วันที่ 01 เดือน ธันวาคม ปี 2025
เวลาค่ำ เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ เซ็นทรัลพาร์ก นิวยอร์ก
◀️┃▶️
ลมหนาวของต้นเดือนธันวาพัดพาไอเย็นเข้ามาในยามค่ำ ขณะที่มอเตอร์ไซค์อัสนีวายุของเอมีเลียแล่นฝ่าถนนนิวยอร์กที่ยังมีแสงไฟส่องลอดหมอกบาง เสียงเครื่องยนต์เวทที่คล้ายเสียงฟ้าร้องเบา ๆ กลืนไปกับเสียงลมแหวกอากาศ คีอาร์นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง มือจับเบาะอย่างระมัดระวังไม่แตะตัวรุ่นพี่แม้แต่น้อย ความเย็นของอากาศไม่ส่งผลต่อเธอมากนักเพราะสายเลือดแห่งบอเรอัสในร่าง แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะกลับเป็นแรงสั่นสะเทือนจากร่างของเอมีเลียที่ถ่ายทอดผ่านเบาะหนังไปถึงปลายนิ้ว
เมื่อมอเตอร์ไซค์แปรสภาพกลับเป็นนาฬิกาบนข้อมือ เอมีเลียถอดหมวกกันน็อกแล้วหันมายิ้มให้ ดวงตาสีฟ้าเข้มของเธอส่องประกายภายใต้แสงไฟ “ถึงแล้ว เซ็นทรัลพาร์ค” เสียงของเธออบอุ่นและมั่นใจตามแบบนักบินผู้เคยบินฝ่าพายุและการเป็นนักบินมาก่อน คีอาร์มองไปยังสวนกว้างที่เต็มไปด้วยแสงประดับและไอหมอกเหนือพื้นดิน ลมหายใจของผู้คนในสวนลอยเป็นไอขาว คีอาร์ยืนนิ่งอยู่ข้างรถพลางขยับแว่นเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา “หนูไม่เคยมาเลยค่ะ”
เอมีเลียเลิกคิ้วพลางเดินเข้ามาข้างเธอ “จริงเหรอ นี่มันที่เที่ยวกลางเมืองนะ คิดว่าจะเคยมากับเพื่อนสักครั้ง”
“ไม่มีโอกาสค่ะ” คีอาร์ตอบเรียบ ดวงตาสีเทาอมเขียวทอดมองต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะบาง “หนูไม่ค่อยได้ออกไปไหนนอกจากในเมืองกรีนิช รัฐคอนเนตทิคัต คุณแม่ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น ชีวิตส่วนใหญ่ก็มีแค่โรงเรียน คฤหาสน์ แล้วก็สถานที่ที่แม่พาไปเท่านั้นค่ะ” น้ำเสียงเธอนุ่มและสุภาพ แต่แฝงความว่างเปล่าราวกับกำลังรายงานข้อมูลมากกว่าพูดถึงชีวิตตัวเอง
เอมีเลียเดินเคียงข้างเธอช้า ๆ พลางเอามือซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหนัง “นั่นมันไม่เรียกว่าชีวิตนะ คีอาร์ มันเหมือนตารางเรียนที่ไม่มีวันจบมากกว่า”
คีอาร์เงียบไปครู่หนึ่ง ลมหายใจของเธอระบายออกเป็นไอจาง ๆ ในอากาศเย็น “บางทีชีวิตแบบนั้นก็สงบดีค่ะ อย่างน้อยก็ไม่มีใครให้รู้สึกอะไรเกินไปกว่าที่จำเป็น”
เอมีเลียหัวเราะเบา ๆ “ฟังดูเหมือนเด็กสาวที่คำนวณทุกอย่างได้แม่นยำเลยนะ” เธอพูดพลางแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมีเกล็ดหิมะโปรยลงมา “แต่ความรู้สึกบางอย่างมันไม่ต้องมีสูตรคำนวณหรอก มันจะมาเองเหมือนฟ้าที่มีหิมะโดยไม่ต้องถามใครไง”
คีอาร์เงยหน้าขึ้นตาม เส้นผมสีบลอนด์ทองแดงสตรอว์เบอร์รีสะท้อนแสงไฟถนนจนดูเหมือนเปลวอ่อน ๆ ในพายุหิมะ ดวงตาเธอจับจ้องหิมะที่ร่วงช้า ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “หิมะตกเพราะความชื้นในอากาศจับตัวกันเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า -2 องศาเซลเซียสค่ะ ไม่ใช่เพราะความรู้สึก”
เอมีเลียหันมามองหน้าเธอ แววตาที่มักแข็งแกร่งของธิดาซุสกลับกลับอ่อนลง “งั้นก็ถือว่าความชื้นในอากาศพิเศษมากเลยที่มันเลือกตกตอนเราอยู่ด้วยกัน” สิ้นคำนั้นคีอาร์ชะงักเล็กน้อย มือที่ถือกระเป๋าแตงโมแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะทุกคำพูดของเอมีเลียเหมือนมีแรงลมอีกชนิดที่ไม่อยู่ในสมการของเธอและมันไม่สามารถวัดค่าได้ เสียงรองเท้าบูทของเอมีเลียย่ำบนทางเดินที่เริ่มขาวจากเกล็ดหิมะเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่เยอะก่อนหันมายิ้ม “ไปเดินกันเถอะ เดี๋ยวจะพาไปดูทะเลสาบด้านใน ช่วงนี้น้ำมันเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งแล้ว สวยมากเลยล่ะ”
คีอาร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะก้าวตาม เอมีเลียเดินนำหน้าในจังหวะที่มั่นคงเหมือนนักบินที่รู้ทิศทางทุกครั้งที่ลมเปลี่ยน เธอพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไประหว่างเดิน เรื่องสายลมที่พัดแรงทางเหนือ เรื่องนักเรียนใหม่ในคลาสดาบ เรื่องความผิดพลาดเล็ก ๆ ที่ทำให้เธอหัวเราะกับตัวเองได้เสมอ ส่วนคีอาร์ตอบเพียงสั้น ๆ แต่แววตาเริ่มมีแสงบางอย่างคล้ายประกายของสิ่งที่เรียกว่าความสงบที่ไม่เย็นชา เมื่อทั้งสองมาหยุดริมทะเลสาบที่ผิวน้ำเริ่มจับเป็นน้ำแข็ง แสงไฟสะท้อนบนผิวน้ำราวกับเศษกระจก เอมีเลียถอดถุงมือออกแล้วยื่นให้คีอาร์ “อากาศหนาวขนาดนี้ มือจะเย็นเกินไปนะ” คีอาร์ลังเลอยู่ชั่วขณะที่จะรับของจากอีกฝ่าย ก่อนจะรับมาอย่างเกรงใจ “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณ แค่ไม่อยากให้เธอกลายเป็นน้ำแข็งก่อนถึงงานบรูมาเลียเท่านั้นเอง ถึงคุณหนูลมเหนือจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้วก็ตาม” เอมีเลียพูดพลางหัวเราะ คีอาร์มองเธอเงียบ ๆ หัวใจของเธอไม่รู้สึกถึงความร้อนแต่กลับรับรู้แรงสั่นสะเทือนบางอย่างในอก มันคือสิ่งที่ตรรกะไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นอะไร อาจเป็นเพียงผลของอุณหภูมิ หรืออาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับจากใคร
เสียงลมหนาวพัดผ่านยอดไม้ที่เคลือบเกล็ดน้ำแข็งบางเบา ใบไม้สั่นไหวราวกับสายลมกำลังขับกล่อมบทเพลงลึกลับของค่ำคืน เซ็นทรัลพาร์คในยามค่ำดูเงียบสงบ แต่ในความเงียบนั้นกลับมีบางสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ความรู้สึกที่เหมือนสายลมหยุดชะงักชั่วขณะก่อนเปลี่ยนทิศนั้น ทำให้คีอาร์เหลียวมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง เอมีเลียก็หยุดเดิน พลางใช้มือปัดปอยผมทองสั้นที่ปลิวเข้าหน้า เธอมองไปรอบสวนด้วยสายตาที่เหมือนคนคุ้นเคยกับที่นี่ดี ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่แฝงพลัง “รู้ไหม สำหรับลูกครึ่งเทพแล้ว เซ็นทรัลพาร์คไม่ใช่แค่สวนสาธารณะหรอก มันคือจุดรวมพลังของหลายสิ่งที่อยู่ระหว่างสองโลก”
คีอาร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ขยับแว่นเบา ๆ พลางหันมองรอบข้างอีกครั้ง ท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ ของทางเดินและเสียงใบไม้ที่เสียดสีกัน เธอเริ่มเห็นภาพเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่หลังพุ่มไม้ มันเร็วเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ “หมายความว่ายังไงคะ?”
เอมีเลียยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ที่นี่มีเรื่องราวมากมายน่ะ อสุรกายเคยปรากฏตัวที่แอ่งน้ำกลางสวน มีสิ่งมีชีวิตจากนิทานที่เหนือจริงสำหรับคนธรรมดาเดินผ่านไปมาทุกคืนโดยไม่มีใครรู้” เธอเดินต่อช้า ๆ ผ่านสะพานไม้ที่ทอดเหนือบึงเล็ก “บางมุมของที่นี่เป็นเหมือนช่องทางเชื่อมทั้งของเทพและของอสุรกายมั้ง”
คีอาร์ฟังเงียบ ๆ ดวงตาเธอสะท้อนแสงไฟระยิบระยับบนผืนน้ำ “แล้ว…หมายความว่าที่นี่มีอสุรกายด้วยหรือคะ?”
เอมีเลียหัวเราะเบา ๆ เสียงของเธอชัดในอากาศหนาว “มีสิ เซ็นทรัลพาร์คไม่เคยว่างจากพวกมันหรอก โดยเฉพาะมีพวกฝูงแจ็คคาโลป กระต่ายที่มีเขากวางนั่นแหละ” คีอาร์เลิกคิ้วนิด ๆ “กระต่าย…ที่มีเขา?”
“ใช่ พวกมันไม่อันตรายหรอก แค่ชอบก่อกวนคนที่มานั่งเดทในสวนมากกว่า เคยมีเดมิก็อดบางคนถูกพวกมันแอบขโมยรองเท้าไปด้วยซ้ำ” เอมีเลียพูดพลางหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นอบอุ่นจนไล่ไอเย็นรอบตัวได้ชั่วขณะ “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก คืนนี้พวกมันคงไม่โผล่มา”
คีอาร์กะพริบตา “ทำไมคะ?”
เอมีเลียหยุดเดินครู่หนึ่ง ก่อนหันมามองเธอด้วยสายตาขี้เล่นแต่ทรงอำนาจ แสงจากเสาไฟสะท้อนในนัยน์ตาสีฟ้าเข้มของเธอราวกับประกายฟ้าผ่า “เพราะพวกมันรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ไง”
จากคำตอบนั้นคีอาร์มองใบหน้าของเอมีเลียอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องถามต่อ ก็พอเข้าใจคำตอบทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น ไม่ใช่เพราะอวดดี แต่เพราะมันคือความจริงที่ธรรมชาติของโลกนี้ยอมรับ ผู้หญิงคนนี้คือบุตรของมหาเทพซุส สายฟ้าที่ฟาดลงมาพร้อมเสียงหัวเราะของเธอย่อมทำให้สิ่งมีชีวิตทุกตนในอาณาเขตนี้รู้ดีว่าอย่าเข้าใกล้ “เข้าใจแล้วค่ะ” คีอาร์พูดเรียบ ดวงตาสีเทาอมเขียวสะท้อนภาพร่างของเอมีเลียที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลม “เพราะรุ่นพี่…เก่งเกินไปสินะคะ”
เอมีเลียยิ้มมุมปาก หัวเราะเบา ๆ พลางยกไหล่ “ถ้าพูดแบบนั้นก็ไม่เถียง แต่ฉันเรียกว่าฝึกมามากกว่า”
“ฝึก…เพื่ออะไรคะ?” เสียงของคีอาร์นุ่มและนิ่ง แต่ในแววตากลับมีความสงสัยปนอยู่
“เพื่อให้คนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกปลอดภัยเวลาฉันอยู่ด้วย” เอมีเลียตอบโดยไม่ต้องคิด ดวงตาเธอจับจ้องใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเบือนกลับไปมองทางเดินที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะอีกครั้ง และไม่ได้บอกว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ นั้นหมายความถึงใครหรือหมายความโดยรวม
จากคำตอบนั้นคีอาร์ไม่ได้รู้สึกอบอุ่น เธอรู้สึกวุ่นวาย ความคิดของเธอเริ่มทำงานราวกับเครื่องจักรเย็นเฉียบที่พยายามหาคำอธิบาย เธอบอกตัวเองว่านั่นก็แค่ความผูกพันในเชิงพันธุกรรมทางสังคมสิ่งที่เรียกว่าความรักเป็นเพียงกลไกเคมีของสมองที่ทำให้สิ่งมีชีวิตจับคู่เพื่ออยู่รอด ไม่ต่างจากการที่สัตว์บางชนิดแกล้งอ่อนแอเพื่อให้ได้การปกป้อง มันไม่ใช่สิ่งวิเศษ ไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าให้ใครต้องไล่ตาม
เธอมองฝ่าหลังของเอมีเลียที่สะท้อนแสงไฟในยามค่ำและคิดอย่างตรงไปตรงมา คนอย่างเธอคงถูกออกแบบมาให้ทำให้ใครต่อใครหลงเชื่อในคำว่าความรักสินะ น้ำเสียงในหัวของคีอาร์เย็นชาและแน่วแน่ ความเชื่อที่เธอยึดถือมาตลอดไม่มีแม้แต่รอยร้าว ความรักสำหรับเธอคือความไม่มั่นคง มันทำให้สมการที่เคยคำนวณได้แน่นอนกลายเป็นตัวแปรที่ไม่อาจควบคุมได้ และการสูญเสียการควบคุมคือสิ่งที่เธอหวาดกลัวที่สุด
เอมีเลียหันมามองแล้วส่งยิ้มให้ คีอาร์จึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพแบบที่เธอใช้มาตลอด มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและดูใสซื่อ แต่ข้างในกลับนิ่งสนิทราวกับผืนน้ำแข็ง เธอรู้จักวิธีใช้รอยยิ้มให้ดูจริงพอที่จะหลอกใครก็ได้… รวมถึงตัวเอง “หนาวเหรอ?” เสียงของเอมีเลียถามคีอาร์เล็กน้อยยิ้ม ๆ
“ไม่ค่ะ หนูชอบอากาศแบบนี้อยู่แล้ว” คีอาร์ตอบเรียบราบ เธอไม่ได้โกหก เพราะความหนาวคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย มันคือสิ่งที่ซื่อสัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือหลอกลวง ในใจลึก ๆ เธอรู้ดีว่าความอบอุ่นที่มากเกินไปนั้นอันตราย มันทำให้ผืนน้ำแข็งเริ่มละลาย และเมื่อใดที่มันละลาย เธอจะมองไม่เห็นขอบเขตระหว่างเหตุผลกับอารมณ์อีกต่อไป
ลมเหนือพัดผ่าน ผมสีทองแดงสตรอว์เบอร์รีของเธอสะบัดเล็กน้อย คีอาร์สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ กลิ่นอากาศเย็นผสมกลิ่นหอมอ่อนของเพลย์มอร์ลูกอมแตงโมกับเมนทอลยังติดอยู่ในอากาศ กลิ่นที่ทำให้เธอนิ่งพอจะจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ความรู้สึกไม่จำเป็นต่อการอยู่รอด และความรัก…คือสิ่งฟุ่มเฟือยที่สุดของมนุษย์ แต่ขณะเดียวกัน ลมหายใจของเธอกลับสั่นแผ่วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเอมีเลียเดินเข้าใกล้ ในใจกลับมีเสียงบางอย่างที่เธอไม่อยากได้ยิน เสียงแตกเบาของผืนน้ำแข็งภายในใจ ที่ไม่แน่ใจว่าจะยับยั้งไว้ได้นานแค่ไหน
[NPC-06] เอมีเลีย (แมรี่) แอร์ฮาร์ต
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5
(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)