Dean โพสต์ 2024-7-1 23:05:52

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-10-27 11:04

Bright ตอบกลับเมื่อ 2024-6-30 18:05
#system01 {
    border: 2px solid #8BD2EC;
    border-radius: 30px;

https://lh7-us.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXeRoz8VFAoJ4TruvdZF2YymrIqfS5NZ3FawLdf9a6n1wwN8t5vNLcdR0NHe698P_0JKdzKRmhkZjKwb7Zbd85IAflrUKymbIQqkUMECLEZ6YC7OfHOKVL1fX0sTREM_08RXnBMzLOfRvcUk7bae3AZ4Icg2?key=MerHqszPstw9C-ig9bUQ8Q187https://lh7-us.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXeysnp9IN5c7kWVRAGbDB9274Ha_AUWQJPkkNkw_uU9jKbiQ5VYB7WCdNreOKvhNlhOYFe0r1oeBsWyAU61aUzUpLwnAm9GvlBdU3P5V-Vb7tsQoIt6X3fNCUdWX9X4YLrLxSXHAFRkXOPkAbFmF9GJl8H-?key=MerHqszPstw9C-ig9bUQ8Qหน่วยพยาบาลมาแล้ว!
               ขณะเดียวกัน…

               วันและเวลาที่การช่วยเหลือจากภายนอกมาถึง เสียงแตรเป่ารวมพลดังขึ้นในขณะที่ดีนและแมคเคนซีนกำลังเปื่อย ๆ กันอยู่ที่บ้านพัก จากนั้นก็มีเด็กจากบ้านเฮอร์มีสคนหนึ่งทำหน้าที่ม้าเร็วจากหน้าประตูค่ายคอยประกาศข่าวแก่ทุกคน
               “ขอกำลังเสริมที่หน้าประตูค่าย! เพอร์ซีย์และเทพโดลอสมาช่วยพวกเราแล้ว!”
               เด็กเฮอร์มีสคนนั้นวิ่งแจ้งข่าวด้วยการตะโกน เห็นแล้วเหนื่อยแทนจนคิดถึงอุปกรณ์ขยายเสียง แต่ดูเหมือนไมโครโฟนและลำโพงจะถูกเก็บอยู่ในห้องของคุณดีเสียหมดกระมัง
               “เทพโดลอสมาไงเนี่ย?”
               ดีนเลิกคิ้วฉงน เสียงแจ้งเตือนนั้นดึงดูดความสนใจจากเขาได้ดี ถ้าประกาศแบบนี้แปลว่าการต่อสู้ที่ด้านนอกต้องเป็นไปอย่างดุเดือดจนยากจะฝ่าเข้ามาช่วยเหลือแน่ ๆ
               “แมคซี่เราไปช่วยพวกที่หน้าประตูค่ายกันเถอะ ไปถล่มไอ้พวกยักษ์น้ำแข็งกัน”
               กล่าวจบดีนก็สวมชุดเกราะและอุปกรณ์กันหนาว หยิบหอกสัมฤทธิ์และโล่เตรียมพร้อมประจัญบาน
               @Mackenzie
               “ฉันว่าใช่ ศึกนี้น่าจะสุดท้ายแล้ว ถ้าจัดการยักษ์น้ำแข็งไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง”
               หากค่ายฮาล์ฟบลัดแตกคงไม่พ้นต้องไปผจญโชคหนีอสุรกายดุร้ายได้ที่ไหน หากไปขอลี้ภัยที่ค่ายจูปิเตอร์ทางฝั่งโรมันจะยินดีต้อนรับหรือเปล่า ไหน ๆ ก็เหมือนเป็นญาติพี่น้องแต่แค่เทพผู้ปกครองเป็นคนละองค์กันเหมือนกับอีกหน้าของเหรียญ
               กำลังจะเปิดประตูบ้านออกไปช่วยสู้จูลี่ก็ออกมาถามไถ่เรื่องและร้องขอเป็นผู้ติดตามในสงคราม ท่าทางเด็กคนนี้จะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แต่สถานการณ์หลาย ๆ อย่างไม่ค่อยสู้ดี ทั้งอันตรายจากศัตรูรวมถึงภัยอากาศหนาว
               “ข้างนอกมันหนาวมากนะหิมะยังตกอยู่เลย”
               แต่พูดก็พูดเถอะพลังของสายเลือดเฮคาทีที่เรียนเวทมนตร์มาแล้วโคตรจะเป็นประโยชน์ อย่างเวทไฟที่ไม่มีใครในค่ายนี้ใช้ได้ กระนั้นก็เป็นภาระร่างกายของเด็กตัวเล็ก ๆ มากเกินไป ดีนหันไปทางแมคเคนซีให้เขาตัดสินใจเอาเอง ยังไงจูลี่ก็เป็นน้องชายอีกฝ่าย ส่วนเขาเป็นเพียงพี่เข–.. หมายถึงเพื่อนของพี่ชาย ไม่ใช่ผู้ปกครองโดยตรง
               @Mackenzie
               “ไม่ต้องห่วงจูลี่ พี่ชายนายฉันดูแลดีแน่นอน เนอะ”
               เขาหันไปยิ้มกับแมคเคนซี่ก่อนจะผลักบานประตูออกไปรับกับลมหนาวที่ตีเข้าหน้า ดูเหมือนว่ายิ่งการศึกจะรุนแรงมากเท่าไรความหนาวจะยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้นเท่านั้น
               “โอ๊ย หนาวเป็นบ้า!” อยากจะปิดประตูแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มนุ่ม ๆ หน้าเตาผิง ทว่าหากว่าเขาไม่ช่วยสู้อาจจะไม่มีเตาให้ผิงไฟอีกตลอดกาล “ปะ แมคซี่”
               ดีนเดินนำหน้าไปยังหน้าประตูค่าย ตอนนี้สถานการณ์เรียกว่าโกลาหลก็ว่าได้ เด็ก ๆ ในค่ายฮาล์ฟบลัดต่างทิ้งภาระหน้าที่ของตัวเอง หยิบอาวุธและสวมเกราะเดินมุ่งหน้าไปยังที่แห่งเดียวเพื่อต้อนรับวีรบุรุษและเทพจอมหลอกลวงให้เข้ามาถึงค่ายโดยปลอดภัยไม่เว้นแม้แต่รีชา น้องสาวตัวเล็กที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้พบเธอ เกราะสัมฤทธิ์ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับเด็กหญิงวัยสิบสองขวบที่ตัวเล็กกว่าเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน
               “รีช เธอก็มาด้วยเหรอ?”
               ดีนเบิกตาโตเมื่อเห็นน้องสาวเตรียมไปสู้ คงคล้ายกับความรู้สึกของแมคเคนซีเมื่อครู่นี้ รีชาเธอเด็กเกินไปสำหรับสงคราม แม้ว่าเธอจะสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าจูลี่ก็ตามที
               “ค่ะ หนูพร้อม!” เด็กหญิงกล่าวอย่างฮึกเหิมไปพร้อมกับที่ดันหมวกเกราะไซส์ใหญ่ไม่ให้บังดวงตาจนเขาต้องเข้าไปจัดระเบียบให้
               “จะบ้าเหรอ เธอเด็กเกินไปที่จะต่อสู้นะ” เขาตำหนิ
               “แต่ว่าเลย์ลิน กับเลย์ลายังสู้ได้เลย”
               รีชาเถียงด้วยสีหน้าจริงจัง มันก็ถูกอย่างที่น้องสาวพูด เด็กแฝดบ้านเฮอร์มีสเป็นอีกคู่ที่มาช่วยพวกเขาสู้ที่ชายหาด พวกเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุสิบสองเหมือนกันกับรีชาแต่ก็ต่อสู้เข้าขากันได้ดี
               “แต่นั่น” ดีนกำลังจะอ้าปากแต่ก็ถูกน้องสาวเอาเหตุผลมาแย้งอีกรอบ
               “พี่ไพเพอร์บอกว่าหนูสู้ได้แล้ว”
               แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับไพเพอร์ แม็กลีน? แน่นอนว่าเกี่ยวนิดหน่อย รีชาเคยเรียนคลาสมีดสั้นกับรุ่นพี่สายเลือดอะโฟร์ไดท์มาคลาสหรือสองคลาสก่อนหน้าที่ดีนจะไปทำภารกิจทวงคืนตรีศูลและคงเรียนจนจบแล้วในช่วงที่เขาไม่อยู่ค่าย ขนาดตอนที่ดีนกลับมายังประหลาดใจที่น้องสาวจู่ ๆ ก็มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด
               “แต่ว่าฉันต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอนะ”
             “หนูอยู่แนวหลังได้ค่ะ หนูปามีดแม่นมากนะคะบอกเลย” ทว่ารีชายังยืนกรานจะไปสู้ให้ได้แถมยังยืดอกภูมิใจหนักหนาอย่างดื้อดึง
               นี่ล่ะนะสายเลือดโพไซดอน ยามปกติคล้อยตามดุจสายน้ำแต่บทจะดื้อก็พร้อมเป็นทะเลเชี่ยวกราดไม่ฟังใคร โอ๊ยยย หัวจะปวด!
               @Mackenzie
               “ฉันก็ไม่อยาก”
               เขาหันไปตอบแมคเคนซีแล้วกลับมาเผชิญหน้ากับน้องสาวตัวน้อยที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนลูกหมาค็อกเกอร์ สแปเนียลหงุง ๆ เพราะเพื่อนพี่ชายก็ไม่สนับสนุนเธอ สีหน้านั้นทำเอาคนที่ไม่เด็ดขาดแบบดีนใจอ่อนขึ้นมานิดนึง
               “โธ่เอ๊ย ยังไงก็จะไปสู้ให้ได้ใช่ไหม ถ้าจะไปต้องหลบอยู่หลังพี่ตลอดนะ ห้ามออกไปซ่าเองล่ะรู้ไหม”
             “เย้! ขอบคุณนะคะพี่ดีน” รีชากระโดดหยอง ๆ เมื่อได้รับอนุญาต ราวกับว่าเด็กคนนี้ไม่รู้ว่าความอันตรายคืออะไรและเรื่องที่กำลังจะเผชิญเป็นเรื่องน่าสนุก                              “คิดดีแล้วรึเปล่าฟะ..” เขาพึมพำพลางกุมขมับ ถ้าหากระวังตัวดี ๆ คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง ยังพยายามมองโลกในแง่ดีได้นิดนึง “ถ้าออกไปจากเขตข้างหน้านี้จะอันตรายแล้วนะ ระวังตัวกันให้ดี ๆ ล่ะ”
               ชายหนุ่มสายเลือดโพไซดอนกล่าวกับทั้งสองคนจากนั้นเขาก็เดินนำออกไปที่หน้าค่ายด้วยความระมัดระวัง เขาเห็นร่องรอยการต่อสู้ เด็กบางคนบาดเจ็บหนักจากการถูกน้ำแข็งกัดไปทั้งตัว
             “อ๊ะ หนูมีอาหารเทพมาด้วย”
               รีชารีบวิ่งไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ถูกรับรองแต่ใจกล้าออกมาสู้กับยักษ์น้ำแข็ง เธอได้มอบอาหารเทพให้แก่เขา ดีนจึงได้โอกาสนี้ที่จะให้น้องสาวไม่ออกไปสู้สนามรบ
               “รีช แถวนี้มีคนเจ็บเยอะ เธอช่วยปฐมพยาบาลพวกเขาทีนะ”
             “เอ๋!?” เด็กหญิงอุทานร้องออกมา แต่พอเธอเห็นว่าคนเจ็บตรงหน้าร้องโอดโอยก็เกิดอาการล่ก “กะ.. ก็ได้ หนูช่วยดูแลเขาก่อนก็ได้”
               เป็นไปตามแผน แม้จุดนี้จะยังไม่ถือว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นแต่ที่แน่ ๆ คือปลอดภัยกว่าจุดรบอย่างแน่นอน
               “ฝากด้วยนะรีช ชีวิตของเพื่อนที่เจ็บทุกคนอยู่ในมือเธอ!” ดีนพูดปลุกใจให้น้องสาวฮึกเหิม ก่อนจะหันไปหาแมคเคนซีที่ฝีมือการต่อสู้อาจพอ ๆ กับรีชา ซึ่งเขาค่อนข้างเป็นห่วงนิดหน่อยแม้ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บก็ตาม “แล้วนายว่าไงดีแมคซี่ นายจะไปกับฉันไหม หรือว่าจะอยู่กับรีชที่นี่”
               @Mackenzie
               ดีนหันไปมองเหล่าสต๊าฟจากสถานพยาบาลที่รั้งเรียกพวกเขาไว้
               “สถานการณ์คลี่คลายแล้วเหรอ งี้ก็ไม่ต้องสู้แล้วสิ?”
               ดีนไหวไหล่ บอกเลยว่าเข้าทาง เขาไม่ได้อยากต่อสู้อยู่แล้ว ให้ช่วยงานอย่างการปฐมพยาบาลคนเจ็บบริเวณนี้ดีกว่าเยอะ ขอแค่อย่ามีใครบาดเจ็บระดับเลือดท่วมก็พอ เดี๋ยวเป็นลม…

               “ได้สิ เราช่วยคนเจ็บกันแทนไหมแมคซี่”
               ยิ่งถ้าสต๊าฟเห็นว่าสายเลือดโพไซดอนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องสู้แล้วแปลว่าไม่จำเป็นจริง ๆ
               @Mackenzie
             “เชื่อมือฉันได้เลย!”
               ดีนยกนิ้วโป้งให้กับแมคเคนซีพร้อมกับรอยยิ้มแฉ่ง เมื่อก่อนเขาเจ็บตัวบ่อยจนเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำแผลได้เลย แม้ตอนนี้เวลาเจ็บตัวจะใช้การกระโดดบ่อน้ำธรรมชาติแทนก็เถอะ
               “เฮ้! แถวนี้มีใครต้องการความช่วยเหลือบ้างไหม!”
               เขาป้องปากตะโกนถามก่อนจะได้ยินเสียงขานตอบมาจากทิศทางสิบนาฬิกาที่อยู่ห่างไปไกลไม่กี่สิบฟุต เขาจึงสะกิดสหายหน่วยพยาบาลจำเป็นไปที่คนเจ็บคือสาวน้อย (?) ผมชมพูจากบ้านเฮอร์มาโฟรไดตัส
               “บาดเจ็บตรงไหนบ้าง?” เขาถามขณะมองสำรวจบาดแผลของอีกฝ่าย เท่าที่ดูเธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง มีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยกับข้อเท้าบวมเป่ง รอดไปไม่มีเลือด…
               “ที่ขาค่ะ เหมือนว่าข้อเท้าจะพลิก” การ์เซียตอบ
             @Mackenzie
               “ขอดูก่อนนะ” เขาบอกทั้งแมคเคนซีและการ์เซียในคราวเดียวกัน “อาจจะเจ็บนิดนึง”
               ดีนถอดรองเท้าบูทของเด็กสาวคนนี้ออก ใส่ส้นสูงออกมาสู้จะไม่ให้เท้าพลิกคงมีแต่ตัวละครในเกมหรือไม่ก็สาว ๆ จากหนังจูราสิกเวิร์ล– เขาค่อย ๆ จับข้อเท้าของเธอขึ้นมาดูจากอาการบวมในระดับนี้น่าจะแค่ข้อเท้าพลิกธรรมดาไม่ถึงขั้นเส้นเอ็นฉีกขาดหรือกระดูกแตกร้าว
               “อูย.. ไม่น่าออกมาถ่ายรูปใกล้ไปเลย”
               การ์เซียนิ่วหน้าพึมพำ เธอไม่ได้ออกมาสู้รบเหมือนคนอื่นแต่ออกมาถ่ายรูปทำหน้าที่เหมือนนักข่าวสงครามต่างหาก ซึ่งคำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วพร้อมกับส่งเสียง “หืม” ออกมา จะว่าไปรอบตัวเธอไม่มีอาวุธและชุดเกราะ จะมีก็เพียงแต่กล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่
               “น่าจะไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ต้องประคบเย็นก่อน” โชคดีที่แถวนี้เต็มไปด้วยหิมะ เขาเลยโกยหิมะใส่ฝ่ามือแล้วนำมาโปะที่ข้อเท้าของหญิงสาว “ประคบเย็นไปก่อนสักสิบนาทีแล้วจากนั้นก็พันผ้าก็อซประคองที่ปวดเอาไว้ ถ้าไม่แน่ใจอยากเช็คอาการเดี๋ยวไปเอ็กซเรย์ที่สถานพยาบาลก็ได้ ตอนนี้ให้ประคบเย็นไปก่อน”
               “โอเคค่ะ”

               “งั้นเธอรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพวกฉันขอไปดูคนเจ็บคนอื่นต่อ” เขาพูดกับการ์เซียก่อนจะหันไปทางแมคเคนซี “ตรงนี้น่าจะยังไม่ต้องทำแผล เราไปดูคนอื่นกันก่อนแมคซี”
               @Mackenzie
             “ถ้าไม่ถึงกับกระดูกหักก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนก็ได้” เขาบอกกับแมคเคนซีก่อนจะมาดูที่เหยื่อ–... หมายถึงผู้บาดเจ็บอย่างอเล็กเซย์ที่ถูกหมาป่าน้ำแข็งกัด “กระดูกน่าจะไม่หักแต่มีแผลน้ำแข็งกัดด้วย”
               ดีนกุมคางคิด เขาไม่เคยทำแผลถูกน้ำแข็งกัดเพราะงั้นต้องนึกหน่อยว่าควรทำยังไง อาการหิมะกัดคือการที่น้ำแข็งเข้าไปแทรกอยู่ในเซลล์จนทำลายเนื้อเยื่อบางส่วนไป ซึ่งจะต้องตัดเอาบาดแผลบางส่วนที่ถูกหิมะกัดออกเพื่อรักษาอวัยวะส่วนอื่นไม่ให้อาการลุกลามไม่งั้นคงต้องตัดแขนหรือขาแน่ ๆ
               เรียกว่าบาดแผลดูไม่ใหญ่แต่เป็นอันตรายมากกว่าที่คิดไว้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือห้ามเลือด พันแผล และพาอีกฝ่ายเข้าไปสู่ที่อบอุ่นโดยเร็วที่สุด
               จู่ ๆ ดีนก็ยิ้มให้หนุ่มบ้านซุสด้วยรอยยิ้มปลอบประโลมทั้งที่ก่อนหน้านี้เงียบมานานจนคนเห็นใจไม่ดี
               “ไหงจู่ ๆ นายยิ้มแบบนั้น ฉันจะไม่เป็นไรใช่ไหม” อเล็กเซย์ทำหน้าหวาด ๆ
               “โอ้ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่าพวกเราจะปฐมพยาบาลขั้นต้นให้ แต่ว่านายมีแผลน้ำแข็งกัดเลยต้องรีบพาไปส่งห้องพยาบาล..” ดีนกล่าวออกมาราวกับมีคำพูดจะเอ่ยต่อแต่เขาละประโยคว่า ‘ก่อนจะถูกตัดขา’ เอาไว้ “แมคซี่ เราต้องล้างแผลให้เขาก่อนแล้วใส่ยา เอาน้ำเกลือออกมาหน่อย เดี๋ยวฉันจะเตรียมยากับผ้าก็อซให้”
               @Mackenzie
               “น่าจะโคม่าไม่พอ ถ้าอยากใช้น้ำทิพย์คงต้องเอาดาบจิ้มสักทีนึง”
             “พวกนายอย่าทำแบบนั้นนะเว้ย!” อเล็กเซย์โวยวาย การใช้น้ำทิพย์รักษาบาดแผลได้ง่ายกว่าจริง ๆ แต่ถ้าต้องแลกมากับการเอามีดเสียบท้องจนอยู่ในอาการโคม่าล่ะก็ขอผ่านดีกว่า ดีไม่ได้สายฟ้าจะฟาดตู้มลงหัวทั้งสองเอาจากพลังติดตัวของสายเลือดของเทพแห่งท้องนภา
               “ล้อเล่นน่า ไม่เห็นต้องร้องเลย” ดีนหัวเราะปร๋อก่อนจะตอบแมคเคนซีเรื่องเรียกหน่วยพยาบาลมา “ก็ดีนะแมคซี่ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ยังไม่ได้พันข้อเท้าด้วย ถึงจะไม่ได้บาดเจ็บมากแต่คงเดินกลับไปเองไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาเลยสองเปล”
               กล่าวจบก็จัดการล้างแผลที่ถูกสุนัขน้ำแข็งกัดด้วยน้ำเกลือก่อนจะซับให้แห้ง ความแห้งและความร้อนคือสิ่งสำคัญของเคสนี้มากที่สุด จากนั้นจึงทายาฆ่าเชื้อแล้วพันแผลให้กับอีกฝ่ายอย่างมือโปร
               @Mackenzie
               “บ้าเหรอ ใครจะไปทำ ฉันไม่มีดาบสักหน่อย” เกือบดีแล้วแต่ก็ยังพูดเล่นไม่หยุด
               หลังทำแผลให้อเล็กเซย์เสร็จแล้วเขาก็ขอไปดูอาการของการ์เซียสักหน่อย ตอนนี้น่าจะเกือบ ๆ ครบสิบนาทีตามที่บอกไว้แล้วมั้ง จากนั้นก็พันข้อเท้าเพื่อค้ำประคองให้แก่เธอ และเมื่อแมคเคนซีกลับมาพร้อมกับหน่วยเปลพยาบาลดีนจึงพานำไปทางบุตรแห่งซุสต่อ
               “เนื้อน่าจะยังไม่ตายถ้าเฉือน– หมายถึง ถ้าที่ห้องพยาบาลรักษากันต่อได้ทันครับ”
               ดีนรายงานอาการเบื้องต้นให้หน่วยแพทย์ฟัง แต่เขาแอบเห็นคนเจ็บหน้าถอดสีเมื่อได้ยินว่าดีนหลุดคำว่า ‘เฉือน’ ออกมา แต่แค่เฉือนเนื้อส่วนนั้นทิ้งนิดหน่อยไม่ได้โคม่าจนต้องใช้น้ำทิพย์รักษาบาดแผลหรอก
               คนเจ็บในการดูแลถูกพาตัวเข้าไปในค่ายแล้วแต่ตรงนี้ก็ยังมีเด็กคนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บอยู่อีกแต่ไม่ได้เป็นบาดแผลที่หนักเกินเยียวยา
               ในระหว่างที่กำลังทำแผลถลอกที่เข่าของแซเธอร์คนหนึ่งดีนก็รู้สึกว่าอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมา คิดไปเองหรือเปล่านะ หรือเพราะว่าเขามัวแต่วิ่งวุ่นจนเกินไป แต่คงใช้คำว่าคิดไปเองไม่ได้เพราะหิมะบนพื้นค่อย ๆ ละลายทำเอาเฉอะแฉะไปหมด แล้วเขาก็ร้อนจนต้องรีบถอดโค้ทออก
               ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูร้อนที่แท้จริง
               “ยีเมียร์ถูกกำจัดไปแล้วสินะ โล่งอกไปที เฮ้อ”
               @Mackenzie
https://lh7-us.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXdFwOpTTPF5W0TA3YdQYi6X3hgzje4D36jpTyaBA0CwfEt07DBdAx1cQFFssRSOQtn58tOqA3DOcFDPXiu_XPrYlkK235msbxVA4Q33jjb19Fmk8icJSlFdBSual_RZMNz7Bqg3gevO8RKjx5Te33IqUhp4?key=MerHqszPstw9C-ig9bUQ8Q+1 ตื่นรู้ทุกคนที่กำจัดอสุรกายได้เป็นเคสพิเศษจากการต่อสู้กับกองทัพ
(ครั้งก่อนนับไหม?)--------------------------------- สรุป -ช่วยพยาบาลการ์เซียข้อเท้าพลิก และอเล็กเซย์สุนัขป่าน้ำแข็งกัด

Mackenzie โพสต์ 2024-7-1 23:35:09

Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-1 23:05
187หน่วยพยาบาลมาแล้ว!
               ขณะเดียวกัน…



21. First Aid TeamMhttps://i.imgur.com/ZP7G7iY.png

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
พอเห็นท่าทีกระตือรือร้นของดีน จะให้เขามัวแต่เอื่อยเฉื่อยก็คงไม่ได้ แมคเคนซีจึงไปสวมชุดเกราะพร้อมกับหยิบโล่กับดาบสัมฤทธิ์ประจำตัวมาเตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน
“แบบนี้แปลว่าสงครามใกล้จบแล้วหรือเปล่า”
ถึงจะมีเพอร์ซีย์และเทพโดลอสมาช่วยทำสงคราม แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังพลของทั้งสองฝ่ายใครเป็นรองกว่ากัน ไม่แน่ว่ามันอาจจะยืดเยื้อกว่าที่คิดก็ได้
เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นจูลี่ยืนอยู่ตรงหน้าโถงกว้าง พอเด็กชายเห็นพวกเขาในชุดพร้อมรบก็รีบวิ่งมาหา
“พวกพี่กำลังจะไปช่วยพวกเพอร์ซีย์กับเทพโดลอสที่หน้าประตูค่ายเหรอฮะ ผมไปช่วยด้วยได้ไหม”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีมองสบตาสีเปลือกไม้ของดีนตอบ เขารู้ว่าจูลี่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งที่สุดในบ้านเฮคาทีตอนนี้ แต่สภาพร่างกายของเด็กชายยังไม่แข็งแรงพอ ตั้งแต่ที่อากาศหนาวเพราะพวกอสุรกายสมุนยีเมียร์มาล้อมค่าย จูลี่ก็เริ่มเป็นหวัดและมีไข้มาตลอด ชาร์ล็อตเองก็ออกไปทำภารกิจก่อนหน้าที่อากาศหนาวจะมาเยือนได้ไม่นาน ที่ผ่านมาแมคเคนซีจึงต้องคอยดูแลจูลี่แทนไปก่อน ยังดีที่ช่วงนี้ดีนมาอยู่ด้วย เลยมีคนช่วยดูแลเด็กชาย ซึ่งตอนนี้จูลี่ก็อาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ถ้าหากออกไปสู้รบและเจอสภาพอากาศในตอนนี้เข้า เขาเกรงว่าเด็กชายจะกลับมาป่วยอีก
“อย่างที่ดีนบอก อย่าเพิ่งไปเลยดีกว่า ถ้านายเกิดอาการทรุดอีกจะแย่เอา”
แมคเคนซีวางมือลงบนเส้นมสีบรอนซ์ทองอ่อนนุ่มอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำนัก ถึงยังไงจูลี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของเขา หากเขาพาจูลี่ออกไปด้วยแล้วเกิดอันตรายกับอีกฝ่ายขึ้น เขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
“แต่ว่าผม…เข้าใจแล้วฮะ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากพวกพี่ ๆ นะ พี่ดีน ผมฝากดูแลพี่แมคด้วยนะฮะ”
ถึงจะมีสีหน้าผิดหวังในตอนแรก แต่จูลี่ก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดี และดูท่าคงจะเป็นห่วงพี่ชายที่ไม่เอาอ่าวใช้อาวุธก็ยังไม่คล่อง แถมยังใช้เวทมนตร์ไม่ได้อย่างแมคเคนซี ถึงได้ฝากฝังให้บุตรแห่งมหาเทพโพไซดอนอย่างดีนคอยช่วยดูแล
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซียิ้มตอบกลับดีนไปเล็กน้อย ใช่…เขาเชื่อใจดีนว่าจะดูแลเขาได้ จากการที่ไปทำภารกิจและร่วมต่อสู้ด้วยกันมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถจริง ๆ แต่ก็อย่างว่า หากถึงเวลาสู้ก็ต้อสู้ ทุกคนต้องรักษาชีวิตตนเองไว้ ดีนเองก็เช่นกัน เพราะอย่างนั้นเขาจะคอยมาเป็นภาระให้อีกฝ่ายไม่ได้
หลังจากรับปากกับจูลี่เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลตัวเองกันดี ๆ แล้ว แมคเคนซีก็ออกจากบ้านตามดีนไปอากาศภายนอกอย่างกับอยู่ในขั้วโลกเหนือ ขนาดเขาเองยังแทบทนไม่ไหว คิดถูกแล้วจริง ๆ ที่ไม่ให้จูลี่มาด้วยเมื่อเดินมาจนเกือบถึงประตูค่ายก็พบกับรีชา เด็กหญิงจากบ้านโพไซดอน หรือก็คือน้องสาวดีนที่ไม่ได้เจอกันนาน ขนาดตัวเล็กแค่นี้ก็ยังจะออกไปสู้รบอีก บอกตรง ๆ ว่าแมคเคนซีไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ดูจากที่พี่น้องเถียงกันแล้ว ยังไงรีชาก็คงจะไม่ยอมอยู่ในค่ายเฉย ๆ แน่ ๆ เขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมพอที่จะห้ามปรามได้ เลยไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
“นายจะปล่อยให้รีชออกไปสู้รบด้วยจริง ๆ น่ะเหรอ”
เขาหันมาถามดีนด้วยความเป็นห่วง
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
สุดท้ายดีนก็ตามใจรีชาจนได้ เห็นแบบนั้นแมคเคนซีจึงไม่ได้ขัดอะไร ก็คงมีแต่ต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยเท่านั้นจนเมื่อเดินออกมาบริเวณหน้าค่ายแล้วดีนหันมาเตือน เขาจึงพยักหน้ารับแล้วไปต่อ ระหว่างทางก็เห็นเดมิก็อดบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ และดูเหมือนดีนจะหาวิธีรั้งไม่ให้รีชาไปสู้รบด้วยการให้เด็กหญิงช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บที่ตรงนี้ ซึ่งเขาก็คิดว่าเป็นแผนที่แยบยลดี
“เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้วก็ต้องไปด้วยกันสิ”
แมคเคนซียังยืนยันที่จะไปกับดีนอยู่ ต่อให้จะต้องไปเจอกับยักษ์น้ำแข็งเป็นกองทัพหรือสุนัขป่าน้ำแข็งเป็นฝูงเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปสู้รบคนเดียวแน่
“นี่ ! พวกนายตรงนั้นน่ะ อย่าเพิ่งไป !”
เสียงตะโกนที่ดังมาจากในค่ายทำให้แมคเคนซีหันไปมอง แล้วก็เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่สวมชุดของสถานพยาบาลประจำค่ายกำลังพากันมาทางนี้
“กำลังจะไปช่วยสู้รบกันเหรอ พวกเราได้ยินมาว่าสถานการณ์ทางนั้นเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่จำนวนคนเจ็บมีค่อนข้างมาก จำนวนคนที่สถานพยาบาลน่าจะไม่พอ พวกนายช่วยเราดูแลคนเจ็บแทนได้หรือเปล่า”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลพูดขึ้นมา แมคเคนซีจึงหันไปมองดีนอย่างถามความเห็น
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“อืม…ก็ได้อยู่หรอก”
แมคเคนซีพยักหน้ารับน้อย ๆ ถึงจะสวมเกราะกับถืออาวุธมาเก้อ แต่การช่วยคนเจ็บก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
“เยี่ยมเลย งั้นพวกนายเอากล่องปฐมพยาบาลไว้ คอยทำแผลเบื้องต้นให้คนที่นี่ พวกเราจะพาคนเจ็บหนักไปสถานพยาบาลก่อน แล้วจะกลับมาช่วย ฝากด้วยล่ะ”
กล่องปฐมพยาบาลถูกยื่นใส่มือข้างที่ว่างจากการถือดาบ แมคเคนซีก้มลงมองปริบ ๆ บอกตรง ๆ เขาเองไม่ได้รู้ขั้นตอนการปฐมพยาบาลแบบแม่นยำตามหลักวิชาการขนาดนั้น แถมยังเปิดมือถือถามกูเกิ้ลไม่ได้ซะด้วย แต่ดีนน่าจะรู้ล่ะมั้ง
“เอ่อ…ฉันยังปฐมพยาบาลได้ไม่แม่นเหมือนเดิม นายพอจะช่วยแนะนำได้ไหม”
เขาหันมาถามดีนที่ตอนนี้กลายมาเป็นหน่วยพยาบาลจำเป็นอีกคน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีนั่งลงตรงด้านข้างดีน เปิดกล่องปฐมพยาบาลเตรียมพร้อมเพื่อให้อีกฝ่ายหยิบอุปกรณ์ทำแผลได้สะดวกขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนเจ็บใกล้ ๆ แล้วก็ค้างไปเล็กน้อย
‘อื้อหือ…ขนาดสาวน้อยน่ารักขนาดนี้ยังออกมาสู้รบด้วย’
เดี๋ยวก่อน…นี่ไม่ใช่เวลามามองสาวนี่นา แมคเคนซีส่ายศีรษะไปมา แล้วถามผู้ชำนาญในด้านการทำแผลอย่างดีนต่อ
“ต้องใช้อะไรบ้าง ยาทาไหม หรือผ้ายืดพันแผล”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ให้ตายสิ ออกมาถ่ายรูปงั้นเหรอ เธอน่าจะระวังตัวหน่อยนะ ตรงนี้มันอันตรายไม่รู้หรือไง”
ขณะดูดีนปฐมพยาบาล แมคเคนซีก็บ่นไปด้วย มาจากบ้านไหนไม่รู้ล่ะ แต่ถ้าประมาทแบบนี้ก็ต้องดุกันสักหน่อย
“ขอโทษค่า ฉันจะระวังนะคะ ขอบคุณที่ช่วยทำแผลให้มากเลย”
ถึงจะบอกว่าขอโทษ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้เดาได้ไม่ยากว่าถ้าอาการบาดเจ็บที่ขาหายแล้ว เธอก็คงออกมาถ่ายรูปโดยไม่กลัวอันตรายอีก หลังจากปฐมพยาบาลให้ญิงสาวเสร็จ พวกเขาก็ไปเดินหาผู้บาดเจ็บแถว ๆนั้นต่อ เดินไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยดังมาจากที่ใกล้ ๆ ทั้งคู่จึงเดินตามเสียงนั้นไป
“อเล็กเซย์…ทำไมสภาพนายเป็นแบบนั้น”
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร แมคเคนซีก็อดแปลกใจไม่ได้ อเล็กเซย์ เดอ ลีออง บุตรแห่งบ้านมหาเทพซุสที่เขาเคยเจอตอนไปเข้าคลาสเรียนโล่กับดาบ ที่จริงฝีมือของอีกฝ่ายจัดว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งหมดสภาพแบบนี้นะ
“แมคเคนซี อา…พอดีฉันพลาดท่าให้พวกเจ้าหมาน้ำแข็งนิดหน่อย เลยโดนมันงับเอา”
อเล็กเซย์ที่แขนและขามีรอยฟันของสุนัขป่าน้ำแข็งกัดจนเลือดอาบอย่างละข้างยิ้มเจื่อนให้ แต่แถวนี้ก็ไม่เห็นร่องรอยของสุนัขป่าน้ำแข็งสักตัว หากอีกฝ่ายไม่หนีมาได้ก็คงจัดการมันไปเรียบร้อยแล้ว
“นายอย่าเพิ่งขยับตัวนะ แผลใหญ่ขนาดนี้ต้องไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลไหม”
แมคเคนซีรีบบอกอเล็กเซย์ก่อนจะหันมาถามดีน อีกฝ่ายเคยเล่าว่าก่อนจะมาค่ายโดนพวกอสุรกายตามล่าและทำร้ายบ่อยจนได้แผล คงจะรู้วิธีปฐมพยาบาลแน่ ๆ
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“น้ำเกลือ…”
แมคเคนซีรีบเปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วหยิบขวดน้ำเกลือส่งให้ ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่พอมาเห็นอีกฝ่ายในสภาพแบบนี้ก็อดใจหายไม่ได้ ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก
“แผลแบบนี้ใช้น้ำทิพย์รักษาไม่ได้เหรอ”
อยู่ ๆ ก็นึกถึงน้ำทิพย์ที่ดีนเคยบรรยายสรรพคุณให้ฟังว่าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงได้ ว่าแต่แผลแบบนี้ถือว่าร้ายแรงไหมนะ
“ระหว่างที่นายทำแผล จะให้ฉันไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลให้ไหม”
หากเขารีบไปตามเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลตอนนี้ก็อาจจะมาถึงตอนที่ดีนทำแผลเสร็จพอดี แล้วก็จะได้เคลื่อนย้ายอเล็กเซย์ไปยังสถานพยาบาลทันทีแบบไม่เสียเวลา
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
‘ยังจะมีอารมณ์พูดเล่นอีก’
ถึงจะเคยชินกับนิสัยดีนแล้วแต่ก็อดแอบมองแบบเอือม ๆ ไม่ได้ แต่พอได้ยินดีนบอกแบบนั้นก็รีบวางกล่องปฐมพยาบาลลงแล้วลุกขึ้น
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันมา นายห้ามเอาดาบจิ้มพุงอเล็กเซย์นะ”
กำชับเสร็จสรรพแล้วก็รีบวิ่งกลับค่ายไป ใช้เวลาสักพักแมคเคนซีก็กลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลที่มาพร้อมกับเปลหามผู้ป่วย
“ผู้หญิงที่ข้อเท้าพลิกตรงนั้นคนนึง แล้วก็ตรงนี้ครับ”
เขาชี้ไปยังจุดที่หญิงสาวที่พวกเขาเพิ่งเจอเมื่อครู่ก่อนจะนำเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลที่เหลือมาทางดีนกับอเล็กเซย์
“ปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้วใช่ไหม คงยังไม่ถูกหิมะกัดจนถึงขั้นเนื้อตายนะ”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลถามขึ้นมา ได้ยินแบบนั้นแมคเคนซีก็ถึงกับตาโต ไหนดีนบอกว่าไม่เป็นไรมากไง พอเหลือบมองไปที่อเล็กเซย์ อีกฝ่ายก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
หลังจากคนเจ็บทั้งคู่ที่ได้รับการปฐมพยาบาลถูกพาขึ้นเปลหามกลับไปค่ายแล้ว พวกเขาก็ไปปฐมพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บคนอื่นต่อ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือดีนแป็นคนปฐมพยาบาล ส่วนแมคเคนซีก็รับบทเป็นผู้ช่วยคอยส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ จนกระทั่งอากาศรอบตัวเริ่มอุ่นขึ้น เขาคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหม แม้แต่ดีนเองก็ยังถอดเสื้อโค้ท รวมถึงผู้คนในบริเวณนั้นก็มีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ที่ว่าสถานการณ์สู้รบที่หน้าประตูค่ายคลี่คลายแล้วคงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อีกไม่นานภายในค่ายก็คงจะกลับมาเป็นปกติ
ทั้งดีนและแมคเคนซีช่วยกันปฐมพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บบริเวณนั้นกระทั่งกลุ่มเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลมากันมากขึ้น พวกเขาจึงพากันปลีกตัวออกมาและกลับไปที่ค่าย
https://i.imgur.com/ZP7G7iY.png

รางวัลแก่ผู้เข้าร่วม: +2 Level upตื่นรู้:+1 (ทุกคนที่กำจัดอสุรกายได้ เป็นเคสพิเศษจากการต่อสู้กับกองทัพ)

Alastor โพสต์ 2024-7-21 13:24:26

<div align="center" style="list-style-type: none;">

<style>
#Alastor1 {
border: 15px double #8B0000;
    border-radius: 30px;
    padding: 10px;
    box-shadow: #8B0000 10px 10px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/Rti02oX.png");}
</style>

<div id="Alastor1">
   <p>
      
<font size="4" face="Kanit"><br><br></font></p><font size="4" face="Kanit"><br>

<style>
#Alastor {
    width: 700px;
    border: 4px double #8B0000;
    padding: 15px;
    box-shadow: #8B0000 2px 2px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/yNXwJjo.jpeg");}
</style>

</font><div id="Alastor">
   <p><font size="4" face="Kanit"><br></font></p><div style="text-align: left;"><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;" id="docs-internal-guid-76449964-7fff-db17-9248-46953e969126"><font size="4" face="Kanit"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; color: rgb(255, 255, 255); vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">อลาสเตอร์ลงจากรถอูเบอร์ หยิบยื่นธนบัตรสกุลดอลล่าร์สหรัฐตามจำนวนค่าโดยขาดที่คิดตามระยะทางระหว่าง </span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; color: rgb(255, 255, 255); font-style: italic; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">นครนิวยอร์ก-ไชน่าทาวน์ ถึง ลองไอส์แลนด์ถนนฟาร์มโรด 3.141</span><br></font></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">เป็นการเดินทางระยะสั้น ๆ&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน ตลอดเส้นทางด้านหน้าปกคลุมต้นไม้ขนาดใหญ่ เขตป่าสนทั้งแถบ ไออุ่น ๆ กระแสความร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนประจำปี เขาไม่ได้มีความตั้งใจจะมาเดินป่า กางเต็นท์ตั้งแคมป์ปิ้ง อลาสเตอร์ต้องการหาคำตอบกับสิ่งที่เขาเผชิญด้วยตัวเองคนเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฝันร้ายที่กัดกร่อนกลืนกินจิตใจจนป่วยจิต&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">ขายาวก้าวเหยียบย่ำผ่านพงไพร เข้ามาลึกเรื่อย ๆ&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 700; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">‘อัล’</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 700; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">‘ทางนี้’</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">เสียงเพรียกกระซิบสัมผัสเบา ๆ ข้างกกหู เขารู้สึกถึงบางอย่าง… เสียงที่มิอาจลืมเลือนลงได้ พี่ชายฝาแฝดของอลาสเตอร์</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">ไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจะต้องหูฝาดแน่ ๆ ไม่มีทางเป็นไซลัสหรอก&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">ทัศนะจิตใจอันบิดเบี้ยวหยั่งลึกสรรพสิ่งรอบตัว ความคิดแตกแขนงออกเป็นสองฝ่าย เขาอยากสนองอัตตาตัวตนของตัวเองแต่ก็รู้ดีว่า มันเป็นหนึ่งในอาการเพ้อฝัน</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">อารยธรรมเก่าแก่สถาปัตยกรรมกรีกโบราณ อลาสเตอร์รู้สึกทึ่งราวแดนลับแลซ่อนเร้น เขตแดนป่าสนอันกว้างใหญ่ กลับซ่อนสถานที่เช่นนี้ไว้&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">“ดูนั่นสิมีคนมาใหม่เพิ่มอีกแล้ว”&nbsp;</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">กลุ่มเด็กสาวที่ยืนเล่นใกล้ซุ้มประตูเอ่ย ความสูงของวัยรุ่นไม่ถึงเอวอลาสเตอร์ด้วยซ้ำ หากประเมินด้วยสายตาคงราว ๆ 12-13 ปี</font></span></p><font size="4" face="Kanit"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Kanit">“ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดนะคะ พี่ชาย”</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4" color="#ffffff" face="Kanit"><span style="background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br><br><br></span></font></p></div></div><b><b><font size="4" face="Kanit">
<br><br><br><br></font><br>
</b></b></div></div>



Nanette โพสต์ 2024-7-21 15:31:33

<div class="datosmi-b1"><div class="port-dtsmib1"><b style="background:#DFA9A9; color:#FFF;"><font size="3">Nanette Leblanc</font></b></div><div class="img-dtsmib1" style="border-color:#ddd"><img src="https://i.imgur.com/YTSa3a6.jpeg"></div><div class="content-dtsmib1"><div class="imagenes-mib1"><img src="https://i.imgur.com/ph3yxZw.jpeg"><img src="https://i.imgur.com/WvvUJWo.jpeg"><img src="https://i.imgur.com/peGo8kA.jpeg"></div><div class="seccion-mib1" style="color:#DFA9A9;"><font face="EucrosiaUPC" size="5">ประตูค่าย</font></div><div class="texto-mib1"><span id="docs-internal-guid-98084719-7fff-a346-b242-46a250c8d11f"><span id="docs-internal-guid-98084719-7fff-a346-b242-46a250c8d11f"><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;">เสียงใสฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ขณะลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนออกมายังหน้าประตูค่าย นาแนตต์ใช้เวลาจัดกระเป๋าอยู่ซักพัก หยิบนั้นหยิบนี่ลงกระเป๋า อันนู้นก็จำเป็น อันนี้ก็ต้องเอาไป จนเกือบจะปิดกระเป๋าไม่ได้ คนตัวเล็กยกกระเป๋าอย่างทุลักทุเลขณะเดินผ่านซุ้มประตูหินอ่อนออกมา</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;"><br></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;">“เฮ้ เธอจะไปไหนน่ะ”</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;"><br></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;">เสียงอันคุ้นเคยทำให้เด็กสาวหยุดฝีเท้าพลางหันไปมอง เป็นเอเตียน บุตรแห่งอะธีน่าคนที่ชอบพูดจาขวานผ่าซากอีกแล้ว นาแนตต์ลอบกรอกตาก่อนจะหันกลับมายืนเผชิญหน้ากัน</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="EucrosiaUPC" style="" size="5"><br></font></span></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><font color="#DFA9A9">“ไปเที่ยว ไทยแลนด์น่ะ รู้จักมั้ย”</font></span><span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="EucrosiaUPC" style="" size="5"><br></font></span></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;">เอเตียนเลิกคิ้วสูง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะร้องอ๋อออกมาเบา ๆ เมื่อนึกได้ว่ามันคืองานที่อยู่ในบอร์ดประกาศของบ้านใหญ่</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;"><br></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">“ไปคนเดียวเนี่ยนะ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">”</span><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;"><br></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font color="#000000" face="EucrosiaUPC" size="5"><span style="white-space-collapse: preserve;"><br></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(223, 169, 169); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">“ก็จะทำไมล่ะ ก็ฉันไม่มีแฟน หะ...หรือว่าเพื่อนนี่”</span><br></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(223, 169, 169); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">นาแนตต์อยากจะยกมือทุบหัวตัวเองกับการพูดตะกุกตะกักแบบนั้น หวังว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้คิดว่าเธอกำลังป่าวประกาศเรื่องสถานะทางหัวใจของตัวเองให้คนอื่นรู้หรอกนะ</span><span style="color: rgb(223, 169, 169); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">เอเตียนยกมือขึ้นกอดอก มองเด็กสาวที่ดูบอบบางทั้งสัมภาระเทอะทะนั่นจะเป็นตัวถ่วงมากกว่าช่วย</span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">“เธอคงจะลืมไปว่ามนุษย์ครึ่งเทพที่อยู่นอกค่ายฮาล์ฟบลัดน่ะจะเจอกับอะไรบ้าง</span><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">”</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">นาแนตต์คิดตาม พลันก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก็นายเอเตียนนี่พูดถูกทุกอย่างนี่นา แต่ถึงอย่างนั้นคุณหนูผู้เอาแต่ใจและอีโก้สูงก็เชิ่ดหน้าอย่างถือดี</span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(223, 169, 169); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">“อ...อย่ามาขู่กันซะให้ยากเลย ฉันรับงานมาแล้วก็ต้องไปนี่นา”</span><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;">เอเตียนลอบถอนหายใจ สุดท้ายก็พยักหน้าเบา ๆ </span><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">“โชคดีละกันงั้น</span><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">”</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;"><br></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve; color: rgb(0, 0, 0); font-family: EucrosiaUPC; font-size: x-large;">นาแนตต์ยู่ปาก สะบัดหน้าหนีจนเส้นผมสีบลอนด์ปลิวกระจาย พลางเริ่มออกเดินทางจากค่ายฮาล์ฟบลัดไป</span></p></span></span></div></div></div><div class="cred"><a href="http://bettyleg.tumblr.com">bettyleg</a></div>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Play&amp;display=swap" rel="stylesheet">
<style>.datosmi-b1{width:800px; padding:0px; background:#fff; border:1px solid #ddd; margin:10px auto; font-family: 'Play', sans-serif;} .port-dtsmib1{height:100px; width:800px; border-bottom:1px solid #ddd;} .img-dtsmib1{width:100px; height:100px; border:1px solid #ddd; background:#fff; padding:6px; border-radius:180px; position:absolute; margin-top:-60px; margin-left:40px;} .content-dtsmib1{padding:70px 20px 20px;} .img-dtsmib1 img{width:100px; height:100px; border-radius:180px;} .port-dtsmib1 b{display:block; position:relative; top:87px; float:right; right:20px; background:#ccc; color:#fff; padding:5px 15px; border-radius:10px; font-size:13px;} .imagenes-mib1{display:flex; align-items:center; justify-content:center; margin:10px 0px 20px;} .imagenes-mib1 img{width:100px; height:100px; margin:0px 4px; border:1px solid #ddd; padding:4px;} .seccion-mib1{ text-align:right; border-top:1px solid #ddd; border-bottom:1px solid #ddd; padding:10px 15px; font-size:12px; text-transform:uppercase; font-weight:800;} .texto-mib1{ padding:35px 40px 30px; text-align:justify; font-size:12px; color:#555; line-height:18px;}.cred{margin:0px auto; margin-top:-5px; width:280px; text-align:center;background:#fff;border:1px solid #eee;} .cred a{text-decoration:none; color:#888; text-transform:uppercase; font-size:8px; font-family:arial; letter-spacing:2px;}</style>

Dean โพสต์ 2024-10-4 08:02:54

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-10-4 08:12

https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXfx6s-mAZshRGl7coFguq43s9yjdk1CFAc18hT_3BwQKzae_qnYbpPAEeEhpdsXlBWuqkcmO_E3-2pzZWFVbdx8IobwAZEllIP1D87-x9cqBC_VJSjQEI9AICScmd7LZotDFVBtUN_9jeQ8sJhyTfyG434t?key=yrOVN_1OmJhIBytMNewtkA218https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXfo9ZKchd-m10AVcKN3EOANu1XPPCBntd03QOJ1MYllbVC2yja71-gKQGsQNIKnqBqKlT5okG-hv5dFLLpHpQCK0aGqapGyOf4WgFRO7QmmX6ZOOmhRamZEZ8M8uiJsay6uO0KOcryTWWAjHirE0Hz8lKM?key=yrOVN_1OmJhIBytMNewtkAรุ่นพี่คริสโตเฟอร์มาเยือน

               4/10/2024 — 8.00 น. ~
               เวลาชีวิตเริ่มกลับมาเป็นปกติแม้กลางคืนจะหายไปจากโลกได้สี่วันแล้ว ดีนไม่ได้อยากนิ่งเฉยทว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจ๊อกกิ้งยามเช้าอยู่อย่างนี้ ส่วนหนึ่งเพราะจำเป็นต้องเบิร์นไขมันส่วนเกินออกไปเสียหน่อย ตอนไปไทยดินแดนอาหารอร่อยจนได้ชื่อว่าเป็นครัวโลกทำเอาเขาน้ำหนักขึ้นมาตั้งสามกิโลกรัม แต่บอกได้เลยว่าการออกกำลังกายในช่วงที่พระอาทิตย์ส่องกบาลลงมาเต็ม ๆ แบบนี้แทนที่จะได้สุขภาพน่าจะรับของแถมเป็นมะเร็งผิวหนังแทน..
               บรึ้นนน เอี๊ยดดดด
               รถยนต์สปอร์ตคันหรูจอดเอี๊ยดที่หน้าประตูค่าย เช่นเดิม ภาพนั้นไม่ได้หลุดรอดพ้นสายตาของดีนไปแม้แต่น้อย ให้ตายสิเวลาวิ่งมาถึงที่หน้าประตูค่ายทีไรได้เจอรุ่นพี่มาใหม่ทุกที.. ชายหนุ่มจับจ้องชายผิวดำที่ย่อส่วนรถคันงามมาเป็นพวงกุญแจเด็กเล่นเป็นภาพที่ชินตา จนแอบคิดว่านี่มันค่ายฮาล์ฟบลัดหรือว่าบริษัทพิมเทคโนโลยีกันแน่นะ ไม่มีคนแปลงอุปกรณ์เจ๊ง ๆ เป็นอย่างอื่นนอกจากยืด ๆ หด ๆ วัตถุหรืออย่างไร
               ในฐานะรุ่นน้องที่ดีดีนจึงเข้าไปทักทายก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินผ่านไป
             “สวัสดีครับคุณคงเป็นรุ่นพี่ที่มาใหม่ ผมดีน นีล จากบ้านโพไซดอนครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉีกยิ้มแห่งมิตรไมตรีไปหนึ่งแฉ่ง
             “สวัสดี…ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ …บุตรแห่งเฮเฟตัส” รุ่นพี่คริสโตเฟอร์หลบสายตา ดูแล้วเขาน่าจะเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร แต่ไม่เป็นไร เรื่องชวนคุยเดี๋ยวพี่จัดให้เอง!
               “โอ้ บุตรแห่งเฮเฟตัสเขาว่าชอบเก็บตัวอยู่ในห้องคราฟต์ของตัวเอง ได้เจอตัวเป็น ๆ ดีใจชะมัด” แน่นอนแหล่ะ เพราะรุ่นพี่คนนี้อาจผลิตแปลนอาวุธยืดได้หดได้ให้เขาก็ได้ “จะว่าไปรุ่นพี่กลับมาตอนที่กลางคืนหายไปพอดี ถูกคุณไครอนเรียกตัวกลับมาเหรอครับ?”
             “ก็…ผมมีธุระนิดหน่อย..”
               คริสโตเฟอร์ตอบเพียงสั้น ๆ ด้วยท่าทีประหม่า ดูท่าทางจะไม่ถนัดเข้าสังคมจริง หรือดีควรปล่อยให้คนที่มาใหม่ไปพักผ่อนก่อนดีนะ? ดีนคิด… แต่เรื่องทำคะแนนตีซี้เพิ่มความสนิทก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ชายหนุ่มจึงควานตามร่างกายตัวเองว่าพกอะไรมาเป็นของขวัญต้อนรับรุ่นพี่ได้บ้าง มือจับไปโดนนิตยสารวิทยาศาสตร์ที่เหน็บอยู่ข้างเอวพอดี มันถูกม้วนจนเรียกว่าสภาพดีร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ทว่ามันก็เป็นเล่มใหม่ล่าสุดของเดือนนี้แล้ว
https://i.imgur.com/2TBFA3I.png

             “นิตยสารนั่น.. เดือนนี้ออกแล้วเหรอ?” คริสโตเฟอร์พึมพำทำให้ดีนรู้ว่าเข้าทางนี้ได้
             “รุ่นพี่ก็ชอบอ่านเหรอครับ ถ้างั้นผมให้ มันม้วนนิดหน่อยแต่สภาพยังดี ผมยังไม่ได้เปิดอ่านเลย ยกให้รุ่นพี่ก็แล้วกัน”
               “นาย.. จะดีเหรอ”
             “ดีสิครับ เอาไปเลย เดี๋ยวผมหาเล่มใหม่ได้”
               ในที่สุดดีนก็คะยั้นคะยอจนรุ่นพี่คนนี้รับไว้จนได้
             “ต้องขอบคุณนายมาก ๆ แล้วนี่มาทำอะไรตรงนี้แต่เช้าล่ะ?”
             “อ้อ ผมมาวิ่งจ๊อกกิ้งน่ะครับ” ดีนตอบ เขามองไปที่รุ่นพี่ตรงหน้าคิดครั้ง อ่านจากภาษากายดูเหมือนอีกฝ่ายจะอึกอักบางอย่าง บางทีคงอยากกลับเข้าไปในค่ายแต่ไม่กล้าบอกล่ะมั้ง “เดี๋ยวผมอยู่ตรงนี้อีกสักพัก รุ่นพี่จะเข้าไปพักผ่อนในค่ายก่อนหรือเปล่าครับ”                            “งั้น ผมขอตัวก่อน”
               “ครับ ไว้เจอกันนะครับรุ่นพี่”
               คริสโตเฟอร์กล่าวก่อนจะค้อมหัวลงน้อย ๆ จากนั้นจึงคล้อยหลังไปตามทาง ส่วนดีนก็วิ่งจ๊อกกิ้งรีดเหงื่อต่ออีกหน่อย               https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXc71koDplcTIWEMG-ke0-y9YLOJbZb8PuSrF7a6uXVdiV-ksP8Bfyd3sL55iikxTYqRlcrmvmrL7m9KD3Tsjh5MWsuaHGQbZukF_fY51Zn8jS1IO9BG4ybVJgpfEWLDntPBLdK2CCyN2vdI978f64XJjTph?key=yrOVN_1OmJhIBytMNewtkAมอบ [นิตยสารเชิงวิชาการ] แก่ คริสโตเฟอร์ บราวน์

ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ
รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่

ป.ล. มอบ EXP ให้แก่ ควีน

Eloise โพสต์ 2024-10-4 18:12:41

<link rel="stylesheet" href="https://www.w3schools.com/w3css/4/w3.css">


<style>
#boxProfilebg {
    border: 7px solid #FF6666;
    border-radius: 30px;
    padding: 10px;
    box-shadow: #FF6666 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/rR3KDvy.png");
}
</style>

<div id="boxProfilebg">
<div align="center"><br></div><div align="center"><br></div><div align="center">


<br>
<div class="w3-card-4 w3-black" style="width:80%">

      <div class="w3-black w3-hover-shadow w3-center"><font face="Kanit" style="" size="5"><br></font></div><div class="w3-black w3-hover-shadow w3-center"><font color="#ff8c00" face="Kanit" size="5"><b><div class="w3-black w3-hover-shadow w3-center" style=""><font color="#ff8c00">วันที่ 4 ตุลาคม 2024</font></div><div class="w3-black w3-hover-shadow w3-center" style=""><font color="#ff8c00" style="">เวลา 08.00 น.</font></div></b></font></div><div class="w3-black w3-hover-shadow w3-center"><font face="Kanit"><font color="#ff8c00" size="6"><img src="https://i.imgur.com/HiVVn9A.gif" width="380" _height="15" border="0"></font><font size="7"><br></font></font></div>

    <div class="w3-container w3-center">
<font face="Kanit"><br></font><div style="text-align: left;"><div style="text-align: center;"><div style="text-align: left;"><div><font face="Kanit" size="3">ช่วงนี้เอโลอิสต้องใช้ผ้าปิดตานอนในทุกวันด้วยเหตุที่กลางคืนหายไป การพกนาฬิกาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงนี้ไม่อย่างงั้นคงจะไม่รู้ว่าเวลาไหนกลางวันเวลาไหนกลางคืน เธอเดินเล่นในค่ายอย่างเช่นทุกวันเพียงแต่ครั้งนี้มาไกลจนถึงประตูค่าย ในระหว่างที่กำลังจะเดินกลับก็อย่างยินเสียงเครื่องยนต์บางอย่างดังมากเสียจนดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ในค่ายได้อย่างง่ายดาย</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><i>บรึ้นนนนนน เอี๊ยดดดดดดด!!!</i></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">รถซุปเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดสีแดงขับซิ่งมามาอย่างเร็วก่อนดริฟโค้งจอดหน้าประตูค่ายอย่างสวยงาม ตอนแรกเอโลอิสคิดว่าน่าจะเป็นเทพอะพอลโล แต่เมื่อดูลักษณะรถอย่างที่ถ้วนมันกลับไม่ใช่มาเซราติสีแดงเชอร์รี่อย่างที่เธอคุ้นเคย เอโลอิสลองเดินไปดูใกล้ ๆ เช่นเดียวกับเด็กเดมิก็อดคนอื่น ๆ&nbsp;</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">ประตูรถถูกเปิดออกก่อนร่างของชายผิวสีคนหนึ่งจะเดินลงมา เขากดรีโมทจากนั้นรถก็ถูกย่อส่วนเป็นรถมินิให้เขาเก็บใส่กระเป๋าเข็มขัดสะพายคาดเอว เธอแทบจะไม่เชื่อสายตาแต่ส่วนหนึ่งก็ชินแล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นรถเปลี่ยนรูปร่างได้ ชายคนนั้นเดินเข้ามาในค่ายมีเดมิก็อดหลายคนทักตามรายทาง</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">เขาเป็นใครกัน?</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">คำถามนั้นอยู่ในหัวของเธอแต่ก็รู้สึกว่าชายคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธออยากลองทำความรู้จักดูสักครั้ง เอโลอิสรอให้เขาว่างจากการทักทายคนอื่น ๆ แล้ว จึงลองเดินเข้าไปหาและทักออกไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ&nbsp;</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#ff8c00">“เอ่อ…สวัสดีค่ะ…คุณคือ…?”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#dda0dd">“สวัสดี ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ บุตรแห่งเฮเฟตัส”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">ประโยคสุดท้ายของการแนะนำตัวทำให้ตาของเอโลอิสเบิกกว้าง…บุตรแห่งเฮเฟตัส…ก็หมายความว่า…เขาคือพี่ชายต่างมารดาของเธองั้นเหรอ?</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><font color="#ff8c00">“ขอโทษนะคะ เมื่อกี๊คุณบอกว่าบุตรของเทพเฮเฟตัสเหรอคะ?” </font>เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#dda0dd">“ใช่ แล้วเธอคือ?...”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#ff8c00">“อ้อ…ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ ฉันเอโลอิส เพจ ธิดาแห่ง…เฮเฟตัส…”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">หลังจากที่เธอแนะนำตัวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาได้พบน้องสาวอีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#dda0dd">“หมายความว่าเป็นน้องสาวของผมสินะ”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#ff8c00">“ก็…คงประมาณนั้นล่ะมั้งคะ…”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#dda0dd">“แล้วเป็นยังไงอยู่บ้านเฮเฟตัสสุขสบายดีไหม?”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><font color="#ff8c00">“ก็โอเคนะคะ ทุกคนก็…บ้าพลังดีค่ะ”</font> เอโลอิสพูดพลางจินตนาการถึงเหล่าพี่น้องในบ้านที่วัน ๆ เอาแต่ตีอาวุธ คราฟของ ประหนึ่งคนเล่นฟิตเนสทุกวันแค่ไม่ใช่เครื่องออกกำลังกายก็เท่านั้น<font color="#ff8c00"> “หิวไหมคะ?” </font>เอโลอิสยื่นถุงมันฝรั่งทอดให้เขาไปหนึ่งถุง ตอนแรกกะเอามาเพื่อกินเอง แต่ไม่บ่อยที่จะได้พบเจอพี่ชายต่างมารดา เธอไม่มีอะไรจะให้เป็นของขวัญเลยขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><font color="#dda0dd">“ขอบใจนะ…งั้นคงจะได้พบกันบ่อย ๆ หลังจากนี้ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งน้องสาว แต่ผมต้องขอตัวก่อน”</font> เขารับเอาขนมถุงของเธอไปจากนั้นก็เอามือแปะ ๆ หัวเธอสองสามทีเหมือนจะแสดงท่าทีในแบบที่พี่ชายควรจะทำกับน้องสาว แล้วจึงปลีกตัวเดินเข้าไปด้านใน คงจะมีธุระบางอย่าง</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3" color="#ff8c00">“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…พี่ชาย…”</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3">คำว่า ‘พี่ชาย’ ยังคงไม่ชินปากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ทำความรู้จักเพิ่มเติมหลังจากนี้อาจทำให้เอโลอิสเรียกเขาได้อย่างสนิทใจ เธอไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่ค่ายแห่งนี้นานแค่ไหน แต่ก็หวังว่าจะนานพอที่จะทำให้เธอและเขาสนิทกันมากกว่านี้…</font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div><font face="Kanit" size="3"><br></font></div><div style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3" color="#ff0000">มอบมันฝรั่งทอดให้ คริสโตเฟอร์ บราวน์</font></div><div style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3" color="#ff0000"><br></font></div><div style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3" color="#ff0000">ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ</font></div><div style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3" color="#ff0000">รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่</font></div><div><br></div></div><div style="text-align: left;"><font face="Kanit" size="4"><br></font></div></div><div><font face="Kanit"><br></font></div></div>

    </div><font face="Kanit"><br>

</font></div><font face="Kanit"><br>

<br>



</font></div><div align="center"><br></div></div>

Feria โพสต์ 2024-10-4 20:28:59

<link href="https://Crescendvm.github.io/mooncake/mooncakefonts.css" rel="stylesheet"><link rel="stylesheet" href="https://kit-pro.fontawesome.com/releases/v6.0.0-beta3/css/pro.min.css"><link href="https://Crescendvm.github.io/rpcodes/stars_pink.css" rel="stylesheet">

<div class="munchi_00 munchi_ch01"> <div class="munchi_01"> <div class="munchi_01a" style="background: pink"> <mui class="muic fa-solid fa-sparkles" style="color: #000"></mui> </div> <div class="munchi_01b" style="color: #fff"> ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ </div> </div> <div class="munchi_02" style="background: pink;color: #000">Feria Hayes</div> <div class="munchi_03">
4 ตุลา 67 เวลา 8 โมงเช้า <br><br>
ณ ประตูค่ายฮาล์ฟบลัด <br><br>
วันนี้เป็นวันแรกที่เฟเรียตัดสินใจจะเดินทางไปทำภารกิจของเหล่าเทพ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นกลางวันอยู่ตลอดจนดูน่าประหลาดใจ และพอเดาออกว่ายังไงต้องเกี่ยวข้องกับเทพีนิกซ์แน่ แต่ว่าความรู้สึกของเธอตอนนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนแอเกินไป อ่อนแอเกินกว่าจะช่วยใครได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือไปรับภารกิจเล็ก ๆ มาทำเท่านั้น ในตอนที่กำลังทำอะไรอยู่ตอนนั้นเธอก็ได้เห็นรถสปอตคันงามคันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าค่าย ก่อนจะมีผู้ชายผิวสีคนหนึ่งเดินออกมา รุ่นพี่คนใหม่เหรอ แต่น่าอึ้งกว่านั้นก็คือ เดี๋ยวนะ! รถย่อส่วนเป็นเพียงโมเดลเก็บในเข็มขัดนี่นะ เฟี้ยวเกินไปแล้วนะ ทำเอาเด็กสาวร่างเล็กมองตาเป็นประกายกับภาพที่เห็น ก่อนที่เห็นดีนเข้าไปทักทายอีกฝ่ายแล้ว เธอจึงตามเข้าไปทักทายบ้าง <br><br>
<b><font color="DarkOrange"> “เออ…ขอโทษที่เข้ามาทักกระทันหันนะคะ ขอแนะนำตัวนะคะ เฟเรีย เฮยส์ ธิดาแห่งฮิปนอสค่ะ ส่วนนี่เรเลีย อีกัวน่าห้วงฝัน และกาเอล เป็นก็อบลินค่ะ”</font></b><br><br>
เธอโค้งตัวคำนับทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพพลางยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย ก่อนที่เรเลียจะเดินมาบนแขนเธอ จึงเป็นโอกาสให้เธอได้แนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักเรเลียกับกาเอลด้วยเลย<br><br>
<font color="RoyalBlue"><b>“สวัสดีครับ”</b></font><br><br>
กาเอลก็โค้งพลางเอ่ยคำทักทายอีกฝ่ายในขณะที่เรเลียที่พูดไม่ได้ก็เพียงโค้งทักทายเท่านั้น <br><br>
<b><font color="DarkRed"> “สวัสดี ผมคริสโตเฟอร์ บราวน์ บุตรแห่งเฮเฟตัส ปกติลูกฮิปนอสเขานอนหลับกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”</font></b> <br><br>
<font color="DarkOrange"><b> “อ่า…เออ…เรามันนอกคอกเรื่องนี้นิดหน่อยค่ะ ต้องเลี้ยงลูก ๆ เยอะด้วยจะเอาแต่นอนไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวนะ บุตรแห่งเฮเฟตัสงั้นเหรอ งั้นก็เป็นช่างตีเหล็กงั้นเหรอคะ”</b></font> <br><br>
เธอหัวเราะแห้ง ๆ ให้กับความสงสัยของอีกฝ่ายที่รู้สึกเธอเริ่มชินที่มีคนทักว่าเป็นลูกฮิปนอสที่ไม่เหมือนลูกฮิปนอสหรือแม้แต่ที่เป็นลูกฮิปนอสแต่แอคทีฟล่ะนะ ก็จะตาเป็นประกายเพราะอีกฝ่ายเป็นบุตรเฮเฟตัสเท่ากับว่าเป็นสายผลิต เท่ากับว่าค่ายจะมีคนผลิตอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มแล้วสินะ แถมเธอก็สนใจการตีเหล็กอยู่แล้วด้วย ถ้าไม่นับว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเรียนตีเหล็กเลยก็เถอะนะ <br><br>
<b><font color="DarkRed"> “ชะ ใช่แล้วล่ะ มีอะไรรึเปล่า”</font></b> <br><br>
<font color="DarkOrange"><b> “อ่า…ฮ่า ๆ คือว่าเราสนใจน่ะคะ ก็ว่ากันว่าบุตรแห่งเฮเฟตัสผลิตอุปกรณ์เจ๋ง ๆ เยอะแยะเลย อย่าง….รถที่ย่อเป็นโมเดลคันนั้นน่ะ”</b></font> <br><br>
เธอชี้ไปทางโมเดลรถที่อยู่ที่เข็มขัดของรุ่นพี่คริสโตเฟอร์แบบเขิน ๆ ก็คนมันชอบนี่นา ช่วยไม่ได้นี่เนาะ <br><br>
<b><font color="DarkRed"> “อ้อ งี้เองเหรอ”</font></b> <br><br>
รุ่นพี่หันมองที่เธอชี้นิดหน่อยก่อนที่จะหันมาคุยกับเธอต่อ <br><br>
<b><font color="DarkOrange"> “เออ…นี่คือข้าวกล่อง เป็นข้าวผัดอเมริกันนะคะ หนูให้พี่เป็นการต้อนรับสู่ค่ายนะคะ หนูมีภารกิจต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะคะ”</font></b> <br><br>
เธอตัดสินใจยื่นข้าวผัดอเมริกันใส่กล่องข้าวให้กับรุ่นพี่ตรงหน้าไปก่อนที่นึกขึ้นได้ว่ามีภารกิจของเทพีอาธีน่าต้องไปทำเลยต้องขอตัวออกมาก่อน <br><br>
<div align="center"> มอบ ข้าวผัดอเมริกัน ให้กับ คริสโตเฟอร์ บราวน์ <br>

ได้รับความสัมพันธ์กับรุ่นพี่+30 แต้มความสัมพันธ์แรกพบ<br>
รางวัล +10 EXP , +15 เกียรติยศสำหรับความนอบน้อมทักทายรุ่นพี่&nbsp;</div>
</div><div class="munchi_04"></div></div> <div class="cr-crescendum"><a href="https://crescendumcodes.tumblr.com/" title="Crescendum Codes"><span class="lun lun-elune"></span></a></div>

Cooper โพสต์ 2024-10-27 05:57:25

บทที่ 4



หลังจากเหตุการณ์อันน่าหวาดผวาที่ปั๊มน้ำมัน คูเปอร์รู้สึกโล่งอกเมื่อได้เห็นประตูค่ายฮาล์ฟบลัดปรากฏสู่สายตา แสงอรุณสาดส่องลงมาบนซุ้มประตูหินอ่อนสีขาว ทำให้ตัวอักษรกรีกโบราณสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ เขายังคงรู้สึกอ่อนล้าจากการเดินทางตลอดทั้งคืน และความทรงจำเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับสฟิงซ์ยังคงหลอนหลอกอยู่ในหัว



เจคที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดชะงักเมื่อมาถึงเนินเขาเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวสด "นี่คือเนินฮาล์ฟบลัด" เขาอธิบายพลางชี้ไปยังต้นสนขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเนิน


"และนั่นคือต้นสนศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องค่าย "


ขณะที่พวกเขาเดินผ่านต้นสนศักดิ์สิทธิ์ คูเปอร์รู้สึกถึงพลังงานแปลกๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากต้นไม้ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ วิ่งผ่านผิวหนัง เขาสังเกตเห็นไม้เลื้อยสีเขียวเข้มที่พันรอบซุ้มประตู ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งแม้จะไม่ใช่ฤดูกาล


“พี่คนนั้นน่ะ!" เสียงใสๆ ดังขึ้นจากกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากประตู พวกเธอสวมเสื้อสีส้มเหมือนกันทั้งหมด หนึ่งในนั้นโบกมือทักทายอย่างร่าเริง


"นั่นคือ" เจคกระซิบบอก "พวกเธอมักจะเป็นคนแรกๆ ที่มาต้อนรับเด็กใหม่เสมอน่ะ"




“ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดนะคะ กำลังจะไปรายงานตัวใช่ไหมคะ


“ถ้าไม่รู้ทางไปเดี๋ยวพวกหนูนำทางไปให้ได้นะนะคะ”


คูเปอร์พยักหน้ารับด้วยความโล่งใจ รอยยิ้มของเด็กสาวในชุดสีส้มช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้ไม่น้อย เขาสังเกตว่าพวกเธอดูอายุไล่เลี่ยกัน ท่าทางร่าเริงและเป็นมิตร บางคนถือแผ่นกระดานรองเขียนในมือ


แต่ก่อนที่จะไปกับเด็กพวกนี้เขาหันกลับไปมองเจค ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาน่าจะไม่ได้ไปด้วยกัน


"ขอบคุณนะเจค สำหรับทุกอย่าง" คูเปอร์หันไปกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมทาง


"ไม่เป็นไรหรอก" เจคตบบ่าเขาเบาๆ "ฉันต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องของนายที่ทิ้งค้างไว้ทั้งหมดนั่นแหละ ทั้งงาน ทั้งอพาร์ตเมนต์ที่แชร์กับนักดนตรีสองคนนั่น... อ้อ แล้วก็เรื่องรถของพ่อนายด้วย"


คูเปอร์พยักหน้าอย่างสำนึกในบุญคุณ เขารู้ดีว่าเจคจะต้องหาข้ออ้างดีๆ ให้กับการหายตัวไปของเขา โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องทั้งสองที่คงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหายไปกะทันหัน


"โชคดีนะ" เจคโบกมือลา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้คูเปอร์ยืนอยู่กับกลุ่มเด็กสาวในชุดสีส้ม


"พี่คะ พร้อมจะไปพบท่านไครอนหรือยัง?" หนึ่งในพวกเธอถามขึ้น รอยยิ้มสดใสยังคงประดับบนใบหน้า


"เราจะพาไปที่บ้านใหญ่ค่ะ" หนึ่งในพวกเธอบอก พลางเดินนำไปตามเส้นทางโค้งที่ปูด้วยหินกรวด "ท่านไครอนกำลังรอพบอยู่พอดีเลย"


ขณะที่เดินตามกลุ่มเด็กผู้หญิงไป คูเปอร์ได้ยินเสียงพูดคุยและหัวเราะจากชาวค่ายคนอื่นๆ บ้างก็มองมาที่เขาด้วยความสนใจ แต่ไม่มีใครทำท่าแปลกใจหรือตกใจกับการมาถึงของเขา ราวกับพวกเขาคุ้นเคยกับการที่มีเด็กใหม่หนีตายมาถึงค่ายในยามเช้าตรู่




"นั่นคือบ้านใหญ่ค่ะ"






บ้านใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล เป็นอาคารสีขาวสไตล์กรีกโบราณที่ดูสง่างาม เสาหินอ่อนขนาดใหญ่รองรับชายคาที่ทอดยาว และบันไดกว้างนำขึ้นไปสู่ระเบียงด้านหน้า คูเปอร์สูดหายใจลึก พยายามเตรียมใจสำหรับการพบกับไครอน ผู้ที่เจคบอกว่าจะเป็นคนอธิบายอะไรหลายอย่างที่เขาควรรู้

Dean โพสต์ 2024-11-2 01:22:19

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-11-12 10:49

https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXfuzNvD6XWdRjRUUd6ZyDF4mEx9vFhrqzoeYP9XxrBRYVOg18uK7yugkfRUFu7HEMA2BR_nSxS7Tt0o5KlAlyaz0CB_31fMuo15Dr3k6WOL1ft3oZefq6p4bSkC8qq_c59wUT0ynaevzXPzVFYtc3oZ7LIE?key=ldjwukXqsRm3nmEdeyW3c0z0230https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXfnC_6hu6jDO-zCYoGrqy34CZaHMOwgne8H6KaO7vhvyC0p5CHuzhXllvkL7iy2IZjArSNpkMk9kL8nu4lz3f9zXCmtLVRxNuknN367mdhH2iDs79JazTqPkArhPWdWTcNvmtwlJs-a-lxGGtwHkchtC7o?key=ldjwukXqsRm3nmEdeyW3c0z0มุ่งหน้าสู่ซานอันโตนิโอ
               1/11/2024 - 8.00 น.~

             “แถวบ้านฉันมอนสเตอร์มันดุ นายต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะแมคซี่!”
               จากประสบการณ์ภารกิจเดินทางที่ผ่านมาทำเอาชายหนุ่มใบหน้าคมคายสไตล์ละตินอดที่จะระแวงไม่ได้ พอผ่านพ้นเขตเมืองนิวยอร์กมาไม่ไกลเหล่าอสุรกายก็เริ่มไล่ล่าอาละวาดมีทั้งแบบซ้ำหน้าและไม่ซ้ำ ดุเดือดและจองล้างจองผลาญไม่หยุดอย่างกับเนเมซิสในเกมเรสซิเดนซ์อีวิลสอง ที่นิวยอร์กค่อนข้างปลอดภัยเพราะเป็นถิ่นเดมิก็อด ทวยเทพบางครั้งก็ชอบมอบภารกิจใกล้ ๆ ในตัวเมืองให้จัดการ อสุรกายในเมืองใหญ่จึงถูกล้างผลาญไปหมดบ้างก็หนีหัวซุกหัวซุนลงท่อระบายน้ำ
               ‘คิดถึงตอนไปไทยจังแฮะไม่ค่อยเจอสัตว์ประหลาด ส่วนผี.. ก็ไม่เจอนะ’
               แล้วทำไมดีนถึงต้องพูดเตือนแมคเคนซี? เหตุผลนั้นช่างใหญ่โต เพราะว่าวันที่ห้าเดือนพฤศจิกายนนี้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างไรล่ะ! ในฐานะเป็นพลเมืองผู้ทรงคุณค่าจะนอนหลับทับสิทธิ์ก็ไม่ได้ และในฐานะที่เขาเป็นเดมิก็อดสายเลือดเข้มข้นในค่ายโนไวไฟ การเลือกตั้งนอกสถานที่จึงเป็นอะไรที่ยากลำบาก ประจวบกับสิ้นเดือนนี้คือเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (ที่ไม่ได้นับถือ) พอดี เป็นวันหยุดยาวที่ครอบครัวควรจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อกินไก่งวงหน้าเตาผิง แล้วแนะนำคุณแฟนสุดที่รักให้ครอบครัวได้รู้จัก ดังนั้นดีนจึงหาเรื่องที่จะกลับบ้านเกิดที่ซานอันโตนิโอ
               ตั๋วรถไฟขาไปและกลับถูกจองไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แค่เคลื่อนกล้ามงาม ๆ ออกจากค่ายไปเผชิญหน้ากับอสุรกายนานาชนิดที่รายทาง คิดแล้วก็เหนื่อยใจ ถ้าไม่เป็นบุตรแห่งโพไซดอนป่านนี้เขาคงบินกับสายการบินใดสักแห่งแล้วถึงบ้านภายในสิบหกชั่วโมงไปแล้ว ประหยัดเวลาไปได้สองวันไม่ใช่เรื่องตลก บางครั้งก็แอบคิดว่าแผ่นดินอเมริกามันกว้างใหญ่ไพศาลเกินไปไหม
             “ถ้าพร้อมแล้วเราลุยกัน”
               กล่าวอีกครั้งก่อนจะเข็นกระเป๋าออกจากค่ายฮาล์ฟบลัดเดินทางไกลจากต้นทาง ขึ้นรถไฟลองไอแลนด์ (LIRR) ไปลงยังสถานีรถไฟแกรนด์เซนทรัล แล้วต่ออีกนิดไปยังสถานีรถไฟเพนซิลเวเนีย
               ดูเหมือนการเดินทางในนิวยอร์กจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องมาลุ้นว่าหลังจากนี้พวกเขาจะเจอมารอะไรมาผจญกันบ้าง ขอแค่ไม่มีฉากบู๊บนรถไฟก็พอ ยังไม่พร้อมสำหรับค่าความเสียหายและการเป็นผู้ร้ายในหมายจับของทางการ
               .               .               .
             10.52 น.
               รถไฟแอมแทร็กเทียบท่าชานชาลาอย่างตรงเวลา ในวันแรกดีนและแมคเคนซีจองที่นั่งธรรมดาเพราะเดินทางแค่ (?) สิบเก้าชั่วโมงก่อนไปถึงชิคาโก เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นตู้ขบวนสู่ซานอันโตนิโอด้วยตู้นอนในวันที่สองและสาม ดีนพาออมเล็ตเจ้าสิงโตนีเมียนน้อยแสนรู้มาด้วย ตอนนี้มันสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ในกระเป๋าใส่สัตว์ใบใหญ่ สมแล้วที่ดีนอ่านบทความวิชาการให้มันฟังตอนยังเป็นไข่เกิดมาเลยเป็นสิงโตที่มีปัญญา เขาช่างมองการไกลเสียจริง!
               “อุ๊ย น้องหมาน่ารักจัง”
https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXdt9aQWAxwWqdSjAwLp9PzZamZKkqn1MdfLUaEe8WxQ2b7-srh02KOKS5VdFFFAnjZTf0_nKiBndiHCe7f3-4MUGSx7lxnfG_ZF1H7qWB2--p32zDlEvEkUTO9RmZuuW9_RT-WxbpxJNqNXegpRSaWvLQqY?key=ldjwukXqsRm3nmEdeyW3c0z0
               สาวคนหนึ่งที่เดินผ่านเอ่ยทักทายเจ้าออมเล็ต ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนรักสัตว์ที่มองผ่านม่านบังตาเห็นลูกสิงโตตัวนี้เป็นลูกสุนัขพันธุ์เชาเชา ดีนได้แต่ยิ้มให้จนเธอคนนั้นจากไป ก่อนจะขอบคุณเวทมนตร์ของเทพีเฮคาทีในใจ ถ้าความแตกมีหวังถูกเจ้าหน้าที่ลากตัวลงมาจากรถไฟแน่ ๆ
             “ว่าไป… ที่นั่งโอเคเลยนะ กว้างกว่ารถบัสมาก ถ้าเบื่อ ๆ ไปนั่งเล่นที่ตู้คาเฟ่ได้ด้วย”
               ลงทุนไปตั้งสองพันดอลลาร์นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
               @Mackenzie
               “ตอนเดินทางข้ามทวีปด้วยรถไฟเฮเฟตัสก็นานแบบนี้นะที่รัก”
               ดีนหัวเราะ การเดินทางรอบนั้นพวกเขานั่งรถไฟกันนานจนตูดแฉะไม่เกินจริง แต่แอมแทร็กเป็นรถไฟกึ่งเพื่อการท่องเที่ยว หน้าต่างบานใหญ่กว้างขวางสูงขึ้นเหนือเพดานทำให้สามารถเห็นทิวทัศน์ได้เต็มตา แถมยังมีสาธารนูปโภคครบครัน ทั้งคาเฟ่ ร้านขายอาหาร โซนที่นั่งชมวิวแบบเดี่ยว ห้องน้ำในรถไฟก็ใช้ได้ทั้งอาบน้ำและขับถ่าย อาจไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน แต่ถือว่าดีกว่าตอนไปทำภารกิจตามหาตรีศูลเยอะ
               ติดอย่างเดียวที่รู้สึกว่าขาดทุน พวกเขาใช้ไวไฟฟรีของขบวนรถไฟไม่ได้ นี่คือข้อเสียหลักของการเป็นเดมิก็อดสินะ
               ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง แม้อาจไม่เร็วเท่ารถไฟเฮเฟตัสหรือรถไฟหัวกระสุนแต่เป็นความเร็วที่มากพอจะเคลื่อนผ่านรัฐต่อรัฐได้โดยไม่เมื่อยตุ้ม
               หลังจากที่ดีนยัดหูฟังเปิดเพลงดิสนีย์ให้ออมเล็ตแล้วมันก็หลับปุ๋ย ดีหน่อยที่มันไม่ร้องเพลงตาม ไม่อย่างนั้นล่ะบันเทิง..
               ชายหนุ่มทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภาพชนบทเคลื่อนผ่านมาและเคลื่อนผ่านไปจนเห็นความผิดปกติบางอย่างจนต้องสะกิดคนรักที่อยู่ข้าง ๆ ให้หันมองตาม
               “แมคซี่ ๆ ดูนั่นสิ เพื่อนคุณไครอนล่ะ!”
               น้ำเสียงกระตือรือร้นบอกคนข้าง ๆ ไม่ดังมากนัก ด้วยจิตสำนึกเกรงใจสังคมยังพอหลงเหลืออยู่ ปลายนิ้วสีแทนจิ้มไปยังจุดที่อยู่นอกหน้าต่างบานยักษ์ ภาพที่เห็นไม่ใช่ทุ่งหญ้าธรรมดา แต่เขาเห็นครอบครัวเซ็นทอร์พ่อแม่ลูกกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยมีฉากหลังเป็นบ้านเรือนประชาชนประปราย ดีนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย แต่พอกดชัตเตอร์ลงไปภาพที่ได้กลับไม่ปรากฏอะไรนอกจากทิวทัศน์
               ยังดีที่ภาพตรงหน้าเป็นเซ็นทอร์ผู้รักสันโดษ ไม่ใช่อสุรกายเขี้ยวโง้งวิ่งไล่ตามขบวนรถ… ไม่เอา ไม่คิดดีกว่า เดี๋ยวมีจริง
               @Mackenzie
             “ไม่นะ ฉันว่าฉันถ่ายทัน แต่กล้องนี่มันบันทึกภาพสิ่งลี้ลับไม่ได้ต่างหาก”
               ครอบครัวเซ็นทอร์กลางทุ่งหญ้ากลายเป็นสิ่งเร้นลับไปเสียแล้ว ว่าไปก็น่าประหลาด เขาน่าจะถ่ายเซ็นทอร์ติดเป็นอะไรสักอย่างสิ เช่น ฝูงวัว หรืออะไรแบบนี้… ด้วยความใคร่รู้ดีนจึงลองถ่ายภาพออมเล็ตที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในกระเป๋าสัตว์ที่อยู่ใต้เท้า ภาพที่บันทึกได้เป็นภาพลูกหมาเชาเชาหาใช่ลูกสิงโตหรือความว่างเปล่า
               “แต่ว่าฉันถ่ายทันจริง ๆ นะ” ยังคงรั้นเถียง
               หรือเวทอำพรางของเซ็นทอร์จะมีอะไรพิเศษไปกว่าปกติ มันอาจไม่ใช่เวทมนตร์ลวงตาแต่เป็นเวทพรางกายไปเลย ทำนองว่า.. ‘มนุษย์อย่ามายุ่งกับพวกข้า’
               จะว่าไปถ้ามีกล้องที่ถ่ายติดสิ่งจากโลกแห่งทวยเทพได้คงดี ชาวเฮเฟตัสจะสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์วิเศษแบบนั้นได้หรือเปล่านะ? กล้องถ่ายผีก็ถ่ายผีไปเถอะ เจอกล้องถ่ายเทพเข้าไปก็สู้ไม่ได้หรอก
               @Mackenzie
               “ถ้าฉันเห็นคนเดียวนายจะหาว่าฉันบ้าไหม” ดีนหัวเราะน้อย ๆ เมื่อรู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น
               เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องเหนือธรรมชาติที่ตนเองมักจะประสบพบเจอคืออะไรทำให้ดีนไม่กล้าบอกใครว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้า แล้วยิ่งเรียนสายวิทยาศาสตร์มาอีกการทำตัวงมงายก็ไม่ใช่เรื่อง ในความเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ว่าใครจะต้องสามารถพิสูจน์หรือทำซ้ำได้แล้วได้ผลแบบเดิมเป็นสถิติ ครั้นจะพูดว่า ‘ก็เพราะว่าเป็นเดมิก็อดไง!’ สำหรับพวกเราแล้วถือเป็นหนึ่งในพันล้านของประชากรโลกได้มั้ง
               โชคดีเหลือเกินที่แมคเคนซีก็เป็นสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์เดียวกัน
             “แน่นอนที่รัก ถึงบ้านฉันจะบ้านนอกแต่ก็มีที่เที่ยวเยอะนะจะบอกให้ ที่แรกที่ฉันไปบ่อยมาก ๆ ภูมิใจนำเสนอแบบสุด ๆ เลยก็คือ…” เว้นช่วงนิดหน่อยให้ดูน่าตื่นเต้น “สวนสัตว์ซานอันโตนิโอไงล่ะ!”
               เจ้าถิ่นยิ้มยืดอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่อยากจะบอกเลยว่าเมืองที่เขาอยู่มีสวนสัตว์เล็กใหญ่รวม ๆ กันแล้วร่วมสิบแห่ง แต่ดีที่สุดคงไม่พ้นสวนสัตว์ประจำเมืองหรอก
               “นอกจากนั้นยังมีซีไลฟ์ด้วยนะ กลับบ้านไปคราวนี้ฉันจะเที่ยวสวนสัตว์กับอควาเรียมให้ฉ่ำไปเลย”
               @Mackenzie
             “....”
               นิ่งอึ้งตาไม่กะพริบกับสิ่งที่แมคเคนซีเล่าให้ฟัง ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วตบเข่าอีกฝ่ายที่นั่งข้าง ๆ
               “ฮาโลวีนคือเมื่อวานนายเล่าเรื่องผีช้าไปนะที่รัก!”
               ยังคงเชื่อว่าผีไม่มีจริง เขาเป็นเดมิก็อดจากสายเลือดมหาเทพผู้ปกครองครึ่งหนึ่งของโลกน่าจะอยู่จุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว มองเห็นอสุรกายที่คนปกติมองไม่เห็น แถมยังใช้พลังควบคุมน้ำยิงตู้มต้ามได้ ถ้าผีมีจริงก็ต้องเคยเห็นสิ ส่วนคำบอกเล่าจากเพื่อนร่วมค่ายชาวไทยว่าที่ไทยมีผีเยอะ ก็แค่.. ก็แค่หยอกเล่นล่ะน่า! ถ้าผีมีจริงต้องได้เจอแล้ว สิ่งที่ใกล้เคียงกับผีมากที่สุดเห็นจะเป็นอัลกูล
               “แต่พูดถึงเรื่องผี เมืองเกิดฉันขึ้นชื่อเรื่องปรากฏการณ์ทางวิญญาณมากเลยนะ มีกิจกรรมโกสต์วอล์กด้วย”
               โกสต์วอล์กคือกิจกรรมทัวร์อย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองซานอันโตนิโอ ไกด์จะพาลูกทัวร์เดินชมเมืองไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ยามค่ำคืน เช่น ปาซิโอ เดล ริโอ (ริเวอร์วอล์ก) หรืออลาโม ที่มีชื่อเสียง ตอนกลางวันสถานที่เหล่านั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่พอตกดึกสถานที่เหล่านั้นกลับวิเวกวังเวงชวนขนหัวลุกเสียอย่างนั้น
               ดีนเคยไปโกสต์วอล์กตอนอายุสิบแปด แม้เขาจะไม่รู้แต่ว่ามันก็เร้าใจดี ไม่ได้พบเห็นอะไรเป็นพิเศษนอกจากอสุรกายมีปีกที่พยายามไล่ตาม แต่โชคดีที่พ่อส่งม้าน้ำเวทมนตร์มาช่วยไว้จึงรอดตาย สิ่งที่ดีที่สุดคือได้โอบสาวในทริปที่มาด้วย (ซึ่งเรื่องนี้จะเล่าให้แมคเคนซีรู้ไม่ได้เด็ดขาด!) แต่ดีนได้บทเรียนอย่างหนึ่ง ‘อย่าออกจากบ้านตอนกลางคืนไปในที่เปลี่ยวและเต็มไปด้วยอสุรกายมิเช่นนั้นชีวิตจะหาไม่’
               “เมืองที่ฉันอยู่เคยเป็นสมรภูมิสงครามกลางเมืองเต็ม ๆ เลยมีตำนานผีเฮี้ยนเต็มไปหมด แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมง ถึงไปโกสต์วอล์กก็คงไม่สนุกแล้วมั้ง”
               ใบหน้าคมเข้มสบตรงเข้าไปในดวงตาสีฮาเซลคู่งามอย่างจริงใจ
             “ถ้านายสนใจเที่ยวแบบไหนก็บอกได้นะ! สวนสัตว์น่ะต้องไปอยู่แล้ว มีสวนสนุกซิกส์แฟลกส์ด้วย ที่ช็อปปิ้งหรือโบราณสถานที่เป็นมรดกโลกก็มี หรืออยากตามรอยชีวิตวัยเด็กฉันก็ได้ ถ้านายอยากไปที่ไหนรีเควสได้เลยที่รัก”
               @Mackenzie
               “เคยไปสิครั้งนึง มันก็มืด ๆ อ่ะนะ ไม่เจอผีแต่ว่าเจออสุรกาย ถ้าไม่ได้พ่อช่วยไว้คงตุยเย่”
               เบ้หน้าออกมาว่าเข็ดจริง ไปล่าท้าผีน่ะไม่เอาแล้ว แต่เรื่องเที่ยวกลางคืนน่ะบ่ยั่น ที่ใดแสงสีเยอะ ๆ อสุรกายก็ไม่ค่อยโผล่ออกมาสงสัยจะหนวกหู
               “งั้นก็จัดไป แต่ว่านายอยากรู้จริง ๆ อ่ะว่าฉันมีเฟิร์สคิสที่ไหน”
               ได้แต่ทำตาปริบ ๆ เอาเข้าจริงดีนก็จำไม่ได้ว่าใครคือจูบแรกของตัวเอง เฮเลน่า เกรดสิบ หรือว่ารุ่นพี่เอ็มม่า เกรดสิบสอง ไม่สิ เฟิร์สคิสจริง ๆ อาจจะเป็นเพื่อนต่างห้องที่จำชื่อไม่ได้สมัยประถมก็ได้ จะว่าไปก็นึกประหลาดใจตัวเอง ทำไมถึงยังจำชื่อสองสาวก่อนหน้าได้ฟะ
             “มีเวลาตั้งเดือนนึงงั้นฉันจะพานายเดินเที่ยวรอบเมืองให้พรุนเลย ไม่ใช่ริเวอร์วอล์ก หรือโกสต์วอล์ก แต่เป็น ‘ดีนวอล์ก’ เป็นไง”
               กล่าวจบก็หัวเราะเสียงเบา ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เท็กซัสและวีรกรรมวัยเด็กของดีน ทว่าชายหนุ่มไม่ได้เล่าเรื่องให้คนรักฟังทั้งหมดกลัวจะรับไม่ได้ (แม้ว่าแมคเคนซีพอจะรู้ว่าดีนเป็นคนอย่างไรอยู่บ้างก็ตาม) จนกระทั่งถึงเวลาเย็นที่ดวงตะวันมิได้คล้อยต่ำลงมาตาม
               .               .               .
               ดีนและแมคเคนซีย้ายออกจากที่นั่งในตู้ขบวนตามตั๋วมายังคาเฟ่ โชคดีเหลือเกินที่โต๊ะพอมีที่นั่งว่างอยู่ไม่ได้ถูกผู้สัญจรจับจองไปเสียหมด
             “อาหารราคาสี่สิบห้าเหรียญต่อมื้องั้นเหรอ แอบแพงแฮะ..”
               ดวงตาสีเปลือกไม้ไล่มองใบเมนูที่ได้รับมาจากบริกรประจำรถไฟ เท่าที่ดูมาก็มีแต่เมนูง่าย ๆ อย่างเช่น ฮอตดอก แซนวิชชีสย่าง แมคแอนด์ชีส แฮมเบอร์เกอร์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย และสลัด ดีนแอบเหล่ไปที่โต๊ะข้าง ๆ เห็นว่ามีสเต็กปลาหอมฉุยยกมาเสิร์ฟด้วย ทำไมถึงไม่มีในเมนูล่ะเนี่ย จึงยื่นหน้าเข้าไปสนทนากับคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
               “แมคซี่นายดูโต๊ะนั้นสิ อาหารหรูกว่าในเมนูเยอะเลย สิทธิพิเศษสำหรับคนจองตู้นอนงั้นเหรอ?”
               ในแพ็กเกจตู้นอนจะมีรวมอาหารทุกมื้อรวมอยู่ด้วย และเมนูอาหารที่ให้เลือกจะหรูหราหมาเห่ากว่ากันเยอะ คงเพราะการจองตั๋วล่วงหน้ามีการฟิกซ์จำนวนวัตถุดิบปรุงอาหารเอาไว้แล้ว ส่วนพวกที่จองแบบโค้ชคลาสไม่ได้มีสต๊อกวัตถุดิบเอาไว้มากมายขนาดนั้นจึงมีแต่อาหารง่าย ๆ กึ่งสำเร็จรูปมาปรุงเสิร์ฟ
               ที่รู้เพราะว่าวันที่สองและสามดีนจองตั๋วรถไฟแบบตู้นอนไปเนี่ยแหล่ะ จะบ่นว่า ‘รู้งี้จองแบบตู้นอนทั้งหมดเลยดีกว่า’ ก็ไม่ได้ เพราะราคาตั๋วแบบที่นั่งกับตู้นอนต่างกันครึ่งต่อครึ่ง
               บ่นไม่ทันไรบริกรก็มายืนข้างโต๊ะพลางยิ้มหวานกดดันคล้ายสื่อว่า ‘สั่งกันเสียทีสิ!’ มาอยู่ ณ จุดนี้จะไปอัพเกรดตั๋วเพิ่มคงไม่ได้ ได้แต่จำใจรับประทานอาหารเย็นสุดเรียบง่ายในราคาไฮโซไปก่อน
             “ต้องเลือกหนึ่งอันจากนี้สินะ.. งั้นแมคแอนด์ชีสแล้วกัน รำลึกความหลังสักหน่อย ส่วนเครื่องดื่ม น้ำส้มครับ”
               @Mackenzie
               “อื้อ ฉันจะอดทน”
               พรูหายใจออกมาบางเบา เดิมทีดีนไม่ใช่คนกินยากแต่ขอบ่นหน่อยกับราคาที่ไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่จะได้รับ บางทีอาหารที่เสิร์ฟอาจจะเป็นแมคแอนด์ชีสที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาเลยก็ได้ แต่ก็ต้องผิดหวัง รสชาติอาหารไม่ได้ดีเด่อะไรเป็นพิเศษ ก็อย่างว่าบนรถไฟมีครัวเสียที่ไหน ที่บริกรเสิร์ฟมาให้ก็คืออาหารสำเร็จรูปผ่านความร้อนจากไมโครเวฟเหมือนกับอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบินน่ะแหล่ะ
               ให้มันผ่านไป ก็แค่มื้อเดียว
               หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จทั้งสองก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ดีนให้อาหารออมเล็ตน้อยในกระเป๋าสัตว์เลี้ยง ในเวลานี้ไม่สะดวกให้เนื้อสดสิ่งที่เจ้าไข่เหลืองได้กินคืออาหารเปียกของสุนัข ลูกสิงโตไม่ได้อิดออดมันหม่ำอาหารสุนัขอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องร้องเพลง ‘ออมเล็ตหม่ำ ๆ หม่ำ ๆ กู๊ดบอย’
               จนถึงเวลาดึกที่ตะวันยังคงสว่างจ้า ม่านของผ้าม่านถูกดึงปิด เก้าอี้จากเบาะนั่งเปลี่ยนเป็นเอนนอน ดีเหลือเกินที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางไม่น่าอึดอัดเหมือนเครื่องบินหรือบนรถบัสทำให้เอนกายนอนราบได้อย่างสบายในพื้นที่จำกัด ในที่นั่งแบบโค้ชคลาสไม่สามารถใช้ห้องอาบน้ำได้คืนนี้จึงทำได้เพียงล้างหน้าแปรงฟันแล้วกลับมานอนจับมือกับคนรัก
               “เสียดายนะที่ข้างนอกไม่ใช่ตอนกลางคืน ไม่งั้นได้นอนจับดูดาวมือกันไปแล้ว”
               ชายหนุ่มหัวเราะน้อย ๆ นึกกล่าวโทษอะพอลโลนิดหน่อยที่ทำให้ทริปที่ควรจะโรแมนติกต้องเสียไป ตอนนี้รถไฟน่าจะเคลื่อนขบวนผ่านแถวโอไฮโอ รัฐที่ขึ้นชื่อว่ามีป่าไม้เยอะเป็นอันดับสองของประเทศรองจากอะแลสกา คิดดูสิว่าทิวทัศน์นอกหน้าต่างเป็นป่าไม้ร่มรื่นและทิวเขาตัดกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจะโรแมนติกแค่ไหน
               ความโคลงเคลงของล้อเหล็กที่บดกับรางคล้ายกับเปลกล่อมนอน ไม่นานนักก็ทำให้แพขนตาค่อย ๆ ปรือลง ดีนยกข้อมือที่ประทับด้วยลองจินส์รุ่นแฟลกชิป เฮอริเทจ มูนเฟซ ขึ้นมาดูเข็มนาฬิกาชี้เกือบไปถึงขีดสิบเอ็ดนาฬิกา ได้เวลานอนพอดี
             “ฉันง่วงแล้วล่ะ ฝันดีนะที่รัก แล้วฉันจะตื่นมามองหน้านาย”
               ริมฝีปากวาดอมยิ้มก่อนที่ดวงตาจะปิดลงอย่างสนิท
               @Mackenzie
https://lh7-rt.googleusercontent.com/docsz/AD_4nXdFHsEwu6BmmEb9QKqFVaKzV22qXyxl6GeC5Q0N3EEFJf3Qi4JXH-0JbzJYlkHp1QoqkvHOT1K_xTT1GX81QJaGwwfbA7JybGIoSia3bIMis4RpDDnzJPi4WeZaExR4Yse-Kob9zOX6evKd5qyPKD8gvZDc?key=ldjwukXqsRm3nmEdeyW3c0z0

Mackenzie โพสต์ 2024-11-2 16:44:33

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-11-12 14:03

Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-11-2 01:22
230มุ่งหน้าสู่ซานอันโตนิโอ P.1
               1/11/2024 - 8.00 น.~


42. Go to My Sweetie's Home IMhttps://i.imgur.com/ZP7G7iY.png
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
หลังกลับมาจากไปทำภารกิจที่ประเทศไทย แมคเคนซีก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกค่ายอีกเลย อาจไม่ใช่แค่ข้างนอกค่าย แม้แต่การออกจากบ้านพักหมายเลข 20 ก็แทบจะนับครั้งได้ด้วยซ้ำ ที่แน่นอนก็คือการออกไปทานอาหารที่โรงอาหารในแต่ละมื้อ จนกระทั่งแฟนหนุ่มหน้าตาคมเข้มสายเลือดแห่งเทพโพไซดอนเอ่ยปากชวนเขากลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่าการกลับไปในครั้งนี้จะเป็นการกลับไปเพื่อใช้สิทธิ์เลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็ตาม แต่ไหน ๆ ได้กลับบ้านแล้วทั้งทีอีกฝ่ายจึงถือโอกาสพาเขาไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักและอยู่ยาวยันวันขอบคุณพระเจ้าด้วยซะเลย ซึ่งแน่นอนว่าแมคเคนซีไม่คิดจะฏิเสธโอกาสนี้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้การเดินทางไปยังซานอันโตนิโอจึงได้เริ่มต้นขึ้น
“โอเค อาวุธพร้อมแล้ว ถ้าเจ้ามอนสเตอร์พวกนั้นมา ได้กลายเป็นผงแน่”
หลังจากที่ดีนเตือนว่าแถวบ้านมีอสุรกายมากมาย แมคเคนซีก็เตรียมอาวุธมาจนครบมือ แม้ว่าจูลี่น้องชายจากบ้านพักหมายเลขเดียวกันจะเคยทักว่าให้เขาลองไปแตะที่รูปปั้นเทพีเฮคาทีผู้เป็นแม่อีกครั้ง เผื่อว่าครั้งนี้เขาจะสามารถเพิ่มทักษะการใช้เวทมนต์ซึ่งเป็นพลังที่บุตรแห่งเทพีเฮคาทีสามารถใช้ แต่แมคเคนซีก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ พูดให้ถูกก็คือเขายังนึกภาพตนเองโบกไม้กายสิทธิ์เสกนั่นนี่ไม่ออกเลยด้วยซ้ำ การใช้เวทมนต์สำหรับเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการเล่นมายากล แมคเคนซีจึงคิดว่าจะใช้อาวุธที่ถนัดมือในการต่อสู้ไปก่อนดีกว่า
เวลานี้พวกเขามาอยู่บนรถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังชิคาโกกันแล้ว จากแผนการเดินทางที่ดีนวางไว้ พวกเขาทั้งสาม…ฟังไม่ผิดหรอก นอกจากแมคเคนซีกับดีนแล้วก็ยังมี ‘ออมเล็ต’ สิงโตนีเมียนที่ยังไม่โตเต็มวัยซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของดีนร่วมเดินทางไปด้วย ต้องนั่งรถไฟขบวนนี้กันยาวนานถึง 19 ชั่วโมงแล้วค่อยเปลี่ยนขบวนเพื่อเดินทางไปที่ซานอันโตนิโอต่อ
“ก็ดีอยู่ ติดแค่ว่านั่งนานชะมัด พวกเราคงได้หลับกันเป็นตายไปข้างนึง”
พอนึกถึงระยะเวลาที่ใช้เดินทางแล้วไม่ต่างกับนั่งเครื่องบินข้ามทวีปแม้แต่น้อยเพียงแต่พวกเขาเดินทางข้ามรัฐเท่านั้น แมคเคนซีมองออมเล็ตที่ตอนนี้ถูกมนตร์บังตากลายเป็นเจ้าสุนัขพันธุ์เชาเชาที่นั่งอยู่ในกระเป๋าใส่สัตว์ สงสัยเสียจริงว่าพอนาน ๆ เข้าจะร้องหงุงหงิงเพราะเบื่อนั่งรถไฟหรือเปล่า
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“นั่นมันข้ามทวีป แต่นี่แค่ข้ามรัฐเอง ยังไม่ข้ามประเทศด้วยซ้ำ”
ถึงจะบ่นกระปอดกระแปดแต่แมคเคนซีก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องการเดินทาง ตรงกันข้ามคือดีเสียอีก ตั้งแต่ย้ายมาเรีนต่อที่อเมริกาก็อยู่แต่ในนิวยอร์ก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปยังต่างเมือง ดวงตาสีฮาเซลละสายตาจากเจ้าลูกสิงโตนีเมียนที่ถูกเพลงจากหูฟังกล่อมจนหลับสนิทมามองคนรัก เขาคงไม่ได้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์ดีกว่าปกติ อาจเพราะได้กลับบ้านในรอบหลายเดือนก็เป็นได้
“โอ๊ะ นั่นมันครึ่งแพะ…เซ็นทอร์ใช่ไหม อยู่กันเป็นครอบครัวเลยแฮะ”
ถึงจะอยู่ค่ายฮาร์ฟบลัดมาหลายเดือน แต่แมคเคนซีก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับคำศัพท์ที่ชาวค่ายใช้กันเท่าไหร่ เขายังคงใช้คำพูดเหมือนพวกมนุษย์สามัญทั่วไปอยู่ ช่างไม่สมกับเป็นเดมิก็อดเอาเสียเลย แต่ภาพครอบครัวเซนทอร์ตรงหน้าก็เรียกความสนใจของเขาได้เป็นอย่างดี ยิ่งดีนถ่ายรูปเก็บไว้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปขอดูเสียหน่อย
“อ้าว นายถ่ายไม่ทันงั้นเหรอ ทำไมมีแต่รูปวิวล่ะ”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ถ้านายว่างั้นฉันก็เชื่อนาย เราเห็นกันทั้งสองคนนี่ แปลว่าเซ็นทอร์พวกนั้นมีตัวตนจริง ๆ แต่ถ้าใครสักเห็นแล้วอีกคนไม่เห็นก็ขนหัวลุกได้เลย”
แมคเคนซีกอดอกพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกต่อ ไม่แน่ว่าอาจจะเห็นสิ่งแปลกตาน่าอัศจรรย์ในโลกเทพปะปนอยู่ในโลกมนุษย์ดังเช่นเมื่อครู่อีกก็ได้
“ที่ซานอันโตนิโอมีอะไรขึ้นชื่อบ้าง อยากแนะนำหน่อยไหม”
นั่งกินลมชมวิวแบบนี้นาน ๆ เข้าอาจจะเบื่อกันไปทั้งคู่ แมคเคนซีเลยหาเรื่องชวนดีนคุยสักหน่อย
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ก็….ไม่ นอกจากพวกเราที่เห็นมอนสเตอร์หรือสิ่งมีชีวิตในโลกเทพได้แล้ว คนธรรมดาที่มีซิกส์เซ้นส์ก็มีไม่ใช่เหรอ อย่างเช่นว่า….”
เงียบไปเล็กน้อยรากับคิดอะไรบางอย่าง ไหน ๆ พวกเขาก็กลับจากประเทศอังกฤษและประเทศไทยมาแล้ว เวลานี้คงถือว่าเหมาะสมกับที่จะเล่าเรื่องที่ตนเองไปเจอมาได้แล้วล่ะมั้ง
“ผู้หญิงสวมเดรสขาวเปื้อนเลือดแต่ไม่มีหัวที่หอคอยลอนดอน ไม่ก็ผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณเหมือนกับที่นายจะซื้อมาฝากรีชตอนไปตลาดน้ำ”
ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ดีนมากพร้อมกับลดเสียงพูดจนกลายเป็นเสียงกระซิบตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับไม่ควรแพร่งพรายให้ใครฟังอย่างไรอย่างนั้น พอรู้ตัวเลยขยับถอยมานั่งยืดหลังตรงแล้วกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาสนใจเรื่องที่ถามอีกฝ่ายค้างไว้
“ให้ตายสิ ฉันนึกว่าจะเป็นพวกของที่ระลึกอะไรแบบนี้ซะอีก เที่ยวให้ฉ่ำ…งั้นแปลว่ากลับบ้านนายคราวนี้พวกเราต้องทัวร์สวนสัตว์กับอควาเรียมกันน่ะสิ”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
พอโดนตบเข่าแล้วหัวเราะใส่ แมคเคนซีก็รู้แล้วว่าดีนคงไม่เชื่อเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าไปแน่นอน แต่เขากลับไม่โกรธคนรักแม้แต่น้อย ก็ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นมากับตาเลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นภาพลวงตา แล้วมันคืออะไร…แมคเคนซีเองก็ยังตอบไม่ได้เช่นกัน
“มีกลางวันตลอดแบบนี้ก็ดี ฉันไม่อยากมีประสบการณ์ล่าท้าผีหรอกนะ นายเคยไปโกสต์วอล์กอะไรนั่นไหม”
ไม่อยากจะเชื่อว่าที่บ้านเกิดของดีนจะมีกิจกรรมที่เหมือนรายการวาไรตี้ยามดึกแบบนี้ด้วย แมคเคนซีไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่อยู่ข้างวิทยาศาสตร์จ๋าจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยซ้ำ ส่วนเขาน่ะเหรอ…ทำไมต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมไร้สาระแบบนั้นด้วยล่ะ
“มาบ้านเกิดนายทั้งที ฉันต้องรีเควสตามรอยชีวิตวัยเด็กของนายอยู่แล้ว นายชอบไปที่ไหน ร้านอาหารร้านโปรดของนาย รวมไปถึงที่ที่นายมีเฟิร์สคิสด้วย”
แมคเคนซีมองตอบกลับดวงตาสีเปลือกไม้อันน่าหลงใหลของคนตรงหน้า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องราวของดีนอีกล่ะ
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
หลังจากคุยเรื่องต่าง ๆ กันไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยมาเย็นย่ำ พวกเขาก็มาที่ตรงโบกี้รถไฟส่วนที่จัดไว้เป็นคาเฟ่เพื่อบริการผู้โดยสารที่ดีนพูดถึงเมื่อตอนเพิ่งขึ้นรถไฟ ดู ๆ แล้วบรรยากาศและการตกแต่งก็เหมือนกับคาเฟ่ทั่วไป เพียงแต่ย้ายสถานที่มาอยู่บนรถไฟเท่านั้น
แมคเคนซีสั่งอาหารง่าย ๆ อย่างแฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชย่างมาอย่างละอันพร้อมกับน้ำแร่หนึ่งขวด แม้เขาจะอยากดื่มโกโก้ร้อนเครื่องดื่มสุดโปรดแค่ไหนแต่ก็คิดว่ามันคงจะเลี่ยนหากทานคู่กับอาหารฟาสต์ฟู้ด
“เดี๋ยวเปลี่ยนขบวนไปตู้นอนก็ได้กินอาหารหรูแล้ว อดใจรอหน่อยนะที่รัก”
หลังจากเหลือบไปมองโต๊ะข้าง ๆ ตามเสียงซุบซิบของดีนก็เห็นสเต็กปลาหน้าตาน่าทาน เอาเถอะ…พอเปลี่ยนขบวนเมื่อไหร่ อาหารการกินก็คงจะดีกว่านี้
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
ถึงดีนบอกว่าจะอดทน แต่เมื่ออาหารมาเสิร์ฟแล้วแมคเคนซีก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เอ็นจอยกับอาหารมื้อนี้เท่าไหร่ซึ่งเขาก็เข้าใจดี เพราะรสชาติของมันไม่ได้เหมาะสมกับราคา แม้แต่แฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชชีสย่างที่เขาสั่งมาก็เป็นแบบนั่น ปกติเขาจะชวนให้คนรักชิมอาหารของตนแต่รอบนี้รสชาติมันช่างธรรมดาเกินไปจนไม่สามารถเอ่ยชวนได้จริง ๆ
จบจากมื้ออาหารแสนกร่อยก็ได้เวลาให้อาหารเจ้าสิงโตน้อยออมเล็ต แมคเคนซีไม่อยากเชื่อเลยว่าสิงโตนีเมียนจะกินอาหารสัตว์ได้ด้วย คงต้องยกความดีความชอบให้ดีนล่ะมั้งที่ไม่รู้ไปฝึกอีท่าไหน ออมเล็ตถึงได้เชื่องผิดสิงโตไปขนาดนี้
“ไม่เป็นไร นอนดูพระอาทิตย์กันไปก่อนก็ได้”
หัวเราะผสมโรงไปด้วย การได้นอนจับมือกับคนรักถือว่าเป็นความสุขแล้วสำหรับแมคเคนซี ต่อให้ต้องนอนดูพระอาทิตย์อันเจิดจ้าแทนดาวหรือเดือนเขาก็ไม่สนใจ
“มองได้แต่อย่าลักหลับฉันล่ะ”
แกล้งแซวไปทีนึง แสงแดดตอนนี้สว่างเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเวลาค่ำแล้ว แต่คนที่เคยหลับตอนใกล้รุ่งสางหลังเลิกงานกลางคืนอย่างแมคเคนซีแล้วแสงอาทิตย์ก็ถือว่าไม่ใช่สิ่งรบกวนการนอนเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานอนของตน ดังนั้นก่อนที่ดีนจะได้ตื่นมามองหน้าหล่อ ๆ ของเขา แมคเคนซีจึงเป็นฝ่ายมองใบหน้ายามหลับใหลของอีกฝ่ายตอนนอนไปก่อน

https://i.imgur.com/ZP7G7iY.png
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13
ดูในรูปแบบกติ: [ทางเข้าค่าย] ประตูค่าย