1) เลือกเทพเจ้า: นักเรียนเลือกเทพเจ้าโรมัน/กรีกองค์ใดองค์หนึ่งที่รู้สึกผูกพันหรือสนใจเป็นพิเศษ
Persephone (เพอร์เซโฟนี) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและราชินีแห่งแดนบาดาล
2) ออกแบบแท่นบูชาจำลอง:
ภาพวาดแท่นบูชาเป็นโต๊ะหินอ่อนสีขาวขนาดเล็ก มีผ้าคลุมสีเขียวอมชมพูพาดอยู่ด้านบน บนโต๊ะมีแจกันดอกทิวลิปและดอกแดฟโฟดิลที่กำลังบาน สื่อถึงฤดูใบไม้ผลิและการฟื้นคืนของชีวิต มีเทียนสีทองสองแท่งตั้งคู่กันแทนแสงแห่งความหวัง และผลทับทิมหนึ่งผลวางไว้ตรงกลางแท่นเพื่อระลึกถึงตำนานการกลับสู่ใต้พิภพของเพอร์เซโฟนี ด้านหลังมีรูปวาดลายเส้นของเธอในครึ่งปีที่อยู่บนพื้นโลก สื่อถึงความงดงามและการเริ่มต้นใหม่
สิ่งของแต่ละชิ้นมีความหมายดังนี้ ผ้าสีเขียวชมพูแทนฤดูกาลที่หมุนเวียน, ดอกไม้แทนชีวิตและความบริสุทธิ์, เทียนทองแทนพลังแห่งดวงอาทิตย์ และผลทับทิมแทนพันธะระหว่างชีวิตและความตาย
3) การถวายเครื่องสักการะเบื้องต้น:
วันนี้ฉันถวายผลทับทิมและน้ำสะอาดให้เพอร์เซโฟนี ขณะวางของลงฉันรู้สึกสงบและอบอุ่นเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิในสวนของเธอ เหมือนพี่สาวที่ฉันรักกำลังยิ้มให้จากอีกฟากหนึ่งของดวงอาทิตย์
ส่วนที่ 2: การเขียนจดหมายถึงเทพเจ้าและการสื่อสาร (ปฏิบัติ & ทฤษฎี)
เขียนจดหมาย: เขียน "จดหมายถึงเทพเจ้า" ที่เลือกจากส่วนที่ 1
วัตถุประสงค์: จดหมายฉบับนี้มีไว้เพื่อฝึกการสื่อสารกับเทพเจ้า อาจเป็นการแสดงความเคารพ, ขอคำแนะนำ/พร, หรือเพียงแค่เล่าเรื่องราวส่วนตัว
เรียน องค์เทพอะพอลโล่ผู้ส่องสว่าง (ฉันไม่แน่ใจว่าควรเติมคำว่า หล่อเหลาด้วยไหมเพราะไม่เคยเจอหน้า)
ข้าพเจ้าขอคารวะต่อพลังแห่งแสงอาทิตย์และศิลปะของท่าน แม้ในวินาทีนี้ ข้ากำลังนั่งปั่นการบ้านที่ใกล้จะเดดไลน์เต็มที! 😅 แต่ข้ารู้ว่าการเรียนรู้ (แม้จะยากเย็น) ก็คืออีกหนึ่งหนทางแห่งศรัทธา แม้ข้าจะต้องรับมือกับคลาสที่ 5 ในขณะที่คนอื่นเรียนแค่ 4 ข้าก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด!
ยอมรับว่างอแงอยู่บ้าง แต่ก็อดขำตัวเองไม่ได้เลย ท่านคงจะหัวเราะพรืดแน่ ๆ ถ้าเห็นสภาพข้าในตอนนี้!
ข้าอยากบอกว่าข้ารู้สึกถึงท่านอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อข้าได้พบกับผู้ที่ข้าเชื่อว่าเป็นบุตรชายของท่าน หรือผู้ที่ได้รับพรจากพลังของท่าน เขาชื่อ เลสเตอร์ ในแววตาและเสียงหัวเราะของเขามีแสงแห่งท่านสาดส่องอยู่จริง ๆ
เขาเป็นคนอบอุ่น แต่ก็แฝงความหลงตัวเอง, ขี้เก๊ก, และมั่นใจในตัวเองสูงลิ่ว (เหมือน...ใครบางคนที่เราคุ้นเคย 😉) และมีความเหนื่อยล้าแบบคนที่เคยเป็นเทพเจ้ามาก่อน! ข้ารู้สึกเหมือนมีสายใยประหลาดบางอย่างเชื่อมโยงเราไว้ในโลกใบนี้
ข้าขอเพียงให้ท่านโปรดเฝ้ามองดูเขาและพวกเราทุกคนด้วยความเมตตา ช่วยสาดแสงสว่างของท่านมาในวันที่ชีวิตดูมืดมิด... และได้โปรดอย่าหัวเราะดังเกินไปเวลาข้าบ่นกับท่านในใจนะคะ! (ข้ารู้ว่าท่านฟังอยู่เสมอแหละ!)
ขอพลังแห่งแสงสว่างจงคุ้มครอง
ด้วยความเคารพและความศรัทธาอันซื่อสัตย์ (ปนงอแงเล็กน้อย),
โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม
การสะท้อนความคิด: อ่านจดหมายของตนเอง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
สิ่งที่ต้องตอบ: การเขียนจดหมายนี้ช่วยเสริมสร้าง "ศรัทธาและการเชื่อมโยง" ส่วนตัวกับเทพเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
การเขียนจดหมายนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับเทพเจ้าจริง ๆ ราวกับมีการเชื่อมโยงระหว่างความคิดและพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น ฉันได้ระบายความรู้สึกและได้ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ศรัทธา การเขียนนี้ทำให้ศรัทธาของฉันกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากขึ้น และทำให้ฉันรู้ว่าการสื่อสารกับเทพเจ้าไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แค่จริงใจก็เพียงพอที่จะรู้สึกถึงความเชื่อมโยงนั้นแล้ว
ส่วนที่ 3: การวิเคราะห์ความสำคัญของศรัทธา (ทฤษฎี)
สิ่งที่ต้องตอบ: จากเนื้อหาทฤษฎีในบทเรียน ให้นักเรียนอธิบายถึงความสำคัญของ "ศรัทธาต่อเทพเจ้า" ในวัฒนธรรมโรมันโบราณ ในเชิงสังคมและส่วนบุคคล
ความสำคัญเชิงสังคม:
ศรัทธาต่อเทพเจ้าทำให้สังคมโรมันมีเอกภาพและความสงบสุข เพราะประชาชนร่วมกันประกอบพิธีกรรมและเฉลิมฉลองในวันศักดิ์สิทธิ์ เช่น เทศกาล Saturnalia ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความสุขระหว่างชนชั้น
การบูชาเทพเจ้าช่วยเสริมความชอบธรรมให้แก่รัฐและผู้นำ เช่น จักรพรรดิมักได้รับการเคารพในฐานะผู้ได้รับพรจากเทพ ซึ่งสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในอำนาจของจักรวรรดิ
ความสำคัญเชิงบุคคล:
ศรัทธาเป็นที่พึ่งทางใจ ช่วยให้ชาวโรมันยอมรับชะตากรรมและเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างมีความหวัง เช่น การอธิษฐานต่อเทพวีนัสเพื่อขอพรเรื่องความรักหรือครอบครัว
ศรัทธายังเป็นแนวทางกำหนดคุณธรรมส่วนตัว ชาวโรมันหลายคนยึดถือคำสอนของเทพเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เช่น การซื่อสัตย์และกล้าหาญตามแบบอย่างของเทพมาร์ส ส่งผลให้สังคมมีจิตสำนึกและคุณค่าทางศีลธรรมร่วมกัน