Jung Soyeon (จอง โซยอน)
Jung Soyeonhttps://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/1000063125adaad9f055d1eec6.jpg
เกี่ยวกับฉัน
ชื่อ: Jung Soyeon (จอง โซยอน)ชื่อเล่น : Yona (โยนะ)วันเกิด: 27 กรกฎาคม 2013สถานที่เกิด: ไม่ได้ระบุไว้ว่าเกิดในสถานที่ใดเชื้อชาติ: เกาหลี
ลักษณะทางกายภาพ: เธอมีใบหน้าสวยหวาน รูปทรงไข่เล็กน้อย ผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อย เธอมักจะชอบไว้ผมยาว และ ผมสั้นสีดำเข้ม และเธอมีดวงตาสีดำ และ น้ำตาลเข้ม และมีรอยสักซึ่งมีสัญลักษณ์ ที่สืบทอดความเป็นลูกหลานแห่งโรม ผู้มีสายเลือดแห่งเทพีวีนัส และ ตัวของเธอยังเป็น บุตรีแห่งเทพอพอลโล อยู่ที่ตรงบริเวณแขนข้างขวา ไร้รอยแผลเป็น
ครอบครัว:ต้นตระกูล: Jung Taejin (정태진) “ผู้ค้ำจุนด้วยเกียรติแห่งนักรบ และหล่อหลอมรักแท้ด้วยเลือดแห่งวีนัส”แม่: Jung Sookhee
สิ่งที่ชอบ: 1. เสียงดนตรีจากเปียโนคลาสสิก2. การวาดภาพด้วยสีน้ำ3. แสงแดดยามสาย4. นิทานกรีกโบราณ และตำนานโรมัน5. ดอกคามิเลีย (Camellia)สิ่งที่ไม่ชอบ: 1. เสียงดังและการทะเลาะกัน2. การถูกจ้องมองหรือพูดถึงในที่สาธารณะ3. แสงไฟนีออนจ้า หรือแสงไฟที่กระพริบเร็ว4. ความรู้สึกถูกบังคับหรือควบคุม5. คำโกหก แม้จะเล็กน้อยก็ตามสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข:1. การได้นั่งเงียบ ๆ ข้างคุณแม่ในยามเช้า พร้อมเสียงนกร้องและกลิ่นชาดอกไม้จาง ๆ โซยอนชอบเช้าอันเงียบสงบแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านผ้าม่าน และอ้อมแขนอุ่นของแม่ที่โอบกอดเธอไว้ขณะนั่งจิบชาด้วยกัน “ในช่วงเวลานั้นโลกทั้งใบเงียบงัน… ยกเว้นหัวใจของเราที่เต้นพร้อมกัน”
2. การวาดภาพและระบายสีในสมุดเล่มโปรดของเธอเธอไม่ได้วาดเพื่อความสวยงาม เธอวาดเพื่อถ่ายทอดบางอย่างที่พูดไม่ได้… บางทีเป็นแสงอาทิตย์เหนือทุ่งลาเวนเดอร์ บางทีก็เป็นเงาร่างของใครบางคนที่เธอฝันถึงเสมอ
3. เสียงเปียโนที่ไหลลื่นและแว่วหวานโดยเฉพาะเมื่อเป็นคุณแม่ของเธอที่บรรเลง… หรือบทเพลงที่เธอเคยได้ยินตั้งแต่ในท้อง เสียงนั้นเป็นเหมือนสายน้ำเย็นใสที่ไหลลูบหัวใจเธอให้สงบ เธอหลับตาและยิ้มได้เสมอ
4. การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติป่า ดอกไม้ หรือ ริมทะเลในฤดูร้อนโซยอนมีจิตวิญญาณเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติ เมื่อเธอได้สัมผัสพื้นดิน ใบไม้ หรือไล่ตามผีเสื้อกลางแสงแดด จิตใจของเธอจะเบิกบานเหมือนดอกไม้แรกแย้ม “แม่ขา หนูว่าเสียงลมกำลังหัวเราะอยู่นะคะ”
5. การเขียนบันทึก หรือจดหมายถึงคนที่เธอรัก แม้พวกเขาจะอยู่ไกลหรือไม่มีคำตอบกลับมา มันเป็นทางลัดของหัวใจ
เธอรู้สึกว่าเมื่อเธอเขียน จิตใจเธอได้เดินทางไปหาผู้รับจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น “คุณพ่ออะพอลโล่” หรือ “คุณยายผู้เขียนจดหมายเก่า ๆ ไว้ให้”
6. การได้ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ต้องถูกขอ เธอจะมีรอยยิ้มอบอุ่นและเปล่งประกายที่สุด เมื่อได้หยิบผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อน น้ำดื่มให้คุณลุงคนขายของ หรือแม้แต่เก็บลูกแมวหลงทางมาเลี้ยงไว้ในผ้าห่ม
ความกลัว:
1. การสูญเสียคนที่เธอรักไป … โดยไม่ทันได้บอกลา โซยอนไม่เคยพูดมันออกมา แต่เธอกลัวลึก ๆ ว่าวันหนึ่งแม่ของเธอจะจากไป หรือใครบางคนที่เธอรักจะจางหายไปราวหมอก
"ถ้าหนูตื่นมาแล้วไม่เห็นแม่… หนูจะทำอย่างไรดีคะ?"
2. ความเงียบงันที่ยาวนานผิดปกติ ไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นความเงียบที่ว่างเปล่า ไม่มีเสียงนก ไม่มีเสียงลม ไม่มีแม้แต่เสียงหัวใจตัวเอง เธอเคยฝันถึงมัน และตื่นขึ้นมาด้วยน้ำตาบนใบหน้า
มันเป็นความเงียบ… ที่เหมือนโลกทั้งใบลืมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้
3. การถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในที่ที่เธอไม่รู้จักโดยเฉพาะในที่ที่ไร้ความอบอุ่น ไร้แสงอาทิตย์ และไม่มีมือของใครให้จับไว้ โซยอนจะวิตกอย่างรุนแรงถ้าหลงทาง หรือถูกแยกจากแม่โดยไม่ทันตั้งตัว
และมัน "กำลังจะเอื้อมมือมาหาเธอ"
4. ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเธอเอง ที่บางครั้งก็หนักเกินไปสำหรับเด็กหญิงวัยสิบสอง แม้เธอจะได้รับรู้ว่าตนเป็นลูกของเทพอะพอลโล่ แต่เธอก็ยังรู้สึก… แปลกแยกและหวั่นไหว ความเป็นเดมี่ก็อตนั้นยิ่งใหญ่ และบางครั้งเธอแค่อยากเป็น “แค่โซยอนธรรมดา” เท่านั้น
5.อสุรกายและเงามืดที่เธอเริ่มเห็นตั้งแต่อายุ 12 มันไม่ใช่เพียงภาพน่ากลัว แต่มันคือความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง "รู้จักเธอ" ดียิ่งกว่าเธอรู้จักตัวเอง
จุดแข็ง:จุดแข็งของจองโซยอน1. หัวใจที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้อื่น (Empathy สูงมาก)โซยอนสามารถรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นได้ลึกซึ้ง แม้เพียงแค่มองแววตา หรือสัมผัสลมรอบกาย นี่คือพรแห่งสายเลือดเทพ แต่เธอใช้มันด้วยหัวใจของมนุษย์
2. พรสวรรค์ด้านเสียงดนตรี การเล่นเปียโนไม่ใช่แค่ความสามารถ แต่มันคือ “ภาษาหัวใจ” ของโซยอน เสียงที่เธอใช้พูดกับโลกในแบบของเธอทุกครั้งที่เธอวางนิ้วบนคีย์เปียโน เธอเยียวยาความรู้สึกของผู้ฟังได้โดยไม่ต้องเอ่ยคำ
3. จินตนาการอันลึกซึ้ง และจิตใจที่มีความฝัน เธอมักมองเห็นโลกในมุมที่คนอื่นไม่เคยมอง เธอเชื่อว่าสายลมมีชื่อ และว่าผีเสื้อจำเสียงหัวเราะของเธอได้
4. จิตใจหนักแน่นเกินวัย แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนบาง แต่โซยอนมีจิตใจมั่นคงและไม่หวั่นไหวต่อคำพูดทำร้ายหรือแรงกดดันจากภายนอก เธอสามารถยืนหยัดในสิ่งที่ตนเชื่อโดยไม่จำเป็นต้องเสียงดัง เธอคือ “ความกล้าที่เงียบงัน”
5. ความกล้าหาญเงียบ ๆ เธอไม่ใช่เด็กที่ชอบต่อสู้ แต่หากใครทำร้ายคนที่เธอรัก เธอจะยืนหยัดอย่างไม่ถอย แม้หัวใจจะสั่นก็ตาม
จุดอ่อน1. อ่อนไหวง่าย และมีความรู้สึกมากเกินไปในบางสถานการณ์ความสามารถในการ “รับรู้ความรู้สึกของคนอื่น” นั้นเป็นพร แต่ก็กลายเป็นภาระเมื่ออยู่ในที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
2. ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง เพราะความเป็นเดมี่ก็อตทำให้เธอรู้สึก “แตกต่าง” เธอจึงมักตั้งคำถามว่า “ตัวเองสมควรมีอยู่ในโลกใบนี้หรือไม่”
3. ไม่สามารถโกหกได้ดี ความจริงใจของโซยอนนั้นใสสะอาดจนแทบไม่สามารถปิดบังอะไรได้เลย เธอเป็นหนังสือเปิดที่ทุกคนอ่านออก
4. ไวต่อเสียงและบรรยากาศรอบตัว เสียงดังเกินไป แสงวูบวาบ หรือบรรยากาศที่กดดัน จะทำให้เธอเกิดอาการปวดหัวหรือสั่นกลัว
5. กลัวการสูญเสีย และไม่กล้าผูกพันกับใครง่าย ๆ ถึงแม้เธอจะอบอุ่นและรักทุกคน แต่ในใจลึก ๆ เธอกลัวว่า “ใครคนนั้นจะจากไป” ดังนั้นเธอมักหลบสายตา หรือสร้างกำแพงเล็ก ๆ ไว้เงียบ ๆ
รูปรอยสัก:
https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/1000063284.md.png
ข้อบกพร่องร้ายแรง: ไม่มีโรคโรคประจำตัวเดมี่ก็อต:1.โรคดิสเล็กเซีย (ละติน)2.โรคสมาธิสั้น
แรงจูงใจ"ฉันอยากเข้าใจว่าฉันคือใคร ... และจะรักโลกใบนี้ได้อย่างไร ทั้งที่ฉันไม่แน่ใจว่ามันรักฉันจริงหรือเปล่า"
1. ค้นหาตัวตนที่แท้จริง
โซยอนเติบโตมาพร้อมความรู้สึกว่าตนเอง "แตกต่าง" แต่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไม จนกระทั่งรู้ความจริงว่าเธอเป็นลูกของเทพอะพอลโล่ แรงจูงใจของเธอคือการตามหาว่า แท้จริงแล้วเธอคือใคร และ เกิดมาเพื่ออะไร“หากฉันเป็นแสง... แล้วฉันควรส่องสว่างให้ใคร?”
2. ต้องการรู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร
การที่เติบโตมากับแม่เพียงคนเดียว ทำให้เธอซาบซึ้งในความรักที่อ่อนโยนแต่ก็อยากรู้ว่ารูปแบบของความรักอื่น ๆ เช่น ความรักของพ่อ ความรักแบบเพื่อน หรือความรักแบบคู่ชีวิต จะมีอยู่จริงไหม และจะมอบให้ใครได้บ้าง
3. ปกป้องคนที่เธอรักจากอสุรกายและภัยเหนือธรรมชาติหลังจากที่เริ่มเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติและถูกรู้ว่าอาจตกเป็นเป้าของเหล่าอสุรกาย เธอมีแรงผลักดันในการฝึกฝนและเรียนรู้พลังของตน เพื่อจะไม่ต้องหนี แต่จะสามารถ ปกป้องผู้อื่นได้ด้วยตัวเอง “ฉันไม่อยากให้แม่ต้องกลัวอีกต่อไป”
4. ตามรอยบรรพบุรุษ เพื่อคืนชีวิตให้กับชื่อเสียงตระกูล Jung แห่งโรม เมื่อได้รับจดหมายของคุณยาย และได้รู้ว่าตนมีสายเลือดของเทพวีนัสและโรมัน แรงผลักดันอีกส่วนของเธอจึงกลายเป็นการ “ยืนหยัดในนามของผู้หญิงในตระกูล Jung” เพื่อยืนยันว่า เราคือโรม… เรายังอยู่… และเราจะไม่ถูกลืม
5. แสวงหาสถานที่ที่เธอจะ ‘เป็นตัวเอง’ ได้โดยไม่ต้องซ่อน โซยอนรู้สึกว่าตนไม่สามารถเปิดเผยตัวตนในสังคมมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เธอจึงแสวงหาดินแดน สถานที่ หรือแม้แต่ผู้คน ที่เธอจะได้ “เป็นตัวของตัวเอง” ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกมองว่าแปลกหรือผิด“มีที่ไหนในโลกไหม ที่ฉันจะหัวเราะโดยไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง?”
บุคลิกภาพภายนอกที่ทุกคนเห็น
สงบ เรียบร้อย และลุ่มลึก
โซยอนมักปรากฏตัวอย่างเงียบสงบ คล้ายภาพวาดสีน้ำที่แค่ได้มองก็รู้สึกเย็นใจ เธอไม่ใช่เด็กหญิงที่ชอบเป็นจุดสนใจ แต่เมื่อใดที่เธอเอ่ยปากพูด เสียงนั้นจะคล้ายบทกวีที่ถูกทอด้วยสายลมอ่อน ชวนให้คนฟังหยุดโลกไว้ชั่วขณะ
มีมารยาทสูง และช่างสังเกต
เธอเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ เงียบเพราะฟัง ไม่ใช่เพราะเฉยชา มักสังเกตได้ถึงอารมณ์หรือแม้แต่รอยร้าวที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของผู้อื่น จึงมักมีคำพูดที่เหมาะเจาะต่อสถานการณ์เสมอ
เปี่ยมเสน่ห์แบบธรรมชาติ
เสน่ห์ของเธอไม่ใช่ความสวยที่แต่งแต้ม แต่เป็นความละมุนที่แผ่ออกมาโดยไม่ต้องพยายาม ผู้คนมักรู้สึกไว้วางใจเธอโดยไม่รู้ตัว ราวกับเธอเป็นพื้นที่ปลอดภัย
ภายในที่แม่รู้ดีที่สุด
อ่อนไหวแต่กล้าหาญ
เธอร้องไห้เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตบาดเจ็บ เธอเจ็บเมื่อเห็นใครถูกทอดทิ้ง… แต่ในเวลาเดียวกัน เธอคือคนที่จะลุกขึ้นปกป้องแม้ตัวเองจะสั่นกลัว
สรุปสั้น ๆ บุคลิกของโซยอนใน 5 คำ
อ่อนโยน – ลึกซึ้ง – อ่อนไหว – กล้าหาญ – ลึกลับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Soyeon เมื่อ 2025-6-18 16:04
ประวัติต้นตระกูล (กรณีลูกหลานโรม)
ณ กรุงโซล เมืองหลวงที่ยังคลาคล่ำด้วยเสียงแตรของรถลากและเพิงไม้ไผ่ในปี ค.ศ. 1927… สายลมฤดูใบไม้ผลิแผ่วผ่านรั้วบ้านไม้เก่าหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เขตอินซาดง มีทารกชายถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ เด็กผู้นั้นมีดวงตากลมดำราวหยาดหมึก ดั่งว่าจ้องมองเข้าไปในวิญญาณของผู้พบเห็น
เขาได้รับนามว่า จอง แทจิน (Jung Taejin)บุตรชายเพียงคนเดียวของ จอง ฮยอนจุน (Jung Hyunjoon) ผู้เป็นนักคัดลายมือประจำศาลาวัด ผู้เลี้ยงดูเขาด้วยสองมือที่เปื้อนหมึกแต่เปี่ยมด้วยความเมตตา
“ลูกคือปาฏิหาริย์ของข้า” พ่อเคยกระซิบกับเขาในคืนที่ฝนโปรย “และเจ้าจะเติบใหญ่ … มิใช่เพียงเพื่อข้า แต่เพื่อโลกที่ยังไม่เข้าใจในตัวเจ้า”
วัยเยาว์แห่งโซล
แทจินเติบโตท่ามกลางบ้านเงียบ เรียนรู้การเขียนตัวอักษรฮันจาโดยการจุ่มพู่กันในขวดหมึกที่สืบทอดกันมาในตระกูล เขามีเพื่อนเพียงสองคนคือ “ชินอู” บุตรช่างปั้น และ “แทยอน” เด็กสาวขี้สงสัยที่ชอบตั้งคำถามกับหมู่ดาว เด็กทั้งสามเล่นในสวนไผ่หลังวัด ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกพฤกษาและเสียงขลุ่ยของพระเฒ่า
แต่เมื่ออายุได้ 12 ปี ... แทจินเริ่ม “เห็น” สิ่งที่ไม่มีใครเห็น — แสงระยิบเรืองรองเหนือศีรษะคนผ่านไปมา เงาร่างปีกเงินที่ยืนบนหลังคาบ้าน และเสียงเพลงอันอบอุ่นที่ดังจากทิศไร้ผู้เปล่งเสียง
เมื่อเขาเงียบงันและพ่อสังเกตได้ ฮยอนจุนจึงพาเขาไปนั่งใต้ต้นพลัมหน้าบ้านแล้วเอ่ยความจริงที่เขาเก็บงำมานาน...
“แทจิน… ลูกไม่ได้เป็นเพียงลูกของข้า ลูกเกิดจากแสง … จากความรักอันบริสุทธิ์ที่เทพีวีนัสประทานไว้กับมนุษย์ผู้วาดฝัน … ข้าเป็นเพียงผู้เลี้ยงดูเจ้าด้วยหัวใจ แต่มารดาของเจ้าคือเทพีแห่งความรัก ผู้สูงส่งเหนือผู้ใด”
นั่นเป็นคืนแรกที่แทจินร้องไห้ … ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะเขารู้แล้วว่าชีวิตเขาไม่ใช่ของเขาเพียงผู้เดียว เขาถูกส่งมาเพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เส้นทางของวีรบุรุษ
ในปี 1943 ขณะอายุ 16 ปี เขาออกเดินทางจากเกาหลีใต้ ผ่านเรือสินค้าไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา จนถึง หุบเขาโซโนมา แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรู้จักกันในหมู่ลูกเทพว่า “บ้านหมาป่า” สถานฝึกสอนผู้มีสายเลือดแห่งทวยเทพ
ที่นั่นเขาฝึกฝนตนเองทั้งศาสตร์แห่งอาวุธ การต่อสู้ พลังจิต และความเข้มแข็งของหัวใจ
สองปีให้หลัง ในปี 1945 เขาถูกคัดเลือกเข้าร่วม ค่ายจูปีเตอร์ กองร้อยที่ 3 แห่งกองพันที่ 12
วีรกรรมและการรับใช้
ตลอดเวลา 10 ปี (1945–1955) ที่อยู่ในค่ายจูปิเตอร์ เขาได้ฝากชื่อเสียงไว้มากมาย ทั้งในการรบกับพวกไททัน การลอบเข้าเขตต้องห้ามของไฮดราทะเลสาบมิสติค และการนำกลุ่มรบป้องกันค่ายจากการบุกของมารแห่งความฝัน เขาเป็นผู้นำโดยมิใช่ด้วยคำพูด … แต่ด้วยสายตาที่นิ่งมั่น
“ข้าไม่ใช่เทพ … ข้าไม่ใช่ผู้วิเศษ… ข้าเป็นเพียงผู้กล้าที่ไม่ยอมถอย”คำกล่าวของแทจินในการปกป้องเด็กใหม่คนหนึ่งจากการกลั่นแกล้งในค่าย
จากนั้นในปี 1955 เขาถูกคัดเลือกให้ได้ไปรบเคียงข้างบุตรแห่งมาร์สและมีร์คิวรี่ในภารกิจป้องกันอาณาเขตโลกจากสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
เขารับใช้ที่โรมจนครบ 10 ปี สิ้นสุดในปี 1965
ชีวิตในโลกกว้างและวันสุดท้าย
ตั้งแต่ปี 1965 เป็นต้นไป แทจินเลือกออกเดินทางไปทั่วโลก ทั้งอินเดีย เปรู อียิปต์ จีน และออสเตรเลีย เขาสร้างตำนานท้องถิ่นให้กับผู้คนในถิ่นห่างไกล ใช้พลังรักษา รบแทน และสอนเยาวชนที่มีพลังแต่ไร้ทิศทาง จวบจนถึงปี 1993 เขาสิ้นใจอย่างสงบในที่พักกลางป่าเชิงเขาเอล์บส์แห่งบาวาเรีย ท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ร่วงที่ชวนให้คิดถึงกลิ่นบ้านเกิด
“จงใช้หัวใจนำทาง … และอย่าให้เลือดเทพในตัวเจ้าลืมความเป็นมนุษย์”คำสั่งเสียสุดท้ายของเขาในสมุดบันทึก
---
Jung Taejin ไม่ได้เป็นเพียงนักรบ เขาคือ “ทวด” ของ Jung Soyeonผู้สืบทอดสายเลือดของเขาในรุ่นที่สี่ และเป็นผู้ก่อร่างสร้างรากฐานให้กับตระกูล Jung อย่างสง่างาม
และแม้เวลาจะผ่านพ้นไปกว่า หนึ่งศตวรรษ นามของเขายังดังก้องในสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้าบนเขาโซโนมา... ดั่งเสียงของทหารผู้ไม่เคยลืมตนเอง
---
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Soyeon เมื่อ 2025-6-14 19:55
ประวัติตัวละคร ของ คุณ
"ค่ำคืนนี้...ความเงียบงันทำให้เสียงหัวใจของแม่ดังกึกก้องเกินกว่าท่วงทำนองใดจะกลบได้" ข้าพเจ้ามีนามว่า จอง ซูคี สตรีอายุสามสิบแปดปี ผู้เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาในสายตาโลก หากแต่เป็น จักรวาลทั้งดวง ในสายตาของลูกเพียงคนเดียวที่ข้าภาคภูมิใจเหนือสิ่งอื่นใดบนผืนพิภพนี้ จอง โซยอน หรือ โยนา เด็กหญิงตัวน้อยผู้ถือกำเนิดในยามราตรีท่ามกลางเสียงเปียโนขับขานบทคลาสสิก ณ เวลา 23.00 น. ของคืนวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม บทเพลงนั้นเป็น “Clair de Lune” ที่ถูกบรรเลงด้วยมือของข้าเอง...เป็นเสียงแรกที่เธอได้ยินก่อนแม้แต่จะลืมตาดูโลก ดวงตาใสแจ๋วคู่เล็กนั้น...สบตาข้าอย่างไม่รู้เดียงสา มืออันนุ่มนิ่มยื่นมาเกาะกุมปลายนิ้วของข้าอย่างไม่ลังเล และในห้วงเวลานั้น ข้าก็รู้เลยว่า...แม่จะปกป้องเด็กคนนี้ด้วยลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
คฤหาสน์จอง...คือโลกทั้งใบของเรา
เราสองแม่ลูกอาศัยอยู่ที่ คฤหาสน์จอง กลางกรุงโซล สถานที่เงียบสงบแต่อบอวลด้วยความอบอุ่น ที่ซึ่งข้าพยายามทดแทนทุกอย่างที่เธอควรได้รับจากครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงแม้ข้าจะเป็นเพียงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ตาม
ในยามที่เธอยังเป็นทารก โซยอนเป็นเด็กเลี้ยงง่าย...ขี้อ้อนและรักเสียงดนตรี เธอมักเงียบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปียโน และเมื่ออายุได้หนึ่งขวบ เธอก็เริ่มฮัมทำนองง่ายๆ ตามข้าอย่างแม่นยำ
เธอมีความรักในธรรมชาติ แม้จะเติบโตในเมืองใหญ่ หากแต่ดอกไม้เล็กๆ ริมทางยังทำให้เธอยิ้มกว้างราวกับพบขุมทรัพย์พอเธออายุได้สี่ขวบ เธอเริ่มวาดภาพ...ภาพดอกไม้ แสงแดด และบางครั้งก็มี ปีกโปร่งแสงของผีเสื้อแปลกตา
โซยอนในวัยเยาว์…ผีเสื้อน้อยกับหัวใจบริสุทธิ์
ตั้งแต่อายุห้าขวบจนถึงสิบเอ็ด โซยอนเติบโตเป็นเด็กหญิงที่เปี่ยมด้วยความสามารถและมีเสน่ห์เกินวัย เธอเป็นนักเปียโนรุ่นจิ๋วที่สามารถเล่นเพลงคลาสสิกยากๆ ได้อย่างแม่นยำราวกับร่างของเธอคือเครื่องดนตรีเธอพูดจานุ่มนวล อ่อนหวาน และมีรอยยิ้มที่อบอุ่นจนคนรอบข้างตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัว
เธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ ฮาริน เด็กหญิงผู้เรียบร้อยและรักการอ่าน พวกเธอมักแลกไดอารี่กัน และโซยอนก็ชอบวาดรูปในทุกหน้ากระดาษ
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของข้าเต้นรัวที่สุด คือทุกเช้า...ไม่ว่าแดดจะร้อน หรือฝนจะโปรย เธอจะวิ่งมากอดข้าจากด้านหลัง แล้วพูดเบาๆ ว่า “แม่คือแสงแดดของหนู...แม่รู้ไหม?”
จุดเปลี่ยน...เมื่อผีเสื้อเริ่มสั่นปีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง วันธรรมดาวันหนึ่ง เมื่อโซยอนอายุได้สิบสองปีพอดี เธอเริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะเปิดเปียโนที่เธอเคยหลงรัก ข้ารู้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ข้าจึงเดินเข้าไปหาลูกอย่างช้าๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอบนเตียงสีขาวนั้น เอื้อมมือไปลูบผมของเธออย่างเบามือ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยห่วงใยว่า...
“โซยอน...ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม...เล่าให้แม่ฟังได้ทุกเรื่องนะคะคนดีของแม่”
เด็กน้อยของข้านิ่งไปชั่วอึดใจ...ก่อนน้ำตาคู่หนึ่งจะไหลรินลงจากแก้มใส
“แม่คะ…หนูเห็นอสุรกาย…เห็นแสงประหลาดในห้อง หนูเห็นเงาดำที่ตามหนูอยู่ทุกคืน…หนูกลัว”
ข้าไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว ข้าโอบกอดลูกแน่น กดจูบที่กลางศีรษะ แล้วพูดเบาๆ ว่า…
“โซยอน...ลูกไม่ได้บ้า และลูกไม่ได้อยู่คนเดียว”
ความจริงที่แม่ต้องเปิดเผย…และจดหมายจากคุณยาย
ข้าตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟัง...ความจริงที่เก็บซ่อนไว้มาทั้งชีวิต เธอไม่ใช่เพียงเด็กหญิงธรรมดา แต่เธอคือบุตรีแห่ง เทพอะพอลโล่ เทพแห่งแสงสว่างและดนตรี และอีกครึ่งหนึ่งของสายเลือดเธอนั้น มาจาก เทพีวีนัส ผ่านสายเลือดตระกูล จอง
และในวันนั้นเอง ข้าได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเธอ จดหมายลายมือของ คุณยายจอง ซูนา ซึ่งเขียนไว้ก่อนเสียชีวิต...
“ถึง โซยอน...ผีเสื้อตัวน้อยของยาย บรรพบุรุษของเราคือชาวโรมัน และหนู…คือหนึ่งในเชื้อสายของเทพวีนัส ความงามที่หนูมี ไม่ได้อยู่แค่รูปกาย แต่เป็นแสงแห่งเมตตาในหัวใจถึงเพลาแล้วที่เจ้าจะโบยบิน ไปค้นหาตัวตนของตนเอง จำไว้นะหลานรัก...ผีเสื้อตัวน้อยย่อมกลายเป็นราชินีแห่งท้องฟ้า”
คำมั่นของแม่…ก่อนเธอจะออกเดินทาง
หลังจากที่อ่านจดหมายนั้นจบ ข้าก็ช่วยเธอจัดเตรียมสัมภาระ...แม้ใจจะเจ็บปวด แต่ข้ากลับรู้ว่า นี่คือเส้นทางของเธอ...และข้าไม่สามารถห้ามได้ ก่อนที่เธอจะจากไป ข้าก้มลงกอดลูกแน่นอีกครั้ง และกระซิบข้างหูว่า...“ลูกคือคนพิเศษ...จงจำไว้เสมอและไม่ว่าที่ใดในจักรวาล แม่จะเป็นที่พักใจของลูกเสมอเราคือโรม...ลูกคือความภาคภูมิใจของทั้งสายเลือดมนุษย์และเทพเจ้า”
และก่อนที่เทพอะพอลโล่จะหวนคืนสู่เขาโอลิมปัส ข้าก็ได้รับคำแนะนำสุดท้ายเขาฝากสถานที่ปลอดภัยไว้ และเตือนให้ข้าระวัง... เพราะเมื่อโชคชะตาเริ่มเผยตัว เหล่าอสุรกายจะไล่ล่าเพื่อทำลาย
คำลงท้ายจากหัวใจของแม่
ค่ำคืนนี้ โซยอนไม่อยู่ข้างกาย...แต่หัวใจของเธอยังเต้นในอกของข้าเธอคือแสงแห่งอรุณ เป็นท่วงทำนองของเปียโนในคืนที่ไร้ดาวเป็นทุกลมหายใจ เป็นบทกวีที่ไม่รู้จบในชีวิตของแม่คนนี้
หากใครได้พบลูกของข้า...จงรักเธอด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์เพราะเธอไม่ใช่เพียง เด็กหญิงผู้มีปีก แต่เธอคือ...ผีเสื้อตัวน้อยแห่งดวงตะวัน
จอง ซูคี
มารดาผู้เฝ้ามองการโบยบินอย่างภาคภูมิ
คอมเม้นประวัติบรรพบุรุษ- รอยต่อเกิดมาในนิวยอร์ก ตั้งแต่เยาว์วัย ข้าเติบโตในบ้านที่เรียกกันว่า บ้านหมาป่าขัดแย้งกัน สรุปจะเกิดที่นิวยอร์ก หรือเกิดที่บ้านหมาป่า ถ้าเกิดนิวยอร์ก แล้วทำไมไปเติบโตที่บ้านหมาป่าได้ คนละฟากเลย นิวยอร์กกับบ้านหมาป่า ราวๆ 2914 ไมล์ นิดๆ และพ่อแม่ของทวดเราทำไมถึงพาไปทิ้งบ้านหมาป่าตั้งแต่เด็กแบบนั้น ระบุเหตุผลให้ชัดเจนด้วย- ปลดปล่อยหมู่บ้านที่ถูกกองกำลังมืดล้อมไว้ คือหมูบ้านในประเทศอะไร ของยุคหลัง 1980 และปีอะไรที่บรรพบุรุษสร้างผลงานนี้ โปรดระบุให้ชัดเจนด้วย เพราะส่วนนี้แอดต้องนำไปเขียนเป็นประวัติศาสตร์ของกรุงโรมใหม่ - เคยสังหารจอมเวทย์ศัตรูที่ข่มเหงผู้บริสุทธิ์ ศัตรูฝ่ายไหน ประเทศอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น เป็นใคร เกิดอะไรขึ้น โปรดศึกษาประวัติศาสตร์ยุคนั้นและเอามาเขียนข้อมูลประยุกต์ด้วย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะส่วนนี้แอดต้องนำไปเขียนเป็นประวัติศาสตร์ของกรุงโรมใหม่ - แล้วทวดปลดประจำการจากค่ายจูปิเตอร์แล้ว ไปทำอะไรนิวยอร์กอีก โปรดระบุเหตุผลให้ชัดเจนด้วย ทำไมถึงเริ่มต้น จากนิวยอร์ก สู่เกาหลีใต้ และจากนั้นอีกหลายประเทศ ข้าได้พบทั้งมิตรและศัตรู แต่ข้ายังคงยึดมั่นในคำสอนของเทพีวีนัส งงว่าปลดประจำการแล้วทำไมไม่ไปเกาหลีใต้จากซานฟรานซิสโกไปเลย ถ้าจะไปที่เกาหลีจริงๆ ทำไมต้องล้อมทวีปไปนิวยอร์ก- ประวัติของตัวเราเองจะยังไม่ตรวจใดๆทั้งสิ้นจนกว่าประวัติบรรพบุรุษผ่าน- ระบุปีเกิดของแม่เราด้วย ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วแม่อายุเท่าไหร่กันแน่ ในเมื่อคุณย่า อายุ 45 ปี
หน้า:
[1]