บทนำ: “เอลิน่า เดมิก็อดแห่งท้องทะเล”
ยามค่ำคืนในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี 14 ปีก่อน ท้องฟ้าสีดำสนิทประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับ สายลมแห่งมหาสมุทรพัดพากลิ่นเกลือและละอองน้ำให้ลอยฟุ้งในอากาศ เสียงคลื่นซัดกระทบชายฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับบทเพลงจากสรวงสวรรค์
“แคทธารีน...” น้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทรงพลังของเนปจูน ผู้สวมร่างมนุษย์รูปงาม ราวกับหล่อหลอมจากสายลมและสายน้ำ ขานเรียกหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ณ คฤหาสน์ริมทะเล
“ท่านเนปจูน...” แคทธารีนตอบรับ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาแต่เปี่ยมไปด้วยความรักและศรัทธาในผู้ชายตรงหน้า เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าสุกสกาวของเขา ทั้งสองยืนเคียงข้างกันภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องประกายเหนือมหาสมุทร
ในค่ำคืนนั้น ความรักของพวกเขาถูกหล่อหลอมและผนึกแน่น ราวกับท้องทะเลที่โอบกอดผืนทรายไว้ไม่ห่าง และในอีกไม่กี่เดือนต่อมา แคทธารีนก็ได้พบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ด้วยสายเลือดของเทพเจ้า
---
บทที่ 1: กำเนิดเอลิน่า
ณ โรงพยาบาลสแตนฟอร์ด ซิลิคอนวัลเลย์ แสงอ่อนโยนของเช้าวันใหม่สาดส่องมายังห้องพักผู้ป่วยที่อบอุ่น เสียงร้องของทารกน้อยดังก้องขึ้นเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่
“เธอช่างงดงาม...” แคทธารีนกล่าวขณะมองดูลูกสาวของเธอ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายของทารกสะท้อนแสงอย่างน่าอัศจรรย์ เนปจูนปรากฏตัวขึ้นเพียงชั่วครู่ในร่างบุรุษผู้สง่างาม เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากทารกน้อยและกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล
“เอลิน่า... ลูกจะเป็นดวงใจของพ่อ และยามใดที่สายเลือดของลูกตื่นขึ้น พ่อขอให้เจ้าจงเดินตามสัญชาตญาณของเจ้า และมุ่งหน้าไปยังที่ปลอดภัย...”
---
บทที่ 2: ชีวิตที่ริมทะเล
เอลิน่าเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของแคทธารีน แม่ผู้เสียสละทุกอย่างเพื่อลูกสาวตัวน้อย คฤหาสน์ริมทะเลกลายเป็นโลกทั้งใบของพวกเธอ เด็กสาวรักมหาสมุทรอย่างสุดหัวใจ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นกับสัตว์ทะเลและฝึกว่ายน้ำ แคทธารีนเฝ้ามองด้วยความภาคภูมิใจ
ถึงแม้เอลิน่าจะต้องต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต เช่น ดิสเล็กเซียและสมาธิสั้น แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ พรสวรรค์ทางธรรมชาติของเธอที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ทะเลได้ ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กคนอื่น
---
บทที่ 3: สัญญาณแห่งชะตากรรม
เมื่อเอลิน่าอายุครบ 14 ปี เหตุการณ์บางอย่างได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล วันหนึ่งขณะที่เธอกลับจากโรงเรียน เธอพบคนกลุ่มหนึ่งกำลังล่าและทำร้ายปลาวาฬสีน้ำเงิน ด้วยความรักในสัตว์ทะเล เธอรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอตกตะลึง
น้ำทะเลรอบตัวเธอพุ่งขึ้นเหมือนเกลียวคลื่นมีชีวิต โอบล้อมปลาวาฬและผลักเหล่าผู้ล่าออกไป เหตุการณ์นั้นทำให้เอลิน่าตกใจและวิ่งกลับบ้านไปหาแคทธารีน
“แม่! หนูทำแบบนั้นได้ยังไง หนูไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม?” เอลิน่าถามด้วยความตื่นกลัว
แคทธารีนถอนหายใจ เธอกอดลูกสาวไว้แน่น ก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมด
“ลูกคือเดมิก็อด ลูกสาวของเทพเจ้าเนปจูน ถึงเวลาที่ลูกต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนและสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูก...”
---
บทที่ 4: การเดินทางที่ไร้จุดหมาย
แคทธารีนช่วยเอลิน่าเก็บสัมภาระและมอบจดหมายลึกลับฉบับหนึ่งให้กับเธอ พร้อมทั้งกำชับว่า
“ใช้สัญชาตญาณของลูกนำทาง ลูกจะพบสถานที่ที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับลูก เชื่อมั่นในตัวเองนะเอลิน่า”
เอลิน่าก้าวเดินออกจากบ้านหลังเล็ก ๆ ที่เคยเป็นที่พักพิงของเธอด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยคำถามและความหวัง เธอเฝ้ารอที่จะค้นหาคำตอบของชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้
เธอไม่รู้ว่าปลายทางจะนำพาเธอไปสู่อะไร แต่เสียงของมหาสมุทรที่กระซิบแผ่วเบาในหัวใจบอกเธอว่า การเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล...