13/01/2025 14.20 น. - 15.00 น.
บทที่ 34
ภายในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นห้องขนาดกลางที่ดูเหมือนคลังสินค้ามากกว่าร้านกาแฟ โต๊ะคอมพิวเตอร์เรียงแถวติดผนังสองฝั่ง ตรงกลางมีโซฟาสีซีดวางกระจัดกระจาย และมุมหนึ่งของห้องเต็มไปด้วยกล่องพัสดุซ้อนทับกันจนดูคล้ายกำแพง
“ถ้ามองจากข้างนอก คงไม่มีใครคิดว่าที่นี่คือแหล่งรวมข้อมูลของเหล่าเดมิก็อด” คูเปอร์คิดในใจขณะเดินเข้าไป
เขาเลือกที่นั่งมุมสุดของร้าน เปิดคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง และเริ่มพิมพ์คำว่า “Times Square fog” ลงในช่องค้นหา ข่าวที่ปรากฏขึ้นมีตั้งแต่บทความของนักข่าวจนถึงวิดีโอจากคนในพื้นที่
คูเปอร์เอนกายพิงพนักเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าหม่นของอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บ้านเฮอร์มีส พร้อมกับจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า สายตาของเขาวิ่งไปตามตัวอักษรที่ปรากฏขึ้น “หมอกปกคลุม...เขตไทม์สแควร์” เขาอ่านซ้ำในใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ
"หมอกอะไรกันอีกล่ะนี่... เมื่อเที่ยงก็เพิ่งรับคำพยากรณ์มาหมาด ๆ"
ถ้าให้พูดกันตามตรง คูเปอร์รู้สึกว่าต่อจากนี้ไปเขาอาจไม่ค่อยชอบงานที่เกี่ยวกับคำพยากรณ์เท่าไหร่นัก มันมีความไม่แน่นอนเกินไป ทุกรายละเอียดดูเหมือนจะต้องใช้สมองในการถอดรหัส ซึ่งแน่นอน เขาชอบสมองใบน้อย ๆ ของตัวเอง แต่การปวดหัวกับคำใบ้ที่บางครั้งฟังดูเหมือนบทกวีอันพยายามลึกลับโดยใช่เหตุก็ไม่ใช่เรื่องโปรดของเขา
แต่โชคร้ายหรือโชคดีไม่รู้ ไครอนบอกว่า “คำพยากรณ์เจาะจงมาที่นาย" ซึ่งมันก็พอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง... นิดเดียวเท่านั้น
"ประกาศข่าวด่วนทาง CNN... เขตไทม์สแควร์ถูกหมอกปกคลุม... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเจ้าหน้าที่..." คูเปอร์ไล่สายตาไปตามรายงานข่าวที่เพิ่งอัปเดตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อนจะเลื่อนเมาส์ไปคลิกตามลิงก์เพิ่มเติม
คูเปอร์เลื่อนเมาส์อ่านข่าวเพิ่มเติมอย่างใจจดใจจ่อ ข้อมูลใหม่ที่ปรากฏทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น
“บริเวณโดยรอบไทม์สแควร์กำลังจะเริ่มถูกปิดล้อมเพื่อป้องกันคนเข้าไป” เขาอ่านข่าวในเว็บไซต์อย่างละเอียด ก่อนจะเจอส่วนที่ระบุว่า “เจ้าหน้าที่รัฐเตรียมแถลงการณ์เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยโดยรอบพื้นที่”
“เยี่ยมเลย... แค่ต้องจัดการกับหมอกวุ่นวายนี่ก็พอแล้ว ยังต้องหาทางเล็ดลอดเข้าไปอีก” เขาพึมพำพลางพิงหลังกับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยใจ ภาพในหัวเริ่มฉายถึงเขาต้องมุดรั้วหรือแอบปีนกำแพงหลบสายตายามที่เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด
“บอกเลยว่าถ้าโดนจับได้ ฉันคงได้เป็นข่าวแน่” คูเปอร์ยิ้มมุมปากนิด ๆ กับความคิดนั้น แต่แทนที่จะโด่งดังแบบวีรบุรุษผู้กล้าหาญ เขาน่าจะได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ในฐานะ “ชายหนุ่มปริศนาถูกจับขณะปีนรั้วไทม์สแควร์”
“น่าจะดังในแง่ตัวตลกนั่นแหละ” เขาส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าจอต่อไป
การผจญภัยที่นำทางโดยใช้เพียงคำพยากรณ์ฟังดูเหมือนเป็นงานของฮีโร่ในตำนาน แต่ความเป็นจริงมันเหมือนเขาเป็นแค่ตัวประกอบที่ต้องดิ้นรนไม่ให้ถูกหาว่าเป็นอาชญากรมากกว่า
“นี่มันบ้าชัด ๆ” คูเปอร์ถอนหายใจยาว ก่อนจะโน้มตัวมาที่โต๊ะอีกครั้ง หันกลับมาเผชิญหน้ากับปริศนาที่รอการไขต่อไปอย่างยอมรับชะตากรรม
คูเปอร์ถอนหายใจพลางจินตนาการถึงฉากจากละครหรือภาพยนตร์สายลับที่เขาเคยดู อุปกรณ์สุดไฮเทค เสื้อคลุมล่องหน กล้องแว่นตาอินฟราเรด ทุกอย่างดูเท่และล้ำหน้า แล้วเขาก็กลับมามองตัวเอง... เสื้อยืดที่ค่ายแจก กางเกงยีนส์ที่ซักจนสีซีด มีเพียงสมองติดตัวอย่างเดียว พูดตรง ๆ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเอง "ฉลาด" เลยสักครั้ง ใช่ เขาแก้ปัญหาได้บ้าง แต่เมื่อเทียบกับพี่น้องคนอื่น ๆ ในบ้านอะธีน่า เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนนักเรียนที่สอบผ่านแบบหวุดหวิดในวิชาที่ควรจะได้ A+ โดยธรรมชาติ “เป็นความพิเศษที่ไม่อยากจะได้เลยจริง ๆ” เขาคิดในใจ พลางหลุดยิ้มแห้ง ๆ ขณะจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังแสดงข้อมูลเกี่ยวกับหมอกปริศนา...
"ร้านฮีบี้.." เขาพึมพำกับตัวเอง ชื่อร้านนั้นเป็นชื่อที่ไครอนเหมือนจะพูดออกมาตอนที่คูเปอร์ขอให้เขาช่วยถอดความคำพยากรณ์บางส่วนให้
"ดูจากชื่อร้านแล้ว..." เขาเอียงคอ พลางเลื่อนเมาส์ไปมาอย่างครุ่นคิด "ก็หวังว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเทพีฮีบี้จริง ๆ นั่นแหละ เพราะถ้าใช่ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องนี้จะยุ่งแค่ไหน"
เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำให้เขาสะดุ้งตัวโยน ก่อนจะหันไปพบชายสองคนที่ยืนอยู่ คาเลบจากบ้านอะพอลโล คนที่มีรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ และเมเรซ บุตรแห่งอะโฟรไดท์ ที่ดูเหมือนจะเดินออกมาจากโฆษณาน้ำหอมแบรนด์ดังด้วยผมสีชมพูอ่อน ๆ นุ่มฟูเหมือนสายไหม
“นายสนใจข่าวนี้เหมือนกันเหรอ” เสียงเมเรซเอ่ยถาม ดวงตาสองสีของเขาจ้องมายังคูเปอร์
“ที่ไทม์สแควร์สินะ” คาเลบเสริมขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูสงสัยแต่ก็แฝงความตื่นเต้นเอาไว้
คูเปอร์เผลอขยับเก้าอี้เล็กน้อยอย่างประหม่า “ก็... ใช่ หมอกนั่นดูน่าสงสัยดี เลยลองหาข้อมูลดู”
“ไม่ใช่แค่ดูน่าสงสัยหรอก” เมเรซพูดพลางเท้าสะเอว “ฉันพนันได้เลยว่ามันต้องเกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่เราคุ้นเคยแน่”
“แล้วนายล่ะ” คาเลบถาม ขณะที่ดวงตาสีเขียวอ่อนของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอ “ทำไมถึงมานั่งค้นเรื่องนี้”
คูเปอร์ถอนหายใจพลางเอนตัวกลับไปพิงเก้าอี้ “จะบอกว่าบังเอิญก็ไม่ใช่หรอก ฉันเพิ่งได้รับคำพยากรณ์มาจากเรเชลเมื่อช่วงเที่ยง แล้วคุณไครอนก็แนะนำให้มาหาข้อมูลเพิ่มเติมฉันเลยมาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่นี่”
“คำพยากรณ์ว่าไงบ้างล่ะ” เมเรซถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสนอกสนใจ แม้จะพยายามทำหน้าเฉยเหมือนคนที่แค่ถามไปงั้น ๆ
“ก็...” คูเปอร์ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเล่าออกมาโดยไม่ปิดบัง
{ณ ใจกลางมหานครแห่งแสงสี ยามเมื่อเหมันต์เยือกเย็นแผ่ปกคลุม ภัยร้ายแฝงเร้นในเสียงหัวเราะ อากาศที่ควรเย็นกลับนำพาหมอกหนา บดบังทัศนวิสัยแม้แต่ดวงตาแห่งท้องฟ้า สิ่งไร้ชีวิตกลับกลายเป็นเครื่องมือแห่งความโกลาหล เด็กน้อยคือภาพสะท้อนแห่งจุดจบ
จงระวัง เผ่าพันธุ์ตัวจ้อย ผู้กุมความลับแห่งหายนะ หัวหน้าผู้โหดเหี้ยม หมายปลดปล่อยความวุ่นวาย
บุตรแห่งปัญญา เจ้าคือผู้กอบกู้ จงใช้สติและไหวพริบ มองทะลุผ่านม่านหมอก มิตรสหายจักมา พร้อมแสงสว่าง ร่วมกันต่อกรกับความมืดมิด
ชะตาแห่งมหานคร อยู่ในกำมือเจ้า จงเลือกเส้นทาง ด้วยความกล้าหาญและปัญญา}
เมื่อเขาเล่าจบ เมเรซและคาเลบก็เงียบไปชั่วขณะ
“ฟังดูน่าปวดหัวดี” เมเรซพูดขึ้น พลางพิงโต๊ะใกล้ ๆ อย่างไม่แยแส
“นั่นมันเกินกว่าน่าปวดหัวแล้ว” คาเลบพูด พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่นายมีทีมแล้วหรือยัง”
“ยัง” คูเปอร์ตอบพลางยกไหล่ “ตอนนี้แค่พยายามรวบรวมข้อมูลก่อน”
“ถ้างั้นฉันจะไปด้วย” เมเรซพูดขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ฉันก็ด้วย” คาเลบเอ่ยเสริม “หมอกนั่นฟังดูแปลกมาก ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
คูเปอร์มองทั้งสองคนที่เสนอเข้าร่วมทีมอย่างไม่คาดคิด “โอเค งั้นก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาคนอื่นเพิ่ม”
หลังจากนัดแนะวันเวลา ทั้งสามหนุ่มก็ตกลงเตรียมตัวสำหรับภารกิจที่รออยู่ข้างหน้า ขณะที่คูเปอร์ออกจากบ้านเฮอร์มีส เขาอดยิ้มบาง ๆ กับตัวเองไม่ได้ ภารกิจครั้งนี้อาจจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่การมีเพื่อนร่วมทีมแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ชักชวนสมาชิกร่วมเดินทาง
|