091
พิชิตราชสีห์นีเมียน
TW: มีฉากเลือดสาด
หลังจากที่ไปแจ้งกับบ้านใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าวันนี้เขาจะเข้าสอบเลื่อนระดับในบททดสอบของไครอนครั้งที่สอง (ส่วนครั้งแรกช่างมันไป) ดีนก็แต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อรับศึกใหญ่ คล้ายคำขู่ ไครอนบอกกับเขาว่าราชสีห์นีเมียนจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
‘ยังมีอะไรที่น่ากลัวแม่มดดำอีกเหรอ!?’
ดีนแทบจะกรีดร้องออกมา แต่ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อแซเทอร์ผู้ช่วยยามคับขันเข้ามาประกบตัว ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กชายผิวดำอายุสิบสามปี ผมทรงแอฟโฟรฟูฟ่อง สวมแว่นตาหนาเตอะค่อนข้างเป็นที่คุ้นตา แซเทอร์ตนนั้นคือ บ๊อบบี้ เพื่อเก่าสมัยเกรดเจ็ด ซึ่งหมอนี่ก็ยังไม่ยอมพูดกับเขาเหมือนเดิม
หนึ่งเดมิก็อดหนึ่งแซเทอร์เดินทางมาถึงป่าต้องห้าม ดีนไม่เคยเข้าไปในนี้มาก่อน เพียงแค่เฉียด ๆ ตอนวิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าก็ได้กลิ่นอายไม่น่าเข้าใกล้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนชอบแหกคอกอย่างเช่นปีนออกจากหน้าต่างชั้นสองของบ้านหลังสามทุ่มเพื่อไปปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน แอบกินขนมในห้องเรียน แอบโดดเรียนวิชาวรรณกรรมที่เขาไม่ชอบไปนอนห้องพยาบาล แต่ดีนก็เป็นคนรักตัวกลัวตายพอที่จะไม่ทำตัวเป็นตัวละครเอกในหนังหรือนิยายบางเรื่องที่ชอบเอาตัวเข้าไปสุ่มเสี่ยงในที่อันตราย บอกได้เลยว่าถ้าอยู่ในหนังสยองขวัญเขาจะเป็นผู้ที่รอดตายแน่ ๆ เพราะไม่หลงไปตามเสียงเรียกยามค่ำคืน แน่นอนว่าตัวเขาคงเอาแต่คลุมโปงสั่นดิ๊ก ๆ ใต้ผ้าห่มบนเตียงนุ่มอันแสนปลอดภัย
ส่วนป่าใหญ่ตรงหน้าที่ดูมืดครึ้มแฝงกลิ่นอายอันตรายออกมาตลอดเวลา ด้านในนี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมายทั้งสัตว์ป่าและอสุรกาย ‘ป่าต้องห้าม’ ก็ควรจะเป็นป่าต้องห้ามไม่ควรที่จะต้องเข้าไปในนั้นเลยจริง ๆ แค่รู้ว่าต้องเข้าไปทำอะไรน้ำลายที่กลืนลงคอก็ยังรู้สึกว่าเหนียว
“ที่นี่น่ากลัวจัง นายเคยเข้าไปในนี้หรือเปล่าบ๊อบบี้?”
ดีนหันไปทางแซเทอร์เพื่อนเก่าที่รูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายไม่ได้โตขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้แซเทอร์นำทางของเขาตัวสั่นงันงกเผลอ ๆ จะกลัวยิ่งกว่าชายหนุ่มเสียอีก บ๊อบบี้ทำท่าจะวิ่งหนีเขาได้ตลอดเวลาหากมีภัยอันตรายมาถึง เรียกได้ว่าเป็นแซเทอร์ที่สอบตกทุกข้อ ดีนไม่มั่นใจว่าถ้าเขาถูกราชสีห์ทำร้ายจนสลบตัวเองจะถูกพาออกจากป่าต้องห้ามอย่างปลอดภัยหรือว่าเขาจะกลายเป็นอาหารกลางวันของสิงโตตัวมหึมากันแน่ บางทีอีกฝ่ายอาจจะถูกเรียกมาเพื่อทำหน้าที่เดียวคือเป็นพยานการตายของเขาก็เป็นได้
นี่เขาต้องจับอีกฝ่ายมัดเอาไว้กับตัวหรือเปล่านะ? เป็นเรื่องที่น่าคิด…
“เอ่อ.. นายไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะรีบจัดการธุระให้เสร็จจากนั้นเราก็ออกมากัน”
บ๊อบบี้พยักหน้าหงึก โดยที่ดีนได้ยินเสียงฟันฟางของอีกฝ่ายกระทบกันแม้ว่าเขาจะยืนห่างจากอีกฝ่ายถึงสองหลา
“เอาวุ้ย แค่นี้ไม่ตายหรอก” ดีนตบแก้มตัวเองเรียกสติสองสามครั้งก่อนที่จะกระชับหอกและโล่เดินนำเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยมีแซเทอร์นำทางที่ไม่ยอมนำทาง จากนี้ถ้าหลงไปก็อย่ามาโทษกันล่ะ…
[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]
ไม่เพียงแต่ต้องระวังอสุรกายแม้แต่พืชพรรณในป่าก็ดูน่าพิศวง ตอนนี้เหมือนว่าเขาหลุดเข้าไปในเกาะกะโหลกในหนังเรื่อง ‘คอง มหาภัยเกาะกะโหลก’ อาจจะเพราะใจป๊อดไปเองก็ได้ ดีนรู้สึกว่าทุกอย่างในนี้อันตรายแม้แต่ใบไม้ก็อาจมีพิษ นิสัยมองโลกในแง่ดีเหมือนถูกปิดการใช้งานไปชั่วขณะเมื่อความกลัวเข้ามาครอบครองเต็มพื้นที่ของหัวใจ แม้ว่าบนพื้นจะมีหลักฐานรอยเท้าของผู้ที่เดินเข้าออกป่าต้องห้ามเป็นว่าเล่น ในใจใคร่สงสัยเหลือเกินว่าเข้ามาทำไมกันในนี้ ไม่ใช่ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์สักหน่อย
ปลายหอกตวัดตัดกิ่งไม้ที่ยื่นมาปกปิดเส้นทาง ดีนไม่มั่นใจว่าหากเดินตามรอยเท้าต่อไปจะได้พบกับราชสีห์นีเมียนหรือไม่ หรือจะได้ไปปะเข้ากับอสุรกายในถิ่นที่อยู่อื่น ๆ ไม่รู้เสียด้วยว่าเจ้าของรอยเท้าตามทางเข้ามาในป่าแห่งนี้เพื่ออะไร หากคาดคะเนเอาจากกระดานภารกิจทั้งก่อนหน้าและในตอนนี้อสูรร้ายในป่ามีทั้งฮาร์ปี้นิสัยไม่ดี ก็อบลิน อัลกูล รวมถึงฝูงหมาป่าที่พรากชีวิตของเรเชลไป ไม่ว่าจะอย่างไหนล้วนน่ากลัว แม้ว่าดีนจะเคยกำราบอัลกูลสองตัวกับก็อบมาแล้วเป็นฝูงก็ตาม
ตอนนี้เขาภาวนาอย่าให้จู่ ๆ รอยเท้าข้างหน้าหยุดไปแล้วได้กองเลือดมาแทน… แน่นอนว่าไม่เป็นเช่นนั้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะพบกับอุปสรรคแรกเข้าให้แล้วสิ
แซ่ก…
เสียงอะไรบางอย่างเสียดสีกับใบไม้ชวนให้ทันหนุ่มสายเลือดโพไซดอนและแซเทอร์ติดตามสะดุ้งโหยง
“บะ บะ บะ บะ บ๊อบบี้ เมื่อกี้นายทำเสียงอะไรหรือเปล่า?”
หนุ่มผิวน้ำผึ้งในชุดเกราะเต็มยศดูเหมือนจะเป็นโรคติดอ่างไปชั่วขณะ ส่วนคำตอบที่ได้รับจากแซเทอร์เด็กผิวดำส่ายหน้าผั่บ ๆ จะมีก็แค่เสียงเดียวคือเสียงฟันกระทบกัน อีกเสียงก็คือเสียงขากางเกงที่สั่นเนี่ยแหล่ะ ซึ่งดีนมั่นใจว่าไม่ได้ออกมาจากอีกฝ่ายแน่นอน
แซ่ก…
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ดีนรู้สึกว่านี่มันท่าทางไม่ดีแล้วสิ เขากระชับอาวุธในมือแน่นแล้วตั้งใจเงี่ยหูฟังให้ดีว่าสุ้มเสียงดังกล่าวดังมาจากทิศทางใด
แซ่ก…
พอจะจับได้แล้วว่าต้นเสียงดังมาจากไหน เงาหลังพุ่มไม้วูบไหวชวนให้ใจสั่นก่อนที่ร่างนั้นจะกระโดดออกมา

“โอ๊ยไอ้บ้า!! กระต่ายนี่เอง เกือบหัวใจวายตาย” มือแกร่งลูบอกตนเองปอย ๆ เขามองกระต่ายที่กระโดดออกมาก่อนที่มันจะกระโดดดุ๊บ ๆ เข้าโพรงไม้ไป “แล้วเมื่อไรจะได้เจอสิงโตเนี่ย”
ดีนบ่นอุบ เขาเริ่มจะท้อ ตอนนี้อยากวกกลับทางเก่าแล้วเดินออกจากป่าไปบอกผู้อำนวยการว่า ‘ผมแย่’ แต่อีกใจก็รู้สึกว่ามาขนาดนี้แล้วก็ลุยต่ออีกหน่อยเถอะ อย่าให้ต้องคว้าน้ำเหลวออกไปโดยยังไม่ทันได้เห็นปัญหาเลย ส่วนถ้าเจอกับปัญหาแล้วลุยต่อไม่ไหวค่อยหนีไปตอนนั้นก็ยังไม่สาย
ท่าทางว่าบ๊อบบี้จะสังเกตเห็นความท้อแท้ที่ออกมาจากภาษากายแล้วคงอยากแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง แซเทอร์น้อยยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ จากนั้นก็เริ่มออกเดินนำให้สมกับเป็นแซเทอร์นำทางเสียที เหมือนว่าทางที่พวกเขาต้องวกไปอีกทางถึงจะได้พบกับราชสีห์ ระหว่างนี้ทั้งสองไปพบกับเรื่องน่าหวาดเสียวอีกคงเพราะได้รับการนำทางที่ถูกต้องไม่ใช่การเดินมั่วหลงเข้ามาอย่างเช่นตอนแรก ดีนอยากจะชวนอีกฝ่ายคุยเหลือเกินเพื่อให้หลุดออกจากความเงียบ แต่ถามอะไรไปบ๊อบบี้ก็ไม่ยอมตอบคำถามเขาจึงเหนื่อยที่จะตื๊อต่อ
ขาทั้งสี่ของคนสองคนเดินไปจนถึงที่โล่งกว้างเหมาะกับที่จะเป็นลานสู้บอสจริง ๆ บริเวณนี้เป็นทุ่งหญ้าถัดไปอีกนิดเป็นแอ่งน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักดูเหมาะสมเหลือเกินสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์สะวันน่าอย่างสิงโต แต่เดี๋ยวก่อน.. ราชสีห์นีเมียนจะมาจากทวีปแอฟริกาอย่างนั้นเหรอ? ตอบยากเกินไป..
ฝีเท้าแพะหยุดทันทีที่มาถึง บ๊อบบี้ขยับริมฝีปากคล้ายกับจะพูดอะไรบางสิ่งด้วยเสียงอันเบา แม้ดีนจะขยับเข้าไปเงี่ยหูฟังใกล้ ๆ ก็ยังไม่ได้ยินจนต้องร้อง “ห๊ะ?” กระนั้นแซเทอร์น้อยก็ตัวสั่นไม่หยุดแล้ววิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังโขดหินใหญ่ แม้ดีนจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ให้เดาเขาคิดว่าตรงนี้คือรังนอนของราชสีห์นีเมียนนี่แหล่ะ
‘ว่าแต่.. แล้วสิงโตล่ะอยู่ไหน?’
ดีนเพ่งสายตามองไปตามทุ่งหญ้าสวมท่วมหัว จู่ ๆ ในใจก็หวนนึกไปถึงฉากหนึ่งในการ์ตูนเรื่องไลอ้อนคิง สิงโตจะเก็บอุ้งเท้า หมอบลงต่ำไปกับพื้นหญ้า จับทิศทางลมจากนั้นก็ตะครุบเหยื่อ!
“โฮก!!!”
จู่ ๆ สิงโตตัวขนาดใหญ่มหึมาที่น่าจะตัวโตเท่าช้างก็โผล่พรวดขึ้นมาจากพงหญ้ารกชัฏ ไม่รู้ว่ามันเอาร่างกายใหญ่โตของมันซุกซ่อนไว้ได้อย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ดีนต้องหลบทั้งกรงเล็บและคมเขี้ยวที่พุ่งเข้าขย้ำในชั่วเสี้ยววินาที
“!?!!!”
ดีนม้วนตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดแต่รู้ตัวอีกทีเขาเห็นว่าบนโล่สัมฤทธิ์มีรอยกรงเล็บสัตว์ถาก แม้ว่าไม่ใช่รอยที่ใหญ่โตมากนัก ทว่าโล่สัมฤทธิ์สุดแกร่งที่ไม่เคยได้รับรอยใดราวกับโล่ไวเบรเนียมของกัปตันอเมริกาเกิดรอยถากได้แบบนี้ ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ากรงเล็บนั้นโดนเนื้อเข้าจัง ๆ จะเป็นอย่างไร
‘คุณไครอน บททดสอบนี้มันยากเกินไปแล้ว!!!’
แม้จะวิ่งหนีก็คงทำได้ยาก ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันเกินไปดีนไม่มั่นใจว่าต่อให้เขาวิ่งเต็มฝีเท้าจะหลบสัตว์ใหญ่แรงเยอะตัวนี้ได้พ้น ถ้าเป็นแบบนี้สู้ตายกับมันไปเลยน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่าเสียอีก ดีนสูดหายใจลึกพยายามฮึดสู้ มือกระชับหอกและโล่ให้มั่นควบคุมไม่ให้สั่นไหว ที่สำคัญคือมีสติ การต่อสู้นี้ไม่ใช่สไตล์แอคชั่นแต่เป็นตระกูลเดียวกับดาร์กโซลที่โดนตบครั้งเดียวอาจจะตายได้เลย
“กรรรร”
ราชสีห์คำรามในลำคอ ในเมื่อมันเผยตัวแล้วก็ไม่คิดที่จะซ่อนอีก มันเดินวนรอบตัวดีนเป็นการปิดช่องทางหนีโดยสมบูรณ์
‘ยังไงนะ จุดอ่อน คือ ตา ปาก แล้วก็อุ้งเท้างั้นเหรอ?’
ดีนพยายามทวนจุดอ่อนของราชสีห์ตามคำบอกเล่าของไครอน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นีเมียนกำลังหิวน้ำลายของสัตว์ใหญ่ไหล่เยิ้มออกมาจากปากยิ่งชวนให้ดูสยองขวัญ ดีนไม่มั่นใจว่าต่อให้มันกินเขาเข้าไปแล้วจะอิ่มหรือเปล่า ตัวมันใหญ่ขนาดนี้กระเพาะของมันจะใหญ่ขนาดไหน เผลอ ๆ กินบ๊อบบี้เข้าไปอีกคนก็ยังไม่รู้ว่าจะอิ่มหรือเปล่าเลย ซึ่งดีนจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นั้น
“กรรรร!!!”
สัตว์หิวไม่ปล่อยให้เหยื่อที่มันหมายตาได้หยุดคิดนาน มันวิ่งเข้าใส่เขาอีกรอบ ดีนกลิ้งตัวหลบได้อีกครั้งก่อนจะสวนหอกในมือกลับไปแทงถูกเข้าที่สีข้างของสิงโต ทว่าขนที่หนาจนแทงไม่เข้าทำให้เขาปวดข้อมือแทน ตอนนี้หอกสัมฤทธิ์แทบไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟันอันจิ๋วที่ไม่รู้ว่าจะสะกิดต่อมคันของมันได้บ้างหรือไม่
“กรรรรร!!”
แม้จะตัวใหญ่แต่ความเร็วของมันไม่ได้เอื่อยเฉื่อยเหมือนมิโนทอร์ ปากขนาดใหญ่งับเข้าที่กลางตัวของดีน แม้ว่าเกราะสัมฤทธิ์จะป้องกันคมเขี้ยวไว้ได้แต่แรงบดและสะบัดกระชากอย่างแรงทำให้ร่างของชายหนุ่มลอยหวือและแกว่งไปมาอยู่ในปากสัตว์ยักษ์ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาผ้า ตอนนี้เขาอยากจะอาเจียนออกมา เขี้ยวบางส่วนบดถูกเนื้อจนเกิดแผลฉกรรจ์ โลหิตสีสดจากร่างไหลออกมาเป็นทาง ตอนนี้ดีนไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้างเพราะว่าปวดไปหมดทั้งตัว ทั้งแขน ขา ลำตัว เจ็บไปหมดทุกส่วนจนหยุดเสียงกรีดร้องของตัวเองไว้ไม่อยู่
“โอ๊ยยย!!!”
ดีนพยายามตั้งสติ เขาเงื้อหอกแทงเข้าที่ปากของราชสีห์อยู่หลายครั้งเพื่อจะงัดร่างตัวเองเองออกมา คงสร้างความเจ็บปวดแก่มันได้ ละอองฝุ่นสีทองปลิวออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลม มันสะบัดดีนที่บาดเจ็บสาหัสกระเด็นล่องลอยออกไปไกล
จ๊อม!
“อั่ก!!”
เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา ตอนนี้สติของบุตรแห่งโพไซดอนเลือนลางเต็มทน แต่ด้วยอาการสำลักน้ำทำให้เขายังไม่ถึงกับสลบไป
‘น้ำ?’
ดีนยันตัวขึ้นมาจากแอ่งน้ำขังที่สูงประมาณต้นขา มือซ้ายยังกำโล่มือขวายังกำหอกแต่ว่าหมวกเกราะหลุดออกไปแล้ว เขาพยายามรวบรวมสติสำรวจร่างกายของตัวเองที่ได้รับบาดแผลลึกอยู่หลายแห่ง แต่บาดแผลนั้นกำลังค่อย ๆ หายไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พลังสายน้ำเยียวยาของโพไซดอนรักษาบาดแผลได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในใจตอนนี้มีหวังที่จะเอาชนะ หากว่าเขาต่อสู้อยู่ในน้ำแบบนี้ตนก็แทบจะเป็นอมตะ ดีนแค่นยิ้มที่มุมปาก วันตายของเขาไม่ใช่วันนี้แน่ ๆ ไม่มีวัน!
“มาเลยซี่ มากินฉันนี่!!”
ดีนตบเคาะหอกกับโล่เป็นการยั่วเย้าสัตว์ใหญ่ เสียงป๊องแป๊งของโลหะที่กระทบกันเสียดโสตประสาทของสิงโตชวนน่าโมโห นีเมียนกระโจนลงน้ำรับคำท้าท่าทางของมันฉุนเฉียวอย่างถึงที่สุด
“โฮกกกกก!!”
การต่อสู้ยกที่สองเริ่มต้นขึ้น แม้ว่าความหนาแน่นของน้ำจะถ่วงทำให้ดีนช้าลง แต่ไม่ใช่ดีนหรอกที่ช้าสิงโตเองก็ด้วย อาจจะฟังดูประมาทเสียหน่อยถ้าบอกว่าเขาพึ่งพาบัพสถานที่กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของการต่อสู้ ให้อีกห้าเปอร์เซ็นต์คือฝีมือ และอีกห้าเปอร์เซนต์สำหรับโชค แต่นั่นก็ช่วยให้เขาโฟกัสจุดอ่อนของสิงโตได้ง่ายโดยไม่ต้องห่วงอาการบาดเจ็บของตัวเอง
ดีนคิดว่าเขาคงบุกโจมตีสัตว์ร้ายไปก่อนไม่ไหวจึงใช้การยั่วยุให้มันโกรธแล้วกระโจนเข้าหาเขาเองจากนั้นก็หาจังหวะหลบแล้วก็สวนกลับ นีเมียนเงื้อขาหน้าตะปบเข้าใส่ อุ้งเท้าของมันน่าจะใหญ่พอ ๆ กับโต๊ะจึงไม่จำเป็นต้องเล็งมาก ดีนตั้งหอกขึ้นแล้วรอให้แรงนั้นมันกระแทกลงมาเอง
“โฮกกกกก!!!”
ราชสีห์คำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด หอกสัมฤทธิ์ปักคาอุ้งเท้าของมันจนดีนต้องออกแรงกระชากหอกของเขาให้กลับคืนมา ฝุ่นละอองบางส่วนของนีเมียนลอยละล่องกลับสู่แดนปรภพแต่เขาก็รู้ว่าเดี๋ยวมันจะกลับมาเกิดใหม่อีกหลังจากที่เขาสำเร็จภารกิจพิชิตมันได้หลังจากนั้น แม้ปวดใจอยู่บ้างที่ต้องทำร้ายน้องสิงโตแต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เขาคงไม่พ้นถูกเคี้ยวดังกร้วมอีก
การโจมตีครั้งนี้ยิ่งลดทอนความเร็วของเจ้าป่าลงไปได้อีกหลายส่วน สังเกตเท่าทีกะเผลกมันคงไม่ใช้อุ้งเท้าข้างนั้นตะปบเขาอีก กระนั้นสิงโตที่ถูกตั้งโปรแกรมมาเพื่อการฝึกก็ไม่ถอยหนีเหมือนสิงโตเวลาที่ออกล่าล้มเหลว มันยังคงกระโจนเข้าใส่ดีนด้วยอาการเสียเปรียบ คราวนี้ดีนแทงตาของมันจนบอดไปข้าง จากนั้นตามด้วยการแทงจมูกจนเป็นแผล ไครอนไม่ได้บอกจุดอ่อนนี้แต่ก็ถือว่าเป็นจุดอ่อนไหวที่สร้างบาดแผลได้อย่างฉกาจฉกรรจ์ ท่าทีของสิงโตใหญ่อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ตรงกันข้ามกับดีนที่ต่อให้เขาจะได้แผลก็ได้สายน้ำช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาได้ตามปกติ จะมีเพียงแค่อาการเหนื่อยหอบเท่านั้นที่ปรากฏแก่ชายหนุ่ม
การต่อสู้ยาวนานร่วมชั่วโมง ตามจุดอ่อนของเจ้าป่าเต็มไปด้วยบาดแผล มันทรุดร่างลงอย่างเหนื่อยอ่อนและไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้อีก กระนั้นมันก็ไม่ตายเสียทีเนื่องจากว่าเขาโจมตีเข้าจุดตายของมันไม่เข้า ความลำบากใจบังเกิด สภาพตอนนี้ของนีเมียนน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่เพื่อให้ได้สินสงครามเป็นหลักฐานยืนยันตัวคงไม่พ้นที่จำต้องคร่าชีวิตมันจริง ๆ
‘เอาวะ..’
ดีนกัดฟันกรอด ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนหัวของสิงโตยักษ์ก่อนจะใช้โล่ทุบหัวของนีเมียนหลายครั้ง ดีนไม่รู้ว่าจะได้ผลไหมเพราะไม่มีบาดแผลเกิดกับส่วนที่เขาทุบลงไปแม้แต่น้อย ตามตำนานเฮอร์คิวลิสชนะมันได้โดยการใช้กล้ามรัดคอแล้วใช้เล็บของตัวมันเองในการแล่หนังออกมา แต่ว่าดีนไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดนั้น แม้ว่าหุ่นเขาจะลีนและดูกำยำสมส่วนแต่นั่นมันก็มาจากฟิตเนส
“ปัดโธ่เว้ย!! ฉันไม่อยากทำแกแบบนี้นาน ๆ เลยนะ ช่วยตายสักทีสิเว้ย!”
แม้น้ำตาจะเริ่มนองหน้าแต่มือที่ถือโล่ไว้ก็ทุบมันไม่หยุด ในใจของชายหนุ่มคิดว่าทำไมเขาต้องทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้เพียงแค่ให้ตัวเองสอบผ่าน ไม่มีคำอธิบายใดแทนความทรมาณใจเช่นนี้ได้ ไม่เหมือนกับตอนที่พิชิตอัลกูล ก็อบลิน แม่มดดำ หรือว่ามิโนทอร์ คงเพราะศัตรูที่กล่าวมาเป็นอสุรกายที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่มีเนียนเป็นเพียงสิงโตที่ตัวใหญ่ไปสักหน่อย มันก็เป็นเพียงแค่สัตว์ ไม่ว่าดีนจะถูกรูปลักษณ์เช่นนี้หลอกเอาหรือไม่แต่เขาก็ใจอ่อนกับสัตว์บาดเจ็บที่ไร้ทางสู้เป็นอย่างมาก
เพราะแบบนี้ถึงได้ไม่เลือกที่จะเรียนสัตวแพทย์…
แรงกระเทือนที่ได้รับแม้ไม่สร้างบาดแผลแต่ก็ทำให้ราชสีห์ที่บอบช้ำค่อย ๆ ทรุดหน้าลงจนจมูกแตะน้ำ หรือบางทีเขาจะฆ่ามันด้วยสายน้ำอาจจะไวกว่า ดีนจึงกดหัวของมันลงไปในน้ำ เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นสิงโตใหญ่ก็สิ้นใจ
“นีเมียนฉันขอโทษ..”
ดีนกอดแผงคอนั้นไว้แน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาเปียกชุ่มจนแยกไม่ออกว่าของเหลวที่อยู่บนใบหน้าอย่างไหนเป็นน้ำจากแอ่งหรืออย่างไหนคือน้ำตาของตัวเอง จากนั้นเขาก็ทำอย่างที่เฮอร์คิวลิสเคยทำ ใช้เล็บเท้าของตัวมันแล่เอาหนังออกมาส่วนหนึ่ง และเมื่อได้สินสงครามร่างของราชสีห์ก็เกิดแสงสีทองเรืองรองก่อนที่มันจะสลายไปคล้ายกับหิ่งห้อย
ดีนเก็บอาวุธ โล่ และหมวกที่หลุดกระเด็นขึ้นมาจากแอ่งน้ำ พาดขนหนังของราชสีห์ไว้บนบ่า จากนั้นก็เดินไปทางบ๊อบบี้ที่แอบอยู่หลังโขดหินใหญ่ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้มองการต่อสู้ของเขาอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า แล้วตอนนี้จะมองเห็นสีหน้าของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง บางทีตอนนี้จิตใจของตัวเองอาจจะเลือดเย็นขึ้นอีกนิดถึงได้ควบคุมน้ำเสียงกลับมาเป็นปกติได้
“ฉันสู้เสร็จแล้วบ๊อบบี้ เรากลับไปรายงานภารกิจกันเถอะ”
แซเทอร์น้อยโผล่หน้าออกจากก้อนหิน ดวงตาภายใต้กรอบเลนส์จ้องเขาอย่างไม่วางตา บ๊อบบี้พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะนำทางชายหนุ่มกลับออกไปจากป่าต้องห้ามที่เขาไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกหากไม่มีเรื่องจำเป็น

ตื่นรู้ +3 จากการพิชิต [ราชสีห์นีเมียน] ครั้งแรก
ใช้สกิล [น้ำเยียวยา] รักษาบาดแผล