แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-28 11:06
263 ซ่อมบ้านใหม่
23/12/2024 เวลา 09.00 น.
จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นในค่ายฮาล์ฟบลัด ทำเอาชายหนุ่มจากกระท่อมหมายเลขสาม ต้องมาขอพึ่งพิงใบบุญจากกระท่อมหมายเลขสิบเอ็ดที่ไร้ความเสียหายเป็นสถานที่ซุกหัวนอน ดีนไม่มีความผูกพันอะไรกับกระท่อมเฮอร์มีสมากไปกว่าเป็นสถานที่ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์หาแม่ ตอนที่เขามายังค่ายฮาล์ฟบลัดในวันแรกสัญลักษณ์เจ้าสมุทรก็ขึ้นเหนือหัว ทำให้ไม่เคยต้องมาอยู่อาศัยในห้องนอนที่มีเตียงสองชั้นวางเรียงรายราวกับค่ายทหาร
ก็ว่าห้องนอนของโพไซดอนมีเตียงสองชั้นที่นอนได้ตั้งสี่คนแล้วนะ แต่ก็ยังไม่สู้ที่นี่…
การพักผ่อนหนึ่งวันช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ แต่เรื่องของจิตใจคงต้องว่ากันอีกยาว หากเมื่อคืนไม่ได้ยานอนหลับ เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะข่มตาหลับลงได้ไหม..
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่อยากทำอะไรนอกจากการนอนโง่ ๆ อยู่บนเตียง ทว่ายังมีภารกิจอื่นเร่งด่วนที่ต้องทำจึงจำเป็นต้องลุก
“แมคซี่.. เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ดีนตัดสินใจลุกจากเตียงนอนชั่วคราวพร้อมกับสะกิดปลุกคนรักที่นอนซบมาทั้งคืน ชายหนุ่มไม่อายที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ ตราบใดที่ไม่ได้ทำเรื่องสิบแปดบวกกันในที่สาธารณะก็ถือว่าไม่ผิด ส่วนคนในค่ายก็ควรชินเพราะว่าเขาก็ทำตัวชวนให้เหม็นความรักมากันเกือบจะครึ่งปีแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปดูบ้านตัวเอง แม้ว่าบ้านเฮคาทีจะได้รับความเสียหายน้อยจากการที่ซิลเวอร์ปลีกตัวไปกางบาเรียล้อมบ้านไว้ได้ทัน แต่ก็มีบางส่วนที่จำเป็นต้องเก็บกวาด ส่วนบ้านโพไซดอนนั้น…
หากมองดูจากภายนอกนั้นตัวบ้านไม่ได้เสียหายมากมายเท่าไร คงเพราะตัวบ้านก่อขึ้นมาจากหินปะการังใต้ทะเลลึกจึงมีความแข็งแกร่งทนทาน (ซึ่งดีนเองก็สงสัยว่าหินที่มีรูพรุนมันทนทานได้ยังไง แต่เอาเป็นว่าแข็งแรง อาจเพราะมีพลังของพ่อช่วยเสริมล่ะมั้ง…) ส่วนที่เสียหายมากที่สุดเห็นทีจะเป็นหลังคาของอาคารปีกตะวันออกซึ่งตรงกับห้องนอนรวมหญิงจนซากไม้ซากกระเบื้องหลายชิ้นพังตกลงมา
เป็นการประเมินจากด้านนอกด้วยตาเปล่า คิดแล้วเหนื่อยค่อยจัดการในส่วนนั้นตอนหลังสุดแล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีใครนอนที่ห้องนั้นยกเว้นแต่รีชาเพียงคนเดียว (?) ให้เธอย้ายไปนอนที่บ้านเฮอร์มีส หรือนอนกับเอมีเลียที่บ้านซุสอันปราศจากรอยขีดข่วนแทนย่อมได้… นอกจากนั้นของที่เสียหายจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตอนดับเพลิง กับธงโพไซดอนหน้าบ้านที่ไหม้ไฟ
ไม่อยากคิด.. ขนาดว่าตอนนั้นอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ ๆ หากว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นเพื่อดับไฟป่านนี้บ้านคงถูกไฟจากก๊อบลินแสนซนเผาวอดไปทั้งหลังเสียกระมัง
พอเข้าไปในบ้านก็ต้องเจอเรื่องเหนื่อยใจอีกอย่าง ข้าวของภายในห้องนอนและห้องโถงเปียกชุ่มราวกับเพิ่งถูกน้ำท่วมบ้าน เครื่องใช้บางอย่างเสียหาย ดีนเห็นว่าตอนนี้ไทสัน พี่ชายคนโตสุดนับจากรุ่นนี้กำลังไล่ถอดปลอกหุ้มเบาะโซฟาออก เพื่อให้กลับมาทำงานทุกอย่างคล่องแคล่วพี่ชายไซคลอปส์จึงกลับร่างจริงเหลือแค่ตาเดียว
แม้จะชะงักไปบ้าง ดีนพยายามทำใจให้ชินกับตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย หากเขายังเป็นบุตรแห่งโพไซดอนอยู่ (ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้) ยังไงก็น่าจะได้เจอพี่น้องที่เป็นไซคลอปส์อีกหลายตน
“ฮาย ไทสัน คนอื่นมากันหรือยัง?” ดีนเอ่ยทัก พี่ชายไซคลอปส์เงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างใจดี.. เป็นร้อยยิ้มที่ไม่ค่อยเข้ากับตาดวงเดียวเท่าไร
“สวัสดีดีน มีซันซ์มาแล้วคนนึง ฉันให้เขาไปสำรวจหลังบ้านน่ะว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มินิบาร์เสียหายหรือเปล่า”
“โอเค ไทสัน หลังบ้านรอด ที่ต้องเคลียร์น่าจะมีแค่ส่วนห้องโถงด้านหน้ากับห้องนอน” พูดถึงซันซ์ปุ๊บ ซันซ์ก็โผล่เข้ามาจากหลังบ้าน หมอนี่ต้องอายุยืนแน่ ๆ “อ้าว มาพอดีที่ปรึกษาบ้าน นี่รายการที่ฉันลิสต์มาว่ามีอะไรเสียหายบ้าง”
“ฮาย ซันซ์” ดีนกล่าวทักทายก่อนจะรับรายการของที่เสียหายมาจากมือซันซ์ ส่วนมากของที่เสียจะเป็นพวกผ้าม่านที่ไหม้ไฟ รอดไปที “ดีนะที่เครื่องใช้หลังบ้านไม่เสียหาย”
ซึ่งค่อนข้างน่าประหลาดใจเพราะว่ามันอยู่ติดกับสระว่ายน้ำที่เขาดูดน้ำมาใช้ดับเพลิงแท้ ๆ เลยเชียว นับว่ายังพอมีโชคในความเคราะห์ร้าย
“แต่เครื่องเล่นเกมที่ห้องนอนพังไปแล้วน่ะสิ โชคดีชะมัดที่รีบเคลียร์เกมให้จบก่อน” ซันซ์บ่นด้วยท่าทีขำ ๆ คล้ายกับว่าหนุ่มบ้านนี้จะมองเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ตลอดเวลา
“ทำใจนะ” ดีนเดินไปตบบ่าอีกฝ่าย บางทีอาจเอาของพวกนี้ไปให้เด็กเฮเฟตัสซ่อมแซมได้ แต่คงหลังจากที่บ้านเทพวิศวกรรมปะบ้านกันเสร็จ ตอนนี้ดีนได้คำตอบแล้วว่าไม่ต้องกลัวที่จะเผลอไปกดปุ่มอะไรที่หน้าบ้านหลังนั้น เพราะว่ามันไม่มีระบบป้องกันภัยใด ๆ ทั้งสิ้นและยิงขีปนาวุธออกมาไม่ได้ “ฉันว่าไหน ๆ แล้ว.. เราก็ควรใช้โอกาสนี้ปรับปรุงภูมิทัศน์ของบ้านกันใหม่เลยดีไหม?”
“ปรับปรุงภูมิทัศน์เหรอ.. น่าสนใจนะ” ไทสันกล่าวพลางยิ้ม
“ฉันไม่มีปัญหา นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะคุณที่ปรึกษา ยังไงก็ต้องขนเอาข้าวของออกไปล้างตากแดดจนเกลี้ยงอยู่แล้ว” ซันซ์ไหวไหล่
ระหว่างกำลังจะออกไอเดียประตูบ้านก็เปิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเจโรมและรีชาที่เข้ามา เหมือนว่าพอสองคนนี้ได้ไปเที่ยวโอลิมปัสด้วยกันมา ความสนิทจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ไทสัน พี่ดีน พี่ซันซ์” เด็กหญิงผู้เป็นความสดใสของบ้านเอ่ยทักทุกคน
“สวัสดีครับ ผมคงไม่ได้มาสายไปใช่ไหม?” เจโรมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขิน ๆ
“ไม่หรอก ทั้งสองคนมาพอดีเลย ตอนนี้เรากำลังหารือเรื่องจะปรับเปลี่ยนภายในบ้านกันอยู่ ไหน ๆ ยังไงก็ต้องเอาของออกมาเช็ดล้างทำความสะอาดอยู่แล้วอ่ะนะ” ดีนส่งใบรายการที่ซันซ์จดมาให้เจโรมดู อีกฝ่ายถึงกับเบ้หน้าเมื่อนึกถึงงานหนักที่รออยู่ “จะว่าไปยังไม่ได้พูดคำนี้เลย.. ยินดีต้อนรับกลับบ้าน แม้ว่ามันจะพังไปห้องนึงอ่ะนะ”
“ขอบคุณครับ ผมตกใจแทบแย่ตอนที่กลับมาค่ายแล้วเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น” เจโรมตอบด้วยน้ำเสียงแหย ๆ ทั้งค่ายที่พังแล้วไหนจะมีคนตายอีก ซึ่งเขายังไม่อยากกล่าวถึงเพื่อตัดทอนกำลังใจของพี่น้องคนอื่น
“แง้ ห้องนอนของหนูพังเหรอคะ” รีชาเบะหน้า เธอรีบไปเปิดประตูห้องนอนหญิงฝั่งตะวันออกเพื่อดูสภาพ
“รีชระวังด้วยนะ” เจโรมบอก
แล้วพอประตูห้องเปิดออกทุกคนในบ้านก็ได้เห็นความยับเยินของห้องนอนหญิงเต็ม ๆ ตา แผ่นฝ้าที่ทำจากไม้ร่วงลงมากลางห้อง กั้นกลางระหว่างเตียงนอนสองชั้นทั้งสองเตียงเอาไว้จนพวกเขาไม่เห็นสภาพของอีกเตียงที่ถูกไม้ร่วงมากัน
‘ดีนะที่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในห้อง…’
“แงงงง แมนนี่ของหนูตาย” เด็กหญิงวัยสิบสามขวบหอบเอาซากตุ๊กตาม้าน้ำสีพาสเทลที่มอมแมมไปด้วยสีของฝุ่นออกมา มันคือตุ๊กตาที่ดีนซื้อให้น้องเป็นของฝากจากอควาเรียมปารีส ส่วนสภาพที่บอกว่าตายก็คือ บนลำตัวของตุ๊กตาฉีกขาดจนใยสังเคราะห์ปริแตกออกมาจากฝีเย็บที่หลุดขาดออก
“ไม่เป็นไรนะรีช เดี๋ยวพี่หาตัวใหม่มาให้ คราวนี้เอาไปสองตัวเลยดีไหม?” ได้แต่ปลอบให้น้องสาวไม่ร้องไห้ออกมา เด็กสาวพยายามฮึบไว้ เธอต้องเข้มแข็งให้สมกับที่เป็นธิดาแห่งโพไซดอน
“โอเคนะ ถ้างั้นเรามาคุยกันต่อจากเมื่อกี้.. นอกจากปรับปรุงบ้าน จัดบ้านใหม่ แล้วฉันอยากจะสร้างส่วนต่อขยายเพิ่มตรงที่ว่างระหว่างปีกตะวันตกกับห้องเก็บของ อยากจะทำเป็นห้องสัตว์เลี้ยงน่ะ ฉันมีออมเล็ตตัวนึง ส่วนคนอื่นที่เลี้ยงสัตว์ก็มีไบร์ท เผื่ออนาคตใครจะเลี้ยงอะไรอีกก็ให้นอนที่นี่ ทุกคนคิดว่าไงบ้าง?”
ลืมเล่าไปว่าเมื่อวานหลังจากจบศึกสู้รบ ดีนพบออมเล็ตอีกครั้งตอนที่มันวิ่งหน้าตาตื่นมาหาที่กระท่อมเฮอร์มีส เขาต้องปลอบประโลมสิงห์น้อยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะฝากให้คุณเอมีเลียช่วยดูแลเป็นการชั่วคราว นอกจากบ้านซุสจะไม่พังแล้วหญิงสาวคนนั้นน่าจะมีความผูกพันกันกับเจ้าไข่เหลืองรองลงมาจากสมาชิกบ้านโพไซดอนและเฮคาที ดีนมักจะพามันออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งยามเช้าแล้วเจอหญิงสาวบ่อย ๆ และก่อนหน้านี้ที่เขาต้องออกไปทำภารกิจนาน ๆ (เที่ยวฉ่ำไทยแลนด์) ก็ฝากทั้งน้องสาวและสัตว์เลี้ยงให้สาวบ้านซุสช่วยดูแล
นี่แหล่ะเพื่อนบ้านที่แสนดีตัวจริงไม่ใช่สไปเดอร์แมน…
กลับมาที่เรื่องปรับปรุงบ้านและสร้างห้องใหม่ หนุ่ม ๆ โพไซดอนคนอื่นไม่มีข้อโต้แย้ง…
“ว้าวว เราจะมีห้องสัตว์เลี้ยงเหรอคะ หนูค่ะ.. หนูอยากเลี้ยงพี่เพกาซัส” รีชายกมือบอกความปรารถนาของเธออย่างใสซื่อ ทำเอาทุกคนหัวเราะขำ
“ไม่ได้สิรีช หมายถึง.. เราเลี้ยงเพกาซัสกันที่นี่ไม่ได้ ต้องเอาไปฝากไว้ที่คอกม้าแล้วให้แซเทอร์ดูแล บ้านของพวกเราใหญ่ไม่พอที่จะยัดม้าไก่เข้าไปตัวนึงหรอกนะ” ดีนยีผมหยักศกของเด็กสาวที่นุ่มมือด้วยความมันเขี้ยวเล็ก ๆ “ยกเว้นจะใช้ไฟฉายย่อส่วน…”
“ไฟฉายย่อส่วนเหรอคะ…” เด็กหญิงพึมพำตาม ท่าทางไม่รู้ว่าไฟฉายย่อส่วนที่ดีนกล่าวหมายถึงอะไร “งั้นเดี๋ยวปีหน้าหนูไปโอลิมปัสอีกจะขอไฟฉายย่อส่วนจากคุณพ่อดีกว่า”
ดูท่าความปรารถนาในการเลี้ยงเพกาซัสไว้ในบ้านจะร้อนแรง ถึงขนาดที่เด็กหญิงคิดไว้แต่เนิ่น ๆ พนันได้เลยว่าหากยังมีกิจกรรมคริสต์มาสจัดอยู่เธอต้องเขียนสิ่งนี้ลงไปคู่กับถุงเท้าก็ได้ ชายหนุ่มไม่คิดว่าโพไซดอน.. พ่อของพวกเขาจะมีอุปกรณ์สุดล้ำแบบนั้น แต่ไม่แน่… ด้วยความเป็นคนรักม้าเหมือนกันพ่ออาจจะไปอ้อนวอนร้องขอให้เทพเฮเฟตัสประดิษฐ์ไฟฉายย่อส่วน มาเป็นของขวัญแก่ลูกสาวที่มีความชอบเหมือนกันก็ได้
ขอแวะพูดถึงกิจกรรมคริสต์มาสนิดนึง…
ทุกคนคงเดาได้ว่าต้องถูกยกเลิก คงไม่มีใครอุตริเอาต้นคริสต์มาสประดับไฟวับวาวพร้อมกับเปิดเพลง All I Want for Christmas Is You ของ มารายห์ แครี่ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไว้คู่กับศพ… งานคริสต์มาสใหญ่ของค่ายจึงเป็นอันต้องเลื่อนไปจัดใหม่ปีหน้า (เรียกง่าย ๆ ว่าปีนี้ยกเลิก) แต่เขาไม่ยอมให้คริสต์มาสปีนี้เงียบเหงาหรอก ยังไงต้องได้จัดงานเล็ก ๆ ที่บ้านตัวเอง อาจจะเป็นการกินเลี้ยงปิ้งบาร์บีคิวระหว่างบ้านโพไซดอน เฮคาที จากนั้นชวนเพื่อนที่สนิทอย่างคุณเอมีเลีย และเลนน็อคมา (ซึ่งเขาไม่มั่นใจว่าเลนน็อคจะมา…)
“ตอนนี้เรามาคิดกันก่อนว่าจะเริ่มจากตรงไหนกันดี…”
“ตามนายบัญชาเลย ท่านที่ปรึกษาบ้านโพไซดอน” ซันซ์เอ่ยบอก ซึ่งคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าก่อนจะจ้องมาทางดีนเป็นตาเดียว แหม.. รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจขึ้นมาทันที
“โอเค ถ้างั้นต้องวางแผน ฉันไม่ชอบทำอะไรที่มีแผนเลยแฮะ…” ดีนหัวเราะเบา ๆ ทว่าตั้งแต่มาฮาล์ฟบลัดเขาต้องทำอะไรให้เป็นแผนมากยิ่งขึ้น ไม่งั้นอาจตายในภารกิจได้ “เราควรจะแบ่งหน้าที่กันดีไหม? เริ่มที่รีชก่อน น้องน่าจะแบกของไม่ไหว พี่อยากให้รีชเป็นคนเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ในบ้านที่พี่คนอื่น ๆ ขนออกมา โอเคหรือเปล่า?”
“ได้ค่ะ หนูทำได้!” เด็กหญิงยกมือขึ้นสูงอย่างแข็งขัน
“โอเค ถ้างั้นที่เหลือช่วยกันยกของออกมาข้างนอกบ้านกันก่อน พื้นที่รอบสระว่ายน้ำน่าจะพอ.. เอ้อ เราต้องเคลียร์ทำความสะอาดพื้นที่วางของก่อนด้วย งั้นก่อนจะขนของออกก็ต้องทำความสะอาดรอบ ๆ สระว่ายน้ำ ดีไหม?”
พอเห็นว่าทุกคนพยักหน้าหงึกหงักก็พูดต่อ
“ในนี้มีใครเก่งงานไม้บ้างไหม?”
“ฉันพอจะทำได้นะ” ไทสันผู้มีตาเดียวยกมือ
“ฉันก็ทำได้ แต่อาจเป็นได้แค่ลูกมือ” ซันซ์ยกมือขึ้นตามมาอีกคน
“โอเค ถ้ารวมฉันด้วยก็เป็นสาม ถ้างั้นเหลือนายแล้วเจโรม นายต้องขนผ้าปูที่นอนและผ้าม่านที่ยังพอใช้งานได้ไปซักที่บ้านใหญ่ พอเอาผ้าไปซักเสร็จแล้วก็ไปช่วยรีชเช็ดทำความสะอาดของ”
“ได้ครับ ผมทำหน้าที่นั้นเอง” จากหน้าที่แกะเบาะที่นอนของไทสันจึงต้องยกให้เป็นของเจโรมไป
“ทีนี้ เหลือการซ่อมแซมบ้าน… พวกเราจะไปหาไม้กันมาจากไหน?”
“ที่บ้านใหญ่น่าจะมีนะ.. แล้วก็ เอ้อ ฉันเห็นว่าแถว ๆ คอกม้าก็มีล่ะ”
“เยี่ยมเลย ดีนะที่ไม่ต้องเข้าป่าไปตัดไม้กันใหม่” ดีนพูดติดตลกใครทำก็บ้าแล้ว “ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเราสามคนไปแบกไม้กันมา จากนั้นก็เริ่มซ่อมแซมหลังคาที่เสียหาย ส่วนห้องสัตว์เลี้ยง… ไว้ทำในตัวบ้านเสร็จเมื่อไรก็เริ่มทำงานกันเมื่อนั้น”
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปทำงานกันตามแผน เริ่มโดยการเคลียร์ทำความสะอาดล้างบริเวณรอบ ๆ ของสระว่ายน้ำให้พอวางของได้ ด้วยความเป็นสายเลือดโพไซดอนพวกเขาจึงรีดน้ำออกจากบริเวณนี้จนแห้งอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาแดดของเทพอะพอลโล่ให้เสียเวลา ทว่าก็ต้องพึ่งนิดหน่อยอยู่ดีตอนที่ขนเอาที่นอนหนักกว่าสามสิบห้าปอนด์จำนวนหกฟูกออกมาผึ่ง
แม้จะพยายามดึงเอาน้ำที่อยู่ภายในเส้นใยผ้าออกมาแล้วแต่ใยสังเคราะห์ที่อยู่ด้านในก็ยังคงชื้นแฉะอยู่ดี จึงต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ทำให้หอมกลิ่นแดดไม่เหม็นอับ อาจต้องตากแดดที่นอนไว้แบบนี้วันนึงหรือสองวันเป็นอย่างมาก นี่สินะคือข้อดีของรัตติกาลสาบสูญ... ทำให้มีพลังงานแสงอาทิตย์ให้ใช้อย่างไม่จำกัด ไม่งั้นกว่าที่นอนจะแห้งสนิทคงได้กินเวลาร่วมสัปดาห์
ทุกคนทำงานกันอย่างแข็งขันไม่มีปริปากบ่น จนเวลาล่วงเลยถึงเที่ยงวันดีนจึงอาสาไปซื้อมื้อกลางวันมาให้ทุกคน
. . .
15.xx น.
ช่วงบ่ายแก่ ๆ (ที่ตะวันไม่อ่อนแสงตาม) ดีนขอปลีกตัวไปช่วยดูงานฝั่งบ้านเฮคาทีเสียหน่อย หลัง ๆ มานี้ (ก่อนจะคบกับแมคเคนซีอีก) ดีนแทบจะใช้บ้านมืด ๆ ของเหล่าบุตรและธิดาเฮคาทีเป็นที่ซุกหัวนอนเกือบทุกคืน
“นี่ ๆ พวกนาย ฉันว่าฉันจะไปดูทางบ้านเฮคาทีหน่อย ที่นั่นน่าจะมีแค่แมคซี่กับซิลเวอร์แค่สองคนที่ดูแลบ้านได้”
ดีนกล่าวโดยไม่หวังอะไรกับจูลี่ สำหรับเด็กคนนั้นเอาไว้แค่เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่หอบก่อนค่อยว่ากันอีกที ซึ่งทุกคนไม่ได้ว่าอะไร เข้าใจดีว่าต้องไปช่วยเหลือแฟน แถมทางนั้นยังมีคนเรี่ยวแรงดีจัดการงานบ้านได้แค่สองคน ต่างจากบ้านโพไซดอนเยอะ ที่ส่วนมากเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์เรี่ยวแรงดีถึงสี่คน วัดกันแล้วบ้านเจ้าสมุทรน่าจะเป็นกระท่อมที่มีสมาชิกเยอะที่สุดที่อยู่ค่าย ณ ขณะนี้ รองลงมาจากบ้านเฮอร์มีสที่อุดมไปด้วยเด็กที่ยังไม่ได้ถูกรับรองสายเลือดแล้วล่ะมั้ง…
“ได้สิ ฝากความคิดถึงแฟนนายด้วยแล้วกัน” ซันซ์พูด
“เฮ้! นายจะมาคิดถึงแฟนฉันทำไม”
“เอ้า ก็คิดถึงกันแบบเพื่อนไง หรือว่าไงดี.. ฐานะน้องเขย? เรียกงี้ป่ะ?”
“จะว่าไป.. ผมหายไปนานจนไม่รู้เลยว่าพี่มีแฟนแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” เจโรมยิ้มบอกอย่างสุภาพ เขารู้เรื่องที่อีกฝ่ายคบกับใครก็จากหนังสือพิมพ์กอสซิปของเทพเฮอร์มีสนั่นเอง ไม่แน่ว่าหนุ่มโพไซดอนสัญชาติเกาหลีอาจเป็นคนเดียวในค่ายที่ตกข่าว
“ขอบคุณนะเจรี่ นายเองก็เถอะ” ดีนใช้ศอกสะกิดกลับน้องชาย ก่อนจะแซว “เห็นมีข่าวสวีทกับ…. กับ………”
ไหงนึกไม่ออกหว่า… จากหนังสือพิมพ์กอสซิป มีข่าวของบุตรแห่งโพไซดอนขึ้นหราถึงสองคน คู่หนึ่งคือดีนและแมคเคนซี ส่วนอีกคู่คือเจโรมกับสาวปริศนา
“หมายถึงหนังสือพิมพ์นั่นใช่ไหมครับ” เจโรมยิ้มแหย “ผมคิดว่าน่าจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ผมจะมีใครได้ล่ะ คงเห็นผมกับแฟนคลับเลยเอาไปเขียนข่าวมั่วซั่วมั้งครับ”
เจโรมตอบออกมาตามความจริง แม้มีความรู้สึกบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ คล้ายกับว่าเขาชอบหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่นชอบเธอมานาน แต่กลับกลายเป็นว่านึกไม่ออกว่าเธอคนนั้นคือใคร เคยทำอะไรร่วมกันมา แม้แต่ชื่อหรือหน้าก็จำไม่ได้ คล้ายกับเป็นเพียงแค่ความฝัน… ความรู้สึกนี้ทำให้เขาแสนอึดอัด
“เอาน่า ฉันเข้าใจนะ หนังสือพิมพ์พวกนี้มันชอบเขียนข่าวใส่ดีตีไข่จากความจริงอยู่แล้ว ไม่งั้นก็ขายไม่ได้สิ แค่หวังว่าจะไม่กระทบกับงานของนายก็แล้วกันน้องชาย” ดีนตบบ่าเจโรมเบา ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของปาปารัซซี่โอลิมปัสเหมือนกัน แย่ละสิ… แบบนี้ต้องเตรียมศึกษาวิธีการรับมือเมื่อเป็นคนดังแล้วไหม? “งั้นฉันขอตัวไปดูทางนั้นก่อน ยังไงก็ฝากทุกคนด้วยนะ”
“ไปดีมาดีนะดีน เชื่อมือทางฝั่งนี้ได้เลย”ไทสันยกนิ้วโป้งพลางยิ้ม กะพริบตาส่งวิ้งค์ทั้งที่มีตาใหญ่ ๆ เพียงหนึ่งอยู่กลางหน้า
. . .
18.xx น.
หลังจากที่ดีนไปช่วยงานบ้านเฮคาทีเสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารเย็นให้สมาชิกทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยกันมาตลอดทั้งวัน ด้วยพลังความร่วมมือของสมาชิกจำนวนมาก (กว่าบ้านอื่น) ทำให้การซ่อมแซมเสร็จอย่างรวดเร็วราวกับว่ารูปปั้นของพ่อช่วยส่งพลังเสริมมาบัพให้ ตอนนี้น่าจะเหลือราว ๆ อีกแค่เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ต้องจัดการต่อ (ไม่นับการทำห้องสัตว์เลี้ยง)
“หนูกับพี่เจรี่ช่วยกันทำค่ะ เป็นไงคะสวยไหม” รีชากางธงประดับหน้าบ้านผืนใหม่ออกมาอวดทันทีที่ที่ปรึกษาบ้านกลับเข้ามาพร้อมอาหารเย็น
“เยี่ยมไปเลยรีช! พวกเธอสองคนมีพรสวรรค์นะเนี่ย งั้นพวกเรามาประดับธงใหม่กันเลยดีไหม?”
“เอาสิ ได้เห็นของใหม่ ๆ บ้างก็น่าจะจรรโลงตาดี” ซันซ์ยิ้มตอบ ส่วนไทสันพยักหน้าหงึก ๆ ไม่พูดอะไร ไซคลอปส์ตาเดียวเพียงแค่ยิ้มอย่างยินดี
จากนั้นพิธีประดับธงใหม่ก็เริ่มขึ้น เพลงออลด์แลงไซน์ (สามัคคีชุมนุม) ควรถูกเปิดขึ้นในจังหวะนี้แล้ว…
[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]
พอเห็นแบบนี้ก็นับว่าความพยายามของทั้งวันไม่สูญเปล่า ร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด สมาชิกทั้งห้าสายเลือดโพไซดอนประสานมือกันอย่างสมัครใจ ไหน ๆ แล้วเคลียร์อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือให้มันเสร็จ ๆ ไป พรุ่งนี้จะได้ทำแค่ห้องสัตว์เลี้ยงแล้วไปช่วยบ้านอื่นที่ยังไม่ถูกซ่อมแซม
23.xx น. เสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนหญิงทำเอาทุกคนในบ้านที่อยู่ในช่วงพักหันไปมองเป็นตาเดียว
“เมื่อกี้เสียงอะไร? หลังคาที่เพิ่งซ่อมคงไม่ได้พังลงมาหรอกใช่ไหม?”
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็งานงอก... ทว่าชายหนุ่มก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็วเมื่อประตูห้องนอนหญิงที่ยังไม่ได้รับการบูรณะถูกเปิดออกมาเองด้วยไม่ใช่แรงลม หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวด้วยชุดนอนมอมแมม สภาพเธอคล้ายกับคนเพิ่งตื่นนอน
ใคร!!?!!
หนุ่ม ๆ ในบ้านแทบจะสะดุ้ง มีเพียงแค่รีชาที่ได้สติก่อนคนอื่น
“อ๊ะ นั่นพี่สาวที่นอนอยู่ตลอดเวลานี่คะ”
ดีนต้องย้อนความทรงจำไปไกลถึงหลายเดือนก่อน ใช่… ในบ้านนี้นอกจากรีชาแล้วยังมีสมาชิกหญิงอีกสองคน คนที่หนึ่งคือไบร์ทที่ตอนนี้น่าจะออกไปเคลียร์เรื่องปริญญาเอก ส่วนอีกคนเขาไม่เคยเจอแต่รู้ว่ามีตัวตนจนเกือบลืม...
ยินดีต้อนรับ ริปลี่ย์ สวอนสัน สู่ทีมงานซ่อมบ้านใหม่…
[เนื้อเรื่องหลังจากนี้อ้างอิงโรลเพลย์ของ Ripley ด้านบน]
โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน +1 Point
|