- 13.12.24 10:24 -
𝘍𝘳𝘢𝘨𝘮𝘦𝘯𝘵𝘦𝘥 𝘏𝘦𝘢𝘳𝘵 -
หัวใจฉันกำลังแตกสลาย
- เมล็ดพันธ์ุแห่งความงามงอกเงยอยู่ในตัวข้า -
ในฐานะมนุษย์กึ่งเทพที่อาศัยอยู่ภายใต้ปีกของมนุษย์มาอย่างยาวนาน
ยูเฟเมียเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเสมอ ว่าเธอคือผู้ที่จะอยู่รอดได้ในท้ายที่สุดไม่ว่าจะต้องประชันหน้ากับอสุรกายหรือเทพนิยายแบบใด
โอบกอดความเชื่อมั่นที่ถือดีอย่างยิ่งยวด
ผู้ที่เชื่อมั่นเช่นนั้นจากก้นบึ้งหัวใจ เวลานี้กำลังเผชิญภาวะสมองพร่องออกซิเจนอยู่ในสภาพกึ่งตายมาหลายชั่วโมงแล้ว หลังพยายามยื้อชีวิตอย่างถึงที่สุด อาการสมองตายก็ไม่ได้เกิดกับเรือนร่างที่แสนเปราะบางตรงหน้าลูปาในยามนี้
นัยน์ตาสีอำพันเยียบเย็นราวกับเกล็ดเหมันต์ น่ากริ่งเกรงเสียจนหมาป่าที่ขึ้นชื่อว่า ‘ดุร้าย’ อย่างลูปัสยังยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง หมาป่าหนุ่มส่งเสียงคำรามก้องดัง “ ข้าเพียงแต่คิดว่านางพร้อมแล้วสำหรับการฝึกหนัก ”
ลูปัสไม่ได้เพียงเจตนากล่าวอ้างไปเรื่อย
ในดวงตาของยูเฟเมียเปี่ยมรังสีของการท้าทาย ลึกลงไปในตัวนางซุกซ่อนความบ้าบิ่น มันคาดหวังในตัวครึ่งเทพที่อาจหาญท้าทายมันเสมอ ท่าทางของลูปัสแข็งทื่อกว่าปกติ แม้สีหน้าจะคงความดุดัน แต่ดวงตากลับเสมองทางด้านอื่น
อาจเพราะมันตระหนักในความผิดพลาดของตน
“ ข้าเพียงทดสอบขีดจำกัดของนาง… ”
“ ทดสอบหรือ? ” น้ำเสียงของลูปาเย็นเยียบ “ นางเกือบสิ้นชีพเพราะการทดสอบของเจ้า ”
ลูปาตวัดนัยน์ตาทรงอำนาจ แผงขนเงินยวงอันเงางามขยับแผ่วเบา ลมหายใจของมารดาแห่งหมาป่าฟังดูหนักหน่วง
“ เราคือผู้ชี้นำมรดกแห่งโรม (ทายาทแห่งโรม) บ่มเพาะและปลูกฝังวิถีแห่งโรม ไม่ใช่เข่นฆ่าพวกเขาด้วยการฝึกของเรา ”
เสียงของลูปัสกระด้าง “ นางควรเรียนรู้ให้ไว้…กว่านี้ ข้าเพียงปรารถนาให้นางแข็งแกร่ง... นางไม่ควรอ่อนแอเช่นที่เป็น ”
“ นางอ่อนแอลง นั่นคือสิ่งที่เจ้าทำลงไป ”
นัยน์ตาหมาป่าหนุ่ม (หรือแก่แล้ว?) หรี่ลง มันส่งเสียงสบถอย่างคับข้องใจ ถ้าเพียงแต่ยูเฟเมียไม่รีบร้อนออกห่างและวิ่งหนีจากจุดนัดพบ ชะตากรรมก็คงไม่เลวร้ายเช่นนี้ มันเองหาได้เข้าใจว่าเหตุใดธิดาแห่งวีนัสซึ่งมีอำนาจในขอบเขตแห่งความงามและความรักถึงได้มีฝีเท้าที่รวดเร็วบางเบาปานนั้น หากไม่เพราะประสาทการรับกลิ่นและเสียงของลูปัสว่องไวคงไม่อาจช่วยนางได้ทันเวลา
‘ จิ๊ ’ ลูปัสคำรามเบาๆ พยายามกดความรู้สึกขุ่นเคืองไว้ภายใน
“ ข้าไม่ควรปล่อยให้นางคลาดสายตา ” มันยอมรับผิดโดยดุษณี
“ การอดทนและเฝ้ารอเป็นสิ่งที่เจ้าควรมี ลูปัส หากเจ้าไม่สามารถพิจารณาความเหมาะสมของครึ่งเทพกับบทเรียนได้ ข้าอาจต้องคิดใหม่เรื่องขอบเขตการรับผิดชอบของเจ้าอีกครั้ง ”
“ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ”
ลูปาพยักหน้า น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “ ดี… ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ”
—------------
เรือนร่างอ่อนวัยของครึ่งเทพหลับใหลอย่างสงบบนเตียงไม้ เส้นผมดำขลับแผ่สยายประดุจธารราตรี อาจเพราะประกายเสน่ห์อันเป็นลักษณะเฉพาะของธิดาแห่งวีนัส ยูเฟเมียจึงเปล่งประกายระยับราวกับนายหญิงแห่งราตรี ทว่าร่างอันบอบบางกลับคล้ายละอองหิมะ หากสัมผัสโดยไม่ระวังก็พร้อมจะละลายแตกสลายลงทุกเมื่อ
ราวกับเพียงรักษาลมหายใจอันแผ่วเบาของตนไว้ก็นับเป็นเรื่องที่สาหัสแล้ว
อาจเพราะความรู้สึกหนักอึ้งบางเบาในอกที่ล่ามลูปัสไว้ข้างเตียงของหญิงสาว มองทรวงอกที่ขยับแผ่วจนน่ากังวล มองใบหน้าที่เคยมีประกายการเยาะหยันฉาบซ่อนแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยประหนึ่งกลวงเปล่า ริมฝีปากซีดเซียวของยูเฟเมียราวกับจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในใจของหมาป่าหนุ่ม (อีกรอบ หนุ่มไหมครับ 5555555555555)
หิมะแรกกำลังร่วงหล่น
ปลายนิ้วของหญิงสาวสั่นสะท้านอย่างบางเบา ครึ่งเทพไม่มีขนให้ความอบอุ่นยังต้องพึ่งพาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม เงาร่างของลูปัสทอดยาวบนเรือนร่างบาง มันมองยูเฟเมียเงียบๆ ด้วยดวงตาที่ยากจะคาดเดาอารมณ์
มันไม่คุ้นเคยกับความเปราะบางของครึ่งเทพ
พวกเขาแข็งแกร่งเสมอในทางหนึ่ง
ร่างที่ฟูฟ่องด้วยขนหนาราวกับผ้าห่มผืนใหญ่ค่อยๆ คลุมลงบนมือที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งของยูเฟเมีย ความอบอุ่นของอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่เคียงข้างทำให้ร่างที่เย็นยะเยือกค่อยๆ อบอุ่นขึ้นมา แม้แต่สีหน้าของหญิงสาวก็คล้ายจะผ่อนคลายขึ้นหลายส่วน
.
.
.
พิษคาร์บอนมอนอกไซด์อาจทำให้สมองของยูเฟเมียได้รับความเสียหาย กล้ามเนื้อของยูเฟเมียเกร็งกระตุกในบางครั้งและพึ่งพายาระงับอาการชัก ท่าทางในช่วงแรกดูเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวา เธอดูสงสัยที่เห็น ‘หมาป่าพูดได้’ ดวงตากลมโตที่ดูโฉบเฉี่ยวราวกับเหยี่ยวเบิกกว้าง จ้องมองเซลิน่าหมาป่าขนสีขาวฟูฟ่องซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง
“ พวกเธอเป็นสายพันธุ์เดียวกับแวร์วูล์ฟ (Werewolf) ไหม? ” ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามแผงขนหนาของหมาป่าสาว “ จะแปลงร่างในช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า ”
“ ไม่หรอกจ้ะ ยูฟี่ พวกเราไม่ดื่มเลือดและเนื้อของมนุษย์ โดยเฉพาะครึ่งเทพ ” เซลิน่าอธิบายอย่างสุขุม เธอรับหน้าที่ดูแลยูเฟเมียที่กำลังพักฟื้นจากอาการป่วยมาระยะหนึ่งแล้ว จึงเริ่มคุ้นเคยกับคำถามประหลาดๆ ของเจ้าตัวอยู่บ้าง ความสงสัยของยูเฟเมียไม่จริงจัง และหล่อนจะหัวเราะร่วนทุกครั้งที่ได้รับคำตอบ
เสียงหัวเราะคิกคักชอบใจดังเบาๆ บุคลิกของธิดาแห่งวีนัสสะกดใจเสมอ
แม้หมู่หมาป่าจะมีทักษะต้านมนตราข่มอาคมเสน่ห์ในสายเลือดของวีนัสได้ เซลิน่าก็ยังไม่อาจปฏิเสธว่าเพียงบุคลิกดั้งเดิมของยูเฟเมียก็เพียงพอแล้วที่จะสะกดใจคน
“ พวกเราไม่แปลงร่าง มีเพียงลูปาที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ ”
“ ส่วนพวกเราเพียงแต่ได้รับพรให้พูดสื่อสารกับมนุษย์ได้เท่านั้น ”
“ โอ๊ะ— ” ยูเฟเมียยกมือป้องปาก ใบหน้าแสดงออกว่าประหลาดใจจนเกินจริง “ การที่ฉันพูดคุยกับพวกเธอรู้เรื่องในทันทีเป็นเพราะพวกเธอเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักงั้นเหรอ? ”
‘ ฮึฮึฮึ ’ หมาป่าสาวหัวเราะเบาๆ แพขนที่หางเคลื่อนโบกปิดบังเรียวปากแหลมอย่างสงวนท่าที ดวงตาสีฟ้าครามเป็นประกาย “ อาจใช่ ”
“ บางครั้งการสื่อสารกับครึ่งเทพก็อาจไม่ใช่ภาษาที่เจ้ารู้ มนตราแห่งการสื่อสารลึกล้ำกว่านั้น เพียงใจสัมผัสใจ ปล่อยให้ความหมายก้องสะท้อนในหัวของพวกเจ้า ”
“ ก็นั่นสินะ ” ยูเฟเมียยิ้มหวานพลางทัดกิ๊บดอกไม้แดงลงบนขนสีขาวของหมาป่าสาว ท่าทางซุกซนของเธอดูขัดกับคำพูด ดวงตาของยูเฟเมียช้อนมองอย่างอ่อนหวาน แต่กลับแฝงความขบขันอยู่ภายใน “ ก็ตามลักษณะกายวิภาคศาสตร์ ช่องคอแบบสุนัขจะเปล่งเสียงเลียนแบบมนุษย์ได้ยังไง ถ้าทำแบบนั้นได้จริงเราคงต้องหานักวิทยาศาตร์มาทดลองผ่าพวกเธอดูแล้ว อ๊ะ– ฟังๆ ดูแล้ว… เอ– มนตราเนี่ยฟังดูเป็นเหตุผลที่คล้ายๆ ทฤษฎีควอนตัมเลยนะ! ”
“ เวลาพล็อตหนังวิทยาศาสตร์หาเหตุผลอธิบายพลังเหนือธรรมชาติต่างๆ ไม่ได้ ก็จะโยนต้นต่อให้มาจากทฤษฎีควอนตัมกันทั้งนั้นเลย ส่วนฝ่ายพวกเธอก็พูดถึงมนตรากันตลอด ”
“ ฮึ… ทฤษฎีนั่นยังถูกอภิปรายเพียงบางหัวข้อ บางอย่างแทบจะเป็นปริศนาเสียยิ่งกว่าความโกลาหล แต่มนตรานั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ พรแห่งลูปาทำให้ข้าและเจ้าเป็นสหายกัน และพรแห่งวีนัสทำให้เจ้ากลายเป็นครึ่งเทพ ”
ยูเฟเมียหัวเราะ เสียงใสเปี่ยมเสน่ห์ฟังดูโต้แย้งอยู่ในที ลึกลงภายในใจขัดแย้งที่ความจริงเป็นอย่างนั้น ในสายตาเธอเวทมนตร์และไสยศาสตร์กำลังมีอำนาจเหนือวิทยาศาสตร์
หรือบางทีเทพบิดาเทพมารดรพวกนั้นอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวกันนะ
ยูเฟเมียยิ้มชวนมอง “ มนตราของลูปาก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่เวทมนตร์ของวีนัสคืออะไรกันล่ะ? ตอนนี้ฉันดูเหมือนคนธรรมดาทุกอย่างเลย เพิ่มเติมแค่อ่านภาษาอังกฤษเมื่อไหร่เป็นได้กลายเป็นภาษาโรมันเมื่อนั้น ”
“ พรและคำสาปเปรียบเสมือนยาพิษและยาแก้พิษ ”
“ โอ้— เซ เธอกำลังจะบอกว่ายาแก้พิษก็คือยาพิษ พรและคำสาปคือสิ่งเดียวกัน ”
“ เจ้าฉลาดนะ ”
“ นั่นฟังไม่เหมือนคำชมเลย ”
เซลิน่ายกรอยยิ้มบางๆ พลางเปลี่ยนเรื่อง “ อย่านอกเรื่องไปไกลนักสิ ยูฟี่ เจ้าจะให้ข้าช่วยสอนเรื่องภาษาโรมันไม่ใช่หรือ? ”
“ อ้อ— นั่นเอง ” ยูเฟเมียกลอกตา แสร้งเปิดหนังสือโรมันส่งๆ คล้ายว่าการเถลไถลเบี่ยงประเด็นจะถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว “ วันนี้เป็นบทกวีมหากาพย์เมทามอร์โฟซีส (Metamorphoses) เขียนโดย โอวิด ”
“ ก่อนที่มหาสมุทรและแผ่นดินจะปรากฏ
ก่อนที่ท้องฟ้าจะปกคลุมพวกมันทั้งหมด
ใบหน้าของธรรมชาติในพื้นที่กว้างใหญ่นั้นไม่มีอะไรอื่น
นอกจากความโกลาหลและความสูญเปล่าอย่างเทียมเท่า
มันเป็นมวลหยาบที่ยังไม่พัฒนา
ไม่มีอะไรทำนอกจากน้ำหนักที่มาก
และองค์ประกอบที่ไม่ประสานกันทั้งหลายก็สับสนวุ่นวายอยู่รวมกันเป็นกองที่ไม่มีรูปร่าง”
“ เป็นตำนานการกำเนิดโลกที่ถูกเขียนโดยภาษามนุษย์ คำที่เจ้าอ่านไม่ออก ข้าเขียนอักษรกำกับไว้ให้แล้ว ”
“ เซที่แสนดี! ขอบใจที่คิดถึงฉันเสมอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ” ยูเฟเมียคลี่ยิ้ม “ บทกวีนี้น่ะล้ำค่าสุดๆ เธออาจจะยังไม่รู้ว่าเมทามอร์โฟซีสน่ะมีอิทธิพลกับงานเขียนในยุคกลางมาก ของที่ห้องป๊ะป๋ามีแค่ฉบับคัดลอกและดัดแปลงขึ้นใหม่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่บ้านหมาป่าจะมีของเก่าแก่แบบนี้ด้วย แถมเป็นฉบับค่อนข้างเก่า ”
ดวงตาของยูเฟเมียเป็นประกาย ก่อนจะหรี่ลงและอับแสงอย่างรวดเร็ว มือบางกุมศีรษะด้านหนึ่งพลางกดลงอย่างแรง “ โอ๊ย! ” หญิงสาวนิ่งชะงักด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ปลายหางตาเห็นความวิตกรื้นขึ้นในแววตาหมาป่าสาว เธอยิ้มบาง “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พักเดี๋ยวเดียวก็หายแล้วล่ะ ฉันขอไปพักสักนิดละนะ ”
ยูเฟเมียโบกมือเพื่อให้เซลิน่าคลายความกังวล เธออาจชอบการเป็นที่รักแต่ไม่ถูกชะตากับการถูกเป็นห่วงสักเท่าไหร่ คนที่ควรถูกปั่นหัวให้รู้สึกผิดซ้ำๆ มีแค่ ‘ลูปัส’ เท่านั้น หญิงสาวเอนตัวลงบนที่นอนพลางใช้เครื่องช่วยหายใจครอบที่จมูก
และค่อยๆ จมเข้าสู่ห้วงนิทรา
หวังว่าฮิปนอสจะบันดาลให้เธอฝันดี
- 27.12.2024 09:00 -
สองสัปดาห์แล้ว นับแต่ยูเฟเมียถูกอัลกูลจู่โจมจนหมดสติและเกิดไซด์เอฟเฟคของอาการพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งทำให้เธอปวดหัวในบางครั้งและสับสนมึนงงในบางจังหวะ อาศัยอาการเจ็บปวดยูเฟเมียจึงได้อภิสิทธิ์พิเศษในการโดดคาบเรียนกลางแจ้งไปโดยปริยาย ร่างแบบบางเปิดหน้าต่างเฝ้ามองหิมะตกเงียบๆ เธอค่อนข้างเบื่อหน่ายที่ต้องนอนมองหิมะอย่างนี้
น่าเสียดายที่ด้านนอกอันตรายเกินไป
ยูเฟเมียเปิดล็อกเกตห้อยคอ มองนักแสดงหนุ่มโปรยรอยยิ้มหล่อเหลา รอยยิ้มหวานละมุนของเขาชวนให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงภาพออกสื่อ แต่วินาทีที่ได้ครอบครองรอยยิ้มหวานซึ้งของเขาก็ชวนให้อยากจะตกอยู่ในห้วงฝัน สัมผัสความรู้สึกครุมเครือที่สื่อว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอ…เป็นของเธอเพียงคนเดียว
เป็นความรักของแฟนเกิร์ลที่ล้ำเส้นไป
แต่ไม่มีใครกำหนดเสียหน่อยว่าแฟนเกิร์ลไม่สามารถรัก ‘เขา’ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งได้
การไม่ได้อัพเดทชีวิตของเขาทำให้ยูเฟเมียรู้สึกราวกับถูกมีดคมกริบกรีดลงกลางอกซ้ำๆ มันเจ็บซะยิ่งกว่าถูกโจมตีในป่าแม่มดเสียอีก… (โทรศัพท์ยูฟี่เป็นเศษเหล็กไปละครับ)
เสียงแกร๊กค่อนข้างดัง
คนไร้มารยาทที่เข้านอกออกในห้องของยูเฟเมียด้วยความรู้สึกผิดในตอนนี้มีเพียงหมาป่าขนสีน้ำตาลเข้ม มีเพียงลูปัสเท่านั้น ร่างที่แผ่กลิ่นอายดุดันของหมาป่าหนุ่มกระชากยูเฟเมียออกจากอนาคตจอมปลอมนั่น นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเธอพบกันในสภาพรู้สติ
( แหงล่ะ ที่ผ่านมาฉันแกล้งหลับตลอด โอ้— จู่ๆ ก็ปวดหัว นอนดีกว่า )
ยูเฟเมียยกรอยยิ้มบาง แสร้งแสดงสีหน้าอ่อนล้าโรยแรง “ โอ๊ะโอ— ดูซิ๊ว่าใครมาเยี่ยมฉัน ”
หญิงสาวขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แกล้งเหยียดขาข้างที่มีรอยแผลจางๆ จากการถูกอัลกูลทำร้ายออกไปนอกผ้าห่มหนา หวังให้ลูปัสรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเพิ่มขึ้น ลูปัสกลับแค่นเสียงคำรามอย่างเหนื่อยหน่าย ราวกับชินชากับท่าทางอมโรคของยูเฟเมียซะเต็มประดา เขาย่างเท้ามาข้างเตียง แล้วกระชากผ้าห่ม (ด้วยปากอะครับ) คลุมท่อนขาของยูเฟเมีย
ยูเฟเมียเบ้ปาก กลอกตามองบนพลางส่งเสียง ‘ จิ๊ ’ อย่างไม่สบอารมณ์
โอ๊ะ— เธอกล้าทำแบบนี้เพราะตั้งแต่ ‘ ป่วย ’ ลูปัสก็ทำตัวคล้ายหมามีชนักติดหลัง จะฮึดฮัดโมโหยังไงก็ต้องใจเย็นและระมัดระวังเวลาอยู่กับเธอตลอด อย่างเช่นเมื่อกี้นี้…ท่าทางตอนใช้ปากคาบผ้าห่มคลุมขาให้เธอ มองผ่านๆ ก็เห็นว่าอ่อนโยนเสียยิ่งว่าหมาป่าที่ชื่อ ‘ลูปัส’ ควรจะเป็น
โอกาสตักตวง (แก้แค้น) กำลังมาทั้งที จะให้ปล่อยไปเฉยๆ ได้ยังไงกันคะ?
“ เป็นห่วงฉันเหรอ? ” ยูเฟเมียแสร้งล้อเลียน
แต่คราวนี้ลูปัสไม่คิดต่อล้อต่อเถียงด้วย มันกระโจนขึ้นทับชายผ้าห่ม เท้าหมาป่าย่ำเหยียบสักครู่หนึ่งก็ล้มตัวลงนอนด้านข้างหญิงสาว อาจเพราะมันตัวใหญ่แม้จะนอนอยู่อย่างนี้ระดับสายตาก็ยังใกล้เคียงกับยูเฟเมีย ดวงตาของมันคมกริบ แข็งกระด้าง
“ เจ้าหนีเพราะไม่เชื่อมั่นในตัวข้าหรือ? ”
ยูเฟเมียเลิกคิ้วสูง “ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร… ” และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องเชื่อใจเขาด้วย “ อ้อ อย่างนี้นี่เอง ”
ระหว่างที่กำลังหัวเราะเยาะคำถามของลูปัส ยูเฟเมียก็ดูเหมือนจะเข้าใจความคับข้องของหมาป่าหนุ่ม “ คุณกำลังจะบอกว่า ‘สามารถปกป้องฉันได้’ หากฉันไม่หนีออกจากจุดนัดพบสินะ? ”
ลูปัสพยักหน้า สีหน้าของมันขัดเคืองใจ
“ เฮอะ! ” ยูเฟเมียยกมือบังริมฝีปากพลางหัวเราะ “ มีอะไรรับประกันเหรอคะ ว่าคุณจะมา ”
“ ลูปัสให้ฉันรอในป่านานถึงชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะถูกอัลกูลโจมตี โอ้— ฉันได้ยินมาว่านั่นคือการฝึกในแบบฉบับของคุณ ปล่อยให้ครึ่งเทพรบกับอสูรร้ายในสถานการณ์จริง ส่วนคุณก็เฝ้ามองประเมิน ”
“ แต่ในมุมของฉันมันก็แค่บังเอิญเจออสุรกายกลางป่า คุณไม่พูดฉันเองก็ไม่ตรัสรู้ว่าคุณจะโผล่มาแถวนั้นและช่วยฉันทันไหม ถ้าจะให้รอ…รอคุณมาช่วยอย่างไร้จุดหมาย สู้ฉันไปหาทางรอดอื่นจะดีกว่า ”
ยูเฟเมียช้อนนัยน์ตา มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มท้าทาย ดูเหมือนจะขุ่นเคืองลูปัสเพราะเรื่องนี้มากพอกัน ชีวิตเธอหลบหลีกลี้หนี ‘อสุรกายในเทพนิยาย’ พวกนี้มาโดยตลอด จู่ๆ จะให้ฉุกใจเชื่อว่าหมาป่าที่เพิ่งเจอกันไม่นานจะปกป้องคุ้มภัยให้ ฟังดูผิดนิสัยเกินไปเสียหน่อย ตอนที่พอจะรู้ว่านั่นเป็น ‘แนวทางการฝึก’ ของลูปัสยังโกรธจนควันออกหูไปตั้งหลายวัน
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เธอมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หมาป่าในบ้านหมาป่าพยายามรักษาชีวิตของบรรดาครึ่งเทพและลูกหลานแห่งโรม
นั่นแปลว่าเธอจะสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างวางใจจริงๆ
เธอเหล่ตามองเขา พูดอย่างขบขัน “ ก็เขาบอกกันว่า ‘ ยืนด้วยลำแข้งตนเอง ’ นั่นไง ”
ลูปัสฟังน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนเป็นการหยอกล้อก็แค่นหัวเราะ “ ฟังดูโง่เง่า แต่ก็เป็นแนวคิดที่น่าชื่นชม ”
“ ใช่เลย! ”
“ บ้านหมาป่าหวังเสมอว่าสายเลือดแห่งเทพที่ผ่านการทดสอบของเราจะพึ่งพาตนเองได้ในท้ายที่สุด แต่ข้าคงจะคาดหวังกับเจ้าเกินไปเสียหน่อย ”
ดวงตาของหญิงสาวหรี่ลง ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนเขาจะดูถูกเธอ? “ ว่าไงนะ ”
“ มีครึ่งเทพกี่คนที่ใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์ในบ้านหมาป่าเยี่ยงเจ้า ” รอยยิ้มหยันแฝงอยู่ในดวงตาหมาป่าหนุ่ม “ หนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งวัน เจ้าปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกนานเท่าใด มีครึ่งเทพและสายเลือดแห่งโรมมากมายที่กล้าหาญพอจะผ่านบททดสอบได้ในเวลาเพียงหนึ่งวัน แต่ดูท่า— ข้าคงจะขาดหวังกับเจ้ามากไปเสียหน่อย ”
“ เป็นเพราะใครกันล่ะ ทำให้ฉันติดแแหง็กอยู่ที่นี่ ” ยูเฟเมียประชดประชัน
ลูปัสยิ้มเยาะ “ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ ว่าสิ่งที่เจ้าทำเป็นเพียงการแสดงตบตา ”
ยูเฟเมียตวัดดวงตามองหมาป่าหนุ่ม ร่างบางเอนตัวลงจนคางแทบจะสัมผัสกับจมูกของหมาป่า เธอแสดงสีหน้าไร้เดียงสา ดวงตาเป็นประกายยั่วเย้า “ คุณ— พูดอะไรกันคะ… ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ”
“ อา— ยูฟี่ ” ชื่อเรียกอย่างคนสนิทสนมจากลูปัสทำให้ยูเฟเมียขนลุกขนพอง “ เจ้ากำลังทำตัวอ่อนแอ เสแสร้งเจ็บปวดจากการหมดสติในครั้งนั้น… แต่กลิ่นของเจ้าไม่ได้บอกข้าเช่นนั้น ”
“ คุณคงจะคิดไปเองแล้วล่ะ ” ยูเฟเมียเลียนแบบรอยยิ้มของลูปัส ดวงตาสดสวยของเธอทำให้รอยยิ้มคมเฉียบขัดกับใบหน้า แต่กลับเจิดจรัสเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ที่สาดส่องโดยไร้ราตรีที่ด้านนอก “ ฉันกำลังป่วยจากอาการพร่องออกซิเจน”
“ เ จ้ า ก ำ ลั ง ก ลั ว ”
หมาป่าขนสีน้ำตาลตัดบท ดวงตาแข็งกร้าวของลูปัสมองลึกราวกับชอนไชไปถึงก้นบึ้งในหัวใจยูเฟเมีย หญิงสาวที่ถูกจี้ใจดำจนชะงักมีสีหน้าขึ้งขังขึ้นมา
“ ฉันไม่ได้กล้ว ”
“ ดี…ดี…ดี ยูฟี่ ” เสียงของมันยียวนกวนประสาท “ เช่นนั้นเจ้าต้องเผชิญหน้ากับมันเสียที ครั้งนี้อย่าได้หนีไปง่ายๆ เด็ดขาด… ”
“ พิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ ยูเฟเมีย— ”
“ พิสูจน์เหรอ? ” ความรู้สึกราวกับถูกท้าทายผุดขึ้นมาจากกลางหัวใจ
“ ก่อนวันเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งประตู ( Janus ) เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเจ้าจะสามารถจบการฝึกในบ้านหมาป่า ผ่านบททดสอบของเราได้หรือไม่? ยูเฟเมียเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่ ”
ยูเฟเมียขุดคุ้ยความทรงจำสักครู่ก็นึกออกว่า “ เทพเจ้าแห่งประตู เจนัส (ยานุส) ” คือเทพแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง ในหนังสือปกรณัมแห่งโรมันที่อ่านเจอระหว่างการค้นหนังสือในห้องสมุดบ้านหมาป่า เขียนบรรยายไว้คร่าวๆ ว่า ‘ ทรงปรากฏในลักษณะเทพสองพักตรา พระพักตร์ด้านหนึ่งทอดพระเนตรอนาคตกาล พระพักตร์อีกด้านทอดยังอดีตอันสิ้นไป ’ เดือนมกราคม (January) ก็มาจากพระนามของเทพเจนัสเช่นกัน
วันเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งประตูคือวันที่ 1 มกราคม
“ ก็เอาซี— ”
ไม่มีอะไรมากครับ--- พูดไปเรื่อยเพื่อข้ามเวลาโรล + ปั๊มไบต์เน้นๆ 🤧