[รัฐแคลิฟอร์เนีย] ทะเลสาปทาโฮ

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×


ทะเลสาปทาโฮ






ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe) เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada) บนพรมแดนระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียและเนวาดาของสหรัฐอเมริกา มีความลึกมากเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ และมีชื่อเสียงในเรื่องน้ำที่ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นก้นทะเลสาบในบางจุด





แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 2593 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-8 15:46
โพสต์ 2024-12-28 14:44:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Odessa
Loid
ท้ายที่สุดก็กินอะไรไม่ลง จิบน้ำเปล่าไปได้นิดหน่อยเพื่อคลายความกระหาย ก่อนวางเงินแล้วก้าวเดินออกจากสถานที่แห่งความอบอุ่นไป เธอสวมเสื้อฮูดสีเข้มตัวใหญ่ การแต่งกายเฉกเช่นวัยรุ่นหลายคน เทรนด์การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวใหญ่ไม่ใช่เรื่องแปลก หมวกถูกยกขึ้นคลุมผม รถสาธารณะถูกใช้อีกครั้ง เธอเดินทางไปทั่ว ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ก้าวเดินต่อไปคล้ายคนตาบอด มีเพียงคำพูดของมารดาและยายเท่านั้นเพื่อให้มีแรงก้าวเดินต่อ เธอไม่กล้ากลับไปที่บ้านด้วยซ้ำ และสถานที่ที่กำลังมุ่งไปก็ออกห่างจากความทรงจำแสนดีเหล่านั้น เพียงเพราะความแปลกประหลาดที่โผล่พรวดเข้ามาในชีวิตประจำวัน มันไม่เหมือนอะไรที่เธอเคยเจอ ไม่มีใครว่างพอจะมานั่งอธิบาย ถ้อยคำเพียงไม่กี่บรรทัดเป็นขีดเส้นทางเดินของเธอเอง

ทะเลสาบสีเขียวสวยไม่ได้ถูกสนใจอย่างที่ควร ครรลองสายตากวาดหาหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ที่เธอต้องการเจอ เธอต้องใช้เวลายาวนานเพียงใดเพื่อให้เจอ ตอบตัวเองก็ไม่ได้ ถามใครก็ยากที่จะนึกคำถามออก

บัดซบจริง

ร่างสมส่วนก้าวเดินต่อไป เลียบตามทะเลสาบที่คนบางตา ถ้าให้พูดถึงหมาป่าเธอเองก็นึกถึงป่า ควรเข้าไปในหาป่าดีหรือไม่ แต่เมื่อเข้าเธอจะได้เจอหมาป่าหรือจะได้เจอสัตว์ประหลาดกันแน่

ปวดหัว

โอดครวญอยู่ในใจ ริมฝีปากเคยอิ่มนุ่มแตกระแหงทั้งยังมีบางจุดที่แดงกว่าปกติเนื่องด้วยถูกกัดจนมันแตกโลหิตซึม

สองเท้าก้าวต่อไปเรื่อย ๆ คาดหวังว่าจะได้พบหมาป่าสีขาวนั่นโดยไว นัยน์ตาเฉดเทาอมเขียวไร้ซึ่งความรู้สึกใด เรียกว่าเลื่อนลอยก็ได้เช่นกัน
Roman - ce
i
bettyleg

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5545 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-12-28 14:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ดาบกราดิอุสไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มีดสั้นพูจิโอ
ต่างหูเงิน
ดรีมแคชเชอร์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
โพสต์ 2025-1-1 12:07:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เดินทางไร้จุดหมาย 02
ราเอลได้เดินทางตามสัญชาตญาณตัวเองที่เท่ากับเดินทางตามใจตัวเองแบบสุด ๆ ที่ตามภาษาเด็กอายุ 12 ปีหมาด ๆ ที่พึ่งเคยออกมาผจญโลกกว้างนั่นแหละ หลังจากที่เขาเอาซ็อคโกแลคร้อนจากร้านกาแฟมาดื่มอบอุ่นร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาแก้วไปทิ้งขยะตามภาษาคนเท่ ที่เท่ากับหล่อเท่ให้กับสังคมนั่นแหละนะ นี่แหละคนที่มีผู้กล้าในนิทานเป็นแรงบันดานใจในการดำเนินชีวิตล่ะนะ พอมาถึงที่ทะเลสาบทาโฮซึ่งเป็นทะเลสาบที่เขาเจอในระหว่างหาที่เคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่เสียสักหน่อย ก็พบว่าที่แห่งนี้นั่นมันสวยมาก ๆ จนตราบตรึงใจเลยล่ะ เด็กหนุ่มตัวน้องอ้าปากกว้างด้วยความอึ้งในความงดงามเหนือคำบรรยายที่มีต่อภาพทิวทัศนียภาพเบื้องหน้าตนอย่างหาที่สุดมิได้เลย

“สวยจังเลย ได้มาที่แบบนี้ตอนปีใหม่นี่สุดยอดไปเลย“

เขากระโดดโลดเต้นไปพร้อมกับการฉลองปีใหม่ที่ค่อย ๆ ผ่านพ้นไป เขาที่ไม่รู้จะไปหาที่พักที่ไหนเลยจัดการเอาผ้าห่มจากในกระเป๋ามานอนห่มผ้าโดยใช้ม้านั่งแถวนั้นเป็นที่นอน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นยามสายของวันซะแล้ว

“สายขนาดนี้แล้วเหรอนี่ คุณตาต้องโกรธแน่เลย อ่ะ ! ลืมตัวไปเลย“

ราเอลหัวเราะกับตัวเองพลางเอามือของตนนั่นพับผ้าห่มผืนโปรดเก็บใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมออกเดินทางต่อพลางคิดว่าจะไปไหนต่อดีที่จะไปเจอหมาป่าสีขาวสวย ๆ แบบเมื่อตอนนั้นได้อีก แต่เขาชัวร์มากเลยว่าไม่ใช่ภาพลวงตาแน่นอนล่ะ ก็เขาจำหมาป่าในฟาร์มบ้านเขาเป็นอย่างดี และจำได้ด้วยว่าไม่มีตัวไหนที่สวยงามโดยเด่นเท่าตัวนั้นเลย นั่นต้องเป็นหมาป่าตัวเดียวกับในนิทานแน่นอนเลย และเป็นไปได้ด้วยว่าผู้กล้าลูคิลลามีตัวตนอยู่จริงไม่ใช่แค่ในนิทาน

“อยู่ไหนกันนะหมาป่าตัวนั่นนี่ ตัวที่สวย ๆ“

เขานั่งบนม้านั่งพลางเปิดหนังสือนิทานมาดูภาพหมาป่าสีขาวที่เหมือนกับที่เขาเห็นในวันก่อนออกเดินทางผ่านทางหน้าต่างบ้านเขา พลางเอาภาพหมาป่าในนิทานยกขึ้นมาดูในระดับสายตาพลางหมุนไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สัญชาตญาณที่ไวของเขาจะบอกว่าเขากำลังจะพบกับอะไรบางอย่างที่ตามหาอยู่

“หรือว่าจะ“

เขาค่อย ๆ เอาหนังสือลงเพื่อดูว่าเบื้องหลังมันคืออะไรและนั่นมันก็คือ….

เดินทางอย่างไร้จุดหมาย 2/2

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6043 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-1-1 12:07
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
โพสต์ 2025-1-1 21:51:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไล่ตามลูปา
ในตอนที่กำลังดูภาพหมาป่าขาวที่สุดแสนงดงามและตัวใหญ่ที่อยู่ในหนังสือนิทานอยู่นั่น สัญชาตญาณบางอย่างก็บอกให้เขาลดหนังสือลง เอาก็ทำตามนั่นอย่างช้า ๆ พลางมองไปยังเบื้องหลังของหนังสือก็พบว่ามีหมาป่าสีขาวตัวใหญ่แบบตัวใหญ่ยิ่งกว่าหมาป่าที่เขาเคยเจอมาเลย ทำเอาราเอลถึงกับตาค้างเลย หมาป่าสีขาวที่เขาเห็นตอนนั้นเป็นของจริงเหรอนี่

“อย่างเท่!!“

ราเอลตาเป็นปะกายอีกครั้งเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าของตนเป็นหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ที่ดูเหมือนกับในนิทานเลย ไม่สิ ดูดีกว่าในนิทานอีก เท่กว่าแถมสง่ากว่ากันเยอะเลย อย่างว่าละนะมันไม่สามารถวาดบรรยายความงดงามนี่ได้หมดถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตัวเองหรอกนะ

หมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้นไม่หันมาคุยหรือส่งเสียงอะไรออกมาให้เขาได้ยินเลย มันแค่มองตาเขาก่อนจะวิ่งไป

“จะวิ่งแข่งเหรอ“

เขารีบเก็บหนังสือนิทานลงในกระเป๋า พร้อมตรวจดูว่าจดหมายยังอยู่ดีใช่ไหม ซึ่งก็นั่นแหละเขาใส่จดหมายไว้ที่ใต้ปกห่อหนังสือจะหลุดได้ไง

“รอด้วย“

ราเอลเอาเป้ขึ้นหลังก่อนจะวิ่งตามหมาป่าสีขาวตัวนั้นไป ในตอนนั้นเองที่มันหันมามองตาเขาราวกับจะสื่อสารอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาพอรับรู้ได้ว่า ถ้าอยากปลอดภัยก็ตามมาก่อนที่มันจะวิ่งนำเขาไปอย่างรวดเร็วซึ่งมันก็โชคดีนะที่เขานั่นฝึกฝนร่างกายมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เลยวิ่งตามได้โดยไม่เหนื่อยอะไร แต่สายตาเขาคือคิดในใจแล้วว่าถ้าเขาได้ขี่หมาป่าตัวนั้นจะเป็นไงนี่ น่าจะเท่น่าดู แต่ประเด็นคือมันวิ่งเร็วมาก เขาจึงต้องเร่งฝีเท้าวิ่งตามหมาป่าเบื้องหน้าตนไม่ให้คาดสายตาไปเลย

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4530 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2025-1-1 21:51
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 26 เดือนสิงหาคม ปี 2558

ช่วงเย็น เวลา 16.00 - 18.00 น. ณ ทะเลสาบทาโฮ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (พบ ลูปา)


ลมหายใจที่หอบแรงดังขึ้น ฮ้า…ฮ้า… ของโมนีก้าดังก้องอยู่ในหูเธอเองหลังจากวิ่งตามหมาป่าขาวมาตลอดเส้นทางที่ยาวนานจนไม่รู้กี่ชั่วโมง ร่างกายร้อนผ่าวทั้งที่สายลมเย็นจากภูเขาล้อมรอบพัดมาไม่ขาดทว่าเท้าของเธอไม่หยุด จนกระทั่งภาพเบื้องหน้ากลายเป็นทะเลสาบทาโฮที่กว้างใหญ่ราวกระจกใสสะท้อนฟ้า น้ำเป็นประกายเขียวอมฟ้า มองทะลุลงไปเห็นหินเรียงใต้น้ำกับเงาภูเขาหิมะขาวที่ทอดไกลสุดลูกหูลูกตา หมาป่าขาวหยุดก้าวที่ริมทะเลสาบ ร่างสูงสง่างามหันกลับมามองเธอ ดวงตาสีทองสุกสว่างรับแสงเย็นยามอาทิตย์คล้อยต่ำ และแล้วเสียงก้องชัดก็แผ่วเข้ามาในหัวเธอแม้มันยังคงอยู่ในร่างหมาป่า


“การเดินทางนี้เป็นเช่นไรบ้าง…ลูกของข้า ที่นี่…เหมาะแก่การให้เจ้าพักพิง”


โมนีก้าที่เหนื่อยหอบราวกับปอดแทบระเบิด ก้มตัวเท้าแตะพื้น มือกุมเข่า พยายามเงยหน้าขึ้นตอบ แต่ทันทีที่เธอขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า


แอ๊ค!!


เสียงส้นสูงคู่โปรดของเธอ หัก ลงไปอย่างน่าอนาถ แรงกดทำให้เธอเสียสมดุล พรืดด! ร่างเล็กเซถลาล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นดินกรวดของริมทะเลสาบอย่างจัง “โอ๊ยยยยย!!” โมนีก้าร้องลั่น หน้าทิ่ม ผมเผ้ายาวสยายสีม่วงครามเละไปหมดดินติดแก้มกับเสื้อสูทชมพูหวานจนภาพรวมดูราวกับนางเอกซีรีส์ที่โดนตบล้มกลางดินแทนที่จะเป็นนางเอกสง่างามผู้ถูกโชคชะตาเลือก


หมาป่าขาวเลื่อนก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาทอแสงราวกับกำลังกลั้นหัวเราะในแบบของหมาป่า ก่อนเสียงทุ้มสงบจะดังขึ้นอีกครั้งในหัวของเธอ “เจ้ามีหัวใจที่มุ่งมั่น…แต่รองเท้าของเจ้าดูจะไม่พร้อมสำหรับเส้นทางแห่งโชคชะตานี้เลยนะ ลูกของข้า”


โมนีก้ายกหน้าขึ้นอย่างเปรอะเปื้อน ดวงตาสีเงินพราวทั้งน้ำตาทั้งความเหนื่อยและทั้งความอับอาย เธอตะโกนใส่หมาป่าอย่างหมดฟอร์ม “ข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อใส่ส้นสูงวิ่งตามโชคชะตานะเนี้ยยย!!!” น้ำในทะเลสาบนิ่งสะท้อนภาพหญิงสาวที่ทั้งเปราะบางและเด็ดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน และนั่นคือครั้งแรกที่ลูปาหัวเราะเบา ๆ ในใจ ก่อนจะกล่าวว่า


“เช่นนั้น จงเตรียมใจให้พร้อม…เพราะต่อจากนี้ไป เจ้าจะไม่ได้เดินทางด้วยรองเท้าที่สวยงาม แต่ด้วยเท้าของนักรบโรมัน”


โมนีก้าหน้าเบ้แทบจะบิดเบี้ยว ขณะปัดดินจากแก้มออกแล้วเชิดคางขึ้นอย่างงอน ๆ เสียงหวานติดหอบยังคงเอ่ยออกมาไม่ยอมแพ้ “ไม่เอาอ่ะ! หนูไม่อยากเป็นนักรบโรมันอะไรทั้งนั้นนะ! หนูอยากเป็นแม่บ้านอยู่กับสามีหล่อ ๆ มากกว่า…นั่งทำอาหาร หวีผมให้ แล้วก็ใช้ชีวิตชิล ๆ อ่ะค่ะ!” เธอพูดพลางกอดอกแน่น ขายาวไขว่ห้างแม้ส้นสูงจะหักไปข้างหนึ่งแล้วก็ตาม ใบหน้าหวานทำท่าหงุดหงิดคล้ายเด็กเอาแต่ใจ


หมาป่าขาวลูปาหันศีรษะมามองโมนีก้าเต็ม ๆ ดวงตาสีทองเข้มวาววับราวกับมองทะลุถึงแก่นจิตใจของหญิงสาว ก่อนเสียงก้องชัดเจนดังกระแทกเข้ามาในหัวเธอ “หากเจ้าไม่อาจปกป้องตัวเองได้…เจ้าจะไม่มีวันมีชีวิตไปพบคนรักคนนั้นได้หรอกเด็กน้อย” คำพูดเรียบง่ายแต่หนักแน่นพอจะทำให้โมนีก้าหยุดชะงักเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากลง ทำท่าเหมือนอยากเถียงต่อ แต่ก็รู้ลึก ๆ ว่า…ลูปาพูดถูก


หมาป่าขาวค่อย ๆ เดินวนรอบตัวโมนีก้า ราวกับนักล่าที่กำลังพิจารณาเหยื่อ แต่นัยน์ตานั้นกลับเต็มไปด้วยแววพิศวง “ข้าสำรวจเจ้าแล้ว…และข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดเจ้าถึงรอดมาจนถึงอายุเท่านี้ได้” เสียงนั้นทุ้มต่ำและเฉียบคม “เพราะตามปกติ ลูกครึ่งเทพเช่นเจ้า…กลิ่นของพวกเจ้าเป็นเหมือนคบไฟดึงดูดสัตว์ประหลาดให้แห่เข้ามา”


โมนีก้าสะดุ้งเฮือก หัวใจร่วงวูบทันที “ล…ลูกครึ่งเทพ…? หนูเหรอ? เรื่องนี้คือจริงใช่ไหมคะ?!”


ลูปาหันหน้ามาสบตาเธออย่างเงียบงัน ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจจนทุกสรรพเสียงในหุบเขาราวกับหยุดฟัง “ใช่…เจ้าคือสายเลือดแห่งโรม เลือดในกายเจ้าปิดบังมาจนถึงตอนนี้ เพราะเจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางฝูงชนในเมืองใหญ่มนุษย์พลุกพล่านกลบกลิ่นของเจ้าเสียมิดชิด แต่บัดนี้…เจ้าก้าวสู่วัยสาวเต็มตัวแล้วเลือดที่เคยวนเวียนร่างกายเจ้าเริ่มส่งกลิ่นชัดเจน สัตว์ประหลาดถึงได้เริ่มไล่ล่าเจ้าไม่หยุด”


โมนีก้าหันไปมองทะเลสาบ ดวงตาสีเงินพราวไหววูบ ความจริงนั้นราวกับหินก้อนใหญ่ตกลงมาในอก เธอคิดถึงมิโนทอร์ที่เจอที่สวนสาธารณะทันที และมันก็สมเหตุสมผลขึ้นมาอย่างน่ากลัว ลูปายืนตรงหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ดวงตาสีทองไม่อาจละไปที่อื่นได้ “เจ้าต้องเรียนรู้วิถีแห่งโรม หากไม่ใช่เพื่อตัวเจ้าเอง ก็เพื่อตัวตนของเจ้าที่กำลังถูกเปิดเผยออกมา…เจ้าต้องเข้มแข็งพอที่จะอยู่รอด” โมนีก้ากัดริมฝีปาก รู้สึกเหมือนถูกต้อนเข้ามุม เธออยากตะโกนบอกว่าไม่ใช่ทางของเธอ ไม่ชอบการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่ขณะเดียวกัน ภาพใบหน้าพ่อก็แวบเข้ามาในหัว คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับเขา และข้อความที่แม่เคยฝากไว้ “เมื่อไม่ปลอดภัย จงทำตามสัญชาตญาณแห่งโรม”


เธอหลับตาลงแน่น สูดหายใจลึก แล้วพยักหน้าเบา ๆ “โอเคค่ะ…หนูจะลองเชื่อแม่ เชื่อทวด…เชื่อแม้แต่พี่หมาป่าแล้วกัน”


เสียงหัวเราะต่ำแผ่วเบาดังก้องขึ้นในใจ คล้ายกับลูปาจะพอใจกับคำตอบนั้น จากนั้นหมาป่าขาวหมุนกายหันไปทางทิวเขาทางเหนือ แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดกระทบขนสีขาวจนเหมือนเปล่งประกายทองคำ มันก้าวนำไปช้า ๆ ก่อนหันกลับมาส่งสายตาเรียกอีกครั้ง “ไปเถิดลูกของข้า…ต่อไปเราจะเดินทางไปยังบ้านหมาป่า หุบเขาโซโนมา…ที่นั่นเจ้าจะได้พักพิง และจะได้เริ่มต้นการฝึกฝนวิถีนักรบโรมันอย่างแท้จริง” โมนีก้าถอนหายใจแรง ๆ ยกมือปัดผมที่ปรกหน้าออก แล้วกอดกระเป๋าสีชมพูแน่นกว่าเดิม เธอก้าวเท้าเปล่าลงบนดินครั้งแรกหลังส้นสูงพังยับ รู้สึกถึงความเย็นจากพื้นดินซึมขึ้นมา สายลมยามเย็นโอบกาย และนี่…คือก้าวแรกจริง ๆ ของโมนีก้าเข้าสู่โลกใหม่ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ


ระหว่างการเดินเท้าเปล่ามือข้างหนึ่งมีกระเป๋ามือข้างหนึ่งมีรองเท้าส้นสูงที่หัก เธอก็สงสัยว่าเธอเป็นผู้มีสายเลือดเทพแน่หรอ? เทพอะไรกัน?  โมนีก้ากำลังจะอ้าปากถาม แต่ยังไม่ทันเอ่ยออกมา แค่ความคิดในใจแวบขึ้น หมาป่าขาวที่เดินทอดเงารับแสงอาทิตย์เย็นพลันหันดวงตาสีทองมามองตรง ๆ ราวกับอ่านใจเธอได้อย่างชัดเจน เสียงทุ้มทรงพลังสะท้อนในหัวทันที “ใช่แล้วลูกของข้า…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าคือผู้มีสายเลือดเทพเจ้าเข้มข้นและซับซ้อนยิ่งกว่าที่ข้าคาดไว้”


โมนีก้าชะงัก ดวงตาสีเงินเบิกกว้าง “หา…? ซับซ้อน?! หนูเนี่ยนะ!?” 


ลูปาไม่ปล่อยให้เธอหายใจหรือตั้งสติได้ เสียงในหัวยังคงดังต่อเนื่องราวกับเปิดเผยความลับที่ปิดบังมาเนิ่นนาน “มารดาของเจ้ามิใช่มนุษย์ธรรมดา…นางคือเทพีเซเรส เทพีแห่งเกษตรผลผลิต ผู้เลี้ยงดูโลกด้วยพืชผลอุดมสมบูรณ์” โลกทั้งใบของโมนีก้าหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น ใบหน้าเธอแข็งทื่อค้าง ปากอ้าพะงาบ ๆ คล้ายจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก ลูปาเดินวนช้า ๆ ใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อย ดวงตาสีทองแหลมคมวาววับ “และยิ่งไปกว่านั้น…บิดาของเจ้ามีสายเลือดสืบเนื่องจากเทพเจนัส เทพแห่งประตูและเส้นทาง เปล่งพลังแห่งการเปลี่ยนผ่าน”


“ห๊ะ!?” โมนีก้าแทบจะร้องกรี๊ดออกมา “โอ๊ยยยย! นี่มัน…โคตรเบียวเลยอะพี่หมาป่า โอเวอร์เกินนน!!” เธอทำท่ากอดอก หน้าเบ้ ปากยื่นออกมาเหมือนเด็กโดนบังคับอ่านนิยายแฟนตาซีที่ตัวเองไม่อยากเชื่อ หมาป่าขาวกลับไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคืองแม้แต่น้อย มันเพียงขยับหัวคล้ายยิ้มในแบบของหมาป่า ก่อนกล่าวเสียงขรึม “มีบ้างที่เป็นเช่นนี้ ลูกครึ่งเทพ หรือที่พวกเราขนานนามกันว่า เดมิก็อท กระจายอยู่ทั่วโลก บ้างเร่ร่อน บ้างถูกพาเข้าสู่ค่ายเพื่อฝึกฝนและปกป้องตนเอง”


โมนีก้าเม้มปากนิ่ง สายตาเหลือบขึ้นฟ้าเหมือนกำลังคิดในใจว่า นี่ฉันหลุดมาอยู่ในหนัง Percy Jackson ภาครีเมกหรือเปล่าเนี่ย…อย่าบอกนะว่า หนังเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องจริง พระเจ้า!!  แต่ก่อนที่เธอจะพร่ำบ่นต่อ ลูปาก็ย่อตัวลงนั่งสง่างามริมทะเลสาบ สายตานิ่งสงบลงเหมือนแม่ผู้เฝ้าดูลูกที่ดื้อรั้น


“แต่ไม่ใช่ตอนนี้ลูกของข้า…เจ้าเหนื่อยเกินไปแล้ว หลังจากวิ่งผ่านสะพานจนถึงหุบเขานี้ ร่างกายเจ้าแทบจะล้มสลายไปทุกส่วนของกล้ามเนื้อ แต่มันชัดเจนว่าพลังของเจ้าตื่นแล้ว” เสียงนั้นอ่อนลงเล็กน้อยเหมือนกล่อมเด็กน้อยให้สงบลง “พักก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่…เมื่อร่างกายได้พัก เจ้าจะเข้าใจมากกว่านี้”


โมนีก้าเม้มปากอีกครั้งพลางพ่นลมหายใจแรง ๆ เหมือนคนที่อยากโวยแต่ไม่มีแรงจะโวยอีกแล้ว เธอเดินพลางกอดกระเป๋าสีชมพูไว้กับอก ขาสั่นจนแทบไม่อยากขยับ ส้นสูงที่หักทำให้เธอดูอนาถหนักกว่าเดิม แต่สุดท้ายเธอก็ยอมพยักหน้าเบา ๆ “โอเค…ก็ได้ค่ะ…พักก็พัก” เสียงเบาแต่ยังแฝงความขี้งอน แสงอาทิตย์ยามเย็นทาบลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบทาโฮ แสงสีทองอาบไปทั่วป่าเขา ข้างกายคือหมาป่าขาวผู้ยิ่งใหญ่ที่เธอยังไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ในใจโมนีก้า เธอรู้ว่า…ชีวิตของเธอไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว



อื่น ๆ: ขอโทษจ้าาา เหนื่อยจ้า วิ่งมาตั้งไกล

รางวัล: โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15 [God-29] ลูปา


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
น้ำยาย้อมผม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
โพสต์ เมื่อวานซืน 10:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 27 เดือนสิงหาคม ปี 2558

ช่วงเช้ามืด 04.00 - 06.00 น. ณ ทะเลสาบทาโฮ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (รับรองสายเลือด)


เสียงน้ำในทะเลสาบทาโฮกระทบฝั่งเบา ๆ ดังคล้ายเสียงกล่อม แต่กลับไม่ช่วยให้โมนีก้านอนหลับสนิทได้เลย ร่างเล็กที่ยังคงสวมเสื้อเบลเซอร์ชมพูตอนนี้นอนขดตัวบนพื้นหญ้า ใบหน้างามซีดเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า พอลืมตาขึ้นก็ต้องยกแขนป้องดวงตาสีเงินของตนเองจากแสงอาทิตย์ที่ยังคงสว่างจ้าไม่เปลี่ยน “โอย…สว่างอะไรนักหนาเนี่ย” เธอบ่นพึมพำ พลิกตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย “นี่มันเช้ามืดแล้วใช่ไหมคะพี่หมาป่า…ไม่มีนาฬิกาอ่ะ แถมฟ้าก็ยังสว่างตลอดเวลามาตั้งจะปีกว่าแล้วด้วย เรื่องนี้เกี่ยวกับเทพใช่ไหมคะ?ทำไมฟ้ามันถึงสว่างตลอดเวลาเลยอ่ะ จะไม่มีมืดอีกแล้วหรือไงเนี่ย…”


หมาป่าขาวยืนอยู่ใกล้ ๆ สง่างามและมั่นคงเหมือนอนุสาวรีย์มีชีวิต ดวงตาสีทองอำพันเหลือบมองเธอด้วยแววที่ทั้งอ่อนโยนและเฉียบคม “ใช่แล้วลูกของข้า…เพราะเทพที่คุ้มครองและควบคุมธรรมชาติ ได้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น” โมนีก้าหันขวับตอนได้ยินเธอเบ้ปากใส่ทันที “โอ้ยย แบบนี้ก็คือความผิดของพวกเทพใช่ไหมคะ แล้วไม่มีใครคิดจะจัดการหรอคะ? จะปล่อยให้โลกมันสว่างบ้าบอแบบนี้ไปตลอดเลยหรือยังไง?”


หมาป่าขาวหันหน้ากลับไปยังผืนน้ำกว้าง เสียงในหัวของเธอชัดเจนขึ้น “เทพไม่ใช่จะทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจเสมอไป แม้จะมีพลัง แต่เทพก็ถูกกฎแห่งสมดุลผูกมัด พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนทุกสิ่งเพียงเพราะปรารถนา”


โมนีก้าอ้าปากค้างแล้วถอนหายใจ “แล้วแบบนี้กลางคืนจะหายไปตลอดกาลไหมคะ…” แววตาสีทองของลูปาสบเข้ากับเธออีกครั้ง คำตอบนั้นหนักแน่นจนทำเอาโมนีก้าใจสั่น “ไม่…เหล่าเดมิก็อดและผู้มีสายเลือดเทพทั่วโลก ต่างพยายามแก้ไขมันอยู่ ใครก็ตามที่กล้าหาญพอ เก่งพอ และไม่หวั่นไหวต่อโชคชะตา…คนนั้นจะเป็นผู้กอบกู้สมดุล” ทันทีที่ได้ยินโมนีก้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทันที หน้าเบ้เหมือนเด็กโดนบังคับทำการบ้าน “ก็ไม่ใช่หนูแน่ ๆ อ่ะ! หนูไม่ใช่คนแบบนั้นนะ หนูยังอยากแต่งงานมีสามีหล่อ ๆ อยู่เลย ไม่ได้อยากไปกอบกู้โลกซะหน่อย”


หมาป่าขาวส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ คล้ายหัวเราะหยัน แต่ไม่ใช่การล้อเลียน หากเป็นความเอ็นดูปนจริงจัง “เจ้าว่าตัวเองไม่ใช่ แต่สายเลือดในกายเจ้ากลับบอกสิ่งตรงกันข้าม…ลูกของเทพีเซเรส และผู้สืบสายแห่งเจนัส เจ้าถูกผูกพันกับโชคชะตาตั้งแต่เกิดเหมือนกับครึ่งเทพคนอื่น ๆ” โมนีก้าเงียบไปในชั่วขณะ ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย เธอไม่กล้าตอบโต้ตรง ๆ เพราะลึก ๆ ก็รู้ว่าหมาป่านี้ไม่ได้พูดเล่นแต่เธอก็ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจหรือพร้อมรับของพวกนี้ได้ ลูปาก้าวเข้ามาใกล้ เสียงในหัวของเธออ่อนลง คล้ายแม่ที่พูดกับลูก “แต่อย่าเพิ่งกังวลไป ตอนนี้เจ้าต้องฝึกฝนตัวเอง ข้าจะพาเจ้าไปยังที่พักของเรา…ที่บ้านหมาป่า หุบเขาโซโนมา ที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของวิถีแห่งโรมและที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย”


โมนีก้ากอดอกถอนหายใจแรง ๆ “โอเค…ก็ได้ค่ะ แต่หนูยังยืนยันนะว่าไม่ได้อยากเป็นนักรบอะไรทั้งนั้น…” ดวงตาสีทองอำพันของลูปาส่องประกายรับแสงเช้าที่ไม่มีวันมืด ดุจดังเปลวไฟที่มองลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจมนุษย์ ดั่งจะบอกว่า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหรือไม่ วันหนึ่งเจ้าจะต้องเลือก


แต่ระหว่างที่โมนีก้ากำลังจะลุกขึ้นจากพื้นดินของทะเลสาบแห่งนี้ไม่นานนัก เปลวไฟสีทองปนเขียวหม่นลุกวาบขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นข้าวสาลีและกลิ่นไม้เก่าโชยขึ้นมาจากอากาศรอบตัวโมนีก้า เธอกรีดร้องเบา ๆ พลางถอยหลังหนึ่งก้าว แต่แล้วกลับต้องก้มลงมองแขนขวาของตัวเองอย่างตะลึงงัน บนผิวเนียนของเธอ ปรากฏเป็น สัญลักษณ์เรืองแสงภาพนาฬิกาทรายที่ประกบด้วยสองใบหน้าหันสวนกัน ซึ่งคือสัญลักษณ์แห่งเจนัส และถักทอประสานเข้ากับ รวงข้าวและเคียว ซึ่งคือสัญลักษณ์ของเซเรส ทั้งสองผสานกันอย่างสมบูรณ์ราวกับถูกออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ


“อะ…อ๊ะ!!!” โมนีก้าตกใจจนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอสะบัดแขนไปมาเหมือนพยายามปัดเปลวไฟออก “โอ๊ยยย!! อะไรอีกเนี่ย! หนูจะกลายเป็นนักรบซูเปอร์ฮีโร่ไปแล้วใช่ไหม!!”


หมาป่าขาวลูปาก้าวเข้ามาใกล้ เงาสีขาวของนางสะท้อนอยู่ในน้ำใสของทะเลสาบ ดวงตาสีทองอำพันทอประกายลึกล้ำ ขณะที่เสียงก้องชัดเจนดังขึ้นในหัวของโมนีก้า “อย่ากลัวไป…นี่มิใช่การสาปแช่งแต่มันคือเครื่องหมายแห่งเกียรติยศ”


โมนีก้าหอบหายใจแรง สายตายังคงจับจ้องลวดลายสัญลักษณ์บนแขนที่ค่อย ๆ จางแสงลงเหลือเป็นเพียงรอยสักคล้ายหมึกสีเข้ม ฝังแน่นอยู่บนผิวหนังเหมือนจะไม่มีวันหายไป “นั่นคือเครื่องหมายที่ยืนยันว่าเจ้าคือสายเลือดแห่งสองเทพเซเรสและเจนัส” ลูปากล่าวด้วยน้ำเสียงสง่างาม “ทุกคนจะได้รับการยอมรับจากเทพหากมีสายเลือดเวียนในร่างกาย” โมนีก้าเม้มปากแน่น ก่อนค่อย ๆ คลายเป็นรอยยิ้มอ่อน เสียงหัวเราะเล็กน้อยหลุดออกมาพร้อมกับความตกใจ “ตกใจแทบตาย…แต่ก็เท่ดีแฮะ” เธอเอียงแขนดูสัญลักษณ์ใหม่ของตัวเองอย่างประหลาดใจปนชื่นชม


หมาป่าขาวพยักศีรษะอย่างช้า ๆ ราวกับยอมรับในท่าทีของเธอ “จงภาคภูมิ เจ้าถือกำเนิดด้วยสองสายเลือด และนี่คือสิ่งที่จะเปิดประตูให้เจ้าก้าวสู่เส้นทางที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าที่เจ้าคิด”


หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ มองสัญลักษณ์บนแขนตัวเองอีกครั้ง พลางยิ้มบาง ๆ ทั้งที่ดวงตายังมีแววตื่นตระหนกอยู่ไม่หาย “ก็…ก็ได้ค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะ หนูยังอยากได้แฟนหล่อ ๆ มากกว่าที่จะได้เกียรติยศอะไรพวกนี้อยู่ดี…” เธอจะย้ำเรื่องนี้เป็นรอยที่ล้านให้เขาได้เข้าใจ และเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะต่ำ ๆ ของลูปาก้องกังวานไปทั่วทั้งผืนป่าและทะเลสาบราวกับคำตอบของเธอเป็นสิ่งที่น่าขบขันและน่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน.


“ตามมา” เสียงคำสั่งของหมาป่าขาวก้องในหัวทันทีที่โมนีก้าลุกขึ้นยืน เสียงนั้นหนักแน่นจนเธอเผลอก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่เถียง ทั้งที่ร่างกายยังอ่อนล้าจนแทบยืนไม่ไหว ลูปาเดินนำเธอออกจากริมทะเลสาบทาโฮ สู่เส้นทางที่ทอดไปยังถนนใหญ่ ป่ารอบด้านค่อย ๆ บางลง จนในที่สุดเสียงเครื่องยนต์ของรถคันใหญ่ก็ดังใกล้เข้ามา “จากที่นี่ไปหุบเขาโซโนมา…177 ไมล์” หมาป่าขาวบอกเสียงเรียบ ดวงตาทองเหลือบมองเด็กสาวด้านหลังที่กำลังลากเท้าแทบล้ม “เจ้าคงไม่อาจเดินไปถึงได้หรอก”


โมนีก้าเงยหน้ามองด้วยดวงตาเหมือนแพนด้า “เออ…ก็แน่นอนสิคะ! หนูยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ จะให้วิ่งอีกตั้งร้อยกว่าไมล์นี่บ้าแล้วนะ!” เธอบ่นไม่ทันจบ ลูปาก็กระโดดพรวดเข้าไปที่พุ่มไม้ข้างทาง ร่างใหญ่หายวับไป ก่อนที่โมนีก้าจะอ้าปากถาม เสียงเครื่องยนต์ก็ดังใกล้ขึ้นรถบรรทุกขนผักสดคันหนึ่งแล่นผ่านมาอย่างช้า ๆ “เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า…” ไม่ทันจะได้พูดจบ หมาป่าขาวก็พุ่งออกมาจากเงามืด กระชากคอเสื้อเธอด้วยปาก ฟึ่บ! แล้วอุ้มเธอลอยขึ้นกลางอากาศก่อนจะ โดดตูม! ขึ้นไปบนกระบะรถบรรทุกเต็มไปด้วยลังผักกาด กะหล่ำปลี และแครอทสด ๆ


“ว๊ากกกกกกกกกก!!!” โมนีก้ากรี๊ดลั่น ตกลงไปกลิ้งในกองผักอย่างหมดท่าเพราะโดนหิ้วเป็นสัตว์เล็ก…อะไรวะเนี้ยยย “บ้าไปแล้ววว!! ทำไมต้องเป็นผักด้วยยยย!! หนูเกลียดผักกกกก!!!” แต่เธอก็ทำได้แค่บ่นในลำคอเบา ๆ เพราะกลัวเจ้าของรถจับได้ ลังผักกลิ้งกระแทกขาเธอเจ็บไปหมดกลิ่นเขียวสดชื่นตีจมูกจนแทบอยากร้องไห้


ลูปาหันมามองด้วยหางตา เสียงในหัวดังนิ่งสงบ “บ่นไปก็ไร้ค่า…อย่างน้อยเจ้าจะได้ถึงโซโนมาในอีกห้าชั่วโมง” โมนีก้าเบ้ปาก หน้าเหวอสุด ๆ แต่สุดท้ายเธอก็ทิ้งตัวลงไปบนกองกะหล่ำปลีอย่างหมดแรง “ก็ได้ค่ะ…ก็ได้…หนูจะนอนรอ…ถ้าตื่นมาแล้วถึงจริง ๆ นะ จะถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วกัน…” เสียงรถบรรทุกดังครืดคราดไปบนถนนสายยาว ท้องฟ้าเหนือศีรษะยังคงสว่างจ้าเหมือนไม่รู้จักกลางคืน ขณะที่โมนีก้าในชุดเบลเซอร์ชมพูหรูหรากำลังนอนซุกอยู่ท่ามกลางกองผัก กลายเป็นภาพหลุดโลกสุด ๆ ของเด็กสาวผู้ต้องดำเนินเรื่องราวในโลกใบนี้ของเธอ…เห่อ



อื่น ๆ: ชีวิตคนเกลียดผักอะเนอะ เห่อออ

รางวัล: +1 ตื่นรู้

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15 [God-29] ลูปา



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-29] ลูปา เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ เมื่อวานซืน 11:11
โพสต์ 34337 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ เมื่อวานซืน 10:05
โพสต์ 34,337 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ +6 ความศรัทธา จาก น้ำยาย้อมผม  โพสต์ เมื่อวานซืน 10:05

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +1 ย่อ เหตุผล
God + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
น้ำยาย้อมผม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้