[ตอนเหนือของค่าย] ชายหาด

  [คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×


ชายหาด








เป็น แนวชายฝั่งทรายที่สุดขอบทางตอนเหนือสุดของค่ายฮาล์ฟบลัด

มองเห็นอ่าวลองไอส์แลนด์ได้อย่างชัดเจนจากตรงนี้

โดยปกติบริเวณนี้มักจะมีเหล่าลูกแห่งอะโฟร์ไดท์มานอนอาบแดด






แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 2704 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-3-16 10:56
โพสต์ 2024-3-16 18:03:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Play it coolFeriaHayes time
ในตอนที่เฟเรียเดินออกมาจากถ้ำเทพพยากรณ์ของคุณเรเซลอยู่นั่น เธอได้เหลือบมองไปเห็นเรือยอร์ชมาเทียบที่ชายหาดพอดี แถมอยู่ดี ๆ ก็ปรากฎร่างของเจ้าของเรือลำนี้ออกมา เป็นชายหนุ่มสวมกางเกงเลดูสบาย ๆ สวมแว่นกันแดดแถมยังสวมเสื้อยืดค่ายเหมือนเธออยู่ด้วย

“รุ่นพี่ค่ายคนนี้เปิดตัวยิ่งใหญ่จังเลยแฮะ”

เธอพึมพำกับตัวเองในขณะที่รุ่นพี่คนนั้นน่าจะได้ยินเข้ามั้งเลยเดอนเข้ามาหาเธอซะได้

“โย่ เด็กใหม่เหรอ พี่เจโรมเองนะ บุตรแห่งโพไซดอล”

“ อะเออ…เฟเรียค่ะ ธิดาแห่งฮิปนอสค่ะ รุ่นพี่เจโรมเออ…นี่ไดฟูกุค่ะ ขนมของบ้านเกิดแม่หนู ถือว่าเป็นการทักทายนะคะ เออ..หนูมีธุระของตัวก่อนนะคะ“

ด้วยความรีบร้อนเธอก็มอบไดฟูกุไส้สตอเบอร์รี่ให้พี่เจโรมไปก่อนที่จะเดินจากไป ด้วยความเขิน ก็คนเขาไม่ชินอ่า

ทักทายและมอบไดฟูกุให้รุ่นพี่เจโรม
bettyleg

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-3-16 18:14
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2024-3-16 18:13
God
คุณได้รับ +15 เกียรติยศ โพสต์ 2024-3-16 18:13
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-3-16 18:13
โพสต์ 5060 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-16 18:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หนังสือรับรองไครอน
เสื้อแจ็คเก็ตบุนวม
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุญแจแห่งปัญญา
ดรีมทราเวล
ควบคุมดอกป๊อปปี้
กำปั้นแห่งนิทรา
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x20
x1
x2
x5
x2
x7
x1
x1
x1
x28
x4
x5
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x19
โพสต์ 2024-3-22 13:19:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
044
ช่วยจัดสถานที่ปาร์ตี้ริมหาด

          “ยะโฮ~”

          เสียงเรียกทักทายอันเริงร่า เรียกความสนใจของชายหนุ่มที่กำลังลงมือเลื่อยไม้ให้เงยหน้าขึ้นมอง คนที่เดินมาคือ ดีน หรือพี่ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ของเจโรม ปาร์ค ซึงยอน เขาไม่เดินมาตัวเปล่าแต่ชายหนุ่มในชุดเกราะยังถือถาดพิซซ่าติดไม้ติดมือมาด้วย

          เห็นสภาพของพี่ชายก็ทำเอาหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีอดขำขึ้นมาไม่ได้

          “ยังไม่ถอดเกราะอีกเหรอครับ แต่ว่าพี่ถูกปล่อยตัวมาเร็วแบบนี้แสดงว่าวันนี้ไม่มีปัญหาอะไร”

          ตลอดสองวันที่ผ่านมา คนเป็นน้องจำต้องฟังการบ่นกระปอดกระแปดจากพี่ชาย เรื่องการเรียนคลาสหอกและโล่ก่อนนอน คนที่มีประสบการณ์มาแล้วก็พอเข้าใจ เพียงแต่ดีนเป็นคนพูดเก่งเจโรมจึงต้องฟังจนหูแฉะนิดนึง

          “ยังน่ะ จนกว่าที่ฉันจะชินกับน้ำหนักพวกนี้ถึงค่อยถอดออก หลักสูตรเร่งรัดก็ดีใช่ไหมล่ะ ฉันจะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไว ๆ”

          “ถ้าเก่งไว ๆ มันก็ดีครับ แต่อย่าหักโหมเกินไป จะเกิดภาระต่อร่างกายเอา”

          “โอเค ฉันจะจำเอาไว้ แต่ว่านายวางเลื่อยแล้วมากินมื้อเที่ยงกันก่อนเถอะ ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี”

          การทำงานหยุดพักไว้ก่อนเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เป็นอีกครั้งที่ดีนเห็นเจโรมทำหน้าเหลือจะเชื่อกับอาหารที่เขานำมา บางทีอีกฝ่ายคงอยากทานอาหารเกาหลีล่ะมั้ง ดีนคิดเช่นนั้น แต่ความจริงแล้วเจโรมคิดว่าพี่ชายกินแต่ของอ้วน ๆ ต่างหาก หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วก็ได้เวลาทำงานกันต่อ เจโรมเลื่อยไม้ ส่วนดีนนำไม้ที่ตัดเป็นท่อน ๆ แล้วมาตอกขึ้นโครง

          “ไม่คิดเลยนะว่าจะต้องลงมือเองถึงขนาดนี้ นายไม่มีทีมงานมาช่วยเลยเหรอ?”

          “ก็อย่างที่เห็น พี่คิดว่ามีใครไหมล่ะครับ” เจโรมหัวเราะ “แต่การได้ทำอะไรด้วยตัวเองมันก็ดีนะ แบบว่ามีคุณค่าให้จดจำ”

          “หืม.. นายเป็นพวกดื่มด่ำกับความสำเร็จที่ได้มาด้วยตัวเองสินะ” ดีนหรี่ตามอง ดูทรงจะเป็นอย่างนั้น เพราะจากที่ฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายมา ความสำเร็จแต่ละอย่างไม่ได้มาอย่างง่าย ๆ หรือเพราะโชคช่วย แต่ละความสำเร็จกินเวลาเป็นปี ๆ “แต่ว่าฉันยังไม่รู้เลยว่าที่เราทำกันอยู่มีอะไรบ้าง”

          “โอ้ ผมลืมบอกไป ส่วนที่เราทำอยู่คือบาร์อาหารครับ งานนี้เป็นงานกลางวัน จัดไปถึงกลางคืน จะไม่มีแอลกอฮอล์ ส่วนพื้นที่งานจริง ๆ จะอยู่ในทะเล วันจริงจะจัดแพยางต่าง ๆ ไว้ให้ทุกคนเล่นสนุกกัน งานนี้จะมีชาวเงือกมาร่วมด้วย แล้วก็ท่านพ่อก็จะมาร่วมงานด้วยล่ะครับ”

          “เงือก! มีเงือกจริง ๆ ด้วยเหรอ!?” ดีนทำตาโตตื่นเต้นตกใจ แต่มาคิดดูอีกที มันก็เรื่องปกติของโลกแห่งทวยเทพโบราณหรือเปล่าหว่า… พอคิดได้อาการไฮป์ก็สงบลงมาอยู่ในจุดที่หยุดนิ่ง “แล้วเงือกที่มา เป็นเงือกแบบในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ภาคสี่ หรือว่าแบบ เดอะ ลิตเติ้ล เมอร์เมด?”

          “ฮืมมม ลองเดาสิครับ”

          “เอ่อ.. ขอเดาว่าเป็นเงือกสวย ๆ แบบเดอะ ลิตเติ้ล เมอร์เมดก็แล้วกัน แบบในแฮร์รี่ฯ น่ากลัวเกินไป”

          เจโรมไม่ตอบ เขาได้แต่ยิ้มกริ่มคล้ายอยากเซอร์ไพรซ์ในวันงานเลยทีเดียว

          “อ้าว สวัสดีค่าคุณพี่ดีน คุณพี่เจโรม”

          เสียงทักคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง แต่จากการทักทายอันเป็นเอกลักษณ์นี้ดีนจำได้ทันทีว่ามาจากใคร พอหันไปหาต้นเสียงเขาก็เห็นว่าสองสาวงามจากบ้านอะโฟรไดท์อย่างอลิเซียและเจโนวีฟในชุดว่ายน้ำสุดน่ารัก ควงคู่อวดหุ่นสวยจนทำเอาหนุ่ม ๆ ตาค้าง

          แปะ.. (เสียงตะปูหล่นลงบนพื้นทราย)

          “สะ.. สวัสดีพวกเธอทั้งสองคน ชุดแบบนี้…”

          “มาอาบแดดค่ะ บ่ายแก่ ๆ ช่วงนี้อากาศกำลังดีเลย” เจโนวีฟตอบอย่างร่าเริง ทำเอาโลกสดใสมีกำลังใจทำงาน

          “แต่ท่าทางคุณพี่สองคนน่าจะไม่ว่าง งั้นพวกเราไปก่อน ตั้งใจทำงานนะคะ” อลิเซียโปรยจูบให้สองหนุ่มบ้านโพไซดอน ถึงแม้ว่าเธอจะเด็กกว่าพวกเขาหลายปีแต่ก็ทำเอาใจเต้นตึกตักกันบ้าง

          โชคดีนะที่เอลลิสไม่อยู่แถวนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าอีกฝ่ายเห็นภาพเมื่อครู่จะเกิดคดีฆาตกรรมกลางหาดปิดตายหรือเปล่า.. ไม่สิ ชายหาดจะปิดตายได้ยังไง

          หลังจากที่สองสาวเดินไปปูเสื่อหามุมอาบแดดแล้วดีนก็ใช้ศอกกระแซะน้องชายตัวดีเข้าทีนึง

          “ที่นายจัดสถานที่ไม่เสร็จสักทีเป็นเพราะแบบนี้ใช่ไหมเนี่ย เจรี่ นายเอาแต่ส่องสาวอยู่นี่เอง”

          เผลอเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อไปตามความสนิทที่มากขึ้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร

          “ก็แหม.. ผมคิดว่าพี่ก็น่าจะเข้าใจแหล่ะน่า” เจโรมไม่ยอมรับตรง ๆ เขาเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มหลบสายตา

          ดีนเก็บตะปูที่ตกลงทรายขึ้นมาแล้วเริ่มทำงานต่อ ห้ามวอกแวก ห้ามมองไปทางนั้นเด็ดขาด!!

          “พูดถึงเรื่องสาว เทพกรีกนี่ก็นิยมเอเซียกันน่าดูเลยนะ ฉันเห็นว่าในค่ายมีลูกครึ่งเอเซียไปกว่าครึ่งค่าย เป็นรสนิยมของเทพในช่วงสิบยี่สิบปีที่แล้วหรือไงนะ?”

          พอดีนจุดประเด็นเรื่องนี้เจโรมก็หัวเราะ

          “ก็สาวเอเซียน่ารักนี่ครับ ...รวมถึงหนุ่มก็ด้วย”

          คำพูดของเจโรมทำเอาดีนหันขวับ ที่อีกฝ่ายบอกว่าหนุ่มก็น่ารักหมายถึงชมตัวเองอยู่ หรือต้องการจะพูดถึงกรณีพ่อมนุษย์ของอีกฝ่ายเองกันแน่ ไม่สิ… มันยังมีกรณีที่สามก็คือ.. หมอนี่มีแฟนเป็นผู้ชาย!! เล่นเอาต่อมเผือกทำงานหนักยิ่งกว่าเดิม

          “แล้วนายมีแฟนกับเขาหรือยัง?”

          “ไม่มีหรอกครับ พี่ก็รู้ว่าไอดอลเกาหลีมีความรักได้ซะที่ไหน”

          “ก็พอรู้อยู่บ้าง เรื่องกฎอะไรนั่น มันงี่เง่าชะมัด แอบคบกันไม่เปิดเผยก็ไม่ได้งั้นเหรอ?”

          “ไม่ได้ครับ ถ้าข่าวหลุดขึ้นมาก็มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย เพราะงั้นไม่มีเลยดีกว่า” เจโรมได้แต่ยิ้มบาง ๆ นอกเหนือจากเรื่องกลัวข่าวหลุด คนที่ต้องซ้อมดนตรีอย่างหนักจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนก่อน “พี่เองก็เถอะ มีแฟนแล้วหรือยังครับ? ท่าทางพี่ก็ดูป๊อบเอาเรื่อง”

          พอได้ยินน้องชายกล่าวแบบนั้นดีนก็หัวเราะออกมา

          “ถ้าบอกว่าป๊อบก็ดูจะหลงตัวเองเกินไปหน่อย ให้คนอื่นชมแทนดีกว่า แต่ว่าฉันไม่มีหรอกแฟนเฟินน่ะ การผูกมัดกับใครสักคนทำอะไรก็ไม่คล่องตัวหรอกจริงไหม”

          ได้ยินคำตอบของพี่ชายเจโรมก็ทำปากเป็นคำว่า ‘อ๋อ’

          “ถ้าพูดแบบนี้ก็แปลว่ามีคนมาติดพันเยอะ พี่นี่เหมือนท่านพ่อไม่มีผิดเลย”

          “เหมือน.. ยังไง?” พี่ชายผิวสีน้ำผึ้งผู้ไม่เหมือนน้อง เงยหน้าขึ้นมาจากงานที่ทำอยู่ “หรือว่าหนวดฉัน… เริ่มจะเฟิ้มแล้ว?”

          “ไม่ใช่สิ!” หนุ่มเกาหลีแทบจะหัวทิ่มกับการช็อตฟีลทุกครั้งของพี่ชาย “ที่ผมหมายถึงคือ พี่เป็นคนเจ้าชู้เหมือนท่านพ่อเลยต่างหากครับ”

          “เจ้าชู้… ฉันอ่ะนะ? ม่ายนะ ไม่ได้คบซ้อนไม่เรียกว่าเจ้าชู้หรอก”

          “แหงมสิ พี่จะคบซ้อนได้ยังไง ไม่ได้คบกับใครจริงจังสักคนเลยไม่ใช่เหรอครับ”

          เจโรมโตพอที่จะเข้าใจความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่เน้นสนุกแต่ไม่คิดผูกพัน ถ้าเป็นตัวเองมีความรักได้คงอยากจะคบกับใครสักคนอย่างจริงจังไปเลยมากกว่า

          “ว่าแต่เจรี่ นายนี่ก็นินทาพ่อเก่งนะ”

          ดีนหรี่ตามองน้องชายตัวเองที่ตอนนี้ยิ้มแฮ่ใส่ รอบที่แล้วก็บอกว่าพ่อเป็นเทพอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนนี้ก็มาบอกอีกว่าพ่อเป็นคนเจ้าชู้ ไม่กลัวรูปปั้นหรือน้ำทะเลติดสายดักฟังไว้บ้างเลยหรือไงนะ.. ไม่เหมือนเขา ที่ฉอดพ่อต่อหน้าเตาไฟบูชาเทพเลย ไม่รู้ป่านนี้โดนสาปไปแล้วหรือยัง

          พอมาคุยประเด็นนี้ก็อดที่จะนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ที่ฝังใจอยู่ไม่ได้ ดีนไม่อยากจะโทษเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เคยทำร้ายใจว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่คิดจริงจังกับใครเลย เพราะรู้ตัวเองว่าช่วงหนึ่งก่อนหน้านั้นที่เขาเองก็เคยทำตัวแย่มาก ๆ จนมีปัญหาตามมามากมาย.. ชายหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัวแล้วตั้งใจทำงานต่อ

          “แต่ว่านะเจรี่ ถ้านายมีแฟนเมื่อไรก็พามาเปิดตัวกับฉันได้เลย รับรองว่าไม่บอกนักข่าว สัญญา”

          “โธ่พี่ มันคงไม่เร็วขนาดนั้นหรอกครับ”

          จบประเด็นเรื่องความรัก สองหนุ่มสายเลือดโพไซดอนก็พูดคุยสัพเพเหระกันต่อ พลางช่วยกันออกแบบการตกแต่งสถานที่ แม้ดีนจะไม่มีหัวทางด้านนี้สักเท่าไร แต่ก็พร้อมจะเป็นลูกมือให้เจโรมขอแค่อีกฝ่ายสั่งการมา
         

ฟังข่าวเกี่ยวกับปาร์ตี้ฉลองการอนุรักษ์สัตว์ทะเล
มอบ [พิซซ่า] ให้แก่ [เจโรม ปาร์ค ซึงยอน]
ได้รับโบนัสพิเศษ +5 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ --20 เกียรติยศ +15 ความกล้า --30 ความศรัทธา โพสต์ 2024-3-22 13:42
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2024-3-22 13:41
โพสต์ 26208 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-3-22 13:19
โพสต์ 26,208 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-3-22 13:19
โพสต์ 26,208 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2024-3-22 13:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-3-22 15:38:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด






Beach

ในคราวที่ท้องฟ้าสีมืดยังคงประดับไว้ด้วยแสงดาว ณ บริเวณชายหาดที่ควรจะร้างผู้คน กลับปรากฏรอยเท้าเล็ก ๆ ฝังอยู่ตามแนวชายหาดเป็นทางยาว และเมื่อเลื่อนสายตามองตามรอยเท้าเล็กที่แสนมั่นคงนั้นก็จะพบกับร่างสูงเพรียวที่เคลื่อนกายไปทีละน้อย เนเรซ่าคือเจ้าของร่างที่ว่านั้น เธอสวมใส่ชุดนอนสีขาวปลอด ทับด้วยเสื้อยืดสีส้มสะดุดตา ก่อนจะป้องกันลมหนาวโดยอาศัยเพียงแค่ชุดคลุมตัวบางที่พริ้วไหวเพราะสายลมริมทะเล

บุตรสาวอันเป็นที่รักยิ่งแห่งเทพีใช้สองมือกระชับเสื้อคลุมเพื่อป้องกันลมหนาว พลางก้มใบหน้าลงมองปลายเท้าที่เปื้อนทั้งทรายและเปียกชื้นก็เพราะคลื่นเล็ก ๆ ที่ซัดผ่านเธอไป

เวลาที่คิดอะไรไม่ออก เนเรซ่ามักจะชอบไปอยู่ในที่ ๆ มีลมโกรก และเงียบสงบ บ้างก็เพื่อหลบซ่อนตัว บ้างก็เพื่อนรวบรวมเศษเสี้ยวตัวตนที่แตกกระจายให้กลับมาเป็นเหมือนเก่า , ภาระที่เธอรับมาจากมารดานั้นยิบย่อยและชวนให้หัวเสียเกินกว่าที่คิดไว้ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอ แต่เนเรซ่าก็ไม่เคยคิดที่จะชื่นชมเทพแห่งสงครามอย่างแอรีสอยู่แล้ว —- ก็เขาเป็นถึงเทพแห่งความรุนแรง คงไม่แปลกถ้าเราจะเห็นได้ว่าวีรกรรมแต่ละอย่างของเขาจะตรงกับคำจำกัดความที่ว่าชายแท้ยุคก่อนประวัติศาสตร์

แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อเป็นการไว้วานของมารดา ยังไงเธอเองก็คงต้องทำ เพราะถึงเธอจะคิดว่าไม่อยากทำยังไง สุดท้ายสองมือภายใต้เสื้อคลุมก็ยังพกกระดาษและปากกามาเผื่อไว้ในกรณีที่คิดออกด้วยอยู่ดี

“ คุณโพไซดอน.. ในฐานะที่คุณพึ่งจะต่อกรกับแอรีสมา คุณคิดว่าฉันควรจะทำยังไงดีคะ.. ? ”

เสียงนุ่มเกริ่นถามต่อทะเลที่ไร้ซึ่งกฏระเบียบ แม้จะรู้ตัวดีว่ามันคงไร้คำตอบ แต่ก็คงดีกว่าถ้าเธอได้ถามมันออกไป

“ ผมคิดว่าท่านคงบอกให้ทำใจมากกว่าครับ ”

เสียงตอบรับจากอีกทิศทำให้เนเรซ่าหันขวับ ในครรลองสายตาสีฟ้าครามของหญิงสาวคือร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อยืดสีส้มจี๊ดสะดุดตาและกางเกงนอนขายาวทรงกระบอกสีขาวดูเรียบง่ายและคลาสสิค ใบหน้าของเขาภายใต้แสงจันทร์อันเป็นความสว่างเดียวดูโดดเด่นอย่างน่าประหลาด

“ ไม่ใช่เด็กเคบิน 3 งั้นสิ.. ”เสียงพึมพัมของเขาดังขึ้นเป็นลำดับถัดมา

“ ฉันนึกว่าเช้าขนาดนี้จะไม่มีคนซะอีก ? ”เนเรซ่าทักทายประโยคแรกของการพบหน้าด้วยคำถาม ในฐานะสาวปารีเซียงที่ดี อย่างน้อยหญิงสาวก็ยังหันตัวตรงไปทางคู่สนทนาโดยไม่ได้มีท่าทีอย่างจะรีบเร่งวิ่งหนแต่อย่างใด

“ แม้แต่คุณยังมีความคิดแบบนั้นได้ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ผิดอะไรที่ผมจะมีความคิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน ”

ชายปริศนาขยับสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินมาใกล้กับจุดที่หญิงสาวยืนอยู่มากขึ้น เนเรซ่าเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้สายตาจับจ้องอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นเธอที่เป็นคนแปลกหน้าก็จึงเก็บสายตาหันกลับไปมองท้องทะเลเช่นเดิมแทน แต่ดูเหมือนความตั้งใจของเธอจะพังลงทันตา เมื่ออีกฝ่ายกล่าวขึ้นโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง “ คุณจะไม่สบายเอานะ ถ้าปล่อยให้เท้าชื้นอยู่แบบนั้น ”

“ ฉันเชื่อว่าห้องพยาบาลจะสามารถดูแลฉันได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ฉันป่วยขึ้นมา ” จะให้ทำยังไงได้ เนเรซ่าไม่ได้หยิบรองเท้ามาเผื่อด้วยซ้ำ เธอเดินเท้าเปล่าออกมานับตั้งแต่ที่เคบิน และก็ไม่ได้ใส่ใจหากว่ามันจะเลอะเทอะหรือเกิดเป็นแผลขึ้นมา ผิดกับคนข้าง ๆ ที่คล้ายว่าจะขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากฟังเธอพูดจบ

“ ถ้างั้นผมก็เชื่อว่าคุณอามินผู้ดูแลห้องพยาบาลจะไม่ชอบใจแน่ถ้าคุณไปปรากฏตัวที่นั่นด้วยสาเหตุที่ป่วยไข้เพราะเดินตากลมตอนกลางคืน ”ชายหนุ่มโคลงศีรษะเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงสุภาพสตรีประจำห้องพยาบาลคนเก่งที่มากไปด้วยชื่อเสียงนับตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่ที่นี่เป็นประจำ“ คุณไม่รู้เหรอว่าเธอดุจะตายไป ? ”

“ ไม่.. ฉันคิดว่าเธอก็ไม่ได้.. ดุขนาดนั้น ? ”สาวเคบินที่สิบขมวดคิ้วหลังฟังจบ ประจวบกับจังหวะที่อีกฝ่ายหันมามอง ดังนั้นเธอจึงได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ จากเขา ก่อนที่มันจะจางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

“ ถ้างั้นคุณก็คงต้องอยู่ที่นี่ให้นานขึ้นอีกหน่อย แล้วคุณจะเข้าใจเองว่าผมกำลังพูดถึงอะไร ” เขากล่าวพลางก้มหน้าลงมองลายน้ำที่ซึมหายไปตามทราย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ ผมไม่ได้แอบฟัง แต่เรื่องราวที่คุณถ่ายทอดลงสู่ทะเล ถ้าไม่ได้ตกไปอยู่ในมือพ่อผม สุดท้ายมันก็จะมาอยู่ในมือลูก ๆ ของเขา และในฐานะที่ผมอยู่ตรงนี้ ในตอนนี้ ถ้าคุณอยากได้ความเห็นแบบที่ไม่ต้องรอ ผมคิดว่าอย่างน้อยผมก็น่าจะช่วยคุณได้ ”

โอ้.. โพไซดอนมาโปรดโดยแท้ หญิงสาวที่ถามไถ่ความช่วยเหลือจากเทพแห่งผืนสมุทร ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะส่งตัวบุตรชายมาให้การช่วยเหลือได้ไวถึงขนาดนี้ ดวงตาอสรพิษสบกับเนตรอินทรีที่แสนคมกริบภายใต้ความเงียบสงบ เธอไล่สายตาสำรวจตามใบหน้าคมคาย จนพบว่าคนปริศนาผู้นี้ครอบครองใบหน้าทรงเหลี่ยมเป็นทรงชัดดูเข้มงวดและขึงขัง ด้านแววตาของเขาแม้จะแฝงไว้ด้วยความเป็นมิตร แต่ก็ยังคงกลิ่นอายนิ่งสงบที่เหมือนจะไม่ถูกโรคกับความวุ่นวาย

ก็ดูใช้การได้.. บางทีคงไม่เป็นปัญหาถ้าเธอจะขอความร่วมมือจากเขา บุตรสาวอะโฟรไดท์ไม่กล่าวสิ่งใดนอกเหนือไปจากนั้น เธอผ่อนลมหายใจออกผ่านริมฝีปาก ผินกายหันตรงไปโขดหินที่เรียบพอจะเป็นที่นั่งให้พวกเขาได้

อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวกำชับให้เขาต้องเดินตามไป แต่การที่ได้เห็นเจ้าหล่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินพร้อมขยับขาขึ้นไขว่ห้างนั้นก็พอจะบอกได้ว่ากำลังรอให้เขาหยิบยื่นความร่วมมือ

“ เอาล่ะ คุณผู้หญิง ขอผมฟังปัญหาของคุณหน่อย ”

เนเรซ่าสูดหายใจ เธอประสานสองมือเข้าหากัน ปิดเปลือกตาลงเพื่อพิจารณาว่าควรจะเริ่มพูดยังไง

“ ในฐานะผู้ชาย คุณคิดว่าจดหมายแบบไหนจะทำให้คุณยอมไปเจอผู้ส่งที่เป็นผู้หญิง ? ”คำถามของเธอคงจะประหลาดและไร้ที่มาที่ไปเกินไปหน่อย สีหน้าของชายข้างกายถึงได้ดูพิลึกพิลั่นอย่างเห็นได้ชัด

“ เอ่อ.. ก่อนคุณตอบฉันขอเพิ่มเหตุผลเสริมอีกหน่อยแล้วกัน แบบว่า ฝ่ายชายมีคนรักอยู่แล้ว .. คิดว่านะ แต่ เขากับคนรักตอนนี้ทะเลาะกันอยู่ เขาเลยไม่อยากเจอหน้าเธอ ดังนั้นฉันจะต้องช่วยเธอเรียกเขาออกมา ”

“ อ๋อ เรื่องของ เ พื่ อ น สินะ ? ”

การเน้นคำลงที่ เพื่อน ทำให้เนเรซ่ารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงเพื่อนแบบไหน ใบหน้าหวานของหญิงสาวฉาบไว้ด้วยคำถามที่ถอดความออกมาเป็นคำว่า ‘ เอาจริงดิ ’

“ คิดอะไรอยู่ก็หยุดเลย มันไม่ใช่แบบนั้น ”

สาวบ้านอะโฟรไดท์หยุดความคิดฟุ้งซ่านของผู้ช่วยชั่วคราวทันที และอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นยอมแพ้แต่โดยดี เทพธิดาตัวน้อยสูดหายใจเข้า เธอใช้เวลาตลอดครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นในการอธิบายต้นสายปลายเหตุ ( แบบไม่บอกเล่านามต้นเรื่อง ) ก่อนจะจบลงด้วยการอยู่ร่างโครงจดหมายคร่าว ๆ โดยมีมุมมองของหนุ่มน้อยบ้านโพไซดอนช่วยชี้ทาง

และหลังจากนั้น..

“ เอาจนพระอาทิตย์ขึ้นเลยแฮะ ”

เสียงของบุตรโพไซดอนดังขึ้นในระหว่างที่เนเรซ่ายังคงก้มหน้าจับปากกาขีด ๆ เขียน ๆ ลงกับกระดาษ แสงแรกของวันเริ่มต้นขึ้นโดยมีอีกฝ่ายนั่งอยู่โขดหิน ใช้สองมือเท้าไปด้านหลัง ด้านข้าง ๆ กันก็ยังมีร่างเล็กของเทพธิดาแห่งความรักนั่งหน้ายุ่งไม่เลิก

“ อย่าเครียดไปหน่อยเลย เงยหน้ามาดูพระอาทิตย์หน่อย ”ปลายนิ้วสากจิ้มลงที่หว่างคิ้วย่นบนใบหน้าหวาน พลางดันให้เธอเงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษเพื่อซึมซับกับความงดงามของรุ่งสาง แต่ใครจะไปนึกว่าเธอกลับทำเพียงแค่ช้อนตาขึ้นมองเขาและหัวเราะเบา ๆ

“ หนุ่มบ้านโพไซดอนอบอุ่นจังนะ ”

“ ฉันรู้ เดิมทีมันควรเป็นบทของเธอ ถูกไหมสาวบ้านอะโฟรไดท์ ? ”

เป็นเวลาราว ๆ ชั่วโมงครึ่งเห็นจะได้ที่พวกเขาร่วมทำอะไรไร้สาระอย่างการเขียนจดหมายให้ดูเป็นจริงเป็นจัง พวกเขาดูเขากันได้ แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ถึงขนาดที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่แม้แต่จะบอกกันเลยด้วยซ้ำ

“ ฉันต้องไปแล้ว ”

นั่นคือคำตอบที่เขาได้รับ

ชายหนุ่มไม่ขัดข้องต่อการร่ำลา เขาพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ในระหว่างที่สองมือเล็กของหญิงสาวกำลังรวบกองกระดาษทั้งหมดเข้าด้วยกัน

“ เจอกันครั้งหน้า ฉันว่าเราควรแนะนำตัวนะ ”

“ ครั้งหน้า ? ”เนเรซ่าสวนกลับขึ้นทันควัน เธอเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี“ จะเจอตัวฉันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ถ้าอยากเจอบางทีนายคงต้องลองอ้อนวอนมะม๊าของฉันเหมือนที่ฉันขอความช่วยเหลือจากพ่อนายไง ”

“ โชคดี พ่อหนุ่มเคบิน 3 อรุณสวัสดิ์นะ ”












แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +5 ความกล้า โพสต์ 2024-3-22 15:46
โพสต์ 23275 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-3-22 15:38
โพสต์ 23,275 ไบต์และได้รับ +3 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แจ็คเก็ต YANKEES  โพสต์ 2024-3-22 15:38
โพสต์ 23,275 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-3-22 15:38
โพสต์ 23,275 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ +6 ความกล้า จาก หูฟังบลูทูธ  โพสต์ 2024-3-22 15:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นพูจิโอ
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Anker PowerCore
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
Daedalus's Legacy
สื่อสารกับความรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x4
x1
x2
x1
x5
x5
x5
x8
x1
x4
x2
x7
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
โพสต์ 2024-3-31 14:57:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

066

Take Me Home, Country Roads


             “ดีน… ดีน.. พี่!”


             เสียงของคนคุ้นเคยปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาสีเปลือกไม้ค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นช้า ๆ สายตาปรับภาพโฟกัสเห็นภาพของน้องชายต่างเชื้อชาติทว่าร่วมสายเลือด บทเพลงครันทรีสุดอมตะลอยเข้ากระทบโสตตามมาเมื่อประสาทสัมผัสตื่นขึ้นจากการหลับลึก


[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]


             “เจรี่?” เขาเอ่ยชื่อคนปลุกน้ำเสียงแหบพร่า ดีนค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นมามองไปรอบ ๆ ตอนนี้เขาอยู่บนชายหาดของค่ายฮาล์ฟบลัด ตัวนอนอยู่ในเรือกอนโดล่าโดยมีฮิปโปแคมปัสสองตัวนอนแช่น้ำอยู่ไม่ห่างกัน ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นขึ้นมา “โอ้ ตายล่ะ ฉันใส่คอนแทกเลนส์นอนเหรอเนี่ย?”


             “ตื่นมาก็เป็นห่วงคอนแทกเลนส์เลยเนี่ยนะ? ผมเป็นห่วงพี่แทบแย่ ทิ้งโน้ตอะไรไว้แบบนั้น”


             “โน้ตเหรอ… แต่ว่าฉันก็กลับมาได้ใช่ไหมล่ะ?”


             ตอนนี้ดีนสมองแบล๊งค์ไปหมด แถมยังปวดหัวมาก ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการเมาเรือย้อนหลังหรือเปล่า มันมีอาการแบบนั้นด้วยเหรอ? ตอนนี้เขารู้สึกวูบวาบคล้ายจะเป็นไข้ ดีนปีนออกมาจากเรือแต่เมื่อยันขาขึ้นมาเขาก็ร่วงลงไปในน้ำทะเล เลือดสด ๆ ค่อย ๆ ซึมออกจากบาดแผลที่ขาย้อมสายน้ำให้กลายเป็นสีแดง แผลที่ปฐมพยาบาลเอาไว้เหมือนว่ายังไม่สมานตัวกันดี


             “พี่! เลือดออกนี่นา!”


             เจโรมอุทานด้วยใบหน้าถอดสี เขารีบประคองพี่ชายต่างมารดาขึ้นมาบนฝั่ง ทันใดนั้นท้องนภาก็เปล่งแสงเรืองรอง จากนั้นลำแสงหนึ่งก็พุ่งทะยานลงมาจากฟ้า แล้วสุภาพสตรีผู้งดงามในชุดเกราะก็ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง ดีนจำได้ดีว่านางคือเทพีอะธีน่าผู้มอบหมายภารกิจที่เฮติมาให้ เจโรมคุกเข่าแล้วก้มหน้าไม่สบตานาง ท่าทางคล้ายกับเขาตอนที่ได้พับกับเทพีในครั้งแรกไม่มีผิด


             “ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล บุตรแห่งโพไซดอน เจ้าทำภารกิจนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะบ้าระห่ำและลืมใช้สติปัญญาที่มีเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่ผลลัพธ์ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ… ชาวอเมริกัน ชาวเฮติ และเจ้าหน้าที่จากนานาชาติที่เจ้าช่วยเหลือจำนวนมาก ตอนนี้พวกเขาปลอดภัยทั้งหมด”


             น้ำเสียงของเทพีช่างไพเราะและทรงพลัง แต่ที่ดีนอยากรู้คือเรื่องของแม่ เขาอ้าปากกำลังจะถามแต่นางก็ยกหัตถ์ขึ้นปรามแล้วกล่าวต่อ


             “แม่ของเจ้า มาเรียนน่า คามิล่า อัลวาเรซใช่ไหม? หากจำไม่ผิดนางได้ขึ้นเครื่องบินลำเลียงกำลังพลกลับมาถึงสนามบินนิวยอร์กแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงนาง”


             ได้ยินแบบนี้ดีนก็คลายกังวลใจไปได้หลายส่วน เทพีคงไม่ได้ช่วยผิดคนหรอกหากว่าเอ่ยชื่อแม่เขาออกมาได้เต็มยศถึงขนาดนี้ เสียดายก็แต่เขาไม่ได้เข้าไปคุยกับคุณแม่เลยสักคำ และแม่เองก็คงไม่รับรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตามไปเสี่ยงภัยถึงเฮติ ดีไม่ดีถ้าแม่เจอเขาอาจจะถูกด่าแทน


             “ได้ยินแบบนี้ก็โล่งอก ผมต้องขอขอบคุณท่านมากด้วยครับ”


             “และนี่คือรางวัลของวีรบุรุษ.. ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล จงรับไว้เสีย”


             นกฮูกของเทพีใช้กรงเล็บคีบกล่องสมบัติขนาดย่อมมาวางไว้ตรงหน้าของเขา รางวัลของวีรบุรุษอะไรดีนไม่ได้ใส่ใจ และตอนนี้สติเขาเหมือนกับจะดับวูบเสียให้ได้ ยังไม่ทันที่จะเปิดหีบสมบัติเพื่อชื่นชมความภูมิใจ ร่างของเขาก็ล้มพับฟุบหน้าลงไปบนผืนทรายเสียก่อนแล้ว…



จบภารกิจ: เฮติเมืองต้องคำสาป รางวัล: 40 EXP , +8 ดรักม่า , +30 กล้าหาญ และ หินตีบวก x5 , หินอัปเกรด x2
รางวัลจากพลเรือนที่ช่วยชีวิต: 100 ดอลลาร์
---------------------------------------
ความโปรดปรานจากอะธีน่า +35 แต้ม
สูญเสียความโปรดปรานจากเฮคาที -70 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-3-31 15:10
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-08] อะธีน่า เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-3-31 15:09
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-08] อะธีน่า เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-3-31 15:09
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21] เฮคาที ลดลง -70 โพสต์ 2024-3-31 15:09
God
คุณได้รับ +30 ความกล้า โพสต์ 2024-3-31 15:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +8 เงินดอลลาร์ +100 ย่อ เหตุผล
God + 8 + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-6 18:03:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-4-7 20:25

077
ช่วงเวลาของครอบครัว

TW: มีการกล่าวถึงความรุนแรงกับเด็ก

             หาดทราย สายลม และแสดงแดด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับการจัดงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองโครงการอนุรักษ์ฉลามและวาฬไม่ให้พวกมันถูกล่าอีกต่อไป เสียอยู่อย่างเดียว.. น้ำในทะเลกลางฤดูใบไม้ผลิอุณหภูมิเฉลี่ยสี่สิบองศาฟาเรนไฮต์ (สี่องศาเซลเซียส) มันหนาวเย็นเกินไปกว่าจะเอาตัวลงไปแช่ เขายังไม่อยากเป็นแจ็ค ดอว์สันที่แข็งตายกลางมหาสมุทรแอตแลนติก จึงได้แต่อยู่ที่ริมหาด เพลิดเพลินกับของกินและเสียงเพลง พลางมองดูเจโรมเล่นน้ำอย่างสนุกสนานกับเหล่าเงือก

             “ไม่หนาวกันเลยหรือไงนะ..”

             ริมฝึปากพึมพำขณะมองคนที่เล่นน้ำแอ๊วเงือกสาวอย่างสนุก ความจริงเขาก็อยากจะเล่นบ้าง อยากเข้าไปทำความรู้จักกับเงือกใกล้ ๆ พยายามไม่คิดถึงการศึกษาเรื่องพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดแบบนั้นหลบพ้นสายตาชาวโลกมาได้อย่างไรเป็นหมื่น ๆ ปี ถึงแม้จะมีข่าวการค้นพบซากเงือกอยู่บ้างประปรายก็เถอะ แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปาหี่

             ขณะที่ชายหนุ่มกำลังแทะแตงโมเสมือนกับว่าตอนนี้คือฤดูร้อนอ้อนรัก สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ริมชายหาดเพียงลำพัง ประเดี๋ยวนึงเธอก็นั่งยอง ๆ ลงเล่นกับปูลมและผืนทราย ดีนรู้จักกับเด็กหญิงคนนี้มาก่อน เธอแนะนำตัวกับเขาว่า ‘รีช’ ตอนนั้นดีนไปหาเสียงการโหวตแคมเปญอนุรักษ์สัตว์ทะเลที่บ้านเฮอร์มีสแล้วเจอกับรีชและเด็กสาวอีกคน ทั้งสองดูสนิทกันมากแต่ทำไมวันนี้เด็กหญิงคนนี้กลับมาเดินเล่นอยู่เดียวดายเพียงลำพังกันได้นะ เขาจึงเดินไปทักสักหน่อย

             “สวัสดีรีช ไม่เจอกันนานเลยสบายดีไหม? แล้วเรเชลล่ะอยู่ไหนเหรอ?”

             ดีนย่อตัวลงไปนั่งยองในระดับเดียวกัน และโปรยยิ้มทักทายด้วยความเอ็นดู ทว่าเด็กหญิงที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเบะใบหน้า จากนั้นหยาดน้ำตาก็ถูกกลั่นออกมา รีชร้องให้อย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ

             “เฮ้! ดะ เดี๋ยว ใจเย็น ๆ เป็นอะไรไป ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาทำอะไรเธอนะ!”

             “ระ..เรเยล…เธอ..มะ..ไม่อยู่ แงงงงงง้”

             เด็กหญิงยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า ดีนใช้เวลาปลอบอยู่นานจนรีชพอจะพูดจารู้เรื่อง เธอเล่าให้เขาฟังว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนซึ่งอาจจะเป็นช่วงเดียวกับที่ดีนไปเฮติพอดี เรเชลกับรีชได้เข้ารับการทดสอบในป่าต้องห้าม พวกเธอสองคนถูกฝูงหมาป่าทำร้าย พอดีกับที่เอเตียนเด็กหนุ่มจากบ้านอะธีน่าผ่านมาพอดีเลยเข้ามาช่วยไว้ แต่ด้วยความที่ฝูงหมาป่าเหล่านั้นตึงมือเกินไปคนที่ถูกช่วยมาได้จึงมีเพียงรีชแค่คนเดียว ส่วนเรเชลได้กลายเป็นอาหารหมาป่า แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของร่างกายเด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ ก็ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้

             หลังได้รับรู้ความจริงจากปากของเด็กหญิง เธอร้องไห้มากขนาดนี้และนี่ก็เลยวันเมษาหน้าโง่มาแล้วหลายวันไม่มีทางเลยที่รีชจะพูดโกหก ความจริงที่ได้รับรู้ทำเอาดีนสบถในใจ

             ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ! มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นในค่ายนี้ด้วยเหรอ!!’

             ทั้งที่ในใจเขาก็รู้ เพราะเด็กหลายคนที่เคยเห็นหน้าค่าตา กลับไม่เคยปรากฏตัวกลับมาให้เห็นอีกหลังจากที่เด็กพวกนั้นออกไปทำภารกิจ แม้ความหนักอึ้งจะถมมาถึงคอหอย น้ำลายในปากเต็มไปด้วยรสฝาด แต่ดีนจำต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ได้มีชีวิตต่อในค่ายแห่งนี้อย่างเป็นปกติแม้ไม่อาจลืมแผลใจได้โดยง่าย

             “ให้พี่เป็นเพื่อนเธอนะรีช จากนี้ไม่ว่าจะกินข้าว หรือไปไหน เธอเรียกพี่ให้ไปด้วยได้ตลอดเลย”

             “ฮื่อ ขอบคุณนะคะพี่ชาย” เด็กหญิงสูดน้ำมูก ใบหน้าที่ผ่านการร้องไห้หนักเละเทะ แต่ดีนก็ไม่มีผ้าเช็ดหน้าจะมาซับน้ำตาให้กับเธอเสียด้วย

             “ไหน ๆ วันนี้ก็มีปาร์ตี้ เรามาหาอะไรเล่นกันให้สนุกเถอะนะ รีชอยากจะเล่นอะไรไหม?”

             เด็กหญิงตัวเล็กเหลียวมองซ้ายแลขวา ก่อนที่เธอจะชี้ไปทางเรือพาย “หนูอยากลองพายเรือดูค่ะ”

             “เรือเหรอ ได้สิ”

             เขาลุกขึ้นยืนพลางยื่นมือออกไปด้านหน้าให้เด็กหญิงได้จับยึดเป็นหลักพยุงตัว จากนั้นก็จูงมือกับรีชไปที่เรือพายที่ถูกจอดทิ้งไว้เกยอยู่บนหาด ดีนให้เด็กหญิงขึ้นไปบนเรือก่อนจากนั้นเขาก็เข็นเรือพายลงไปในน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ ทว่าไม่ได้เย็นจนบาดเนื้อของผู้ที่มีสายเลือดของโพไซดอน กลับให้ความรู้สึกที่สดชื่นเสียมากกว่า เพราะแบบนี้สินะเจโรมถึงได้ว่ายน้ำเล่นกับเงือกได้อย่างสบายใจ

             “โอ๊ะ! เดี๋ยวเธอรอฉันก่อนแป๊บนึงนะ”

             ไหน ๆ แล้วหยิบของติดมือไปฝากเจ้าน้องชายที่ลอยคออยู่กลางทะเลด้วยดีกว่า ดีนรีบวิ่งขึ้นฝั่งแล้วโกยของกินมากมายใส่แพยางแล้วนำมาผูกจูงกับเรือพาย เท่านี้ก็เรียบร้อย จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นเรืออย่างทุลักทุกเลแล้วปลดเชือกผูกเรือออกไป เขาเคยพายเรือในทะเลสาบที่แสนสงบไร้คลื่นลม ลองเปลี่ยนมาเป็นพายในทะเลดูบ้าง มันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว… มันก็ยากขึ้นมานิดนึงแหล่ะ

             “ฮาย เจรี่”

             ดีนพายเรือมาเทียบใกล้ ๆ กับน้องชายที่กำลังสนุกสนานกับเหล่าเงือกสาว เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ชะมัด ทำไมพอตัวเองมาอยู่ที่ค่ายแล้วไม่ป็อบปูล่าแบบนี้บ้างนะ แต่ไม่ป็อบก็ดีแล้วเขายังไม่อยากเป็นพวกอินเซส

             “อ้าว สวัสดีครับพี่ แล้วนี่แขกของเราเหรอ” เจโรมโปรยรอยยิ้มพราวเสน่ห์ให้เด็กหญิงที่เป็นฝีพายเบอร์สอง ทั้งสองโบกมือให้แก่กัน

             “สวัสดีค่ะ หนูชื่อรีช เป็นเพื่อนสนิทของพี่ดีนค่ะ” เด็กหญิงตอบกลับอย่างฉะฉาน เรียกเสียงหัวเราะออกจากหนุ่ม ๆ บ้านโพไซดอนได้เป็นอย่างดี

             “แหมพี่ มีเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่บอกกันบ้าง” เจโรมแซว

             “ก็นะ เพิ่งจะสนิทกันเมื่อห้านาทีที่แล้วน่ะ แล้วนี่ว่ายน้ำทั้งวันนายหิวหรือยัง หน่วยพลาธิการเอาเสบียงมาส่ง แล้วก็มีส่วนของพวกเธอด้วยนะสาว ๆ” ดีนขยิบตาให้เงือกสาว พวกเธอทำท่าเขินอายกันเล็กน้อย แม้ว่าดีนกับเจโรมจะคนละเชื้อชาติ แต่หนุ่มบ้านโพไซดอนต่างก็มีเสน่ห์ต่างกันไปคนละแบบ

             “ไหน ดูสิครับว่าพี่เอาอะไรมาให้บ้าง” เจโรมว่ายไปเกาะแพยาง พอเห็นเสบียงที่ดีนเอามาให้เขาก็ยิ้มอ่อน เพราะว่าเจอโดนัทของโปรดของพี่ชายที่ไม่ใช่ของตัวเองเข้าไปหนึ่งกล่องใหญ่ ๆ “โดนัทต้องเค็มแหงม ๆ”

             “สูตรใหม่ โดนัทรสน้ำทะเลไง ถ้านายลองเอาลงไปจุ่มในน้ำนะ” ดีนยักคิ้ว

             “จะว่าไป พี่ไม่เล่นน้ำเหรอครับ? ท่านพ่ออุตส่าห์เสกสไลด์เดอร์น้ำให้เชียวนะ”

             “มันก็น่าสนุกนะ แต่ว่าสายตาฉันมัน…” ดีนละคำไว้พร้อมกับเบ้หน้า เบื่อที่จะกล่าวถึงความลำบากอย่างหนึ่งของชีวิต “เอ๊ะ.. นายว่าไงนะ พ่อมาด้วยเหรอ?” ชายหนุ่มถลึงตามอง

             “ใช่ครับ ผมบอกพี่แล้วนี่นา” เจโรมหรี่ตา “หรือว่าพี่จะลืม?”

             หนุ่มผิวน้ำผึ้งได้แต่ยิ้มเก้อ ๆ ตอนนั้นคงตื่นเต้นกับคำว่าเงือกมากไปหน่อยจนไม่ทันได้ฟังว่าพ่อเองก็มาร่วมงานฉลองด้วย

             “แล้วพ่ออยู่ไหนล่ะ?” เขาถาม

             “อยู่บนเรือยอร์ชน่ะครับ อืม.. พี่ไปหาท่านพ่อก็ดีนะครับ ช่วยปลอบให้ท่านใจเย็นลงหน่อย” เจโรมยิ้มเจื่อน

             “อ้าว ทำไมเหรอ? หรือว่าช่วงนี้งานในมหาสมุทรมีปัญหา” ดีนถามต่อ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เลยก็ตามว่างานของเจ้าสมุทรต้องทำอะไรบ้าง ได้แต่คาดเดา

             “ก็คือ..” เจโรมว่ายน้ำมาเกาะเรือพายแล้วส่งซิกให้ดีนเงี่ยหูมาฟังใกล้ ๆ “เมื่อวันก่อนเหมือนว่าท่านพ่อจะมีปากเสียงกับท่านเทพซุสน่ะครับ ก็เลยมีเหตุการณ์แปลก ๆ ที่อ่าวนิวยอร์กนิดหน่อย ถ้ามีเน็ตพี่ลองไปหาข่าวดูก็ได้ ‘ฟ้าผ่าที่เทพีเสรีภาพ’”

             “มะ.. มันเป็นเรื่องใหญ่โตหรือเปล่าน่ะ?” ดีนทำตาโต การปะทะกันของสองมหาเทพฟังดูรุนแรงจนมนุษย์ (ครึ่งเทพ) ตัวเล็ก ๆ อย่างเขาวิตกยังไงก็ไม่รู้

             “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ถือว่าน้อยกว่าเรื่องเมื่อหลายสิบกว่าปีก่อนเยอะ แต่นั่นก็ทำให้พวกเราขึ้นเครื่องบินกันไม่ได้”

             คำเฉลยของเจโรมทำให้ดีนถึงบางอ้อขึ้นมา ที่แท้เหตุผลของความยุ่งยากมาจากการที่บิดาของเขาทะเลาะกับอานี่เองสินะ พอจะจับต้นชนปลายได้ว่าซุสคงไม่ต้องการให้บุตรแห่งเจ้าสมุทรขึ้นไปแตะขอบฟ้าแหงม ๆ

             “โอเค ๆ เข้าใจล่ะ งั้นเดี๋ยวฉันขอนี่มาด้วยหนึ่งกล่อง ถ้าพ่อได้กินอะไรสักหน่อยน่าจะใจเย็นลง” กล่าวจบเขาก็ริบเอาชีสบอร์ดคืนมา

             “ฝากด้วยนะครับพี่”

             ดีนบอกลาจากเจโรมก่อนจะหันหน้าไปทางรีชแล้วหันไปทางเด็กหญิงที่กำลังเจื้อยแจ้วถามพี่นางเงือกคนสวยนู่นนั่นนี่ด้วยท่าทางน่าเอ็นดู ใครจะไปรู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีเธอเพิ่งจะร้องไห้หนักมา

             “เดี๋ยวพี่ขอไปทำธุระแป๊บนึงนะรีช เธออยากพบกับเทพโพไซดอนตัวเป็น ๆ ไหม?”

             “เอ๊ะ ท่านเทพโพไซดอนเหรอคะ!?” ดวงตากลมโตสีมรกตเบิกกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิมตอนที่ดีนถาม “ไปสิคะ คุณแม่เล่าเรื่องท่านเจ้าสมุทรให้หนูฟังเยอะแยะเลยค่ะ ว่าแต่หนูต้องทำตัวยังไงบ้างเหรอคะ?”

             เอะใจอยู่นิดหน่อย แต่คงคิดว่ารีชคงฟังนิทานเรื่องเงือกน้อยผจญภัยมามั้ง ขนาดว่าเมื่อกี้เธอยังดูสนใจชาวเงือกมากมายอยู่เลย

             “ไม่มีอะไรมาก เป็นตัวของตัวเอง อยู่กับพี่เธอไม่ต้องกลัวนะ เจ้าสมุทรไม่ใช่คนดุ”

             หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ตอนที่อยู่กับเขาโพไซดอนเป็นพ่อที่ดี เป็นชายที่อบอุ่น แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากับเด็กคนอื่นจะปฏิบัติตัวเหมือนกันไหม แล้วยิ่งเพิ่งทะเลาะกับน้องชายมาไม่รู้ว่าอารมณ์จะยังคุอยู่หรือว่าจางลงไปมากแล้ว ดีนพายเรือจากจุดที่เจโรมว่ายน้ำไปเทียบข้างกับเรือยอร์ชที่ถูกจอดทิ้งไว้กลางทะเล เขาผูกเรือน้อยเข้ากับบันไดลิงซี่หนึ่ง ไม่มั่นใจว่าจะทำถูก แต่คงไม่แย่เกินไปนักหรอก

             “สวัสดีครับพ่อ คงไม่ว่าอะไรนะถ้าผมพาแขกมาด้วย ส่วนนี้.. ของฝากจากบนบก”

             ดีนเอ่ยทักราชาแห่งท้องทะเลที่สวมเสื้อฮาวาย เอกขเนกจิบแชมเปญอย่างสบายใจ ท่าทางพ่อดูไม่ได้โกรธกริ้วอะไรมากแล้ว เขาวางชีสบอร์ดลงบนโต๊ะข้าง ๆ กัน ของกำนัลที่นำมาน่าจะเข้ากันได้ดีกับแชมเปญที่จิบอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

             “สวัสดีค่ะ หนูรีชค่ะ ท่านโพไซดอน” เด็กหญิงที่มากับดีนถอนสายบัวให้เจ้าสมุทร ท่าทางนั้นราวกับว่าเด็กหญิงเคยเรียนบัลเล่ต์มา

             “ไง เอลวินลูกรัก แล้วก็หนูรีชใช่ไหม?” โพเซดอนมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกเด็กสาวให้มาหา “ไหน พ่อขอดูหน้าหนูใกล้ ๆ หน่อยสิ”

             ทันทีที่เด็กหญิงขยับเข้าไปหาตราสัญลักษณ์ตรีศูลก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเธอในทันที ดีนอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ

             “พ่อ! รีชเป็นน้องสาวผมเหรอ!?” ดีนโพลงออกมาอย่างลืมตัว ฝ่ายเด็กหญิงได้แต่ทำหน้างง ๆ เพราะมองไม่ได้สังเกตสิ่งที่ลอยอยู่เหนือหัวตัวเอง

             “อ่า.. ใช่โพไซดอนขยิบตา ส่วนดีนทำหน้าไม่อยากเชื่อ คือออกจะกระทันหันไปหน่อย แต่ว่าพ่อคือพ่อของหนูนะรีช”

             “ที่คุณแม่บอกเอาไว้ไม่ผิดจริง ๆ ด้วย” ดูเหมือนว่ารีชจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจากคำบอกเล่าของคุณแม่ของเธอ นี่สินะเรื่องที่คุณแม่เล่าให้ฟังเยอะแยะ แล้วไหนจะเรื่องที่เธอยืนกรานว่าจะโหวตช่วยฉลามและวาฬโดยไม่กลัวเกรงอำนาจของแอรีสจอมขี้เหวี่ยงอีก

             “โอ้.. ริต้าเธอเล่าทุกอย่างให้ลูกฟังหมดเลยเหรอ พ่อต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่รับรองลูกช้าไปหน่อย ลูกคงผ่านเรื่องอะไรมาเยอะแยะ แต่จากนี้ลูกจะไม่เป็นไร ยังมีพี่ชายที่จะคอยดูแลลูกอยู่อีกคน ใช่ไหม เอลวิน?

             “แน่นอนสิ ผมจะดูแลเธออย่างดีเลย” ดีนรับปากด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

             จะมีใครสักกี่คนที่เทพตัวเป็น ๆ มารับรองให้ด้วยตัวเองแบบนี้ คำที่ว่าฟ้า ‘หลังฝนย่อมงดงามเสมอ’ เป็นความจริง เด็กหญิงผู้โศกเศร้าหลังเสียเพื่อนสนิทไป แต่ไม่นานเธอก็ได้พบกับผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ดีนร่วมวงจิบแชมเปญกับบิดา นั่งยิ้มฟังสองพ่อลูกที่ไม่เคยพบหน้ากันมาสิบสองปีสนทนากันอย่างมีความสุข เป็นช่วงเวลาของครอบครัวอย่างแท้จริง

             หากเป็นไปได้ เขาก็หวังอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่ยังไม่ถูกเทพเจ้ารับรองทุกคน

มอบ [โดนัท] ให้ [เจโรม]
โบนัสพิเศษ +5 แต้ม จากน้ำหอม
มอบ [ชีสบอร์ด] ให้ [โพไซดอน]
HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
ฟังข่าวลือเรื่อง [การทะเลาะกันของซุสและโพไซดอน] +15 EXP , +5 ดรักม่า
---------------------------------------
- สรุป -
พายเรือกับรีชา
ไปเจอเจโรมว่ายน้ำกับเงือก + ให้ของ
พายเรือไปเทียบเรือยอร์ชเจอโพไซดอน + ให้ของ
โพไซดอนรับรองให้ รีชา เป็นธิดาในสายเลือด
ถ้าคนใหม่มาหาโพไซดอนจะเห็นเขาอยู่กับรีชา
ส่วนดีนจะหลบฉากอยู่ในเรือนั้นแหล่ะ
ถ้าอยากฟังข่าวลือ [การทะเลาะกันของซุสและโพไซดอน]  แท็ก Dean ได้ครับ

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-03] โพไซดอน เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-4-6 18:22
God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-4-6 18:22
God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-4-6 18:19
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-03] โพไซดอน เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-4-6 18:19
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2024-4-6 18:18

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 เหรียญดรักม่า +5 พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
God + 50 + 5 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-7 21:37:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
078
พลังใหม่

             สิทธิพิเศษสำหรับบุตรชายโพไซดอนคือการได้พักค้างแรมบนเรือยอร์ชของเจโรมและแชมเปญที่บนหาดไม่มีให้ดื่ม เมื่อคืนเขาดื่มและพูดคุยกับคุณพ่อไปเยอะแยะ จนหลับไปอีท่าไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ตื่นขึ้นมาช่วงสายของอีกวัน พายเรือไปหาของกินบนฝั่งแล้วก็กลับมาขลุกอยู่บนเรือยอร์ชต่อ ท่าทางพ่อจะเอ็นจอยกับชีสบอร์ดที่เขานำมามอบให้เมื่อวาน ถ้างั้นวันนี้ก็จัดไปอีกกระดานนึงแลกกับแชมเปญอีกขวด รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กยังไงก็ไม่รู้ แต่ว่าเขาบอกน้องแล้วว่าอย่าทำตาม

             กำลังโยก ๆ กับเสียงเพลงที่เปิดบนหาด จู่ ๆ พ่อก็เรียกให้มาหา

             “เอลวิน พ่อคิดว่าลูกน่าจะเรียนรู้พลังของสายเลือดเพิ่มได้อีกอย่าง ไม่สิ.. อาจจะสอง”

             “คร้าบ พลังอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มแทบจะเลื้อยมาหา ต้องใช้เวลานึกอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียวว่าสิ่งที่พ่อพูดหมายถึงพลังอะไร “อ๋อ พลังเทพ แล้วคราวนี้พ่อจะให้พรอะไรกับผม?”

             เจ้าสมุทรหลิ่วตามองลูกชายที่ใกล้เคียงกับคำว่าเมาแอ๋ คิดถูกหรือเปล่านะที่จะให้พลังไปตอนนี้ แต่นาน ๆ ทีเขาจะปรากฏตัวมาหา แล้วพนันได้เลยว่าหากเจ้าลูกชายไม่ได้รับการแนะนำให้ขอพร เอลวินก็คงจะไม่ไปขอพรกับรูปปั้นด้วยตัวเอง เพราะงั้นก็ให้พรเสียก่อนที่ลูกชายตัวดีจะออกไปทำภารกิจแล้วม้วยไปก่อน..

             “พลังที่พ่อจะมอบให้คือ ‘น้ำเยียวยา’ และ ‘สร้างฟองอากาศ’ น่าจะแก้ปัญหาเรื่องว่ายน้ำโดยใส่คอนแทกเลนส์อยู่ได้”

             “ว้าว จริงเหรอครับ นั่นมันยอดมาก ๆ พลังแบบนี้ค่อยสมกับเป็นบุตรของโพไซดอนหน่อย”

             เจ้าสมุทรคิดในใจ ‘ทุกพลังก็สมกับที่เป็นบุตรของข้าหมดนั่นแหล่ะ!’

             “เอาล่ะยื่น–..”

             “ผมรู้ ๆ ยื่นมือไปหาพ่อแล้วก็หลับตาตั้งสมาธิ”

             คนเมาวางมือทั้งสองข้างลงบนมือของบิดา หลับตาพริ้มแต่ใบหน้ายิ้มกริ่มอยู่ เจ้าสมุทรส่ายหน้าอย่างระอาแต่กระนั้นก็ใจดีให้พรแก่ลูกชาย

             ทันใดนั้นดีนรู้สึกได้ถึงความเย็นสดชื่นที่อยู่รายรอบตัวเขา  ภาพของใต้บาดาลผุดขึ้นมาในสมองเช่นทุกครั้ง คราวนี้เขารับภาพของฟองอากาศนับพันที่ลอยอยู่รอบ ๆ ด้วย ช่างเป็นภาพที่สวยงามและตอนนี้สติของเขาก็แทบจะล่องลอยตามฟองคลื่นเหล่านั้นไป จนกระทั่งได้ยินเสียงของบิดาเรียกสติให้เขาตื่นขึ้น

             “เอาล่ะ ลืมตาได้ เท่านี้ก็น่าจะสำเร็จแล้ว จากนี้ก็เหลือพลังอีกสองอย่างที่ลูกต้องตั้งใจปลดมันเสียหน่อย”

             “โอเคครับ รับทราบ ตอนนี้เวลผมคงยังไม่ถึงสินะ ขอบคุณนะครับพ่อ รักพ่อนะ”

             ดีนอ้าแขนกอดร่างใหญ่ ๆ ของเจ้าสมุทรพลางหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกับที่ทำกับคุณแม่และพ่อบุญธรรม ซึ่งนั่นทำให้มหาเทพเบิกตาโตแถมยังทำตัวแข็งเหมือนแมวเวลาที่ถูกคนอุ้ม น่าจะเป็นครั้งแรกหรือเปล่านะที่ในบรรดาหมู่มวลบุตรทั้งหมดของเขาแสดงความรักอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ จะว่าดีใจก็ใช่ แต่คนอย่างโพไซดอนต้องเก๊กขรึมไว้ก่อน

             @Mackenzie

             ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก ๆ แถว ๆ ข้างเรือ คิดว่าน่าจะมีคนแวะมาหา ในฐานะเจ้าบ้านดีนต้องไปรับแขก เขาคลายกอดออกจากคุณพ่อ จากนั้นเดินโซเซไปที่ท้ายเรือ

             “งาย มาทักทายคุณพ่อเหรอ ขึ้นมาได้ไหม เดี๋ยวฉันช่วย--...” ดีนยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อรับคนมาใหม่ขึ้นมาบนเรือยอร์ชสุดหรู แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครเท่านั้นแหล่ะเขาก็ถึงกับสร่างเมา “แมคซี่..” อ้ำอึ้งอยู่แป๊บนึงแต่ก็คิดได้ว่าไม่ใช่เวลานี่หว่า พออีกฝ่ายวางมือลงมาเขาก็ฉุดร่างนั้นให้ขึ้นมาบนเรือ

             @Mackenzie

             “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายคุ้นชินกับค่ายนี้หรือยัง?” พยายามทักทายให้เป็นธรรมชาติ แต่เพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจสบสายตาสีฮาเซลคู่นั้นไปได้เลย

             @Mackenzie

             “อ๋อ ใช่ เป็นฉันเองที่ช่วยนายเอาไว้ บังเอิญจังเนอะ ฮ่ะฮ่ะ” แม้แต่เสียงหัวเราะก็ยังไม่เป็นธรรมชาติ “แรก ๆ นายอาจจะงงกับที่นี่หน่อย แต่ฉันรับรองได้ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง เรื่องที่นายเป็นลูกของเทพกรีกสักองค์ แล้วนายก็ควรจะรู้ไว้ว่าครอบครัวเทพไม่ได้ปรองดองกันนัก อย่างพ่อฉันกับซุสบางทีพวกเขาก็ทะเลาะกันเองจนฟ้าผ่าลงมาที่เทพีเสรีภาพ ซวยสุดคือฉันขึ้นเครื่องบินไม่ได้ เอ้อ.. ฉันกำลังพูดอะไรอยู่วะเนี่ย”

             ดีนนวดขมับตัวเอง แม้ว่าเขาจะสร่างเมาขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้วแต่คงยังไม่ทั้งหมดถึงได้ติดนิสัยพล่ามไปเรื่อยแบบนี้ แต่อีกฝ่ายคงคุ้นชินแล้วมั้ง

             “จริงสิ ถ้านายมาที่เรือแปลว่าอยากเจอคุณพ่อ เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จัก” พูดจบเขาก็รีบกลับหลังหันแล้วตั้งท่าท่ารีบจ้ำเดินไปยังหัวเรือ

             @Mackenzie

             ไหล่หนาลู่ลงด้วยท่าทีสลด เขาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “จริงด้วย.. ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับนายเหมือนกัน แต่ก่อนอื่นนายต้องมาทางนี้ก่อน” แล้วเขาก็นำทางอีกฝ่ายไปพบกับเจ้าสมุทร

             “พ่อครับ นี่แมคซี่ บังเอิญจริง ๆ ที่เขาเป็นเพื่อนผมจากนอกค่ายพอดี”

             ดีนแนะนำแมคเคนซีให้กับเทพโพไซดอนได้รู้จัก ทางมหาเทพแห่งท้องทะเลคล้ายจะจับสังเกตบางอย่างได้ ตอนก่อนจะไปรับแขกบุตรชายดูดีดแต่ไหงพอกลับมากลับเห็นท่าทางไม่เป็นธรรมชาติของลูกชาย เขาสลับไปมองหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ลูกบอกว่าเป็นเพื่อนครับพ่อ ท่าทางอีกฝ่ายก็ดูพิรุธพอกัน

             โพไซดอนหรี่ตาจ้องทั้งสองคน… ‘มาบอกว่าข้าอกหักเลยไปซบอกหนุ่มเกาหลี เจ้าเองก็เชื้อไม่ทิ้งแถวเหมือนกันแหล่ะเอลวิน!’

             @Mackenzie

             “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าโพไซดอน ขอบคุณเจ้ามากที่มาร่วมยินดีกับการอนุรักษ์ฉลามและวาฬ”

             @Mackenzie

             “คืองี้ครับพ่อ ผมไม่ได้เจอเพื่อนมานาน แล้วเราก็มีเรื่องอยากจะคุยกันหน่อย ก็เลยอยากจะขอยืมห้อง สักหน่อยได้ไหมครับ?”

             นั่นไงล่ะว่าแล้วเชียว ไม่ได้เกินคาดเจ้าสมุทรผู้ช่ำประสบการณ์มามากกว่าหนึ่งล้านปี เขาอ่านออกหมดว่าลูกชายคิดจะทำอะไร

             “ตามสบาย แต่อย่าให้เลอะเทอะกันล่ะ” โพไซดอนกระแอมเบา ๆ พลางบุ้ยหน้าไปทางห้องนอนที่อยู่ใต้ท้องเรือ

             “ละ..เลอะเทอะไร!” ดีนโวยวาย ก่อนจะรีบทำน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติเพราะการที่เขาเสียงดังทำให้น้องสาวที่กำลังเล่นอยู่บนเรือหันมามอง “ยังไงก็ขอบคุณมากครับพ่อ งั้นเราไปกันเถอะ” ดีนเดินนำแมคเคนซีไปยังน้องนอนใต้ท้องเรือ

             @Mackenzie
            
             รีชาที่เห็นว่าเมื่อกี้พี่ชายเสียงดังเลยวิ่งดุ๊ก ๆ มาหาคุณพ่อ

             “คุณพ่อขา เมื่อกี้มีอะไรกันเหรอคะ?” เด็กหญิงถามตาแป๋ว

             “ไม่มีอะไรหรอกรีชาลูกรัก” เมื่อโพไซดอนเห็นความใสซื่อของบุตรสาวเขาก็จับรีชามานั่งตักพลางยกมือขึ้นปิดหูลูกสาวเผื่อใต้ท้องเรือจะมีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมา

             ให้ตายสิ! นี่เขาจะต้องเสกฟองอากาศมาครอบหูลูกสาวตัวน้อยเพื่อป้องกันพี่ชายที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีด้วยไหมเนี่ย!?

มอบ [ชีสบอร์ด] ให้แก่ [โพไซดอน]
HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
--------------------------------------
ปลดล็อคสกิล [สายน้ำเยียวยา] และ [สร้างฟองอากาศ]
--------------------------------------
เผยแพร่ข่าวลือ [การทะเลาะกันของซุสและโพไซดอน] ให้แมคเคนซี

แสดงความคิดเห็น

05. Reconcile …ได้เวลาพบกันอีกครั้งแล้ว… หลังออกมาจากบ้านใหญ่ แมคเคนซีก็ถามทางคนในค่ายมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-4-9 10:27
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-03] โพไซดอน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-4-7 23:43
โพสต์ 23145 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-7 21:37
โพสต์ 23,145 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า  โพสต์ 2024-4-7 21:37
โพสต์ 23,145 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-4-7 21:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -5 ย่อ เหตุผล
God -5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-9 10:27:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-4-9 10:28
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-4-7 21:37
078พลังใหม่
             สิทธิพิเศษสำหรับบุตรชายโพไซดอนคือ ...

05. Reconcile
E


…ได้เวลาพบกันอีกครั้งแล้ว…



หลังออกมาจากบ้านใหญ่ แมคเคนซีก็ถามทางคนในค่ายมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็มาถึงชายหาดที่บ้านโพไซดอนกำลังจัดปาร์ตี้กันอยู่ จะว่าไปแล้วเมื่อมองดูรอบ ๆ รวมถึงเส้นทางก่อนหน้าที่ผ่านมานั้น คนที่นี่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยเด็กกว่าเขาค่อนข้างมากทีเดียว จนแทบอดสงสัยไม่ได้ว่าในค่ายนี้จะมีคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาสักกี่คน

ว่าแต่ตอนนี้ก็มาถึงงานแล้ว หากพูดกันตามนิสัย ดีนน่าจะชอบงานแบบนี้ ถ้าไม่ไปนั่งดื่มอยู่ตรงไหนสักแห่งก็คงจะไปเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกรวมกลุ่มกับผู้คนในงานแน่ ๆ แมคเคนซีพยายามมองหาอีกฝ่ายตามที่ต่าง ๆ ในงานแต่ก็ไม่เจอ

'แล้วแบบนี้จะไปตามหาได้จากที่ไหน'

ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มคนนึงก็เดินกลับขึ้นมาจากชายหาดพอดี ดูจากเนื้อตัวที่เปียกโชกแล้วคงจะเพิ่งเล่นน้ำมา

“เอ่อ…ขอโทษนะครับ คุณใช่คนบ้านเทพโพไซดอนหรือเปล่า”
แมคเคนซีอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังใช้ผ้าขนหนูที่วางพาดไว้ตรงเตียงผ้าใบชายหาดสีสันสดใสเช็ดไปตามร่างกายถามขึ้นมา และเหมือนพอได้ยินคำว่า ‘เทพโพไซดอน’ อีกฝ่ายก็หันขวับมาทางเขาทันที

“อะ…ใช่ครับ ผมเจโรม ปาร์ค ซึงยอน เรียกผมว่าเจโรมก็ได้ คุณเพิ่งมาถึงค่ายอย่างนั้นเหรอ บ้านเรากำลังจัดปาร์ตี้กันอยู่พอดี สนุกให้เต็มที่นะครับ”
หลังแนะนำตัวและเชื้อเชิญให้เข้าร่วมปาร์ตี้แล้ว ชายหนุ่มที่ชื่อเจโรมก็ส่งยิ้มกว้างให้ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่ารอยยิ้มของชายคนนี้ดูเปล่งประกายอย่างกับพวกไอดอลบอยแบนด์เกาหลีไม่มีผิด อีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเลยที่แมคเคนซีไม่รู้จัก แถมยังรู้อีกว่าเขาเป็นสมาชิกใหม่ของค่ายแห่งนี้ จะว่าไปถึงดูออกคงไม่แปลก ก็เขายังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดสีส้มของทางค่ายที่เพิ่งได้รับมาเลยนี่นะ

“ครับ ผมเพิ่งมาถึงไม่กี่วัน พอดีมันมีอุบัติเหตุนิดหน่อย ผมก็เลยได้ไปนอนเล่นที่ห้องพยาบาลก่อนจะไปรายงานตัว ผมแมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ยินดีที่ได้รู้จัก”
แมคเคนซีสังเกตเห็นว่าเจโรมหลุดขำเล็กน้อยตอนที่เขาจงใจพูดเรื่องอุบัติเหตุให้มันดูตลก นั่นจึงทำให้เขาเริ่มผ่อนคลายลงกับคนตรงหน้า

"ยินดีที่ได้รู้จัก งั้นผมขอเรียกคุณว่าแมคเคนซีได้ไหม คุณไปรายงานตัวกับคุณไครอนมาแล้วใช่หรือเปล่า แล้วคุณรู้หรือยังว่าคุณอยู่บ้านไหน”
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการเรียกชื่อเขา ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้งให้กับคำถามถัดไป

“รู้แล้ว ผมอยู่บ้านเทพีเฮคาที พอดีคุณไครอนบอกว่าที่นี่มีปาร์ตี้ ผมเลยว่าจะแวะมาดูก่อนไปที่บ้านสักหน่อย”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม หลังจากที่เจโรมรู้ว่าเขาอยู่บ้านไหนก็เงียบไปเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มเจื่อนออกมาเพียงเสี้ยววิแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นยิ้มกว้างเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้เทพีเฮคาทีหรือแม่ของเขาไปทำเรื่องอะไรไว้แล้วเขาไม่รู้หรือเปล่านะ

“อ้อ คุณเป็นลูกเทพีเฮคาทีนี่เอง ยินดีเลย อยู่ปาร์ตี้ให้หนำใจก่อนแล้วค่อยเข้าบ้านก็ได้ ผมดีใจนะที่มีคนบ้านอื่นมาร่วมงานด้วย ถ้ามีแต่คนบ้านเดียวกันก็เห็นหน้ากันทุกวันจนเบื่อแล้ว”
แมคเคนซีเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ดูท่าบ้านเทพโพไซดอนคงครึกครื้นกันน่าดู ส่วนบ้านที่เขาอยู่จะเป็นยังไงกันนะ

“ขอบคุณมากนะ ที่จริงแล้วผมมีเรื่องอยากถามคุณสักหน่อย ผมกำลังหาคนคนนึงอยู่ เขาอยู่บ้านเทพโพไซดอนเหมือนกัน ชื่อดีน…ดีน นีล คุณรู้จักไหม”
เมื่อพูดคุยกันมาสักพักแล้วก็ได้เวลาเข้าเรื่องเสียที ยิ่งอีกฝ่ายอยู่บ้านเทพโพไซดอนด้วยแล้ว โอกาสที่จะเจอตัวคนที่เขาตามหาอาจมีมากขึ้นก็เป็นได้

“หืม…คุณรู้จักพี่ดีนด้วยเหรอ ว้าว โลกกลมจริง ๆ เลย รู้จักสิ ค่อนข้างสนิทกันเลยล่ะ ตอนนี้พี่เขาคงอยู่บนเรือยอร์ชล่ะมั้ง คุณจะไปหาเขาที่นั่นก็ได้นะ”
เจโรมแสดงท่าทีประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะชี้ไปยังเรือยอร์ชลำใหญ่ที่จอดอยู่กลางทะเล

“ก็…อืม รู้จัก ว่าแต่ผมจะไปที่เรือนั่นได้ยังไง”
ไม่ได้เจอกันมาค่อนข้างนาน แถมอีกฝ่ายยังดูเหมือนจงใจหลบหน้าเขาด้วย เลยตอบได้อย่างไม่เต็มปากนัก ด้วยไม่รู้ว่าดีนยังนับว่าเขาเป็นคนรู้จักอยู่เหมือนกันหรือเปล่า พอมองตามที่เจโรมชี้ไปก็เริ่มสิ้นหวังเล็กน้อย เรือมันจอดอยู่ใกล้ฝั่งซะที่ไหน

“พายเรือไป… ฮ่ะ ๆ ผมล้อเล่นนะ เรามีบริการพาไปส่งอยู่แล้ว จะปล่อยให้แขกในงานลำบากได้ยังไง ตามผมมาทางนี้”
เจโรมแกล้งบอกอย่างอารมณ์ดีแล้ววางผ้าขนหนูลงหลังเช็ดผมจนหมาดก่อนจะเดินไปยังเจ็ทสกีที่จอดอยู่ริมหาด ชายหนุ่มหยิบเสื้อชูชีพส่งให้แมคเคนซีสวมแล้วติดเครื่องรอไว้

“เดี๋ยวนะคุณ เราจะไปที่เรือยอร์ชกันด้วยเจ็ทสกีเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ เอาน่า รับรองปลอดภัย ลูกเทพโพไซดอนขับทั้งที เชื่อมือผมได้เลย”
ก็คงจริงอย่างที่เจโรมพูด ณ ตอนนี้ไม่น่าจะมีอะไรเร็วไปกว่าวิธีนี้แล้ว หลังสวมเสื้อชูชีพเสร็จ แมคเคนซีก็ขึ้นนั่งซ้อนท้าย แล้วเจโรมก็บิดคันเร่งขับเจ็ทสกีไปยังเรือยอร์ชด้วยความเร็ว


ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงเรือยอร์ชลำดังกล่าว มันเร็วก็จริง แต่ก็แลกมาด้วยการที่กางเกงแมคเคนซีเปียกโชกไปหมดเกือบทั้งตัว
“ขอบคุณ…ที่มาส่ง”
ชายหนุ่มพึมพำบอกพลางมองดูสภาพตัวเอง รู้อย่างนี้พายเรือมาเองดีกว่า

“ไม่เป็นไร ๆ ถ้าจะกลับก่อนเรือยอร์ชขึ้นเทียบหาดก็บอกพี่ดีนนะ ให้เขาไปส่ง แต่พวกคุณไม่ได้เจอกันนานคงมีเรื่องคุยกันเยอะแน่เลย เดี๋ยวผมเรียกพี่เขาให้นะ พี่ครับ ! ผมพาแขกมาส่ง !”
เจโรมบอกแล้วเคาะตัวเรือจนดังก๊อก ๆ พลางตะโกนเรียกคนที่อยู่บนเรือไปด้วย รออยู่ไม่นานนักก็เหมือนว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ และเมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้น แมคเคนซีก็คลายความสงสัยที่มีมาตลอดในทันที คนที่อยู่ตรงหน้าคือดีนที่เขารู้จักจริง ๆ แถมยังอยู่ในสภาพที่ไม่ผิดไปจากที่เขาคิดไว้เมื่อตอนเพิ่งมาถึงปาร์ตี้ด้วย

…เมาปลิ้น…

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อื้อหือ จัดไปเยอะเลยสิเนี่ย เบา ๆ หน่อยสิครับพี่ เดี๋ยวคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง ผมกลับก่อนล่ะ แล้วเจอกันที่บ้านนะ”
เจโรมเอ่ยแซวแล้วรอให้แมคเคนซีค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ยืนขึ้น ก่อนจะจับมือดีนที่ยื่นมาแล้วปีนบันไดท้ายเรือจนขึ้นมาอยู่บนเรือได้สำเร็จ ชายหนุ่มจึงขับเจ็ทสกีกลับเข้าฝั่ง

“ไงดีน…”
ไม่รู้ว่าเพราะบทสนทนาของพวกเขาขาดหายไปเป็นเวลานานเกินไปหรือเปล่า แมคเคนซีจึงนึกคำพูดไม่ออก เลยแค่เอ่ยทักทายอีกฝ่ายไปเพียงสั้น ๆ เท่านั้น

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ยังหรอก คงต้องใช้เวลาสักพัก วันนี้ฉันเพิ่งไปรายงานตัวกับคุณไครอนมาเอง แล้วก็แวะมาที่นี่”
ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังหลบตาเขาอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของดีนทำให้แมคเคนซีรู้สึกขัดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งและไม่แสดงความไม่พอใจออกมา

“นายเป็นคนช่วยฉันกับแดนนี่ไว้ใช่ไหม ขอบคุณมากนะ แล้วก็เรื่องค่าบำรุงรักษาห้องพยาบาลด้วย ถ้าฉันทำงานได้เงินดรักม่าแล้วจะเอามาคืน”
ไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ แต่เรื่องที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อวันที่มาถึงค่ายเป็นเรื่องที่ควรขอบคุณ และแมคเคนซีก็จะไม่เสียมารยาทนำสองเรื่องนั้นมาปนกันเด็ดขาด

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ชายหนุ่มยังคงรับฟังทุกอย่างที่ดีนพูดเหมือนเคย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยปะติดปะต่อกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แมคเคนซีรู้สึกได้คือ เนื้อหาที่อีกฝ่ายพูดนั้นเปลี่ยนไป จากที่เคยพูดแต่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่มีหลักการและเหตุผลกลับกลายเป็นเรื่องเทพกรีกสององค์ทะเลาะกันจนส่งผลถึงสภาพอากาศ…ซึ่งมันไม่มีสิ่งใดมารองรับว่าเป็นเรื่องจริงเลยสักนิด นี่ใช่ดีนคนที่เขาเคยรู้จักจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

“เปล่า…ฉันไม่ได้อยากมาเจอพ่อนาย ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยกับนายต่างหาก”
แมคเคนซีมองแผ่นหลังคนตรงหน้าที่ทำท่าจะเดินนำไปยังหัวเรือ แต่เขากลับปฏิเสธเสียงแข็ง ซ้ำยังยืนอยู่กับที่อีกต่างหาก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ในเมื่ออีกฝ่ายยังคงดึงดันที่จะพาเขาไปพบกับเทพโพไซดอนผู้เป็นพ่อให้ได้ แมคเคนซีจึงจำยอมต้องเดินตามไป ก็คงแค่ไปเคารพรูปปั้นหินอ่อนแบบที่จัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์เท่านั้น พอเสร็จแล้วพวกเขาจะได้เคลียร์กันสักที แต่เมื่อเดินตามดีนเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น เขากลับเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ ไม่ใช่รูปปั้น แต่เป็นคน…ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเทพโพไซดอนในร่างมนุษย์ แบบนั้นเหรอ เขาสับสนไปหมดแล้ว นี่เขากำลังจะได้พูดคุยกับเทพโพไซดอน หนึ่งในเทพเจ้ากรีกที่มีอายุมากี่พันกี่หมื่นปีก็ไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ

“อะ…เอ่อ…ผะ…ผมแมค…แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ระ…รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนทนากับท่านเทพ เอ้ย ! ท่านมหาเทพโพไซดอนครับ”
เวรกรรม…นี่คงเป็นการแนะนำตัวที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ดวงตาสีฮาเซลเบิกค้างจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเทพโพไซดอน แม้ว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาจะดูเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่มันก็ลบล้างความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพไปไม่ได้อยู่ดี ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาแม้แต่น้อยว่าต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“เอ่อ…ครับ คือว่าที่จริงแล้วผมเพิ่งรายงานตัววันนี้เอง เลยไม่รู้ว่าที่นี่จัดปาร์ตี้เนื่องในโอกาสอะไร แล้วผมก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับดีน…ก็เลยแวะมาที่นี่…เท่านั้น”
ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองเสียงแผ่วลง เขามาที่นี่โดยไม่รู้จุดประสงค์ในการจัดงานอย่างที่บอก จนถึงตอนนี้แมคเคนซีก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมของใช้ในค่ายกับของที่ซื้อมาเพื่อจะถวายให้เทพจากร้านสะดวกซื้อที่เดินผ่านระหว่างทางไว้ตรงเตียงผ้าใบที่เขาคุยกับเจโรม หากเทพโพไซดอนรู้แล้วไม่พอใจในความไม่รู้อะไรเลยของเขาเข้า แบบนี้จะเอาอะไรถวายเพื่อลดความไม่พอใจนั้นลงได้บ้างเล่า ถึงจะยังมีประเด็นกันอยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังเป้นผู้ประสบภัย แมคเคนซีจึงหันไปมองดีนด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจถึงสายตานั้น เลยบอกเทพโพไซดอนผู้เป็นพ่อไปตามตรงรวมถึงขอยืมห้องเสียเสร็จสรรพ ว่าแต่เลอะเทอะที่เทพโพไซดอนว่าหมายถึงอะไรกันนะ ยังไม่ทันเข้าใจดีดีนก็เดินนำไปเขาไปที่ใต้ท้องเรือซะแล้ว

“เฮ้ ! เดี๋ยว รอฉันก่อน ผมขอตัวก่อนนะครับ”
แมคเคนซีรีบหันไปเรียกดีนแล้วหันกลับมาบอกเทพโพไซดอนที่ดูมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะรีบตามอีกฝ่ายไป




ฟังข่าวลือเรื่อง [การทะเลาะกันของซุสและโพไซดอน] +15 EXP , +5 ดรักม่า

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 30052 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-4-9 10:27
โพสต์ 30,052 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-4-9 10:27
โพสต์ 30,052 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-4-9 10:27
โพสต์ 30,052 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-4-9 10:27
โพสต์ 30,052 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-4-9 10:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เหรียญนกฮูก
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x10
x2
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-5-3 20:41:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Eloise เมื่อ 2024-5-3 20:43





ข่าวลือเรื่องคำพยากรณ์



“มีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้นเลยลาภปากแท้”

เอโลอีสหอบหิ้วอาหารฟู้ดทรัคทั้งหมดที่ได้มาจากตลาดเดินมุ่งหน้าสู่ชายหาดที่อยู่ภายในค่าย นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาที่นี่ คนก็เยอะไม่ใช่น้อยส่วนมากก็น่าจะลูก ๆ ของเทพอะโฟร์ไดท์ ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นน่ะเหรอ?...ดูจากหน้าตาของพวกเขาแล้วก็คงเดาไม่ยาก แต่ละคนที่สวยหล่อปานเทพปั้น ตัดภาพมาที่เหล่าลูก ๆ ของเฮเฟตัสอย่างเธอและพี่น้อง…ไม่พูดดีกว่า…

“นั่งกินตรงนี้แล้วกัน”

เธอหย่อนก้นลงนั่งบนผืนทรายบริเวณหาด โลเคชั่นที่นี่ดูสดชื่นดีมีลมทะเลตีหน้าอยู่ตลอดเวลา เธอหยิบเคบับเนื้อออกมาก่อนจะลงมือกินเงียบ ๆ ระหว่างชื่นชมบรรยากาศชายหาดแสนสวยไปด้วย ในขณะที่กำลังดื่มด่ำกับสุนทรียภาพโดยรอบ เธอก็ดันไปได้ยินบทสนทนาของเด็กในค่ายแถวนั้นพอดี

“นี่พวกเธอได้ยินเรื่องคำพยากรณ์หรือเปล่า?”

เสียงของหนึ่งในกลุ่มนั้นเปิดบทสนทนาขึ้น ทำเอาเอโลอิสถึงกับหูผึ่ง คำพยากรณ์งั้นเหรอ? พยากรณ์อะไร? พยากรณ์แบบไหน แบบความกดอากาศต่ำฝนตกมีเมฆมากแบบนั้นน่ะเหรอ?...ไม่น่าใช่อันนั้นมันพยากรณ์อากาศไม่น่าเกี่ยว…

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ” อีกคนในกลุ่มถามขึ้น ซึ่งกระตุ้นความสนใจของเอโลอิสที่นั่งกินเคบับเผือกอยู่ห่าง ๆ เช่นเดียวกัน


“เขาว่ากันว่ามีคนไปขอคำพยากรณ์ที่ถ้ำเทพพยากรณ์ แล้วก็มีคำทำนายว่า โทสะแห่งท้องทะเลเกรี้ยวกราด ศูนย์กลางถูกช่วงชิง ก่อเกิดความโกลาหลแก่เจ็ดคาบสมุทร ฝนฟ้าคะนองมิต้องตามฤดูกาล มหานครที่มิเคยหลับใหล จักเป็นดั่งแอตแลนติส โลกจะถูกกลืนกินด้วยคลื่นแห่งความเรี้ยวกราด หากศาสตราสมุทรเทพมิคืนสู่แอตแลนติส ก่อนครีษมายัน…”

“หมายความว่ายังไงฉันโง่เกินไปแปลไม่ออก”อโลอิสพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยเมื่อได้ยินคนถามเกี่ยวกับความหมายของคำพยากรณ์ เรียกได้ว่าตามเผือกอย่างใกล้ชิด ว่าแล้วก็แทะซี่โครงบาร์บีคิวต่อหลังจากกินเคบับหมด

“โถเจ้าโง่เอ๊ย…อย่าเอ็ดไปนะ เขาลือกันว่าตรีศูลของโพไซดอนหายไป ตอนนี้มหาสมุทรปั่นป่วนไปหมดแล้ว ฝนฟ้าคะนอง แล้วน้ำก็จะท่วมด้วยถ้าเอามาคืนไม่ทัน” อย่างน้อยเรื่องฝนตกมีเมฆมากที่เอโลอิสคิดเล่น ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะจริงแฮะ เธอยังคงเงี่ยหูฟังบทสนทนาต่อ

“ใครเอาไปอะ?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง แต่ได้ข่าวว่าเขาตั้งทีมออกค้นหาแล้วมีลูกโพไซดอนกับคนอื่น ๆ แล้วในคำทำนายบอกให้มุ่งหน้าไปที่นครแห่งคนบาปและสีสัน แกคิดว่าที่นั่นคือที่ไหน”

“รัชดาเหรอ? โพไซดอนก็ต้องรัชดาสิ” ได้ยินถึงประโยคนี้เอโลอิสก็ถึงกับสำลักซี่โครง เธอไอแค่ก ๆ เสียจนคนกลุ่มนั้นหันมามอง สาวน้อยยิ้มแห้งก่อนจะตอบคนกลุ่มนั้นไปว่า

“ไม่มีอะไรค่ะกินเร็วไปหน่อยเชิญคุยกันตามสบายฉันไม่ได้ยินไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงจริ๊งงงง” ประโยคท้ายเธอขึ้นเสียงสูง คนกลุ่มนั้นพยักหน้าแล้วละสายตาจากเธอไปสนทนากันต่อ เอโลอิสเองก็แอบฟังต่อเช่นกัน

“เจ้าบ้า!!! จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันนั่นมันอาบอบนวดในประเทศไทยโว้ย! ตรีศูลมันจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง!” 

“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ…ช่างเถอะเอาเป็นว่าขอให้ภารกิจสำเร็จก็แล้วกัน ไม่อยากจมอยู่ก้นทะเลหรอกนะ”

เอโลอิสพยักหน้าอีกครั้งอย่างเห็นด้วย เธอไม่อยากไปนอนก้นทะเลเหมือนกัน ไม่ว่าคนรับภารกิจจะเป็นใครก็ตามหวังว่าพวกเขาจะทำภารกิจสำเร็จลุล่วง เธอก็เป็นหน่วยตามข่าวสารก็พอ จะว่าไปพูดถึงเรื่องทะเลปั่นป่วนเธอก็ชักเป็นห่วงแม่อย่างไรก็ไม่รู้เพราะเมืองกัลเวย์ตั้งอยู่ริมอ่าวเลย เธอคงต้องไปตามข่าวในโซเชียลหน่อยแล้วล่ะ เอโลอิสลุกจากพื้นทรายก่อนจะรีบมุ่งหน้าออกจากชายหาดเพื่อไปยังจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแห่งเดียวของค่าย ‘ บ้านหมายเลข 11’


โรลเพลย์ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคำพยากรณ์ในค่ายได้ โบนัส +10 EXP





แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-5-4 21:43
โพสต์ 14285 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-5-3 20:41
โพสต์ 14,285 ไบต์และได้รับ +2 EXP +6 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-5-3 20:41
โพสต์ 14,285 ไบต์และได้รับ +4 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก ชุดเครื่องเพชร  โพสต์ 2024-5-3 20:41
โพสต์ 14,285 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก ดาบสัมฤทธิ์  โพสต์ 2024-5-3 20:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือมินิบานาน่า
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ค้อนไฟ
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x2
x6
x1
x15
x5
x5
x11
x5
x5
x8
x1
x12
x4
x67
x5
x5
x1
x6
x1
x8
x2
x7
x30
x3
x2
x1
x5
x7
x4
x4
x5
x59
x1
x2
x25
x2
x9
x300
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x2097
x1
x65
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x1232
x10
x1
x1
x1
x3
x1
x48
x4
x16
x2
x7
x58
x10
x28
x175
โพสต์ 2024-5-6 01:37:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด





เดินเล่นริมหาด



เหตุการณ์ความผิดปกติบริเวณมหาสมุทรในแต่ละแห่งบนโลกยังคงดำเนินไป มันรุนแรงเกินกว่าคนอย่างเอโลอิสจะช่วยอะไรได้ เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงชายหาด ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจมาแต่เดินเพลินไปหน่อยรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ที่ชายหาดแห่งนี้แล้ว ไหน ๆ ก็ไหนเลยลองเดินมาชะเง้อดูน้ำบริเวณนี้ว่าความวายป่วงคืบคลานมาใกล้กับค่ายหรือยัง

“แถวนี้ยังดูปกติดีแฮะแสดงว่ายังไม่โดนผลกระทบสินะ หรือไม่เทพโพไซดอนก็อาจจะพยายามปกป้องแถบนี้ไว้อยู่ก็ได้”

เอโลอิสมองดูผืนทะเลริมชายหาดที่ยังดูเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใจจริงก็อยากลองไปเล่นน้ำดูอยู่หรอกแต่พอมาคิดดูแล้วก็ไม่อยากที่จะเสี่ยงตายตอนนี้ยิ่งตอนนี้มืด ๆ อยู่ด้วยสายตาเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าไม่มีไฟฉายส่องกบสวมไว้บนหัวเธอคงได้เผลอเดินตกทะเลไปแน่ ๆ เลย

“ลมทะเลตอนกลางคืนนี้มันเย็นสบายจริง ๆ เลยนะ”

เธอสูดอากาศเอาลมทะเลเข้าไปเต็มปอด ช่วงเวลาอันแสนสงบที่เธอโหยหา เอโลอิสรู้ดีว่าตัวเองไม่ถนัดเข้าสังคมหมู่มากสักเท่าไหร่ อันที่จริงเธอไม่ได้กลัวที่จะผูกมิตรกับใครแค่กลัวการเป็นฝ่ายเข้าหาคนอื่นก่อนเสียมากกว่า ในค่ายนี้นอกจากพี่สุมิตรแล้ว เธอยังไม่รู้สึกว่าจะสนิทกับใครเป็นพิเศษเลย เด็กสาวเดินไปแบบก้มมองดูพื้นทรายไปด้วยกลัวเหยียบเปลือกหอยประกอบกับการเป็นโรคตาบอดในที่มืดจนเผลอเดินไปชนใครก็ไม่รู้จนล้มลงไปบนทรายด้วยความไม่ได้มองไปด้านน้า

“โอ๊ะ!!!”

“เป็นอะไรไหม?”

เอโลอิสค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียงเอาไฟฉายส่องกบส่องที่หน้า ผิวที่ซีดเผือกกับหัวขาว ๆ ในตอนกลางคืนแบบนี้มันจะเป็นอะไรไปได้อีก ยิ่งพอไฟฉายของเธอส่องแบบเสยคางของบุคคลตรงหน้ายิ่งแบบ…ชัดเลย

“ว๊ายยยยยยยยยยยย ผี!!!”

เอโลอิสรีบคลานถอยหลังออกไปพร้อมหยิบทรายบนหาดปาไปที่เจ้าผีร้าย ไม่อยากจะเชื่อเลยที่ค่ายนี้มีผีด้วย ผีตัวสูง มันยังคงยืนนิ่งแล้วมองมาทางเธอแบบตาแข็ง มันต้องจ้องจะเอาชีวิตเธอแน่ ๆ เจ้าผีนั่น! 

“อย่าทำอะไรฉันเลย ไปที่ชอบ ๆ เถอะนะ”

เธอตีโพยตีพายอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนไม่ยอมเว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้พูดเลย เจ้าผีปริศนาก็ยังคงยืนตาแข็งอยู่ตรงนั้นเช่นเคย มันถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มพูดอะไรออกมาเป็นครั้งแรก

“นี่คุณจะหยุดได้หรือยัง?” อีกฝ่ายเริ่มทำเสียงเข้ม

“ฮืออออออ ผีพูดได้ด้วย บอกแล้วไงว่า…อะ…เอ๋?” เอโลอิสเริ่มเอะใจว่ามันแปลก ๆ 

“ผมไม่ใช่ผีและคุณชนผม”

“อ้าว? คนหรอกเหรอ ขอโทษค่ะ…ฉันไม่รู้ฉันเห็นคุณผิวซีด ๆ แล้วก็ไฟส่องหน้าแบบนั้นฉันก็นึกว่าผีน่ะสิ”

“ใช่ คุณชนผมแถมเอาไฟมาส่องหน้าอีกแสบตาจะแย่” เขาพูดพร้อมกะพริบตาถี่ ๆ เหมือนกำลังปรับโฟกัสสายตา

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” เสียงของเอโลอิสหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

“เอาเถอะ เด็กน้อยอย่างคุณมาทำอะไรดึกดื่นแถวนี้ ควรไปเข้านอนได้แล้วนะ”

ฟังจากคำพูดคำจาเขาคงจะอายุมากกว่าเธอเยอะเลยสินะ พอดูดี ๆ ก็หน้าละอ่อนอยู่เลย แต่ก็มีริ้วรอยบ่งบอกถึงอายุพอสมควรว่าไม่น่าจะน้อย ๆ หรือจริง ๆ แล้วคือคุณลุงสุดหล่อเหรอเนี่ย

“ปะ…ไปก็ได้ค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ ขอตัวเผ่นก่อนล่ะ” ฟิ้ววววววววววววววว~

เอโลอิสรีบหายเขากลีบเมฆอย่างรวดเร็วไฟฉายที่ส่องตา กับความมืดในยามค่ำคืนน่าจะทำให้อีกฝ่ายจำหน้าเธอไม่ได้ว่าไปก่อวีรกรรมน่าอายอะไรไว้ เธอคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วแน่นอน และเธอก็ไม่คิดถามด้วยว่าคุณผีหัวขาวคนนี้หรือใครไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่รู้ ๆ ต้องรีบเผ่นก่อนที่เขาจะโกรธเธอขึ้นมาจริง ๆ นั่นแหละนะ






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13595 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-5-6 01:37
โพสต์ 13,595 ไบต์และได้รับ +2 EXP +6 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-5-6 01:37
โพสต์ 13,595 ไบต์และได้รับ +4 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก ชุดเครื่องเพชร  โพสต์ 2024-5-6 01:37
โพสต์ 13,595 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก ดาบสัมฤทธิ์  โพสต์ 2024-5-6 01:37
โพสต์ 13,595 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-5-6 01:37
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือมินิบานาน่า
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ค้อนไฟ
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x2
x6
x1
x15
x5
x5
x11
x5
x5
x8
x1
x12
x4
x67
x5
x5
x1
x6
x1
x8
x2
x7
x30
x3
x2
x1
x5
x7
x4
x4
x5
x59
x1
x2
x25
x2
x9
x300
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x2097
x1
x65
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x1232
x10
x1
x1
x1
x3
x1
x48
x4
x16
x2
x7
x58
x10
x28
x175
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้