พรสวรรค์ลูกหลานมรดกโรมัน

แข็งแกร่งยามค่ำคืน คือคุณสมบัติอันโดดเด่นที่สืบทอดจากสายเลือดของ นิกซ์ เทพีแห่งรัตติกาล โดยพลังนี้จะตื่นขึ้นและเพิ่มพูนอย่างมหาศาลเมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า ในยามรัตติกาล เหล่าสายเลือดของนิกซ์จะได้รับความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น พละกำลัง ที่เพิ่มขึ้นจนสามารถโค่นล้มศัตรูได้ง่ายดาย, ประสาทสัมผัส ที่เฉียบคมขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์, ปฏิกิริยาตอบสนอง ที่รวดเร็วจนมองเห็นการโจมตีได้ล่วงหน้า, ความเร็วและความคล่องแคล่ว ที่ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างไร้ร่องรอยราวกับเงา, และ ความอดทนและความทนทาน ที่สามารถทนรับการโจมตีได้อย่างไม่น่าเชื่อ พลังนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความสามารถทางกายภาพ แต่ยังเป็นการผสานรวมเข้ากับห้วงยามค่ำคืนอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้ใช้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัตติกาลที่ไม่อาจถูกทำลายได้ง่ายๆ ซึ่งเปรียบเสมือนการได้รับพรจากมารดาแห่งรัตติกาลโดยตรงในทุกค่ำคืนที่เธอยังคงแผ่ปกคลุมไปทั่วโลก

"เงาแห่งนิทรานิรันดร์" คือพลังอันเก่าแก่ที่ถักทอด้วยผืนผ้าแห่งความมืดมิดและปกคลุมด้วยความลับที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ เป็นพลังที่สืบทอดโดยลูกหลานของเทพีแห่งรัตติกาลอย่างนอกซ์ พลังนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การควบคุมเงา แต่เป็นการบงการแก่นแท้ของความมืดมิด, ความสงบนิ่ง, และการหลับใหลที่อยู่ลึกลงไปในจิตวิญญาณ ผู้ใช้พลังสามารถ ควบคุมและเคลื่อนย้ายผ่านเงา ได้อย่างอิสระ สามารถบงการให้เงากลายเป็นอาวุธหรือโล่ป้องกัน และยังสามารถหลอมรวมกับเงามืดเพื่อเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นระยะทางใกล้หรือไกลก็ตาม การเคลื่อนที่นี้ไม่ใช่แค่การหายตัว แต่เป็นการสัมผัสกับมิติของความมืดที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความเย็นเยือกและเสียงกระซิบจากอาณาจักรแห่งราตรี นอกจากนี้ พลังนี้ยังมีความสามารถในการ ปลุกเร้าความอ่อนล้าและนิทรา ผู้ใช้สามารถส่งคลื่นพลังงานแห่งความอ่อนล้าเข้าสู่จิตใจของศัตรู ทำให้หมดเรี่ยวแรงและจิตใจหม่นหมองในทันที หรือในขั้นที่สูงกว่าก็สามารถเหนี่ยวนำให้เป้าหมายหลับใหลอย่างรวดเร็วและลึกซึ้งได้ ซึ่งเป็นพลังที่ยากจะต้านทานเพราะมันคือการดึงเอาแก่นแท้ของความสงบนิ่งที่นอกซ์เป็นตัวแทนออกมาควบคุมจิตใจและร่างกายของเป้าหมาย พลัง "เงาแห่งนิทรานิรันดร์" ยังทำให้ผู้ใช้สามารถ ปลอมแปลงตัวตนและซ่อนเร้น ด้วยการบงการ "หมอก" (The Mist) ให้ปกคลุมตัวตนของตนเองและผู้อื่น ทำให้ยากต่อการมองเห็นหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ มันคือการนำคุณสมบัติของรัตติกาลที่ซ่อนเร้นทุกสิ่งมาใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ราวกับเป็นเงาที่ไร้ตัวตนโดยสิ้นเชิง พลังนี้จึงเป็นพลังที่ซับซ้อนและทรงอิทธิพล ที่ทำให้ลูกหลานของนอกซ์เป็นทั้งนักลอบสังหารที่ไร้ร่องรอย, ผู้ควบคุมจิตใจ, และเป็นเงาที่เดินอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้

"ทัศนะสองด้าน" คือพรสวรรค์ติดตัวที่สืบทอดจากรูปลักษณ์สองหน้าของ เจนัส ลูกหลานของเขาจึงได้รับความสามารถโดยกำเนิดในการ รับรู้แนวโน้มของความเป็นไปได้สองทาง (Two Potential Outcomes) สำหรับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ การเจรจา หรือการตัดสินใจในเสี้ยววินาที ความสามารถนี้ไม่ได้เป็นการหยั่งรู้อนาคตที่แน่นอน แต่เป็นการ คำนวณปฏิกิริยาและผลที่ตามมา (Consequence Projection) อย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ทำให้พวกเขาได้รับความได้เปรียบในการต่อสู้ โดยสามารถคาดการณ์ทิศทางการโจมตีในอดีตของศัตรู และแนวโน้มผลลัพธ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ พลังนี้ยังแสดงออกในรูปของ ความสามารถในการมองทะลุคำโกหกและภาพลวงตา เนื่องจากพวกเขาจะรับรู้ถึง "เรื่องราว" สองชุดในเวลาเดียวกันเสมอ คือความจริงและความเท็จ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะหลอกลวงลูกหลานของเทพองค์นี้

คืออำนาจพื้นฐานที่สืบทอดจากเจนัส เทพแห่งประตูและทางเข้าออก ทำให้ลูกหลานของเขาสามารถ บงการมิติของการเปลี่ยนสถานะ ในบริเวณรอบตัวได้อย่างจำกัด พลังหลักคือ การควบคุมประตูและการเปลี่ยนผ่าน (Doorway Manipulation) ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ ปลดล็อกหรือผนึก ทางเข้าออกใด ๆ ได้ในพริบตา และยังสามารถสร้าง ช่องว่างแห่งการเปลี่ยนผ่าน ขนาดเท่าร่างกายบนรอยแตกหรือช่องว่างที่มีอยู่แล้ว เพื่อใช้ในการ เคลื่อนย้ายฉุกเฉิน หรือ หลบหลีกการโจมตี ในระยะทางสั้น ๆ (ไม่เกิน 5 เมตร) ในเสี้ยววินาที นอกจากนี้ ในฐานะเทพแห่งการเลือก พลังนี้ยังมาพร้อมกับการ บงการความไม่แน่ใจ (Ambivalence Infusion) ซึ่งเป็นการปล่อยกระแสพลังงานที่ทำให้ศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง เกิดความลังเลอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจสำคัญ ทำให้ หน่วงเวลา การโจมตีหรือการตอบสนองของพวกเขาจนเสียจังหวะไปอย่างสิ้นเชิง และในเชิงการซ่อนเร้น ลูกหลานเจนัสก็ยังสามารถใช้ การซ่อนเร้นการเปลี่ยนผ่าน (Transition Concealment) โดยบงการหมอก (The Mist) ให้ปกคลุมตัวตนของพวกเขาในขณะที่กำลังเปลี่ยนตำแหน่งหรือหลบหนีผ่านประตูเท่านั้น ทำให้การเคลื่อนไหวเหล่านั้นกลืนหายไปในความคลุมเครือของรัตติกาล