กว่าจะถึงวันสุดสัปดาห์ที่นัดพบกันกับดาริน่า ‘ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล’ ก็อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเต็มแก่ แผลรอยกัดที่ไหปลาร้าหายไปแล้ว แต่มีพร็อพใหม่เพิ่มขึ้นมา คือ อุปกรณ์พยุงแขนที่ข้างซ้าย และรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวนิดหน่อย
เรื่องมันเกิดขึ้นในวันที่เขานัดเจอกับหญิงสาวครั้งก่อนนี้เอง ระหว่างขี่จักรยานออกจากเซ็นทรัลพาร์คไปบอร์ดเวย์รถบรรทุกที่ไม่น่าจะขับขี่อยู่บนตรอกแคบ ๆ ก็ไล่บี้เขาบนถนน พูดได้เลยว่าเกือบตาย แต่ยังไม่ตายในตอนนี้ ตามคาดรถบรรทุกนั้นกลายร่างเป็นหุ่นยนต์เหล็กที่เรียกตัวเองว่า “ออพติมัส ไพรม์”— ไม่ใช่ล่ะ เป็นสัตว์ประหลาดตัวบิ๊กเบิ้มต่างหาก และแน่นอนว่าไม่มีใครนอกจากดีนที่เห็นมันกลายร่าง ผู้คนบนถนนต่างแตกตื่นแล้วตะโกนกันว่า “รถบรรทุก!”
ตอนนั้นชายหนุ่มมัวแต่ขี่จักรยานหนีตายอยู่จึงไม่ได้มองรอบ ๆ เขารู้แค่ว่าตัวเองโดนเสยท้ายไปทีจนจักรยานพังยับยู่ยี่แล้วตัวเองกระเด็นสูงขึ้นไปหลายฟุตก่อนที่จะตกลงมากระแทกพื้น— แต่จะพูดว่ากระแทกพื้นทีเดียวก็ไม่ถูก ก่อนร่างกายกระทบคอนกรีตเขารู้สึกถึงสายน้ำรองรับตัวอยู่ หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเพราะว่าสลบเหมือดไป
ใครเห็นก็ว่าตายแต่เขาแค่ไหล่หลุด โชคดีเป็นบ้าที่ตอนนั้นสลบอยู่เลยไม่ทันได้เจ็บ พอฟื้นขึ้นมาก็ปวดเคล็ดตามร่างกายอยู่บ้างและได้พร็อพเสริมเพิ่มขึ้นมาคือสายคล้องแขนอย่างที่ทุกคนเห็น แม้ไม่เจ็บไหล่เท่าไรแล้วหมอกำชับไว้ว่าต้องใส่สายคล้องช่วยพยุงไว้ประมาณสองถึงสามสัปดาห์
สรุปก็คือวันนั้นไม่ได้ไปทำงาน แต่จูนที่เป็นผู้จัดการร้านต้องมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลแทน
จะว่าไปเธอก็น่ารักเหมือนกันนะ— ไม่ ๆ กลับเข้าเรื่องต่อ
เขายื่นเรื่องลาออกไปแล้วและตัวเองก็เพิ่งถูกรถบรรทุกชนมา ถึงจะบอกว่าไหวแต่ผู้จัดการบอกว่า “ดีน พักเถอะ” เพราะงั้นหลังจากนี้เขาจึงว่างยาว ๆ อยู่ในห้องอะพาร์ตเมนต์อันแสนน่าเบื่อหน่าย และสังเคราะห์แสงจากวิตามินดีที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเพียงเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือก่อนวันนัดกับดาริน่าเขาจึงไม่พบกับเรื่องอันตรายอีก
แต่จะบอกว่าไม่เจออะไรแปลก ๆ ก็ไม่เชิง สองสามวันมานี้เขาเห็นม้าน้ำสีฟ้าลอยตุบป่องอยู่นอกหน้าต่าง แต่พอขยี้ตาก็ไม่เห็นอะไร บางทีอาจจะตาฝาดเห็นนกเป็นม้าน้ำก็ได้ หรือถ้าเป็นสัตว์ประหลาดมันก็ไม่เข้ามาทำร้าย คงเพราะยันต์ดีที่ได้มาจากพระทิเบต— เฮ้! อย่ามองอย่างนั้น เขาไม่ได้งมงาย แค่เอามาแปะกันไว้เล่น ๆ ยังไงซะในหัวใจดวงนี้ก็มีวิทยาศาสตร์อยู่เต็มเปี่ยม
โอเค จบการเกริ่น...
เหมือนว่าวันนี้ดีนจะมาถึงจุดนัดพบก่อนหญิงสาว เขานั่งรอดาริน่าที่ป้ายรถบัสตรงนั้นเมื่อพออีกฝ่ายมาถึงจะได้เห็นตัวเขาง่าย ๆ ในใจพลางคิด
‘ลัทธิประหลาดตั้งอยู่ในป่างั้นเหรอ เข้าไปจะเจออะไรบ้างวะเนี่ย!’
@Daryna
ระหว่างรอดีนส่งข้อความไปหาลุงไมค์ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ดีนเคยบอกลุงไมค์ไว้แล้วว่าจะไปลองไอแลนด์เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ลุงฟังทั้งหมดเพราะลุงไมค์เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เชื่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติ แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวที่ไม่กระโตกกระตากและร้อนใจ
“ผม มา ถึง ที่หมาย แล้ว กำลัง รอ เพื่อน ถ้า ผม ไม่ ติดต่อ กลับมา ภายใน สามวัน ลุง แจ้งตำรวจ ได้เลย”
ริมฝีปากอ่านออกเสียงแผ่วตามตัวอักษรที่พิมพ์ส่งไป
รออีกไม่นานรุ่นน้องสาวก็มาถึง
“โย่ ดารี่!”
ดีนยกมือขวาขึ้นทักทายดาริน่าอย่างที่เคยทำ แต่ก็เจ้าตัวดันรีบจ้ำมาจิ้มที่แขนซ้ายแทน แหงมล่ะ หลักฐานเด่นสะดุดตาเสียขนาดนี้ แต่ดีนก็ยักไหล่
“ไหวสิ ฉันพูดคำไหนคำนั้นนะ ที่บอกว่ายังไม่ตายก่อน”
เขาหัวเราะทำเป็นขำเพราะไม่อยากให้รุ่นน้องเป็นกังวลใจ ในนาทีที่ยังหัวเราะได้ก็ยิ้มให้มากหัวเราะเข้าไว้ไปก่อน เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ยิ้มออกก็เป็นได้
‘ปลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรหว่าเรา’
“ถ้างั้นเข้าไปกันเลยไหม? แต่ในนามบัตรบอกทางไว้ถึงแค่นี้ ที่เหลือเราคงต้องหาทางไปต่อกันเอง”
แต่เมื่อลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมองตำแหน่งที่ตั้งตามนามบัตรมีแต่ป่าเขียวชะอุ่ม เท่าที่ส่องดูพอจะเห็นว่ามีทางเล็ก ๆ ที่เดินได้เข้าไปในป่านั้นได้ จากที่เสิร์จดูในอินเตอร์เน็ตเส้นทางนี้เป็นทางที่นักเดินเขาชอบใช้กันถึงได้มีป้ายรถบัสและจุดพักรถตั้งอยู่ไม่ไกล
“ฟู้ว~ ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ เริ่มถ่ายไลฟ์จากตรงนี้เลยแล้วกัน”
ดีนเป่าปาก อาการอยู่ไม่สุขแสดงออกมาอย่างชัดเจนจากการกระโดดเหยาะ ๆ อยู่กับที่ อสุรกายนั้นน่ากลัว แต่ภัยจากนักต้มตุ๋นจอมชั่วร้ายก็อันตรายไม่แพ้กัน
เข้าตั้งสติแล้วเปิดโทรศัพท์มือถือตั้งค่าถ่ายทอดสด เหลือแค่กดปุ่มสตาร์ททุกอย่างก็จะเริ่มต้น ทว่าต้องถามความสมัครใจของอีกฝ่ายก่อน
“ฉันถ่ายหน้าเธอติดลงไปได้ไหม?”
@Daryna
“ไม่เป็นไรสบายมาก แขนนี่ไม่ได้เจ็บเท่าไรแล้ว หมอแค่ให้ใส่ประคองไว้เฉย ๆ”
เขาไม่ได้พูดโกหก ความจริงอยากจะเหวี่ยงสายคล้องแขนทิ้งไปด้วยซ้ำ ดังนั้นแม้จะดูเทอะทะแต่การใช้ชีวิตของดีนก็ไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น
เพราะที่ผ่าน ๆ มามันลำบากกว่านี้เยอะ
“โอเค งั้นจะเริ่มถ่ายแล้วนะ”
ปลายนิ้วกดแตะปุ่มไลฟ์สตรีม รอไม่ทันจะถึงนาทีคนเพื่อนเยอะอย่างเขาก็กดเข้ามาดูไลฟ์ราว ๆ สิบคน และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ
“ไฮฮาย สวัสดีพรรคพวก ตอนนี้ฉันอยู่ที่ป้ายรถบัสแห่งหนึ่งในลองไอแลนด์ วันนี้อากาศดีเลยว่าจะมาไฮกิ้งสักหน่อย”
ชายหนุ่มพูดเปิดไลฟ์ไปพร้อมกับหันกล้องถ่ายสถานที่โดยรอบอย่างถ้วนทั่ว เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นตำรวจจะได้ตามหาข้อมูลในคลาวด์แล้วพาเขากับดาริน่ากลับบ้าน ประจวบเหมาะกับตอนที่รุ่นน้องสาวอาสาเป็นคนนำทางพอดี เขาเพียงพยักหน้าให้เธอแล้วกลับมาพูดกับกล้องต่อ
“แล้ววันนี้เรามีไกด์สาวคนสวย ดารี่นั่นเอง เฮ้! ทิมมี่หุบปากไปเลย ไม่ได้มาเดทกันเว้ย!”
เขาโวยใส่แชทที่พิมพ์แซว ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่เดินนำหน้าจะได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า
ถูกส่วนหนึ่งที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้เขาแค่อยากจะจีบรุ่นยูเครนคนสวยเลยเข้าไปขอเบอร์ติดต่อ แต่พอคุยกันไปกันมาแล้วได้ประสบภัยหนีตายด้วยกันครั้งนึง จึงรู้ว่าดาริน่าเป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา เรียกว่าไงดีล่ะ ผู้ที่มีสัมผัสพิเศษเหรอ? หรือมนุษย์ที่มีคลื่นสมองพิเศษ? ฟังดูแล้วเขาชอบอย่างหลังมากกว่า
ในเมื่อมีเรื่องสำคัญต่อชีวิตให้คุยกันมากกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาปะปน
“เอาล่ะ ในเมื่อเธออาสานำทางก็ ลุย!”
ดีนเดินตามดาริน่าเข้าไปในป่า เพราะเส้นทางถูกกรุยไว้อยู่แล้วคนที่มีแขนเดียวถือสมาร์ทโฟนอย่างเขาจึงเดินเข้าไปได้สบาย จนได้มาเห็นซุ่มประตูที่ถูกสลักชื่อไว้ว่า ‘ค่ายฮาล์ฟบลัด’ ราวกับมีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่รอบซุ้มประตู มันเป็นพลังงานขั้วตรงข้ามกับสัตว์อสูรที่เขาเคยพบเจอ ด้วยความพิเศษนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง
“เฮ้! พวกนายเห็นนั่นไหม? ซุ่มประตูที่เหมือนจะมีแสงออกมา”
พูดไปสายตาก็ไล่อ่านแชท แต่ทุกคนในไลฟ์ต่างพร้อมใจกันพิมพ์ ‘ไหน?’ ‘ซุ้มประตูอะไร’ ‘ไม่เห็นจะมีอะไรเลย’ ‘ดีนนายหลอนหรือเปล่าวะพวก’
“มีสิ มันมีจริง ๆ พวกนายพร้อมใจอำฉันกันรึเปล่าเนี่ย”
ขณะต่อล้อต่อเถียงกับแชทอยู่นั้นเองชายหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงสะกิดแผ่วเบา แต่มันเบาเสียจนเขาไม่ทันได้สนใจ
“เอางี้เดี๋ยวฉันแตะให้ดู นายจะได้รู้ว่าฉันแตะอากาศหรือว่าประตู”
แล้วพอจะไปพิสูจน์ความจริงเขาถึงรู้สึกแรงสะกิดที่เพิ่มมากขึ้นจนต้องหันไปหาเพื่อนร่วมทาง
“หืม มีอะไรเหรอดารี่?”
@Daryna
“ตัวประหลาด ฮะ!?”
ขายังไม่ทันขยับก็ถูกหญิงสาวถูลู่ถูกังพาวิ่งเข้ามาในอาณาเขตซุ้มประตูโดยที่ดีนยังไม่ทันจะเห็นสัตว์ประหลาดที่ดาริน่ากล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย
แต่วันนี้ดาวซวยน่าจะโคจรรอบดาริน่ามากกว่าดีน จู่ ๆ เธอก็สะดุดล้ม เขาพยายามจะช่วยประคองหล่อนขึ้นมาแต่แขนที่ว่างดันอยู่ในสายพยุงแขน
“เฮ้ย! ระวัง!!”
แต่แล้วร่างของหญิงสาวก็ถูกฉุดไปอีกทาง ปีศาจร้ายตนนั้นมันมาถึงตัวแล้วเหรอ!?
ทว่าภาพที่เห็นกลายเป็นว่ารุ่นน้องของเขากำลังล้มทับอยู่บนตัวของเด็กเสื้อส้มคนหนึ่ง ด้วยความที่เจออะไรมาเยอะดีนไม่วางใจว่าเด็กที่เห็นเป็นมนุษย์อย่างพวกเขา ขนาดว่าแมวน้อยน่ารักมันยังแฝงตัวเป็นมาแล้วเพราะงั้นมันอาจจะปลอมเป็นเด็กที่ดูไร้เดียงสาคนนี้ก็ได้
ยังไม่ทันได้อ้าปากอะไรดีนก็ถูกเด็กผู้ชายคนนั้นแย่งพูดไปเสียหมด
‘พวกครึ่งเทพเริ่มทยอยกันมา.. ไปรายงานตัวกับคุณไครอน..’
ดีนได้แต่ทำหน้าเหรอหรากะพริบตาปริบ ๆ หากจำไม่ผิดเขาเคยฟังเรื่องอ้างสิทธิ์ของการเป็นลูกเทพมาจากจิตแพทย์เพี้ยน จะว่าไปเมื่อสังเกตดี ๆ เสื้อยืดสีส้มที่เด็กคนนั้นใส่มีโลโก้เดียวกับนามบัตรของลัทธิเปี๊ยบ
‘พวกต้มตุ๋นถึงกับใช้แรงงานเด็กเลยเหรอ..’
เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มคนนั้นจับใจ ถ้าต้องโตมาด้วยเรื่องไร้สาระพวกนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยป่านนี้จะมีอะไรฝังหัวอยู่บ้างก็ไม่รู้ แบบนี้ต้องตามไปถ่ายคลิปเพื่อแฉ!!
ทว่าเมื่อหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูก็เห็นว่าไลฟ์ที่ถ่ายทอดสดอยู่ถูกตัดไปแล้วและที่นี่ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ผิดคาดนักเพราะที่นี่อยู่ในป่า เอาเป็นว่าเดินตามสองคนข้างหน้าไปอย่างระวังตัวแล้วจากนี้ค่อยว่ากัน