Hippocampus Poseidon's mount
ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่ชื่อถือได้

เทพโพไซดอนเคยกล่าวว่า "ฮิปโปแคมปัส" คือ "เพื่อนที่ไว้ใจได้" เป็นสัตว์พานหนะของโพไซดอน ที่มีความรวดเร็วปราดเปรียว เป็นทั้งราชรถ ม้าศึก และบางครั้งก็ถูกใช้เป็นม้าเร็วในการนำสารจากเทพใต้ทะเล

ฮิปโปแคมปัสสัตว์พาหนะของโพไซดอน


ชื่อภาษาอังกฤษ: Hippocampus
เสียงอ่าน: ฮิป-โป-แคม-ปัส
ประเภท: อสุรกาย
สังกัด: เทพโพไซดอน
ถิ่นที่อยู่: แอตแลนติส
สถานที่พบเจอ: มหาสมุทรแอตแลนติก, น่านน้ำอื่นที่โพไซดอนไปเยี่ยมเยือน หรือ สถานที่อื่น ๆ ที่โพไซดอนสั่งการให้ไปทำงาน

ลักษณะภายนอก:
ส่วนบน: มีลักษณะเป็นม้า มีหัว ขาหน้าและแผงคอแบบม้า บางตัวมีเขาหรือครีบที่สวยงาม
ส่วนล่าง: ตั้งแต่ช่วงอกลงมามีลักษณะเหมือนปลา มีครีบ และเกล็ดเป็นสีรุ้ง

อุปนิสัย: อ่อนโยน ซื่อสัตย์ มีความสง่างาม รักสงบ และกล้าหาญ

ความสามารถพิเศษ: 
 มีความคล่องตัวในน้ำสูง เคลื่อนที่ฝ่าคลื่นน้ำได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคง
 บรรเทาคลื่นลมในทะเลให้ลดลง
 มีพลังแห่งการคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้ายในทะเล 
 เป็นผู้นำทางในทะเลที่ดี

ข้อมูลเพิ่มเติม : 
"Hippocampus" มาจากภาษากรีก ἵππος (hippos) แปลว่า "ม้า" และ κάμπος (kampos) แปลว่า "สัตว์ทะเล"

ตามตำนานกรีกและโรมัน ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์คู่กายที่ลากราชรถของโพไซดอน ราชาแห่งทะเล โดยถูกพรรณนาว่า ราชรถของโพไซดอนถูกลากโดยฮิปโปแคมปัสหลายตัวที่วิ่งอยู่บนผิวน้ำ


นอกจากทำหน้าที่เป็นสัตว์พาหนะ ฮิปโปแคมปัสยังเป็นหนึ่งในบรรดาผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรแอตแลนติสอีกด้วย และอีกหน้าที่หนึ่งของฮิปโปแคมปัสคือการส่งข่าวสารแก่พันธมิตรในท้องสมุทร

บางเรื่องเล่ากล่าวว่า ฮิปโปแคมปัสที่ใจดี เคยนำทางเรือมนุษย์ที่ติดพายุกลางทะเลให้แคล้วคลาดปลอดภัย ทำให้มนุษย์กลุ่มนั้นหันมาศรัทธาเทพโพไซดอน
ความคิดเห็นส่วนตัว

ผมเคยได้ใช้บริการฮิปโปแคมปัส 2 ครั้ง ครั้งแรกจากภารกิจ "เฮติเมืองต้องคำสาป" ส่วนครั้งที่สองในภารกิจ "ตรีศลูที่หายไป"

ส่วนตัวผมคิดว่าฮิปโปแคมปัสเป็นอสุรกายที่เป็นมิตรมาก (ส่วนหนึ่งอาจเพราะผมเป็นบุตรแห่งโพไซดอน) ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม เห็นด้วยตาก็บอกได้ว่าเป็นอสุรกายฝ่ายดี ฮิปโปแคมปัสที่ผมเจอชื่อ "แกลลีย์" กับ "ไทร์รีม"

ผมไปสืบค้นมาอีกที จนรู้มาว่า "เพอร์ซีย์ แจ๊คสัน" พี่ชายที่เป็น 1 ใน 7 วีรบุรุษในตำนาน มีฮิปโปแคมปัสส่วนตัวชื่อว่า "เรนโบว์" หวังว่าสักวันนึงผมจะมีฮิปโปแคมปัสส่วนตัวด้วยเช่นกัน
 
Kelpie Water Spirit
ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่ชื่อถือได้

เทพโพไซดอนเคยกล่าวว่า "เคลพี" คือ "ม้าชั่วร้าย" แต่ก็เป็นม้าสีดำที่สง่างามมาก ๆ 

หมายเหตุ: ผมคิดว่าเคลพีคงจะสวยจริง เพราะตอนที่โพไซดอนพูดสายตาของเขาเป็นประกาย
เคลพีปีศาจน้ำ


ชื่อภาษาอังกฤษ: Kelpie
เสียงอ่าน: เคล-พี
ประเภท: อสุรกาย
สังกัด: -
ถิ่นที่อยู่: สก็อตแลนด์
สถานที่พบเจอ: แม่น้ำ และทะเลสาปในยุโรปเหนือ

ลักษณะภายนอก: มักปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของม้าสีดำที่มีความสง่างามแต่ทว่าน่ากลัว ดวงตาเรืองแสงลุกโชน

อุปนิสัย: ชั่วร้าย เจ้าเล่ห์ ชอบหลอกล่อเหยื่อให้จมน้ำตาย ดุร้ายโดยเฉพาะเมื่อรู้สึกว่าถูกรุกล้ำอาณาเขต
(น้อยมากที่มีรายงานพบว่าเจอเคลพีที่ดี)


ความสามารถพิเศษ: 
 มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ส่วนใหญ่จะแปลงเป็นม้าสีดำ และมนุษย์ บางครั้งแปลงร่างเป็นงูยักษ์
 ความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติ พละกำลังสูงกว่าม้าปกติ
 พลังแห่งการล่อลวงเหยื่อ
 สามารถควบคุมกระแสน้ำในบริเวณที่มันอยู่ได้

ข้อมูลเพิ่มเติม: 
เรื่องเล่าของเคลพีปรากฏในตำนานของชาวเคลต์ โดยพบมากที่ประเทศสก็อตแลนด์ โดยเรื่องเล่า ๆ ว่า เคลพีจะล่อลวงมนุษย์ (โดยเฉพาะเด็ก ๆ และนักเดินทาง) โดยปรากฏตัวในรูปแบบของม้าสีดำที่สง่างาม เชิญชวนให้ผู้คนขึ้นขี่ แรก ๆ มันจะเป็นม้าเชื่อง ๆ ยอมเดินช้า ๆ หลอกให้ผู้ขึ้นขี่ตายใจ จากนั้นมันจะออกวิ่งไปทางแหล่งน้ำ กระโจนลงไปจากนั้นกดให้คนที่อยู่บนหลังจมน้ำตาย

วิธีการเอาตัวรอดจากเคลพีเห็นจะเป็นการไม่ขึ้นขี่มัน หรือหากหลวมตัวไปแล้วให้ใช้โลหะจี้ไปที่ผิวหนัง เคลพีแพ้โลหะ มันจะปวดแสบปวดร้อนเมื่อสัมผัสโดน จากนั้นมันจะยอมปล่อยตัวเหยื่อไป

นอกจากโลหะแล้วเคลพียังไม่ถูกกับแหล่งน้ำบริสุทธิ์
ความคิดเห็นส่วนตัว

เราไม่ควรขึ้นขี่ม้ามั่วซั่ว เพราะมันอาจเป็นเคลพีก็ได้ แต่บุตรแห่งโพไซดอนแบบผม ก็น่าจะรอดล่ะมั้ง?
Seahorse Common sea creatures
ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่ชื่อถือได้

เทพโพไซดอนเคยกล่าวว่า "ม้าน้ำ" คือ "สัตว์ทะเลธรรมดา" 

ขออภัยที่ข้อมูลอ้างอิงมีเพียงเท่านี้
ม้าน้ำสัตว์ทะเลธรรมดา ๆ ที่มีอยู่จริง


ชื่อภาษาอังกฤษ: Seahorse
เสียงอ่าน: ม้า-น้ำ
ประเภท: สัตว์ทะเล
สังกัด: -
ถิ่นที่อยู่: มหาสมุทรทั่วโลก
สถานที่พบเจอ: ทะเลน้ำตื้น ชายฝั่ง แนวปะการัง

ลักษณะภายนอก: 
ส่วนหัว: ม้าน้ำมีหัวที่ยาวและโค้งคล้ายม้า 
ลำตัว: มีเกล็ดแข็งที่ประกอบกันเป็นแผ่น ๆ เพื่อช่วยปกป้องร่างกาย
หาง: เรียวยาวและสามารถใช้พันสิ่งต่าง ๆ เพื่อยึดจับ
ขา: ไม่มีขา แต่ใช้กระดูกสันหลังที่แข็งเพื่อการเคลื่อนไหวในน้ำ
สี: ม้าน้ำมีหลายสีขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น สีเหลือง, สีส้ม, สีดำ, หรือสีทอง

อุปนิสัย: เชื่องช้า เป็นมิตร อยู่รวมกันเป็นฝูง รักความสงบ รักความสะอาด และใช้สัญชาตญาณในการป้องกันตัวเอง


ความสามารถพิเศษ: 
 ปกติม้าน้ำจะเคลื่อนไหวตัวอย่างช้า ๆ แต่เมื่อมีภัยคุกคาม มันจะว่ายน้ำไปหลบใต้ซอกหินได้อย่างรวดเร็ว
 ความสามารถในการพลางตัว เปลี่ยนสีได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
 การใช้หางม้วนหยิบจับพืชใต้ทะเลได้อย่างเหนียวหนึบ สำหรับการทรงตัวใต้น้ำ
 การตั้งท้องโดยเพศผู้ โดยม้าน้ำเพศผู้จะดูแลฟักไข่ในกระเป๋าท้องของตัวเองจนกระทั่งลูกม้าน้ำพร้อมเกิดออกมา

ข้อมูลเพิ่มเติม: 
ม้าน้ำ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างไปจากปลาชนิดอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ มีกระดูกหรือก้างมาห่อหุ้มเป็นเกราะอยู่ภายนอกตัวแทนเกล็ด ส่วนหางของแทนที่จะเป็นครีบสำหรับว่ายน้ำไปมาอย่างปลาชนิดอื่น กลับมีหางยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน มีไว้เพียงเพื่อเกี่ยวยึดตัวเองกับพืชน้ำหรือปะการังในน้ำ มีครีบอกและมีครีบบางใสตรงเอวอีกครีบหนึ่งช่วยโบกพัดกระพือ

ม้าน้ำ เหมือนกับปลาชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในวงศ์เดียวกันนี้ คือ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายอุ้มท้อง โดยมีอวัยวะตรงบริเวณหน้าท้องคล้ายถุง ใช้สำหรับเก็บไข่และฟักเป็นตัว เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ม้าน้ำตัวผู้จะปรับเปลี่ยนสีของลำตัวเพื่อดึงดูดม้าน้ำตัวเมีย จากนั้นตัวผู้จะใช้หางโอบกอดตัวเมียพร้อมกับแอ่นท้องประกบกับท้องเข้าหากัน ตัวเมียจะออกไข่ใส่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ และม้าน้ำตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้อง โดยใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนแล้วแต่ชนิด

เมื่อคลอด ม้าน้ำตัวผู้จะบีบกล้ามเนื้อส่วนท้องและพ่นลูกม้าน้ำทั้งหมดออกจากกระเป๋าหน้าท้อง โดยที่ม้าน้ำมีพฤติกรรมแบบคู่เดียวตลอดทั้งชีวิต กล่าวคือ จะจับคู่อยู่กันเพียงตัวเดียว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีอันเป็นไป ก็จะไม่หาคู่ใหม่
ความคิดเห็นส่วนตัว

แม้ว่าม้าน้ำจะเป็นเพียงสัตว์ทะเลธรรมดาไม่ใช่อสุรกายเหมือนกับตัวอื่น ๆ ในการบ้านครั้งนี้ แต่มันเป็นสิ่งมีชิวิตตัวเล็ก ๆ ที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก

ประการแรก ม้าน้ำถือว่าเป็นปลา แต่หน้าตาของมันไม่มีสิ่งใดที่คล้ายปลาเลยแม้แต่น้อย จนทำให้คนเข้าใจผิดว่ามันเป็นสัตว์สปีชี่ส์อื่น

ประการที่สอง จากการที่ม้าน้ำตัวผู้สามารถอุ้มท้องแทนตัวเมียได้ ซึ่งมีน้อยชนิดมากบนโลก (สัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่ค้นพบคือ กุ้งก้ามกราม ปลาค้างคาว และกบไม้ดอก) นอกจากนี้เห็นจะมีแต่มนุษย์เพศชายที่รักกับเทพชายจนถูกทำให้ท้องด้วยเวทมนตร์

ประการที่สาม ม้าน้ำถือเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่มีคู่เดียวตลอดชีวิต ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก ๆ
Nilgai Himalayas Creature
ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งที่ชื่อถือได้

เทพโพไซดอนเคยกล่าวว่า "น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้เห็นนิลกาย" เพราะว่ามันอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ที่อยู่คนละมิติกับโลกมนุษย์
นิลกายอสุรกายในป่าหิมพานต์


ชื่อภาษาอังกฤษ: Nilgai 
เสียงอ่าน: นิน-ละ-กาย
ประเภท: อสุรกาย
สังกัด: เทพฮินดู
ถิ่นที่อยู่: ป่าหิมพานต์
สถานที่พบเจอ: เอเซียใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

ลักษณะภายนอก: มีรูปร่างเหมือนม้าผสมมังกรทางฝั่งเอเซีย เป็นม้าขนาดใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษคือลำตัวที่มีสี น้ำเงิน หรือ นิล มีเกล็ดมังกรบนลำตัว มีเขี้ยวหรือปีก

อุปนิสัย: เย่อหยิ่ง สง่างาม ซื่อสัตย์ต่อเทพเจ้า เป็นผู้ปกปักรักษา ดุร้ายเมื่อถูกคุกคาม

ความสามารถพิเศษ: 
 ปกป้องและรักษาสมดุล มีพลังขจัดสิ่งชั่วร้าย สร้างเกราะป้องกัน
 มีพลังรักษาและฟื้นฟูธรรมชาติ
 มีพลังแห่งการเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และโลกของทวยเทพ
 มีพลังควบคุมธรรมชาติ
 มีพลังสื่อสารผ่านจิต

ข้อมูลเพิ่มเติม: 
อีกชื่อหนึ่งของนิลกายคือ "ม้านิลมังกร"
ในตำนานป่าหิมพานต์ ม้านิลมังกร หรือ นิลกาย มักถูกกล่าวถึงว่าเป็นสัตว์ที่มีพลังพิเศษและอำนาจในตัว มันอาศัยอยู่ในส่วนลึกของป่าหิมพานต์ ซึ่งเต็มไปด้วยความลึกลับและอันตราย สัตว์เหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับ เทพเจ้า หรือ พลังแห่งธรรมชาติ ที่มีบทบาทในการรักษาความสมดุลของธรรมชาติ

ในบางตำนานกล่าวว่า นิลกาย มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครอง
"ต้นไม้แห่งชีวิต" หรือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ซ่อนอยู่ในป่าหิมพานต์ ตำนานบางเรื่องเล่าว่า ม้านิลมังกรจะปรากฏตัวเมื่อมีภัยคุกคามต่อโลกมนุษย์หรือเมื่อผู้คนต้องการความช่วยเหลือจากสัตว์เทพ
ความคิดเห็นส่วนตัว

นอกจากนิลกายที่เป็นอสุรกายแล้ว ยังมีนิลกายที่เป็นสัตว์สัตว์ในแถบเอเซียใต้ด้วย ดังนั้นผมจึงอยากเพิ่มเติมข้อมูลของนิลกายที่เป็นสัตว์จริง ๆ แทนการแสดงความคิดเห็น 

นิลกาย จัดเป็นเพียงสัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Boselaphus มีรูปร่างลักษณะคล้ายวัวผสมกับม้า ตัวผู้มีลักษณะเด่น ที่ สีลำตัวเมื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หรือสีเทาปนดำ อันเป็นที่มาของชื่อ ถือเป็นแอนทีโลปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ลำตัวใหญ่ แต่มีขาเล็กเรียว ตัวผู้มีเขาเล็ก ๆ โค้งไปข้างหน้าเล็กน้อย มีขนแข็งยาวขึ้นจากส่วนหัวไล่ไปถึงกลางหลังทั้งสองเพศ ขณะที่ตัวเมียมีสีออกน้ำตาลแดง

นิลกาย เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกระจายพันธุ์ในราบตอนเหนือของอินเดียและทางภาคตะวันออกของปากีสถาน ชอบอยู่ตามที่ราบและเนินเขาที่มีไม้พุ่มเตี้ยมากกว่าอยู่ในป่าทึบ 
เป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางวัน และพักผ่อนในเวลากลางคืนเหมือนสัตว์ในวงศ์เดียวกันชนิดอื่น ๆ แต่กินอาหารหลากหลายกว่า เพราะกินทั้งต้นไม้, ใบหญ้า, ใบไม้ และผลไม้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความสามารถพิเศษ คือ สามารถอดน้ำได้หลายวันโดยไม่มีน้ำดื่ม แต่มักจะอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ โดยส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นกลุ่มประมาณ 15 ตัว บางกลุ่มอาจมีถึง 20 ตัว ยกเว้นตัวที่อายุมากแล้วมักจะปลีกตัวไปอยู่ตามลำพัง และจะรวมตัวกันอีกทีก็ในช่วงฤดูหนาว

ปัจจุบัน นิลกายพบจำนวนมากในที่ สวนลุมพินีวัน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า และเชื่อว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ด้วย เป็นสัตว์ที่เชื่อว่าหากใครได้พบเห็น จะพบกับความเป็นสิริมงคล แต่นิลกายก็ถือเป็นสัตว์ที่รบกวนกินพืชผลของเกษตรกรเสียหายได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก ทางการอินเดียจึงอนุญาตให้ล่าสัตว์ชนิดนี้ได้อย่างถูกกฎหมาย ขณะที่อีกไม่น้อยถูกรถชน นอกจากนี้ยังต้องขาดแคลนที่อยู่ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และมีศัตรูตามธรรมชาติอีกอย่างคือเสือและสิงโต ทำให้ปัจจุบันเหลือปริมาณ นิลกายอยู่ไม่มากแล้ว ในอินเดียมีประมาณ 100,000 ตัวเท่านั้น ส่วนที่รัฐเท็กซัสในสหรัฐอเมริกาถูกนำไปเลี้ยงในสวนสัตว์บ้าง