แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-19 04:29
004  ไม่น่าเชื่อได้เจอมนุษย์น้องม้า
[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Daryna]
ยิ่งใกล้ถึงใจกลางของลัทธิมากเท่าไรก็เริ่มมีสิ่งปลูกสร้างรูปทรงประหลาดคล้ายภาพวาดในนิทานปรัมปราปรากฏให้เห็น คบเพลิงทั้งหลายถูกจุดสว่างไสวนำทางแม้ยามกลางวัน ยอมรับเลยจริง ๆ ว่าที่ค่ายแห่งนี้ถูกตกแต่งขึ้นอย่างสวยงามเหมาะกับการพักผ่อนหลีกลี้ชีวิตในเมืองใหญ่หวนคืนสู่ป่าเขาแบบไม่แอดเวนเจอร์จนเกินไป
‘อยากรู้จริง ๆ ว่าหลอกต้มคนไปเท่าไรถึงสร้างค่ายนี้ขึ้นมาได้ขนาดนี้’
จุดสังเกตหนึ่งระหว่างทาง ในค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้มีแต่ประชากรเด็กอยู่เต็มไปหมดจนนึกสงสัย ดาริน่าเคยเล่าให้ฟังว่าค่ายนี้เป็นค่ายลักเด็กอายุสิบสองขวบ แต่เท่าที่ดูเด็ก ๆ ต่างมีความสุขกันดี เพียงแค่อาจจะมีความคิดพิลึกกึกกือนิดหน่อยว่าตัวเองเป็นลูกของเทพพระเจ้า ซึ่งมุกแบบนี้ดีนฟังมาเยอะแล้วประเภทที่ว่า ‘ท่านคือพระผู้ไถ่มาเกิด’ ใครจะเชื่อก็เชื่อไป แต่เขาไม่ขอเอาด้วยคน
จนสุดท้ายก็มาถึงสถานที่ที่ถูกเรียกว่าบ้านใหญ่จนได้ และสิ่งแรกที่ทำให้ดีนต้องตะลึงจนลืมเพื่อนก็คือบุคคลตรงหน้า ชายผิวดำวัยกลางคนที่ท่อนล่างเป็นม้า
“หือ?”
ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมา ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะมีร่างกายเช่นนี้ หรือว่าคน ๆ นี้จะเป็นอสุรกาย! เจ้าเด็กนั่นพาพวกเขามาเจอกับอะไรเนี่ย!!
หรือว่าจริง ๆ แล้วสมองเขาถูกสารบางอย่างมอมเมา บางทีอาจจะเป็นสปอร์ของเห็ดพิษที่ทำให้เห็นภาพหลอน เห็นความสยองเป็นสิ่งสวยงามแล้วถูกจับบูชายัญแบบในหนังลัทธิ
ดีนเข้าไปกระซิบถามหญิงสาวที่ยืนเคียง
“ดารี่เธอเห็นเหมือนกันใช่ไหม? ผู้ชายคนนั้นมีขาเป็นม้าใช่หรือเปล่า?”
หรือบางทีนี่อาจจะเป็นความฝัน ตอนวิ่งหนีเขาอาจจะล้มหัวฟาดพื้นแล้วสลบอยู่ ขอสันนิษฐานนี้ดูจะเป็นไปได้มากกว่าเรื่องเห็ดพิษเสียอีก “ดารี่เธอตบฉันหน่อย เอาให้แรง ๆ แบบตื่นขึ้นจากฝันในทีเดียวเลย”
[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Daryna]
“โธ่เอ๊ย..”
กะอยู่แล้วว่าดาริน่าไม่กล้าทำแม้จะเป็นความฝันแต่นิสัยก็เหมือนตัวจริง ช่วยไม่ได้เช่นนั้นคงต้องลงไม้ลงมือกับตัวเอง มื้อข้างที่ดียกหยิกแก้มตนจนยืดย้วย
เจ็บอ่า…
มนุษย์ครึ่งม้าเปิดบทสนทนากับพวกเขาอีกครั้งแถมคราวนี้ยังพุ่งประเด็นมาที่ดีนอีกจนชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว ราวกับอีกฝ่ายรู้เรื่องราวชีวิตก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขา
‘เจ้าตัวนี้คงไม่ใช่ลาสบอสหรอกนะ? แต่ว่าบุตรของโพไซดอนคืออะไร?’
ความรู้เรื่องเทพเจ้าของชายหนุ่มช่างน้อยนิด เผลอ ๆ แล้วจะน้อยกว่าเด็กประถมบางคนอีกเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยชื่อเสียงของมหาเทพโพไซดอนเป็นที่โด่งดังและสื่อหลายแขนงเช่นภาพยนตร์ที่เขาชอบดูก็มีอ้างอิงถึงชื่อนี้มาบ้าง จึงทำให้พอจะทราบว่าเป็นเทพน้ำ แต่ครั้นถามต่อถึงชีวประวัติและวีรกรรมต่าง ๆ นั้นเขาไม่ทราบเลย
นั่นเพราะเป็นไม่กี่เรื่องที่คุณแม่จะหน้าตึงทันทีที่พูดถึง ดีนไม่ทราบสาเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ถ้าแม่ไม่ชอบเขาก็ไม่ยุ่ง ไม่สนใจ ไม่เซ้าซี้ขอซื้อของเล่นเกี่ยวกับเทพกรีกตอนเป็นเด็ก
กระนั้นตรีศูลที่ลอยเท้งเต้งอยู่บนหัวอย่างน่าหวาดเสียวคือสัญลักษณ์ของเทพแห่งมหาสมุทร แม้จะช่วยกันปัดออกกับดาริน่าแต่ดูเหมือนว่าภาพหลอนนั้นจะเป็นอากาศทะลุมือเขาไป
“ดารี่ ของเธอก็…”
ไม่เพียงแต่ตนที่มีของประหลาดอยู่บนหัว แม้แต่ดาริน่ายังมีสายรุ้งฟรุ้งฟริ้งเหมือนฟิลเตอร์ในแอปพลิเคชั่นถ่ายรูปขึ้นบนหัวอีก เรื่องเหลือเชื่อประดังประเดเข้ามาทำเอาเขารู้สึกคล้ายจะมึนยาทั้งที่ไม่ได้ทานยาแก้ปวด จนเผลอคิดไปว่า ‘หรือทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง?’
“โพไซดอน.. เทพน้ำอ่ะนะ?”
“ท่านมีหลายสมญานาม เทพแห่งท้องทะเล เทพแห่งพายุ เทพแห่งแผ่นดินไหว เทพแห่งความแห้งแล้ง เทพแห่งน้ำท่วม และเทพแห่งม้า”
คนครึ่งม้ากล่าวเสริม นั่นทำให้ดีนตามไม่ทันยิ่งกว่าเก่า
“เทพแห่งท้องทะเลกับน้ำท่วมเข้าใจได้ แต่พายุ แผ่นดินไหว ความแห้งแล้ง แล้วยังม้าอีก ไม่เห็นไปในทางเดียวกัน”
“พิจารณาดี ๆ ก่อนคุณเอลวิน ทั้งพายุและแผ่นดินไหวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในมหาสมุทร หากเทพแห่งมหาสมุทรไม่ประทานพรดินแดนนั้นจะเกิดความแห้งแล้ง ส่วนม้า.. ฮิปโปแคมปัสคือสัตว์พาหนะของเจ้าสมุทร”
“ฮิปโปโปเตมัส? เฮ้! เดี๋ยวนะ นายรู้ชื่อฉัน? แถมยังเป็นชื่อกลางอีก นาย นาย นายรู้ได้ยังไง คงไม่ใช่ว่าแอบสตอล์กเกอร์ฉันอยู่ใช่ไหม!”
ดีนหน้าตาตื่น เขารัวคำออกมาอย่างติดขัด รู้ว่าชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัย รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดคอยรังควาน แต่ไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะตามสืบถึงขนาดรู้ว่าเขาชื่อแซ่อะไร จะรู้ไปถึงไอดีเพย์พาลเลยไหม ถ้าเป็นอย่างที่คิดชีวิตส่วนตัวคงสูญเสียความปลอดภัยไปอีกหลายระดับ
มนุษย์น้องม้าก็เพียงแค่ยิ้มที่มุมปาก
“ขออภัยที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อน กระผม ไครอน เป็นผู้อำนวยการค่ายแห่งนี้ และเป็นหัวหน้าครูฝึกประจำค่ายฮาล์ฟบลัด หากพวกคุณมีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษาก็มาปรึกษาผมได้ทุกเมื่อ”
“ผมรู้ว่าพวกคุณยังมีเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวเอง เช่น โรคประหลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเด็กอย่างดิสเล็กเซียและโรคสมาธิสั้น นั่นเป็นเรื่องปกติที่เหล่าเดมิก็อดเป็นกันมาตั้งแต่เกิด อยากให้พวกคุณค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ปรับตัวและเรียนรู้มันไปด้วยกัน”
“เอาล่ะทีนี้…”
ไครอนขยับยิ้มเหมือนคุณครูใจดีพร้อมกับผายมือมาทางทั้งสอง
[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Daryna]
สำหรับโพไซดอนนั้นดีนพอรู้จักอยู่บ้าง แต่เทพีไอริสที่บุรุษครึ่งม้ากล่าวถึงว่าเป็นเทพีผู้ส่งสารนั้นเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
คิดดูแล้วเป็นกลยุทธ์การหลอกลวงหรือเปล่านะ องค์ประกอบที่ลัทธิต้มตุ๋นลักเด็กมีอยู่ครบ อย่างอ้างอีกคนว่าเป็นเทพผู้โด่งดัง ส่วนอีกคนเป็นเทพที่ไม่ค่อยป๊อบเพื่อความแนบเนียน สถานที่ตั้งอยู่กลางป่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง เปรียบเสมือนโลกปิดตายที่ตัดขาดจากดินแดนภายนอก จับคนที่มาด้วยกันแยกออกจากกัน ส่วนสัญลักษณ์บนศีรษะที่บัดนี้หายไปแล้วคงเป็นภาพฉายโฮโลแกรม ซึ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ทำได้ถ้าเงินมากพอ เหลือแต่แค่จุดกำยานประหลาดให้สูดดมเพื่อหลอนจิต
โชคดีที่เขาฟังพอดแคสต์เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมมาเยอะ เรื่องแค่นี้ไม่หลงกลง่าย ๆ หรอก! แถมยังมีหลักฐานชั้นดีเอาไว้เปิดโปงลัทธิลักเด็กอีกด้วย!
แต่พอมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก็ต้องเหงื่อตก เพราะมัวแต่อึ้งก็เลยลืมกดอัดวีดีโอ..
หันไปมองรุ่นน้องที่ท่าทางเธอดูสับสนอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็ไม่ผิด พวกเขาทั้งสองไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการมาพักค้างแรมที่นี่ และอีกอย่างที่มนุษย์ม้าพูดว่า ‘ขอเตือนว่าอย่าออกจากค่ายตอนนี้จะดีที่สุดถ้ายังอยากกลับไปหาพ่อหรือแม่ได้’ คงทำให้รู้สึกขวัญเสียได้ในเมื่อสถานที่ด้านนอกเต็มไปด้วยอันตราย เหมือนพวกเขาถูกบังคับตีหัวเข้าบ้าน
“ฉันจะกลับ!” เขาหวังว่าดาริน่าจะเห็นด้วย
ส่วนไครอนส่ายหัวพลางพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน การรับมือกับบุตรแห่งเทพที่โตเกินไปยากเสียกว่าดูแลเด็ก ๆ ลิงทโมน แต่ด้วยความเป็นปรมาจารย์มือหนึ่งเขายังทำใจเย็นได้อยู่แม้เด็กคนนั้นจะดื้อเพียงใด
“คิดดี ๆ ก่อนคุณเอลวิน ทางเราไม่บังคับ แต่หากคุณอยากออกไปเราก็ไม่ว่า คุณสามารถออกไปข้างนอกได้ทุกเมื่อ แต่การที่พวกคุณอายุมากขึ้นเรื่องร้าย ๆ จะยิ่งรุมเร้าตัวคุณมากขึ้นเท่านั้น บุตรและธิดาเทพที่ยังไม่ผ่านการปลุกพลังเอาตัวรอดได้ยากในโลกที่เต็มไปด้วยฟิวรี่ส์”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณลองอยู่ที่นี่สักคืนก่อนก็ได้ถือว่าเป็นการพักผ่อนแล้วค่อยคิดดูอีกที ค่ายจะไม่บังคับให้คุณทำอะไรทั้งนั้นถ้าคุณไม่สบายใจ พวกคุณจะพบกันเมื่อไรก็ได้ตามสะดวก แต่เพียงแค่จะเข้าไปบ้านอื่นนอกจากบ้านตัวเองตามอำเภอใจไม่ได้.. ที่หมายความว่าไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัยอนุญาตแต่หมายถึงเทพเจ้า”
“เอาล่ะหากพร้อมจะเชื่อเมื่อไรเรากลับมาคุยกันอีกครั้งแล้วเริ่มเรียนรู้กันใหม่ แบบนี้ดีไหม?”
ดีนเม้มปากพลางครุ่นคิด เรื่องที่ถูกสัตว์ประหลาดรังควานตรงเผ็งไปหมดทุกอย่าง ยิ่งเข็มนาฬิกาเดินไปมากเท่าไรการไล่ล่ายิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที ครั้งสุดท้ายถูกรถบรรทุกไล่ชนแต่ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะโดนอะไรอีก คิดมากก็ปวดหัวจนอยากจะนอนพัก
“พวกเราไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับค้างคืน”
ไครอนยกนิ้วขึ้นปรามอย่างรู้ทัน
“ที่นี่เรามีอุปกรณ์อำนวยสะดวกให้คุณพร้อม ชุดที่จะเอาไว้ใส่.. เอ้อ อาจจะต้องหาเสื้อไซส์ใหญ่พิเศษสำหรับคุณเอลวินสักหน่อย.. นาธาน”
เพียงจบเสียงเรียกใครบางคนเด็กหนุ่มที่นำทางพวกเขามาที่นี่ก็เปิดประตูผางแล้ววิ่งปร๋อเข้ามารับคำสั่งจากปรมาจารย์
“ช่วยเตรียมของให้หน่อย..” ไครอนกล่าวกับเด็กคนนั้น ซึ่งนาธานก็เตรียมรับคำสั่งอย่างดี
“เอาล่ะมาว่ากันต่อ นอกจากชุดแล้วยังมีเครื่องใช้ในห้องน้ำส่วนตัว โรงอาหารทานได้ที่ส่วนกลาง ถ้าหากอยากติดต่อออกไปด้านนอกให้ไปที่บ้านหมายเลข 11 ของเทพเจ้าเฮอร์มีส ที่นั่นเพียงแห่งเดียวในค่ายที่สามารถใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ได้ แต่ให้ระวังของมีค่าเอาไว้ให้ดี” มนุษย์ม้าเอ่ยย้ำเป็นครั้งที่สอง
“ติดต่อไปข้างนอกได้ด้วยเหรอ?”
ดีนเลิกคิ้ว ในส่วนนี้ค่อนข้างจะต่างจากสูตรสำเร็จของลัทธิต้มตุ๋นไปเล็กน้อย เขามองออกไปนอกหน้าต่างสเตนกลาสเห็นพวกเด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข หากพวกเขาถูกหลอกมาทำเรื่องเลวร้ายจริงคงหนีออกไปข้างนอกไม่ยาก ตอนนี้ในหัวจึงรู้สึกสับสนไปหมดแต่ส่วนหนึ่งเริ่มคล้อยตาม เขาจึงเอี้ยวหน้าเข้าไปกระซิบกับคุยกับดาริน่า
“จะลองไหม? ในไลฟ์น่าจะบอกพิกัดของค่ายนี้มากพอแล้ว และอีกอย่างเราก็โทรออกไปข้างนอกได้ด้วย.. แค่อย่ากินหรือสูดควันอะไรแปลก ๆ เข้าไป”
ถ้าอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรงั้นลองดูหน่อยก็ได้
“โอเค งั้นพวกผมจะลองอยู่ที่นี่สักคืน แต่ถ้าไม่โอเคเมื่อไรก็กลับเมื่อนั้น”
“ได้เสมอ” ไครอนเผล่ยิ้ม หากอีกฝ่ายพอจะเปลี่ยนสรรพยามแทนตนแบบนี้ได้ก็แปลว่าเขาเกลี้ยกล่อมสำเร็จในระดับหนึ่ง “นาธาน ช่วยนำทางธิดาไอริสไปบ้านหมายเลข 14 ที ส่วนคุณเอลวินผมจะนำทางเขาไปเอง”
“ครับท่านอาจารย์!”
เด็กหนุ่มโผงผางแข็งขันขึ้นมาทันใด เขายัดเสื้อผ้าพร้อมเครื่องใช้ที่เตรียมไว้ใส่มือดีนและดาริน่าแล้วเดินนำหญิงสาวไปลิ่ว ๆ จนตอนนี้เหลือเพียงดีนและไครอนอยู่ในห้องสองกันต่อสอง
|