
วันที่ 26 เดือนสิงหาคม ปี 2558
ช่วงเย็น เวลา 16.00 - 18.00 น. ณ ทะเลสาบทาโฮ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (พบ ลูปา)
ลมหายใจที่หอบแรงดังขึ้น ฮ้า…ฮ้า… ของโมนีก้าดังก้องอยู่ในหูเธอเองหลังจากวิ่งตามหมาป่าขาวมาตลอดเส้นทางที่ยาวนานจนไม่รู้กี่ชั่วโมง ร่างกายร้อนผ่าวทั้งที่สายลมเย็นจากภูเขาล้อมรอบพัดมาไม่ขาดทว่าเท้าของเธอไม่หยุด จนกระทั่งภาพเบื้องหน้ากลายเป็นทะเลสาบทาโฮที่กว้างใหญ่ราวกระจกใสสะท้อนฟ้า น้ำเป็นประกายเขียวอมฟ้า มองทะลุลงไปเห็นหินเรียงใต้น้ำกับเงาภูเขาหิมะขาวที่ทอดไกลสุดลูกหูลูกตา หมาป่าขาวหยุดก้าวที่ริมทะเลสาบ ร่างสูงสง่างามหันกลับมามองเธอ ดวงตาสีทองสุกสว่างรับแสงเย็นยามอาทิตย์คล้อยต่ำ และแล้วเสียงก้องชัดก็แผ่วเข้ามาในหัวเธอแม้มันยังคงอยู่ในร่างหมาป่า
“การเดินทางนี้เป็นเช่นไรบ้าง…ลูกของข้า ที่นี่…เหมาะแก่การให้เจ้าพักพิง”
โมนีก้าที่เหนื่อยหอบราวกับปอดแทบระเบิด ก้มตัวเท้าแตะพื้น มือกุมเข่า พยายามเงยหน้าขึ้นตอบ แต่ทันทีที่เธอขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า
แอ๊ค!!
เสียงส้นสูงคู่โปรดของเธอ หัก ลงไปอย่างน่าอนาถ แรงกดทำให้เธอเสียสมดุล พรืดด! ร่างเล็กเซถลาล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นดินกรวดของริมทะเลสาบอย่างจัง “โอ๊ยยยยย!!” โมนีก้าร้องลั่น หน้าทิ่ม ผมเผ้ายาวสยายสีม่วงครามเละไปหมดดินติดแก้มกับเสื้อสูทชมพูหวานจนภาพรวมดูราวกับนางเอกซีรีส์ที่โดนตบล้มกลางดินแทนที่จะเป็นนางเอกสง่างามผู้ถูกโชคชะตาเลือก
หมาป่าขาวเลื่อนก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาทอแสงราวกับกำลังกลั้นหัวเราะในแบบของหมาป่า ก่อนเสียงทุ้มสงบจะดังขึ้นอีกครั้งในหัวของเธอ “เจ้ามีหัวใจที่มุ่งมั่น…แต่รองเท้าของเจ้าดูจะไม่พร้อมสำหรับเส้นทางแห่งโชคชะตานี้เลยนะ ลูกของข้า”
โมนีก้ายกหน้าขึ้นอย่างเปรอะเปื้อน ดวงตาสีเงินพราวทั้งน้ำตาทั้งความเหนื่อยและทั้งความอับอาย เธอตะโกนใส่หมาป่าอย่างหมดฟอร์ม “ข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อใส่ส้นสูงวิ่งตามโชคชะตานะเนี้ยยย!!!” น้ำในทะเลสาบนิ่งสะท้อนภาพหญิงสาวที่ทั้งเปราะบางและเด็ดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน และนั่นคือครั้งแรกที่ลูปาหัวเราะเบา ๆ ในใจ ก่อนจะกล่าวว่า
“เช่นนั้น จงเตรียมใจให้พร้อม…เพราะต่อจากนี้ไป เจ้าจะไม่ได้เดินทางด้วยรองเท้าที่สวยงาม แต่ด้วยเท้าของนักรบโรมัน”
โมนีก้าหน้าเบ้แทบจะบิดเบี้ยว ขณะปัดดินจากแก้มออกแล้วเชิดคางขึ้นอย่างงอน ๆ เสียงหวานติดหอบยังคงเอ่ยออกมาไม่ยอมแพ้ “ไม่เอาอ่ะ! หนูไม่อยากเป็นนักรบโรมันอะไรทั้งนั้นนะ! หนูอยากเป็นแม่บ้านอยู่กับสามีหล่อ ๆ มากกว่า…นั่งทำอาหาร หวีผมให้ แล้วก็ใช้ชีวิตชิล ๆ อ่ะค่ะ!” เธอพูดพลางกอดอกแน่น ขายาวไขว่ห้างแม้ส้นสูงจะหักไปข้างหนึ่งแล้วก็ตาม ใบหน้าหวานทำท่าหงุดหงิดคล้ายเด็กเอาแต่ใจ
หมาป่าขาวลูปาหันศีรษะมามองโมนีก้าเต็ม ๆ ดวงตาสีทองเข้มวาววับราวกับมองทะลุถึงแก่นจิตใจของหญิงสาว ก่อนเสียงก้องชัดเจนดังกระแทกเข้ามาในหัวเธอ “หากเจ้าไม่อาจปกป้องตัวเองได้…เจ้าจะไม่มีวันมีชีวิตไปพบคนรักคนนั้นได้หรอกเด็กน้อย” คำพูดเรียบง่ายแต่หนักแน่นพอจะทำให้โมนีก้าหยุดชะงักเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากลง ทำท่าเหมือนอยากเถียงต่อ แต่ก็รู้ลึก ๆ ว่า…ลูปาพูดถูก
หมาป่าขาวค่อย ๆ เดินวนรอบตัวโมนีก้า ราวกับนักล่าที่กำลังพิจารณาเหยื่อ แต่นัยน์ตานั้นกลับเต็มไปด้วยแววพิศวง “ข้าสำรวจเจ้าแล้ว…และข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดเจ้าถึงรอดมาจนถึงอายุเท่านี้ได้” เสียงนั้นทุ้มต่ำและเฉียบคม “เพราะตามปกติ ลูกครึ่งเทพเช่นเจ้า…กลิ่นของพวกเจ้าเป็นเหมือนคบไฟดึงดูดสัตว์ประหลาดให้แห่เข้ามา”
โมนีก้าสะดุ้งเฮือก หัวใจร่วงวูบทันที “ล…ลูกครึ่งเทพ…? หนูเหรอ? เรื่องนี้คือจริงใช่ไหมคะ?!”
ลูปาหันหน้ามาสบตาเธออย่างเงียบงัน ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจจนทุกสรรพเสียงในหุบเขาราวกับหยุดฟัง “ใช่…เจ้าคือสายเลือดแห่งโรม เลือดในกายเจ้าปิดบังมาจนถึงตอนนี้ เพราะเจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางฝูงชนในเมืองใหญ่มนุษย์พลุกพล่านกลบกลิ่นของเจ้าเสียมิดชิด แต่บัดนี้…เจ้าก้าวสู่วัยสาวเต็มตัวแล้วเลือดที่เคยวนเวียนร่างกายเจ้าเริ่มส่งกลิ่นชัดเจน สัตว์ประหลาดถึงได้เริ่มไล่ล่าเจ้าไม่หยุด”
โมนีก้าหันไปมองทะเลสาบ ดวงตาสีเงินพราวไหววูบ ความจริงนั้นราวกับหินก้อนใหญ่ตกลงมาในอก เธอคิดถึงมิโนทอร์ที่เจอที่สวนสาธารณะทันที และมันก็สมเหตุสมผลขึ้นมาอย่างน่ากลัว ลูปายืนตรงหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ดวงตาสีทองไม่อาจละไปที่อื่นได้ “เจ้าต้องเรียนรู้วิถีแห่งโรม หากไม่ใช่เพื่อตัวเจ้าเอง ก็เพื่อตัวตนของเจ้าที่กำลังถูกเปิดเผยออกมา…เจ้าต้องเข้มแข็งพอที่จะอยู่รอด” โมนีก้ากัดริมฝีปาก รู้สึกเหมือนถูกต้อนเข้ามุม เธออยากตะโกนบอกว่าไม่ใช่ทางของเธอ ไม่ชอบการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่ขณะเดียวกัน ภาพใบหน้าพ่อก็แวบเข้ามาในหัว คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับเขา และข้อความที่แม่เคยฝากไว้ “เมื่อไม่ปลอดภัย จงทำตามสัญชาตญาณแห่งโรม”
เธอหลับตาลงแน่น สูดหายใจลึก แล้วพยักหน้าเบา ๆ “โอเคค่ะ…หนูจะลองเชื่อแม่ เชื่อทวด…เชื่อแม้แต่พี่หมาป่าแล้วกัน”
เสียงหัวเราะต่ำแผ่วเบาดังก้องขึ้นในใจ คล้ายกับลูปาจะพอใจกับคำตอบนั้น จากนั้นหมาป่าขาวหมุนกายหันไปทางทิวเขาทางเหนือ แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดกระทบขนสีขาวจนเหมือนเปล่งประกายทองคำ มันก้าวนำไปช้า ๆ ก่อนหันกลับมาส่งสายตาเรียกอีกครั้ง “ไปเถิดลูกของข้า…ต่อไปเราจะเดินทางไปยังบ้านหมาป่า หุบเขาโซโนมา…ที่นั่นเจ้าจะได้พักพิง และจะได้เริ่มต้นการฝึกฝนวิถีนักรบโรมันอย่างแท้จริง” โมนีก้าถอนหายใจแรง ๆ ยกมือปัดผมที่ปรกหน้าออก แล้วกอดกระเป๋าสีชมพูแน่นกว่าเดิม เธอก้าวเท้าเปล่าลงบนดินครั้งแรกหลังส้นสูงพังยับ รู้สึกถึงความเย็นจากพื้นดินซึมขึ้นมา สายลมยามเย็นโอบกาย และนี่…คือก้าวแรกจริง ๆ ของโมนีก้าเข้าสู่โลกใหม่ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ
ระหว่างการเดินเท้าเปล่ามือข้างหนึ่งมีกระเป๋ามือข้างหนึ่งมีรองเท้าส้นสูงที่หัก เธอก็สงสัยว่าเธอเป็นผู้มีสายเลือดเทพแน่หรอ? เทพอะไรกัน? โมนีก้ากำลังจะอ้าปากถาม แต่ยังไม่ทันเอ่ยออกมา แค่ความคิดในใจแวบขึ้น หมาป่าขาวที่เดินทอดเงารับแสงอาทิตย์เย็นพลันหันดวงตาสีทองมามองตรง ๆ ราวกับอ่านใจเธอได้อย่างชัดเจน เสียงทุ้มทรงพลังสะท้อนในหัวทันที “ใช่แล้วลูกของข้า…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าคือผู้มีสายเลือดเทพเจ้าเข้มข้นและซับซ้อนยิ่งกว่าที่ข้าคาดไว้”
โมนีก้าชะงัก ดวงตาสีเงินเบิกกว้าง “หา…? ซับซ้อน?! หนูเนี่ยนะ!?”
ลูปาไม่ปล่อยให้เธอหายใจหรือตั้งสติได้ เสียงในหัวยังคงดังต่อเนื่องราวกับเปิดเผยความลับที่ปิดบังมาเนิ่นนาน “มารดาของเจ้ามิใช่มนุษย์ธรรมดา…นางคือเทพีเซเรส เทพีแห่งเกษตรผลผลิต ผู้เลี้ยงดูโลกด้วยพืชผลอุดมสมบูรณ์” โลกทั้งใบของโมนีก้าหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น ใบหน้าเธอแข็งทื่อค้าง ปากอ้าพะงาบ ๆ คล้ายจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก ลูปาเดินวนช้า ๆ ใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อย ดวงตาสีทองแหลมคมวาววับ “และยิ่งไปกว่านั้น…บิดาของเจ้ามีสายเลือดสืบเนื่องจากเทพเจนัส เทพแห่งประตูและเส้นทาง เปล่งพลังแห่งการเปลี่ยนผ่าน”
“ห๊ะ!?” โมนีก้าแทบจะร้องกรี๊ดออกมา “โอ๊ยยยย! นี่มัน…โคตรเบียวเลยอะพี่หมาป่า โอเวอร์เกินนน!!” เธอทำท่ากอดอก หน้าเบ้ ปากยื่นออกมาเหมือนเด็กโดนบังคับอ่านนิยายแฟนตาซีที่ตัวเองไม่อยากเชื่อ หมาป่าขาวกลับไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคืองแม้แต่น้อย มันเพียงขยับหัวคล้ายยิ้มในแบบของหมาป่า ก่อนกล่าวเสียงขรึม “มีบ้างที่เป็นเช่นนี้ ลูกครึ่งเทพ หรือที่พวกเราขนานนามกันว่า เดมิก็อท กระจายอยู่ทั่วโลก บ้างเร่ร่อน บ้างถูกพาเข้าสู่ค่ายเพื่อฝึกฝนและปกป้องตนเอง”
โมนีก้าเม้มปากนิ่ง สายตาเหลือบขึ้นฟ้าเหมือนกำลังคิดในใจว่า นี่ฉันหลุดมาอยู่ในหนัง Percy Jackson ภาครีเมกหรือเปล่าเนี่ย…อย่าบอกนะว่า หนังเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องจริง พระเจ้า!! แต่ก่อนที่เธอจะพร่ำบ่นต่อ ลูปาก็ย่อตัวลงนั่งสง่างามริมทะเลสาบ สายตานิ่งสงบลงเหมือนแม่ผู้เฝ้าดูลูกที่ดื้อรั้น
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้ลูกของข้า…เจ้าเหนื่อยเกินไปแล้ว หลังจากวิ่งผ่านสะพานจนถึงหุบเขานี้ ร่างกายเจ้าแทบจะล้มสลายไปทุกส่วนของกล้ามเนื้อ แต่มันชัดเจนว่าพลังของเจ้าตื่นแล้ว” เสียงนั้นอ่อนลงเล็กน้อยเหมือนกล่อมเด็กน้อยให้สงบลง “พักก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่…เมื่อร่างกายได้พัก เจ้าจะเข้าใจมากกว่านี้”
โมนีก้าเม้มปากอีกครั้งพลางพ่นลมหายใจแรง ๆ เหมือนคนที่อยากโวยแต่ไม่มีแรงจะโวยอีกแล้ว เธอเดินพลางกอดกระเป๋าสีชมพูไว้กับอก ขาสั่นจนแทบไม่อยากขยับ ส้นสูงที่หักทำให้เธอดูอนาถหนักกว่าเดิม แต่สุดท้ายเธอก็ยอมพยักหน้าเบา ๆ “โอเค…ก็ได้ค่ะ…พักก็พัก” เสียงเบาแต่ยังแฝงความขี้งอน แสงอาทิตย์ยามเย็นทาบลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบทาโฮ แสงสีทองอาบไปทั่วป่าเขา ข้างกายคือหมาป่าขาวผู้ยิ่งใหญ่ที่เธอยังไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ในใจโมนีก้า เธอรู้ว่า…ชีวิตของเธอไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว
อื่น ๆ: ขอโทษจ้าาา เหนื่อยจ้า วิ่งมาตั้งไกล
รางวัล: โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15 [God-29] ลูปา