Monster book Eilna Letania

Elina BELIEVER

 

             Monster Book Elina Letania

"Daughter of Neptune"

"Great power arises from tranquility."

Elina BELIEVER

อสุรกายฮาร์ปี้ (Harpy)

รูปลักษณ์อสุรกาย:

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด: (ลิงก์ต่อสู้กับอสุรกายฮาร์ปี้ Lv. 10)

ชีวประวัติอสุรกาย: 

ฮาร์ปี้ (Harpy) เป็นอสุรกายในตำนานเทพปกรณัมกรีก ซึ่งมีลักษณะผสมระหว่างมนุษย์และนก โดยทั่วไปมักถูกพรรณนาว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายของนกขนาดใหญ่ แต่มีหัวและใบหน้าของผู้หญิง รูปลักษณ์ของพวกเธอแฝงไปด้วยความดุร้ายและความน่าหวาดกลัว แม้ในบางตำนานจะกล่าวว่าฮาร์ปี้มีความงดงาม แต่ก็มักเป็นตัวแทนของพลังธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้

---

ตำนานและบทบาท

1. ผู้ลักพาตัว

ฮาร์ปี้มักมีบทบาทเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลักพาตัวมนุษย์หรือสิ่งของสำคัญ พวกเธอได้รับคำสั่งจากเทพเจ้าให้ลงโทษมนุษย์หรือแย่งชิงอาหาร บางตำนานกล่าวว่าพวกเธอจะปรากฏตัวเพื่อขโมยอาหารจากผู้คน ทำให้เกิดความอดอยากและทุกข์ทรมาน

2. ตัวแทนแห่งความตาย

ฮาร์ปี้มักถูกเชื่อมโยงกับความตายหรือความวิบัติ พวกเธออาจปรากฏตัวเพื่อพาวิญญาณของผู้ตายไปสู่ยมโลก

3. เรื่องราวของฟิเนอุส (Phineus)

ในตำนาน "เจสันกับขนแกะทองคำ" (Jason and the Golden Fleece) ฮาร์ปี้ปรากฏตัวในเรื่องราวของกษัตริย์ฟิเนอุส ซึ่งถูกสาปให้มองเห็นอนาคต แต่ต้องทนทุกข์จากฮาร์ปี้ที่มาขโมยอาหารทุกครั้งที่เขากิน อย่างไรก็ตาม พวกเธอถูกขับไล่โดยกลุ่มนักรบที่ช่วยเหลือเจสัน

---

สัญลักษณ์และความหมาย

พลังแห่งธรรมชาติ: ฮาร์ปี้แสดงถึงพลังธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พายุลมแรงที่พัดทำลายล้าง

ความโลภและการลงโทษ: บางครั้งพวกเธอถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความโลภและการลงโทษจากเทพเจ้า

ตัวแทนของความโกรธเกรี้ยว: ฮาร์ปี้มักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของเทพเจ้าที่ลงโทษมนุษย์ที่ทำผิด

---

คุณลักษณะของฮาร์ปี้

ความงามและความน่าสะพรึงกลัว: ฮาร์ปี้บางตำนานมีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่ในหลายเรื่องพวกเธอกลับน่ากลัวด้วยกรงเล็บแหลมคมและใบหน้าที่บิดเบี้ยว

ความเร็ว: ฮาร์ปี้มีความเร็วและความคล่องแคล่ว สามารถโฉบและลอยอยู่เหนือพื้นดินอย่างรวดเร็ว

เสียงร้อง: พวกเธอมีเสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้ศัตรูรู้สึกหวาดกลัวจนไม่สามารถต่อสู้ได้

---

บทบาทในวัฒนธรรมสมัยใหม่

ฮาร์ปี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในงานวรรณกรรม ภาพยนตร์ และเกม โดยมักปรากฏในฐานะศัตรูที่ทรงพลังหรือตัวละครที่เป็นตัวแทนของพลังธรรมชาติที่ยากจะต้านทาน

ฮาร์ปี้ในตำนานจึงเป็นตัวอย่างของความงดงามที่ซ่อนความอันตราย และเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับความโกรธเกรี้ยวของธรรมชาติและการลงโทษจากพระเจ้าในตำนานกรีก

ประสบการณ์ของคุณ: 

เสียงลมที่พัดผ่านพร้อมเสียงร้องสะพรึงกลัวของฮาร์ปี้ทำให้เอลิน่า รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก ดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอจ้องมองไปยังเงามืดของศัตรูที่กำลังโฉบลงมา เธอรู้ว่าฮาร์ปี้ตัวนี้ไม่เหมือนตัวใดที่เคยเจอมาก่อน—มันทั้งเร็วและทรงพลัง

"เราต้องชนะให้ได้!" เอลิน่ากำหมัดแน่นพลางมองดาบไม้เวทมนตร์ในมือเล็ก ๆ ของเธอ ความกลัวเริ่มคลี่คลายเมื่อเธอหวนคิดถึงการฝึกฝนที่ผ่านมาจากอาจารย์ ความหวังเล็ก ๆ ก่อขึ้นในใจ แม้เสียงปีกของฮาร์ปี้จะดังเหมือนฟ้าร้อง เธอก็ยังพยายามตั้งสมาธิ

การโจมตีครั้งแรกของฮาร์ปี้รวดเร็วอย่างน่ากลัว กรงเล็บของมันเฉียดไหล่เธอไปเพียงนิดเดียว เอลิน่ากัดฟัน "นี่คือการทดสอบความกล้าของเรา" เธอบอกกับตัวเอง ก่อนยกดาบขึ้นพร้อมร่ายคาถาป้องกันที่เธอฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ฮาร์ปี้ Lv.10 โจมตีไม่หยุดหย่อน ขณะที่เอลิน่าพยายามโต้กลับด้วยเวทมนตร์ที่ยังไม่สมบูรณ์นัก เหงื่อไหลอาบหน้าเธอ มือของเธอสั่นเล็กน้อยทุกครั้งที่พลาด แต่เธอก็ไม่หยุดพยายาม

"ฉันจะไม่ยอมแพ้!" เธอตะโกนออกมา ความกล้าของเธอเปล่งประกายเมื่อคาถาสุดท้ายสำเร็จ ดาบไม้ของเธอเปล่งแสงสีทองอ่อน ๆ ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าหาฮาร์ปี้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี

เมื่อฮาร์ปี้ล้มลงในที่สุด เอลิน่าทรุดตัวลงกับพื้น หายใจหอบแต่ดวงตากลับสว่างสดใส เธอรู้สึกถึงความภูมิใจในหัวใจ แม้เธอจะยังเด็ก แต่การเอาชนะศัตรูที่น่ากลัวนี้ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้

เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ "ฉันทำได้... ฉันทำได้จริง ๆ" แม้การเดินทางจะยังอีกยาวไกล แต่เอลิน่ารู้ว่าความกล้าหาญในวันนี้จะเป็นก้าวแรกของการเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า.

ได้รับ +1 แต้มตื่นรู้

Elina BELIEVER

อสุรกาย: ก็อบลิน (Goblin)

รูปลักษณ์อสุรกาย:

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด: (ลิงก์การพิชิตอสุรกายก็อบลิน Lv. 4)

ชีวประวัติอสุรกาย: 

ก็อบลิน (Goblin) เป็นอสุรกายหรือสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มีถิ่นกำเนิดมาจากคติความเชื่อพื้นบ้านยุโรป โดยเฉพาะในนิทานและตำนานของชาวเยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศส พวกมันมักปรากฏตัวในนิยายปรัมปรา แฟนตาซี และวรรณกรรมสมัยใหม่ทั่วโลกในฐานะสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์และชอบก่อกวน

ลักษณะทางกายภาพ

1. รูปร่าง: ก็อบลินมักมีรูปร่างเล็ก เตี้ย และบอบบาง สูงประมาณ 1-3 ฟุต แต่บางครั้งอาจมีลักษณะที่น่าเกลียดหรือน่ากลัว

2. ผิวพรรณ: ผิวสีเขียว หม่น ดำคล้ำ หรือซีด ขึ้นอยู่กับตำนาน

3. หูแหลมและจมูกใหญ่: หูยาวแหลม และจมูกใหญ่เป็นเอกลักษณ์

4. ดวงตา: ตาโปนหรือดวงตาขนาดใหญ่ มักมีแสงเรืองรองในที่มืด

5. ฟันแหลมคม: ฟันซี่เล็ก ๆ แหลมคมสำหรับกัดหรือทำร้าย

ลักษณะนิสัย

ก็อบลินมีนิสัยเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งและก่อกวนมนุษย์เพื่อความสนุกสนาน

มักถูกมองว่าเป็นขโมย เนื่องจากชอบขโมยอาหาร เครื่องประดับ และสิ่งของมีค่า

บางตำนานระบุว่าพวกมันมีพลังเวทมนตร์ สามารถเสกคาถาหรือทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดความวุ่นวาย

ก็อบลินบางชนิดมีนิสัยดุร้ายและชอบทำร้ายมนุษย์ แต่บางชนิดอาจช่วยเหลือหากได้รับสิ่งตอบแทน

ตำนานและที่มา

ยุคกลาง: ในยุโรปยุคกลาง ก็อบลินถูกเล่าขานว่าอาศัยอยู่ในป่าลึก ถ้ำ หรือที่มืด เช่น ใต้ดินและบ้านร้าง

นิทานพื้นบ้าน: ก็อบลินบางครั้งปรากฏตัวในฐานะภูตหรือปีศาจที่ลงโทษมนุษย์ที่ประพฤติตัวไม่ดี หรือชอบหลอกลวงผู้คน

ความเชื่อในอังกฤษและสกอตแลนด์: ก็อบลินเป็นสิ่งมีชีวิตในตระกูลเดียวกับ "บราวนี่" หรือภูติบ้าน แต่มีนิสัยชั่วร้ายกว่า

ก็อบลินในวัฒนธรรมสมัยใหม่

ก็อบลินถูกดัดแปลงและใส่บทบาทในวรรณกรรมและสื่อบันเทิงแฟนตาซี เช่น The Lord of the Rings ของ เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน หรือเกมอย่าง Dungeons & Dragons

ในเกมและภาพยนตร์สมัยใหม่ พวกมันมักถูกวาดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอแต่ชดเชยด้วยความว่องไวและความเจ้าเล่ห์

ก็อบลินจึงเป็นอสุรกายที่ผสมผสานระหว่างความขี้เล่น น่าขนลุก และชั่วร้าย ขึ้นอยู่กับตำนานหรือการตีความในแต่ละยุคสมัยและวัฒนธรรมต่าง ๆ

ประสบการณ์ของคุณ: 

ประสบการณ์และความรู้สึกในการต่อสู้ของเด็กหญิงตัวน้อย เอลิน่า เลทาเนีย กับ ก็อบลิน Lv. 4 ที่บริเวณหุบเขาโซโนมา

วันที่เอลิน่าเดินทางมาถึงหุบเขาโซโนมา, เธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย มันไม่ใช่แค่ความเย็นจากอากาศ แต่ยังเป็นความรู้สึกที่ลึกลับเหมือนกับการถูกเงาจากสิ่งที่มองไม่เห็นติดตามอยู่ตลอดเวลา หุบเขานี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดและอันตราย ไม่ใช่แค่ธรรมชาติที่ป่าเงียบสงัด แต่เป็นที่ซ่อนตัวของก็อบลิน Lv. 4 ที่มีความร้ายกาจและชาญฉลาด พวกมันทำลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงและสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน

เอลิน่ารู้ดีว่า ภารกิจของเธอในวันนี้ไม่ง่าย แต่เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้ เธอรับรู้ถึงพลังที่หลั่งไหลจากเทพเนปจูนในตัวเธอ และทุกก้าวที่เธอเดินไปข้างหน้า ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกถึงความกล้าหาญในตัวเองมากขึ้น

การเริ่มต้นการต่อสู้

เมื่อเธอเดินลึกเข้าไปในหุบเขา, ความสงบทำให้ทุกเสียงดูเหมือนจะโดดเด่นขึ้นมา เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกก็อบลินที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ใกล้ๆ มันเหมือนกับการเตรียมตัวของสัตว์ร้ายที่รอจังหวะในการโจมตี

ทันใดนั้น, ก็อบลินสองตัวก็ปรากฏตัวออกมา พวกมันกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วพุ่งตรงเข้ามาหาเอลิน่าด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ก่อนที่เธอจะได้ตั้งตัว เธอกระโดดหลบและยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เรียกพลังจากทะเล สายน้ำที่พุ่งออกมาจากมือของเธออย่างแรงกล้า กลายเป็นเกราะน้ำที่ปกป้องเธอจากการโจมตีของพวกมัน

ความรู้สึกในระหว่างการต่อสู้

การต่อสู้เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อพวกก็อบลินพยายามโจมตีด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วและใช้กลยุทธ์ในการล่อให้เธอเสียสมาธิ เอลิน่ารู้สึกถึงความท้าทายที่มันนำมาด้วย แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นในตัวเธอ ร่างกายที่ไม่อาจเหน็ดเหนื่อยและพลังน้ำที่สามารถควบคุมได้ตามใจ

เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นเหมือนการเต้นรำในคลื่นทะเล ทุกๆ คลื่นน้ำที่เธอสร้างขึ้นไม่เพียงแต่หยุดยั้งการโจมตี แต่ยังมีพลังที่ทำให้พวกก็อบลินต้องถอยหลัง พลังของเธอไม่ใช่แค่สิ่งที่ใช้ต่อสู้ แต่เป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง

จุดเปลี่ยนในเกมการต่อสู้

ระหว่างการต่อสู้, เอลิน่ารู้สึกถึงการทดสอบความสามารถของเธอ พลังของเทพเนปจูนเริ่มหลั่งไหลออกมาอย่างเต็มที่ เธอกระชับมือแน่นและใช้พลังที่เธอเรียกออกมาให้เกิดคลื่นน้ำที่รุนแรงกว่าที่เคย เป็นคลื่นที่สามารถยกพวกก็อบลินทั้งหมดขึ้นจากพื้นและพัดพวกมันไปไกล

หลังจากนั้น, ก็อบลินที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งตัวพยายามหลบหนี แต่เอลิน่าไม่ยอมให้มันหลุดไปได้ง่ายๆ เธอรวบรวมพลังสุดท้ายในตัวเธอและสร้างน้ำวนที่มหาศาลดูดพวกมันเข้าไป ในที่สุด, พวกมันก็ถูกพัดพาไปจนหมดสิ้น

ความรู้สึกหลังการต่อสู้

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง, เอลิน่ารู้สึกถึงความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่ได้พิชิตศัตรูที่ทรงพลังได้ ความกลัวที่เคยมีเริ่มหายไป เธอเรียนรู้ว่า พลังที่แท้จริงไม่ได้มาจากแค่การใช้เวทมนตร์หรือความสามารถพิเศษ แต่มันมาจากความกล้าหาญที่จะเผชิญกับความท้าทายที่อยู่ตรงหน้า

เอลิน่ารู้ว่า การต่อสู้ในวันนี้ไม่ใช่แค่การพิชิตก็อบลิน แต่เป็นการพิชิตความกลัวภายในตัวเอง การที่เธอทำสำเร็จในครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าทุกก้าวที่เธอก้าวผ่านมันไปนั้น สอนให้เธอเติบโตมากขึ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งในร่างกายและจิตใจ

ได้รับรางวันตื่นรู้ +1 แต้ม

Elina BELIEVER

อสุรกาย: อังกูร (Angur)

รูปลักษณ์อสุรกาย:

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด: (ลิงก์การต่อสู้กับอสุรกายอังกูร Lv. 14)

ชีวประวัติอสุรกาย: 

ข้อมูลอสุรกาย "อัลกูล" นี้ระบุว่ามันเป็นสายพันธุ์ย่อยของเนโครฟาจ (สิ่งมีชีวิตที่กินซากศพ) และเป็นญาติทางชีววิทยาของ "กูล" โดยมีลักษณะที่โดดเด่นกว่าอย่างชัดเจน เช่น:

1. ลักษณะทางกายภาพ

ใบหน้าที่ดุดันและเข้มกว่า

ขนาดร่างกายที่ใหญ่กว่า

ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า

2. ลักษณะอื่น ๆ

สีของร่างกายที่แตกต่าง

ความฉลาดที่สูงยิ่งกว่ากูล

แหล่งกำเนิดและการแพร่กระจาย

อัลกูลมีที่มาจากตำนานพื้นบ้านของแถบสแกนดิเนเวีย และด้วยสภาวะความอดอยากและการขาดการควบคุมในยุคสมัยโบราณ พวกมันจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในอาณาจักรตอนเหนือ

ความเกี่ยวข้องกับสงครามแร็กนาร็อก

ความอดอยากและความโกลาหลของสงครามแร็กนาร็อกเมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้พวกมันหลั่งไหลเข้าสู่สมรภูมิ แพร่พันธุ์และดำรงชีวิตได้ในช่วงที่เต็มไปด้วยความตายและซากศพ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิตจำพวกเนโครฟาจ

โดยรวมแล้ว อัลกูลจึงเป็นอสุรกายที่ทั้งทรงพลัง ฉลาด และอันตรายกว่าเนโครฟาจประเภทอื่น ๆ อย่าง "กูล" ทั่วไปนั่นเอง

ประสบการณ์ของคุณ: 

ในคืนที่มืดมิดของหุบเขาโซโนมา เอลิน่า เลทาเนีย เด็กหญิงวัย 14 ปี ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติ เธอไม่ใช่เด็กทั่วไป แต่เธอมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง เพราะเธอมีภารกิจสำคัญ — การปกป้องโลกจากอสุรกายร้าย อังกูล Lv. 14 ที่มุ่งทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

เอลิน่ามีกระบี่กราดิอุสขนาดสั้นเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียว ดาบที่บิดาของเธอมอบให้ก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อหลายปีก่อน ดาบเล่มนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความกล้าหาญสำหรับเธอ

การต่อสู้เริ่มต้น

เสียงคำรามจากอังกูลดังขึ้นจากความมืด ร่างของมันมีขนาดใหญ่และกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง มันยืนอยู่ที่ริมหน้าผา เงาสีเทามืดและเปลวไฟจากดวงตาของมันทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูน่าสะพรึงกลัว เอลิน่าเงียบและตั้งท่าพร้อม เธอไม่กลัวแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

อังกูลพุ่งตัวเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว เสียงเท้าของมันกระแทกพื้นดังก้อง จนหินรอบตัวเอลิน่าหลุดออกจากพื้น เธอกระโดดหลบไปข้าง ๆ และได้ยินเสียงกรงเล็บของมันกวาดไปในอากาศเพียงแค่เสี้ยววินาที หากเธอหลบไม่ทัน ก็คงไม่รอดแน่

การต่อสู้เริ่มยากขึ้น

อังกูลไม่หยุดที่จะโจมตี เอลิน่าไม่สามารถหลบไปเรื่อย ๆ ได้ เธอต้องหาทางโจมตีกลับมัน เธอวิ่งไปตามโขดหินที่อยู่ใกล้ ๆ และสังเกตเห็นจุดอ่อนของมัน — แผ่นหลังที่ไม่ค่อยมีการป้องกันจากเกราะหนาของมัน เธอหายใจลึกและตัดสินใจ

ในขณะที่อังกูลโจมตีอีกครั้ง เธอกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินสูง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่มันจากด้านหลัง ดาบกราดิอุสในมือเล็งไปที่จุดอ่อนบนแผ่นหลังของมันและฟันลงไปอย่างแรง

ชัยชนะที่เกินคาด

กราดิอุสแทงเข้าที่จุดอ่อนของมัน ดาบเล่มสั้นแต่คมกริบของเอลิน่าผ่านเข้าไปจนถึงกระดูกของมัน อังกูลคำรามเสียงดังลั่น ทรุดลงบนพื้น หายใจหอบๆ ก่อนที่มันจะล้มลงอย่างหมดสภาพ ร่างยักษ์ของมันกระแทกพื้นดังก้อง

เอลิน่ายืนอยู่ข้างๆ ร่างของอังกูล หอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า แผลจากกรงเล็บของมันยังคงมีเลือดไหลออก แต่เธอรู้ว่าเธอทำสำเร็จแล้ว — เธอเอาชนะมันได้

คำพูดสุดท้าย

เอลิน่ายิ้มให้กับชัยชนะที่เธอไม่คิดว่าจะได้มาในวัย 14 ปี เธอยกกราดิอุสขึ้นเหนือหัวและพูดเบา ๆ ให้กับตัวเอง "พ่อ... หนูทำได้แล้ว"

หุบเขาโซโนมาเงียบสงบอีกครั้ง เสียงลมพัดผ่านโขดหินและต้นไม้ ดูเหมือนว่าพื้นที่นี้จะไม่มีวันลืมการต่อสู้ของเด็กหญิงที่เคยท้าทายอสุรกายร้ายเพื่อปกป้องความสงบสุข.

ได้รับตื่นรู้ +1 แต้ม

Elina BELIEVER

 

  อสุรกายกูล Ghoul

รูปลักษณ์อสุรกาย:

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด: (ลิงก์พิชิตอสุรกายฝูงกูล 6 ตัว)

ชีวประวัติอสุรกาย: 

กูล (Ghoul) เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อมโยงกับความตายและความมืดในตำนานพื้นบ้านและแฟนตาซี พวกมันเป็นสายพันธุ์ย่อยของเนโครฟาจ (Necrophage) ที่มีลักษณะเฉพาะตัวและพฤติกรรมแตกต่างจากสัตว์ร้ายทั่วไป ดังที่กล่าวถึงในอาณาจักรทางตอนเหนือของสแกนดิเนเวีย มีความโดดเด่นดังนี้:

ลักษณะทางกายภาพ

ผิวหนังซีดเผือด: กูลมีผิวหนังซีดและมักดูเหมือนศพที่ฟื้นคืนชีพ

เขี้ยวและกรงเล็บแหลมคม: ใช้ในการฉีกเหยื่อให้เป็นชิ้น

รูปร่างที่บิดเบี้ยว: มักดูคล้ายมนุษย์ผสมกับลักษณะสัตว์ป่า ทำให้ดูน่าขยะแขยงและน่ากลัว

พฤติกรรมและวิถีชีวิต

การออกล่า:

มักล่าในช่วงกลางคืนหรือช่วงพระจันทร์เต็มดวง

ชอบอยู่กันเป็นฝูงเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการล่า

อาหารหลักของพวกมันคือซากศพที่เน่าเปื่อย แต่หากไม่มีอาหาร พวกมันจะล่าเหยื่อที่มีชีวิต เช่น มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม

แหล่งที่อยู่อาศัย:

สร้างรังในสุสานเก่า สนามรบ หรือพื้นที่ที่มีซากศพจำนวนมาก

มักหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือพื้นที่ที่มีแสงสว่าง

จุดอ่อน

แสง: กูลไวต่อแสงแดดหรือไฟ ทำให้พวกมันหลีกเลี่ยงการออกล่ากลางวัน

เงิน: โลหะเงินมีผลทำลายล้างพวกมัน เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตในตำนานหลายชนิด

ไฟ: ไฟสามารถทำลายหรือขับไล่พวกมันได้

การเผชิญหน้า

ชาวบ้านในพื้นที่มักหวาดกลัวกูล เนื่องจากพวกมันไม่เพียงแค่ล่าซากศพ แต่ยังเป็นภัยต่อชุมชน โดยเฉพาะในคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวง การป้องกันมักรวมถึงการใช้ไฟหรือสร้างสิ่งกีดขวางที่ทำจากเงินบริเวณหมู่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กูลเข้าใกล้

สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม

กูลมักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความตายและความเสื่อมโทรม พวกมันสะท้อนถึงความกลัวของมนุษย์ต่อความมืดและสิ่งลี้ลับในธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยเกิดสงครามหรือมีความตายจำนวนมาก

ประสบการณ์ของคุณ: 

ในรุ่งสางของวันที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เอลิน่า เลทาเนีย เด็กหญิงผู้ถือเพียง กราดิอุสไม้ เดินทางออกจาก หุบเขาโซโนมา ครั้งแรก ความสงบของป่าที่รายล้อมเธอกลับถูกทำลายเมื่อเสียงครางต่ำของสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะอยู่ในที่แห่งนี้ดังขึ้น

จากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ ฝูงกูล 6 ตัว ค่อยๆ ปรากฏตัว ดวงตาสีแดงเรืองรองเหมือนเปลวไฟ และกรงเล็บยาวน่าหวาดหวั่นของพวกมันขู่ว่าจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

แม้จะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่เอลิน่าไม่ยอมให้ความกลัวครอบงำ เธอยืดหลังตรง กราดิอุสไม้ในมือถูกยกขึ้นพร้อมต่อสู้

การเผชิญหน้าครั้งแรก

กูลตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่เธอด้วยความรวดเร็ว เอลิน่าเบี่ยงตัวหลบแล้วฟาดกราดิอุสไม้เข้าใส่หัวมันเต็มแรง เสียงไม้กระแทกกระดูกดังก้องในป่า ตัวกูลล้มลงกับพื้น แต่เพียงไม่นาน อีกสองตัวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน

เอลิน่าใช้ความว่องไว กระโดดหลบการโจมตีของมันอย่างเฉียดฉิว เธอใช้กราดิอุสฟาดใส่ขาของตัวหนึ่งจนมันทรุดลง แล้วหมุนตัวใช้ปลายดาบแทงเข้าใส่อกของอีกตัวอย่างแม่นยำ

ความเหนื่อยล้าเริ่มถาโถม

เหลือกูลอีกสามตัวที่ยังล้อมเธอไว้ เอลิน่าหอบหายใจแรง ขณะที่เหงื่อหยดไหลจากหน้าผาก แต่เธอรู้ดีว่าถ้าเธอหยุด พวกมันจะจบชีวิตเธอทันที

เธอใช้กลยุทธ์ใหม่ ล่อให้พวกมันเข้ามาใกล้ทีละตัว จากนั้นโจมตีอย่างเด็ดขาด กราดิอุสไม้ฟาดเข้าที่คอและข้อต่อของกูลจนพวกมันอ่อนแรง

ชัยชนะครั้งแรกในชีวิต

เมื่อกูลตัวสุดท้ายล้มลง เอลิน่ายืนหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอรู้สึกเจ็บปวดจากรอยข่วนและแรงกระแทก แต่หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความภูมิใจ

เธอมองดูกราดิอุสไม้ในมือ มันเปื้อนเลือดสีดำของกูลแต่ยังคงอยู่ในสภาพดี เธอรู้ว่าอาวุธชิ้นนี้ไม่ใช่เพียงไม้ธรรมดา แต่มันคือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความอยู่รอด

นี่เป็นครั้งแรกที่เอลิน่าได้เรียนรู้ว่าโลกภายนอกเต็มไปด้วยอันตราย แต่เธอก็พิสูจน์ให้ตัวเองเห็นแล้วว่าเธอพร้อมจะเผชิญกับมันทุกครั้งที่มันมาถึง

ได้รับตื่นรู้ +1 แต้ม

Elina BELIEVER

อสุรกายกอร์กอน

 Gorgon

รูปลักษณ์อสุรกาย:

การพิชิตครั้งแรก ณ ที่ใด: (ลิงก์การต่อสู้กับกอร์กอน Lv. 30)

ชีวประวัติอสุรกาย: 

กอร์กอน (Gorgon) เป็นอสุรกายในตำนานกรีกโบราณ มีลักษณะเป็นหญิงที่มีงูแทนเส้นผม และสามารถทำให้ผู้ที่มองสบตากลายเป็นหินในทันที กอร์กอนมีต้นกำเนิดจากเทพนิยายกรีก โดยเรื่องราวของพวกเธอมีความเกี่ยวข้องกับความกลัว ความงาม และบทลงโทษจากเทพเจ้า

ลักษณะและจำนวนกอร์กอน

ในตำนานดั้งเดิม กอร์กอนมีทั้งหมดสามพี่น้อง ได้แก่

1. สเธโน (Stheno): พี่สาวคนโต เป็นอมตะ

2. ยูรีอาลี (Euryale): พี่สาวคนรอง เป็นอมตะ

3. เมดูซ่า (Medusa): น้องสาวคนเล็ก เป็นมนุษย์ธรรมดาและสามารถถูกฆ่าได้

ต้นกำเนิดและคำสาป

เมดูซ่าเดิมเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามและเป็นนักบวชของเทพีอธีนา แต่เธอถูกเทพโพไซดอนล่วงละเมิดในวิหารของอธีนา ด้วยเหตุนี้ อธีนาจึงสาปให้เมดูซ่ากลายเป็นกอร์กอน ผมของเธอกลายเป็นงู และใบหน้าที่งดงามกลายเป็นสิ่งน่ากลัว

บทบาทในตำนาน

เมดูซ่าและเพอร์ซิอุส (Perseus): เมดูซ่ามีชื่อเสียงที่สุดในกลุ่มกอร์กอน เนื่องจากถูกเพอร์ซิอุส ฮีโร่กรีกผู้กล้าหาญ สังหาร เพอร์ซิอุสใช้โล่ขัดเงาของเทพีอธีนาในการมองภาพสะท้อนของเมดูซ่าแทนการมองตรง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นหิน และใช้ดาบตัดศีรษะของเธอ

ศีรษะของเมดูซ่ายังคงมีพลังในการทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นหินได้ เพอร์ซิอุสใช้พลังนี้ในการป้องกันตนเองและช่วยเหลือผู้คน

ความหมายทางวัฒนธรรม

กอร์กอนโดยเฉพาะเมดูซ่าถูกตีความในหลายรูปแบบ

เป็นสัญลักษณ์ของการลงโทษและความกลัว

แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิงในสังคมที่ปกครองโดยผู้ชาย

เป็นแรงบันดาลใจในศิลปะและวรรณกรรม รวมถึงปรากฏในภาพยนตร์และเกมในยุคปัจจุบัน

กอร์กอนเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความงามและความน่าสะพรึงกลัวในตำนานกรีกอย่างลงตัว

ประสบการณ์ของคุณ: 

ตำนานการต่อสู้ของเอลิน่า เลทาเนีย กับ กอร์กอน Lv.30 ณ ริชมอน

---

ริชมอน เมืองริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยสีเขียวขจี เคยเป็นสถานที่เงียบสงบ จนกระทั่งวันหนึ่ง ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วเมื่อ กอร์กอนระดับ 30 ปรากฏตัว สัตว์ในตำนานที่สามารถทำให้ทุกคนที่สบตากลายเป็นหินเริ่มเปลี่ยนชาวเมืองทีละคนให้กลายเป็นรูปปั้น สวนสาธารณะริชมอน ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของชุมชน กลับกลายเป็นสุสานหิน

---

เด็กหญิงที่ไม่มีอะไรนอกจากกราดิอุสไม้

ท่ามกลางความสิ้นหวัง เอลิน่า เลทาเนีย เด็กหญิงอายุ 14 ปี ลุกขึ้นสู้

เธอไม่ได้มีอาวุธทรงพลัง ไม่มีโล่กระจก หรือเวทมนตร์ใด ๆ ในการช่วยเหลือ มีเพียงกราดิอุสไม้ดาบสั้นขนาดเล็กที่เธอเคยใช้ฝึกซ้อมกับพ่อของเธอ

"มันอาจเป็นเพียงไม้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำบางสิ่งบางอย่างได้!" เธอบอกตัวเอง

---

การเผชิญหน้าที่ริชมอน

เอลิน่าเดินเข้าไปในสวนริชมอน สายลมเย็นที่พัดผ่านเต็มไปด้วยกลิ่นของความสิ้นหวัง เสียงขู่ของงูดังมาแต่ไกล ก่อนที่ร่างของกอร์กอนจะปรากฏขึ้นจากเงามืด เส้นผมที่เป็นงูเลื้อยไปมา ดวงตาเขียวเรืองแสงจับจ้องมาที่เธอ

"เจ้ามาเพื่อเป็นหินอีกหนึ่งชิ้นงั้นหรือ?" กอร์กอนพูดด้วยเสียงเยือกเย็น

---

การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความฉลาด

แม้ไม่มีอาวุธที่เหมาะสม เอลิน่าใช้ไหวพริบและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแทนกำลัง

1. การหลบสายตา:

เธอไม่สบตากับกอร์กอนโดยตรง แต่ใช้เงาสะท้อนจากผิวน้ำในบ่อน้ำเก่า ๆ ใกล้เคียง

2. การเคลื่อนไหวรวดเร็ว:

ด้วยร่างเล็กและความคล่องตัว เธอวิ่งวนรอบกอร์กอน หลอกล่อให้อีกฝ่ายพลาดการโจมตี

3. การใช้กราดิอุสไม้:

กราดิอุสไม้ของเธอไม่สามารถทำร้ายกอร์กอนได้โดยตรง แต่เธอใช้มันฟาดงูที่เป็นผมของกอร์กอนทีละตัว ทำให้งูเหล่านั้นชะงัก

---

จุดไคลแมกซ์ของการต่อสู้

กอร์กอนเริ่มโกรธและโจมตีรุนแรงขึ้น เอลิน่าตัดสินใจล่อมันไปยังต้นไม้ใหญ่ที่กลางสวน เธอปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้กราดิอุสไม้จู่โจมลงมาจากด้านบน

เธอฟันกราดิอุสลงไปที่สร้อยคอเวทมนตร์ของกอร์กอน ซึ่งเป็นแหล่งพลังของมัน

แม้กราดิอุสไม้จะดูธรรมดา แต่ด้วยน้ำหนักและความแม่นยำของเอลิน่า สร้อยคอถูกทำลาย กอร์กอนส่งเสียงกรีดร้องก่อนที่ร่างของมันจะสลายไปในสายลม

---

ชัยชนะของเอลิน่า

เมื่อกอร์กอนพ่ายแพ้ คำสาปที่ปกคลุมริชมอนก็หายไป ชาวเมืองที่เคยกลายเป็นรูปปั้นหินกลับคืนสู่ร่างเดิม

"เอลิน่า เธอทำได้!" ชาวบ้านตะโกนด้วยความยินดี

---

บทสรุป

เอลิน่าพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ไม่มีอาวุธทรงพลัง หรือเวทมนตร์ใด ๆ ก็สามารถล้มศัตรูที่น่าเกรงขามได้ด้วยความฉลาด ไหวพริบ และความกล้าหาญ

ตำนานของเด็กหญิงตัวน้อยกับกราดิอุสไม้ กลายเป็นเรื่องเล่าขานในเมืองริชมอนไปอีกนานแสนนาน

ได้รับ +1 ตื่นรู้