PRINCIPIA ⋘ พรินซิเปีย ⋙

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×





PRINCIPIA

⋘ พรินซิเปีย ⋙














คลิกที่ภาพเพื่อเยี่ยมชมด้านใน





พรินซิเปีย เป็นสำนักงานใหญ่ของแม่ทัพ ที่ตั้งอยู่ในค่ายจูปิเตอร์ แม่ทัพทั้งสองของกองพันที่สิบสองจะมาพบกันที่พรินซิเปียเพื่อหารือเรื่องสำคัญต่าง ๆ โดยมีรูปลักษณ์เป็นอาคารหินอ่อนสีขาวสองชั้นที่มีเสาค้ำเหมือนธนาคารสมัยก่อน โดยมีทหารโรมันยืนเฝ้าอยู่หน้าอาคาร เหนือประตูทางเข้ามีป้ายสีม่วงขนาดใหญ่แขวนอยู่ โดยมีอักษร S.P.Q.R สีทองปักไว้ภายในพวงมาลัยลอเรล


ด้านในมีภาพโมเสกของโรมูลุสและเรมัสภายใต้การนำของลูปาที่ส่องประกายระยิบระยับบนเพดาน พื้นเป็นหินอ่อนขัดเงา ผนังคลุมด้วยกำมะหยี่ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในเต็นท์สำหรับตั้งแคมป์ที่แพงที่สุดในโลก และบนผนังด้านหลังมีป้ายและเสาไม้ประดับด้วยเหรียญทองแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางทหาร ตรงกลางมีชั้นวางสำหรับวางคทาอินทรีอันเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งโรมที่มุมด้านหลัง มีบันไดทอดลงมาและถูกกั้นด้วยลูกกรงเหล็กที่เรียงกันเหมือนประตูคุก ตรงกลางห้องมีโต๊ะไม้ยาววางอยู่เต็มไปหมด โดยมีม้วนกระดาษ สมุดบันทึก แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ มีดสั้น และชามขนาดใหญ่ที่ใส่เจลลี่บีนไว้ ด้านหลังโต๊ะมีเก้าอี้พนักสูง 2 ตัวที่สร้างขึ้นสำหรับแม่ทัพทั้งสอง


แผ่นพับแจกแก่สมาชิกใหม่



⋘ 2 แม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสอง ฟุลมินาตา ⋙

   
 ควินตัส แอนเดอร์สัน
ยาสมิน อาเดน

แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10445 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-5 00:32
โพสต์ 2024-12-28 22:06:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Character Avatar
DENISTA NORTARA
Lovers of Pleasure From Wolf House

“ ควินตัส ได้ยินหรือยัง? ”

“ อืม ได้ยินแล้ว ”

สองแม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสอง ฟุลมินาตาประจำค่ายจูปิเตอร์หันมองกันและกันภายในอาคารหรูหราตามฉบับโรมันโบราณที่ถูกตั้งชื่อไว้อย่างงดงามว่า ‘ พรินซิเปีย ’ พวกเขาได้รับแจ้งจากหน่วยลาดตระเวนว่าจะมีสมาชิกใหม่มาแสดงเจตจำนงขอเข้าร่วมค่ายในอีกไม่กี่นาทีซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ ทว่าคำพ่วงท้ายกำชับประโยครายงานกับรายนามอสุรกายที่ได้ยินกลับทำให้พวกเขาตัดสินใจปรากฏตัวเพื่อรับรองหญิงสาวคนนั้นกันทั้งคู่

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูห้องทำงานทำให้ดวงตาของยาสมินและควินตัสสบกันอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบเปลี่ยนท่าทางจากสบาย ๆ เป็นเคร่งขรึมตามประสาคนที่ยังมีภาพลักษณ์ของแม่ทัพให้ต้องดูแล หลังจากการส่งซิกทางสายตาหลายครั้ง ในที่สุดควินตัสก็กระแอมในลำคอและกล่าวอนุญาต “ เข้ามา ” เสียงทุ้มของชายที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มดังกว่าระดับที่ตั้งใจไว้เนื่องเพราะความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจเสียตั้งแต่ก่อนที่ผู้มาเยือนจะก้าวเข้ามาซะอีก

พรืด—- เสียงหลุดขำของยาสมินดังมาพร้อมกับเสียงผลักประตูไม้เก่า ๆ ให้อ้าออกรับผู้ที่มารายงานตัว สายลมอ่อน ๆ กลุ่มหนึ่งพัดเอากลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของกุหลาบป่าเข้ามาจนพวกเขาตาพร่าด้วยความมึนงง “ สวัสดีค่ะ ” เสียงหวานของว่าที่สมาชิกใหม่ปลุกพวกเขาขึ้นจากความสับสนและเมื่อดวงตาของพวกเขาเลื่อนไปที่กลางห้องก็พบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่มีผิวขาวเป็นประกายราวไข่มุก แม้จะมีบาดแผลรวมไปถึงร่องรอยของการต่อสู้บนร่างกาย แต่ด้วยบุคลิกและท่าทางที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีก็ยังทำให้เธอดูโดดเด่นหน้ามอง

เป็นความสวยในระดับที่ไม่ธรรมดา ,

ความสวยในระดับที่ทำให้สับสนว่านี่คือสมาชิกเริ่มต้นจริงหรือเปล่า?

“ … ”

“ ส สวัสดีจ๊ะ ”

คนแรกที่ตั้งสติได้คือยาสมิน แม่ทัพหญิงแห่งกองพันที่สิบสองใช้ข้อนิ้วเคาะลงกับโต๊ะทำงานเบา ๆ เป็นการปลุกให้ควินตัสตื่นจากภวังค์ ‘ ไม่ต้องคิดเลย ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นสายเลือดวีนัสในสักทางหนึ่ง ’ ธิดาเนปจูนผายมือมาด้านหน้า เชื้อเชิญให้หญิงสาวแปลกหน้าได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ภายในใกล้กับโต๊ะทำงาน หรือพูดให้ถูกก็คือเชิญให้นั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าควินตัสราวกับว่าจงใจจัดวางเอาไว้แต่แรก ‘ เราตกลงกันแล้ว นายรับบทโหด ฉันรับบทใจดี ’ สองแม่ทัพสื่อสารกันด้วยสายตาลับหลังว่าที่สมาชิกใหม่อย่างดุเดือด ควินตัสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าการรับบทแบบนั้นค่อนข้าง.. เสียเปรียบสำหรับเขา

“ เดินทางมายากมากไหม? เป็นยังไงบ้าง? ”

ยาสมินถามหญิงสาวด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรพร้อมกับเดินไปยืนข้างที่นั่งของควินตัส

“ ขึ้นอยู่กับว่าขอบเขตของคำว่า ‘ ยาก ’ สำหรับพวกคุณคือตรงไหน ” ดวงตาของเดนิสต้าจับจ้องไปยังโถลูกอมบนโต๊ะทำงานที่วางเอาไว้ล่อเด็ก ๆ หญิงสาวชำเลืองตามองยาสมินเล็กน้อยเป็นการขออนุญาต ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า ดังนั้นเธอถึงได้โน้มไปเปิดฝาโถแล้วหยิบลูกอมออกมาแกะทานไปพลาง ๆ “ สำหรับฉันแล้ว แน่นอน– ยากค่ะ ยากจนคิดว่าจะไม่ได้เห็นค่ายแล้วด้วยซ้ำ ”

ควินตัสขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำตอบของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ครู่หนึ่งเขาอยากจะเอ่ยปากว่า ‘ คงเป็นเรื่องลำบากสำหรับคุณ ’ แต่มือของยาสมินที่หยิกไหล่ด้านหลังของเขากลับทำให้เขาพูดไม่ออก ‘ ขยันสะกัดดาวรุ่งกันซะด้วย ’ แม่ทัพหนุ่มประจำกองพันที่สิบสอง บุตรชายของเทพีอาร์คัสหักนิ้วของตัวเองจนเป็นเสียงกรอบแกรบไล่ความประหม่าก่อให้เกิดเป็นบรรยากาศหนักอึ้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขากลับพูดขึ้นว่า “ ถ้างั้นมาทำเรื่องนี้ให้จบกันไว ๆ ดีกว่า จดหมายรับรองล่ะ..ครับ? ”

ยาสมินกรอกตา เธออุตส่าห์ตั้งใจจะเทรนด์ควินตัสให้มีมาดของแม่ทัพเย็นชาใครจะไปนึกได้ว่าจิตใต้สำนึกของสายเลือดอาร์คัสจะสุภาพขนาดนั้น แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในการเฝ้ามองของเดนิสต้า .. พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าบุคคลที่นั่งตรงหน้ามีพรสวรรค์ประหลาดที่พัฒนาไปไกลยิ่งกว่าสายเลือดวีนัสคนใดที่พวกเขารู้จัก การรับรู้อารมณ์ สื่อสารกับสัตว์ หรือแม้แต่สัญชาตญาณที่เฉียบขาด นี่ไม่ใช่ขอบเขตของธิดาวีนัสที่พวกเขารับมือได้เลยสักนิด

ริมฝีปากของสาวสวยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเบาบาง มือของเธอหยิบจดหมายที่ซ่อนเอาไว้ในปกหลังของบันทึกการเดินทางขึ้นมายื่นให้แก่พวกเขา คนที่รับไปคือควินตัส ชายหนุ่มหยิบที่เปิดผนึกจดหมายมากรีดใต้ตราประทับครั่งของจดหมายก่อนจะค่อย ๆ คลี่กระดาษบาง ๆ ที่ซ่อนเนื้อหาอันน่าประทับใจเอาไว้


ถึง แม่ทัพประจำค่ายจูปิเตอร์

ข้าพเจ้า อีริค นอร์ทาร่า ขอแนะนำ เดนิสต้า นอร์ทาร่า บุตรสาวของข้าพเจ้า ซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าร่วมค่ายจูปิเตอร์

เดนิสต้าเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริว และมีความมุ่งมั่นสูงนับตั้งแต่เด็ก เธอแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความสามารถในการตัดสินใจที่เฉียบขาด เดนิสต้ามักเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอเนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเดนิสต้ามีความกระหายในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เธอใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเอง ดังนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่าเธอจะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการฝึกฝนที่เข้มข้นได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าบางครั้งเดนิสต้าอาจจะแสดงความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าด้วยการฝึกฝนและคำแนะนำจากท่าน เธอจะสามารถควบคุมนิสัยนี้ และเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะพิจารณาให้โอกาสเดนิสต้าได้เข้าร่วมกองพันที่สิบสอง และช่วยให้เธอได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่



ขอแสดงความนับถือ
อีริค นอร์ทาร่า

ดวงตาของควินตัสกวาดมองไปตามตัวอักษรเขียนที่ตวัดอย่างมั่นใจ บ่งบอกถึงลักษณะของผู้เขียนที่มีความแยบคายหนักแน่น แม่ทัพหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะส่งจดหมายไปให้ยาสมินได้อ่าน เขาเงยหน้าขึ้น ตัดสินใจทำสิ่งที่นอกเหนือจากที่ตกลงกันได้ด้วยการถามไถ่อย่างสุภาพ “ คุณ.. เดนิสต้า จากคนที่มารายงานบอกว่ารายชื่ออสุรกายที่คุณเจอ.. น่าประทับใจทีเดียว พอจะบอกให้ทราบได้ไหมครับ? ”

ใบหน้าหวานของหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายแมวเปอร์เซียแสนเย่อหยิ่งเอียงไปข้าง ๆ พร้อมมองเขาด้วยสายตาพิจารณา หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่งเดนิสต้าก็ตอบ “ ฉันเริ่มต้นด้วยการเจอเอ็มพูซาค่ะ จากนั้นก็เฮลฮาวน์ ” อาศัยแค่สองรายชื่อนี้ สีหน้าของแม่ทัพประจำกองพันที่สิบสองก็เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งเอ็มพูซาที่ถือว่าเป็นอสุรกายระดับกลางไปจนถึงเฮลฮาวน์ที่หายากจนเลือดตาแทบกระเด็น ใครจะไปนึกว่าในการเดินทางไม่ถึงหนึ่งวันของหญิงสาวตรงหน้าจะมีรายขื่อพวกนี้โผล่มา

“ มีไซคลอปส์ กับที่พึ่งจัดการไปก่อนถึงอุโมงค์ก็เป็นไคเมร่า ” สองมือของเดนิสต้าประสานวางกันบนตัก เธอเอนแผ่นหลังของเธอแนบชิดไปกับพนักพิง เฝ้ามองหน้าที่เปลี่ยนสีไปมาของสองแม่ทัพด้วยแววตาขบขัน ถึงจะรู้สึกประหลาดอยู่ลึก ๆ ที่เลือกปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยการวางตัวให้มีระยะห่างพอประมาณ ต่างกับตอนที่เป็นแค่เด็กไร้สาระในมือของอเล็กซานเดอร์ แต่เชื่อเถอะว่าโดยปกติแล้วตัวตนของเดนิสต้ากระเดียดมาในทางที่เธอกำลังปฏิบัติอยู่ตอนนี้มากกว่า “ ในกรณีที่คุณอาจไม่เชื่อ ”

“ ฉันให้คุณเช็คสินสงครามได้นะ ”

ไม่ใช่แค่สมาชิกค่ายโดยทั่วไปแน่นอน , ควินตัสกับยาสมินสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะเป็นยาสมินที่พูดขึ้น

“ ขอพวกเราคุยกันนิดนึงนะ ” สองแม่ทัพผละออกจากโต๊ะ เดินหายไปเงียบ ๆ ในมุมที่ไกลเกินกว่าการรับรู้ของคนทั่วไปเพื่อกระซิบกระซาบหารือ ทิ้งให้หญิงสาวที่ชื่อเดนิสต้า นอร์ทาร่าลักหยิบลูกอมในโหลเพิ่มไปอีกสามสี่ชิ้น “ ควินตัส ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เล่น ๆ เลย เธอซัดไคเมร่าก่อนมาเข้าค่ายด้วยซ้ำ ??? ”

“ ได้ยินแล้วน่า ”

“ นายเห็นรอยสักบนแขนเธอไหม? ”

“ ไม่ ยังไม่เห็—- ”

พรึ่บ

“ เชี่ย ”

อยู่ดีไม่ว่าดีแขนซ้ายของเดนิสต้าก็มีไฟลุกพรึ่บ ร่างน้อยของหญิงสาวยืนขึ้นทันควันพร้อมกับสะบัดแขนไปมาไล่เปลวเพลิงที่ไร้ความร้อนนั้นจนมันมอดดับ เหลือไว้แค่รอยสักสีเข้มรูปนกพิราบคาบกิ่งมะกอกอย่างชดช้อยอยู่บนผิวเนียน “ อะไรเนี่ย.. ” เธอพึมพัมกับตัวเองด้วยสีหน้าสับสน ตรงข้ามกับผู้รับชมทั้งสองที่หันมองหน้ากัน

“ นายเห็นแล้วนะ ”

“ เฮ้อ ”

ท้ายที่สุดสองแม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสองก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน ควินตัสนั่งลงที่เดิม ส่วนยาสมินก็ยืนในจุดเดิมที่เคยยืน สีหน้าและแววตารวมไปถึงน้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจผิดกับก่อนหน้านี้ที่เหมือนจะยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ “ ยินดีต้อนรับสู่ค่ายจูปิเตอร์ครับเดนิสต้า ผมเชื่อว่าการเติบโตของคุณจะเป็นหนึ่งในกำลังที่เราพึ่งพาได้ในสักวัน ”

ทว่าสิ่งที่เดนิสต้าสนใจกลับไม่ใช่เสียงของพวกเขา แต่เป็นเสียงแว่วกระซิบแผ่วเบาจากแดนไกลที่หลั่งไหลมาตามสายลมว่า ‘ อย่าข้ามแม่น้ำไทเบอร์ และห้ามเฉียดใกล้แม่น้ำไทเบอร์น้อย.. สำหรับเจ้าแล้วจงใช้สะพาน ’

+7 ความสัมพันธ์จากสกิลหอมเย้ายวนกับควินตัส และยาสมิน
รายงานตัวเพื่อเข้าร่วมกับกองพันหลักที่สิบสอง - รอการยืนยันกองร้อย

แสดงความคิดเห็น

God
((คุณสังกัดกองร้อยที่ 1))  โพสต์ 2024-12-28 22:08
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] ยาสมิน อาเดน เพิ่มขึ้น 7 โพสต์ 2024-12-28 22:08
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน เพิ่มขึ้น 7 โพสต์ 2024-12-28 22:08
โพสต์ 24176 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-28 22:06
โพสต์ 24,176 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความกล้า จาก หอกฮาลต้า  โพสต์ 2024-12-28 22:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นพูจิโอ
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Anker PowerCore
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
Daedalus's Legacy
สื่อสารกับความรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x1
x2
x1
x5
x5
x5
x8
x1
x4
x2
x7
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
โพสต์ 2025-1-12 15:03:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Euphemia เมื่อ 2025-1-12 15:41



𝕰𝖚𝖕𝖍𝖊𝖒𝖎𝖆 𝕸. 𝕷𝖊𝖓𝖓𝖔𝖝
- 13:30 † 03 มกราคม 2025 -
พรินซิเปีย, ค่ายจูปิเตอร์


- เข้าพบแม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสองฟุลมินาตา -


อาจไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีสายเลือดแห่งโรมสักคนโผล่มาถึงหน้าค่ายจูปิเตอร์ในสภาพสะบักสะบอมจนต้องนอนห้องพยาบาลก่อนเข้ามารายงานตัว แต่นั่นก็นานมากแล้ว…สภาพที่อาบชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสดของยูเฟเมียทำให้คนที่พบเห็นพาลคิดว่า ‘ศพ’ ถูกหามเข้ามาในค่าย ที่น่าประหลาดใจมากกว่าคือใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมง ผู้เยียวยาของค่ายจูปิเตอร์ก็พลิกชีวิตเฉียดนรกเธอกลับมาเป็น ‘ I’m EUPHEMIA. I’m OKEY👌🏻 ’ ได้อย่างง่ายดาย

ทันทีที่ร่างกายฟื้นคืนสภาพ ยูเฟเมียซึ่งระอาเต็มทีกับกลิ่นยาฆ่าเชื้อก็ยืนยันจะลากสังขารตนเองมาที่พรินซิเปียทันทีเพื่อให้ร่างของเธอได้นอนพักฟื้นบนเตียงนุ่มๆ แทน

ในอาคารสไตล์โรมัน…ตอนนี้เสียงพูดคุยในห้องรับรองดังมาประมาณ 15 นาทีแล้ว

“...และ ‘ริวเมย์ อิเอโนะ’ นักเดินทางที่ฉันเข้าใจว่าเป็นลูกหลานของสายเลือดเทพีคีโอเน่ก็ดันเฉลยว่าตัวเองเป็นเทลไคน์— ” ยูเฟเมียหลุดหัวเราะคิกคัก เสียงฟังดูชืดชาไปบ้างขณะเล่าถึงเหตุการณ์ที่พบเจอตลอดสามสี่วันที่เดินทางมาค่ายจูปิเตอร์ ดวงตาสีเข้มซ่อนประกายเสน่ห์ เผยรอยยิ้มล้อเลียน “ ถือว่าฉันมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่เลวเลยค่ะ ”

ยาสมิน เอเดนสบสายตาของหนุ่มน้อยสายเลือดอาร์คัส-ควินตัส แอนเดอร์สัน เห็นชัดว่ามุกตลกนี้ไม่ผ่าน ทั้งคู่ไม่ขำเลยสักนิด

มุกตลกร้ายแบบนี้ลองขำออกเราคงมีสงครามน้ำลายกันต่อแน่

ใบหน้าของยูเฟเมีย เลนน็อกซ์แฝงความตึงเครียดรางๆ และยังคงยึดครองบทสนทนาในครั้งนี้ “ ครึ่งเทพ สายเลือดแห่งโรมที่ยังเด็ก— ฉันขอเรียกสภาพที่ช่วยเหลือตนเองจากอสูรกายได้อย่างไม่เต็มที่ว่า ‘เด็ก’ นะคะ ในสังคมมนุษย์—ฉันหมายถึงนอกกำแพงค่ายจูปิเตอร์ เรามีสิ่งที่เรียกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก 4 ประการค่ะ สิทธิที่จะมีชีวิตรอด สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง สิทธิที่ในการมีส่วนร่วม ”

“ คุณอาจไม่ทันตระหนัก…แต่ฉันคิดว่าระบบของพวกคุณค่อนข้างล้าหลังเกินไปสำหรับยุคนี้นะคะ ”

“ การออกจากบ้านหมาป่าเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเองมองยังไงก็เป็นตั๋วตรงสู่นรกชัดๆ เคยทำสถิติไหมคะว่ามีเด็กเท่าไหร่ที่มาไม่ถึงค่าย ตัวเลขมันควรเป็นศูนย์ค่ะ ”

“ เฮ้อ— ถึงเจ้าบ้าเทลไคน์นั่นจะประสาทกลับ แต่ถ้าไม่มีเขาก็ไม่แน่ว่าฉันจะรอดมาถึงป่านนี้ ”

“ ถ้าเห็นว่าชีวิต ‘พวกเราทุกคน’ สำคัญก็อยากให้ช่วยเลิกธรรมเนียมโบราณคร่ำครึนี่สักทีค่ะ ”

“ พวกเราในตอนนี้ไม่มีแม้แต่ ‘สิทธิที่จะมีชีวิตรอด’ เสียด้วยซ้ำ ”

เธอเอ่ยด้วยเสียงเศร้าจับใจราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างสาหัส มือบางประทับลงที่อกขณะแสดงสีหน้าอ้อนวอน ควินตัสกระแอมเล็กน้อยเพื่อเบี่ยงสติให้เหนือการควบคุมของเวทเสน่ห์ พลางส่งต่อจดหมายแนะนำจาก ‘ชารอน เลนน็อกซ์’ ให้ยาสมินที่เอนกายอ่านเนื้อความสลับกับจดจ้องใบหน้าของยูเฟเมียมาพักใหญ่ 


 

เรียน แม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสองฟุลมินาตาคนปัจจุบัน

     ดิฉัน ชารอน เลนน็อกซ์ เขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการมีอยู่ของ ยูเฟเมีย เอ็ม (แมรี่) เลนน็อกซ์ บุตรสาวของดิฉัน เธอเป็นผู้สืบเชื้อสายจากเทพีวีนัส และกำเนิดภายใต้ดิฉันซึ่งสืบสายเลือดของเทพเมอร์คิวรี่สายตระกูลอาร์ชิโบล์ดผ่านทาง แคสแซนดร้า อาร์ชิโบล์ด อดีตสมาชิกกองพันที่สิบสองฟุลมินาตาผู้เป็นมารดา

     ก่อนอื่นดิฉันของแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความเข้าใจผิดในอดีต มารดาของดิฉันซาบซึ้งในความเมตตาของทางกองพันฯ และสภาเซเนทเสมอมาที่นำคดีความโกลาหลทางการเงินในละตินอเมริกากลับขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง รวมถึงเห็นควรให้เธอไร้มลทิน

     เธอเสียใจเหลือจะกล่าวที่มิได้ติดต่อทางค่ายจูปิเตอร์เนื่องเพราะความละอายใจ

     และตามที่ได้กล่าวถึงในข้างต้น ยูเฟเมียเป็นครึ่งเทพสายเลือดวีนัสอย่างไร้ข้อกังขา แต่ดิฉันและมารดา (แคสแซนดร้า) ไม่อาจเอ่ยรับรองได้ว่าเกียรติแห่งเมอร์คิวรี่จะตื่นขึ้นในรุ่นของเธอ

     ยูเฟเมีย-เธอประจักษ์แจ้งแก่ตนเองตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะสัมผัสถึงอสูรกายและความยากลำบากในการใช้ชีวิตด้วยโรคดิสเล็กเซียก็ยังมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยความสดใสจับใจผู้คนเสมอ

     เธอมีอิสระเหมือนนกเลือกบินที่จะหยุดพักในสถานที่ที่เธอเลือก เสน่ห์ของการผจญภัยเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เธอเผชิญโลกนี้อย่างกล้าหาญ และมีความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกมุมมองต่อโลก โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารและเจรจาวางเหตุผลร้องเรียกที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ก้าวข้ามผ่านปัญหาความแตกต่างระหว่างครึ่งเทพและคนทั่วไปมาได้อย่างผ่าเผย

     บุคลิกภาพที่โดดเด่นสะท้อนความเข้มแข็งในจิตใจ

     ในฐานะมารดา ดิฉันพบความจริงว่า อุปนิสัยที่โดดเด่นนั้นมาพร้อมกับดื้อรั้นและไม่จริงจังกับบางเรื่อง การร้องขอให้กองพันฯ อุปถัมภ์เธอที่มีลักษณะนิสัยเช่นนั้นทำให้ดิฉันละอายใจในฐานะผู้ให้กำเนิด แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีที่ใดจะปลอดภัยต่อเธอมากไปกว่าค่ายจูปิเตอร์อีกแล้ว

     ด้วยเกียรติแห่งอาร์ชิโบล์ดดิฉันเชื่อว่าเธอมีศักยภาพที่จะเติบโตดังเช่นบรรพบุรุษที่เคยหยัดยืนเคียงข้างค่ายในสองรุ่นที่ผ่านมา โปรดพิจารณาให้โอกาสยูเฟเมียเข้าร่วมกองพันฯ และสอนสั่งถึงวิถีชีวิตที่ควรค่ากับเธอ

     หวังว่าความเห็นของดิฉันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา

เปี่ยมด้วยหัวใจที่นับถือ
ชารอน เลนน็อกซ์


( เนื้อความเบื้องหลัง- เวอร์ชั่นไอ้เชลไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่ม )
เรียน แม่ทัพแห่งกองพันที่สิบสองฟุลมินาตาคนปัจจุบัน

ข้าพเจ้าขอแจ้งให้ทราบว่า ยูเฟเมีย แมรี่ เลนน็อกซ์ เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพี Venus และมีสายเลือดของเทพเจ้า Mercury อยู่ในตระกูล

แมรี่เป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์
(แปล : เธอชอบและเกลียดสิ่งเดียวกันได้แบบมีสไตล์จนคุณงง เราเรียกสิ่งนี้ว่า เอกลักษณ์หรือเสน่ห์ได้ในทางหนึ่งใช่ไหมคะ?

เธอเป็นคนรักอิสระ ชอบการผจญภัยและมีความคิดสร้างสรรค์
(แปล : อย่าคิดว่ากฎจะหยุดเธอได้แม้เธอจะทำตามระเบียบ

เธอมีความสามารถในการสื่อสารและมีทักษะในการเจรจาต่อรอง
(แปล : นักฉอดบนโลกออนไลน์ หรือเรียกเกรียนคีย์บอร์ดอาจฟังดูคุ้นหูกว่า ลูกฉันแทบไม่หลับไม่นอนตอนที่ ‘ดาราหนุ่มสุดปลื้ม’ ของเธอมีดราม่า สงครามสร้างได้ที่ปลายนิ้ว และเธอต้องชนะ

อย่างไรก็ตาม แมรี่เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้นและอาจจะไม่จริงจังกับบางเรื่อง
(แปล : เรื่องนอกความสนใจเธอกลายเป็น​อิกนอแรนต์ได้ทันที แม้ปัญหาจะวางอยู่บนหัว และหวังว่าคุณจะมีความพยายามมากพอจะขู่เข็ญบังคับเธอ

ข้าพเจ้าหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่าน

ด้วยความเคารพ
ชารอน เลนน็อกซ์

‘ เป็นจดหมายที่เปี่ยมด้วยความรัก…และเค้ารางของตัวปัญหา ’ ยาสมินลงความเห็นได้ทันที ตามประวัติที่แนบมายูเฟเมียแทบจะไม่มีปัญหาด้านการใช้ชีวิตที่เกินรับมือถึงขั้นมองตนเองต่างจากมนุษย์ในสังคมเหมือนกับสายเลือดแห่งโรมหรือครึ่งเทพคนอื่นๆ ความสามารถในการกลมกลืนพอจะเรียกได้ว่า ‘กิ้งก่าเปลี่ยนสี’ หรือบางทีนั่นอาจเป็นการมองสิ่งมีชีวิต ทั้งคนทั่วไป ครึ่งเทพ และอื่นๆ อย่างเท่าเทียม

ควินตัสผู้มีสัมผัสแห่งนักล่าคล้ายมองทะลุไปถึงเบื้องหลังตัวอักษรกินใจ

จดหมายรับรองจากผู้ส่งผ่านสายเลือดของเมอร์คิวรี่มีวาทศิลป์เป็นเอกลักษณ์จนทำให้ชายหนุ่มอยากจะหลุดขำ แต่ถ้อยคำที่ยูเฟเมียกำลังสร้างก็มีฉากหน้าที่ ‘จริงจัง’ เกี่ยวพันกับคนรุ่นหลังจนขำไม่ได้ ความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อจนไม่รู้จะวางสีหน้าอย่างไรค่อยๆ กัดกินชายหนุ่มสายเลือดอาร์คัสอย่างรวดเร็ว

“ ผมเชื่อว่านั่นเป็นหนทางที่ควรมุ่งไป การสูญเสียไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคาดหวัง ”

ยาสมินเหล่ตามองยูเฟเมียพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนร่วมตำแหน่ง “ ฉันเสียใจกับเรื่องที่เธอได้พบระหว่างทาง แต่ตอนนี้… ยินดีต้อนรับเข้าสู่ค่ายจูปิเตอร์ ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเข้าอกเข้าใจ


+10 ความสัมพันธ์จากสกิลหอมเย้ายวนกับควินตัสและยาสมิน      รายงานตัวเพื่อเข้าร่วมกับกองพันหลักที่สิบสอง- รอการยืนยันกองร้อย [ ก็อปปี้เปก🥺🥺🥺 หงุงหงิง ]
𝔎𝔲𝔡𝔞𝔪 𝔰𝔞𝔯𝔞𝔫𝔤, 𝔑𝔞𝔩 𝔰𝔞𝔯𝔞𝔫𝔤, 𝔥𝔶𝔲𝔫𝔤
Anita Codes

แสดงความคิดเห็น

God
ยูเฟเมีย จากจดหมายรับรอง เธอเหมาะสมกับกองร้อยที่ 5  โพสต์ 2025-1-12 15:34
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] ยาสมิน อาเดน เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-1-12 15:28
God
สกิลหอมเย้ายวนส่งผลแค่คนเดียว (เนื่องจากไม่ได้ระบุจึงสุ่ม)  โพสต์ 2025-1-12 15:28
โพสต์ 23852 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-1-12 15:03
โพสต์ 23,852 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก ตาหลากสี  โพสต์ 2025-1-12 15:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เดรสลายลูกไม้
กำไลหินนำโชค
ต่างหูเงิน
ตาหลากสี
ยาดม
หอมเย้ายวน
ผลิตภัณฑ์กันแดด
รองเท้าเซฟตี้
ดาบกราดิอุสไม้
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x6
x4
x2
x2
x1
x2
x4
x3
x4
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x26
โพสต์ 2025-2-3 13:17:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nereza เมื่อ 2025-2-3 16:57

Character Avatar
DENISTA NORTARA
ภารกิจปลดปล่อยดวงวิญญาณ 30 ดวงสู่ยมโลก : 01 - ปรึกษาการเดินทาง

การจะไปทำภารกิจก็ไม่ใช่ว่าอ่าน คิด อยากไป แล้วไปได้เลย โดยเฉพาะกับภารกิจที่เชื่อมโยงกับยมโลกซึ่งถือเป็นสถานที่นอกเหนือเขตปกครองของเทพโดยทั่วไป ดังนั้นแทนที่จะกลับไปเตรียมตัวเพียงลำพังที่เขตกองร้อย เดนิสต้าจึงต้องมาเยือนพรินซิเปีย สำนักงานใหญ่อันเป็นห้องทำงานหลักของเหล่าแม่ทัพรวมไปถึงห้องหน่วยข่าวกรองต่าง ๆ ประจำกองพันที่สิบสองฟุลมินาตาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการเดินทางรวมไปถึงข้อที่ควรระวังสำหรับการเป็นแขกของยมโลก

เดนิสต้าไม่ใช่สายเลือดพลูโตหรือเทพและเทพีอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโลกนั้นทำให้เธอไม่ได้มีเคล็ดลับหรือความสามารถในการไปล่วงรู้ว่าต้องเดินทางยังไง ทำแบบไหน หลังจากประทับนามขอรับภารกิจ สิ่งแรกที่เธอคิดยังเป็นการตั้งคำถามอยู่เลย ‘ จะไปที่นั้นฉันต้องกลายเป็นวิญญาณก่อนหรือเปล่านะ.. ภาวนาหวังว่าจะไม่ใช่ก็แล้วกัน ’

ภายในพรินซิเปียยังคงเงียบสงบเหมือนกับครั้งแรกที่มา คงเป็นเพราะมหาลัยนิวโรมกำลังเปิดเรียน ดังนั้นทุกคนจึงมักจะไปรวมตัวที่กรุงโรมใหม่มากกว่ามาปวดหัวกับงานมากมายที่อาจเข้ามาได้ทุกเมื่อยกเว้นอยู่เพียงสองสมาชิกสำคัญของค่ายจูปิเตอร์ที่ยังต้องวนกลับมาตรวจสอบพรินซิเปียเป็นระยะ ๆ มือบางของเดนิสต้ายกขึ้นเคาะกับประตูไม้เนื้อแข็งของห้องทำงานสองแม่ทัพใหญ่เบา ๆ ก่อนจะขานยืนยันตัว “ นอร์ทาร่าจากกองร้อยหนึ่งขอเข้าพบค่ะ ”

ความเงียบคือคำตอบรับหลังเคาะประตูได้เกือบหลายนาที

‘ ไม่อยู่? ’ สองตาเรียวเฉี่ยวปานสิงคาลกวาดมองรอบด้านก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน ‘ ไม่สิ ปกติแล้วพวกเขาน่าจะกลับมาตรวจงานเวลานี้.. ’ เว้นก็แต่ชีวิตมหาวิทยาลัยนิวโรมมันลำบากจนเกินไป เดนิสต้าหลุบตาลงพิจารณาความเป็นไปได้อื่น ๆ กระทั่งตัดสินใจที่จะถอย ‘ ไว้ค่อยมาให—- ’

โคร้ม !!

อะไรล่ะ(วะ)นั่น

เสียงโครมครามหลังประตูห้องทำงานตามมาด้วยเสียงประตูไม้ฝืด ๆ แง้มออกช้า ๆ ต้อนรับการมาเยือนของผู้ยืนคอยอยู่ด้านหน้าโดยที่ไร้คำอนุญาตจากคนภายใน … แอ๊ด— มือบางของธิดาแห่งเทพความรักยื่นออกไปผลักประตูไม้ตรงหน้าให้เปิดอ้ากว้างกว่าเก่า นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเหลือบมองรอบด้านก่อนจะขยับริมฝีปากสีกลีบกุหลาบให้เปล่งเสียงทักทาย “ ที่นี่กลายเป็นห้องผีสิงไปแล้ว.. หรือว่าผู้องอาจของเหล่าทัพยังทำงานกันอย่างขมักเขม้นอยู่คะ? ”

“ คุณนอร์ทาร่า เข้ามาก่อนสิ ”

เสียงเรียกที่นุ่มนวลในระดับของเพศเดียวกันแต่แฝงมาด้วยความอ่อนใจทำให้ธิดาวีนัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ร่างเพรียวของสมาชิกคนล่าสุดของกองร้อยที่หนึ่งเคลื่อนเข้าไปด้านในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยกองเอกสารสูงพะเนินเทินทึก “ ดูท่าชีวิตในมหาลัยคงไม่เอื้อต่อแผนงานของผู้นำเหล่าทัพสินะคะ ” ปลายนิ้วเนียนจรดลงกับขอบกระดาษของกองที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงานของยาสมิน อาเดน — ธิดาเนปจูน หนึ่งในสองแม่ทัพและ.. สุภาพสตรีท่าทางห่อเหี่ยวที่อยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้

“ ถึงจะอยากปฏิเสธแต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบว่าใช่ล่ะนะ ” ลมหายใจพรั่งพรูออกจากริมฝีปากหนาของหญิงสาวผิวสีช็อคโกแลต ยาสมินเหลือบตาขึ้นมองธิดาวีนัสผู้มาเยือนพร้อมด้วยรอยยิ้มไม่ทุกข์ร้อน ‘ เห็นว่าไม่เข้าเรียนไปพักนึง.. กลับมาได้แล้ว? ’ แต่ถ้าจะให้ถามตามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจเลยก็คงจะเป็นการเสียมารยาท เจ้าของสายเลือดเทพเนปจูนเก็บสายตากลับลงมองที่เอกสารบนโต๊ะพลางถามอย่างสุภาพ “ มาที่พรินซิเปียครั้งนี้มีเรื่องอะไรจะปรึกษาล่ะคุณนอร์ทาร่า? ”

และถ้าหากว่าเดนิสต้ามีความสามารถในการหยั่งรู้ความคิดของคนอย่างชัดเจน คำแรกที่เธอตอบอีกฝ่ายคงเป็นคำว่า ‘ ไม่ ’ เดนิสต้าไม่ได้พร้อมสำหรับการกลับมาแบบร้อยเปอร์เซ็น บางครั้งความหวั่นไหวก็เป็นอุปสรรคสำหรับสายเลือดวีนัส (ถูกต้อง) แม้จะไม่อยู่ในขั้นอกหักหรือตกหลุมรัก แต่การสับสนได้เพราะคนเพียงคนเดียวก็ทำให้ผู้ครองสายเลือดเทพีแห่งความรักเสียความมั่นใจไปพักใหญ่ ‘ ก็แค่ออกไปหาเรื่องใส่ตัวให้หายคิดมาก ’ นั่นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอรีบร้อนวิ่งพล่านไปที่กระดานหินภารกิจทวยเทพก่อนจะเข้าเดือนแห่งความรักเต็มตัว “ ฉันไปรับภารกิจที่กระดานภารกิจจากเทพมาน่ะค่ะ.. ”

“ … ”

ดวงตาของยาสมินเหลือบขึ้นมองเดนิสต้าซึ่งเป็นผู้รายงานอีกครั้งแม้จะไม่แน่ใจว่าควรตอบสนองอย่างไร แต่สมองก็สั่งการให้แม่ทัพสาวคลี่ยิ้มยินดีไปกับความคืบหหน้าของคนในค่าย “ ภารกิจแรกสินะคะ? ยินดีด้วย ” ไม่ใช่ทุกครั้งที่สมาชิกจะมาแจ้งความประสงค์ขอออกไปทำภารกิจกับผู้นำเหล่าทัพ ฉะนั้นสำหรับครั้งนี้ยาสมินจึงอดไม่ได้ที่จะประทับใจผสม ๆ กับขบขันเมื่อนึกขึ้นว่าเดนิสต้าอาจจะยังไม่รู้หลักการดำเนินภารกิจตามปกติของค่าย “ ฉันดีใจที่คุณมาบอกนะคะ แต่โดยปกติ คุณไม่จำเป็นต้องมาที่พรินซิเปียเพื่อขออนุญาตหรือแจ้งว่าจะออกไปทำภารกิจหรอก ให้ยึดตามรายละเอียดของภารกิจหลังจากลงชื่อรับภารกิจได้เลย.. คุณคงจดรายละเอียดคร่าว ๆ บนกระดานมาแล้วใช่ไหม? นั่นแหละ ทำตามนั้นได้เลย ”

“ ดังนั้นฉันเลยมาที่นี่ไงคะ ”

การตอบกลับแบบไม่ต้องคิดรวมไปถึงรอยยิ้มกว้างจนตาหยีของเดนิสต้าทำให้ยาสมินชะงัก บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจพาดผ่านระหว่างสองสาวที่กำลังสบตากันอยู่เงียบ ๆ จวบจนเดนิสต้าเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “ ฉันต้องเดินทางไกลน่ะค่ะ.. ไกลมาก ๆ ด้วยจังหวะจะโคนและการเว้นช่วงเสียงให้รูปประโยคดูซับซ้อน เดนิสต้าที่เคยถือว่าเป็นเพียงธิดาวีนัสดาษดื่นกลับดูโดดเด่นแปลกตาขึ้นทันควัน “ เห็นว่ามาปรึกษาเส้นทางกับพวกคุณน่าจะดีกว่าลุยเดี่ยวคนเดียว ”

กระดาษแผ่นหนึ่งถูกวางลงกับโต๊ะทำงานของยาสมิน มันวางอยู่เหนือเอกสารที่ชวนให้ลายตามากมายแต่กลับโดดเด่นได้ด้วยตัวหนังสือหนา ๆ บนหัวกระดาษเพียงไม่กี่ตัวที่ทำให้แม่ทัพหญิงเบิกตากว้าง “ ปลดปล่อยดวงวิญญาณ 30 ดวงสู่ยมโลก? ”

“ อะไรนะ ?? ” คราวนี้ไม่ใช่แค่ยาสมินที่สะดุ้ง อีกหนึ่งแม่ทัพที่อาศัยเวลานี้งีบหลับหลังฝ่าฟันกับกองวิจัยมากมายจากมหาวิทยาลัยถึงกับผุดขึ้นมาจากกองกระดาษอีกฟากหนึ่งของห้อง ‘ ควินตัส แอนเดอร์สัน ’ บุตรแห่งอาร์คัสยกมือขึ้นลูบหลังศีรษะของเขาหลังจากยืดตัวเร็วเกินไปจนชนเข้ากับชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่ด้านหลัง เสียงร้องโอดครวญเบา ๆ จากปากเขาทำให้เดนิสต้าหลุดหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะหันกลับมายืนยันภารกิจของตัวเองอีกครั้ง

“ ใช่ค่ะ ภารกิจนั้นแหละ ”

“ คุณนอร์ทาร่า.. สายเลือดของคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับอันเดอร์เวิลด์เลย คุณแน่ใจเหรอ? ” แม้จะรู้แก่ใจดีว่าต่อให้ไม่แน่ใจตอนนี้ก็คงปฏิเสธการลงชื่อไม่ได้แล้ว ยาสมินขมวดคิ้วในระหว่างที่เธอเลื่อนกระดาษรายละเอียดภารกิจกลับไปให้เดนิสต้า “ ภารกิจแบบนี้ให้สายเลือดไทรเวีย นอกซ์หรือ.. ”

“ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครว่างไปทำเลยนะ ” เสียงหวานของเดนิสต้าตัดน้ำเสียงที่แฝงมาด้วยความลังเลของธิดาเนปจูนจนขาดสะบั้น ดวงตาเรียวของสาวสวยอันเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะคนนอกคอกประจำค่ายจูปิเตอร์หรี่ลงอย่างมีเลศนัย “ ฉันทำได้ค่ะ คงไม่ยากอะไร ”

ในเมื่อคนทำภารกิจดูเหมือนจะมั่นใจเสียขนาดนั้น..

สองแม่ทัพประจำกองพันที่สิบสองหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ “ เรื่องการเดินทาง.. ”

.

.

.

การปรึกษาเส้นทางเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบ เพื่อไม่ให้พลัดหลงหรือกลายเป็นบุคคลสูญหาย เดนิสต้าได้รับคู่มือการเดินทางอย่างละเอียดที่มีทั้งแบบเดินทางผ่านโดยขนส่งสาธารณะรวมไปถึงแบบที่ใช้รถส่วนตัว ‘ น่าเสียดายที่ฉันยังเรียนคลาสขับรถไม่จบ.. ต่อให้จบก็ยังไม่มีเงินซื้อรถในตอนนี้อยู่ดี ’ สองตาของเดนิสต้ามองลงที่โพสอิทเล็ก ๆ ที่ประกอบไปด้วยคำแนะนำเชิงกำชับอีกมากมายจากยาสมินและควินตัสก่อนจะปิดสมุดแนะนำเส้นทางพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

“ เท่านี้น่าจะพอใช้ได้แล้วล่ะ ”

ขนส่งสาธารณะใช้เวลา 11 ชั่วโมงกว่า ๆ แต่ถ้าหลอก(?)รถส่วนตัวให้ไปส่งได้ก็ใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมง

มุมปากของเดนิสต้ายกขึ้นสูงเป็นพิเศษในระหว่างที่เธอวางชามขนมจีบสองชามลงบนโต๊ะของยาสมินและควินตัสเพื่อเป็นการขอบคุณ “ อย่าหักโหมเยอะจนเกินไป ทานข้าวพักผ่อนกันบ้างนะคะ ” ด้วยการทิ้งท้ายอย่างเป็นห่วง ธิดาวีนัสคนสวยยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือร่ำลาสองผู้นำเหล่าทัพอย่างใจเย็น ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานขนาดใหญ่ภายในพรินซิเปีย ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมรัญจวนของกุหลาบพันปีอันเป็นเอกลักษณ์

+10 ความสัมพันธ์กับควินตัส แอนเดอร์สัน จากสกิลหอมเย้ายวน
+?? ความสัมพันธ์กับควินตัส แอนเดอร์สัน จากการมอบขนมจีบ
+?? ความสัมพันธ์กับยาสมิน อาเดน จากการมอบขนมจีบ

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] ยาสมิน อาเดน เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-2-3 15:03
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2025-2-3 15:03
โพสต์ 27523 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-2-3 13:17
โพสต์ 27,523 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก สร้อยนำโชคจากไทสัน  โพสต์ 2025-2-3 13:17
โพสต์ 27,523 ไบต์และได้รับ +10 EXP +9 เกียรติยศ +12 ความกล้า จาก คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)  โพสต์ 2025-2-3 13:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นพูจิโอ
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Anker PowerCore
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
Daedalus's Legacy
สื่อสารกับความรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x4
x1
x2
x1
x5
x5
x5
x8
x1
x4
x2
x7
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
โพสต์ 2025-9-8 00:24:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 06 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงดึก เวลา 00.00 - 01.00 น. ณ พรินซิเปีย ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


เสียงรองเท้าโลหะของทหารยามกระทบพื้นหินดังคลอระหว่างที่เลธิเซียผมแดงเดินนำโมนีก้าเข้าสู่เส้นทางหลักของค่ายจูปิเตอร์ ไฟคบเพลิงที่ส่องสองข้างทางทำให้แสงสีทองอาบไล้เส้นผมสีม่วงครามของเธอระยับราวกับเปลวเพลิงที่พลิ้วไหวในความมืด ถึงแม้ท้องฟ้ายังคงสว่างราวกับกลางวัน แต่บรรยากาศรอบค่ายกลับเต็มไปด้วยความสงบขึงขัง


เลธิเซียปรายตามองเด็กสาวที่เดินตามมา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู “นี่...เธอออกจากบ้านหมาป่ามานานยัง ถึงได้เพิ่งโผล่มาตอนนี้น่ะ? รู้ตัวไหมว่านี่มันเที่ยงคืนแล้วน่ะจ้ะ 00.00 น. เป๊ะ ถึงฟ้ายังสว่างก็ใช่ว่าจะไม่ถือว่าดึกนะ” โมนีก้าหอบกระเป๋าสะพายข้างสีชมพูเล็ก ๆ ที่เดินทางติดตัวมาตลอด ก้าวเท้าตามทันก่อนตอบเสียงใส แต่ยังมีแววเหนื่อยเจืออยู่ “ออกมาตั้งแต่ตีสี่เลยค่ะ แต่ระหว่างทางมันเจอหลายเรื่องมาก...พอรวม ๆ กันแล้วก็เลยมาถึงช้าขนาดนี้”


เลธิเซียเลิกคิ้วสูง หันมามองเธอด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แบบแมว “หลายเรื่อง… ฟังดูน่าสนใจนะ แต่ไม่ต้องเล่าละกัน เก็บไว้ให้แม่ทัพสองคนนั้นได้ถามเองดีกว่า พวกเขาชอบรู้ทุกเรื่องแหละ โดยเฉพาะเรื่องที่มัน...ผิดไปจากปกติ”


โมนีก้าได้ยินก็ถอนหายใจเบา ๆ ก้มหน้ามองพื้นหินอ่อนสีซีดที่ทอดยาวไปสู่ใจกลางค่าย เสียงฝีเท้าของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทั้งทหารทั้งเหล่าเดมิก็อดรุ่นพี่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่เธอโดยไม่ตั้งใจ เลธิเซียหัวเราะในลำคออีกครั้ง เอียงตัวเข้ามาใกล้พอที่จะกระซิบแผ่ว ๆ แต่เต็มไปด้วยแววขบขัน “อย่าเกร็งสิจ๊ะ แม่สาวตาเทาเงิน… ค่ายนี้มันใหญ่ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องผ่านสิ่งเดียวกันหมดก็คือการถูกจับตามองตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามานี่แหละ”


โมนีก้าเม้มปากเล็กน้อยพยักหน้าเหมือนบอกตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังอาคารหินอ่อนสีขาวตระหง่านที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพรินซิเปีย สำนักงานใหญ่ที่เปรียบเสมือนหัวใจของกองพันที่สิบสอง ฟุลมินาตา


อาคารหินอ่อนสีขาวสง่างามราวกับสัญลักษณ์ของอำนาจและระเบียบวินัยโรมัน เธอเงยหน้ามองป้ายสีม่วงเข้มเหนือบันไดหินที่มีอักษร S.P.Q.R. สีทองเด่นตัดกับพวงลอเรลที่ปักล้อม มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ โลกของกฎหมาย ระเบียบ และการควบคุมที่แตกต่างจากความอิสระในหุบเขาโซโนมาโดยสิ้นเชิง เลธิเซียสตรีผมแดงที่ยืนกอดอกข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ “เข้าไปเองเถอะจ้ะ ถ้าพวกแม่ทัพกำลังนอนฉันไม่อยากโดนหางเลขโดนด่าด้วย” ว่าแล้วเธอก็ส่งยักคิ้วเจ้าเล่ห์หนึ่งทีแล้วเดินหายไปในเงาไฟคบเพลิงที่ส่องตามทาง เหลือเพียงโมนีก้าเท่านั้นที่ต้องก้าวต่อ


เธอก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น เสียงเกราะของทหารโรมันที่ยืนเรียงสองข้างดังขึ้นเบา ๆ เมื่อพวกเขาขยับหอกและโล่ตามจังหวะ ราวกับกำลังตรวจสอบผู้มาเยือนใหม่ โมนีก้าเงยหน้าตอบสายตาพวกเขาด้วยดวงตาสีเทาเงินที่ส่องประกายสงบแต่แน่วแน่ ก่อนจะผลักประตูไม้โอ๊กหนักเข้าสู่ด้านใน 


บรรยากาศภายในพรินซิเปียงดงามและกดดันในคราวเดียว เพดานสูงประดับภาพโมเสกโรมูลุสและเรมัสใต้ร่างลูปา เงาสีทองระยิบระยับไปทั่วพื้นหินอ่อนที่ขัดจนสะท้อนราวกระจก ผนังคลุมด้วยผ้าไหมกำมะหยี่เข้มทำให้ทั้งห้องเหมือนห้องประชุมของจักรพรรดิ แต่ก็ยังคงกลิ่นอายความเป็นสนามรบอยู่ในทุกรายละเอียด ที่ผนังด้านหลังมีเสาไม้แกะสลัก ประดับด้วยเหรียญทองแดงเรียงรายเป็นชั้น ๆ บ่งบอกถึงชัยชนะของกองพัน ส่วนตรงกลางเด่นด้วยแท่นวางคทาอินทรีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งโรมที่เปล่งประกายเหมือนมีพลังงานแฝงอยู่


โต๊ะไม้ยาวกลางห้องเต็มไปด้วยม้วนตำรากรีกหรือละติน สมุดบันทึก แท็บเล็ตอิเล็กทรอนิกส์เรียงปนกันอย่างแปลกประหลาด มีทั้งมีดสั้นเหล็กวางข้าง ๆ และชามแก้วใส่เจลลี่บีนสีสดที่ดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้บรรยากาศเคร่งขรึมมีเสน่ห์ประหลาดขึ้นมา ด้านหลังโต๊ะใหญ่ เก้าอี้พนักสูงสองตัวตั้งวางรออยู่ราวกับรอให้แม่ทัพทั้งสองมานั่งคุมขุนนางและทหาร 


โมนีก้าก้าวเข้าไปกลางห้อง สูดลมหายใจลึก ๆ พลางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา “เอาล่ะ...จะถอยคงไม่ได้แล้ว”


บรรยากาศภายในห้องรอแม่ทัพยังคงเงียบสงัด มีเพียงเสียงกรอบแกรบของม้วนกระดาษที่ถูกลมพัดเบา ๆ กับกลิ่นหอมของกำมะหยี่และหินอ่อนที่ยังใหม่ โมนีก้ายืนตัวตรงแม้จะดูสบาย ๆ แต่ในใจเธอกลับเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา


ประตูไม้บานใหญ่ค่อย ๆ ถูกผลักออกมา เสียงเอี๊ยดอ๊าดสะท้อนก้องทั่วห้อง และสิ่งแรกที่เห็นคือเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมเรียบง่ายที่บ่งบอกว่าน่าจะเป็นชุดนอนผมยุ่งหัวฟูราวกับเพิ่งลุกจากเตียง เขาหาววอดพลางยกมือเกาศีรษะด้วยท่าทีง่วงงุนชายหนุ่มคนนั้นคือ ควินตัส แอนเดอร์สัน ว่าที่ตำนานของกองร้อยที่ 1 ผู้เป็นบุตรแห่งเทพีอีริสหรืออาร์คัส “โอย… ให้ตายสิ ดึก ๆ ดื่น ๆ เรียกกันอีกแล้วเหรอ…” เขาบ่นเสียงงึมงำแต่สายตาก็เหลือบมองโมนีก้าอย่างประเมินเพียงครู่ ก่อนจะหาวต่อแล้วเดินเช็ดขี้ตาไปนั่งฝั่งหนึ่ง


ไม่นานนัก ประตูอีกบานก็เปิดออกพร้อมเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะมั่นคง หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ผิวสีน้ำผึ้งเข้ม ดวงตาคมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และเส้นผมถูกรวบตึงอย่างเรียบร้อย เธอสวมชุดเสื้อคลุมแบบทหารโรมันที่ขับให้บุคลิกดูทรงพลังยิ่งขึ้นแต่กางเกงนั้นคือกางเกงนอนโดยเฉพาะบ่งบอกว่าก่อนที่จะมาที่นี่ก็น่าจะซุกตัวอยู่ที่หมอนแน่ ๆ นั่นคือ ยาสมิน อาเดน เดมิก็อดสายเลือดเนปจูนที่ก้าวผ่านตราบาปของตระกูลตนเองมาได้ด้วยน้ำมือและหัวใจของเธอเอง “ควินตัส… ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาแบบนี้ให้แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย” ยาสมินเอ่ยเสียงเรียบแต่ดุดัน ขณะกวาดสายตาไปรอบห้องสุดท้ายก็มาหยุดที่โมนีก้า


ควินตัสหัวเราะหยันเบา ๆ ยกไหล่ไม่แยแส “เฮ้อ ก็คนเพิ่งตื่นนี่นา แม่ทัพสายเนี้ยบเอ๊ย"


บรรยากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังที่ตัดกันความทะเล้นไร้พิธีรีตองของควินตัสปะทะกับความมั่นคงจริงจังของยาสมิน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือทั้งคู่ต่างเปล่งรัศมีผู้นำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ยาสมินเดินเข้ามาใกล้พลางเอ่ยถามโมนีก้าเสียงชัดถ้อยชัดคำ “เธอคือคนใหม่จากบ้านหมาป่าใช่ไหม? ชื่ออะไร สายเลือดใคร รายงานมา” โมนีก้ารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง แต่เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสติแล้วเตรียมตัวแนะนำตัวเองอย่างมั่นใจที่สุดเท่าที่ทำได้


“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อโมนีก้า เอ็ม. บลอสซัมค่ะ เป็นธิดาแห่งเซเรส… แล้วก็มีเชื้อสายของเทพเจนัสด้วยค่ะ” เสียงของเธอนุ่มนวลแต่มั่นคง ดวงตาสีเทาเงินสะท้อนประกายแสงไฟในห้องพรินซิเปีย ขณะที่ยาสมินยืนกอดอกจ้องเธออย่างคมกริบ สายตาของยาสมินกวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะชะงักเล็กน้อยตรงที่ไม่มีรอยถลอกหรือแม้แต่คราบเลือดบนร่างกายของโมนีก้าเลย ต่างจากเดมิก็อดใหม่ ๆ ที่มักจะเดินเข้ามาในสภาพย่ำแย่ “เธอมากับใคร?” ยาสมินถามเสียงเรียบแฝงความสงสัย


โมนีก้าไม่รีเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มบาง “มากับเพื่อนค่ะ… แต่เขาเจ็บหนัก ตอนนี้อยู่ที่ห้องหรือโรงพยาบาลแล้วค่ะ” จากนั้นเธอขยับมือส่งม้วนจดหมายที่ผนึกตราออกมาให้ “นี่คือจดหมายของซูกิค่ะ ฝากมาด้วย”


ยาสมินเหลือบมองม้วนจดหมายในมือ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ รับไว้โดยไม่แสดงสีหน้ามากนัก แต่แววตาที่กวาดมองโมนีก้าอีกครั้งกลับแฝงการประเมินราวกับจะอ่านทะลุไปถึงกระดูก


ด้านหลัง ควินตัสที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาว หาวอีกรอบพลางยกมือชี้ไปทางนาฬิกาแดดบนผนัง “แล้วทำไมเธอเพิ่งโผล่มาตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ฮะ? กว่าจะมาถึง… ค่ายเราไม่ใช่สวนสนุกนะ” น้ำเสียงกึ่งหยอกกึ่งจริงจัง ดวงตาคมกริบแต่เต็มไปด้วยความขี้เล่น โมนีก้าหันไปมองควินตัสแอบเม้มปากนิดหน่อยราวกับอยากบ่น แต่ก็ยังคงยิ้มไว้พยายามรักษากิริยา ในขณะที่ยาสมินยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะรอฟังคำอธิบายจากเธอ เธอเอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ


“ระหว่างทางเกิดเรื่องหลายอย่างค่ะ… ฉันกับเพื่อนถูกฝูงก๊อบลินโจมตี 32 ตัวตั้งแต่ยังไม่พ้นหุบเขาโซโนมา จากนั้นระหว่างเดินทางก็ถูกทหารรับจ้างอาวุธครบมือลึกลับที่คิดจะจับตัวพวกเราดักโจมตีสองรอบ รอบละประมาณหกคน พอผ่านไปได้ก็ดันมาเจอก๊อบลินอีกฝูง 32 ตัว… และสุดท้ายก็ตบท้ายด้วยมิโนทอร์ค่ะ” คำพูดของเธอทำให้ห้องที่เงียบอยู่แล้วยิ่งนิ่งสนิทราวกับหยุดหายใจ ยาสมินหันขวับไปสบตากับควินตัสทันที ดวงตาสีเข้มของเธอเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ส่วนควินตัสที่ดูง่วงอึน ๆ เมื่อครู่ก็ผงกหัวขึ้นตรงทันทีเหมือนสติกลับคืนมา


“หนีมาได้สินะ?” ยาสมินถาม เสียงกดต่ำเหมือนจะทดสอบมากกว่าต้องการคำตอบ


โมนีก้าเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะตอบตรงไปตรงมา “กำจัดหมดแล้วค่ะ… ยกเว้นกลุ่มทหารรับจ้าง ฉันกับเพื่อนทำให้พวกเขาสลบเท่านั้น”


ควินตัสยันตัวขึ้นนั่งเต็มที่แล้วโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย มองเธอจากหัวจรดเท้าเหมือนจะหาความจริงที่ซ่อนอยู่ “ก๊อบลินฝูงละ 32 ตัว… สองฝูง? ทหารอาวุธครบมือ 10 กว่าคน แถมมิโนทอร์อีกหนึ่ง?” เขาย้ำช้า ๆ ก่อนหลุดเสียงหัวเราะแห้ง “นี่เธอคิดว่าตัวเองเล่านิทานก่อนนอนอยู่รึไง?” แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ขำ มันเต็มไปด้วยการจับผิด


ยาสมินกลับต่างออกไป เธอหรี่ตา สายตาเหมือนนักล่าที่เพ่งไปยังเหยื่อ “แต่ร่างกายเธอไร้รอยขีดข่วน ทั้งที่เพื่อนของเธอเจ็บหนัก… แบบนี้หมายความว่ายังไง?”


โมนีก้าเหมือนอยากกรอกสายตาเธอไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ทว่าสิ่งที่เธอทำได้ก็คือการแสดงหลักฐานว่าเธอไม่ได้โกหก โมนีก้ายกมือซ้ายขึ้นช้า ๆ ปลายนิ้วเกลี่ยเบา ๆ บนแหวนดาราจรัส ดวงแหวนส่องแสงวาบ ก่อนที่ของหลายอย่างจะปรากฏลงบนโต๊ะไม้ยาวกลางห้องเสียง กึก กึก กึก ดังก้องไปทั่ว พื้นหินอ่อนเงาวับสะท้อนเงาของ หนังมิโนทอร์ขนาดใหญ่ยังมีกลิ่นคาวคละคลุ้งตามมา ต่อด้วยกองหมวกเหล็กก๊อบลินและดาบสนิมเขรอะอีกไม่ต่ำกว่า 30–60 ชิ้นที่เรียงรายเต็มไปหมด ราวกับหลักฐานกำปั้นทุบดินที่เธอตั้งใจจะให้เห็นมากกว่าฟัง ก่อนที่จะขยับนิ้วแล้วเก็บมันกลับคืน


ควินตัสที่เคยนั่งเอนหลังแบบไม่จริงจังเมื่อครู่พลันชะงักกึก คิ้วเข้มเลิกขึ้น สีหน้าเมื่อครู่ที่ยังดูง่วงและติดขำกลายเป็นความเคร่งขรึมทันที เขาเอียงคอช้า ๆ จ้องกองหลักฐานที่วางอยู่ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน “ของจริง…” เสียงเขาแผ่วลงอย่างไม่เชื่อสายตา


โมนีก้าหันกลับไปทางยาสมินแทนที่จะตอบโต้คำเหน็บแนมก่อนหน้านี้ เธอเอ่ยเสียงหนักแน่นแม้ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่เล็กน้อย “ทั้งฉันและเพื่อนต่างไม่ได้รับบาดเจ็บเลยค่ะ จนกระทั่งเจอมิโนทอร์ เพื่อนฉันพลาด… โดนโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว ฉันจึงต้องสู้ต่อเพียงลำพัง ผลก็คือเพื่อนเจ็บหนัก แต่ฉันยังคงปลอดภัย”


ยาสมินยืนกอดอก ฟังโดยไม่ขัด แต่สายตาคมกริบจ้องทะลุเหมือนจะมองทะลุหัวใจเธอ “คนเดียว? กับมิโนทอร์?” น้ำเสียงนั้นทั้งกดดันและชวนให้ยอมรับความจริง โมนีก้าสบตากลับ ดวงตาสีเทาเงินวาววับในแสงไฟ “ใช่ค่ะ… ตัวเดียวมันคือตัวที่เคยไล่ฉันตอนที่ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นเดมิก็อด”


ห้องเงียบลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครขำออกมาแม้แต่น้อย ควินตัสโน้มตัวมาข้างหน้าอย่างจริงจัง ส่วนยาสมินก็ยังจ้องเธอไม่วางตา ราวกับจะวัดว่าเด็กสาวหัวม่วงตรงหน้านี้… เป็นเพียงเดมิก็อดธรรมดา หรือบางสิ่งที่เหนือกว่านั้นกันแน่


ระหว่างนั้นยาสมินเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังเก็บความรู้สึกอะไรบางอย่างไว้ในใจ ไม่ได้แสดงสีหน้ามากเกินไป มีเพียงแววตาที่วูบวาบเหมือนกำลังประเมินสิ่งที่เห็น ขณะที่ควินตัสนั้นยังคงนั่งนิ่ง ร่างกำยำเอนหลังเล็กน้อย แต่ดวงตาคมเข้มไม่ยอมละไปจากโมนีก้าแม้แต่วินาทีเดียว ราวกับอยากหาคำตอบบางอย่างด้วยการจับจ้องลึกลงไปในแววตาสีเทาเงินของเธอเอง เสียงรองเท้าโลหะของทหารยามที่เดินผ่านนอกห้องก้องสะท้อนเข้ามา ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้น จนยาสมินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่กดดัน “แล้วจดหมายล่ะ?”


โมนีก้ากะพริบตาปริบ ๆ ขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างไม่เข้าใจในทันที ก่อนตอบออกมาตรง ๆ “ก็…หนูให้ไปแล้วนี่คะ? ของเพื่อนน่ะค่ะ…”


คำตอบนั้นทำให้ทั้งยาสมินและควินตัสหันมามองกันครู่หนึ่ง ความเงียบคล้ายมีน้ำหนักกดทับทั้งห้อง ก่อนที่ยาสมินจะถอนหายใจสั้น ๆ “ไม่ใช่ของเพื่อน จดหมายของเธอเองต่างหาก” น้ำเสียงเจือแววตำหนิแต่ไม่ใช่เพราะโกรธ หากแต่เป็นเพราะอยากให้เธอตระหนักว่ากำลังเข้าสู่พิธีสำคัญ ไม่ใช่การเล่นสนุก


โมนีก้าทำหน้าอ้อ ท่าทางเอ๋อ ๆ อย่างเป็นธรรมชาติที่ชวนให้บรรยากาศคลายลงนิดหน่อย เธอยื่นมือไปที่แหวนดาราจรัสบิดเบา ๆ ก่อนหยิบจดหมายอีกฉบับออกมา กระดาษที่เธอยื่นส่งให้ดูเก่าคร่ำคร่า สีเหลืองหม่นเหมือนผ่านกาลเวลามาหลายสิบปีจนเกือบเปื่อยตามรอยพับ ขอบบางส่วนเริ่มขาดยุ่ยเหมือนพร้อมจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ “มันเก่ามากแล้วนะคะ…” เธอพูดพร้อมส่งยิ้มเก้อ ๆ “ค่อย ๆ เปิดดูหน่อยนะคะ นี่เป็นของทวดหนูเอง ท่านเขียนไว้ตั้งแต่สมัยยังหนุ่มสาวเลย”


นิ้วเรียวยาวของยาสมินเอื้อมมารับช้า ๆ เธอมองเนื้อกระดาษก่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง เหมือนกลัวว่ามันจะสลายไปทันทีที่สัมผัส ขณะที่ควินตัสยังคงเงียบ แต่ร่างสูงใหญ่โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อมองใกล้ ๆ ราวกับสิ่งที่อยู่ในมือโมนีก้าอาจเป็นกุญแจสำคัญบางอย่าง ห้องทั้งห้องเงียบกริบ เหลือเพียงเสียงกระดาษเก่าที่เสียดสีกับปลายนิ้วของยาสมิน ภายในห้องพรินซิเปียที่เงียบสงัด แสงจากคบเพลิงและโคมไฟสะท้อนลงบนพื้นหินอ่อนขัดมัน ยาสมินก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะไม้กลางห้อง เธอถือจดหมายเก่าในมืออย่างระมัดระวัง สายตาคมดุเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบและความคาดหมาย ก่อนจะยื่นให้ควินตัสซึ่งเดินตามมาแล้วทั้งสองจึงยืนเคียงข้างกัน เปิดอ่านจดหมายนั้นไปพร้อม ๆ กัน



ข้าพเจ้า แอชเชอร์ บลอสซัม บรรพบุรุษแห่งโมนีก้า มารันเธียร์ บลอสซัม  ขอเสนอชื่อสายเลือดของข้าเข้ารับการพิจารณาเป็นสมาชิกของกองร้อยหมายเลขสอง  โมนีก้าเป็นธิดาแห่งเซเรส และสืบสายเลือดเป็นลูกหลานมรดกแห่งเทพเจนัส  และข้าเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเธอคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการคัดเลือกอันเข้มข้นนี้


โมนีก้าเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถพิเศษ แม้ภายนอกเธออาจดูเป็นผู้หญิงที่ร่าเริงสดใส  รักความสวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่แท้จริงแล้วในจิตใจของเธอซ่อนความแข็งแกร่งและความเด็ดเดี่ยวเอาไว้ เธอเป็นผู้หญิงที่สามารถปรับตัวได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ใด และด้วยความพยายามอันมหาศาล เธอจะพยายามเอาชนะมันให้ได้เสมอ ลักษณะนิสัยอันแปรปรวนของเธอ ซึ่งคล้ายคลึงกับความขัดแย้งในจิตใจของข้าเอง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับตัวและการเอาตัวรอด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับสมาชิกของกองร้อยหมายเลขสอง


ใช่แล้ว เธออาจไม่ใช่คนไร้ความกลัวเธออาจกังวล อาจหวั่นไหวและอาจมีความขัดแย้งภายในจิตใจ แต่ความกลัวเหล่านั้นมิได้ทำให้เธออ่อนแอลง หากแต่เป็นแรงผลักดันให้เธอพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง เธอความเกลียดชังต่อความวุ่นวายและความขัดแย้งไม่ได้แปลว่าเธอไม่สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทาย แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการวางแผนและการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเธอตัดสินใจแล้วไม่มีสิ่งใดจะทำให้เธอเปลี่ยนใจ นั่นคือความเด็ดเดี่ยวมั่นคงที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับการรับใช้กองร้อยหมายเลขสอง


ประสบการณ์ชีวิตของโมนีก้าได้สอนให้เธอแข็งแกร่งขึ้น เธอรู้ว่าการเป็นผู้นำมิใช่เพียงการควบคุม แต่เป็นการนำทาง การช่วยเหลือและการรับผิดชอบต่อผู้อื่น และนั่นคือสิ่งที่เธอจะมอบให้กับกองร้อยของท่านได้อย่างเต็มที่ ความสามารถในการปรับตัวความเด็ดเดี่ยวและความรับผิดชอบของเธอ ล้วนเป็นคุณสมบัติที่หายากและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกของกองร้อยหมายเลขสอง  


ในฐานะบรรพบุรุษ ข้าขอรับประกันถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของโมนีก้า แม้ว่าข้าเองจะต้องเผชิญกับความขัดแย้งในจิตใจเช่นกัน แต่ข้าขอเรียนให้ทราบว่าข้าได้ทุ่มเทให้กับโรมมาตลอด  การช่วยสภาเซเนทสืบสวนอย่างลับ ๆ  และการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับความไว้วางใจอย่างถึงที่สุด  ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจงรักภักดีของข้าที่มีต่อโรม และข้าหวังว่าโมนีก้าจะเดินตามรอยเท้าของข้าและทุ่มเทให้กับกองร้อยหมายเลขสองอย่างเต็มที่


จาก:

แอชเชอร์ บลอสซัม (Asher Blossom)


ปัจฉิมลิขิต

แม้ข้าพเจ้าจะอยู่กองร้อยที่หนึ่งแต่ทว่าข้ารู้ว่าสายเลือดข้าพเจ้านั้นยากเกินใครจะเข้าใจ และคาดว่าหลานสาวของข้าพเจ้าคงมีความแปรปรวนมากกว่าข้าพเจ้าหลายเท่า หากนางปรารถนาชีวิตอันสงบสุขโปรดเคารพการตัดสินใจนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าโรมจะเข้าใจ โปรดชี้นำเส้นทางของเด็กหญิงชี้ทางให้นางแข็งแกร่งและเลือกเส้นทางด้วยตนเอง





ชื่อ ‘แอชเชอร์ บลอสซัม’ ที่ปรากฏบนกระดาษทำให้ทั้งคู่เงียบลงไปชั่วขณะ แววตาของยาสมินแข็งกร้าวขึ้นทันที “ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินชื่อนี้อีก…” เธอพึมพำเสียงต่ำ ราวกับกำลังนึกถึงเงาอดีตที่แสนหนักหน่วง ส่วนควินตัสที่ยืนสูงใหญ่ด้านข้างก็ชะงัก สายตาคมเข้มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นและจับจ้องจดหมายด้วยความระวัง “แอชเชอร์ บลอสซัม…” ควินตัสทวนเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง “นักรบที่ถวายชีวิตให้โรม ต่อให้ออกจากกองร้อยที่หนึ่งก็ยังคงทำงานให้สภาเซเนทอย่างลับ ๆ ได้ยินว่าเขา…ไม่ใช่คนปกติ ทำงานอย่างกับหุ่นยนต์ป้อนคำสั่งไหนก็ได้แบบนั้น”


ยาสมินพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ คนผู้นั้นมีโรคกลายบุคลิกที่ไม่อาจควบคุม แต่ความภักดีของเขากลับมั่นคงอย่างน่ากลัว ยิ่งกว่าหุ่นยนต์ไร้หัวใจ ถึงจะโหดร้ายขนาดไหนเขาก็ไม่เคยหันหลังให้โรม” ทั้งสองหันไปมองโมนีก้าที่นั่งเงียบอยู่เบื้องหน้า หญิงสาวผมม่วงครามนั่งตรงตัวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แต่ภายในใจเธอกำลังเต้นระรัว ยิ่งเมื่อยาสมินเริ่มอ่านเนื้อหาในจดหมายด้วยเสียงที่หนักแน่น ความเงียบทั้งห้องก็ยิ่งกดทับ


“ข้าพเจ้า แอชเชอร์ บลอสซัม บรรพบุรุษแห่งโมนีก้า มารันเธียร์ บลอสซัม ขอเสนอชื่อสายเลือดของข้าเข้ารับการพิจารณาเป็นสมาชิกของกองร้อยหมายเลขสอง…” ถ้อยคำที่พรั่งพรูจากกระดาษเก่าถูกยาสมินเอ่ยทีละบรรทัด ทุกคำเต็มไปด้วยความหนักแน่นและความเชื่อมั่นที่ชายผู้ลึกลับคนนั้นฝากไว้ แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี น้ำหมึกที่ซีดจางก็ยังสะท้อนถึงเจตจำนงชัดเจน เธอเล่าถึงความเด็ดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่หลังความร่าเริงสดใสของโมนีก้า ถึงความสามารถในการปรับตัว ความกล้าหาญที่มาพร้อมกับความหวั่นไหว แต่กลับใช้ความกลัวนั้นเป็นแรงผลักดัน


ควินตัสฟังอย่างเงียบ ๆ แต่คิ้วเข้มของเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อได้ยินคำว่า ‘เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะทำให้เปลี่ยนใจ’ เขาหันมามองโมนีก้าอีกครั้ง ดวงตาคมลึกดั่งพยายามทะลุผ่านรอยยิ้มเก้อ ๆ ของเธอไปถึงแก่นแท้ภายใน


เมื่อยาสมินอ่านต่อถึงปัจฉิมลิขิต น้ำเสียงของเธอแผ่วลงนิดหน่อย แต่แฝงด้วยความจริงจัง “แม้นางมีความแปรปรวนมากกว่าข้า หากนางปรารถนาชีวิตสงบสุข โปรดเคารพการตัดสินใจนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าโรมจะเข้าใจ โปรดชี้นำให้นางแข็งแกร่งและเลือกเส้นทางด้วยตนเอง…” ห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง หลังเสียงอ่านสุดท้ายดับลง แสงไฟส่องไหวสะท้อนบนใบหน้าของทุกคน


โมนีก้าที่ยืนนิ่งด้วยหัวใจสั่นสะท้าน ยาสมินที่ก้มมองกระดาษในมืออย่างเคร่งขรึม และควินตัสที่ยังคงเงียบ แต่สายตาไม่ยอมละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว ราวกับพยายามจะหาคำตอบว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ จะเดินตามรอยเท้าอันน่ากลัวของบรรพบุรุษ หรือจะสร้างเส้นทางใหม่ด้วยสองมือของตนเอง


“งั้นก็คงจริงที่ว่า…” ยาสมินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่เจือความทดสอบ “คุณแอชเชอร์ บลอสซัม บรรพบุรุษของเธอ เคยเป็นนักรบผู้ถวายชีวิตให้โรม ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่แปลกหรอกที่เลือดนักรบในสายตระกูลนี้จะผลักดันให้เธอผ่านมาได้ แม้จะต้องสู้กับมอนสเตอร์มากมายขนาดนั้น” ควินตัสที่ยืนฟังอยู่ก็พยักหน้าช้า ๆ เสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ใช่ เรื่องพวกนี้ไม่ได้อธิบายได้ด้วยโชคอย่างเดียวหรอก ต้องมีสายเลือด คุณแอชเชอร์คงมีการฝึกฝนติดตัวถึงจะรอดจากสถานการณ์แบบนั้นได้ ใช่ไหม?”


แต่โมนีก้าที่อยู่ตรงกลางห้องกลับทำหน้าเอ๋อใส่อย่างน่าเอ็นดู ดวงตาสีเทาเงินกลอกไปมานิด ๆ ก่อนจะเอียงคอ เส้นผมสีม่วงครามร่วงลงมาปรกแก้มเล็กน้อย เธอหัวเราะคิกเบา ๆ อย่างเขิน ๆ แล้วตอบออกมาแบบสดใส 


“ไม่เคยเลยค่ะ คุณทวดแอชเชอร์เสียตั้งแต่หนูยังไม่ถึงหนึ่งขวบด้วยซ้ำ… พ่อฉันก็เป็นแค่เภสัชกร ไม่เคยจับดาบมาก่อนเลยนะคะ จนกระทั่งเข้าบ้านหมาป่านั่นแหละ ถึงได้เริ่มฝึกอะไรพวกนี้จริงจัง”


คำตอบนั้นทำให้ยาสมินกับควินตัสหันมองหน้ากันทันที สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยทั้งความแปลกใจและไม่เชื่อครึ่งหนึ่ง ยาสมินเลิกคิ้วเล็กน้อยส่วนควินตัสขมวดคิ้วแน่นขึ้น แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไร โมนีก้าก็พูดต่อด้วยความร่าเริงแบบไม่คิดมาก “ก็…คุณลูปาบอกนะคะ ว่าถ้าฉันเก่งจริง ๆ จะมีแฟนได้ด้วยปกป้องคนที่รักงี้ ไม่ตายเร็ว” เธอทำหน้าจริงจังขึ้นมาหน่อยแล้วพยักพเยิดน้อย ๆ “ก็เลยตั้งใจฝึกเฉย ๆ น่ะค่ะ ไม่ได้คิดอะไรมาก”


ความเงียบปกคลุมห้องเพียงชั่วขณะ ก่อนที่ควินตัสจะหลุดเสียงหัวเราะหึในลำคอ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ราวกับทั้งประทับใจทั้งขบขันกับเหตุผลของหญิงสาว ส่วนยาสมินก็ส่ายศีรษะพลางยิ้มเจือความขำขันอย่างห้ามไม่อยู่ 


“เหตุผลในการต่อสู้ที่น่ารักแบบนี้…คงมีแต่ธิดาแห่งเซเรสกับสายเลือดเจนัสเท่านั้นที่ทำได้ละมั้ง” ยาสมินเอ่ยเบา ๆ แต่แววตาที่มองโมนีก้ากลับเต็มไปด้วยความสนใจมากกว่าก่อนหน้าอีกหลายเท่า


ควินตัสยืนตัวตรง กอดอกมองหญิงสาวผมม่วงครามที่ยังคงทำหน้าเอ๋อใส่เหมือนเด็กหลงทาง เขาสบตากับยาสมินที่ยืนข้าง ๆ ก่อนพยักหน้าช้า ๆ เหมือนจะตกลงในใจร่วมกัน จากนั้นเสียงทุ้มหนักของเขาก็ดังขึ้น “โมนีก้า เอ็ม .บลอสซัม… ในฐานะแม่ทัพแห่งค่ายจูปิเตอร์ ผมขอต้อนรับคุณเข้าสู่ค่ายแห่งนี้อย่างเป็นทางการ” ยาสมินยืนเชิดเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้ากลับนุ่มนวลกว่าเดิม เธอเสริมขึ้นด้วยเสียงที่เด็ดขาด “ตั้งแต่นี้ เธอจะถูกจัดให้อยู่ในกองร้อยที่สอง ตามคำแนะนำในจดหมายและคำรับรองจากสายเลือดของเธอ ที่นั่นจะเป็นทั้งที่พักและที่ฝึก หวังว่าเธอจะปรับตัวได้โดยไม่สร้างเรื่องให้ปวดหัวนัก”


โมนีก้าพยักหน้าแรง ๆ อย่างตั้งใจ แต่สีหน้ากลับดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากองร้อยที่สองอยู่ตรงไหน ดวงตาสีเทาเงินกลอกไปมาเหมือนกำลังพยายามหาแผนที่ในหัว ความเอ๋อของเธอทำให้แม้แต่ยาสมิตที่ปกติไม่ค่อยหัวเราะยังต้องยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ส่ายหัวเบา ๆ ส่วนควินตัสก็ถอนหายใจพร้อมกลั้วหัวเราะ


“เธอนี่นะ…” ยาสมินพูดเบา ๆ ก่อนหันไปเรียกทหารเวรยามที่ยืนเฝ้าด้านนอก “คนด้านนอก มานี่ที พาเด็กใหม่ไปที่พักกองร้อยสองทีสิ ขืนปล่อยไปเองมีหวังได้หลงจนโผล่ไปถึงค่ายฝึกม้าหรือโรงครัวแน่” ทหารหญิงผมดำเดินเข้ามาทำความเคารพแม่ทัพทั้งสอง ก่อนหันมายิ้มบาง ๆ ให้โมนีก้าแล้วกวักมือเรียก “ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวฉันพาไปส่งที่ห้องพักเอง”


โมนีก้าเลยยิ้มกว้าง ยกมือโบกให้ยาสมินกับควินตัสเหมือนเด็กกำลังลาคุณครู “งั้นไปก่อนนะคะ ขอบคุณที่ต้อนรับค่ะ!” น้ำเสียงสดใสจนแม่ทัพทั้งสองมองหน้ากันแล้วได้แต่ถอนหายใจเงียบ ๆ เพราะรู้ทันทีว่า การมาของเด็กสาวสายเลือดเซเรสกับเจนัสคนนี้… จะทำให้ค่ายจูปิเตอร์ไม่เงียบสงบอีกต่อไป


เมื่อประตูไม้หินอ่อนบานใหญ่ปิดลงเบื้องหลังโมนีก้า เสียงฝีเท้าของเธอค่อย ๆ จางหายไป เหลือเพียงความเงียบในห้องพรินซิเปีย ยาสมินยืนกอดอก มองไปทางประตูครู่หนึ่งก่อนค่อย ๆ เบนสายตากลับมาที่ควินตัสที่ยังยืนเอนหลังพิงโต๊ะไม้ยาว “เธอมีกลิ่นหอมแปลก ๆ นะว่าไหม กลิ่นน้ำหอมแล้วก็กลิ่นตัวของเธอด้วย” ยาสมินเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาแฝงความครุ่นคิด “กลิ่นหอมหวานของไลแลคปนกับเบอร์รี่ เหมือนลูกของวีนัสไม่มีผิดที่จะมีกลิ่นหอมเย้ายวนเนี้ย เห็นว่าพวกบุตรของเซเรสจะมีกลิ่นของธรรมชาติเป็นกลิ่นหอมที่ติดตัว” 


ควินตัสหรี่ตาเล็กน้อย พึมพำราวกับพูดกับตัวเอง “ทั้งที่เป็นธิดาแห่งเซเรส… กลับมีกลิ่นหวานเย้ายวนแบบนั้นก็คงไม่แปลกละมั้ง?” เขาส่ายศีรษะนิด ๆ แล้วมองตรงไปยังที่ที่โมนีก้าเคยยืนอยู่ “แถมดวงตาของเธอ สีเทาเงินบริสุทธิ์… มันเหมือนกับดวงตาของเทพีมิเนอร์วา อะไรนะ Athena of Grey ey ใช่ไหม? เวลาที่จ้องลึกเข้าไปในหัวใจของคนอื่นราวกับมองทะลุทุกความลับยังไงอย่างงั้น”


ยาสมินยกคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากโค้งเป็นรอยยิ้มจาง ๆ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่อ่อนโยน หากเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความระแวงและความอยากรู้อยากเห็น “ลูกหลานของเจนัสกับเซเรส แต่กลับมีกลิ่นและแววตาเหมือนมาจากอะโฟรไดท์กับมิเนอร์วา…”


ควินตัสยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเสียงทุ้มต่ำดังก้องในห้อง “วุ่นวายแน่…” ยาสมินพยักหน้าเห็นด้วย ขยับหันหลังเล็กน้อย ร่างเธอสะท้อนกับพื้นหินอ่อนที่ขัดจนเงาวับ “แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใครหรือซ่อนอะไรเอาไว้ ต่อจากนี้เธอก็เป็นคนของกองร้อยสอง และ… อยู่ภายใต้การดูแลของเรา” ทั้งสองแม่ทัพสบตากันชั่วขณะ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความรู้สึกคาดหวังและระแวดระวัง ราวกับต่างคนต่างรับรู้…ว่าอาจจะวุ่นวายมากขึ้น ทั้งที่ปกติก็วุ่นวายพอตัวอยู่แล้วก็ตาม



รางวัล :

[NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปรานของรุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสความโปรดปราน +2

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


[NPC-14] ยาสมิน อาเดน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความโปรดปรานของรุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสความโปรดปราน +2

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-9-10 03:55:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 09 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 07.00 - 08.00 น. พรินซิเปีย เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์  (ปัดฝุ่นเอกสาร) (พบ ควินตัส แอนเดอร์สัน)


แสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านหน้าต่างบานสูงของอาคารพรินซิเปียเข้ามา ทำให้ฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่ลอยฟุ้งในอากาศพลันเปล่งประกายราวกับเกล็ดแก้วที่ถูกสะท้อนแสง โมนีก้าในชุดเรียบง่ายกำลังขยับผ้าเช็ดปัดฝุ่นเบา ๆ บนโต๊ะยาวที่เรียงรายด้วยม้วนตำราและแผนที่โบราณ กลิ่นกระดาษเก่าและหมึกจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศ เธอฮัมเพลงเบา ๆ ระหว่างทำงาน แม้จะเหนื่อยจากงานบ้านหลายอย่างที่ทำมาตลอด แต่ก็ยังพยายามคงรอยยิ้มไว้


ไม่นานก็มีเพียงเสียงกวาดไม้กวาดนุ่ม ๆ ของโมนีก้าที่กำลังปัดฝุ่นจากชั้นวางม้วนตำราเก่าแก่และแผนผังยุทธศาสตร์ที่เรียงรายเป็นระเบียบอยู่ตามผนัง ห้องแห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องสะอาดไร้ตำหนิ หญิงสาวผมสีม่วงครามยกมือปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกแก้ม ก่อนจะก้มลงหยิบผ้าขาวสะอาดเช็ดฝุ่นบนโต๊ะไม้ยาวที่เต็มไปด้วยเอกสาร ระหว่างที่เธอกำลังเงียบ ๆ ตั้งใจทำงาน เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นจากบานประตูด้านใน


เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอเบิกตาเล็กน้อย เพราะคนที่เข้ามาคือชายหนุ่มผมยุ่งเล็กน้อยใบหน้าออกอึนเหมือนคนเพิ่งตื่น แต่แววตาคมจริงจังของเขากลับฉายความเป็นผู้นำชัดเจน ควินตัส แอนเดอร์สัน แม่ทัพหนุ่มผู้โด่งดัง กำลังเดินตรงเข้ามายังโต๊ะเอกสาร เขาเอื้อมมือหยิบม้วนกระดาษบางอย่างขึ้นตรวจสอบอย่างเงียบเชียบแล้วเหลือบตาขึ้นมามองโมนีก้า "ผมมาดูเอกสารก่อนไปสอนน่ะ"


โมนีก้ากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าแล้วเอ่ยทัก เสียงของเธอไพเราะและเต็มไปด้วยความสุภาพ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแม่ทัพ” ควินตัสหยุดเล็กน้อย ดวงตาคมหันมาสบกับเธอเหมือนกำลังชั่งใจ เขาไม่ได้ตอบในทันทีแต่พยักหน้าน้อย ๆ เป็นการรับคำทักทาย สายตาที่ทอดมองเธอคล้ายจะจำได้ว่าเด็กสาวคนนี้คือคนที่เพิ่งเข้ามารายงานตัวเมื่อสองวันก่อน เธอยิ้มบาง ๆ แก้มขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความเกร็ง สงสัยยังไม่ตื่นดีมั้งเนี้ยก่อนรีบก้มหน้ากลับไปทำความสะอาดเอกสารต่อ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงขึ้น รู้ตัวดีว่าการเจอแม่ทัพในระยะใกล้ขนาดนี้มันชวนกลัวโดนลงโทษชิบหาย


ควินตัสกวาดสายตาไปตามชั้นวางตำราที่โมนีก้ากำลังจัดเรียง เขาหยุดมือที่กำลังถือม้วนกระดาษไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มแต่หนักแน่น “เธอคือ…โมนีก้า บลอสซัม ใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาไม่ได้ถามเพื่อความสงสัยมากนัก แต่เหมือนกำลังยืนยันบางสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว


โมนีก้าชะงัก มือที่กำลังเช็ดโต๊ะหยุดไปเสี้ยววินาที ก่อนเงยหน้าขึ้นตอบด้วยรอยยิ้มบาง “ค่ะ…ใช่แล้วค่ะ” เธอพูดอย่างพยายามให้เป็นปกติที่สุด แม้ในใจจะว้าวุ่นอยู่บ้างที่แม่ทัพกองร้อยหนึ่งจำชื่อเธอได้ สายตาของควินตัสจับจ้องไปยังเธอ เขามีท่าทีที่เงียบขรึมและนิ่ง แต่ในความนิ่งนั้นกลับแฝงความคมชัดเหมือนเข็มที่แทงลึกลงไป เขาพูดขึ้นอีกครั้ง “วันก่อน ๆ เธอเข้ามาที่นี่พร้อมกับรายงานและเล่าเรื่องการเผชิญหน้ากับมิโนทอร์…กับก๊อบลินสามสิบกว่าตัว ลำบากไหม?”เขาเป็นคนที่บอกว่าเธอพูดเล่นเหมือนนิทานแต่ตอนนี้มาถามว่าลำบากไหมเนี้ยนะ? ตอนนั้นยังไม่ตื่นแน่เลย


โมนีก้าเม้มริมฝีปากเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอีกในตอนเช้าเช่นนี้ “ไม่รู้สิคะ…มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทาง” เธอตอบสั้น ๆ พลางเสหลบสายตาเหมือนกำลังมองไปทางกองตำรา


ควินตัสวางเอกสารลงบนโต๊ะไม้เสียงดังพอให้ก้องสะท้อนเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาใกล้จนเงาสูงใหญ่ทาบทับร่างของโมนีก้าไว้ สายตาคมกริบของเขายังไม่ละจากเธอแม้แต่น้อย “เธอพูดว่าแค่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางงั้นหรอ” น้ำเสียงของเขาเย็นเรียบ แต่ไม่ใช่การตำหนิ หากเป็นการทดสอบมากกว่า


โมนีก้ารู้สึกเหมือนถูกกดดันจนหัวใจเต้นแรง เธอรีบยกยิ้มบาง ๆ พูดแก้ตัวเบา ๆ “ก็จริงนี่คะ…ในเมื่อมันผ่านไปแล้ว เหนื่อยจะคิดถึงแล้วค่ะ”


ท่ามกลางความเงียบอันตึงเครียดนั้น ควินตัสหรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับกำลังพิจารณาเด็กสาวตรงหน้าที่ดูทั้งเอ๋อ ทั้งสดใส แต่กลับแฝงความลึกลับที่เขายังจับไม่ได้ เขาเอ่ยสั้น ๆ แต่ทิ้งน้ำหนักชัดเจนก่อนจากไป “งั้นก็ทำความสะอาดให้ดี ระวังเอกสารสำคัญชำรุดล่ะ” คำพูดนั้นทำให้โมนีก้าชะงักไป เธอไม่แน่ใจว่าควรตอบอะไรต่อดี ได้แต่ยิ้มเจื่อนและก้มหน้ากลับไปจัดตำราอย่างเงียบ ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด คล้ายทั้งกดดันและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน


รางวัล: +15 EXP / +20 เกียรติยศ / +2 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}


[NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +2

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-9-11 05:04:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 10 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงเที่ยง เวลา 12.00 - 13.00 น. ณ พรินซิเปีย เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์ (ปัดฝุ่นเอกสาร) ( พบ แลร์รี่) 


หลังจากฝึกเสร็จก็เดินมาทำงานที่ห้องของพรินซิเปียเพื่อจัดเอกสารประจำวัน ไม่นานโมนีก้าหยุดมือที่กำลังปัดฝุ่นบนม้วนเอกสารโบราณ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบพื้นหินอ่อนก้องกังวาน เขามีรอยยิ้มมุมปากเจือความมั่นใจ พร้อมกับท่วงท่าไม่รีบร้อนเหมือนคนที่คุ้นชินกับการเดินเข้ามาในห้องสำคัญระดับนี้เป็นประจำ มือหนึ่งถือเอกสารมือหนึ่งมีแก้วคริสตัลคามือ แลร์รี่กวาดตามองรอบห้อง ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวผมสีม่วงครามที่ไม่คุ้นตา “เด็กใหม่เหรอ?” เสียงของเขาอบอุ่น แต่ก็แฝงความเจ้าชู้เล็ก ๆ ตามบุคลิกของบุตรเมอร์คิวรี่


โมนีก้าวางผ้าเช็ดฝุ่นลง ยิ้มสุภาพพร้อมพยักหน้า “ใช่ค่ะ พึ่งเข้ามาค่ายได้ไม่ถึงสัปดาห์เองค่ะ ตอนนี้เลยถูกส่งมาช่วยจัดการเอกสารกับดูแลห้องทำงานของพรินซิเปีย” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความนอบน้อมผสมความจริงใจ เธอไม่อยากสร้างความประทับใจผิด ๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญเช่นนี้


แลร์รี่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางยื่นแฟ้มเอกสารปึกหนึ่งที่ห่อด้วยหนังอย่างดีส่งมาให้ “ถ้างั้นช่วยเอาอันนี้ไปจัดเข้าที่ให้หน่อย ฝากกับพรินซิเปียด้วยนะเอกสารนี้สำคัญมาก อย่าเผลอทำตกเชียวล่ะ” เขาพูดด้วยท่าทีที่ดูสบาย ๆ แต่สายตาแฝงประกายคมกริบชั่วขณะเหมือนกำลังทดสอบเด็กใหม่อย่างเธอ โมนีก้ารับเอกสารด้วยสองมือ ระวังราวกับกำลังถือของมีค่า เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มบาง ๆ “ได้เลยค่ะ ฉันจะจัดให้อย่างเรียบร้อยแน่นอน” จากนั้นก็หมุนตัวไปยังโต๊ะใหญ่ด้านใน ก่อนจะก้มตัวจัดเอกสารเข้าช่องตามลำดับ


แลร์รี่พิงไหล่กับเสาประดับในห้อง มองเธอทำงานเงียบ ๆ แววตาเหมือนกำลังประเมิน พร้อมกับเล่นมุกขำ ๆ ใส่ในที่สุด “ดูเหมือนพรินซิเปียได้คนทำงานขยันอีกคนแล้วสิ ระวังเถอะ อีกหน่อยจะโดนใช้งานไม่ให้ได้พักเลยนะ” เขายักคิ้วให้ทีหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มิตรภาพชัดเจน


โมนีก้าได้ยินแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางตอบกลับ “นั่นก็หมายความว่าฉันยังมีประโยชน์ใช่ไหมคะ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอพูดเล่นบ้าง ก่อนจะก้มหน้าจัดงานต่อ เสียงกระดาษและฝุ่นเบาบางเป็นเพื่อนร่วมฉากเงียบสงบ ขณะที่รอยยิ้มของแลร์รี่ยังไม่หายไปจากใบหน้า เขามองเด็กใหม่ตรงหน้าเหมือนเจอใครบางคนที่อาจทำให้ห้องพรินซิเปียแห่งนี้มีสีสันมากขึ้น


แลร์รี่ก้าวช้า ๆ เข้ามาใกล้โต๊ะใหญ่กลางห้อง พลางยกแก้วคริสตัลที่ถืออยู่ในมือขึ้นหมุนเล่นช้า ๆ แสงจากหน้าต่างบานสูงกระทบเนื้อแก้วใสวาวระยับจนสะท้อนเข้าตาโมนีก้าเล็กน้อย เธอเหลือบมองด้วยหางตาก่อนจะก้มลงจัดแฟ้มเอกสารต่อ ไม่อยากเผลอเงอะงะให้เขาเห็นในวันแรกที่เจอกันแบบเป็นทางการ


“เด็กใหม่แบบเธอ ดูไม่ค่อยเกร็งเลยนะ” เสียงของแลร์รี่ดังขึ้นคล้ายหยอกเย้า “ส่วนมากเข้ามาที่นี่ใหม่ ๆ จะหน้าซีดเหมือนเจอวิญญาณบรรพบุรุษ แต่เธอกลับยืนเชิดหน้าเหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง” เขายกคิ้ว พลางเอนตัวพิงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะ


โมนีก้าหยุดมือเล็กน้อย ยกมุมปากยิ้มจาง ๆ พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ไม่ยอมให้เขาแหย่ได้ง่าย “ฉันอาจจะชินกับการทำงานมากกว่าที่คิดค่ะ อีกอย่าง…จะให้ทำหน้าเหวอ ๆ ต่อหน้าแม่ทัพหรือพวกพี่ทหารผ่านศึก ๆ ตลอดก็คงดูไม่ค่อยดีมั้งคะ” เธอเอียงคอเล็กน้อย เหมือนตั้งใจตอบให้ดูจริงจังแต่ก็แอบแฝงความขี้เล่นในที


คำตอบนั้นทำให้แลร์รี่หัวเราะในลำคออีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง “ปากเก่งใช่เล่นนะนี่…น่าสนใจดี” เขาเอ่ยพลางก้าวไปหยิบม้วนเอกสารอีกชุดส่งต่อมา “งั้นถือว่าทดสอบเล็ก ๆ แล้วกัน จัดการพวกนี้ให้เสร็จสิ ก่อนที่ควินตัสกับยาสมินจะเข้ามาเห็นกองสุมอยู่บนโต๊ะทีสิ”


โมนีก้ารับมาแล้วขยับม้วนเอกสารให้อยู่ในอ้อมแขน ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบาง “รับคำสั่งค่ะ” แต่แววตาของเธอมีประกายวาววับแฝงความดื้อเงียบที่ไม่ปิดบังนัก ราวกับกำลังบอกว่าเธอไม่ใช่แค่เด็กใหม่ที่จะยอมให้ใครมาสั่งเล่น ๆ ได้ง่าย ๆ แลร์รี่จ้องเธอสักครู่รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งชัดขึ้นไปอีก “ดี…อย่างน้อยก็ไม่ใช่หุ่นไม้ที่มีแต่ร่างกายกับคำสั่ง” เขายกแก้วในมือขึ้นเสมือนจะดื่มอวยพร ก่อนจะก้าวถอยหลังไปยืนริมหน้าต่าง แสงแดดยามสายส่องกระทบเค้าโครงใบหน้าคมคายของเขาเหมือนรูปสลักโรมันที่มีชีวิต


ห้องพรินซิเปียกลับมาเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงปัดฝุ่น เสียงกระดาษ และเสียงรองเท้าของแลร์รี่ที่เคาะเบา ๆ กับพื้นหินเป็นจังหวะสบาย ๆ เขาไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่มองเด็กสาวผมสีม่วงครามตรงหน้าก่อนที่จะเดินจากไป

รางวัล: +15 EXP / +20 เกียรติยศ / +2 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}


[NPC-54] แลร์รี่

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +2

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-9-11 20:10:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 11 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 06.00 - 07.00 น. ณ พรินซิเปีย เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์ (ปัดฝุ่นเอกสาร) ( พบ แลร์รี่) 


หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่อาคารพรินซิเปียเพื่อที่จะมาทำงานง่าย ๆ จบสำหรับวันนี้เพราะต้องไปกรุงโรมใหม่หาพ่อที่จะมาพาเธอเข้าโรงเรียนที่กรุงโรมใหม่เพราะอยู่ใกล้ค่ายฝึกแค่ 1.8 - 2.4 กิโลเมตรเอง นั่งมินิบัสไปนิดเดียวก็ถึง ชาตินี้ทำไมยังต้องเรียนทั้งเป็นทหารอีก…นี้มันเหมือนเข้าโรงเรียนเตรียมทหารชัด ๆ นายน้อย จปร. เราะ ระหว่างนั้นก็จัดเอกสารปัดฝุ่นให้กับทางพรินซิเปียหรือก็คือแม่ทัพของกองพันแห่งนี้นั้นเอง 


โมนีก้าเพิ่งจัดเรียงแฟ้มเอกสารกองสุดท้ายเข้าที่ พลางสะบัดผ้าฝุ่นเบา ๆ ให้หายจากมือก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากโถงด้านนอก เสียงรองเท้าหนังที่ก้าวฉับ ๆ อย่างคนเพิ่งออกจากสนาม เธอหันไปก็เห็นแลร์รี่ ชายหนุ่มลูกครึ่งเทพเมอร์คิวรี่ที่เธอเคยเจอเมื่อวานเดินเข้ามาในสภาพเสื้อผ้ายังคลายกลิ่นเหงื่อจากการเชียร์กีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้ง ดวงตาคมวาวยังมีประกายความสนุกสนานติดอยู่ไม่หาย แต่ท่าทีการก้าวเข้ามายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจเหมือนกับคนที่เติบโตมาในตระกูลใหญ่


"อ้าว เด็กใหม่ ยังทำงานอยู่เหรอ" เขายกเอกสารในมือขึ้นเล็กน้อย คล้ายเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องโผล่มาที่พรินซิเปียในสภาพนี้ รอยยิ้มนางฟ้าประจำตัวแลร์รี่ปรากฏขึ้นทันทีเมื่อสายตาเขาสบกับโมนีก้า


โมนีก้าเลิกคิ้วเล็กน้อย พลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ "ใช่ค่ะ งานเบา ๆ ปัดฝุ่น จัดเอกสาร พอให้หมดวันไปได้ง่าย ๆ วันนี้ฉันมีธุระต้องไปกรุงโรมใหม่ พ่อจะมาพาพบโรงเรียนแถวนั้นไว้เข้าเรียนพอดี" เธอพูดขณะยื่นมือไปรับเอกสารจากเขามาจัดเข้าชั้นต่อ


แลร์รี่วางแฟ้มลงบนโต๊ะใกล้ ๆ แล้วเอนตัวเล็กน้อยพิงเก้าอี้ข้างโต๊ะ หยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ซึมอยู่ตรงขมับ "ฟังดูเหมือนชีวิตเธอจะเต็มตารางเลยนะ ทั้งฝึก ทั้งทำงานในค่าย แล้วยังต้องคิดเรื่องเรียนอีก ไม่เหนื่อยบ้างหรอ" น้ำเสียงเขากึ่งหยอกกึ่งจริงจัง คล้ายจะทดสอบความใจสู้ของเธอไปในตัว


โมนีก้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเทาเงินฉายแววขี้เล่นปนจริงจัง "เหนื่อยสิคะ แต่เหนื่อยแบบนี้ดีกว่าเหนื่อยไปลอกท่อสาธารณูปโภคของกรุงโรมใหม่แน่นอน ขอบอกเลยนะคะ กลิ่นติดจมูกไปสามวันไม่หาย!" เธอพูดพลางเบ้หน้า ทำเอาแลร์รี่หัวเราะออกมาเสียงดัง


"โอ้ แบบนั้นฉันไม่อิจฉาเลยจริง ๆ" เขายกแก้วน้ำที่หยิบติดมือมาด้วยขึ้นจิบพลางมองเธอด้วยสายตาขบขัน "แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอมีไฟดีนี่หว่า... ถ้าทำงานกับคนแบบเธอ คงไม่มีวันน่าเบื่อแน่" โมนีก้าส่ายหัวน้อย ๆ ยิ้มกว้างขึ้นมุมปาก "ชมแบบนี้ อย่าหวังว่าจะช่วยยกแฟ้มไปจัดนะคะ"


แลร์รี่หัวเราะลั่นอีกครั้ง แต่ก็ยกมือยอมแพ้ "โอเค ๆ เดี๋ยวปล่อยให้เด็กใหม่ได้แสดงฝีมือเต็มที่ แต่ถ้ามีวันไหนเหนื่อยนักก็มาบอก จะเป็นคนแบกเอกสารให้เอง" บรรยากาศในห้องพรินซิเปียที่เคร่งขรึมจึงคลายลงด้วยเสียงหัวเราะและการหยอกล้อเล็กน้อย ก่อนที่โมนีก้าจะกลับไปก้มหน้าจัดการงานเอกสารให้เสร็จ ส่วนแลร์รี่ก็หย่อนตัวนั่งพักในห้องราวกับที่นี่คือห้องนั่งเล่นของเขาเอง รอยยิ้มสบาย ๆ ของเขายังคงติดอยู่บนใบหน้าทำให้บรรยากาศการทำงานในวันนี้สดใสขึ้นกว่าทุกวัน


แลร์รี่เอนหลังพิงเก้าอี้ มือยังถือแก้วน้ำเอียงไปเอียงมาเล่นเหมือนของเล่นราคาแพงที่ไม่แคร์ว่าจะหกหรือไม่ ดวงตาคมกริบของเขาเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดแฟ้มเอกสารอย่างตั้งใจ เส้นผมสีม่วงครามถูกรวบหลวม ๆ แล้วปรกลงมาข้างแก้มบางเส้นรับกับแสงไฟในห้องพรินซิเปียที่สะท้อนให้ดูเหมือนประกายรัตติกาล นัยน์ตาสีเทาเงินของเธอจับจ้องเอกสาร แต่กลับทำให้คนมองรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญสายตาที่อ่านทะลุความคิดตนเอง


“รู้มั้ย” แลร์รี่เอ่ยเสียงเรียบแฝงขี้เล่น “เธอไม่เหมือนเด็กใหม่ที่ฉันเคยเจอในค่ายนะ ปกติพวกนั้นจะเกร็ง ๆ กลัวจะทำอะไรผิดพลาด แต่เธอกลับทำเหมือนที่นี่คือบ้านตัวเองไปแล้ว”


โมนีก้าชะงักเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้น สีหน้ามีรอยยิ้มเจืออยู่ในที “คุณพูดเหมือนเมื่อวานอีกละ แปลว่าคุณคงชินกับแบบนั้นสินะคะ ถ้าที่นี่ต้องอยู่ไปอีกหลายปี ก็คงต้องทำให้เป็นบ้านแหละค่ะ ไม่งั้นก็คงห่อเหี่ยวตายก่อนกันพอดีค่ะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงความขี้เล่น ทำให้แลร์รี่เลิกคิ้วพอใจ


เขายกมือขึ้นชี้เบา ๆ ไปที่ผมเธอ “แล้วก็ไม่ค่อยเห็นใครที่ชอบทำสีผม...สีพิเศษแบบเธอหรอกนะ สีม่วงคราม...มันทำให้ดูโดดเด่นจนใครก็ลืมไม่ลง”


โมนีก้าหลุบตาลงนิดหนึ่ง ใช้นิ้วเขี่ยแฟ้มตรงหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก “งั้นก็ดีค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ถูกลืมง่าย ๆ” เธอหันไปมองเขาโดยตรง นัยน์ตาสีเงินสว่างวับคล้ายกระจกสะท้อนแสงในห้อง “แต่บางทีก็ไม่รู้ว่ามันคือพรสวรรค์หรือคำสาปกันแน่ที่ฉันดันชอบทำสีผมแจ๊ด ๆ ไม่ใช่สีธรรมดาชาตินะคะ”


แลร์รี่หัวเราะเบา ๆ ลูบขอบแก้วในมือ “ถ้ามันคือคำสาป งั้นข้าว่ามันก็เป็นคำสาปที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมาแล้วกัน” เขาพูดหน้าตายแต่รอยยิ้มมุมปากที่ฉายขึ้นกลับทำให้คำพูดเต็มไปด้วยเสน่ห์กวน ๆ แบบที่เป็นตัวเขา


โมนีก้าหัวเราะส่ายหน้าเบา ๆ “ปากหวานเกินไปแล้วนะคะคุณแบบนี้เดี๋ยวก็มีคนหาว่าชอบจีบไปทั่ว”


“ถ้ามันจริง ก็ไม่เถียงหรอกแต่สบายใจได้ฉันไม่ได้ชอบถั่วงอกยังไม่โตหรอก” เขายกไหล่ยักอย่างไม่ใส่ใจ สายตายังคงจับอยู่ที่เธอไม่วาง


บรรยากาศในห้องพรินซิเปียที่เคยขึงขังกลับอบอุ่นขึ้นจากบทสนทนาสบาย ๆ ระหว่างทั้งคู่ เอกสารบนโต๊ะถูกจัดเรียงเสร็จเรียบร้อยพอดี โมนีก้าลุกขึ้นสะบัดฝุ่นเบา ๆ ออกจากมือ พลางหันไปบอกเสียงนุ่ม “วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปเจอพ่อที่กรุงโรมใหม่ ถ้าพรุ่งนี้คุณยังทำหน้าที่พิเศษเป็นเด็กส่งเอกสารพรุ่งนี้คงได้เจอกันอีก”


แลร์รี่ยกมือขึ้นเหมือนเป็นการบอกลาเล็ก ๆ “งั้นก็ขอให้การเดินทางราบรื่น เด็กใหม่...ไว้เจอกัน” โมนีก้ายิ้มบาง ๆ ให้เขาอีกครั้ง เส้นผมสีม่วงครามพลิ้วตามแรงก้าวเดิน ขณะที่นัยน์ตาสีเทาเงินยังทอประกายสว่างในแสงไฟ เธอผลักประตูพรินซิเปียออกไป ทิ้งบรรยากาศเบิกบานและร่องรอยความประทับใจแผ่วเบาไว้ในใจของคนที่ยังนั่งอยู่ข้างใน


🔼แอดยังไม่ตรวจโรลที่แล้ว ด้านบนคับ🔼

รางวัล: +15 EXP / +20 เกียรติยศ / +2 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}


[NPC-54] แลร์รี่

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมสตรี - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +2

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)



คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-9-14 17:12:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 12 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 06.00 - 07.00 น. ณ พรินซิเปีย เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์ (ปัดฝุ่นเอกสาร) (พบลูซิอุส) 


โมนีก้าเดินทางมาปัดฝุ่นและจัดเอกสารในห้องพรินซิเปียให้เรียบร้อย เธอก้มหน้าก้มตาปัดฝุ่นตรงตู้เอกสารด้านข้าง เส้นผมสีม่วงครามถูไถแก้มไปตามจังหวะมือ จังหวะนั้นเสียงเปิดประตูบานหนักก็ดังขึ้นก้องในห้องพรินซิเปีย กลิ่นอากาศเย็นจากระเบียงภายนอกปะทะเข้ามาพร้อมร่างสูงของชายผู้หนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบสะอาด ตัดกับใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยร่องรอยประสบการณ์และท่วงท่ามั่นคงของคนที่คุ้นเคยกับการตัดสินใจเรื่องใหญ่ในสภา ดวงตาคมกริบสีเข้มของเขาไล่มองไปรอบห้องอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนหยุดลงที่หญิงสาวซึ่งยืนอยู่กลางห้อง


โมนีก้าเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้จะไม่เคยเห็นใบหน้านี้มาก่อนก็ยังคงยิ้มบาง ๆ ตามมารยาท “อรุณสวัสดิ์ค่ะ วางเอกสารไว้บนโต๊ะได้เลยนะคะ ฉันแค่เข้ามาจัดเอกสารให้แม่ทัพเท่านั้นค่ะ” น้ำเสียงของเธอนุ่มแต่มีประกายเฉียบแฝงอยู่ตามนิสัย


ชายผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้ เสียงรองเท้าหนังสะท้อนกับพื้นหินอ่อนอย่างหนักแน่น เขาพยักหน้ารับคำทักทายเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่บ่งบอกถึงความเคยชินกับการออกคำสั่ง “ขอบคุณที่ดูแลที่นี่ให้เป็นระเบียบ ลูซิอุส คอร์เนลิอุส ที่ปรึกษาการคลังของสภาเซเนท” แววตาของเขาประเมินหญิงสาวราวกับจะชั่งน้ำหนักความสามารถโดยไม่ต้องถาม


โมนีก้ากลั้นหัวเราะเล็กน้อย พลางยืนตรงตามมารยาท “ยินดีที่ได้พบและยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณลูซิอุส ฉันโมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม เดมิก็อดจากกองร้อยที่สองค่ะ” เธอเอ่ยชื่อเต็มพร้อมสายตาที่นิ่งไม่แพ้กัน


ลูซิอุสเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนจะทดสอบ “กองร้อยที่สอง… หน้าที่ตอนนี้คงหนักหนาไม่น้อย เธอคงรู้ดีว่าการเฝ้ายามและดูแลทรัพยากรคือเกียรติอย่างหนึ่งของค่าย” น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักความหมาย


“ค่ะ” โมนีก้าตอบสั้น ๆ แต่สายตาเทาเงินวาวขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจดี เรื่องทรัพยากรสำคัญเสมอ” แน่นอนว่าโมนีก้าไม่อยากจะบ่นเพราะของมันแพงเลยต้องใช้สอยอย่างประหยัด


คำตอบนั้นทำให้มุมปากของลูซิอุสกระตุกเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ซึ่งแทบไม่ปรากฏในใบหน้าที่มักเคร่งครัด “ดี… คำตอบแบบนี้ เป็นสิ่งที่ดี” เขาวางเอกสารหนาเตอะลงบนโต๊ะไม้ข้างหน้า “นี่คือรายงานการเบิกยุทโธปกรณ์ ผมมาส่งและตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกต้อง จะได้ไม่มีสิ่งไหนที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น”


โมนีก้าพยักหน้า พลางก้มลงตรวจเอกสารทันทีอย่างไม่รอช้า “เข้าใจแล้วค่ะ ไว้จะดูแลให้เรียบร้อยค่ะ”


ลูซิอุสมองท่าทางคล่องแคล่วของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มชัด “เธอมีท่าทีที่รอบคอบกว่าที่คิดไว้… รักษาความละเอียดนี้ไว้ แล้วจะไปได้ไกลในค่ายนี้” โมนีก้าเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ฉันจะจำไว้ค่ะ”


เขาพยักหน้าช้า ๆ แววตาคมยังคงนิ่งสงบ “ถ้าอย่างงั้น จะไม่รบกวนต่อ สวัสดี” จากนั้นก็หมุนตัวก้าวออกไปอย่างมั่นคง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ และความรู้สึกถึงอำนาจที่ยังอบอวลอยู่ในห้อง โมนีก้ามองตามร่างสูงจนลับประตู ก่อนจะถอนหายใจยาวเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง “คนนี้…ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” แล้วกลับไปจัดเอกสารต่อด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงจากการเผชิญหน้ากับชายผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเคร่งเครียดแบบนั้น


รางวัล: +15 EXP / +20 เกียรติยศ / +2 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}

[NPC-41] ลูซิอุส คอร์เนลิอุส ฟูสกัส

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex  - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 2025-9-16 19:23:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 14 เดือน กันยายน ปี 2025

ช่วงสาย เวลา 09.30 - 10.00 น. ณ พรินซิเปีย เขตหลักกองพันที่สิบสอง ค่ายจูปิเตอร์


ห้องทำงานของพรินซิเปียยามสายยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหมึกและกระดาษ เอกสารวางซ้อนเรียงสูงราวกำแพงขนาดย่อม เสาโรมันสีงาช้างสองต้นขนาบข้างหน้าต่างบานใหญ่ที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเป็นริ้วทองอุ่น โมนีก้าในชุดเวรยามเรียบง่ายก้าวเข้ามาพร้อมเอกสารลงทะเบียนภารกิจในมือ เส้นผมสีม่วงครามสะท้อนแสงอ่อนวาวตัดกับดวงตาเทาเงินที่แน่วแน่


ที่โต๊ะกลางห้อง ควินตัส แอนเดอร์สันนั่งก้มหน้าอ่านรายงาน แสงแดดสาดลงบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มจนเป็นประกาย เสื้อนักรบสีกรมท่าช่วยขับผิวที่เปื้อนรอยกร้านของสนามฝึกให้ดูแข็งแรงยิ่งขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงประตูเปิด ดวงตาคมเข้มมองตรงมาเหมือนจะประเมินผู้มาเยือน โมนีก้าก้าวไปด้านหน้าแล้วเอ่ยเสียงชัด “สวัสดีค่ะพรินซิเปีย โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ขอแจ้งเจตจำนงขอออกลาดตระเวนน่านฟ้าฝั่งตะวันตกค่ะ”


คิ้วเข้มของแม่ทัพหนุ่มเลิกขึ้นเล็กน้อย “ภารกิจนี้ต้องผ่านกิจวัตรค่ายทั้งหมดอย่างน้อยหนึ่งรอบ…คุณเพิ่งมาถึงไม่ถึงสิบวัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำปนความประหลาดใจ โมนีก้ายกแฟ้มในมือขึ้นยื่นให้ทันที “ตรวจสอบได้เลยค่ะ ฉันทำครบหมดแล้ว”


ควินตัสรับเอกสารไปพลิกตรวจอย่างละเอียด แววตาที่เรียบนิ่งเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นตรายืนยันกิจวัตรทั้งหมดเรียงรายครบถ้วน “ทานอาหาร อาบน้ำโรมัน ขุดคู ฝึกโคลอสเซียม ดูแลยุทโธปกรณ์ พาฮันนิบาล ล้างท่อ ปัดฝุ่นเอกสาร ฝึกเดินขบวน ดูแลม้า ดูแลอินทรี…ทั้งหมดในเก้าวัน” เขาพึมพำเหมือนทวนกับตัวเอง ก่อนเงยหน้ามองหญิงสาวอีกครั้ง “น่าประทับใจเกินกว่าที่คาดไว้นะครับ”


เขาวางแฟ้มลงแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ภารกิจนี้ไม่ใช่เพียงการบินเล่น คุณจะต้องสอดแนมและประเมินภัยคุกคาม ตรวจดูสัญญาณสัตว์ประหลาดหรือศัตรูที่อาจเป็นภัยต่อกรุงโรมใหม่ หากพบสิ่งผิดปกติ ต้องส่งรายงานกลับสภาเซเนททันที อย่าประเมินต่ำกว่าความจริง ความปลอดภัยของค่ายขึ้นอยู่กับความแม่นยำของข้อมูล”


โมนีก้าพยักหน้าหนักแน่น “เข้าใจค่ะ ฉันจะทำตามคำสั่งทุกประการเลย”


ควินตัสผ่อนลมหายใจเล็กน้อยแล้วหยิบตรายืนยันสีเงินจากลิ้นชัก “ดีครับ เมื่อพร้อมให้ไปที่ท่าอากาศยานของค่าย นักบินคู่หูรออยู่แล้ว แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่แล้วขึ้นเครื่องได้ทันที” เขาวางตราบนแฟ้มเอกสารแล้วเลื่อนมาตรงหน้าเธอ “ขอให้โชคดี โมนีก้า”


หญิงสาวก้าวมารับตราด้วยสองมือ ความเย็นของโลหะตอกย้ำความจริงว่าภารกิจที่รออยู่ไม่ใช่เรื่องเล่น ใบหน้าที่มักจะสดใสของเธอเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น “ขอบคุณค่ะแม่ทัพ” เธอเอ่ยเรียบแต่หนักแน่น ก่อนจะก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวทำความเคารพแล้วหมุนตัวออกจากห้อง ทิ้งให้เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนตามทางเดินยาวสู่ภารกิจใหญ่ครั้งแรกในฐานะเดมิก็อดแห่งค่ายจูปิเตอร์



[NPC-13] ควินตัส แอนเดอร์สัน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex  - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x13
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้