
ที่ 26 เดือนสิงหาคม ปี 2558
ช่วงบ่าย เวลา 13.00 - 16.00 น. ณ สะพานโกลเดนเกต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (พบ ลูปา)
เสียงลมพัดแรงพาเอากลิ่นไอทะเลและละอองเค็มของมหาสมุทรแปซิฟิกซัดขึ้นมาปะทะร่าง ขณะที่รถแท็กซี่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่สะพานโกลเดนเกต โครงเหล็กสีแดงส้มตัดกับท้องฟ้าที่สว่างจ้าเป็นภาพอลังการที่ใคร ๆ ก็อยากบันทึกเก็บไว้ โมนีก้าเองก็เช่นกัน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรัว ๆ แทบไม่หยุด รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าเหมือนเด็กสาวที่ได้เที่ยวทริปในฝัน “โมลูก…อย่าลืมสิว่าเราไม่ได้มาพักร้อนนะ” พ่อถอนหายใจยาว มือยังคงกอดกระเป๋าเดินทางไว้แน่น แต่ก็ห้ามลูกสาวไม่ได้
“แหมพ่อ~ ถ้าหนูทำหน้านอย ๆ ตลอดทางมันก็ไม่ช่วยอะไรนี่นา อย่างน้อยขอมีรูปสวย ๆ ก่อนตายก็ยังดี” เธอพูดติดตลกพลางหันกล้องมาถ่ายเซลฟี่อีกสักช็อต แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของโมนีก้าก็พลันชะงักไป…
ในขณะที่สายตาเธอเหลือบออกไปนอกหน้าต่างตรงกลางสะพาน ดวงตาสีเงินกลับสะดุดเข้ากับบางสิ่ง เป็นเงาขาวขยับอยู่ท่ามกลางหมอกที่ลอยเหนือผิวน้ำและเสาเหล็กมหึมา ร่างนั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น หมาป่าขนสีขาวบริสุทธิ์ตัวใหญ่ดวงตาสีทองคมกริบ สง่างามราวกับหลุดมาจากตำนานโบราณ มันยืนอยู่กลางเส้นทางที่มีทั้งรถยนต์วิ่งขวักไขว่และผู้คน แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคนเดียว…นอกจากเธอ
โมนีก้าตกใจจนเผลอกำโทรศัพท์แน่น หัวใจเต้นแรงจนหายใจไม่ทัน แต่หมาป่าตัวนั้นไม่ขยับ ไม่เห่า ไม่คำราม มันเพียงแค่ จ้องเธอ…จ้องด้วยสายตาที่นิ่ง ลึกล้ำ ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักหรือพิพากษาอะไรบางอย่างในตัวเธอ “พ่อ…” เสียงเธอสั่นเครือ พยายามเรียกให้พ่อหันไปมอง แต่เมื่อแคนทัสหันไป กลับไม่เห็นอะไรเลยนอกจากรถและนักท่องเที่ยวที่กำลังถ่ายรูป
โมนีก้ากัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกวูบหนึ่งแผ่วผ่านหัวใจ คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในห้องนอนคืนนั้นตอนเธอได้ยินเสียงประหลาด ความเชื่อมโยงบางอย่างกำลังชัดขึ้น…หมาป่าขาวยังคงไม่พูด ไม่ใช้กระแสจิต ไม่แม้แต่จะขยับ เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้นในโลกที่เหมือนมีเพียงโมนีก้าคนเดียวที่มองเห็นมัน ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกหรือจุดเริ่มต้นของโชคชะตา มือเล็กของเธอเผลอเลื่อนไปจับแขนเสื้อพ่อแน่นขึ้น พลางพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “นี่มัน…อะไรกันเนี้ย…” ลมหายใจของโมนีก้าสะดุดชะงัก ดวงตาสีเงินเบิกกว้างขณะหมาป่าขาวที่ยืนอยู่กลางสะพานโกลเดนเกตค่อย ๆ หันศีรษะไปทางหนึ่ง หูตั้งชัน ก่อนจะขยับตัวเหมือนกำลังจะออกวิ่ง ทว่าก่อนจะก้าวหายไปในหมอกหนา มันกลับหยุด หันกลับมามองเธอตรง ๆ อีกครั้ง
สายตาสีทองนั้นชัดเจนเกินกว่าคำพูดราวกับกำลังเอ่ยกับเธอโดยไม่ต้องเปล่งเสียง หากอยากปลอดภัย…ตามข้ามา…ตรงนั้น อันตรายต่อเขา
ร่างเล็กของโมนีก้าสั่นสะท้าน เธอหันกลับไปมองพ่อ ดวงตาสีเงินพราวสั่นเครือด้วยทั้งความกลัวและความเข้าใจที่ผุดขึ้นจากก้นบึ้งสัญชาตญาณ เธอเอื้อมไปกอดพ่อแน่นจนร่างกายอบอุ่นของเขากลายเป็นกำแพงสุดท้ายที่เธอไม่อยากปล่อย “พ่อ…” เสียงเธอแตกพร่า “หนูต้องไป…หนูรู้สึกได้เลย ถ้าหนูยังอยู่ พ่อจะเป็นอันตราย” แคนทัสนิ่งไปชั่วอึดใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนยอมรับ ลึก ๆ เขาเองก็รู้มาตลอดตั้งแต่เมื่อวานว่าลูกสาวไม่ได้เกิดมาเพื่อชีวิตธรรมดา เศษเสี้ยวสายเลือดโบราณที่เขาเองไม่อาจปฏิเสธบอกชัดเจน นี่คือเวลาที่เธอต้องเดินเส้นทางของเธอเอง
เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนตัดสินใจกระซิบกับคนขับแท็กซี่เสียงหนักแน่น “หยุดรถตรงนี้ด้วยครับ”
แท็กซี่ชะลอแล้วหยุดกลางสะพานท่ามกลางเสียงบีบแตรจากรถคันอื่น แต่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชั่ววินาทีนี้ แคนทัสหันกลับมากอดลูกสาวแน่นอีกครั้ง กลิ่นอุ่นคุ้นเคยของเขาแทบทำให้โมนีก้าน้ำตาไหล “ฟังพ่อนะโมนี่…” น้ำเสียงของเขาสั่น แต่หนักแน่นเต็มไปด้วยความรัก “ไม่ว่าเจออะไร อย่าลืมติดต่อพ่อนะเจ้าตัวเล็ก สัญญากับพ่อสิว่าจะติดต่อมา” หญิงสาวพยักหน้ารัว ๆ กำเสื้อพ่อแน่นเหมือนไม่อยากปล่อยมือจากไปเลย “สัญญาค่ะพ่อ หนูจะติดต่อมาแน่นอน…ไม่เคยโกหกพ่ออยู่แล้ว”
หมาป่าขาวเหยียดยืนรออยู่ข้างหน้า ร่างสูงสง่างามตัดกับหมอกสีทองที่ปกคลุมสะพาน เหมือนผู้พิทักษ์แห่งชะตากรรมที่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป โมนีก้าผละออกจากอ้อมกอดอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนหันไปสบตาพ่ออีกครั้งเพื่อเก็บภาพนี้ไว้ในใจเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงหันกลับไปยังหมาป่าที่รออยู่ หัวใจเธอเต้นแรง แต่ก้าวแรกก็ถูกยกขึ้นและโลกทั้งใบของเธอกำลังจะเปลี่ยนตลอดกาล
ตอนแรกก็คิดว่าแค่เดินตามธรรมดา แต่ทว่า…เสียงส้นสูง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! กระแทกลงบนพื้นสะพานโกลเดนเกตดังก้องประสานกับเสียงลมแรงที่พัดปะทะ เส้นผมสีม่วงครามของโมนีก้าสะบัดไปด้านหลังเป็นพวง เธอกัดฟันแน่น วิ่งตามร่างสง่างามของหมาป่าขาวที่พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวกลับมามองเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกก็เดิน จากนั้นก็เป็นเดินเร็ว…และตอนนี้คือวิ่ง!!
“โอ้ยยยย!! นี่มันบ้าไปแล้ว!!” เธอแทบจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งตกใจ และทั้งตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน มือหนึ่งโอบกอดกระเป๋าสีชมพูแน่น กลัวสิ่งของสำคัญข้างในหล่นหาย ส่วนอีกมือแกว่งไปตามจังหวะวิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะทำได้ ชุดเบลเซอร์สีชมพูหวานกับกระโปรงลูกไม้สีขาวที่เธอสวมอยู่ในตอนนี้ดูจะไม่เข้ากับสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย ยิ่งส้นสูง Sam Edelman Women’s Camdyn Pump สี Nude ที่กำลังถูกใช้งานหนักยิ่งกว่ารันเวย์แฟชั่น ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นดูเหมือนฉากหลุดมาจากหนัง โดยเฉพาะ Jurassic World ฉากตำนานที่ ไบรซ์ ดัลลาส ฮาวเวิร์ด วิ่งหนีทีเร็กซ์ในส้นสูงเป๊ะ ๆ

“ทำไมต้องใส่ส้นสูงวันนี้ด้วยยยย!?” โมนีก้าโวยวายในใจแทบร้องไห้ แต่ขาก็ยังสับไม่หยุด เธอพยายามเก็บสมดุลตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อเริ่มไหลซึมจากขมับ หัวใจเต้นแรงไม่ต่างจากกลองศึก
หมาป่าขาววิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงอย่างสง่างาม มันไม่สนถนน ไม่สนสายตาผู้คน ที่จริงแล้วดูเหมือน ไม่มีใครเห็นมันเลยนอกจากเธอ ยิ่งทำให้ความจริงย้ำชัดในหัว นี่คือบททดสอบ นี่คือการนำทางของโชคชะตา เสียงส้นสูงกระแทกพื้นดังสะท้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในใจเธอเหลือเพียงความคิดเดียว อย่าล้มนะ…อย่าล้มนะนังโมนีก้า!! แต่ถึงแม้จะบ่นแทบขาดใจ ใบหน้าของโมนีก้ากลับมีประกายบางอย่างแทรกเข้ามา มันคือรอยยิ้มบาง ๆ ของคนที่รู้ว่าแม้การวิ่งครั้งนี้จะบ้าบิ่นแต่มันคือก้าวแรกที่พาเธอเข้าสู่โลกที่แท้จริงของตัวเองแล้ว

อื่น ๆ: วิ่ง ๆ เอาออกมาวิ่ง วิ่งสิแฮมทาโร่ววว