ชีวิตของโรบินเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อเธออายุ 6 ขวบที่ประเทศญี่ปุ่น เมืองโตเกียว
จากนั้นก็เริ่มต้นอีกครั้งที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่ออายุ 7 ขวบ
และอีกครั้งที่สิงคโปร์ ตอน 8 ขวบ
พอ 10 ขวบเธอก็พบว่าตัวเองอยู่ที่อินเดีย ที่นี่วุ่นวายน่าดูเพราะเธอดันต้องปักหลักอยู่ใจกลางเมืองมุมไบที่เต็มไปด้วยสีสันและควันจากท่อไอเสีย เรื่องที่นับว่าดีน่าจะมีเพียงเรื่องเดียวคือเธอได้เจอกับคนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ คนแรก
แต่ก็น่าเสียดายอีกเช่นกันเพราะในวันเกิดอายุ 11 ปี โรบินก็ต้องไปเริ่มใหม่อีกครั้งที่ออสเตรเลีย เธอจำได้ว่าวันสุดท้ายที่สนามบินฉัตรปตีเป็นครั้งแรกที่เห็นคนเสียน้ำตาให้กับเธอ
สุดท้ายก่อนจะมาถึงค่ายฮาล์ฟบลัด โรบินอาศัยอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์ในอเมริกาเป็นเวลาเกือบ ๆ 2 ปี ส่วนสาเหตุที่ต้องย้ายที่อยู่บ่อยครั้งนั่นเป็นเพราะธุรกิจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอให้เหตุผลว่าเพราะพวกเขาเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการขนส่งชั้นนำ จึงจำเป็นต้องไปดูแลลูกค้าที่สำนักงานใหญ่อย่างใกล้ชิด ซึ่งโรบินยอมรับได้ ถึงแม้ในสายตาของเธอมันจะเหมือนพวกเขากำลังวิ่งหนีจากอะไรบางอย่างอยู่มากกว่า แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไป
การต้องเริ่มต้นใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันสุดขั้วบ่อยครั้งถึงแม้จะน่าเบื่อสุด ๆ แต่มันก็ทำให้โรบินพูดได้หลายภาษาและปรับตัวได้ไว เธอเรียนรู้ที่จะไม่สนิทกับใครมากเกินไปหรือทำอะไรที่สะดุดตา การวิเคราะห์สถานการณ์ว่าใครเป็นจ่าฝูงหรือหมาหัวเน่ากลายเป็นเหมือนความสามารถพิเศษของเธอที่ทำให้เอาตัวรอดมาได้อย่างปลอดภัยโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอมีอาการดิสเลกเซียกับสมาธิสั้นแบบอ่อน ๆ แม้จะมีบางครั้งที่เธอเผลอวูบไปต่อหน้าคนจำนวนมากก็ไม่มีใครเอะใจ
โรบินมีน้องชายอีกคนที่อายุห่างกัน 2 ปี ทั้งสองคนสนิทกันเหมือนพี่น้องทั่วไปและได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ของสมาคมความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับนานาชาติด้วยกัน พ่อและแม่ของทั้งสองได้สร้างสิ่งที่เรียกว่าเป็นครอบครัวอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ให้คนใดคนหนึ่งรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมจากการเลี้ยงดู แม้แต่ตัวโรบินเองยังไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงจำเรื่องราวก่อนตัวเอง 6 ขวบไม่ได้ หรือน้องชายที่ก็ไม่เคยสงสัยเลยเช่นกันว่าตั้งแต่จำความได้จนถึง 4 ขวบโรบินหายไปไหนมา ทั้งคู่ระแวดระวังไปจนถึงทุกสายโทรเข้าจากโรงเรียนและจะไม่ยอมให้ลูก ๆ ทำอะไรที่ไม่น่าเคารพนับถือ ไม่ปลอดภัย หรือไม่มีใครเขาทำกัน จนบางครั้งโรบินก็รู้สึกเหมือนถูกปฏิบัติราวกับเธอเป็นลูกเสือที่ไม่มีใครแน่ใจว่าเชื่องหรือไม่
เรื่องประหลาดในชีวิตโรบินเกิดขึ้นตั้งแต่วันเกิดครบรอบ 12 ปีเป็นต้นมา ที่สวนสัตว์เธอเห็นม้าสีดำมีปีกโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงม้าอาหรับ หรืออควาเรียมที่จัดแสดงโชว์โดยมีนางเงือกจริง ๆ โบกมือให้เธอ หรือเพื่อนร่วมชั้นขาใหญ่กลุ่มหนึ่งมีผมเป็นไฟลุกโชนทั้งหัวในชั้นเรียนวิชาพละ แต่เมื่อกระพริบตาอีกครั้งภาพเหล่านั้นก็หายไป หรืออาการวูบที่เพิ่มความพิเศษขึ้น มันมาพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาจากที่ไกล ๆ เมื่อเธอลองเล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟังโดยหวังจะได้รับการรักษาก็กลับได้คำตอบเป็นเพียงสีหน้ากังวลใจ โรบินเริ่มได้ยินเสียงถกเถียงกันในห้องครัวยามดึกโดยมีคำสำคัญเป็นชื่อของเธอบ่อยขึ้น และในครึ่งเทอมหลังของเกรด 7 เพื่อนสนิทจากอินเดียคนนั้นกลับมาปรากฏตัวอยู่ในห้องเรียนเดียวกันด้วยความตั้งใจของเจ้าตัว เขาบอกกับเธอว่าระหว่างที่เธอย้ายออกไปก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลยจึงออกตามหามาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่นี่โดยหวังว่าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้น ทั้งสองคงจะได้เรียนด้วยกันจนจบมัธยมปลาย
** สถานะปัจจุบัน **
กาบรีลา: แม่แท้ ๆ ของโรบิน เสียชีวิตจากสงคราม
อเล็กซานเดอร์: น้องชายของกาบรีลา รู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของโรบิน ก่อนเสียชีวิตได้เขียนจดหมายสั่งเสียเอาไว้เพื่อให้อิวานไปรับโรบินที่โรงแรมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นตามวันเวลาที่กำหนด พร้อมกำชับให้เลี้ยงดูเหมือนลูกของตน
อิวาน (พ่อบุญธรรม): ลูกชายของคนเดียวของอเล็กซานเดอร์
เบเรนีซ (แม่บุญธรรม): ภรรยาของอิวาน
อิกอร์ : ลูกชายแท้ ๆ ของอิวานและเบเรนีซ