเห็นเข้าก็ไม่รอช้ารีบวิ่งมาทางนี้ทันที แมคเคนซียืนรอให้มันวิ่งมาจนถึงระยะที่เหมาะสม เสียงคำรามของหัวราชสีดังลั่นพร้อมกับหัวแพะที่ตั้งท่าจะพ่นไฟใส่


”เอาไปกินซะ !“


แมคเคนซีกระโดดหลบไปด้านข้างพร้อมกับโยนขวดน้ำหอมในมือเข้าไปในปากของหัวสิงโต


”อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !“


ปลายคฑาเวทย์ชี้ไปยังไคเมร่า ลูกไฟพุ่งตามออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อความร้อนของเปลวเพลิงสัมผัสเข้ากับแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นส่วนผสมในน้ำหอมก็เกิดระเบิดขนาดย่อมขึ้น ร่างของไคเมร่าแตกกระจายจากแรงระเบิดก่อนจะกลายเป็นฝุ่นผงที่เหลือทิ้งไว้แค่สินสงคราม


“เฮ้อ…….”


แมคเคนซีถอนหายใจค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องหัวปั่น


“ออกมาแร็กนาร์ ฉันพร้อมเล่นกับนายแล้ว”




ตื่นรู้ +2  :  จากการพิชิต เฮลฮาวนด์ เป็นครั้งแรก

สินสงคราม  :  เขี้ยวเฮลฮาวนด์

ตื่นรู้ +2   จากการพิชิต ไคเมร่า เป็นครั้งแรก

สินสงคราม  :  เขี้ยวสิงโต


 


@God


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-23 13:22:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-23 17:23

58. The winter solstice War V

-21.12.24  /  05:00PM.-


“ออกมาแร็กนาร์ ฉันพร้อมเล่นกับนายแล้ว”


………..


มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ เสียงใบไม้กรอบแกรบรอบตัวหายไป มีเพียงเสียงสู้รบของเหล่าเดมิก็อดกับอสุรกายมาแทนที่ แร็กนาร์อาจเล่นสนุกกับเขาเพียงพอแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องไปช่วยคนอื่นสู้รบต่อ


“แมคเคนซี !”


เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เบิกตาโพลง


“ดีน ! นายมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”


แมคเคนซีรีบวิ่งมาหาบุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนผู้เป็นที่รัก แม้ต้องต่อสู้กับอสุรกายมากมายแต่ภายในใจของเขาก็นึกเป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่ตลอด


“ฉันอยู่ตรงนี้นานแล้ว อสุรกายเต็มไปหมด ขอโทษนะยอดรักที่ผละมาหานายไม่ได้เลย”


ดีนพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แมคเคนซียิ้มเล็กน้อยพลางส่ายศีรษะไม่ถือโทษ สองมือประคองแก้มของใบหน้าคมคายไว้


“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย ฉันเข้าใจ ตอนนี้เราต้องจัดการปัญหาตรงหน้ากันก่อน”


บอกพลางสำรวจบาดแผลตามร่างกายของคนตรงหน้าไปด้วย แม้จะเป็นคนร่างกายแข็งแรง แต่เวลาต่อสู้ดีนมักจะทุ่มสุดตัวจนได้แผลมาบ่อย ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน


“โอ้ พระเจ้า นายบาดเจ็บ”


แมคเคนซีถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นแผลคล้ายรอยถูกแทงตรงแถวหน้าท้องของดีน เลือดสีแดงสดไหลออกจากบาดแผลจนเนื้อผ้าบริเวณนั้นของเสื้อเปียกชุ่มไปหมด


“ฉันพลาดท่าให้มันนิดหน่อย ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น…”


บุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนยิ้มให้บาง ๆ แต่ใบหน้าเริ่มซีดเผือดจากการเสียเลือดมากจนเขาเริ่มใจเสีย


“อดทนไว้ก่อน ฉันจะพานายไปห้องพยาบาล ไม่สิ แถวนี้มีพวกบ่อน้ำ แม่น้ำ หรือน้ำตกอะไรก็ได้ไหม”


เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงลูกของมหาเทพแห่งสายน้ำ สามารถใช้น้ำรักษาอาการบาดเจ็บได้ แมคเคนซีก็รีบเปลี่ยนแผน มองหาแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใกล้ที่สุดทันที แต่ดีนกลับดึงเขามากอดเอาไว้เสียอย่างนั้น


“แมคเคนซี ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว ยาหยี…นายช่วยพาฉันไปห้องพยาบาลที่ค่ายที”


“……….”


มาถึงตรงนี้แมคเคนซีเงียบไปเล็กน้อย นึกตะหงิดใจแปลก ๆ ทั้งการมีตัวตนอยู่ตรงนี้ของอีกฝ่ายที่ไม่น่าเป็นไปได้ หากดีนอยู่ที่ป่าต้องห้ามแต่แรก ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางผู้คนหรือฝูงอสุรกายมากมายขนาดไหน เขาเชื่อมั่นมากว่าตัวเองจะเห็นดีนก่อนใคร ๆ ทั้งยังอาการบาดเจ็บนี่อีก เขารู้ว่าแม้อีกฝ่ายจะกลัวเลือดแต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังคนเช่นนี้ดีนจะรีบหาทางรักษาตัวเองให้หายและกลับมาสู้ต่อ…เพราะหมอนั่นก็เป็นคนแบบนี้ ถึงจะไม่ชอบสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากทุกที


...เป็นนิสัยที่ทั้งน่าหงุดหงิด แต่ก็ทำให้เขารักและภูมิใจในตัวอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน...


“โอเค…ฉันจะพานายไปเอง”


เรียวแขนข้างนึงลูบหลังร่างที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของตนเบา ๆ เพื่อปลอบโยนแล้วโอบประคองไว้


“แต่พาไปนรกนะ…ไอ้เวรแร็กนาร์”


จบประโยคแมคเคนซีก็ชักดาบมาแทงซ้ำเข้าแผลปลอม ๆ ตรงหน้าท้องอีกฝ่ายทันที ร่างตรงหน้าผละออกมาเบิกตาโพลงมองเขา ดวงตาสีเปลือกไม้ของดีนที่เขาแสนหลงใหลกลายเป็นสีเขียวมรกต


”จำใส่หัวไว้…เวลาอยู่ด้วยกันดีนไม่เคยเรียกชื่อเต็มฉัน“


มือที่โอบหลังอีกฝ่ายคลายออกมาช่วยอีกมือกุมด้ามดาบสัมฤทธิ์ไว้แล้วออกแรงกดจนดาบเสียดแทงร่างตรงหน้าเข้าไปครึ่งด้าม ใบหน้าคมคายฉบับหนุ่มละตินที่มองไม่เคยเบื่อค่อย ๆ กลับกลายเป็นใบหน้าขาวซีดของบุตรแห่งเทพโลกิซึ่งไร้เสน่ห์สำหรับเขา


”สุดท้าย…ดีนไม่ขี้ขลาดแบบแก และเคยไม่ใช้คำเชย ๆ แบบนั้นกับฉัน มันไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่ซะ !“


คมดาบถูกกดเข้าไปอีกครั้งจนมิดด้าม ร่างตรงหน้ากลับมาเป็นร่างเดิมของแร็กนาร์โดยสมบูรณ์ ถึงกระนั้นใบหน้าซีดเผือดก็ยังแสยะยิ้มน่าขยะแขยงให้


”แล้วแกชอบไหมล่ะ ละครน้ำเน่าฉากนี้ของฉัน ฉันแม่งโคตรสนุกเลยว่ะ ฮ่ะ ๆๆ“


สิ้นเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจชวนปวดประสาท ร่างของแร็กนาร์ก็มืดลงเหมือนเงาแล้วสลายหายไป


”สนุกกับผีน่ะสิ…“


แมคเคนซีสบถแล้วถอนหายใจยาว นึกถึงคนรักที่บุตรแห่งเทพโลกิเพิ่งใช้จำแลงมาปั่นหัวไปก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นมา ป่านนี้ไปสู้รบอยู่ตรงไหนกันนะ


”ยอดรัก…ยาหยี เชยชะมัด“


พอนึกไปว่าถ้าดีนเรียกเขาด้วยสองคำนี้จริง ๆ แล้วก็รู้สึกขนลุกแปลก ๆ แมคเคนซีรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นแล้วรีบไปช่วยเดมิก็อดคนอื่นต่อสู้กับฝูงอสุรกายที่พากันออกมาจากรอยแยกของประตูมิติต่อ




กำจัดเงาแร็กนาร์  :  ดรอปไอเท็ม xxx




@God

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้