Rael Bewulf | ราเอล เบวูฟท์

Rael -

Rael Bewulf

เกี่ยวกับฉัน
ชื่อ: ราเอล เบวูฟท์ / Rael Bewuft (อังกฤษ) / Raelius Bovuftus (อ่านว่า รา-เอ-ลิ-อุส โบ-วุฟ-ตุส)(ละติน)

ชื่อเล่น: ราเอล 

ฐานะ: เดมี่ก็อต และ ลูกหลานโรม

วันเกิด: 30 กันยายน 2012

สถานที่เกิด: Methodist Le Bonheur Germantown Hospital รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา

ลักษณะทางกายภาพ: รูปร่างผอมเพรียวและดูสูงโปร่งเล็กน้อย มีเขี้ยวน้อย สื่อถึงความเป็นวัยรุ่นที่กระฉับกระเฉง ผิวของเขามีสีแทนเล็กน้อย ผมสีดำสนิทยาวถึงต้นคอ ดูยุ่งเล็กน้อยแต่มีสไตล์ ใบหน้าของเขามีลักษณะอ่อนเยาว์และนุ่มนวล แต่ดวงตาสีอำพันยังคงแฝงความมุ่งมั่นและความอ่อนโยนไว้ คิ้วหนาและรอยแผลเป็นจาง ๆ บนแก้มขวาเพิ่มความโดดเด่น

ครอบครัว:

ต้นตระกูล: ลูคิลลา เบวูฟท์

พ่อ:
แม่:เมดา เบวูฟท์
 พี่น้อง:
อื่น ๆ: (ระบุชื่อ, ความสัมพันธ์ และ อายุ)

สิ่งที่ชอบ:คนที่ไว้ใจได้ , เรื่องน่าตื่นเต้น , หนังสือนิทานของบรรพบุรุษเบวูฟท์ , สัตว์ดุร้าย , สิ่งที่ทำให้เป็นคนเท่
สิ่งที่ไม่ชอบ: คนที่ไว้ใจไม่ได้ , พวกที่หล่อแต่หน้าการกระทำไม่หล่อ , เรื่องยุ่งยากซับซ้อน , เรื่องที่ต้องใช้หัวเยอะ , คนแปลก ๆ
สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข:การผจญภัยในธรรมชาติ , อยู่ร่วมกับสัตว์ป่า , การลุยกับเพื่อนร่วมทีมที่ไว้ใจได้ , การพิสูจน์ตัวเอง ,ความตื่นเต้นท้าทาย,การได้รับการยอมรับ
ความกลัว:

กลัวการถูกกักขัง

จุดแข็ง: รักสนุก ชอบลุย ผาดโผนได้แบบสุด ๆ มีความรู้สึกไวสามารถแยกคนที่ไว้ใจได้กับคนไว้ใจไม่ได้ได้ด้วยสัญชาตญาณ กล้าลองของ

จุดอ่อน: ซื่อเกินไปถ้าไม่บอกตรง ๆ ก็ไม่รู้หรอกครับ , แล้วก็เชื่อสัญชาตญาณตัวเองเกินไปจนไม่ยอมเปิดใจใครคนที่รู้สึกไม่ไว้ใจง่าย ๆ บางคนก็บอกว่าผมแยกสัตว์อันตรายกับสัตว์เลี้ยงปกติไม่ออกด้วยน่ะ

รูปรอยสัก: 

ข้อบกพร่องร้ายแรง: 
โรคประจำตัวเดมี่ก็อต: 

1.โรคดิสเล็กเซีย (ละติน)

2.โรคสมาธิสั้น

แรงจูงใจ

ราเอลมองตัวเองในฐานะผู้กล้าสุดเท่ในนิทานที่เขาเคยฟังตั้งแต่เด็ก เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ และสามารถเผชิญความท้าทายต่าง ๆ ได้

บุคลิกภาพ

ราเอลเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและพลังงานสูง พร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบแหลม แม้เขาอาจมีจุดที่ต้องปรับปรุงในเรื่องการเปิดใจกับผู้อื่นและการวางแผน แต่เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ภักดีและน่าเชื่อถือสำหรับคนที่เขาไว้ใจ.

ประวัติต้นตระกูล

ประวัติของลูคิลลา เบวูฟท์

ปี 1900: การเกิดของลูคิลลา 

 ลูคิลลาเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ปี 1900 ในเมืองเล็ก ๆ รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นลูกสาวของ เฮลีน่า เบวูฟท์ อดีตนาวิกโยธินผู้มากความสามารถ แต่ตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างสงบในชนบท และ เทพมาร์ส (Mars) ผู้ที่ทั้งเฮลีน่าและลูคิลลาไม่รู้ว่าคือเทพแห่งสงครามที่แท้จริง จนกระทั่งในเวลาต่อมา ลูคิลลาเติบโตมาในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ห่างไกลผู้คน เธอแสดงความกล้าหาญตั้งแต่เด็ก โดยมักช่วยแม่ดูแลสัตว์ป่าอย่างหมาป่า เสือ และม้าด้วยความรักและความเชี่ยวชาญ แต่สิ่งที่เธอไม่เคยเข้าใจคือเหตุใดเธอถึงมีพลังพิเศษ เช่น ความสามารถด้านการต่อสู้โดยธรรมชาติ และความรู้สึกถึงอันตรายล่วงหน้า 

 ปี 1912: การเดินทางสู่บ้านหมาป่า 

 เมื่ออายุ 12 ปี มาร์สได้เผยตัวตนแก่ลูคิลลาและแม่ของเธอ พร้อมเปิดเผยว่าลูคิลลาคือลูกครึ่งเทพผู้มีสายเลือดโรมันแท้ มาร์สส่งเธอไปยัง บ้านหมาป่า (Wolf House) ในแคลิฟอร์เนีย สถานที่สำหรับฝึกเด็กที่มีสายเลือดโรมันให้พร้อมเผชิญโลกที่เต็มไปด้วยอสุรกาย ลูคิลลาใช้เวลา 4 ปีในบ้านหมาป่า ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และทักษะการเอาตัวรอด เธอโดดเด่นในด้านการใช้หอกและกลยุทธ์การรบ โดยได้รับฉายาว่า “หอกแห่งหมาป่า” เพราะความว่องไวและแม่นยำ 

 ปี 1916: เข้าร่วมค่ายจูปิเตอร์

 ในวัย 16 ปี ลูคิลลาเดินทางสู่ ค่ายจูปิเตอร์ (Camp Jupiter) ซึ่งตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ที่นั่น เธอฝึกฝนร่วมกับเพื่อนลูกหลานเทพโรมันคนอื่น ๆ และกลายเป็นนักรบมากฝีมือในเวลาไม่นาน เธอได้รับเลือกเข้าสังกัด กองพันที่สิบสองแห่งโรม (Twelfth Legion Fulminata) ซึ่งเป็นกองพันที่เก่าแก่ที่สุดของชาวโรมัน  โดยสังกัตกองร้อยี่ 1โดยเธอทำหน้าที่นักรบแนวหน้า (frontliner) และมีส่วนสำคัญในการต่อสู้กับอสุรกายที่คุกคามแผ่นดิน

 ปี 1926: สิบปีในฐานะนักรบแห่งโรม 

 หลังฝึกฝนในค่ายจูปิเตอร์และรับใช้โรมเป็นเวลาสิบปีเต็ม ลูคิลลาได้รับการเฉลิมฉลองในวันที่ 15 กรกฎาคม 1926 เธอได้รับตำแหน่ง Centurion (หัวหน้ากองร้อย)ประจำกองร้อยที่ 1 ของกองพันที่สิบสองแห่งโรม เธอได้แสดงความกล้าหาญในสงครามหลายครั้ง รวมถึงการต่อสู้กับไททันแห่งป่าในปี 1923 และการปกป้องเมืองซานฟรานซิสโกจากการรุกรานของอสุรกายทะเลในปี 1925 ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้เธอเป็นที่ยกย่องในหมู่ชาวโรมัน

 ปี 1927–1945: การเดินทางในโลกกว้างและชีวิตรัก 

 หลังจากครบวาระการรับใช้ ลูคิลลาออกจากกองพันและเลือกเดินทางสำรวจโลก เธอใช้ชีวิตในยุโรปและเอเชีย โดยศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่าง ๆ และช่วยเหลือผู้คนในยามจำเป็น ในปี 1930 ขณะสำรวจหมู่บ้านในอิตาลี เธอได้พบกับ วิคเตอร์ แอนโทนีอุส (Victor Antonius) ชายหนุ่มที่เป็นอดีตทหารโรมันและสืบเชื้อสายจากลูกหลานเทพเจ้าเช่นกัน ทั้งสองตกหลุมรักและแต่งงานกันในปีเดียวกัน ลูคิลลามีลูกชายหนึ่งคนชื่อ มาร์คัส เบวูฟท์ (Marcus Bewuft) ในปี 1932 เธอสอนลูกเกี่ยวกับความกล้าหาญและสัญชาตญาณที่เฉียบคม 

 ปี 1945–1955: ชีวิตบั้นปลายและการเสียชีวิต 

 หลังจากเดินทางและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ลูคิลลาและครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบในฟาร์มของตระกูลในรัฐเทนเนสซี ที่นั่นเธอเริ่มเขียนบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์การผจญภัย  ในรูปแบบหนังสือนิทาน เพื่อส่งต่อให้รุ่นลูกหลาน ลูคิลลาเสียชีวิตอย่างสงบในปี 1955 ด้วยวัย 55 ปี ความกล้าหาญและเรื่องราวของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกหลานสืบทอดจิตวิญญาณแห่งผู้กล้าในตระกูลเบวูฟท์

Rael -

ประวัติตัวละครของคุณ

ราเอล เบวูฟท์ หรือชื่อในภาษาละตินคือ ราเอลิอุส โบวุฟตุส 

เป็นเด็กหนุ่มสัญชาติ อเมริกัน เกิดวันที่ 30 กันยายน 2012 อายุ 12 ปี 

ช่วงชีวิตในวัยเด็ก 

ราเอลเติบโตขึ้นในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เต็มไปด้วยสิงโต เสือ หมาป่า และม้า นอกจากการทำฟาร์มแล้ว เมดาแม่ของเขายังเลี้ยงดูเขาอย่างเข้มงวด ด้วยลักษณะการเป็นนาวิกโยธิน แม้ว่าเมดาจะไม่รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับเทพมาร์สโดยตรง แต่นิสัยของเธอก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ราเอลได้รับการฝึกฝนในการต่อสู้และการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ราเอลได้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ โดยเฉพาะการขี่ม้า การดูแลสัตว์ป่า และการเดินทางในป่า ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมโปรดของเขา นอกจากนี้ ราเอลยังมีความสามารถพิเศษในการแยกแยะมิตรและศัตรูได้จากสัญชาตญาณของตัวเอง เขามักรู้สึกถึงความท้าทายและการผจญภัยที่อยู่ข้างหน้า 

การพบกับคำสั่งจากต้นตระกูล

 ในวันหนึ่ง เมดาได้มอบจดหมายเก่า ๆ ให้ราเอล ซึ่งเป็นจดหมายที่มาจากลูคิลลาซึ่งเป็นต้นตระกูลของเขา จดหมายนี้ถูกเก็บไว้ในครอบครัวมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเขาไปถึงค่ายจูปิเตอร์แล้วเขาจะเข้าใจทุกอย่าง เมดาบอกลาเขาด้วยคำพูดที่แปลกประหลาดว่า “ลูกเป็นคนพิเศษ” และบอกให้เขาออกเดินทางไปตามคำแนะนำของจดหมาย โดยไม่ต้องห่วงเรื่องอนาคต ราเอลเพียงแค่ต้องเดินไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ให้เขา เมดาบอกกับราเอลอีกว่า “เราเป็นโรม” ซึ่งเป็นคำพูดของลูคิลลาที่ให้ความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับการสืบสายเลือดและภารกิจที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคต