[ทางเข้าค่าย] ประตูค่าย

  [คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×


ประตูค่าย








หลังเดินผ่านเนินฮาล์ฟบลัด และต้นสนศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องเขตแดนค่าย
ท่านจะเห็นประตูโค้งที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว ประดับประดาด้วยไม้เลื้อยงดงาม
ข้างบนซุ้มประตูสลักอักษรสีทอง 'ค่ายฮาล์ฟบลัด' เป็นภาษากรีกโบราณ
เบื้องหลังประตูหินอ่อน ท่านได้เห็นเหล่าชาวค่ายกำลังยืนจับกลุ่มสนทนา
บ้างมองมาทางท่านที่เป็นเด็กใหม่ ก่อนจะมีรุ่นพี่เข้ามาแนะนำให้ท่านไปยัง
'บ้านใหญ่' อาคารหินอ่อนหลังใหญ่ตรงหน้าไม่ไกลจากประตู



แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 3298 ไบต์และได้รับ 2 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-2-23 00:30
โพสต์ 2024-2-26 01:13:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2024-2-26 16:40



Camp Half-Blood




เราใช้เวลากว่าชั่วโมงเศษ ๆ กับการขับรถขึ้นทางด่วนเพื่อออกนอกแมนฮัตตัน ก่อนจะขับชิลด์ ๆ ตามถนนมาลองไอส์แลนด์ ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าค่ายเลือดผสมที่ ๆ ฉันกำลังจะไปจะอยู่ในพื้นที่ชนบทของนิวยอร์ก ก่อนคิงจะจอดรถ
          "เราถึงแล้ว นายเดินไปต่ออีกนิดไม่ไกลจะเจอชุ้มโค้งประตูทางเข้า ตรงนั้นสังเกตได้ง่าย เนินที่มีต้นสนคลุมด้วยหนังแกะทองคำสว่างไสว" คิงบอกกล่าว เขาต้องรีบพารถไปคืน 
          "งืม โอเครครับ ขอบคุณ" เดม่อนตอบรับอีกฝ่าย ก่อนเขาจะลงจากรถเดินไปยังทิศที่คิงแนะนำ
         เดม่อนเดินไปพลางเพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพเนินฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ ที่นี่อุดมสมบูรณ์และเขียวขจี อากาศก็บริสุทธิ์อีกด้วย เขาไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ในแมนฮัตตันเลย นอกจากตึกสูงมากมายและถนนคอนกรีต มลพิษจากรถ นี่หรือเปล่านะที่พ่ออยากจะพูดกับผมก่อนเขาตาย ผมคิดในใจ

เดม่อนเดินไปตามถนนดินแดน ก่อนเขาสังเกตเห็นซุ้มโค้งเขียนด้วยภาษากรีกโบราณ 'Camp Half-Blood' 

"ที่นี่สินะที่ ๆ ปลอดภัย" เดม่อนพูดขึ้นอ่านชื่อป้าย "ค่ายฮาล์ฟบลัด... ชื่อตรงตัว"
เขาพูดก่อนเดินเข้าไป เขาสงสัยจริง ๆ ว่ามนุษย์เห็นพื้นที่ตรงนี้เป็นอะไรกันนะ ในเมื่อมันเปิดโล่งขนาดนี้ แต่มีบ้านพักเรียงกันมากมาย และอาคารหลายหลังข้างล่างเนิน 
เดม่อนยืนมองจากเนินฮาล์ฟบลัด วิวทัศน์มองค่ายจากด้านบนก็นับว่าสวยใช้ได้

 สำหรับตอนนี้เขาไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลมากนัก เดินไปพร้อมกับเสพบรรยากาศธรรมชาติรอบตัว ระหว่างทางพบเห็นเด็ก ๆ หลายคน บ้างก็เพิ่งอายุ 12 ดูเหมือนพวกเขาจะมาถึงที่นี่ก่อนฉันอีก เขาถามไถ่คนหนึ่งที่ใส่เสื้อยืดสีส้ม เขาบอกให้ฉันไปพบไครอนก่อนถ้ามาครั้งแรก ฉันรู้สึกคุ้นชื่อไครอน พยายามนึกว่าเคยได้ยินเขาที่ไหน
'ปิงโก' ฉันพอนึกออกแล้ว ที่แท้ไครอนคนนี้คือคนที่ฝึกวีรบุรุษในตำนานกรีกนี่เอง 
"ฉันมาแล้วค่ายฮาล์ฟบลัด" เดม่อนพูดเสียงดังก่อนเดินไปยังบ้านใหญ่

 


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7017 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-2-26 01:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2024-2-27 13:08:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Feria เมื่อ 2024-2-27 13:10

Play it coolFeriaHayes time
ในที่สุดเฟเรียก็เดินทางมาถึงยังค่ายฮาล์ฟบลัดที่อยู่ในประเทศอเมริกาเสียสักที ถึงจะเสียเวลาเดินทางโดยเครื่องบินที่สุดแสนจะยาวนานไปเสียสักหน่อยก็เถอะนะ 
"ที่นี่คือ..."
"ค่ายฮาล์ฟบลัด สถานที่ที่ร่วมเหล่าลูกครึ่งเทพไว้ด้วยกันน่ะ"
"ถ้างั้นทุกคนที่นี่ก็เป็นเหมือนเราเหรอคะ ทำไมถึง..."
ด้วยความกังวลที่ได้ย่างก้าวเข้ามาในสถานที่ที่เธอไม่รู้จัก แถมก็รู้สึกถึงสายตาที่พากันมองเธอมา  บางคนก็จับกลุ่มคุยกัน เลยทำให้เฟเรียถึงกับหยิบเฮคโฟนที่อยู่ที่คอมาสวมไว้ จนพี่มาร์ธ่าขำ 
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ทุกคนเขาแค่อยากรู้ว่าเด็กค่ายคนใหม่เป็นคนแบบไหนเท่านั้นเอง"
"จริงนะ"
เสียงหัวเราะของพี่มาร์ธ่าทำให้สาวน้อยชาวสเปนคนนี้คลายความกังวลลง และถอดเฮคโฟนมาพาดที่คอเหมือนเดิม ก่อนที่จะมีเด็กชาวค่ายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ
"ไงเพื่อนใหม่ ยินดีต้อนรับสู่ค่ายฮาล์ฟบลัดนะ"
"อะ เออ...ค่ะ เฟเรีย เฮย์สค่ะ ยะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อะ เออ..."
"เฟเรียยังตื่นเต้นอยู่น่ะอย่าถือสาเลยนะ"
"โธ่~ขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไร ๆ พึ่งมาใช่ไหมล่ะ อย่าลืมไปรายงานตัวที่บ้านใหญ่ทางนู่นด้วยล่ะ"
เด็กคนนั้นชี้ไปทางบ้านหลักใหญ่หลังหนึ่งที่น่าจะเป็นบ้านใหญ่ตามที่อีกฝ่ายบอก นั่นคงเป็นจุดหมายต่อไปของเธอแล้ว
"ฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว อยู่ที่นี่ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปแล้วกันนะเฟเรีย บาย"
"ค่ะ จะพยายามนะคะ"
ว่าแล้วเธอก็ตัดสินใจเดินทางไปยังบ้านใหญ่ตามคำของเพื่อนชาวค่ายคนนั้นทันทีอย่างไม่รอช้า
bettyleg

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8198 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-2-27 13:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2024-2-27 21:33:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nereza เมื่อ 2024-2-27 23:06







CAMP GATE

จากกรุงปารีสลัดฟ้ามาถึงนิวยอร์ก เธอสาบานว่าตัวเองทำหน้าบึ้งตึงตรงข้ามกับเพื่อนร่วมทางที่นั่งใส่หูฟัง ฟังเพลงอย่างสบายใจมาตลอดทั้งทาง —- “ อย่างอแงไปหน่อยเลย ที่นั่นไม่ได้แย่หรอกน่า อายุเธอก็ตั้งเท่านี้แล้ว ออกมาใช้ชีวิตเองมันไม่แย่หรอก ” อาเธอร์ออกปากพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน ซึ่งนั่นทำให้คนฟังถึงกับต้องกรอกตาไปรอบใหญ่

“ ฉันใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตั้งแต่ต้นแล้ว อาเธอร์ ” เนเรซ่าตอบกลับในระหว่างที่ใบหน้างามหันมองนอกกระจกรถที่กำลังเคลื่อนตัวไปตามเส้นถนนชานเมืองเพื่อนำพาเธอไปส่งยังสถานที่ลี้ลับที่ถูกกล่าวถึงในฐานะ ‘ ค่ายฮาร์ฟบลัด ’ สิ่งที่เนเรซ่ารู้จากอาเธอร์ในตอนนี้ถือเป็นข้อมูลโดด ๆ ที่จับใจความได้บ้าง แต่ก็ยังทำใจเชื่อได้ยาก อีกฝ่ายกล่าวอ้างว่าในตัวพวกเขามีสายเลือดของเทพไหลเวียนอยู่ และเมื่อถึงเวลา ทายาทของเทพทุกคนจะต้องเข้าร่วมกับค่ายฮาร์ฟบลัดเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของการเป็นครึ่งเทพ

นานมากแล้วที่เธอไม่ได้มานิวยอร์ก เดิมทีเนเรซ่าเกิดและโตที่อเมริกา ชีวิตของเธอวนเวียนอยู่ที่บอสตัน สลับวนเวียนอยู่กับนิวยอร์ก และจบลงด้วยการข้ามทวีปไปไกลถึงฝรั่งเศส ไม่แน่ว่าอย่างน้อยการได้กลับมาเยือนถิ่นบ้านเกิดในครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าที่เธอคาดไว้ แต่ยังไงมันก็คงเปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอถูกตาตัวแสบอย่าง ‘ อาเธอร์ ’ อุ้มขึ้นบ่าและลักพาตัวมาอย่างอุกอาจอยู่ดี

“ อย่าทำเหมือนอาลัยอาวรนักสิ เขาไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นด้วยซ้ำ ” ครึ่งเทพหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยยามที่พูดถึงบุคคลที่สามอีกครั้ง เขายังนึกเคืองไม่หาย หากต้องพูดถึงเอเดรียน เฮนลาดิสที่หลังจากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะพาตัวหญิงสาวข้างกายไปที่ไหน ทางนั้นก็ทำเพียงแค่ส่งสติกเกอร์ตอบกลับภายในช่องแชทแบบที่ไม่รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเลยแม้แต่นิด “ เขาเป็นพ่อประสาอะไรกัน ”

จากที่ร่วมทางด้วยกันมานานอย่างน้อยความเห็นนี้ของอาเธอร์ก็พอจะเข้าหูเธออยู่บ้าง เนเรซ่าคงไม่ได้ทะยานอยากได้รับความรักความสนใจราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวตัวจริง แต่อย่างน้อยมันคงดีกว่านี้ถ้าเอเดรียนให้ความร่วมมือในการเป็นป่ะป๊าที่น่ารักของลูกสาวคนโตในสายตาคนอื่นเขาซะบ้าง “ นายเป็นคนพูดเองว่าเขาคงสบายใจถ้ารู้ว่าฉันจะไปที่ค่าย ทำไมตอนนี้กลับคำซะแล้วล่ะ ”

“ ก็ฉันไม่นึกว่าเขาจะสบายใจขนาดนี้ ไม่มีเวลาให้ลากันด้วยซ้ำแต่ก็ยังดูปกติดี ฉันล่ะทึ่งจริง ๆ ” เสียงบ่นกระปอดกระแปดของอาเธอร์ยังคงดังไปเรื่อยตลอดการเดินทางจากถนนหลักแสนยืดยาว ก่อนจะจบลงที่การมาถึง ‘ ประตูค่าย ’ ที่อีกฝ่ายพูดถึงจริง ๆ

ประตูหินอ่อนโค้งมนเป็นทรงสวยราวกับว่ากำลังหลุดเข้าไปภายในยุคกรีกโบราณตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า รถคันสวยของอาเธอร์จอดลงก่อนที่จะถึงซุ้มประตูนั้น “ ฉันไม่ลงไปนะ ” การบอกลากระทันหันของอาเธอร์ทำให้เธอหันขวับกลับไปมองทางผู้ที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับพร้อมด้วยการเบิกตาขึ้นเป็นคำถามว่า ‘ นายพูดว่าไงนะ ? ’

“ โทษทีคนสวย ฉันไม่มีความจำเป็นให้ต้องอยู่ที่ค่าย แค่มาส่งเธอได้อย่างปลอดภัยนั่นก็เสร็จหน้าที่ฉันแล้ว ” เขาเอนหลังพิงไปกับเบาะนั่งพลางหันหน้ามามองที่ตุ๊กตาหน้ารถแสนสวยที่กำลังจะต้องแยกย้ายจากกัน “ ฉันยังมีสาว ๆ ในเมืองให้ต้องไปหาน่ะ อย่าว่ากันนะ ”

โอเค หมอนี่ไร้สาระสุด ๆ

กำปั้นเล็ก ๆ ของเนเรซ่าชกเข้าที่ข้างไหล่ของอาเธอร์เบา ๆ แต่ตัวผู้ที่ได้รับหมัดก็กลับแสร้งทำเป็นส่งเสียงโอดโอยจนน่าหมั่นไส้ เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์สว่างทำได้แค่กรอกตาด้วยความรำคาญ ยังไงเธอก็ไม่มีสัมภาระมากมายให้อีกฝ่ายต้องช่วยถือ บางทีการแยกย้ายตั้งแต่ตรงนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แย่

ลูกสาวคนโตของบ้านเฮนลาดิสเปิดประตูลงจากรถ และทันทีที่ตัวเธอยืนพ้นเขตประตู สาบานเลยว่าเนเรซ่าสัมผัสได้ถึงสายตามากมายหลายคู่ที่หันมามองด้วยความสนอกสนใจในตัวเธอ ดังนั้นเมื่อตั้งสติได้ ดวงเนตรสีฟ้าครามสอดส่องรอบบริเวณเท่าที่ตัวเองพอจะเห็น ก่อนที่เธอจะโน้มตัวลงไปพูดกับคนในรถอีกครั้ง

“ นายเป็นเพื่อนร่วมทางและผู้นำทางที่แย่มาก อาเธอร์ ”

“ แต่ก็ขอบคุณ .. ไว้เจอกัน ”

หนุ่มหน้ามนคนครึ่งเทพที่ได้ฟังแบบนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาระบายยิ้มวางใจเมื่อได้เห็นว่าตัวเองสามารถนำว่าที่เพื่อนร่วมค่ายมาส่งถึงที่ได้อย่างปลอดภัย “ ฉันชอบสาวปากไม่ตรงกับใจนะ ”

ปัง !

ไม่ทันให้ได้ฝากฝังอะไรเพิ่ม ทันทีที่เนเรซ่าได้ยินประโยคตอบกลับ เธอก็ชักตัวออกมาให้พ้นเขตประตูรถ และฟาดมือปิดประตูเสียงดังแบบที่ไม่ถนอมน้ำใจเจ้าของรถเลยสักนิด เผอิญว่าอาเธอร์ที่ร่วมทางกับเธอมาตลอดทั้งวันก็เป็นพวกจอมยียวนที่พอใจกับอะไรแปลก ๆ เขาเลยได้แต่หัวเราะ ก่อนที่จะบีบแตรเรียกความสนใจจากหญิงสาวให้หันกลับมาที่เขาอีกครั้ง และชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างรถเพื่อตะโกนฝากฝังใจความสำคัญ

“ เธอต้องไปที่บ้านใหญ่ โอเคไหมเนเรซ่า ! บ้ า น ใ ห ญ่ ไปหาคุณไครอน ที่นั้นเขาจะช่วยตอบคำถามของเธอได้ทุกอย่าง ”

“ แล้วก็ไว้เจอกัน คนสวย หนหน้าอย่าลืมมาบอกล่ะว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันจะได้ยกสินสอดไปขอได้ถูกคน !!

ถ้านี่เป็นนิยายรักประโลมโลก ตอนจบของเรื่องนี้คงไม่พ้นเธอที่หันไปทำหน้าหวานซึ้งและอาลัยในการจากลา แต่น่าเสียดายที่ชีวิตจริงมันไม่ได้ใจดีกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่ออาเธอร์ขนาดนั้น

เนเรซ่าไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง สิ่งเดียวที่เธอทำนั้นคือการยกมือข้างนึงขึ้นชูนิ้วกลางแบบที่ไม่ได้ชี้เจาะจงไปยังใคร สร้างเสียงหัวเราะให้ระเบิดไปทั่วทั้งบริเวณประตูค่าย พร้อมกับข่าวลือในแวดวงสมาชิกฮาร์ฟบลัดที่แพร่กระจายอย่างว่องไวถึงการปรากฏตัวของว่าที่สาวเฟียสประจำค่ายคนใหม่ที่น่าจดจำไปอีกนาน







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15691 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-2-27 21:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
เกราะหนัง
Daedalus's Legacy
รองเท้าเซฟตี้
สายใยแห่งรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x8
x1
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2024-2-27 23:54:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
                  หลังจากเรื่องราวคราวนั้นที่เมซิคินเห็นชายขาแพะและชายตาเดียวปรากฏตัวที่ห้องโถงในบ้านของเธอ เธอจึงได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร พวกเขาเป็นใคร และโรคตาฝาดหูแว่วที่เธอกล่อมให้ตัวเองเชื่อแบบนั้นมรตลอดนั้นไม่มีอยู่จริง
                  ความจริงแล้วพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เธอเคยเห็นผ่านตาในตำรามาก่อน และเธอก็เป็นหนึ่งในบุคคลนั้น.. มนุษย์ครึ่งเทพ
                      มนุษย์ครึ่งเทพ ?
                  มีชีวิตอยู่มาสิบเก้าปี เธอเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอเพียงแต่ว่าเธอไม่คิดอยากจะยอมรับมันก็เท่านั้นเอง..
                  ชายขาแพะกล่อมแม่กับน้าสาวของเมซิคินให้ปล่อยตัวเธอไปเสียที การอยู่ในโลกภายนอกนานขนาดนี้มีความเสี่ยงสููงมาก เขาใช้เวลาอยู่ในห้อง พยายามพูดกล่องถึงความเป็นไปได้ในการเสียชีวิตของเธออยู่นานสองนาน จนในที่สุดแม่ก็ใจอ่อนยอมปล่อยเธอไป ปล่อยให้เธอไปเผชิญหน้ากับโชคชะตา.. ปล่อยให้เธอไปอยู่ในที่ใหม่ที่เรียกว่า
ค่ายฮาล์ฟบลัด
                  มันคือที่ไหนเธอก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันอยูู่ในที่ๆ เธอไม่เคยไปมาก่อน ชั่วชีวิตนี้เธอเคยอยู่แค่ในที่ของเธอเท่านั้น ทว่าชายขาแพะบอกเธอว่าถ้าอยากรักษาชีวิตของตัวเองรวมถึงคนที่เธอรัก เมซิคินจำเป็นต้องเดินทางไปยังค่าย เพราะมันจะช่วยปกป้องตัวเธอและคนรอบข้าง
                  ทันทีที่แม่ของเธอพยักหน้าอนุญาตให้เธอไปไกลถึงต่างประเทศ ชายขาแพะไม่รอช้า เขาพาเธอออกเดินทางทันที ไม่มีแม้แต่เวลาทำใจหรือเวลาบอกลา
                  หลายชั่วโมงที่เดินทาง เขาพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าเนินแห่งหนึ่ง เมซิคินไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพาเธอมาหยุดอยู่ในที่ๆ ไม่มีแม้แต่จุดปักหมุดบนแผนที่ ทว่าเมื่อมนต์บังตาคลาย (เขาเรียกมันว่าอย่างนั้น) หญิงสาวก็มองเห็นประตูโค้งขนาดใหญ่ ชายขาแพะชี้ไปทางประตูบานนั้น
                  "เข้าไปสิ" เขาเอ่ย
                  เมซิคินขมวดคิ้ว "แล้วคุณไม่เข้าไปด้วยเหรอ"
                  "ไม่ล่ะ" เขาส่ายหน้า "ฉันจะออกไปตามหาเด็กๆ เลือดผสมคนอื่นต่ออีก"
                  หญิสาวเม้มปาก "ก็ได้.. โชคดีนะคะ"
                  ชายขาแพะพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไป หญิสาวมองที่ซุ้มประตูบานนั้น สองขาค่อยๆ เดินก้าวผ่านเข้าไป
                  ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาเธอประหลาดใจ มองภายนอกจะเห็นแค่เนินดินแปลกๆ แต่พอเดินผ่านประตูเข้ามา ปรากฏสิ่งปลูกสร้างมากมาย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินกันเต็มไปหมด หญิงสาวขมวดคิ้ว พยายามจะทำความเข้าใจเหตุการณ์ประหลาดๆ แบบนี้ ในขณะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าอยู่นั้น พลันมีเด็กคนหนึ่งสวมเสื้อสีส้มสกรีนคำว่า 'Camp Half Blood' วิ่งเข้ามาทักทายเธอ
                  "มาใหม่เหรอคะ ?" เด็กหญิงยิ้ม
                  "เอ่อ.. คงใช่มั้ง" เมซิคินพยักหน้า
                  "ยินดีต้อนรับสู่แคมป์นะคะ !" เด็กหญิงคนนั้นบอก พลางฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร
                  ไม่นานเด็กหญิงคนนั้นก็พาเมซิคินเดินไปทั่วค่าย พยายามจะแนะนำสิ่งต่างๆ ให้กับเธอ หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเด็กหญิง เพราะถ้าไม่มีเด็กน้อยคนนี้ เธอก็คงจะยังยืนงงอยู่ตรงหน้าทางเข้าก็เป็นได้..


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7971 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-2-27 23:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เสื้อคลุม AOWOFS
แว่นกันแดด
โรคสมาธิสั้น
หอกกรีก
สื่อสารกับคนตาย
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โพสต์ 2024-2-28 22:30:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-19 04:27

003
มาถึงถิ่นลัทธิต้มตุ๋น


          กว่าจะถึงวันสุดสัปดาห์ที่นัดพบกันกับดาริน่า ‘ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล’ ก็อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเต็มแก่ แผลรอยกัดที่ไหปลาร้าหายไปแล้ว แต่มีพร็อพใหม่เพิ่มขึ้นมา คือ อุปกรณ์พยุงแขนที่ข้างซ้าย และรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวนิดหน่อย

          เรื่องมันเกิดขึ้นในวันที่เขานัดเจอกับหญิงสาวครั้งก่อนนี้เอง ระหว่างขี่จักรยานออกจากเซ็นทรัลพาร์คไปบอร์ดเวย์รถบรรทุกที่ไม่น่าจะขับขี่อยู่บนตรอกแคบ ๆ ก็ไล่บี้เขาบนถนน พูดได้เลยว่าเกือบตาย แต่ยังไม่ตายในตอนนี้ ตามคาดรถบรรทุกนั้นกลายร่างเป็นหุ่นยนต์เหล็กที่เรียกตัวเองว่า “ออพติมัส ไพรม์”— ไม่ใช่ล่ะ เป็นสัตว์ประหลาดตัวบิ๊กเบิ้มต่างหาก และแน่นอนว่าไม่มีใครนอกจากดีนที่เห็นมันกลายร่าง ผู้คนบนถนนต่างแตกตื่นแล้วตะโกนกันว่า “รถบรรทุก!”

          ตอนนั้นชายหนุ่มมัวแต่ขี่จักรยานหนีตายอยู่จึงไม่ได้มองรอบ ๆ เขารู้แค่ว่าตัวเองโดนเสยท้ายไปทีจนจักรยานพังยับยู่ยี่แล้วตัวเองกระเด็นสูงขึ้นไปหลายฟุตก่อนที่จะตกลงมากระแทกพื้น— แต่จะพูดว่ากระแทกพื้นทีเดียวก็ไม่ถูก ก่อนร่างกายกระทบคอนกรีตเขารู้สึกถึงสายน้ำรองรับตัวอยู่ หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเพราะว่าสลบเหมือดไป

          ใครเห็นก็ว่าตายแต่เขาแค่ไหล่หลุด โชคดีเป็นบ้าที่ตอนนั้นสลบอยู่เลยไม่ทันได้เจ็บ พอฟื้นขึ้นมาก็ปวดเคล็ดตามร่างกายอยู่บ้างและได้พร็อพเสริมเพิ่มขึ้นมาคือสายคล้องแขนอย่างที่ทุกคนเห็น แม้ไม่เจ็บไหล่เท่าไรแล้วหมอกำชับไว้ว่าต้องใส่สายคล้องช่วยพยุงไว้ประมาณสองถึงสามสัปดาห์

          สรุปก็คือวันนั้นไม่ได้ไปทำงาน แต่จูนที่เป็นผู้จัดการร้านต้องมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลแทน

          จะว่าไปเธอก็น่ารักเหมือนกันนะ— ไม่ ๆ กลับเข้าเรื่องต่อ

          เขายื่นเรื่องลาออกไปแล้วและตัวเองก็เพิ่งถูกรถบรรทุกชนมา ถึงจะบอกว่าไหวแต่ผู้จัดการบอกว่า “ดีน พักเถอะ” เพราะงั้นหลังจากนี้เขาจึงว่างยาว ๆ อยู่ในห้องอะพาร์ตเมนต์อันแสนน่าเบื่อหน่าย และสังเคราะห์แสงจากวิตามินดีที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเพียงเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือก่อนวันนัดกับดาริน่าเขาจึงไม่พบกับเรื่องอันตรายอีก

          แต่จะบอกว่าไม่เจออะไรแปลก ๆ ก็ไม่เชิง สองสามวันมานี้เขาเห็นม้าน้ำสีฟ้าลอยตุบป่องอยู่นอกหน้าต่าง แต่พอขยี้ตาก็ไม่เห็นอะไร บางทีอาจจะตาฝาดเห็นนกเป็นม้าน้ำก็ได้ หรือถ้าเป็นสัตว์ประหลาดมันก็ไม่เข้ามาทำร้าย คงเพราะยันต์ดีที่ได้มาจากพระทิเบต— เฮ้! อย่ามองอย่างนั้น เขาไม่ได้งมงาย แค่เอามาแปะกันไว้เล่น ๆ ยังไงซะในหัวใจดวงนี้ก็มีวิทยาศาสตร์อยู่เต็มเปี่ยม

          โอเค จบการเกริ่น...

          เหมือนว่าวันนี้ดีนจะมาถึงจุดนัดพบก่อนหญิงสาว เขานั่งรอดาริน่าที่ป้ายรถบัสตรงนั้นเมื่อพออีกฝ่ายมาถึงจะได้เห็นตัวเขาง่าย ๆ ในใจพลางคิด

          ‘ลัทธิประหลาดตั้งอยู่ในป่างั้นเหรอ เข้าไปจะเจออะไรบ้างวะเนี่ย!’

          @Daryna

          ระหว่างรอดีนส่งข้อความไปหาลุงไมค์ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ดีนเคยบอกลุงไมค์ไว้แล้วว่าจะไปลองไอแลนด์เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ลุงฟังทั้งหมดเพราะลุงไมค์เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เชื่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติ แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวที่ไม่กระโตกกระตากและร้อนใจ

          “ผม มา ถึง ที่หมาย แล้ว กำลัง รอ เพื่อน ถ้า ผม ไม่ ติดต่อ กลับมา ภายใน สามวัน ลุง แจ้งตำรวจ ได้เลย”

          ริมฝีปากอ่านออกเสียงแผ่วตามตัวอักษรที่พิมพ์ส่งไป

          รออีกไม่นานรุ่นน้องสาวก็มาถึง

          “โย่ ดารี่!”

          ดีนยกมือขวาขึ้นทักทายดาริน่าอย่างที่เคยทำ แต่ก็เจ้าตัวดันรีบจ้ำมาจิ้มที่แขนซ้ายแทน แหงมล่ะ หลักฐานเด่นสะดุดตาเสียขนาดนี้ แต่ดีนก็ยักไหล่

          “ไหวสิ ฉันพูดคำไหนคำนั้นนะ ที่บอกว่ายังไม่ตายก่อน”

          เขาหัวเราะทำเป็นขำเพราะไม่อยากให้รุ่นน้องเป็นกังวลใจ ในนาทีที่ยังหัวเราะได้ก็ยิ้มให้มากหัวเราะเข้าไว้ไปก่อน เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ยิ้มออกก็เป็นได้

          ‘ปลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรหว่าเรา’

          “ถ้างั้นเข้าไปกันเลยไหม? แต่ในนามบัตรบอกทางไว้ถึงแค่นี้ ที่เหลือเราคงต้องหาทางไปต่อกันเอง”

          แต่เมื่อลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมองตำแหน่งที่ตั้งตามนามบัตรมีแต่ป่าเขียวชะอุ่ม เท่าที่ส่องดูพอจะเห็นว่ามีทางเล็ก ๆ ที่เดินได้เข้าไปในป่านั้นได้ จากที่เสิร์จดูในอินเตอร์เน็ตเส้นทางนี้เป็นทางที่นักเดินเขาชอบใช้กันถึงได้มีป้ายรถบัสและจุดพักรถตั้งอยู่ไม่ไกล

          “ฟู้ว~ ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ เริ่มถ่ายไลฟ์จากตรงนี้เลยแล้วกัน”

          ดีนเป่าปาก อาการอยู่ไม่สุขแสดงออกมาอย่างชัดเจนจากการกระโดดเหยาะ ๆ อยู่กับที่ อสุรกายนั้นน่ากลัว แต่ภัยจากนักต้มตุ๋นจอมชั่วร้ายก็อันตรายไม่แพ้กัน

          เข้าตั้งสติแล้วเปิดโทรศัพท์มือถือตั้งค่าถ่ายทอดสด เหลือแค่กดปุ่มสตาร์ททุกอย่างก็จะเริ่มต้น ทว่าต้องถามความสมัครใจของอีกฝ่ายก่อน

          “ฉันถ่ายหน้าเธอติดลงไปได้ไหม?”

          @Daryna

          “ไม่เป็นไรสบายมาก แขนนี่ไม่ได้เจ็บเท่าไรแล้ว หมอแค่ให้ใส่ประคองไว้เฉย ๆ”

          เขาไม่ได้พูดโกหก ความจริงอยากจะเหวี่ยงสายคล้องแขนทิ้งไปด้วยซ้ำ ดังนั้นแม้จะดูเทอะทะแต่การใช้ชีวิตของดีนก็ไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น

          เพราะที่ผ่าน ๆ มามันลำบากกว่านี้เยอะ

          “โอเค งั้นจะเริ่มถ่ายแล้วนะ”

          ปลายนิ้วกดแตะปุ่มไลฟ์สตรีม รอไม่ทันจะถึงนาทีคนเพื่อนเยอะอย่างเขาก็กดเข้ามาดูไลฟ์ราว ๆ สิบคน และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ

          “ไฮฮาย สวัสดีพรรคพวก ตอนนี้ฉันอยู่ที่ป้ายรถบัสแห่งหนึ่งในลองไอแลนด์ วันนี้อากาศดีเลยว่าจะมาไฮกิ้งสักหน่อย”

          ชายหนุ่มพูดเปิดไลฟ์ไปพร้อมกับหันกล้องถ่ายสถานที่โดยรอบอย่างถ้วนทั่ว เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นตำรวจจะได้ตามหาข้อมูลในคลาวด์แล้วพาเขากับดาริน่ากลับบ้าน ประจวบเหมาะกับตอนที่รุ่นน้องสาวอาสาเป็นคนนำทางพอดี เขาเพียงพยักหน้าให้เธอแล้วกลับมาพูดกับกล้องต่อ

          “แล้ววันนี้เรามีไกด์สาวคนสวย ดารี่นั่นเอง เฮ้! ทิมมี่หุบปากไปเลย ไม่ได้มาเดทกันเว้ย!”

          เขาโวยใส่แชทที่พิมพ์แซว ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่เดินนำหน้าจะได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า

          ถูกส่วนหนึ่งที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้เขาแค่อยากจะจีบรุ่นยูเครนคนสวยเลยเข้าไปขอเบอร์ติดต่อ แต่พอคุยกันไปกันมาแล้วได้ประสบภัยหนีตายด้วยกันครั้งนึง จึงรู้ว่าดาริน่าเป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา เรียกว่าไงดีล่ะ ผู้ที่มีสัมผัสพิเศษเหรอ? หรือมนุษย์ที่มีคลื่นสมองพิเศษ? ฟังดูแล้วเขาชอบอย่างหลังมากกว่า

          ในเมื่อมีเรื่องสำคัญต่อชีวิตให้คุยกันมากกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาปะปน

          “เอาล่ะ ในเมื่อเธออาสานำทางก็ ลุย!”

          ดีนเดินตามดาริน่าเข้าไปในป่า เพราะเส้นทางถูกกรุยไว้อยู่แล้วคนที่มีแขนเดียวถือสมาร์ทโฟนอย่างเขาจึงเดินเข้าไปได้สบาย จนได้มาเห็นซุ่มประตูที่ถูกสลักชื่อไว้ว่า ‘ค่ายฮาล์ฟบลัด’ ราวกับมีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่รอบซุ้มประตู มันเป็นพลังงานขั้วตรงข้ามกับสัตว์อสูรที่เขาเคยพบเจอ ด้วยความพิเศษนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง

          “เฮ้! พวกนายเห็นนั่นไหม? ซุ่มประตูที่เหมือนจะมีแสงออกมา”

          พูดไปสายตาก็ไล่อ่านแชท แต่ทุกคนในไลฟ์ต่างพร้อมใจกันพิมพ์ ‘ไหน?’ ‘ซุ้มประตูอะไร’ ‘ไม่เห็นจะมีอะไรเลย’ ‘ดีนนายหลอนหรือเปล่าวะพวก’

          “มีสิ มันมีจริง ๆ พวกนายพร้อมใจอำฉันกันรึเปล่าเนี่ย”

          ขณะต่อล้อต่อเถียงกับแชทอยู่นั้นเองชายหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงสะกิดแผ่วเบา แต่มันเบาเสียจนเขาไม่ทันได้สนใจ

          “เอางี้เดี๋ยวฉันแตะให้ดู นายจะได้รู้ว่าฉันแตะอากาศหรือว่าประตู”

          แล้วพอจะไปพิสูจน์ความจริงเขาถึงรู้สึกแรงสะกิดที่เพิ่มมากขึ้นจนต้องหันไปหาเพื่อนร่วมทาง

          “หืม มีอะไรเหรอดารี่?”

          @Daryna

          “ตัวประหลาด ฮะ!?”

          ขายังไม่ทันขยับก็ถูกหญิงสาวถูลู่ถูกังพาวิ่งเข้ามาในอาณาเขตซุ้มประตูโดยที่ดีนยังไม่ทันจะเห็นสัตว์ประหลาดที่ดาริน่ากล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย

          แต่วันนี้ดาวซวยน่าจะโคจรรอบดาริน่ามากกว่าดีน จู่ ๆ เธอก็สะดุดล้ม เขาพยายามจะช่วยประคองหล่อนขึ้นมาแต่แขนที่ว่างดันอยู่ในสายพยุงแขน

          “เฮ้ย! ระวัง!!”

          แต่แล้วร่างของหญิงสาวก็ถูกฉุดไปอีกทาง ปีศาจร้ายตนนั้นมันมาถึงตัวแล้วเหรอ!?

          ทว่าภาพที่เห็นกลายเป็นว่ารุ่นน้องของเขากำลังล้มทับอยู่บนตัวของเด็กเสื้อส้มคนหนึ่ง ด้วยความที่เจออะไรมาเยอะดีนไม่วางใจว่าเด็กที่เห็นเป็นมนุษย์อย่างพวกเขา ขนาดว่าแมวน้อยน่ารักมันยังแฝงตัวเป็นมาแล้วเพราะงั้นมันอาจจะปลอมเป็นเด็กที่ดูไร้เดียงสาคนนี้ก็ได้

          ยังไม่ทันได้อ้าปากอะไรดีนก็ถูกเด็กผู้ชายคนนั้นแย่งพูดไปเสียหมด

          ‘พวกครึ่งเทพเริ่มทยอยกันมา.. ไปรายงานตัวกับคุณไครอน..’

          ดีนได้แต่ทำหน้าเหรอหรากะพริบตาปริบ ๆ หากจำไม่ผิดเขาเคยฟังเรื่องอ้างสิทธิ์ของการเป็นลูกเทพมาจากจิตแพทย์เพี้ยน จะว่าไปเมื่อสังเกตดี ๆ เสื้อยืดสีส้มที่เด็กคนนั้นใส่มีโลโก้เดียวกับนามบัตรของลัทธิเปี๊ยบ

          ‘พวกต้มตุ๋นถึงกับใช้แรงงานเด็กเลยเหรอ..’

          เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มคนนั้นจับใจ ถ้าต้องโตมาด้วยเรื่องไร้สาระพวกนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยป่านนี้จะมีอะไรฝังหัวอยู่บ้างก็ไม่รู้ แบบนี้ต้องตามไปถ่ายคลิปเพื่อแฉ!!

          ทว่าเมื่อหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูก็เห็นว่าไลฟ์ที่ถ่ายทอดสดอยู่ถูกตัดไปแล้วและที่นี่ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ผิดคาดนักเพราะที่นี่อยู่ในป่า เอาเป็นว่าเดินตามสองคนข้างหน้าไปอย่างระวังตัวแล้วจากนี้ค่อยว่ากัน







แสดงความคิดเห็น

ผม 555555555555555555 ขำจะรั่วจริง  โพสต์ 2024-12-25 17:38
โพสต์ 30337 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-2-28 22:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-2-28 22:42:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด

DARYNA
To the half blood camp
[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้า : มาถึงถิ่นลัทธิต้มตุ๋น]

สัปดาห์ก่อนหลังนัดแนะกับเพื่อนต่างรุ่นจนเสร็จสิ้น ดาริน่าก็คล้ายเอ้อระเหยอยู่ยังสวนสาธารณะ จนรู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกถึงสายตาบางสิ่งจากมุมมุมหนึ่ง ให้เร่งเก็บของกลับอพาร์ตเมนต์ที่ฮันทิงตันอย่างระมัดระวัง

จนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย มือพลันเปิดประตูห้องอพาร์ตเมนต์ของสองพ่อลูกอิวานอฟออกพร้อมปรากฏร่างของวลาดิสลาฟกำลังตักเอาอาหารลงจานรอลูกสาวกลับจากการสอบพอดิบพอดี คล้ายเป็นภาพที่ทำให้หญิงสาวอ้ำอึ้งเล็กน้อยที่อาจต้องแยกจากอีกคนไปสักช่วงเวลาหนึ่ง แต่เพราะดาริน่าอยากจะไปเพื่อพิสูจน์ความจริงและสลัดความใคร่รู้ที่อยู่ในอกมาตลอดเกือบปีที่ผ่านนี้ออกไป ทำให้ตัดสินใจเล่าถึงเรื่องที่ไปพบเพื่อนมาให้แก่อีกฝ่ายฟังไปด้วย

ถ้าจะไปก็ระวังตัวด้วยนะดาริน่า ..ถ้าเจอเธอ ฝากความคิดถึงของพ่อให้เธอด้วย
.
.
และเพราะพูดมาแบบนั้นไงเล่า ร่างเล็กพร้อมเป้สีน้ำตาลอ่อนสะพายหลังที่พกอุปกรณ์วาดรูปมาเต็มที่เลยมาปรากฏตัวยังรถเมล์สายหนึ่งที่ทอดเส้นทางสู่เขตพื้นที่ป่าเขตหนึ่งของลองไอแลนด์ จากที่ตั้งใจจะเปิดโปงแก็งค่ายลักพาเด็กเลยถูกคำพูดคะนึงถึงของผู้เป็นบิดาอยากให้คำพูดของพี่สาวคนนั้นเป็นจริงขึ้นมาให้ได้เสียอย่างนั้น ก็ดาริน่าอยากทำให้วลาดสมหวังเรื่องของเธอคนนั้นบ้างนี่นา

ละความคิดวุ่นวายในหัวออกไปก่อนที่ดวงหน้าหวานพลันผินออกมองยังนอกหน้าต่างรถเมล์เพื่อสำรวจเส้นทางจนเมื่อมาถึงยังจุดหมายก็ลงจากรถไปพร้อมกับแตะบัตรจ่ายเงินให้เรียบร้อย ร่างของชายหนุ่มที่นัดกันเอาไว้ก็ปรากฏในครรลองสายตาให้ดาริน่าเร่งฝีเท้าเดินเข้าใกล้อีกหน่อย ก่อนถือวิสาสะแตะแผ่วลงข้างแขนที่ใส่เฝือกของดีน

เพิ่งอาทิตย์เดียวเองนะคะคุณนีล.. ไหวไหมคะ?

น้ำเสียงหวานเอ่ยเจือความห่วง อาจด้วยเพราะทั้งคู่จะเข้าไปในป่าด้วยนั่นแหละ แบบนี้คนแขนเดี้ยงจะไม่แย่หรือไง เป็นอะไรไปขึ้นมาดาริน่าก็ไม่รู้จะแบกอีกคนออกจากป่าไหวหรือเปล่าด้วยนี่สิ เฝ้าคิดแบบนั้นเลยเผลอมุ่นคิ้วหากันไม่รู้ตัว

[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้า : มาถึงถิ่นลัทธิต้มตุ๋น]

ฟังคำพูดและมองรอบยิ้มของอีกคนก็คล้ายมองไม่วางใจอยู่ครู่ใหญ่ อาจด้วยเพราะเพื่อนไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยนั่นแหละ หญิงสาวก็เลยไม่อยากให้อีกคนมาลำบากนัก แต่เพราะพวกเธออุตส่าห์มาถึงที่หมายแล้ว ดูจากนิสัยของเพื่อนต่างรุ่นก็ดูอยากจะค้นหาคำตอบไม่แพ้ตนเช่นกัน เข้าไปสำรวจให้รู้แล้วรู้รอดและรีบพาดีนกลับน่าจะเป็นทางเลือกที่โอเคอยู่เหมือนกัน

ดาริน่าพยักหน้ารับหนึ่งหน ก่อนจะขยับก้าวเดินไม่ห่างอีกคนนักเพื่อพากันเข้าไปยังเส้นทางที่ทอดหาสู่ผืนป่าเงียบสงัด และเพราะแบบนั้นเสียงของเพื่อนหนุ่มของเธอถึงเด่นชัดเป็นพิเศษ เงยมองยังโทรศัพท์มือถือที่คล้ายเตรียมจะอัดถ่ายแบบนั้นอย่างนึกสงสัยเล็กน้อย กระนั้นหลังถูกถามว่าถ่ายติดเธอได้ไหม ดาริน่าก็พยักหน้ารับกลับไปอีกหนไปแล้ว ดูท่าตอนนี้อีกคนจะทำอะไรก็เห็นดีเห็นงามไปหมด

ช่วยถือไหมคะ?

สังเกตแขนอีกคนที่ว่างเพียงข้างเดียวแล้วยังต้องยกมือถือแบบนั้น มือเล็กพลันยกสองมือมาแบหา ท่าทางราวกับอาสาช่วยเหลืออย่างไม่คิดมาก แต่เพราะพอเทียบความสูงอีกทีการให้ตนถืออาจจะเห็นแค่คางของดีนเลยหุบนิ้วกลายเป็นกำมือเหมือนลังเลไปเสียได้

ให้คุณนีลถือ.. น่าจะเห็นมากกว่า งั้นให้เราช่วยนำทางไหมคะ?

ราวกับอยากทำตัวมีประโยชน์เลยพยายามเอ่ยข้อเสนอออกไปเท่าที่นึกออก ทว่าครานี้ไม่ได้รอฟังอีกคนตอบ ร่างเล็กก็เดินนำไปให้อย่างกล้าหาญเสียแล้ว หญิงสาวคอยปัดป่ายกิ่งไม้ออกให้พ้นทาง อันไหนพอหักได้ก็ทำการหักรอเพื่อไม่ให้เพื่อนต่างรุ่นต้องลำบากในเส้นทางเดิน ทั้งคู่พากันเดินเรียบเรื่อยเข้าไปด้านใน ผ่านเนินดินเตี้ย ๆ อีกหลายเนินก่อนจะมาปรากฏที่ทางเข้าแคมป์บางอย่างที่มีซุ้มประตูเด่นชัดสลักเสลาคำว่า Half Blood Camp ให้ชะงักฝีเท้าไป อาจเพราะมันดูโจ่งแจ้งไปเสียหน่อยนี่แหละเลยทำให้ดาริน่ารู้สึกว่าประหลาดสุด ๆ

ที่นี่? แหละมั้งค–

ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยกับชายหนุ่มที่ตามมาจนจบคำ ดวงหน้าหวานที่ผินมองกลับก็คล้ายเจอตัวประหลาดตัวเล็กเจ้าของจมูกยาวงุ้มหน้าตาเอาเรื่องสองสามตัวกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไล่หลังพวกเธอมาให้ยื่นมือไปสะกิดแขนดีนข้างที่ใส่เฝือกอยู่นั่นแหละเพื่อเรียกความสนใจไม่หยุด

[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้า : มาถึงถิ่นลัทธิต้มตุ๋น]

เพราะมัวแต่ช่วยเคลียร์ทางด้วย สุดท้ายก็เลยไม่ทันได้ยินว่าดีนพูดอะไรไปบ้างกับไลฟ์ที่กำลังถ่ายอยู่ สมาธิแทบจดจ่อกับการช่วยดูที่ทางนั่นแหละ ไหนจะตอนนี้ที่มีตัวประหลาดขนาดเท่าเอวดาริน่ากำลังใกล้เข้ามา หญิงสาวเลยไม่มีสมาธิไปเฝ้าฟังอะไรคำพูดของเพื่อนต่างรุ่นเสียเท่าไหร่ ทันทีที่คำถามอีกฝ่ายยิงหาและยังไม่ทันจะได้ตีความ แค่รู้สึกว่าอีกคนสนใจตนแล้วมือเล็กก็คว้าเอาแขนข้างใส่เฝือกนั้นดึงให้เร่งเท้าเข้ามาในตัวค่ายกันแทบจะทันที

ตัวประหลาดมาอีกแล้วค่ะ

เอ่ยลนลานขณะที่เร่งดึงดีนให้เข้ามาภายในตัวค่ายมากขึ้นไป ขณะที่ถูลู่ถูกังเพื่อนจนเข้ามาเขตภายในได้ ไม่รู้อารามรีบร้อนเกินไปหรือเปล่า เธอเลยเผลอสะดุดเนินดินแถวนั้นจะเซแถ่ดให้เร่งปล่อยมือจากเพื่อนก่อนจะพลอยล้มไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ยังไม่ทันล้มก็คล้ายมีคนมาคว้าต้นแขนไว้ได้ อนิจจาสงสัยว่าตัวเท่ากันไปหน่อยเลยล้มทับใส่กันไปเสียอย่างนั้น ดาริน่าเหมือนตกใจจนนอนแข็งทื่อค้างบนตัวเด็กคนหนึ่งให้ได้ยินเสียงโวยวายเรียกสตินั่นแหละ เจ้าตัวถึงรีบผุดลุกขึ้นมา

เฮ้! จะนอนทับอีกนานไหม– เจ็บชะมัด แล้วพวกนายเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม? ลากตัวอะไรมาด้วยเนี่ย ดีนะมันเข้ามาไม่ได้ ว่าแต่ทำไมตัวโตกันแบบนี้ล่ะ!

ขอ.. ขอโทษค่ะ

เสียงหวานเอ่ยตอบเสียงเล็กเจื้อยแจ้วจากเด็กหนุ่มคนนั้นที่อายุไม่น่าเกิน 14-15 จนเมื่อผุดลุกมาปัดป่ายยังชุดกระโปรงจนเรียบร้อยก็ผินสายตากลับไปยังทางที่มีตัวประหลาดเหมือนพึ่งนึกได้ กระทั่งเห็นพวกมันดูอารมณ์เสียและไม่มีทีท่าพุ่งเข้ามาได้ก็รู้สึกประหลาดใจจนเงียบบื้อใบ้ไปเสียหมดกับความน่าเหลือเชื่อพวกนั้น

สรุปค่ายนี้.. ช่วยปกป้องคนแบบเธอและเพื่อนได้จริง ๆ น่ะหรอ?

แล้วยืนอึ้งอะไรกันเนี่ย เพราะก่อนหน้ามีพวกครึ่งเทพเริ่มทยอยมานั่นแหละนะ ฉันเลยได้รับหน้าที่มานำทาง เร็วเข้า! อย่าทำให้ฉันเสียชื่อ ไปรายงานตัวกับคุณไครอนที่บ้านใหญ่ตรงนู้นน– ได้แล้ว

[ดูโรลเพลย์ก่อนหน้า : มาถึงถิ่นลัทธิต้มตุ๋น]

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16514 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-2-28 22:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
ดาบสัมฤทธิ์
โล่อัสพิส
เสื้อฮาวาย
ร่ม
หูตาฉับไว
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
โพสต์ 2024-2-28 22:47:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Laurencius เมื่อ 2024-2-28 23:08

Half-Blood Camp
ค่ายฮาร์ฟบรัด

ประตูค่าย


เมื่อล้อเครื่องบินเเตะรันเวย์ที่สนามบินของอเมริกา พวกเราต้องทำเวลาเพราะพี่อิราฟบอกว่าหากขืนช้า กลิ่นที่ปกปิดไว้จะค่อยๆจางลงเเละนั้นอาจหมายถึงการได้รับรู้ของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่หมายจะฆ่าพวกลูกครึ่งเทพเเบบผม

" รถที่เช่ามาเเล้ว รีบออกเดินทางไปค่ายเถอะน้องชาย "

เซอร์เทอร์ตัวเดิมเเจ้งให้ผมทราบเมื่อเห็นว่าผมกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับความเจริญเเละสิ่งเเปลกใหม่ของอเมริกาที่เเตกต่างจากเเหล่งที่เราจากมา ผมได้สติก็รีบเดินไปหยิบกระเป๋าสัมภาระที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องมาไว้กับตัวเเละพร้อมที่จะขนขึ้นรถที่เช่าไว้ไปยังค่าย

"พ่อครับ จะไม่ไปส่งผมจริงหรอ งั้นผมต้องคิดถึงอาหารฝีมือพ่อเเน่เลย "

ผมหันไปถามชายร่างสูงด้านหลังด้วยน้ำเสียงโทนเศร้าเล็กน้อย ก่อนเข้าไปจับข้อมือก่อนจะโน้มตัวไปกอดเมื่อต้องรู้ว่าเราต้องห่างกันเเล้ว เเต่เอาเข้าจริงผมว่าก็เหมือนไปเรียนที่บาเซโลน่า เเต่ทำไมมันเเตกต่างจากตอนนั้น เพราะตอนนั้นผมเเอบดีใจด้วยซ้ำที่รู้ว่าจะได้เที่ยวเเละสนุกพบเจออะไรเเปลกใหม่ๆ เมื่อเราทั้งสองร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย ผมเเละพี่อิราฟก็รีบขึ้นรถที่เช่าไว้เเละออกเดินทางจากสนามบินมุ่งตรงมายังทางเข้าค่ายในทันที่ หลายชั่วโมงผ่านไป พวกเราหลับบ้างตื่นบ้างเเวะปั้มกลางทะเลทรายเข้าห้องน้ำบ้างเพื่อทำเวลาไม่ให้ค่ำไปกว่านี้เพราะยิ่งค่ำยิ่งอันตราย

ไม่นานนักเราทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทางตามเเผ่นที่ที่ให้ไว้มันดูเเปลกตาสำหรับผู้มาเยือนใหม่อย่าง ลอเรนซิอุส เป็นอย่างมากก่อนรถจะจอดให้ลง ทั้งสองรีบหอบสัมภาระไว้เเละเดินไปตามทาง

" ต้องรีบเเล้วครับนายน้อย จะมืดเเล้วรีบตามผมมาทางนั้น "

ผมตกใจในคำพูดของพี่อราฟที่อยู่ๆก็เปลี่ยนสรรพนามเป็นอะไรที่ผมไม่คุ้นหูเป็นอย่างมาก เเต่ไม่ทันตกใจนานเสียงพี่อิราฟก็ตะโกนออกมาให้เร่งฝีเท้าตามมาโดยไว ก่อนผมจะรีบวิ่งตามไปติดๆ มันเป็นอะไรที่เหมือนในนิยายที่เคยดูมา มีคบเพลง มีป้ายหินสลักชื่อค่ายเป็นภาษากรีกโบราณ มีประกายเเสงโปล่งใสที่มองไปด้านในเห็นคนกำลังทำกิจกรรมกันอยู่มากมาย อีกทั้งสิ่งปลูกสร้างตระการตา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีสถานที่เเบบนี้ในโลกใบนี้ด้วย

" ถึงเเล้วครับ รีบเข้าไปเถอะเดี่ยวจะมีคนมาต้อนรับเอง "

ผมพยักหน้าให้พี่อิราฟเซเทอร์ที่ทำหน้าที่สุดความสามารถพาผมมาส่งถึงค่าย ก่อนพี่เขาจะเดินหายไปหลังพุ่มไม้ ผมยังคงตื่นตากับต้นสนเเละปราการที่ท้อเเสงโปร่งใสปกป้องพวกเด็กๆข้างในหลายสิบรายอยู่ ก่อนจะสูดลมหายใจเเละก้าวเท้าเข้าไปหลังป้ายหินโบราณ ผมเดินผ่านกลุ่มคนเเปลกหน้าหลายคนที่กำลังมองผมอยู่บ้างก็ซุบซิบ บางก็มองเเบบไม่วางตา ก่อนจะมีชายร่างสูงผมหยิกเดินเขามาทักทาย

" ไฮ!! สวัสดีเด็กใหม่ ผม ชาร์ล ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ต้องตกใจ นายรีบไปรายงานตัวก่อนที่บ้านใหญ่ที่นั้นจะมีคนบอกนายว่าต้องทำไงต่อ"

ผมขอบคุณชาร์ลก่อนเดินหอบสัมภาระไปยังบ้านใหญ่ อาคารที่อยู่ไม่ไกลตามที่รุ่นพี่คนนั้นชี้ให้เห็น สายตาหลายคู่ก็ยังคงจับตาไม่ขาดหรือเป็นเพราะความหล่อของผม ไม่หรอกคงเป็นเพราะว่าเราเป็นคนเเปลกหน้าหรือเปล่า ไม่คิดเเล้วรีบเดินต่อไปรายงานตัวที่บ้านใหญ่ดีกว่า

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8714 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-2-28 22:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
หอกกรีก
เสื้อคลุม AOWOFS
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
อัจฉริยะ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โพสต์ 2024-2-29 01:53:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด



วันที่ฉันออกจากแมนชั่นครั้งที่สอง คือวันที่จะเริ่มมีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไป..


นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มได้พูดเอาไว้ในขณะที่เขากำลังขับรถเดินทางออกจากคฤหาศน์ของเขา เหมือนจะเป็นความตื่นเต้นใหม่ที่รอคอยตัวเขาอยู่ เอาจริงๆ ที่ผ่านๆมา ตัวเขานั้นก็เป็นผู้คอยขวนขวายหาเรื่องอะไรทำอยู่ตลอดไม่ขาดมืออยู่ตลอดเวลา กีฬาโลดโผนบ้าง ซ่อมรถ ซิ่งรถ ดริฟท์รถบ้าง หรือออกเดินทางไปเที่ยวไกลๆ ขับรถข้ามรัฐบ้าง ความท้าทายใหม่อะไรก็ตามที่เขานั้นยังไม่เคยพบเจอ มันย่อมทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง เลือดลมสูบฉีดมากกว่าปกติ ซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับเขาอยู่แล้วแน่นอน


ชายหนุ่มขับรถกระบะคู่ใจของเขาเดินทางข้ามรัฐมาเรื่อยๆจากเพนซิเวเนีย เข้าสู่นิวยอร์กซิตี้ ที่รถติดอย่างไม่หน้าให้อภัย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหัวเสียเท่าไหร่ เพราะเขาก็ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น


ตอนนี้สิ่งที่เขารู้ว่าตอนนี้เขาหน้าจะทำได้ดี นั่นคือ.. การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองมองเห็น เป็นอย่างนั้นจะดีกว่า มันก็ยากในช่วงแรก แต่พอเขานั้นโตมากับการเห็นอะไรแปลกที่คนอื่นๆมองไม่เห็น มาจึงเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนในตอนยังเป็นเด็ก


เขาชอบใช้รถกระบะคันใหญ่คันนี้ขับไปไหนมาไหนตลอด ยานพาหนะที่จะมาอยู่ในโรงรถของเขาได้นั้น มีปัจจัยไม่กี่อย่าง ถ้ามีตรงตามนี้คือผ่าน คร่าวๆก็ ห้องโดยสารกว้าง นั่งได้หลายคน ขนสัมภาระได้เยอะ คันใหญ่กำลังดี มีกำลังสูง วิ่งทางไกลได้ แค่นี้พอ นอกนั้นเมื่อได้รถมาแล้ว ถ้าเขาไม่พอใจตรงไหน เขาก็จะจัดการจับดัดแปลงตามความต้องการของเขาอยู่ดี ซึ่งรถคันนี้ก็กลายเป็นคันโปรดของเขาไปโดยปริยาย


ไม่นานเท่าไหร่นัก เขาก็พาตัวเขาและรถกระบะของเขาออกจากเขตเมืองได้ จนกระทั่งเขาได้ขับมาตามระบบนำทางที่ในจดหมายได้บอกเอาไว้ ว่าค่ายนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่ง เมื่อใกล้จะถึงที่หมายแล้วนั้น เขาได้จอดรถไว้ที่อาคารจดรถซึ่งบริการรับฝาก ก่อนที่จะสะพายสัมภาระจำนวนนึงเดินเท้าต่อไป.. ใช้เวลาพอสมควร เพราะเขายอมนั่งแท๊กซี่ต่อเข้าไปให้ได้ใกล้ที่สุด ก่อนจะลงเดินเท้า เพียงไม่นานนัก หลังที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในป่า ตามทาง ซึ่งแน่นอนว่า มีบางสิ่งที่คนทั่วไปไม่มีทางเห็น และนั่นนำพาให้ชายหนุ่มเดินทางมาถึงที่หน้าค่ายได้อย่างถูกทาง


ภาพที่เขาคิดไว้ในหัวนั้นจินตนาการผ่านสารานุกรม ว่าค่ายของเทพกรีกหรือชาวหรีกมันก็คงจะต้องมีกลิ่นอายของอารยธรรมกรีกโบราณเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อชายหนุ่มมาถึงที่หมาย เขาแอบผิดหวังเล็กๆ เพราะเพียงหน้าซุ้มประตูค่ายก็ทำให้เขานึกถึงค่ายลูกเสือแถวๆป่าในเมืองที่เขาเคยไปเดิน มันแทบจะไม่ต่างอะไรกันเลยจริงๆ.. แต่มันก็ดี เพราะมันก็เหมือนกับว่า เขาจะได้ไม่รู้สึกเก้อเขินหรือต้องปรับเปลี่ยนอิริยาบถของตนเองให้เทไปทางนั้นมาก ดูจากในค่าย ผู้คนล้วนเป็นกันเองเหมือนคนธรรมดาในโลกภายนอก เขาเองก็คงไม่ต้องมากพิธีนัก..


สิ่งแรกที่เขาได้รับนั่นคือบรรยากาศ ที่นี่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เหมือนค่ายลูกเสือ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็แอบทำให้เขาตื่นเต้นอยู่หน่อย เพราะความไม่คุ้นหน้าคุ้นตาใครๆเลย อีกทั้งขณะที่เขาเดินเข้าไปในค่าย ผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นต่างก็มองมาเป็นสายตาเดียว คงเป็นเพราะเครื่องแต่งกายแนวทหารที่เขาใส่ เลยพาให้คนในค่ายคิดว่า ทหารที่ไหนหลงเข้ามาที่นี่ ชายหนุ่มเองก็แอบอึดอัดด้วยสายตาที่มองมาเช่นนั้น การโบกมือทักทายช่วยทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลงไป.. เล็กน้อย ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่เกินกว่า'แขค โอนิล' ชายหนุ่มก็ได้แต่หวังว่า ตัวเขากับคนอื่นๆ หน้าจะสนิทกันได้ในเร็ววัน..


เมื่อมาถึง ก็ดูเหมือนจะมีคนของค่ายมองเห็น และเดินเข้ามาหา


"โอ้ว.. สวัสดี.. เอ่อนี่คุณ.. เอ่อออ"


"ใช่.. ใช่แล้ว เป็นเช่นนั้น สวัสดี"


"อุ้ว สุภาพดีจัง คุณคงเป็นเด็กใหม่.."


"ใช้คำว่าสมาชิกใหม่จะดีกว่า ขอบคุณ"


"อ่าห์.. งั้น ผมจะนำทางคุณไปที่ห้องทำงานของไครอนเพื่อลงทะเบียนสมาชิกใหม่นะครับคุณ.. เอ่อ"


"โจนาทาน"


"มิสเตอร์โจนาทาน โอเค งั้น คุณเดินไปตามทางที่คุณเห็นนี้ จะเจอกับอาคารหลังนึง ห้องทำงานไครอนจะอยู่ที่นั่น"


"ขอบคุณมาก.."


"โอเค.. เอ่ออ ยินดีต้อนรับ บุตรแห่งเทพโอลิมปัสคนใหม่"


ก่อนที่เขาจะหันหลังให้แล้วรีบเดินออกห่างจากเด็กหนุ่มไปโดยเร็ว.. ส้รางความฉงนให้กับเขาไม่น้อย แต่ในเมื่อเขารู้ว่าจะต้องทำอะไรในที่แห่งนี้แล้วนั้น ก็ไม่รอช้า เขาเดินไปตามทางที่คนๆนั้นบอก เพื่อลงทะเบียนสมาชิกหน้าใหม่ของค่ายแห่งนี้ ชายหนุ่มคิดว่า คงจะเป็นเหมือนค่ายลูกเสืออย่างที่คิดไว้ ไม่มีอะไรในตอนนี้ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ นอกจากสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่ร่วมกับคนธรรมดาอย่างเป็นปกติ..


คงจะมีอะไรเซอร์ไพรซ์อยู่ด้านหน้าแน่ๆ.. ชายหนุ่มคิด

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 28008 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-2-29 01:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2024-3-3 03:37:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nymeria เมื่อ 2024-3-3 03:43







-1-


              “ ฮาร์ฟบลัด ไม่ใช่.. หาบกัด “


              “ ฉันไม่ชินสำเนียงอเมริกันเท่าไร ตัวเองเข้าใจก็พอแล้วเรื่องนี้ต้องแคร์ด้วยหรอ “


              “ เธอจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องวิธีสื่อสารให้มากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อพวกพ้องอย่างน้อยก็เพื่อตัวเธอเองในอนาคต “


              ตลอดเส้นทางหลายพันไมล์จากปารีสจนถึงนิวยอร์กกับเพื่อร่วมทางแปลกหน้าที่เธอมองเขาเป็น ‘พ่อมดยุคใหม่’ ดูเหมือนไนมีเรียจะค่อนข้างสนุกสนานกับการทดสอบความอดทนอีกฝ่ายอยู่เนื่องๆ สาบานได้ว่าสตรีนัยน์ตาเหยี่ยวไม่มีทางปล่อยตัวสบายๆ ขนาดนี้ เคราะห์ดีว่าพี่สาวต่างสายเลือดติดต่อทางบ้านมาบอกเรื่องที่ตนยังสบายดี


              หายตัวไปปุบปับนั้นเข้าใจได้ แต่เล่นหายโดยไม่ชวนเธอไปเที่ยวเล่นด้วย เจอกันหนหน้าจะแกล้งๆ น้อยใจเสียดีไหมนะ ? 


              ไนมีเรียลดกระจกรถคาดิลแลคสีดำลงสัมผัสกับไอสดชื่นของพื้นที่ติดทะเล ดูเหมือนว่าพวกเขาใกล้ถึงเกาะลองไอส์แลนด์เข้าไปทุกที ตลอดการเดินทาง ‘ออสวาร์ แรคเคนนอน’ ชายแปลกหน้าวัย 25 ผู้ที่โผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยและช่วยเหลือเธอจากมิโนธอร์คนนี้คอยอธิบายเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ ‘พวกเรา’ ล้วนพบเจจอเมื่อมีสายเลือดพิเศษไหลเวียนอยู่ในตัว บางส่วนคือคำตอบปริศนาที่เด็กสาวเคยสงสัย บางเรื่องกลับยิ่งฟังยิ่งสับสน


              “นายกำลังจะบอกว่า ‘พวกเรา’ ไม่สิ.. ฉันไม่ชอบคำนี้เลย ‘พวกนาย’ ต่างก็เป็นมนุษย์กึ่งเเทพ ทำให้มีกลิ่นพิเศษคอยดึงดูดอสุรกายให้มาป้วนเปี้ยนก่อกวนรอบกาย? กลิ่นเหมือนอะไรนะ สเต็กราดซอสเกรวี่ ? “


              “จะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด ใช้คำว่าพวกเราเพราะหมายรวมถึงเธอและฉันด้วย“   ออสวาร์รับหน้าที่เป้นทั้งสารถีและไกด์นำทาง เขาตอบหน้านิ่ง “ สับสนสินะ? ไม่ต่างจากผมในตอนแรกนัก เธอยังถือว่าโชคดี เอเดรียนก็ช่างคิดคอยใช้ของพวกนั้นปกป้องเธอ อาถรรพ์ของเครื่องรางช่วยกลบร่องรอยทำให้พวกอสูรไขว้เขว “


              “ จะบอกว่าเขาไม่ได้ให้สิ่งนี้กับฉัน แค่เพราะว่าเกิดถูกใจขึ้นมาสินะ ”


              “ ความบังเอิญครั้งเดียวเรียกว่าโชคชะตา มากกว่านั้น คงมีคนจงใจให้มันเกิดขึ้น ”


              นิกซ์เผลอยกปลายนิ้วลูบไปที่สร้อยคอสีหมึกตามปลายสายตาเขา มันส่องสะท้อนกับแสงจันทร์ด้านนอกจนเกิดประกายวาววับ จริงอยู่ว่ามูลค่าของสร้อยเส้นนี้มีคุณค่าทางจิตวิญญาณสูงลิ่ว ก็ไม่นึกว่าของที่ทำให้เธอได้พบเพื่อนผีตนแรกจะถูกใช้เป็นเครื่องราง คอยปกป้องสายเลือดอีกครึ่งหนึ่งในตัวของหญิงสาว


              ข้อมูลจำนวนมหาศาลไหลบ่าจากริมฝีปากของชายหนุ่มวัย 25 ตั้งแต่เรื่องเหตุผลที่มารดาทอดทิ้งเธอแต่ยังเป้นทารก ด้วยข้อตกลงบ้าๆ ของเหล่าทวยเทพ ยังมีเรื่องที่ผู้เป็นพ่อแอบทำลับหลังตนเพื่อเก็บงำชาติกำเนิดที่แท้จริงราวกับบทละครน้ำเน่า ไหนจะความจริงที่ว่าป้าข้างบ้านเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่ถูกส่งมาคอยคุ้มกันเธออยุ่ห่างๆ ไนมีเรียยิ่งฟังก็ยิ่งหยักรอยยิ้มมุมปาก ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน..’


              “ เธอดูสับสนนะ ไม่ต้องห่วงที่แค้มป์จะมีพี่น้องรุ่นราวคราวเดียวกันอีกมาก ทุกคนเริ่มจากการเป็นเด็กหลงทางจนกว่าจะค้นพบสถานที่ๆ เหมาะกับตัวเอง อย่าคิดมากล่ะ ”


              เจ้าของรอยเฮนน่าที่มือขวาไม่ตอบอะไรต่อ เธอต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจัดระเบียบและครอบครองจุดที่ตนสามารถใช้ประโยชนืจากเรื่องนี้ได้ ความเงียบงันกินเวลาไปจนถึงแนวป่าลึกล้อมรอบด้วยต้นสนสูงใหญ่และได้พบเข้ากับซู้มประตูหินสลัก ด้นบนเมื่อมองตามจะมีป้ายอักษรถูกอ่านอย่างสลับคำเป็นภาษากรีกว่า ‘ Haft-blood Camp’


              ชายหนุ่มมือเพลิงพารุ่นน้องมาจนถึงด้านหน้าบ้านหลังที่สอง หน้าซุ้มหินอ่อนแกะสลักสถานที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำของเหล่าพวกพ้องยังคงเดิมไม่เปลี่ยน เขาภาคภูมิใจทุกครั้งที่กลับมาและคาดหวังเล็กๆ ว่าหญิงสาวที่เบาะด้านข้างคนขับเองก็จะมีสักวันที่คิดแบบเดียวกัน สัมภาระของไนมีเรียมีไม่มาก เจ้าตัวยังคงเชื่อว่านี่คือการมาเที่ยวชั่วคราว–ไม่ใช่การอยู่ยาว 


              “ หลังเข้าไปด้านในอย่างแรกเธอควรไปที่บ้านใหญ่.. เรื่องราวที่เคยตั้งคำถาม ไครอน จะเป็นผู้ให้คำตอบพาร์ทสุดท้ายเอง “


              ออสวาร์ส่งเธอถึงแค่ด้านหน้าซุ้ม กำชับข้อมูลเท่าที่สำคัญไปแล้วบนรถ เขาเองก็ไม่อยากพูดทวนซ้ำอีกหน เชื่อว่าคนอย่างลูกสาวศจ.เอเดรียนมีไหวพริบมากพอจะปรับตัว อีกอย่างถ้าพูดมากไปอีกฝ่ายที่ขี้รำคาญคงไม่พ้นเกลียดขี้หน้าเขาเป็นแน่ 


              ระหว่างทั้งสองเดินเข้าไปในด้านในบรรยากาศโดยรอบเต้มไปด้วยสมาชิกภายในค่ายต่างหันมาทางตี้กันเป้นตาเดียว นิกซ์ไม่ใช่สาวน้อยตื่นคน ตรงกันข้ามเธอหยักรอยยิ้มมารยาทให้ทุกคนที่หันสบตา บรรยากาศรอบตัวหญิงสาวดูลึกลับด้วยโค้ทสีดำตัวยาวสวมทับเสื้อครอปกับกางเกงขาสั้นเอวสูง รองเท้าบู้ทสไตล์คอมแบตทั้งหนาและผูกเชือกเกือบถึงเข่าทำให้เทียบเคียงแฟชั่นไอคอนแถวหน้าได้สบายๆ


              “ อ้อ.. จริงสิ สำหรับเพื่อนที่มองไม่เห็นของเธอ จะสามารถเชิญพวกเขาตามไปทีหลังได้ไม่ต้องกังวล หลังจากได้รับการยอมรับโดยพ่อรึแม่แท้ๆ เรียบร้อยแล้ว “


              การบอกลาเกิดขึ้นเมื่อมาถึงทางแยก ใจจริงอยากรั้งตัวเขาไว้สอบถามเรื่องปืนกลกระสุนไฟต่อสักหน่อย น่าเสียดายที่อีกฝ่ายบอกว่าททันทีที่เธอปลอดภัย นั่นก็หมดหน้าที่ของเขาแล้ว


              “ นายพูดราวกับว่าเคยผ่านมันมาแล้ว ช่างเถอะ.. ขอบใจที่มาส่ง ออสวาร์ “






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25653 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-3-3 03:37
โพสต์ 25,653 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-3-3 03:37
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้