LOVE AND WAR SHOW(?)

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-1 16:44:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2025-8-1 16:48

X
— Daemon—
27· กรกฎาคม · 2025 · 13.00 - 20.00 น.

        "หนึ่ง...สอง...สาม!"

        ฉันตะโกนพร้อมกับผลักประตูหัวขบวนออกเต็มแรง ลมปะทะใบหน้าจนแทบหายใจไม่ออก ทรายเม็ดเล็กๆ ปะทะเข้ากับผิวหนังจนรู้สึกแสบไปหมด ฉันกระโดดลงจากรถไฟที่เริ่มชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว กลิ้งไปกับพื้นจนชุดเปื้อนฝุ่นและมีรอยถลอกเล็กน้อยที่แขน แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก

        ฉันหันไปมองข้างหลัง เห็นรีชาที่กระโดดตามลงมาติดๆ เธอกลิ้งไปกับพื้นจนไปชนกับกองกระเป๋าเดินทางที่ถูกวางไว้ข้างทางเดินรถไฟ ส่วนรูบี้ก็กระโดดลงตามมาเป็นคนสุดท้าย เธอร่อนลงสู่พื้นได้อย่างสง่างามจนฉันอดคิดไม่ได้ว่าเธอดูเหมือนนักกายกรรมมากกว่าเด็กสาวอายุ 15 ทั่วไป

        รถไฟอาเซลา เอ็กซ์เพรส พุ่งผ่านพวกเราไปอย่างช้าๆ ฉันหันไปมองที่โบกี้โดยสาร เห็นหญิงสาวในชุดหรูยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เธอแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง ดวงตาที่แตกต่างกันสองสีของเธอลุกวาว และข้างกายของเธอก็มีเจ้าอสุรกายสองหัวยืนอยู่ มันคำรามใส่พวกเราเสียงดังลั่นก่อนที่รถไฟจะหายลับไปจากสายตา

        "รีบไปเถอะ!" ฉันตะโกน "อีคิดน่ากับไคมีร่า!"

        รูบี้กับรีชาพยักหน้า พวกเราวิ่งกันสุดชีวิตออกจากสถานีรถไฟ การวิ่งในสถานีที่เต็มไปด้วยผู้คนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่โชคดีที่หมอกช่วยปกปิดเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนรถไฟเอาไว้ ทำให้ผู้คนรอบข้างไม่ได้สนใจพวกเรามากนัก ฉันเห็นบางคนมองเราด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับว่าเห็นพวกเรากำลังวิ่งแข่งกันในหมู่เด็กๆ แต่ไม่มีใครเข้ามาขวางทางเราเลย

        เราวิ่งมาจนถึงริมชายหาดเมืองบอสตัน เหนื่อยหอบจนแทบจะยืนไม่ไหว ฉันปล่อยให้รูบี้กับรีชานั่งพักอยู่บนหาดทราย ส่วนฉันก็กางแผนที่ที่พี่แอนนาเบ็ธให้ไว้เมื่อตอนเช้า

        "เอาล่ะ...เราหนีมาได้แล้ว...อย่างน้อยก็ชั่วคราว" ฉันพูดพลางมองไปรอบๆ ตัว "ตอนนี้เราต้องมาวางแผนกันต่อ ร้านเรือแคนูแห่งกิลเลอร์ฮามาร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่"

        รูบี้มองไปตามเส้นทางที่ฉันชี้ "แล้วเราจะไปถึงที่นั่นได้ยังไง ในเมื่ออีคิดน่ารู้แล้วว่าเราจะไปที่นั่น?"

        คำถามของรูบี้ทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย การที่อีคิดน่ารู้ว่าเราจะไปที่ไหน ไม่ใช่เรื่องดีเลย การบุกเข้าไปตรงๆ มีแต่จะทำให้เราตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง เราต้องคิดแผนสำรองที่ฉลาดกว่านี้

"เราจะไปโดยเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด" ฉันตัดสินใจ "เราจะใช้เส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางหลัก เราจะใช้ตรอกซอกซอยเล็กๆ และซ่อนตัวในที่ที่คนไม่คาดคิดว่าพวกเราจะไปอยู่"

        "แล้วถ้าเจออสุรกายล่ะ?" รีชาถามเสียงสั่น

        "เราจะเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด" ฉันย้ำ "แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้...เราก็ต้องสู้"

        พวกเรานั่งวางแผนกันอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ฉันพยายามจดจำเส้นทางที่ซับซ้อนที่สุดที่แผนที่แสดงให้เห็น พยายามมองหาสถานที่ที่สามารถใช้ซ่อนตัวได้ และมองหาจุดอับสายตาที่สามารถใช้ลอบเข้าไปในร้านได้

        "เอาล่ะ...ฉันคิดว่าฉันพอจะได้แผนแล้ว" ฉันพูดพลางพับแผนที่เก็บเข้ากระเป๋า "เราจะใช้เส้นทางอ้อมไปทางโกดังเก่าๆ บริเวณท่าเรือ จากนั้นเราจะใช้ช่องทางเดินเล็กๆ ข้างตึกเก่าๆ เพื่อไปโผล่ที่ด้านหลังร้าน โอกาสที่เราจะเจออสุรกายมีน้อย แต่ก็ไม่เป็นศูนย์ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องพร้อมสู้ตลอดเวลา"

        รูบี้กับรีชาพยักหน้า พวกเขาดูจริงจังและพร้อมที่จะทำตามแผนที่ฉันวางไว้

        เราเริ่มออกเดินทางจากชายหาด เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ เราเดินผ่านผู้คนมากมายที่กำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจตามร้านกาแฟต่างๆ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตของคนธรรมดานี่มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ พวกเขาไม่ต้องมาวิ่งหนีอสุรกาย หรือต้องมาวางแผนการเดินทางสุดพิสดารเหมือนกับพวกเรา

        เราเริ่มเดินทางตามแผนที่วางไว้ เราเดินอ้อมไปทางโกดังเก่าๆ ที่มีแต่กลิ่นคาวปลาและกลิ่นสาบของนกนางนวล มีเรือประมงเก่าๆ จอดทิ้งไว้มากมายจนกลายเป็นสุสานเรือเล็กๆ

        "ที่นี่ดูน่าขนลุกจังเลยค่ะ..." รีชากระซิบเสียงเบา เธอเกาะแขนรูบี้แน่น

        "ไม่ต้องกลัวนะรีชา" รูบี้ปลอบ "ฉันกับเดม่อนจะปกป้องเธอเอง"

        เราเดินลึกเข้าไปในโซนท่าเรือมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงค่ำ ฉันมองไปที่ท้องฟ้าเห็นดวงจันทร์เริ่มส่องแสงนวลตาลงมา ความรู้สึกเหนื่อยล้าเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวใจ แต่เรายังหยุดพักไม่ได้

        จนในที่สุด เราก็มาถึงบริเวณที่คาดว่าเป็นหลังร้านเรือแคนูแห่งกิลเลอร์ฮามาร์ ฉันมองลอดช่องหน้าต่างบานเล็กๆ ของโกดังเก่าๆ เห็นแสงไฟสลัวๆ ลอดออกมาจากร้านเรือแคนูที่มีป้ายภาษาอังกฤษเขียนว่า "Goldhammer's Canoe Shop" และมีป้ายเล็กๆ ที่เขียนด้วยตัวอักษรภาษานอร์สว่า "Gyllrhamarr" ติดอยู่ด้วย

        "ถึงแล้ว!" ฉันกระซิบด้วยความดีใจ

        แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้เข้าไปในร้าน เสียงคำรามของสุนัขตัวใหญ่ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง...

        ดูเหมือนว่าการหลบเลี่ยงการปะทะของเราจะไม่ได้ผลเสียแล้วสิ

        สุนัขตัวนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับรถยนต์คันเล็กๆ ขนของมันสีเทาเข้ม มีดวงตาสีเหลืองอำพันที่ลุกวาวด้วยความดุดัน และที่น่ากลัวที่สุดคือมันมีฟันที่แหลมคมราวกับมีดโกน

        'นี่มันลูกหลานของเฟนริลชัดๆ!' ผมคิดอย่างตกใจ ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว ผมจำได้จากที่เคยเรียนในตำราว่าลูกหลานของเฟนริลนั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดไหน การที่เราเจอเจ้าตัวนี้ในบอสตันบ่งบอกชัดเจนว่าร้านนี้ต้องเกี่ยวข้องกับตำนานนอร์สอย่างแน่นอน

        "รูบี้! รีชา! เตรียมตัว!" ผมตะโกนสั่งพลางดีดแหวนขึ้นไปในอากาศ ดาบเธซีอุสเรืองแสงสีฟ้าปรากฏในมือผม โล่อัสพิสถูกดึงมาประจำการที่แขน

        รูบี้ไม่รอช้า เธอชักกระบี่เทียนหวงออกมาจากฝัก แสงทองอร่ามวูบวาบในความมืด รีชาเองก็เรียกมีดสั้นสัมฤทธิ์ออกมาจากสร้อยคอเปลือกหอยของเธอ

        สุนัขตัวนั้นคำรามลั่น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเราอย่างรวดเร็ว มันไวกว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก มันไม่ใช่แค่สุนัข แต่เป็นปีศาจที่เกิดมาเพื่อการต่อสู้!

        "มันแข็งแกร่งกว่าเฮลล์ฮาวนด์เมื่อคืนเยอะ!" ผมตะโกนบอก ดาบเธซีอุสของผมฟันเข้าที่ขาของมันเสียงดัง 'แคร้ง!' แต่ก็ทำได้แค่สร้างรอยถลอกเล็กๆ เท่านั้น

        รูบี้เองก็กำลังลำบาก การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเกินกว่าที่เธอจะตามทัน กระบี่เทียนหวงของเธอฟันเข้าที่ลำตัวของมันอย่างพริ้วไหว แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรง

        "มันเร็วเกินไป!" รูบี้ตะโกน

        รีชาพยายามใช้พลังของเธอควบคุมน้ำจากท่อที่แตกอยู่ใกล้ๆ ให้พุ่งเข้าใส่ดวงตาของมัน แต่เจ้าสุนัขก็หลบการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว

        การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ผมพยายามหลบการโจมตีอันรุนแรงของมัน ส่วนรูบี้ก็พยายามหาจังหวะที่จะโจมตีจุดอ่อนของมัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อนให้โจมตีเลย รีชาเองก็พยายามสนับสนุนพวกเราอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก

        เราสามคนสะบักสะบอมไปตามๆ กัน ผมรู้สึกถึงแรงกระแทกที่รุนแรงจนจุกอก รูบี้เองก็มีรอยถลอกที่แขน ส่วนรีชาก็ล้มกลิ้งไปกับพื้นหลายครั้ง

        'ไม่ไหวแล้ว...เราสู้ไม่ได้' ผมคิดอย่างสิ้นหวัง

        แต่ในจังหวะที่เจ้าสุนัขกำลังจะกระโจนเข้าใส่ผมเป็นครั้งสุดท้าย...

        "เฮ้! เจ้าลูกหมาจอมซน! ไปเล่นที่อื่นไป!"

        เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงของเขาฟังดูแหบพร่าแต่ก็เต็มไปด้วยพลัง แสงไฟดวงหนึ่งสาดส่องเข้ามาในตรอก มันเป็นแสงจากไฟฉายขนาดใหญ่ที่ส่องตรงเข้าที่ดวงตาของเจ้าสุนัข

        แสงนั้นทำให้มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของมันหรี่ลงเล็กน้อยและเซไปมาอย่างสับสน

        "มานี่เร็ว! เข้ามาในร้าน!" ชายร่างเล็กที่ถือไฟฉายตะโกนบอก

        เจ้าของร้านแน่! ผมรู้ได้ในทันที!

        เราสามคนไม่รอช้า พากันวิ่งเข้าไปในร้านเรือแคนูที่ชายคนนั้นเปิดประตูรออยู่ ธอริน กิลเลอร์ฮามาร์ คนแคระเจ้าของร้านมีเคราสีแดงหนาประบ่าถูกถักเปียอย่างประณีต ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร แต่ดวงตากลับฉายแววความเชี่ยวชาญในการต่อสู้

        ทันทีที่เราก้าวเข้าไปในร้าน ประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงดัง 'แคร้ง!' ของโซ่เหล็กที่ล็อคไว้

        เสียงคำรามของสุนัขยังคงดังอยู่ด้านนอก แต่ดูเหมือนมันจะเข้ามาในร้านไม่ได้

     "ไม่ต้องกลัว" ธอรินพูดพลางลูบเคราของตัวเอง "ที่นี่มีเขตแดนเวทมนตร์ปกป้องอยู่ มันเข้ามาไม่ได้หรอก" เขายิ้มให้พวกเรา "พวกเธอคงบาดเจ็บไม่น้อยเลยสินะ...มานี่เถอะ...ฉันจะทำแผลให้"

        เราสามคนนั่งลงบนม้านั่งไม้ในร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไม้สนและเครื่องมือช่าง

        เดม่อนหอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายปวดร้าวไปทั่ว เขานั่งลงบนม้านั่งไม้ในร้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไม้สน ในขณะที่ธอริน เจ้าของร้านคนแคระกำลังทำแผลถลอกให้รีชาอย่างเบามือ และรูบี้ก็กำลังตรวจเช็กรอยบุบบนกระบี่เทียนหวงของเธออย่างเงียบๆ

        "นี่มัน...แข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้เยอะเลย" เดม่อนพึมพำกับตัวเอง เขานึกถึงเจ้าสุนัขลูกหลานเฟนริลตัวนั้น มันว่องไวกว่าเดธแมชชีนและแข็งแกร่งกว่ามิโนทอร์ที่เขาเคยเจอมาก การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตในตำนานที่น่ากลัวกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้มากนัก และพลังของเขาเพียงคนเดียวไม่อาจเทียบกับอสุรกายระดับสูงได้เลย

        รูบี้เงยหน้าขึ้นมามอง แววตาของเธอจริงจัง "มันเป็นบุตรแห่งเฟนริล" เธอพูดเสียงเรียบ "พวกมันไม่สนใจการต่อสู้ระยะประชิด ถ้าอยากจะชนะต้องมีแผนที่ฉลาดกว่านี้ หรือไม่ก็ต้องใช้พลังจากระยะไกล"

        รีชาที่แผลเริ่มหายดีเพราะธอรินใช้สมุนไพรบางอย่างทาให้ เธอมองไปที่เดม่อนและรูบี้ "หนูรู้สึกว่า...มันเร็วมากเลยนะคะ! เร็วจนหนูแทบจะมองไม่ทันเลย"

        การเผชิญหน้ากับลูกหลานเฟนริลในครั้งนี้สอนบทเรียนสำคัญให้กับพวกเขาทั้งสามคน นั่นคือการมีพลังเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องรู้จักวางแผนและร่วมมือกันเพื่อเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และที่สำคัญที่สุดคือโลกของเหล่าครึ่งเทพนั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่สิ้นสุด

        หลังจากทำแผลและพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย ธอรินก็เริ่มแนะนำเรือแคนูในร้านของเขาให้พวกเราฟัง

        "เรือแคนูของฉันทุกลำสร้างด้วยฝีมือคนแคระ" ธอรินพูดอย่างภาคภูมิใจ "มันแข็งแกร่ง ทนทาน และมีพลังเวทมนตร์อยู่ทุกอณู"

        รีชาเดินดูเรือแคนูแต่ละลำด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอเดินไปหยุดอยู่ที่เรือลำหนึ่งที่ดูเหมือนกล้วยยักษ์ เรือแคนูรูปทรงกล้วยสีเหลืองสดใสที่ถูกเรียกว่า "บานาน่า"

        "พี่เดม่อน! พี่รูบี้! ดูนี่สิคะ!" รีชาตะโกนด้วยความตื่นเต้น "นี่มันเหมือนเรือแคนูของแม็กนัส เชสเลยนะคะ! ลูกพี่ลูกน้องที่พี่แอนนาเบ็ธเคยเล่าให้ฟัง!"

        ธอรินยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น "ถูกต้องแล้ว! นี่คือเรือแคนูรุ่นพิเศษที่แม็กนัสเคยใช้ในการผจญภัยอันลือลั่น! มันมีความแข็งแกร่ง ทนทาน และมีความเร็วสูงมาก สามารถล่องข้ามมหาสมุทรได้อย่างสบาย!"

        รีชาดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว เธอยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วควักดรักม่าสีทองหลายสิบเหรียญออกมา "หนูจะซื้อเรือลำนี้ค่ะ!" เธอบอกอย่างแน่วแน่ "มันคงจะเหมาะกับหนูในฐานะสายเลือดโพไซดอน และมันคงจะช่วยให้เราเดินทางไปแอนตาร์กติกาได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นค่ะ!"

        เดม่อนมองไปที่รีชา เขาเห็นแววตาที่มุ่งมั่นและจริงจังของเธอ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก การที่รีชาตัดสินใจทุ่มเงินทั้งหมดที่มีเพื่อซื้อเรือลำนี้ แสดงให้เห็นว่าเธอพร้อมที่จะรับผิดชอบภารกิจนี้อย่างเต็มที่

        "ดีเลย! แต่ฉันไม่ได้ขายเรือลำนี้ถูกๆ นะ!" ธอรินพูดพลางหัวเราะเบาๆ "แต่สำหรับพวกเธอ...ฉันลดราคาพิเศษให้แล้วกัน เพราะฉันเชื่อว่าพวกเธอจะต้องใช้มันเพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าแน่นอน"

        เดม่อนยิ้มในใจ การมาถึงร้านเรือแคนูแห่งกิลเลอร์ฮามาร์ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาได้แค่ที่พักและยาทำแผลเท่านั้น แต่มันยังทำให้พวกเขาได้เรือที่จะพาพวกเขาไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และทำให้ภารกิจของเฮเฟตัสมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากทำแผลและจัดการเรื่องเรือเรียบร้อยแล้ว ผม, รูบี้, และรีชาก็ตกลงกันว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้เราคงไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะข้างนอกยังมีเจ้าสุนัขลูกหลานเฟนริลจอมอาฆาตตัวนั้นรอเราอยู่แน่ๆ

        "ไม่ต้องห่วง" ธอริน เจ้าของร้านคนแคระผู้ใจดีพูด "เจ้าหมาบ้านั่นมันคงไม่เฝ้าทั้งคืนหรอก ที่สำคัญ ที่นี่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นอีคิดน่าหรือไคมีร่าก็เข้ามาไม่ได้"

        เขาจัดหาที่นอนให้พวกเราในห้องเก็บของด้านหลังร้าน กลิ่นไม้สนหอมฟุ้งไปทั่ว ช่วยให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันค่อยๆ บรรเทาลง รีชานอนหลับไปก่อนใครเพื่อน ส่วนรูบี้ก็ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่ในมุมห้อง เช็ดกระบี่เทียนหวงของเธออย่างเงียบๆ

        ผมมองดูพลุแห่งความรักที่อะโฟรไดต์ให้มาในกระเป๋า 'พรุ่งนี้...เราจะได้ใช้มันแล้วสินะ' ผมคิดด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปทั้งตื่นเต้นและกังวล

        ผมเอนตัวลงนอน พยายามข่มตาหลับในคืนที่เงียบสงบที่สุดนับตั้งแต่เราออกจากค่ายมา ผมหวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดี และหวังว่าจะไม่มีฝันร้ายเกี่ยวกับลิเลียน่าอีก



ความคิดเห็นผู้บันทึก

วันนี้มันเหมือนวันบ้าๆ ที่ยัดทุกอย่างมาในวันเดียวเลยนะ

การกระโดดลงจากรถไฟที่ยังวิ่งอยู่...เกือบโดนอีคิดน่ากับไคมีร่าจับกิน...แล้วก็เกือบจะโดนเจ้าสุนัขลูกหลานเฟนริลฉีกเป็นชิ้นๆ ที่หน้าบ้านคนแคระ...ผมไม่รู้ว่าเราโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือเรายังรอดมาได้

รูบี้กับรีชาเก่งกาจมากจริงๆ พวกเธอกล้าหาญและไม่ยอมแพ้เลย ผมนับถือพวกเธอมาก โดยเฉพาะรีชาที่ตัดสินใจซื้อเรือแคนูบานาน่านั่นมา...ผมไม่คิดว่าเธอจะมีดรักม่าเยอะขนาดนั้น

พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางสู่แอนตาร์กติกาแล้ว...มันเป็นดินแดนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเลยจริงๆ ผมไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไรบ้าง จะเจออสุรกายแบบไหน จะหนาวแค่ไหน...

แต่ผมก็พร้อมนะ การได้อยู่กับรูบี้และรีชาทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ผมหวังว่าภารกิจนี้จะสำเร็จด้วยดี และหวังว่าผมจะไม่ได้ฝันร้ายอีกในคืนนี้

ขอยืม
- บุตรเฟนริลยืมมาประกอบโรลเพลย์ให้ดูรู้ว่าเข้าถิ่นร้านค้าตำนานนอร์ส ไม่ประลองระบบเอาของ

ซื้อเรือ
เรือมินิบานาน่า 490 ดรักม่า @@Dean โอน



แสดงความคิดเห็น

จ่ายค่าเรือผ่าน รีชา แคมพ์เบลล์ 490 ดรักม่า (บวกภาษี)  โพสต์ 2025-8-1 16:55
โพสต์ 36741 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2025-8-1 16:44
โพสต์ 36,741 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-1 16:44
โพสต์ 36,741 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-1 16:44
โพสต์ 36,741 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point +8 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-1 16:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-2 19:58:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XI
— Resha—
28· กรกฎาคม · 2025 · 07.00 - 13.00 น.

       แสงอาทิตย์ยามเช้าของบอสตันสาดส่องลงมาที่ร้านเรือแคนูของคนแคระ ธอริน เจ้าของร้านโบกมือลาพวกเราด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี ส่วนหนู พี่เดม่อน และพี่รูบี้ก็ยืนอยู่ริมหาดพร้อมกับเรือมินิบานาน่าที่เพิ่งซื้อมา

       พี่เดม่อนมองเรือแคนูสีเหลืองนีออนที่ดูเหมือนกล้วยยักษ์ด้วยความไม่แน่ใจ "มันจะพาเราไปถึงแอนตาร์กติกาได้จริงๆ เหรอเนี่ย?"

       หนูยิ้ม "ได้สิคะ! พี่แอนนาเบ็ธบอกว่าเรือแบบนี้สามารถข้ามมหาสมุทรได้เลยนะคะ!" หนูพูดอย่างมั่นใจ รูบี้พยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะช่วยกันดันเรือลงสู่ทะเล

       หนูขึ้นไปนั่งบนหัวเรือ ส่วนพี่เดม่อนกับพี่รูบี้ก็นั่งลงข้างหลัง "เอาล่ะ" หนูบอก "ตอนนี้เราต้องใช้พลังของหนูแล้วค่ะ"

       หนูเอามือจุ่มลงไปในน้ำทะเลเย็นๆ หลับตาลง แล้วเพ่งจิตไปหาพ่อ โพไซดอน หนูรู้สึกถึงพลังของมหาสมุทรที่ตอบรับกลับมา หนูพยายามสื่อสารกับปลาและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลทั้งหมด ให้พวกมันส่งข้อความไปหาฮิปโปแคมปัสที่อาศัยอยู่ในแถบนี้

       หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า เดม่อนกับรูบี้เริ่มดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่หนูก็ยังคงพยายามต่อไป

       "พวกมันจะมาจริงๆ เหรอ?" พี่รูบี้ถามเสียงเรียบ

       "หนูเชื่อว่ามาค่ะ!" หนูตอบ "แต่หนูแค่ไม่แน่ใจว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน"

       ทันใดนั้น ผืนน้ำเบื้องหน้าก็เริ่มมีฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ร่างของฮิปโปแคมปัสสองตัวจะพุ่งขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว!

      พวกมันมีหัวเป็นม้า ตัวเป็นปลา มีเกล็ดสีเขียวเลื่อมพราย และครีบที่ใหญ่โตเหมือนพัดโบก พวกมันมีดวงตาสีดำกลมโตที่มองมาที่พวกเราอย่างเป็นมิตร

       "สวัสดีค่ะ" หนูทักทายพวกมัน "ช่วยพาเราไปแอนตาร์กติกาได้ไหมคะ?"

       ฮิปโปแคมปัสตัวหนึ่งพยักหน้า ก่อนจะว่ายเข้ามาใกล้เรือ เดม่อนกับรูบี้ช่วยกันผูกสายเชือกเข้ากับพวกมันอย่างรวดเร็ว

       "เอาล่ะ...ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว!" พี่เดม่อนตะโกนด้วยความตื่นเต้น

       การเดินทางของเราดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น พี่เดม่อนและพี่รูบี้ต่างก็ดูผ่อนคลายกับการเดินทางกลางทะเลเป็นครั้งแรก และหนูเองก็รู้สึกดีใจที่ได้ใช้พลังของพ่อโพไซดอนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ

       แต่แล้ว จู่ๆ เรือมินิบานาน่าก็เริ่มโคลงเคลงอย่างรุนแรง!

       "เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?" พี่เดม่อนตะโกนถาม

       หนูเอามือแตะผิวน้ำทันทีเพื่อใช้พลังเซ็นเซอร์น้ำตรวจสอบ "มีบางอย่างอยู่ใต้เราค่ะ! มันใหญ่มาก!"

       พี่รูบี้รีบชักกระบี่เทียนหวงออกมาจากฝัก ใบหน้าของเธอเคร่งเครียด "เตรียมตัวกันเถอะ!"

       ทันใดนั้น ผืนน้ำเบื้องล่างก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่ดูดเรือของเราลงไป "เร็วเข้า! กระโดดลงจากเรือ!" พี่เดม่อนตะโกนสั่ง

       พวกเรากระโดดลงจากเรือทันทีที่ได้ยินเสียงสั่ง กระแสน้ำวนดูดเรือมินิบานาน่าและฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวลงไปอย่างรวดเร็ว หนูกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนที่ร่างจะถูกดูดลงไปใต้น้ำด้วยเช่นกัน

       หนูลืมตาขึ้นมาใต้น้ำอย่างรวดเร็ว พลังหายใจใต้น้ำทำให้หนูสามารถหายใจได้เป็นปกติ หนูกำลังมองดูอสุรกายขนาดใหญ่ที่กำลังว่ายอยู่เบื้องหน้า มันมีท่อนบนเป็นฉลามขาวขนาดมหึมาและมีท่อนล่างเป็นหนวดหมึกยักษ์ นี่คือลูซก้า อสุรกายจากตำนานชาวแคริบเบียนที่เคยได้ยินมา!

       ลูซก้าตัวนี้มีหนวดมากมายมหาศาล กำลังใช้กระแสน้ำวนดูดฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวและเรือมินิบานาน่าเข้าไปในปากของมัน หนูกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนจะว่ายเข้าไปช่วยพวกมันอย่างรวดเร็ว

       "พี่เดม่อน! พี่รูบี้!" หนูตะโกนเรียก ทั้งสองคนเองก็ถูกกระแสน้ำดูดลงมาใต้น้ำเช่นกัน

       แต่ทันทีที่พวกเขาถูกดูดลงมา หนูก็ใช้พลังฟองอากาศแห่งชีวิตของหนูสร้างฟองอากาศขนาดใหญ่ห่อหุ้มพวกเราทั้งสามคน ทำให้พวกเขาสามารถหายใจได้เป็นปกติเหมือนอยู่บนบก

       พี่เดม่อนดีดแหวนขึ้นไปในอากาศ ดาบเธซีอุสเรืองแสงสีฟ้าปรากฏในมือของเขา ส่วนพี่รูบี้ก็ชักกระบี่เทียนหวงของเธอออกมา กระบี่ส่องประกายสีทองในความมืดมิดของใต้ทะเลลึก

       "ลูซก้า!" พี่รูบี้ตะโกนเรียกชื่อมัน "หนีไป!"

       แต่ดูเหมือนลูซก้าจะไม่สนใจ มันกำลังจะอ้าปากกว้างเพื่อกลืนกินฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัว

       หนูไม่รอช้า ใช้พลังควบคุมน้ำสร้างกระแสน้ำวนขนาดเล็กขึ้นมาพุ่งเข้าใส่ดวงตาของมัน แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก เพราะลูซก้าสามารถพรางตัวในความมืดใต้น้ำลึกได้

       "ใช้พลังของเธอสิ! รีชา!" พี่เดม่อนตะโกนสั่ง

       หนูหลับตาลง แล้วเพ่งสมาธิไปที่พลังของตัวเอง หนูเรียกพลัง ตรีศูลน้อย ขึ้นมา ตรีศูลที่ทำจากน้ำทะเลปรากฏในมือของหนู มันเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ

       "หนวดของมัน! ทำลายหนวดของมัน!" พี่เดม่อนตะโกน "แล้วเราจะหยุดมันได้!"

       พี่เดม่อนใช้ดาบเธซีอุสฟันเข้าที่หนวดของมัน ส่วนพี่รูบี้ก็ใช้กระบี่เทียนหวงของเธอฟันเข้าที่หนวดอีกข้างหนึ่ง แต่หนวดของมันมีจำนวนมากเกินไป การโจมตีของเราไม่ได้ทำให้มันเจ็บปวดเลย

       "ต้องใช้พลังที่รุนแรงกว่านี้!" พี่รูบี้ตะโกน 

       พี่รูบี้ปลดปล่อยพลังคลั่งสงคราม ร่างกายของเธอเริ่มเปล่งประกายสีแดงเข้ม ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความบ้าคลั่ง เธอกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่พุ่งเข้าใส่ลูซก้าอย่างไม่กลัวตาย

       ในขณะเดียวกัน พี่เดม่อนก็ใช้พลังหอมเย้ายวน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูซก้า มันหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ทำให้พวกเรามีโอกาสโจมตี

       หนูใช้จังหวะนี้ปล่อยตรีศูลน้อยของหนูพุ่งเข้าใส่ดวงตาของมันอย่างรวดเร็ว!

       'ฉึก!'

       เสียงน้ำดังขึ้นเบาๆ ตรีศูลของหนูทะลุผ่านดวงตาของมันไปอย่างง่ายดาย

       ลูซก้ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กระแสน้ำวนสลายไปอย่างรวดเร็ว ฟองอากาศที่ห่อหุ้มพวกเราก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ ฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวและเรือมินิบานาน่าเองก็ปลอดภัยดี

       พี่รูบี้ที่ใช้พลังคลั่งสงครามหมดแล้วเริ่มหายใจหอบ ส่วนพี่เดม่อนก็ดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน

เวลา 14.00 น.

       การต่อสู้กับลูซก้าใต้ทะเลลึกมันน่ากลัวที่สุดเลยค่ะ หนูไม่เคยคิดเลยว่าในโลกจะมีอสุรกายแบบนี้อยู่จริง โชคดีที่พวกเราเอาชนะมันมาได้ แต่ก็แลกมาด้วยความเหนื่อยล้าที่แสนสาหัส

       ตอนนี้เรากลับมาอยู่บนเรือมินิบานาน่าแล้วค่ะ ฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวยังคงลากเรือเราไปข้างหน้า แต่ดูเหมือนพวกมันจะยังตกใจไม่หาย

       "ใจเย็นๆ นะ" หนูกระซิบกับพวกมันเบาๆ พลางเอามือลูบเกล็ดที่คอของมัน "ทุกอย่างโอเคแล้ว" หนูใช้พลังสื่อสารกับพวกมันปลอบประโลมพวกมัน พยายามส่งความรู้สึกที่สงบและปลอดภัยให้พวกมันได้รับรู้ พวกมันค่อยๆ ผ่อนคลายลงและว่ายน้ำเร็วขึ้นอีกครั้ง

       หนูหันไปมองพี่เดม่อนกับพี่รูบี้ พวกเขานอนเบียดกันอยู่บนเรือ หลับสนิทไปแล้ว พี่เดม่อนมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยที่แขน ส่วนพี่รูบี้...ร่างกายเธอไม่มีรอยขีดข่วนเลย แต่หนูรู้ว่าเธอใช้พลังคลั่งสงครามไปเมื่อกี้ ซึ่งน่าจะทำให้เธอเหนื่อยไม่แพ้กัน

       หนูเองก็นั่งตัวลีบสังเกตการณ์อยู่บนเรือ พยายามให้พวกพี่ๆ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะหนูรู้ว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปอาจจะหนักหน่วงกว่านี้ก็ได้

       เราล่องเรือกันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล ตอนนี้เราอยู่กลางทะเลแบบไม่มีเกาะให้พักเลยแม้แต่น้อย

       "ต้องหาเกาะสักแห่ง" หนูนึกในใจ "แต่เราจะไปทางไหนดี?"

       หนูตัดสินใจใช้พลังเข็มทิศมหาสมุทรเพื่อหาทิศทางและเกาะที่ใกล้ที่สุด หนูหลับตาลงแล้วเพ่งสมาธิไปที่พลังของพ่อโพไซดอนที่เชื่อมโยงกับมหาสมุทรทั้งหมด

       แต่สิ่งที่หนูได้รับกลับมาไม่ใช่ภาพของเกาะหรือแผ่นดินใกล้ๆ เลยค่ะ พิกัดที่เราอยู่ตอนนี้คือกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ไม่มีเกาะเล็กๆ ให้เราแวะพักได้เลย แต่หนูสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แปลกประหลาด มันเป็นพลังงานที่อยู่ลึกลงไปในน้ำ แต่ก็ส่งความรู้สึกที่คล้ายกับ...แผ่นดิน...ขึ้นมาได้

       'ไม่ใช่เกาะ...แต่มันคืออะไรกันแน่?'

       หนูยังคงเพ่งสมาธิต่อไป พยายามตีความพลังงานที่ได้รับ...มันเป็นเหมือนเกาะที่ถูกซ่อนไว้ หรืออาณาจักรใต้น้ำที่ถูกบดบังด้วยเวทมนตร์บางอย่าง ที่สำคัญคือหนูรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่เป็นมิตรนัก...


     พิชิต
- พิชิตลูชก้า (Link) +2 ตื่นรู้

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

ตอนนี้พี่เดม่อนกับพี่รูบี้กำลังหลับกันอยู่ค่ะ หนูก็เลยถือโอกาสมาเขียนบันทึกไว้สักหน่อย

การต่อสู้กับลูซก้าใต้น้ำมันน่ากลัวมากเลยนะคะ หนูไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็โชคดีที่พวกเรามีพลังที่ช่วยเหลือกันได้ พี่เดม่อนใช้พลังมนต์มหาเสน่ห์เบี่ยงเบนความสนใจ ส่วนพี่รูบี้ก็ใช้พลังคลั่งสงครามเข้าสู้ได้อย่างดุเดือดเลยค่ะ ถ้าไม่มีพี่ๆ หนูคงจัดการลูซก้าตัวนั้นไม่ได้แน่ๆ

ที่น่าตกใจกว่าคือตอนนี้เราอยู่กลางมหาสมุทรแบบไม่มีเกาะเลยค่ะ หนูใช้พลังเข็มทิศมหาสมุทรแล้ว แต่มันไม่มีเกาะใกล้ๆ เลย แต่หนูรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แปลกๆ มันเหมือนอาณาจักรใต้น้ำที่ถูกซ่อนเอาไว้ หนูไม่รู้ว่าเราควรจะเข้าไปสำรวจดีไหม แต่ก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้เราไปต่อได้

หนูจะรอให้พี่เดม่อนกับพี่รูบี้ตื่นก่อน แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังค่ะ หนูหวังว่าเราจะตัดสินใจได้ถูกต้องนะคะ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24927 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-8-2 19:58
โพสต์ 24,927 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-2 19:58
โพสต์ 24,927 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-2 19:58
โพสต์ 24,927 ไบต์และได้รับ +15 EXP +6 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-2 19:58
โพสต์ 24,927 ไบต์และได้รับ +7 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-8-2 19:58

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-3 21:46:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XII
— Daemon—
29 · กรกฎาคม · 2025 · 06.00 - 18.00 น.

       ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาดใจ แสงแดดสาดส่องเข้ามาที่ใบหน้า แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะเรือมินิบานาน่า ที่มีเวทมนตร์ปกป้องพวกเราอยู่

       ฉันมองไปรอบๆ รีชานั่งอยู่บนหัวเรือ เธอไม่ได้หลับเลย เธอคอยปลอบประโลมฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวอย่างอ่อนโยน ส่วนรูบี้ก็ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆ ฉัน...ฉันนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เราต้องต่อสู้กับลูซก้าใต้ทะเล มันน่าหวาดเสียวมาก...แต่เราก็ผ่านมันมาได้

       ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นมือไปแตะที่ไหล่ของรีชาเบาๆ "ไม่ได้นอนเลยเหรอ?"

       เธอหันมายิ้มให้ฉัน "ไม่เป็นไรค่ะพี่เดม่อน หนูอยากให้พี่ๆ ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่"

       ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย แต่เธอก็ทำหน้าที่ของเธอได้ดีเยี่ยมจริงๆ

       รีชาเริ่มเล่าเรื่องที่เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานประหลาดใต้น้ำ "มันเหมือนมีเกาะที่ถูกซ่อนไว้ค่ะพี่เดม่อน หนูไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่หนูรู้สึกว่าเราควรจะลองไปดู"

       ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้ามันไม่ใช่เกาะปกติ ก็อาจจะเป็นกับดัก"

       "แต่เราก็ต้องหาที่เติมเสบียงไม่ใช่เหรอคะ?" รีชาถาม

       ฉันพยักหน้า "ใช่...แต่เราจะเสี่ยงเข้าไปในที่ที่ไม่รู้จักไม่ได้"

       รูบี้ตื่นขึ้นมาพอดี เธอฟังเรื่องที่เราคุยกันแล้วพูดขึ้นมาว่า "เราเข้าไปดูเถอะ ถ้ามันเป็นกับดัก เราก็แค่สู้"

       ฉันมองหน้ารูบี้แล้วก็ถอนหายใจ "นั่นไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดหรอกนะรูบี้"

 "แล้วเราจะทำยังไงล่ะเดม่อน? มัวแต่ลังเลอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่จะไปถึงแอนตาร์กติกากันล่ะ?" เธอถามกลับอย่างฉุนเฉียว

       สุดท้ายแล้วฉันก็ยอมแพ้ในความดื้อรั้นของทั้งสองคน "โอเค...เราจะลองไปดู"

      เราให้ฮิปโปแคมปัสทั้งสองตัวลากเรือไปตามทิศทางที่รีชาบอก ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่เจอเกาะอะไรเลย แต่รีชาบอกว่าเราใกล้จะถึงแล้ว

       "อยู่ข้างล่างนั่นเองค่ะ!" เธอชี้ลงไปในน้ำ "หนูรู้สึกถึงมันได้ชัดเจนเลย!"

       เรามองตามลงไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากผืนน้ำสีครามที่ลึกสุดลูกหูลูกตา "เราจะลงไปกันยังไง?" ฉันถาม

       รีชายิ้มก่อนจะใช้พลังฟองอากาศแห่งชีวิตสร้างฟองอากาศขนาดใหญ่ห่อหุ้มพวกเราทั้งสามคนไว้ จากนั้นเธอก็สั่งให้ฮิปโปแคมปัสดำดิ่งลงไปใต้น้ำ

       เราดำลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดมิดของท้องทะเลลึก จนกระทั่งเราเห็นแสงสว่างจางๆ อยู่ข้างหน้า

       เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้น เราก็เห็นว่ามันคือ อาณาจักรใต้น้ำที่ถูกซ่อนไว้ มันเป็นเมืองที่สร้างจากปะการังและหินสีสวยงาม มีสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย แต่ที่น่าแปลกใจคือมันดูเหมือนจะเป็นเมืองร้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย

       "นี่มันคืออะไรกันแน่?" ฉันถาม

       แต่ก่อนที่รีชาจะตอบ ทันใดนั้นประตูเมืองก็เปิดออก มีเงาดำๆ เคลื่อนไหวอยู่ข้างใน

       "รีบไปเถอะ!" รูบี้พูดขึ้นมาอย่างกังวล "นี่ไม่ใช่ที่ที่เราควรอยู่!"

       แต่สายเกินไปแล้วค่ะ! ประตูเมืองปิดลงแล้ว และเราก็ถูกขังไว้ในเมืองร้างที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเงาของใครบางคน...

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2025 | 19:00 น.

       ประตูเมืองปิดลงแล้ว เสียงดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งทาลาสซา เอเทอร์นา เมืองที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ร้างอย่างที่คิด พวกเราทั้งสามคนยืนอยู่กลางถนนที่ปูด้วยหินปะการังที่เงียบสงัด บรรยากาศรอบตัวมันให้ความรู้สึกวังเวงและน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

       "มันไม่มีทางกลับแล้ว" รูบี้พูดเสียงเรียบ เธอจับกระบี่เทียนหวงแน่น "ไม่ว่าอะไรจะอยู่ข้างใน เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน"

       ฉันกับรีชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากจะต้องเดินหน้าต่อไป

       เราเริ่มเดินสำรวจไปตามถนนสายหลัก พวกเราเดินเบียดกันมากขึ้นกว่าปกติ แสงจากอาทิตย์ที่ส่องลงมาไม่สามารถส่องไปถึงทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ได้ มันยังคงมีเงามืดที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในซอกซอยต่างๆ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

       "หนูรู้สึกเหมือนมีคนมองเราอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ" รีชากระซิบเบาๆ

       ฉันกับรูบี้ต่างก็รู้สึกเหมือนกัน แต่พวกเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป

       เมืองนี้เหมือนจะเคยมีชีวิตชีวามาก่อน มีร้านค้าและบ้านเรือนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและเศษซากของความเก่าแก่ มันเป็นเมืองที่สวยงามแต่ก็เศร้าสร้อยในเวลาเดียวกัน

       ทันใดนั้นเอง เราก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาดังมาจากข้างหลัง

       "กลับไป..."

       พวกเราทั้งสามคนหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใครเลย

       "เสียงอะไรน่ะ?" รีชาถาม

       "ไม่รู้..." ฉันตอบ "แต่ฉันคิดว่าเราถูกต้อนแล้ว"

       เงามืดที่เคลื่อนไหวในซอกซอยต่างๆ เริ่มขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น พวกมันไม่มีรูปร่างที่ชัดเจน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายที่แฝงอยู่

       "เตรียมตัวให้พร้อม" รูบี้พูด "ฉันว่าเรากำลังจะได้สู้แล้ว"

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2025 | 19:15 น.

       พวกเรายืนหันหลังชนกันเป็นสามเหลี่ยม รีชาอยู่ข้างหน้าฉัน รูบี้อยู่ด้านข้าง ทุกคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม อากาศใต้น้ำในทาลาสซา เอเทอร์นาเย็นยะเยือกกว่าที่ฉันคิดไว้มาก และความเงียบสงัดก็ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

       เงามืดที่เคลื่อนไหวในซอกซอยต่างๆ เริ่มขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันมีรูปร่างคล้ายปลาขนาดใหญ่ แต่ก็ดูบิดเบี้ยวและผิดธรรมชาติ พวกมันไม่ได้พุ่งเข้ามาโจมตีทันที แต่กลับว่ายวนรอบๆ เหมือนกำลังล้อมพวกเราไว้

       "พวกมันคืออะไรกันแน่?" รีชาถามเสียงสั่น แต่เธอก็ยังกำตรีศูลน้อยที่เธอเรียกขึ้นมาแน่น

       "ฉันไม่รู้" รูบี้ตอบ "แต่มันไม่ได้มีตัวตนจริงๆ ฉันรู้สึกถึงแค่ความเย็นยะเยือก ไม่ใช่พลังชีวิต"

       ฉันเห็นด้วยกับรูบี้ ฉันใช้พลังตาหลากสีของฉันมองดูรอบๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรให้ฉันเห็นเลย นอกจากเงามืดและแสงที่ส่องมาจากภายนอกเมือง

       "เราต้องหาต้นตอให้เจอ" ฉันบอก "พวกมันต้องมีคนบงการอยู่"

       รีชาพยักหน้า เธอหลับตาลงและเอามือแตะลงไปในน้ำทะเล เธอใช้พลังเซ็นเซอร์น้ำเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำและหาแหล่งพลังงานที่ผิดปกติ

    "หนูรู้สึกถึง...ความเศร้าค่ะ" เธอพูด "มันเป็นความรู้สึกที่หนักอึ้งมาก...แล้วก็มี...พลังเวทมนตร์เก่าแก่บางอย่าง"

       รูบี้ใช้พลังสายเลือดนักรบของเธอเพื่อรับรู้ถึงอันตราย เธอมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง "ฉันรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งมาก...แต่มันไม่ใช่พลังของสิ่งมีชีวิต"

       จู่ๆ ฉันก็สังเกตเห็นบางอย่าง มันเป็นแสงสีเงินจางๆ ที่ส่องออกมาจากอาคารหลังใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง รีชาสัมผัสได้ถึงพลังงานจากที่นั่น และรูบี้ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากทิศทางเดียวกัน

       "ตรงนั้น" ฉันชี้ไปที่อาคารหลังนั้น "ฉันคิดว่ามันคือต้นตอ"

    เงามืดที่ล้อมรอบพวกเราอยู่เริ่มสลายไปเมื่อเราเริ่มมุ่งหน้าไปที่อาคารหลังนั้น แสดงว่าพวกมันไม่อยากให้เราเข้าไปใกล้ แต่เราก็ไม่สนใจ เราเดินหน้าต่อไปอย่างมุ่งมั่น พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้

       เราเดินเข้าไปใกล้อาคารหลังใหญ่ใจกลางเมืองเรื่อยๆ เงามืดที่เคยล้อมรอบเราไว้หายไปหมดแล้ว แต่ก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่ใช่เสียงของรีชาหรือรูบี้ดังขึ้นมาในหัวของฉัน

       "ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเจ้า..." เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและความโศกเศร้า "กลับไปซะ..."

       "รีชา! ได้ยินเสียงนั้นไหม?" ฉันถาม

       รีชาพยักหน้า "ได้ยินค่ะ...มันเป็นเสียงที่ฟังดูเศร้ามากเลย..."

       รูบี้ชักกระบี่เทียนหวงออกมาเตรียมพร้อม "มันไม่ได้อยากให้เราเข้าไปในอาคารนั่น"

       ฉันมองไปที่ประตูอาคาร มันเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและหอยนางรม ดูเก่าแก่และหนักอึ้ง

       "เราต้องเข้าไป" ฉันพูด "ถ้าอยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุของความเศร้าทั้งหมดนี้"

       เราผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง ภายในอาคารเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นเทพธิดาองค์หนึ่งตั้งอยู่กลางห้อง แต่รูปปั้นนั้นแตกหักและถูกทำลายไปจนหมดแล้ว

       แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในมือของรูปปั้นนั้น มันคือ...หีบสมบัติ!

       "นั่นไง!" รีชาตะโกน "เราเจอแล้ว!"

       แต่ก่อนที่เราจะได้เข้าไปใกล้หีบสมบัตินั้น เงาที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าเงาอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นมาข้างหลังหีบสมบัติ มันไม่มีรูปร่างที่ชัดเจน แต่ฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่รุนแรงและมุ่งร้าย

       "ไม่มีใคร...จะเอาของของฉันไปได้!" เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของพวกเราทุกคน มันไม่ใช่เสียงกระซิบที่แผ่วเบาอีกต่อไป แต่มันคือเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเคียดแค้น

       "รีบไปเถอะ!" รูบี้ตะโกน "นี่ไม่ใช่ที่ที่เราควรอยู่!"

       แต่ประตูอาคารที่เราเข้ามากลับถูกปิดลงอย่างแน่นหนา เราถูกขังไว้ในนี้แล้ว

       "เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากสู้" ฉันบอก ดาบเธซีอุสในมือฉันส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ รูบี้ชักกระบี่เทียนหวงออกมาจากฝัก รีชาเองก็เตรียมพร้อมด้วยตรีศูลน้อยของเธอ

       "ใจเย็นๆ นะ" ฉันพูดขึ้น "พวกมันไม่ได้มีตัวตนจริงๆ เราต้องหาทางหยุดมันด้วยพลังของเรา"

       เราทั้งสามคนหันหลังชนกันเป็นวงกลม เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเงาที่กำลังจะเข้าโจมตี เงาตัวอื่นๆ ที่ว่ายวนอยู่รอบๆ ห้องโถงก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น

       "รีชา! ใช้พลังของเธอดูสิว่ามันคืออะไร!" ฉันสั่ง

       รีชาพยักหน้า เธอหลับตาลงแล้วใช้พลังเซ็นเซอร์น้ำเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของเงา "มันคือ...ความเศร้าค่ะพี่เดม่อน! มันคือความรู้สึกที่หนักอึ้งมากจนก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาได้"

       "ความเศร้า?" รูบี้ถามด้วยความสับสน

       "ใช่ค่ะ! มันคือความเศร้าของคนที่ถูกทอดทิ้ง! มันเกลียดทุกคนที่เข้ามาในเมืองนี้!" รีชาตอบ

       เงาที่ใหญ่ที่สุดพุ่งเข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็ว ผมตั้งโล่อัสพิสขึ้นป้องกัน แต่เงาตัวนั้นกลับทะลุผ่านโล่ของฉันมาได้อย่างง่ายดาย!

       "มันไม่มีตัวตนจริง!" รูบี้ตะโกน "มันเป็นแค่ความรู้สึก! การโจมตีด้วยดาบหรือกระบี่ไม่ได้ผล!"

       เราทั้งสามคนต่างก็พยายามใช้พลังของตัวเองเพื่อป้องกันตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เงาพวกนั้นทะลุผ่านพวกเราไปได้อย่างง่ายดาย แต่ความรู้สึกที่ทับถมไปด้วยความเศร้าและความเกลียดชังก็เข้าครอบงำพวกเราอย่างรุนแรง ทำให้เราเริ่มรู้สึกอ่อนแอและสิ้นหวัง

       "ต้องหาทางหยุดมัน!" ฉันบอก "มันต้องมีวิธีที่สามารถหยุดมันได้!"

       ในชั่วขณะที่ผมกำลังพยายามคิดหาทางออกนั้นเอง เงาตัวที่ใหญ่ที่สุดก็พุ่งตรงเข้ามาหาผมอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ได้ทะลุผ่านไปเฉยๆ แต่มันกลับห่อหุ้มตัวผมไว้ราวกับเป็นพายุหมุน

       ความรู้สึกแรกที่ผมได้รับคือความเศร้า...เป็นความเศร้าที่ท่วมท้นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก มันไม่ใช่แค่ความเศร้าของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือความเศร้าของคนทั้งเมือง ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้ง ความรู้สึกของการรอคอยอย่างไร้ความหวัง ความเจ็บปวดที่ไม่มีวันสิ้นสุด

       ภาพต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวของผมอย่างรวดเร็ว ผมเห็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้ค่อยๆ จมลงสู่ใต้ทะเล ผมเห็นผู้คนมากมายที่พยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความสิ้นหวัง ผมเห็นใบหน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและน้ำตา ก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะปิดลงไปชั่วนิรันดร์

       ความรู้สึกนั้นมันหนักหน่วงเกินกว่าที่ผมจะแบกรับได้ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแตกสลาย และภาพของลิเลียน่าที่ลืมผมไปก็กลับมาอีกครั้ง มันเจ็บปวดเหลือเกิน...

       "อั่ก..." ผมร้องออกมาเบาๆ ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ดาบเธซีอุสในมือของผมหล่นลงจากมือ แสงสีฟ้าค่อยๆ มอดดับไป

       ผมเงยหน้ามองเพื่อนร่วมทีมที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก รูบี้พยายามใช้กระบี่เทียนหวงของเธอฟันเข้าใส่เงา แต่ก็ไม่เป็นผล ใบหน้าของเธอดูซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนรีชาก็พยายามใช้ตรีศูลน้อยของเธอพุ่งเข้าใส่เงา แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน เธอเองก็มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เล็กน้อย

       ผมมองเห็นได้ว่าพวกเขาก็โดนเล่นงานเหมือนกับผม ความเศร้าและความสิ้นหวังเริ่มกัดกินจิตใจของพวกเราทุกคน

       ผมมองไปที่รีชา เธอตัวสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ เธอคงสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่รุนแรงกว่าใครในพวกเราทั้งหมด ส่วนรูบี้...เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ ไม่ใช่ความกลัว เธอเกลียดความอ่อนแอที่กำลังคืบคลานเข้ามาในตัวพวกเรา

       แล้วผมก็เห็นบางอย่างที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น...

       เงาแห่งความเศร้าที่เข้ามาโจมตีผมก่อนหน้านี้กำลังย้อนกลับมา! มันพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้งหนึ่งในขณะที่ผมกำลังอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง!

       "เดม่อน!" เสียงของรูบี้ดังขึ้น "ระวัง!"

       ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น ผมทำได้เพียงนั่งมองเงาแห่งความเศร้านั้นพุ่งเข้ามาหาอย่างไม่หยุดยั้ง...

       เงาแห่งความเศร้าพุ่งเข้ามาห่อหุ้มตัวฉันอีกครั้ง และคราวนี้มันดูดฉันให้จมดิ่งลงไปสู่ห้วงลึกของความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของตัวเอง

       ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาคือใบหน้าของพ่อ คริสโตเฟอร์ แคนเนลท์ ในคืนนั้น... คืนที่ไซคลอปส์บุกเข้ามาในบ้านของเรา ฉันเห็นเขาพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องฉัน แต่เขาก็พ่ายแพ้ให้กับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่ามากนัก ภาพที่เขาถูกอสุรกายทำร้ายยังคงชัดเจนในหัวของฉันราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

       ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาโจมตีในทันที... 'ถ้าฉันไม่เป็นลูกครึ่งเทพ...พ่อก็คงไม่ต้องมาตายเพราะฉัน!' เสียงนั้นก้องอยู่ในหัวของฉันไม่หยุด

       ภาพถัดมาคือภาพของฉันกับลิเลียน่าในค่ายฮาล์ฟบลัด ฉันเห็นเธอยิ้มให้ฉันอย่างสดใส สอนฉันเรื่องการต่อสู้ และคอยปลอบโยนฉันในวันที่ฉันรู้สึกท้อแท้

       แต่แล้วภาพนั้นก็เปลี่ยนไป... ผมเห็นเธออยู่ในภารกิจที่เฮติ เธอเผชิญหน้ากับความกลัวที่สุดของตัวเอง... และผมเห็นเธอใช้พลังของเธอเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ และท้ายที่สุดก็ต้องยอมเสียสละความทรงจำที่มีค่าที่สุดเกี่ยวกับฉันไป เพื่อแลกกับสติของเพื่อนร่วมทีม

       ผมเห็นความเศร้าในดวงตาของเธอในตอนนั้น... มันเป็นความเจ็บปวดที่ผมไม่สามารถลืมได้เลย...

       'นี่แหละสิ่งที่นายทำ!' เสียงของลิเลียน่าในฝันร้ายก้องอยู่ในหัวของผม "นายเป็นต้นเหตุ! เพราะนาย...ฉันถึงต้องเป็นแบบนี้!"

       ผมกรีดร้อง พยายามจะปฏิเสธ พยายามจะเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้ แต่ร่างของเธอก็เลือนหายไป กลายเป็นเพียงเสียงหัวเราะอันน่ากลัวที่สะท้อนก้องอยู่ในความมืด

      ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่มากกว่าการโดนเดธแมชชีนฟาดเข้าจู่โจมหัวใจผม ความจริงที่ว่าผมเป็นต้นเหตุของความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลิเลียน่า ความรู้สึกนั้นมันกัดกินจิตใจผมจนแทบจะใจสลาย

      ผมพยายามดิ้นรน หนีจากภาพฝันอันน่ากลัวนั้น แต่ทุกครั้งที่หลับตาลง ภาพของลิเลียน่าในร่างอสุรกายก็ผุดขึ้นมาหลอกหลอนไม่หยุด

      ผมยังคงจมดิ่งอยู่ในฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพเดิมๆ วนเวียนไม่รู้จบ เสียงหัวเราะเยือกเย็นของลิเลียน่าในร่างอสุรกายยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท ความเจ็บปวดจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของหายนะกัดกินจิตใจผมอย่างไม่หยุดหย่อน มันหนักหน่วงจนผมรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวัง

      แรงกายที่สะสมมาตลอดวันถูกบั่นทอนลงไปพร้อมกับจิตใจที่อ่อนล้า ผมรู้สึกได้ว่าพลังงานในตัวกำลังเหือดแห้งไป ความสามารถในการต่อสู้ที่เคยมี หรือแม้แต่มนต์มหาเสน่ห์ที่เคยใช้ได้อย่างง่ายดาย ก็ดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยเงามืดของความกลัวและความเจ็บปวดนี้

      ผมยังคงไม่ตื่น... ภาพของลิเลียน่าที่บิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความเกลียดชังยังคงตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงนิทราอันยาวนานนี้

      แต่ในห้วงความมืดมิดนั้นเอง ภาพหนึ่งก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น มันเป็นภาพที่แตกต่างจากฝันร้ายอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ

      ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ในเมืองที่คุ้นเคย...ดีทรอยต์ ผมกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มลัทธิของจักรพรรดิโรมันที่จ้องมองมาอย่างดุดัน ผมรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กัดกินหัวใจ และรู้ว่าผมกำลังจะพ่ายแพ้...

      แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงหนึ่ง... "อย่ายอมแพ้นะเดม่อน!" เสียงนั้นสดใสและคุ้นเคยเหลือเกิน ลิเลียน่าพุ่งเข้ามาในฉากอย่างไม่ลังเล เธอสู้เคียงข้างผม สวมชุดที่สวยงามราวกับเทพธิดา และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผม

      ภาพนั้นช่างงดงามและจริงแท้เหลือเกิน... ลิเลียน่าในภาพนั้นคือลิเลียน่าที่ผมรู้จัก เธอไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้เป็นตัวถ่วง แต่แข็งแกร่งและกล้าหาญเสมอมา

      แต่แล้วภาพนั้นก็เริ่มบิดเบี้ยว... ลิเลียน่าในภาพค่อยๆ เปลี่ยนไป ใบหน้าของเธอซีดเผือด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมา แต่เธอก็ยังคงยิ้มให้ผม "ฉัน...จะปกป้องนายเอง..." เธอพูด เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ก็หนักแน่น "ไม่ต้องห่วงนะ...เดม่อน"

      ภาพนั้นบีบหัวใจผมจนเจ็บไปหมด มันคือความจริงที่ผมพยายามลืม... เธอเข้ามาช่วยผมที่ดีทรอยต์ และเธอปกป้องผมเสมอมา

      แต่แล้วภาพสุดท้ายก็ปรากฏขึ้น... ผมเห็นเธอในสภาพที่น่ากลัวที่สุด เธอกำลังสั่นเทิ้มด้วยความกลัว แต่ก็พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องผม ผมมองเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ แต่เธอก็ยังคงยิ้มให้ผม "เดม่อน...อย่ากลัวนะ..." เธอพูด เสียงของเธอแผ่วเบามาก "นายไม่เคยเป็น...ตัวถ่วงของฉันเลยนะ..."

      คำพูดนั้นแทงเข้ากลางใจผมอย่างจัง...

      ในขณะที่ผมกำลังจมดิ่งลงในห้วงความทรงจำอันเจ็บปวดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีอีกภาพฉายขึ้นมาในหัวของผม...

      ภาพที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน...ภาพที่ผมไม่ควรจะเห็น

      ผมยืนอยู่ในห้องโถงที่มืดสลัว มองเห็นลิเลียน่า, เฟเรีย, และอลิเซียกำลังยืนอยู่ด้วยกัน เฟเรียกับอลิเซียกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง แต่ลิเลียน่ากลับดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน...

      เธอหันมาทางผม สายตาของเธอมองทะลุภาพมายาเข้ามาในส่วนลึกของจิตใจผม ราวกับรู้ว่าผมกำลังยืนมองเธออยู่จากที่ใดที่หนึ่ง

      "ถ้าเป็นนาย...นายก็คงทำอย่างนี้เหมือนกัน..."

      เสียงของเธอดังก้องอยู่ในหัวของผม มันไม่ใช่เสียงที่กล่าวหา ไม่ใช่เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่มันคือเสียงที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ และความเมตตา ราวกับเธอพยายามจะบอกผมว่า 'อย่าโทษตัวเองเลยนะเดม่อน...นี่คือทางเลือกของฉันเอง...'

      ภาพนั้นสลายไปในทันที ความเจ็บปวดที่ทับถมมาหลายวันพลันหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยขึ้นสู่ผิวน้ำจากก้นทะเลที่ลึกที่สุด แสงสว่างจ้าส่องเข้ามาในดวงตา

      ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงหัวใจที่เต้นรัว รู้สึกถึงร่างกายที่สดชื่นราวกับได้นอนหลับเต็มอิ่มไปหลายสัปดาห์...

      ความเศร้าที่เคยกัดกินจิตใจผมหายไปแล้ว...แต่ความรู้สึกผิด...มันยังคงอยู่

      ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงหัวใจที่เต้นรัว รู้สึกถึงร่างกายที่สดชื่นราวกับได้นอนหลับเต็มอิ่มไปหลายสัปดาห์ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว... ความทรงจำที่บิดเบี้ยวของลิเลียน่าที่ผมเห็นในฝันยังคงชัดเจน

      "พี่เดม่อน! เป็นอะไรไปคะ!?" เสียงของรีชาดังขึ้น

      ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเธอกับรูบี้กำลังถูกล้อมรอบด้วยเงามืดที่เต็มไปด้วยความเศร้า พวกมันไม่ได้โจมตีพวกเธอโดยตรง แต่ความรู้สึกสิ้นหวังที่พวกมันปล่อยออกมาก็ทำให้ทั้งสองคนดูอ่อนล้าลงไปมาก

      'ไม่นะ...ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเพื่อนๆ อีกแล้ว!' ผมคิด

      ความรู้สึกผิดที่ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลิเลียน่าและภาพที่เธอปกป้องผมที่ดีทรอยต์ ทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องคนที่อยู่ข้างกายผมในตอนนี้

      ผมรีบลุกขึ้นยืน คว้าดาบเธซีอุสและโล่อัสพิสขึ้นมาเตรียมพร้อม ผมเข้าไปยืนอยู่ข้างหน้ารีชาและรูบี้ พลางกางโล่เพื่อป้องกันพวกเธอจากความเศร้าที่แผ่ซ่านออกมา

    เงามืดเหล่านั้นดูเหมือนจะประหลาดใจกับการกระทำของผม พวกมันหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

      ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำจะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่ผมก็ต้องลอง ผมหลับตาลง พลางเพ่งสมาธิไปยังพลังมนต์มหาเสน่ห์ของผม

      "หยุดเถอะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็แฝงไปด้วยพลังที่จริงใจ "พวกเธอไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว"

      แสงสีชมพูอ่อนๆ เปล่งประกายออกมาจากตัวผม กลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบลอยอบอวลไปทั่วห้องโถง เสียงของผมดังขึ้นอีกครั้ง "ฉันรู้ว่าพวกเธอเจ็บปวด...ฉันรู้ว่าพวกเธอถูกทอดทิ้ง...แต่พวกเธอไม่จำเป็นต้องเกลียดชังอีกต่อไปแล้ว..."

      เงามืดเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความเศร้าดังขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอีกต่อไป

      ผมยังคงพยายามต่อไป...ผมจะใช้พลังมนต์มหาเสน่ห์ของผมปลอบประโลมพวกมัน...ผมจะใช้มันขับขานบทเพลงแห่งความโศกเศร้า เพื่อปลดปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานที่พวกมันต้องแบกรับมานานนับพันปี


     พิชิต
-

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

มันน่ากลัวมากที่เห็นรีชากับรูบี้กำลังอ่อนแอลงเพราะความเศร้าที่พวกวิญญาณนี่ปล่อยออกมา ผมรู้สึกผิดที่ทำให้พวกเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก

แต่การได้เผชิญหน้ากับความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของตัวเอง..
.โดยเฉพาะเรื่องลิเลียน่า...มันกลับทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นอย่างประหลาด ผมรู้ว่าผมไม่สามารถยอมแพ้ได้อีกแล้ว ผมต้องปกป้องพวกเธอ

ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำจะใช้ได้ผลไหม การใช้มนต์มหาเสน่ห์ปลอบประโลมวิญญาณมันฟังดูบ้าบอสิ้นดี แต่ผมก็ต้องลอง ผมต้องหาทางทำให้พวกเธอรู้สึกดีขึ้น และปลดปล่อยพวกเธอให้เป็นอิสระจากความเศร้าที่ทับถมมานาน

ผมหวังว่าผมจะทำได้...ผมหวังว่าพลังสายเลือดของแม่จะสามารถช่วยพวกวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้ได้...


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 56399 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2025-8-3 21:46
โพสต์ 56,399 ไบต์และได้รับ +40 EXP +35 เกียรติยศ +35 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-3 21:46
โพสต์ 56,399 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-3 21:46
โพสต์ 56,399 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point +8 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-3 21:46
โพสต์ 56,399 ไบต์และได้รับ +7 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-8-3 21:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-3 22:11:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XIII
— Resha—
29 · กรกฎาคม · 2025 · 19.35 น.

       พวกเราทั้งสามคนยืนอยู่กลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยความเศร้า พี่เดม่อนกำลังใช้พลังมนต์มหาเสน่ห์ของเขาเพื่อปลอบประโลมวิญญาณของชาวเมืองทาลาสซา เอเทอร์นา

       ตอนแรกหนูเองก็รู้สึกหวั่นไหวกับความเศร้าที่พวกมันปล่อยออกมา แต่พอพี่เดม่อนเริ่มใช้พลังของเขา ความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆ บรรเทาลง เสียงของพี่เดม่อนเต็มไปด้วยความจริงใจและเมตตา ทำให้หนูรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

       "รูบี้" หนูกระซิบเรียกเธอเบาๆ "เราต้องช่วยพี่เดม่อน"

       พี่รูบี้พยักหน้า เธอยังคงยืนนิ่งอยู่ แต่หนูรู้ว่าเธอกำลังพยายามรวบรวมพลังของเธออยู่

       หนูหลับตาลง แล้วเพ่งสมาธิไปที่พลังของพ่อโพไซดอนที่อยู่ในตัวหนู หนูเชื่อมต่อกับวิญญาณของชาวเมืองทาลาสซา เอเทอร์นา ทุกคน...พวกเขาคือบุตรธิดาแห่งท้องทะเลเหมือนกันกับหนู และในฐานะธิดาแห่งท้องทะเล หนูก็ไม่สามารถทอดทิ้งพวกเขาได้

       หนูใช้พลังของหนูร้องเพลงขับขานแห่งท้องทะเล บทเพลงที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก บทเพลงที่ขับขานถึงความงามของท้องทะเลและทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้น

       ทันใดนั้นเอง...วิญญาณของชาวเมืองก็เริ่มตอบรับ กระบี่เทียนหวงในมือของรูบี้เริ่มเปล่งแสงสีทองสว่างไสว เธอกำลังใช้พลังคลั่งสงครามของเธอเพื่อสร้างความกล้าหาญให้กับวิญญาณที่สั่นคลอนพวกนั้น ส่วนพี่เดม่อนก็ใช้มนต์มหาเสน่ห์ของเขาปลอบประโลมพวกมันอย่างอ่อนโยน

       พวกเราทั้งสามคนร่วมมือกัน...ร้องเพลงขับขาน...ปลุกปลอบ...และสร้างความกล้าหาญให้กับวิญญาณเหล่านั้น

       แสงสว่างเริ่มแผ่ขยายไปทั่วห้องโถง เงามืดค่อยๆ สลายไป กลายเป็นแสงสีขาวที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบน...

       เมื่อเงามืดสลายไปหมดแล้ว พื้นหินปะการังที่พวกเรายืนอยู่ก็เริ่มเปล่งประกายสีทองขึ้นมา มีจารึกภาษาโบราณปรากฏขึ้นบนพื้นนั้น

       "นั่นมัน...ภาษาแอตแลนติก!" หนูกรีดร้องด้วยความดีใจ "เป็นภาษาโบราณที่หนูได้รับมาจากพ่อโพไซดอน!"

       หนูรีบก้มลงไปอ่านจารึกนั้นอย่างรวดเร็ว "จารึกนี้เล่าเรื่องของเมืองนี้ค่ะ...ทาลาสซา เอเทอร์นาเป็นเมืองที่ถูกสาปให้จมอยู่ใต้ความเศร้าของสงครามแห่งเทพเจ้า... วิญญาณของพวกเขาถูกจองจำไว้ในเมืองนี้... แต่ตอนนี้...พวกเขาได้ถูกปลดปล่อยแล้ว"

       หนูอ่านต่อไปเรื่อยๆ "ในจารึกบอกว่า...ใครก็ตามที่สามารถปลดปล่อยวิญญาณของเมืองนี้ได้...จะได้รับพรจากโพไซดอน"

       ทันใดนั้นเอง หีบสมบัติที่วางอยู่กลางห้องก็เปิดออก ภายในไม่ใช่ทองคำหรืออัญมณี...แต่เป็นสามง่ามที่ทำจากน้ำทะเล! มันเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ สวยงามมากเลยค่ะ

       พี่เดม่อนมองตรีศูลนั้นอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหันมามองหนู "รีชา...มันคงเหมาะสมกับเธอมากกว่า" พี่เดม่อนพูด "มันคือพรของพ่อเธอ...เธอควรจะเป็นคนเก็บมันไว้"

       หนูมองตรีศูลในหีบ...มันดูงดงามและทรงพลังมากจริงๆ "ตรีศูลแห่งทาลาสซา" หนูกระซิบชื่อมันเบาๆ

      หนูยื่นมือออกไปหยิบมันขึ้นมา ตรีศูลเย็นเฉียบแต่ก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหนูในทันที พลังของมหาสมุทรรู้สึกเหมือนหลั่งไหลเข้ามาในตัวหนูอย่างเต็มเปี่ยม

      "เรากลับกันเถอะ" พี่เดม่อนบอก "เราต้องเดินทางกันต่อ"

      เราเดินออกมาจากอาคารนั้นอย่างรวดเร็วแล้วก็มุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองที่ถูกเปิดออก หนูกำลังจะใช้พลังเพื่อสร้างฟองอากาศแห่งชีวิตอีกครั้ง แต่พี่เดม่อนก็ห้ามไว้

      "ไม่ต้องหรอกรีชา" เขายิ้มให้ "นี่มันก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางต่อไปแล้ว"

      หนูพยักหน้า พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าของหนูออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนลงไปในน้ำ...ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ นั้นค่อยๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นเรือมินิบานาน่าที่เรารู้จัก!

      "ไปกันเลย!" พี่รูบี้บอกอย่างตื่นเต้น

      เราทั้งสามคนกระโดดขึ้นเรือ แล้วมุ่งหน้าสู่ผิวน้ำอีกครั้ง...


     พิชิต
-

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

เราออกมาจากเมืองทาลาสซา เอเทอร์นาแล้วค่ะ!

หนูยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หายเลย การที่เราสามารถปลดปล่อยวิญญาณของชาวเมืองได้มันวิเศษมากเลยนะคะ หนูไม่เคยคิดเลยว่าพลังของหนูจะสามารถทำเรื่องยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ และการได้ตรีศูลแห่งทาลาสซาเป็นของขวัญจากพ่อโพไซดอนด้วยแล้ว...
มันนับเป็นเกียรติยศสูงสุดเลยค่ะ!

พี่เดม่อนก็ดูดีขึ้นแล้วนะคะ หลังจากที่เราได้เผชิญหน้ากับความเศร้าในเมืองนั้น หนูรู้สึกว่าพี่เขาเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ พี่รูบี้เองก็เหมือนกัน เธอไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่หนูรู้ว่าเธอภูมิใจในตัวพี่เดม่อนมากเลยค่ะ

ตอนนี้เรากำลังล่องเรือไปตามมหาสมุทรอีกครั้ง แต่คราวนี้หนูรู้สึกว่าเราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ เรามีตรีศูล มีเรือมินิบานาน่า และที่สำคัญที่สุด เรามีมิตรภาพที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

หนูหวังว่าการเดินทางไปแอนตาร์กติกาจะเป็นไปด้วยดีนะคะ เพราะหนูไม่อยากให้พี่ๆ ต้องเจอเรื่องร้ายๆ อีกแล้ว


แสดงความคิดเห็น

God
น้องรีชาขอบคุณที่พามาฟาร์ม   โพสต์ 2025-8-3 22:21
โพสต์ 13435 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-8-3 22:11
โพสต์ 13,435 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-3 22:11
โพสต์ 13,435 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-3 22:11
โพสต์ 13,435 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-3 22:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-4 17:24:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XIV
— Ruby—
1 · สิงหาคม · 2025 · 08.00 - 14.00 น.

       การเดินทางในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้นั้นราบรื่นเกินไปจนน่าหงุดหงิด เจ้าเรือกล้วยประหลาดของรีชาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ฮิปโปแคมปัสตัวที่เราเรียกมาก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี ส่วนเดม่อนกับรีชา... พวกเขาก็นั่งคุยกันเรื่องนิทานใต้น้ำที่ได้ยินมาจากวิญญาณแห่งทาลาสซา เอเทอร์นาอย่างออกรส ฉันก็แค่ฟังแล้วก็เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องวุ่นวายที่อาจจะโผล่มาได้ตลอดเวลา

       เราแวะพักที่จอร์จทาวน์ เกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จุดแวะพักของเรือประมงทั่วไป กลิ่นไอเค็มของทะเลปะปนกับกลิ่นสาบของปลาและนกนางนวล ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก แต่ก็พอมีเรือประมงและร้านค้าเล็กๆ อยู่บ้าง

       "ในที่สุดก็ได้เหยียบแผ่นดินแล้ว!" รีชาพูดอย่างดีใจ เธอรีบกระโดดลงจากเรือทันทีที่มันเทียบท่า "หนูรู้สึกเหมือนจะเป็นปลาแล้วค่ะ!"

       เดม่อนยิ้มให้เธอ "ใจเย็นน่ารีชา เราต้องรีบหาเสบียงแล้วไปต่อกันนะ"

       ฉันแค่พยักหน้าให้พวกเขา "ฉันจะไปสำรวจเส้นทาง เราจะแยกกันไปหาเสบียง"

       เดม่อนกับรีชาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เดม่อนไปที่ร้านขายอาหาร ส่วนรีชาตรงไปที่ร้านขายเครื่องมือประมง ส่วนฉัน... ฉันเลือกที่จะเดินสำรวจไปตามแนวชายหาด สังเกตการณ์ผู้คนและสภาพแวดล้อมรอบตัว

       จอร์จทาวน์เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยก้อนหินภูเขาไฟและชายหาดสีดำที่ดูไม่น่าอภิรมย์นัก บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากไม้เก่าๆ และดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไรให้พวกเราประหลาดใจได้เลย จนกระทั่งฉันได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมเอาเสียเลย

       เธอเป็นหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสดใสที่ดูเหมือนจะแพงกว่าร้านค้าทั้งเกาะรวมกัน เธอมีรอยยิ้มที่สวยงามแต่ดูไม่จริงใจนัก และมีดวงตาสีเขียวมรกตที่น่าหลงใหล แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบมาพากลคือสายตาของเธอ... มันไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่มองไปที่ร้านที่เดม่อนกับรีชาเข้าไป มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายและมุ่งร้าย

       'นี่มันอะไรกัน?' ฉันคิดอย่างสงสัย

       ฉันตัดสินใจที่จะไม่ทนอยู่กับความสงสัยนี้อีกต่อไป ฉันรีบเดินกลับไปที่ร้านขายเครื่องมือประมงที่รีชาเข้าไปทันที

       เมื่อฉันไปถึง ก็เห็นรีชากำลังคุยกับเจ้าของร้านผู้หญิงคนนั้นอยู่ เจ้าของร้านมีรอยยิ้มที่สวยงามและดวงตาสีเขียวมรกตที่คุ้นตา เธอมีผมสีแดงสดใสราวกับเปลวไฟกำลังเต้นรำไปมา และเธอกำลังยื่นสิ่งของบางอย่างให้รีชา

       "นี่จ้ะสาวน้อย" เธอพูดเสียงหวาน "ของขวัญจากฉัน"

       รีชากำลังจะเอื้อมมือไปรับของขวัญจากเธอ! 'ไม่นะ!' ฉันคิด

    ฉันรีบพุ่งเข้าไปในร้านทันทีพร้อมกับ ดึงรีชาออกมาจากหญิงสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว กระบี่เทียนหวงของฉันปรากฏอยู่ในมือ พร้อมที่จะฟาดฟันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

       "นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะรีชา!" ฉันตะโกน "อย่าไว้ใจใครง่ายๆ สิ!"

       หญิงสาวคนนั้นมีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เกล็ดสีเขียวเลื่อมพรายเริ่มงอกออกมาจากผิวหนังของเธอ แขนและขาของเธอยาวขึ้นจนกลายเป็นส่วนหางของงูยักษ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวมรกตที่สะท้อนแสงไฟ

       'ลาเมีย!' ฉันคิดอย่างตกใจ อสุรกายครึ่งงูที่สวยงามและน่ากลัวที่สุดในตำนานกรีก

       "เจ้าเด็กน่ารำคาญ!" ลาเมียคำราม "บังอาจมาขัดขวางข้า!"

       ลาเมียพุ่งเข้ามาหาเราอย่างรวดเร็ว กรงเล็บแหลมคมของเธอมุ่งตรงมาที่ฉันและรีชา ฉันตั้งกระบี่เทียนหวงขึ้นป้องกันเสียงดัง 'เคร้ง!' แรงปะทะทำให้ฉันเซไปเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังยืนหยัดได้

       "รีชา! ไปตามเดม่อน!" ฉันตะโกนสั่ง "เร็วเข้า!"

       รีชาพยักหน้า เธอวิ่งออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว เพื่อไปตามเดม่อนให้มาช่วยพวกเรา ฉันเองก็ต้องเผชิญหน้ากับลาเมียเพียงลำพัง ฉันฟาดฟันกระบี่เทียนหวงของฉันเข้าใส่เธออย่างดุเดือด เธอหลบหลีกการโจมตีของฉันได้อย่างน่าทึ่ง

       "เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก! เจ้าเด็กน้อย!" ลาเมียหัวเราะเยาะ "พลังของเจ้ามันก็แค่ของเล่น!"

       ฉันรู้ว่าเธอพูดถูก ฉันสู้เธอตัวต่อตัวไม่ได้ แต่ฉันก็ต้องถ่วงเวลาไว้จนกว่าเดม่อนกับรีชาจะกลับมาช่วย ฉันใช้ความว่องไวของฉันหลบหลีกการโจมตีของเธอ พยายามหาจังหวะที่จะโจมตีจุดอ่อนของเธอ... แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีจุดอ่อนให้โจมตีเลย


     พิชิต
-

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

ฉันไม่รู้ว่าเราจะรอดจากการโจมตีของลาเมียได้ยังไง แต่มันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีอสุรกายอีกมากมายที่เราไม่เคยเจอ การพักแรมที่จอร์จทาวน์ดูเหมือนจะเป็นการพักแรมที่ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย หวังว่าเดม่อนกับรีชาจะมาช่วยฉันได้ทันนะ เพราะถ้าฉันต้องสู้กับเจ้าอสุรกายครึ่งงูตัวนี้คนเดียว ฉันคงไม่สนุกด้วยแน่ๆ



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 14,004 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-4 17:24
โพสต์ 14,004 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-4 17:24
โพสต์ 14,004 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-4 17:24
โพสต์ 14,004 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 เกียรติยศ +6 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-8-4 17:24
โพสต์ 14,004 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ทักษะดาบ  โพสต์ 2025-8-4 17:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-4 18:53:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XV
— Daemon—
1 · สิงหาคม · 2025 · 14.00 - 15.00 น.

       ตอนแรกที่รีชาวิ่งเข้ามาในร้านอาหาร ฉันคิดว่าคงมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างซื้อของไม่ครบ หรือหาของที่ต้องการไม่เจอ แต่พอเห็นใบหน้าของเธอที่ซีดเผือดราวกับเห็นผี ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องมันใหญ่กว่านั้นเยอะ

       "พี่เดม่อน! แย่แล้ว!" รีชาตะโกนเสียงหลง "พี่รูบี้กำลังสู้กับลาเมียอยู่ค่ะ!"

       ฉันไม่รอให้เธอพูดจบ ฉันรีบโยนดอลลาร์จำนวนหนึ่งไปให้เจ้าของร้าน แล้ววิ่งตามรีชาออกไปจากร้านทันที "ทางไหน!?" ฉันถามพลางดึงแผนที่ที่แอนนาเบ็ธให้มาออกจากกระเป๋า "รูบี้อยู่ที่ไหน!"

       "ร้านเครื่องมือประมงค่ะ!" รีชาตอบ "หนูวิ่งหนีออกมาตามที่พี่รูบี้บอก!"

       ฉันพยักหน้าให้เธอ "รีบกลับไปที่เรือ! เตรียมเรือให้พร้อม! ฉันจะไปช่วยรูบี้เอง!"

       ฉันวิ่งไปที่ร้านเครื่องมือประมงตามที่รีชาบอก เสียงโลหะกระทบกันดัง 'เคร้ง!' ดังมาจากด้านใน ฉันพุ่งเข้าไปในร้านอย่างไม่ลังเล ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับตะลึง รูบี้กำลังฟันฟันกับอสุรกายครึ่งงูที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความอำมหิต ลาเมีย!

       ลาเมียมีท่อนบนเป็นหญิงสาวที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอลุกวาวด้วยความเคียดแค้น ส่วนท่อนล่างของเธอคือหางงูขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวเลื่อมพราย มันกำลังพุ่งเข้าใส่รูบี้อย่างดุเดือด แต่รูบี้ก็ใช้ความว่องไวของเธอหลบหลีกการโจมตีของมันได้อย่างน่าทึ่ง

       ฉันรู้ว่ารูบี้กำลังลำบาก เธอไม่สามารถเอาชนะลาเมียได้ด้วยตัวคนเดียว และการที่ลาเมียปรากฏตัวที่นี่ ก็หมายความว่ามันต้องมีกับดักบางอย่าง

       "เฮ้! เจ้าตัวน่าเกลียด!" ฉันตะโกนยั่วยุพลางดีดแหวนขึ้นไปในอากาศ ดาบเธซีอุสเรืองแสงสีฟ้าปรากฏในมือของฉัน พร้อมกับโล่อัสพิสที่ถูกดึงมาประจำการที่แขน "มาสู้กับฉันนี่!"

       ลาเมียหันมามองฉันด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มของเธอบิดเบี้ยว "เจ้าเด็กปากดี! มาให้ข้ากินซะดีๆ!"

       เธอยื่นมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมมาทางฉัน แต่ฉันก็ใช้โล่อัสพิสป้องกันไว้ได้ทันเวลา 'เคร้ง!' แรงปะทะทำให้ฉันเซไปเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังยืนหยัดได้

       ลาเมียพุ่งเข้ามาโจมตีฉันอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ฉันพยายามใช้ดาบเธซีอุสฟันเข้าที่หางของเธอ แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก เพราะเกล็ดของเธอแข็งแกร่งราวกับเกราะเหล็ก

       "มันมีจุดอ่อนตรงไหน!" รูบี้ตะโกนถามขณะที่เธอกำลังใช้กระบี่เทียนหวงฟันเข้าที่หางของลาเมียอีกครั้ง

       ฉันสบถในใจ 'ให้ตายสิ! นี่มันไม่เหมือนในตำราเลยนะ!' แต่ในขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางออกอยู่นั้นเอง รีชาก็กลับมา!

       "พี่เดม่อน! หนูมาแล้วค่ะ!" เธอตะโกนบอก พร้อมกับใช้พลังควบคุมน้ำจากก๊อกน้ำที่แตกอยู่ในร้านให้พุ่งเข้าใส่ดวงตาของลาเมียอย่างจัง

       ลาเมียกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาที่เคยส่องประกายด้วยความมุ่งร้ายกลับหรี่ลงเล็กน้อย "เจ้าเด็กน้ำ!" เธอคำรามอย่างโกรธแค้น

       "ตอนนี้แหละ!" ฉันตะโกนบอก รูบี้พุ่งเข้าใส่ลาเมียทันที พร้อมกับใช้กระบี่เทียนหวงของเธอฟันเข้าที่เกล็ดที่คอของเธออย่างรวดเร็ว

       'ฉึก!'

       เสียงนั้นดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้ลาเมียกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เกล็ดที่คอของเธอกะเทาะออก และเลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลนั้น

       "ทำอีกครั้ง!" ฉันสั่ง "ต้องทำให้เลือดของมันหมดตัวให้เร็วที่สุด!"

       เราสามคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ฉันใช้โล่อัสพิสป้องกันการโจมตีของลาเมีย ส่วนรูบี้ก็ใช้กระบี่เทียนหวงของเธอฟันเข้าที่เกล็ดที่คอของเธอซ้ำๆ รีชาก็ใช้พลังน้ำของเธอโจมตีใส่ดวงตาของเธออยู่ตลอดเวลา

       ลาเมียกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น เธอพยายามจะสู้กลับ แต่การโจมตีของพวกเราก็รุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับไหว ร่างกายของเธอบิดเบี้ยวและสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลของเธออย่างไม่หยุดยั้ง

       สุดท้าย ลาเมียก็กรีดร้องเสียงแหลมสูงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างกายของเธอจะระเบิดออกกลายเป็นผงละอองสีทองปลิวหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหม็นไหม้จางๆ ที่ค่อยๆ จางหายไป

       เราสามคนยืนหอบหายใจอยู่กลางร้านเครื่องมือประมงที่เต็มไปด้วยเศษซากของความพินาศ ฉันมองไปที่รูบี้กับรีชา ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ

       "เราทำได้แล้ว!" รีชาตะโกนอย่างดีใจ

       ฉันยิ้มให้พวกเธอ "ใช่...เราทำได้"

       เราจัดการเก็บของที่จำเป็นและรีบออกจากร้านนั้นทันที เรามุ่งหน้ากลับไปที่เรือมินิบานาน่าของเรา และออกเดินทางจากจอร์จทาวน์อย่างรวดเร็ว

   การเผชิญหน้ากับลาเมียที่จอร์จทาวน์ได้สอนบทเรียนสำคัญให้เราว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยจริงๆ และการเดินทางของเราก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หลังจากเอาชนะลาเมียได้ เราก็รีบออกจากเกาะนั้นทันที โดยที่เราไม่สนใจเรื่องการเติมเสบียงอีกต่อไปแล้ว เพราะรีชาบอกว่าถ้าพวกเรายังอยู่ที่นั่นนานกว่านี้ อสุรกายตัวอื่นๆ อาจจะตามมาได้อีก

       เราเดินทางกันต่อในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ เจ้าเรือมินิบานาน่าลอยล่องไปบนผืนน้ำสีครามที่ไร้ที่สิ้นสุด รีชาใช้พลังของเธอในการนำทาง ส่วนฉันกับรูบี้ก็ช่วยกันสังเกตการณ์รอบๆ อย่างระมัดระวัง แม้จะไม่มีแผนที่แล้ว แต่รีชาก็บอกว่าเธอสัมผัสได้ถึงทิศทางของแอนตาร์กติกาผ่านกระแสน้ำในมหาสมุทร

       "เราจะถึงที่นั่นในอีกไม่กี่วันค่ะ!" รีชาบอกอย่างดีใจ "หนูรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากทิศทางนั้น"

      ฉันพยักหน้าให้เธอ "ดีเลย...ถ้าถึงที่นั่นได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"

      รูบี้ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่บนเรือ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่ขอบฟ้า "ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะเดินทางไปถึงที่นั่นได้ยังไง... ที่นั่นมันเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งและพายุหิมะ"

      รีชาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่รูบี้ ถ้าเราเดินทางไปถึงแล้วหนูกับพี่เดม่อนจะช่วยกันนะคะ"

      ฉันมองรีชาแล้วก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างน้อยก็มีคนที่มีพลังที่สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นของแอนตาร์กติกาได้ 

      เราล่องเรือกันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางท้องฟ้าที่ยังคงสว่างไสวจากปรากฏการณ์ 'Eternal Sunshine' แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงที่ควรจะมืดแล้วก็ตาม... เป็นเรื่องน่าแปลกที่โลกไม่ได้มืดมิดเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว

      รูบี้กับรีชาผล็อยหลับไปหลังจากวันอันแสนวุ่นวาย ฉันเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน แต่ฉันก็ต้องทำหน้าที่ของฉันในการเฝ้าระวังภัยที่อาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ ฉันกอดดาบเธซีอุสของฉันไว้แน่น พลางมองไปที่ขอบฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

      ฉันรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจออะไรบ้าง...แต่ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้ว...เพราะฉันมีเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่เคียงข้างฉันเสมอ


     พิชิต ลาเมีย [Link]
ได้รับน้ำมันคบเพลิง 2 = รับเพิ่มอีก 2 ea
- (หากมี LUK 60+ จะได้ x2 จากจำนวนที่ดรอป) -

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

การเผชิญหน้ากับลาเมียที่จอร์จทาวน์ทำให้ฉันได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีอสุรกายอีกมากมายที่เราไม่เคยเจอ และการมีพลังเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ เราต้องมีไหวพริบและร่วมมือกันเพื่อเอาชนะพวกมัน และที่สำคัญที่สุดคือฉันรู้สึกภูมิใจในตัวรูบี้และรีชามาก พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าไม่มีพวกเธอ ฉันคงไม่สามารถเอาชนะลาเมียได้แน่ๆ

เราเดินทางกันต่อในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ตอนนี้เราไม่มีแผนที่แล้ว เพราะแผนที่ของแอนนาเบ็ธขาดวิ่นไปตั้งแต่เราสู้กับลาเมียแล้ว เราต้องอาศัยพลังของรีชาเท่านั้นที่จะช่วยให้เราไปถึงแอนตาร์กติกาได้

ฉันหวังว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะราบรื่นนะ เพราะฉันไม่อยากต้องเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกแล้วจริงๆ!



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22067 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-8-4 18:53
โพสต์ 22,067 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-4 18:53
โพสต์ 22,067 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-4 18:53
โพสต์ 22,067 ไบต์และได้รับ +15 EXP +6 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-4 18:53
โพสต์ 22,067 ไบต์และได้รับ +7 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-8-4 18:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-5 00:19:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2025-8-5 00:25

XVI
— Daemon—
5 · สิงหาคม · 2025 · 08.00 - 14.00 น.

       ถ้าใครสักคนบอกว่าชีวิตของลูกครึ่งเทพเป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นตลอดเวลาละก็ ผมขอเถียงว่าไม่จริง การเดินทางกลางมหาสมุทรแอตแลนติกใต้มันก็น่าเบื่อพอๆ กับการนั่งเรียนประวัติศาสตร์โรมันในห้องสมุดเลยนะ

       ผมมองไปที่ขอบฟ้าสีครามที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด เจ้าเรือกล้วยประหลาดของรีชาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แต่หลังจากที่เราออกจากจอร์จทาวน์มาได้หลายวัน ความรู้สึกตื่นเต้นก็เริ่มจางหายไป เหลือแต่ความเหนื่อยล้าและความเบื่อหน่ายเท่านั้นเอง

       รูบี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้สมาร์ทโฟนของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์พิเศษที่มาจากร้านของเดดาลัส ซึ่งเป็นหนึ่งในของหายากที่เด็กบ้านแอรีสได้มาจากการสะสมดรักม่าในการซื้อ เธอสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้บางส่วน และดูข้อมูลที่จำเป็นได้โดยไม่ต้องทำลายกฎของค่าย ผมมองไปที่หน้าจอของเธอ เห็นเธอเลื่อนดูปฏิทินและแผนที่อย่างรวดเร็ว

       "เฮ้! ตาทึ่ม!" เธอพูดเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อย "วันนี้วันที่ 5 สิงหาแล้ว"

       ผมพยักหน้าให้เธอ "แล้วไง?"

       "ก็วันเกิดของรีชาไง!" เธอพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย "นายลืมแล้วเหรอ?"

       ผมเงียบไป ผมลืมไปจริงๆ! ในภารกิจที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และการหนีตาย ผมลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวตัวเล็กของเรา ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย รีชาเองก็นั่งอยู่บนหัวเรือ เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ผมก็เห็นเธออมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องวันเกิด

       "โอ้! จริงด้วย! หนูแก่ขึ้นอีกปีแล้วเหรอเนี่ย!" รีชาพูดด้วยน้ำเสียงสดใส "แล้วเราจะฉลองกันยังไงดีล่ะคะ!?"

       "เดี๋ยวค่อยคิด" รูบี้ตอบ "เราต้องหาที่พักก่อน"

       ในตอนนั้นเอง รีชาชี้ไปที่ขอบฟ้า "พี่เดม่อน! พี่รูบี้! ดูนั่นสิคะ! เกาะ!"

       ผมมองไปตามที่รีชาชี้ เห็นเกาะเล็กๆ สองสามเกาะปรากฏอยู่บนขอบฟ้าที่ห่างไกล ผมก้มลงดูแผนที่ในสมาร์ทโฟนของรูบี้อย่างรวดเร็ว เห็นชื่อของเกาะที่รีชาพูดถึงแล้วมันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

       "หมู่เกาะฟอล์กแลนด์" รูบี้อ่านชื่อ "รีชาบอกว่าเราควรแวะที่นี่เพื่อหาเสบียง"

       ทันทีที่ผมได้ยินชื่อนั้น ผมก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง... แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกธรรมดา แต่มันเป็นความรู้สึกที่แข็งแกร่งและจริงจังมาก เกาะนี้... 'ฟอล์กแลนด์' ชื่อเกาะนี้เหมือนจะมีอีกชื่อ 'หมู่เกาะมัลวีนัส' ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นเกียรติของใครบางคน และมันทำให้ผมคิดถึงชื่อภาคโรมันของแม่ผม... วีนัส!

       ผมจำได้ว่าเคยอ่านข้อมูลแนะนำจากรุ่นพี่ในหอสมุดของค่ายว่า เดมิกอดสามารถใช้พลังจิตของตนในการเปลี่ยนกระแสพลังร่างภาคของเทพเจ้าได้ หากมีเจตจำนงที่แน่วแน่ บางที... ถ้าผมมุ่งหน้าไปที่เกาะนี้ด้วยความตั้งใจจริง ผมอาจจะได้เจอแม่ของผมก็ได้!

       เราเดินทางไปถึงเกาะในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา บรรยากาศที่นี่แตกต่างจากที่จอร์จทาวน์มาก ที่นี่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและเนินเขาสูง มีลมเย็นพัดมาตลอดเวลาจนผมรู้สึกหนาวเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากเท่าที่คิดไว้ รูบี้ชี้ไปที่เนินเขาไม่ไกล "ไปตั้งแคมป์ที่นั่นกัน" เธอบอก "เราจะได้พักผ่อนให้สบายกว่าอยู่บนเรือกล้วยที่แคบๆ นี่"

       ผมกับรูบี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย รูบี้หันไปหารีชาที่นั่งอยู่บนหัวเรือ "รีชา เธอไปรอเราอยู่ที่ฟาร์มวัวร้างแถวนั้นแล้วกันนะ" รูบี้บอกพลางชี้ไปที่ฟาร์มเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง แต่กลับมีวัวปศุสัตว์มากมายถูกทิ้งไว้ "เราจะไปหาเสบียงแล้วรีบกลับมาหาเธอ"

       รีชาพยักหน้า เธอไม่ลังเลที่จะทำตามคำสั่งของรูบี้เลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นรูบี้ก็เก็บเรือมินิบานาน่าของรีชาให้กลายเป็นผ้าเช็ดปากแล้วพกใส่กระเป๋าไป

       รูบี้หันมามองผม "นายจะไปทางไหน? ฉันจะไปสำรวจเส้นทางรอบๆ"

       ผมลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ "ฉันจะเดินสำรวจไปตามแนวชายฝั่ง...เผื่อว่าจะเจออะไรที่น่าสนใจ"

       รูบี้พยักหน้า เธอรู้ดีว่าผมมีอะไรในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอแค่บอกให้ผมระวังตัวแล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ผมเองก็เดินไปตามแนวชายฝั่งอย่างเงียบๆ และคิดถึงเรื่องที่ผมอยากจะทำ... ผมอยากจะเจอแม่ ผมอยากจะขอคำแนะนำจากเธอเกี่ยวกับงานวันเกิดของรีชาให้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุด

       ผมมองไปรอบๆ เกาะที่เต็มไปด้วยความงามแบบดิบๆ ผมไม่รู้ว่าเทพีแห่งความรักและความงามอย่างวีนัสจะทรงสถิตอยู่ที่ไหนในสถานที่แบบนี้... แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก!

14.00 - 15.00 น.

       ผมเดินไปตามแนวชายฝั่งที่เต็มไปด้วยโขดหินและทุ่งหญ้าที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ลมทะเลพัดมาอย่างต่อเนื่องจนผมรู้สึกเย็นเล็กน้อย แม้ว่าวันนี้จะยังคงเป็นช่วงกลางวันจากปรากฏการณ์ Eternal Sunshine ก็ตาม ผมมองไปรอบๆ พยายามหาอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่เทพีจะทรงสถิตอยู่ได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นเกาะร้างธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรเลย

       "นี่ฉันคิดผิดไปหรือเปล่านะ?" ผมพึมพำกับตัวเอง "หรือแม่จะไม่อยากเจอฉัน?"

       ทันใดนั้น ผมก็เห็นสิ่งที่ไม่น่าจะมาอยู่บนเกาะแบบนี้ได้เลย มันคือวิหารที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นได้จากไกลๆ ผมไม่รอช้า รีบวิ่งตรงไปที่วิหารนั้นอย่างรวดเร็ว

       เมื่อผมไปถึง ผมก็ต้องตะลึงกับความงามของมัน มันไม่ใช่แค่วิหารธรรมดาๆ แต่มันเป็นสถานที่ที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากยุคโรมันเลยก็ว่าได้ เสาหินอ่อนแกะสลักอย่างประณีต มีรูปปั้นเทพธิดามากมายตั้งอยู่รอบๆ และกลิ่นหอมของดอกกุหลาบก็ลอยอบอวลไปทั่ว

       "ในที่สุดเจ้าก็มาถึงสินะ...บุตรแห่งข้า"

       เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ผมหันกลับไป ก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น ตรงหน้าผมคือสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา...เธอคือ วีนัส ภาคโรมันของแม่ผม!

       เธอมีบุคลิกที่ซับซ้อนและมีหลายมิติอย่างที่ผมเคยอ่านมา เธอสวมชุดสีแดงสดใสที่ดูแพงกว่าเครื่องประดับทั้งเกาะรวมกัน ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอลุกวาวด้วยความเจ้าเล่ห์และหลงตัวเองอย่างมาก แต่ก็มีความรักที่แท้จริงแฝงอยู่ ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากจนแทบจะยืนไม่ไหว

       "แม่รู้ว่าเจ้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษา" วีนัสพูด "แต่ข้าอยากให้เจ้าดูอะไรก่อน"

       ทันใดนั้น ร่างของเธอก็เริ่มเปล่งประกายสีชมพูอ่อนๆ เสื้อผ้าของเธอเปลี่ยนไป ผมของเธอเป็นสีบลอนด์ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าอ่อน ผมรู้สึกคุ้นเคยกับภาพที่เห็นตรงหน้าอย่างน่าประหลาดใจ...เธอคือ อะโฟรไดต์ แม่ของผม!

       และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ใบหน้าของเธอดูเหมือนลิเลียน่ามาก...แต่เป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบกว่าทุกสิ่งที่ผมเคยจินตนาการ เธอยิ้มให้ผม "แม่ชอบรูปลักษณ์แบบนี้มากกว่านะ... มันดูเป็นตัวตนของแม่จริงๆ"

       "แม่...ผมอยากจะขอคำแนะนำจากแม่" ผมพูดเสียงสั่นเล็กน้อย "ผมอยากจะจัดงานวันเกิดที่อบอุ่นและพิเศษที่สุดให้รีชา... แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง"

       อะโฟรไดต์ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน "ง่ายมาก... เจ้าต้องร่วมมือกับธิดาแห่งแอรีส" เธอพูดพลางหัวเราะเบาๆ "เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะร่วมมือกับความแข็งกร้าว... กับความอ่อนโยนของเจ้า... แล้ววันเกิดของธิดาแห่งโพไซดอนจะน่าจดจำที่สุดอย่างแน่นอน"

      อะโฟรไดต์เดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น เธอวางมือบนหน้าอกของผม ผมรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลเข้ามาในตัวผมอย่างรวดเร็ว "แม่จะปลดล็อกศักยภาพพลังในตัวเจ้า... การควบคุมความรัก" เธอพูด "พลังนี้จะช่วยให้เจ้าสามารถควบคุมอารมณ์ความรัก, ความหลงใหล, หรือแม้แต่ความเกลียดชังของผู้อื่นได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง"

      เธอถอยห่างจากผมเล็กน้อยแล้วชี้ไปที่รูปปั้นปลาโลมาที่ทำจากหินอ่อนสีขาวที่อยู่ด้านข้างของวิหาร "แม่จะแนะนำเจ้าแบบนี้นะ..." เธอบอก "งานเลี้ยงวันเกิดของธิดาแห่งโพไซดอน... เจ้าคิดว่าเธอจะชอบอะไร?"

      ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "น้ำ...ทะเล...ปลา?"

      อะโฟรไดต์ยิ้ม "ถูกต้อง... แล้วถ้าเจ้ากับรูบี้ช่วยกันทำอะไรที่เกี่ยวกับน้ำทะเลและปลาล่ะ?"

      "รูบี้เป็นธิดาแห่งแอรีส... เธอไม่น่าจะชอบอะไรที่เกี่ยวกับปลาหรือน้ำหรอกนะแม่" ผมตอบ

      "ไม่จริงหรอก" อะโฟรไดต์หัวเราะ "ลูกของข้ากับแอรีส... ก็มีลูกหลายคนที่เป็นคู่รักกัน... เจ้าต้องหาจุดที่ความแข็งกร้าวกับความอ่อนโยนมาบรรจบกัน" เธอพูดพลางชี้ไปที่รูปปั้นปลาโลมาอีกครั้ง "คิดถึงรูบี้ที่ถนัดการต่อสู้... และรีชาที่รักความสงบของทะเล... เจ้าต้องหาของที่ทั้งสองคนจะชอบ... บางทีอาจจะเป็นอาหารที่ทำจากปลา... ที่รูบี้จะชอบรสชาติที่จัดจ้าน... และรีชาจะชอบที่มันเป็นอาหารทะเล"

      "แล้วเรื่องของขวัญล่ะครับ?" ผมถามต่อ

      "ของขวัญที่ดีที่สุด...ไม่ใช่ของที่แพงที่สุด...แต่เป็นของที่มาจากใจ" อะโฟรไดต์พูด "ลองคิดดูสิ... รีชาชอบวาดรูป... และรักธรรมชาติ... บางที... การได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักที่สุด... แล้วได้วาดภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม... มันอาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเธอก็ได้นะ"

      ผมรู้สึกเหมือนร่างกายของผมเต็มไปด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งและน่ากลัว แต่ผมก็รู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

      "จำไว้นะ...บุตรแห่งข้า" อะโฟรไดต์พูด "ความรักไม่ได้มีแค่ความอ่อนโยน... แต่ก็มีพลังที่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายทุกสิ่งได้... จงใช้มันอย่างชาญฉลาด"

      แล้วร่างของเธอก็ค่อยๆ เลือนหายไปในแสงสว่าง เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่ยังอบอวลอยู่ในอากาศ ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สับสนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ผมได้รับคำแนะนำ... และได้รับพลังใหม่... แต่ภารกิจที่อยู่เบื้องหน้ายังคงน่ากลัวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

 15.00 - 17.00 น.

       ผมเดินกลับมาจากวิหารด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด ทั้งตื่นเต้นกับพลังใหม่ที่ได้รับและสับสนกับคำแนะนำของแม่ที่ให้ผมร่วมมือกับรูบี้ ธิดาแห่งแอรีส... เพื่อจัดงานวันเกิดให้รีชา! มันฟังดูเป็นเรื่องที่บ้าบอที่สุดในโลกเลยนะ

       ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้น ผมก็เห็นรูบี้เดินสวนทางกลับมาพอดี ใบหน้าของเธอยังคงเรียบเฉยตามปกติ แต่ผมก็เห็นเธอถือถุงผ้าใบเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอะไรบางอย่าง

       "เฮ้! รูบี้!" ผมทักเธอ "เจอเธอจนได้"

       รูบี้หยุดเดิน เธอหันมามองผมด้วยสายตาที่สงสัยเล็กน้อย "มีอะไร? ทำไมหน้าตาดูเหมือนเห็นผี?"

       "ก็เกือบจะเห็นผีแล้วล่ะ" ผมพูดพลางหัวเราะแห้งๆ แล้วเล่าเรื่องที่ผมเจออะโฟรไดต์ให้เธอฟังทั้งหมด ตั้งแต่การปรากฏตัวในร่างของวีนัส ไปจนถึงการเปลี่ยนเป็นอะโฟรไดต์ที่มีใบหน้าเหมือนลิเลียน่า และสุดท้ายคือคำแนะนำบ้าๆ ที่ให้ผมร่วมมือกับเธอเพื่อจัดงานวันเกิดให้รีชา

       รูบี้รับฟังอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็เห็นคิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อยเมื่อผมพูดถึงการร่วมมือกัน

       "ไร้สาระ" รูบี้พูดเสียงเรียบ "ภารกิจของเราคือไปแอนตาร์กติกา ไม่ใช่มาเล่นจัดงานวันเกิดไร้สาระให้ใคร"

       "แต่มันเป็นคำแนะนำจากแม่ของฉันนะ!" ผมเถียง "แถมแม่ยังบอกว่ามันเป็นภารกิจ... เป็นภารกิจที่จะต้องทำ!"

       รูบี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ก็แค่ภารกิจที่ง่ายที่สุดตั้งแต่เราเคยเจอมาเท่านั้นแหละ" เธอพูดก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของเธอขึ้นมาดู "ตอนนี้ก็บ่ายสามโมงแล้ว ถ้าอยากจะจัดงานวันเกิดให้รีชา เราต้องรีบไปหาของและคิดแผนการกัน"

       คำพูดของรูบี้ทำให้ผมรู้สึกดีใจเล็กน้อย อย่างน้อยเธอก็ยอมร่วมมือกับผมแล้ว ผมกับรูบี้จึงเดินไปที่เนินเขาที่เราตั้งใจจะตั้งแคมป์กัน เรานั่งลงบนพื้นหญ้าที่ดูเหมือนจะเป็นที่ที่เงียบสงบที่สุดในโลก แล้วก็เริ่มวางแผนกัน

       "แม่บอกว่า...ต้องหาจุดที่ความแข็งกร้าวกับความอ่อนโยนมาเจอกัน" ผมพูด "เธอคิดว่าเราจะทำยังไงกันดี?"

       รูบี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "รีชาชอบน้ำทะเลและปลา" เธอพูด "ฉันจะไปจับปลามาให้ แล้วพวกนายก็ไปหาอะไรที่จะเอามาทำอาหารได้ แบบนี้เป็นไง?"

       "แล้วความแข็งกร้าวล่ะ?" ผมถาม

       "การล่าปลาไง... การใช้ทักษะการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด... นั่นแหละคือความแข็งกร้าว" รูบี้ตอบ "ส่วนความอ่อนโยน...ก็คือการทำอาหารให้รีชาได้กินไง"

       ผมยิ้ม "เข้าท่า! ส่วนเรื่องของขวัญ... แม่บอกว่าของขวัญที่ดีที่สุดคือการได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก"

       "งั้นก็...เราจะไปหาปลามาทำอาหารกัน" รูบี้สรุป "แล้วก็นั่งกินกันที่นี่...ให้รีชาได้วาดภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์...นั่นคงเป็นวันเกิดที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเธอ"

       ผมกับรูบี้มองหน้ากันอย่างเข้าใจ คำแนะนำของแม่มันน่าสนใจและเข้าท่าจริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าการร่วมมือกับธิดาแห่งแอรีสจะทำให้ผมได้ไอเดียดีๆ แบบนี้


- ปลดพลัง การควบคุมความรัก (ใช้ 20 ตื่นรู้)
-

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

วันนี้เป็นวันที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ ครับ ตั้งแต่เช้าที่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของรีชา และเรามาถึงหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ที่ผมรู้สึกได้ถึงพลังของแม่ ทำให้ผมต้องแยกตัวไปทำภารกิจส่วนตัว

และผมก็ได้เจอแม่แล้ว! เธอมาในร่างที่ดูเหมือนลิเลียน่ามากจนผมตกใจ แต่ก็ดีใจที่ได้เจอ เธอให้คำแนะนำผมในการจัดงานวันเกิดให้รีชาว่าต้องร่วมมือกับรูบี้ และปลดล็อกพลังใหม่ "การควบคุมความรัก" ให้กับผมด้วย ผมรู้สึกว่าพลังนี้ทั้งแข็งแกร่งและอันตรายมาก และผมจะต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ในภารกิจที่แอนตาร์กติกา

ในที่สุดผมก็ได้แผนการจัดงานวันเกิดให้รีชาแล้วครับ! เป็นแผนที่เรียบง่ายแต่ก็อบอุ่นและพิเศษมาก ผมกับรูบี้ช่วยกันวางแผน โดยรูบี้จะออกไปจับปลาซึ่งเป็นส่วนของความแข็งกร้าว ส่วนผมจะไปหาวัตถุดิบอื่นเพื่อมาทำอาหารซึ่งเป็นความอ่อนโยน ผมดีใจที่ได้ร่วมมือกับรูบี้ การร่วมมือกับเธอทำให้ผมได้มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับความรักและความแข็งแกร่ง ผมไม่เคยคิดเลยว่าทั้งสองสิ่งนี้จะสามารถมาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

ตอนนี้ผมต้องไปเตรียมตัวแล้วล่ะ ผมต้องไปหาของที่จำเป็นในการทำอาหาร และผมก็ต้องทำให้วันนี้เป็นวันที่พิเศษที่สุดสำหรับรีชา!


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 41553 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-8-5 00:20
โพสต์ 41,553 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-5 00:20
โพสต์ 41,553 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-5 00:20
โพสต์ 41,553 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point +8 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-5 00:20
โพสต์ 41,553 ไบต์และได้รับ +7 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก หมวกนีเมียน  โพสต์ 2025-8-5 00:20

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -20 ย่อ เหตุผล
God -20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-5 09:48:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XVII
— Resha—
5 · สิงหาคม · 2025 · 14.00 - 20.00 น.

       การเดินทางมาถึงหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ช่างแสนยาวนาน! หนู พี่เดม่อน และพี่รูบี้พากันเดินมาจากท่าเรือจนมาถึงเนินเขาที่ดูเหมือนจะเป็นที่ที่เงียบสงบที่สุดในโลกเลยค่ะ ทิวทัศน์ที่นี่แตกต่างจากบอสตันมาก ที่นี่มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกับเนินเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นๆ พัดมาตลอดเวลาทำให้หนูรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายที่สุดเลยค่ะ

       หลังจากที่พี่เดม่อนกับพี่รูบี้แยกตัวไปหาเสบียง หนูเองก็เดินมานั่งรอพวกเขาอยู่ที่ฟาร์มวัวร้างตามที่พี่รูบี้บอก ฟาร์มที่นี่ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยนะคะ กลับดูอบอุ่นและเงียบสงบดีด้วยซ้ำ มีวัวปศุสัตว์มากมายเดินเล็มหญ้าอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ หนูเอาสมุดวาดรูปออกมานั่งวาดภาพวัวที่กำลังเคี้ยวเอื้องอย่างสบายใจ มันเป็นภาพที่ดูผ่อนคลายที่สุดตั้งแต่หนูออกจากค่ายมาเลยค่ะ

       หนูรู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็ได้พักเท้าจากเรือมินิบานาน่าที่ถึงแม้จะเดินทางได้เร็ว แต่ก็ทำให้หนูรู้สึกเหมือนจะเป็นปลาแล้วค่ะ หนูอยากให้พี่เดม่อนกับพี่รูบี้มาเห็นภาพนี้ด้วยกันจังเลยค่ะ มันเป็นภาพที่ดูงดงามและสงบสุขที่สุดแล้วจริงๆ

       เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หนูเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่หนูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง หนูหันไปมองก็เห็นพี่เดม่อนกับพี่รูบี้กำลังเดินมาหาหนูด้วยรอยยิ้มที่แปลกๆ พี่เดม่อนถือถุงผ้าใบใหญ่ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอะไรบางอย่าง ส่วนพี่รูบี้ก็มีถุงผ้าใบเล็กๆ อีกใบ และที่น่าแปลกใจที่สุดคือพวกเขามีกลิ่นคาวปลาติดตัวมาด้วยค่ะ

       "พี่เดม่อน! พี่รูบี้!" หนูตะโกนด้วยความดีใจ "หนูคิดถึงพี่ๆ มากเลย!"

       "ฮ่าๆๆ พวกเราก็เหมือนกัน" พี่เดม่อนพูดพลางหัวเราะ แต่รอยยิ้มของเขายังดูประหลาดๆ อยู่ "เรามีอะไรจะให้เธอไปดูด้วยนะ... ตามมาสิ"

       "ไปดูอะไรเหรอคะ?" หนูถามด้วยความสงสัย

       พี่รูบี้ไม่ตอบอะไร เธอแค่พยักหน้าให้หนูเดินตามไป พวกเราสามคนเดินไปที่เนินเขาเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังฟาร์มวัว พอไปถึง หนูเองก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันเป็นวิวที่สวยงามมากเลยค่ะ เห็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาตัดกับท้องฟ้าที่ยังคงเป็นสีส้มอ่อนๆ จากปรากฏการณ์ Eternal Sunshine

       แล้วหนูก็เห็นว่าบนเนินเขามีผ้าปูไว้ผืนหนึ่ง มีอาหารที่ทำจากปลาวางอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ! มีทั้งปลาที่ถูกย่างจนหอมกรุ่น และมีอาหารอื่นๆ ที่หนูไม่เคยเห็นมาก่อนวางอยู่เต็มไปหมด

       "สุขสันต์วันเกิดนะรีชา!" พี่เดม่อนกับพี่รูบี้ตะโกนพร้อมกัน

       หนูตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ! หนูไม่เคยคิดเลยว่าพี่ๆ จะจำวันเกิดของหนูได้ แถมยังจัดงานเซอร์ไพรส์ให้หนูด้วย! น้ำตาของหนูไหลออกมาด้วยความดีใจ

       "พี่ๆ จำวันเกิดหนูได้ด้วยเหรอคะ!" หนูพูดเสียงสั่นเล็กน้อย "หนูดีใจที่สุดเลยค่ะ!"

       "แน่นอนสิ" พี่เดม่อนพูด "เราจะลืมวันเกิดน้องสาวคนสวยของเราได้ยังไงกันล่ะ"

       พี่รูบี้แค่ยิ้มให้หนู แต่รอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นกว่าที่หนูเคยเห็นมามากเลยค่ะ

       พวกเรานั่งลงบนผ้าปูที่พี่ๆ เตรียมไว้ แล้วเริ่มกินอาหารที่พวกเขาช่วยกันทำ หนูเองก็ไม่รู้ว่าพี่รูบี้ไปจับปลามาจากไหน และพี่เดม่อนไปหาวัตถุดิบอื่นมาจากไหน แต่หนูรู้สึกได้ว่ามันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่หนูเคยกินมาเลยค่ะ

       หลังจากกินอาหารเสร็จ พี่เดม่อนก็ยื่นสมุดวาดรูปของหนูคืนให้ "ของขวัญของเราอาจจะไม่ได้สวยหรูอะไรนะรีชา" พี่เดม่อนพูด "แต่เราอยากให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักที่สุด...แล้วก็วาดภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์นี่...ให้มันเป็นของขวัญวันเกิดที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเธอนะ"

       หนูยิ้มให้พี่เดม่อนแล้วก็รับสมุดวาดรูปคืนมา หนูเองก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ๆ ทั้งสองคน วันนี้เป็นวันเกิดที่อบอุ่นและพิเศษที่สุดในชีวิตของหนูเลยค่ะ

       พวกเรานั่งอยู่บนเนินเขาจนกระทั่งดวงดาวเริ่มส่องประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า แม้จะไม่มีความมืดมิด แต่ดวงดาวก็ยังคงส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า ที่ยังคงเป็นสีส้มอ่อนๆ

       หนูเองก็รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของหนูเลย

       แต่แล้ว...ความสุขก็อยู่กับเราได้ไม่นานเท่าไหร่...

       จู่ๆ เสียงวัวที่กำลังเล็มหญ้าอย่างสงบอยู่ไม่ไกลก็เริ่มร้องอย่างแตกตื่น เสียงคำรามของมันดังระงมไปทั่วทั้งเนินเขา พวกมันพากันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตราวกับเจออะไรที่น่ากลัวมาก หนูหันไปมองก็เห็นฝูงวัวนับร้อยกำลังพุ่งตรงมาทางเรา

       "เกิดอะไรขึ้น?" หนูตะโกนถาม

       แต่พี่เดม่อนกับพี่รูบี้ไม่รอช้า พวกเขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดทันที

       "หลบเร็ว!" พี่รูบี้ตะโกน

       พวกเราสามคนกระโดดหลบฝูงวัวที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจนรอดพ้นมาได้ แต่นั่นเองที่หนูได้เห็น...สิ่งที่กำลังวิ่งตามฝูงวัวมา...

       มันคือมิโนทอร์!

       อสุรกายครึ่งคนครึ่งวัวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีกล้ามเนื้อที่บ้าคลั่ง มีดวงตาสีแดงฉานที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และมีเขาที่แหลมคมราวกับดาบ มันกำลังวิ่งมาทางพวกเราอย่างไม่ลังเล

       "มิโนทอร์!" พี่เดม่อนอุทานเสียงดัง "ให้ตายสิ! มันมาได้ยังไงกัน!"

       "ไม่สนแล้วว่ามันมาได้ยังไง!" พี่รูบี้คำราม "ตอนนี้มันเป็นแขกที่เราต้องต้อนรับให้ดี! รีชา! ถอยไป!"

       หนูรีบถอยออกมาจากจุดปะทะทันที พี่เดม่อนดีดแหวนขึ้นไปในอากาศ ดาบเธซีอุสเรืองแสงสีฟ้าปรากฏในมือของเขา พร้อมกับโล่อัสพิสที่ถูกดึงมาประจำการที่แขน พี่รูบี้เองก็ชักกระบี่เทียนหวงของเธอออกมาเตรียมพร้อม

       มิโนทอร์คำรามลั่น มันพุ่งเข้าใส่พี่เดม่อนอย่างรวดเร็ว พี่เดม่อนยกโล่อัสพิสขึ้นรับการโจมตีจากเขาของมันเสียงดัง 'โครม!' แรงปะทะทำให้พี่เดม่อนเซไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังยืนหยัดได้

       "ตอนนี้แหละ!" พี่เดม่อนตะโกนบอก พี่รูบี้ไม่รอช้า เธอพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของมิโนทอร์ทันที กระบี่เทียนหวงของเธอวาดเป็นเส้นสายแสงสีทองเข้าใส่ข้อพับขาของมัน แต่เกราะของมันก็ยังแข็งแกร่งเกินไป

       "มันแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้เยอะ!" พี่รูบี้ตะโกนบอก "เราต้องโจมตีที่จุดอ่อนของมัน!"

       หนูรู้ว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างเดี๋ยวนี้! หนูเรียกตรีศูลแห่งทาลาสซาขึ้นมาในมือ มันเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ในความมืด หนูใช้พลังควบคุมน้ำสร้างกระแสน้ำวนขนาดเล็กขึ้นมาพุ่งเข้าใส่ดวงตาของมัน หวังว่ามันจะทำให้มิโนทอร์ชะงักไปชั่วขณะ

       มิโนทอร์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของมันหรี่ลงเล็กน้อย หนูรู้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว!

       "พี่เดม่อน! พี่รูบี้! หนูจัดการมันได้แล้ว!" หนูตะโกนบอก

       พี่เดม่อนกับพี่รูบี้ไม่รอช้า พวกเขาพุ่งเข้าใส่หน้าอกของมันทันที พี่เดม่อนใช้ดาบเธซีอุสแทงเข้าที่หัวใจของมัน ส่วนพี่รูบี้ก็ใช้กระบี่เทียนหวงฟันเข้าที่คอของมันอย่างรวดเร็ว

       มิโนทอร์กรีดร้องเสียงแหลมสูงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างกายของมันจะระเบิดออกกลายเป็นผงละอองสีทองปลิวหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหม็นไหม้จางๆ ที่ค่อยๆ จางหายไป

       เราสามคนยืนหอบหายใจอยู่กลางเนินเขาที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ หนูมองไปที่พี่เดม่อนกับพี่รูบี้ ใบหน้าของพวกเขามีรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ

       "เราทำได้แล้ว!" พี่เดม่อนพูดอย่างดีใจ "มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ไม่เหมือนใครเลยนะรีชา!"

       หนูยิ้มให้กับพี่ๆ ทั้งสองคน "ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้มันพิเศษที่สุดเลยค่ะ!" หนูพูด "แต่หนูขอของขวัญอีกชิ้นได้ไหมคะ? หนูอยากให้พี่ๆ อยู่เคียงข้างหนูไปจนจบภารกิจนี้ค่ะ!"

       พี่เดม่อนกับพี่รูบี้มองหน้ากันอย่างเข้าใจ ก่อนที่พี่เดม่อนจะยิ้มให้หนู "แน่นอนสิ" พี่เดม่อนพูด "เราสามคนจะไปแอนตาร์กติกาด้วยกัน!"

       

- พิชิต มิโนทอร์ ครั้งแรก (+2 ตื่นรู้) [Link]
-

     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

วันนี้เป็นวันเกิดที่พิเศษและน่ากลัวที่สุดในชีวิตของหนูเลยค่ะ! หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ฉลองวันเกิดบนเกาะร้างกับเพื่อนๆ แล้วต้องมาสู้กับมิโนทอร์ด้วย

อาหารที่พี่ๆ ทำให้หนูกินก็อร่อยมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะปลาที่พี่รูบี้ไปจับมาเอง มันเป็นรสชาติที่อร่อยที่สุดเท่าที่หนูเคยกินมาเลยค่ะ

หนูรู้สึกดีใจที่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ๆ ทั้งสองคน หนูรู้สึกว่าเราสามคนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว หนูจะจดจำวันนี้ไปตลอดชีวิตเลย


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24045 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-8-5 09:48
โพสต์ 24,045 ไบต์และได้รับ +12 EXP +10 เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก การควบคุมความรัก  โพสต์ 2025-8-5 09:48
โพสต์ 24,045 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-5 09:48
โพสต์ 24,045 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-5 09:48
โพสต์ 24,045 ไบต์และได้รับ +15 EXP +6 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-5 09:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-6 06:58:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
XVIII
— Daemon—
5 · สิงหาคม · 2025 · 20.30 น. - 6 · สิงหาคม · 2025 · 06.00 น.

      หลังจากการต่อสู้กับมิโนทอร์จบลง พวกเราก็กลับมาที่เนินเขาอีกครั้ง บรรยากาศแห่งความสุขจากการฉลองวันเกิดกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ปะปนไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ หนูเองก็ดูเหมือนจะหมดแรงแล้ว และผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

      ผมอาสาเฝ้ากะแรกเอง รูบี้ดูเหมือนจะไม่อยากให้ผมทำคนเดียว แต่ผมก็ยืนยันว่าผมโอเคแล้ว ผมอยากให้เธอได้พักผ่อนบ้าง ส่วนตัวผมเองก็อยากจะมีเวลาอยู่กับตัวเองสักพัก ผมมองไปที่ท้องฟ้าที่ยังคงมีแสงส้มอ่อนๆ จากปรากฏการณ์ Eternal Sunshine แต่ก็มีดวงดาวระยิบระยับอยู่เต็มไปหมด

      ผมมองไปที่รีชาที่นอนหลับอย่างสงบแล้วก็รู้สึกดีใจ วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ แต่แล้วผมก็กลับมาคิดเรื่องที่รบกวนใจผมอยู่ตลอดเวลา...เรื่องของคำพยากรณ์และภารกิจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้

      "เดลฟีเธอกำลังรออะไรกันแน่?" ผมพึมพำกับตัวเอง "ทำไมถึงไม่ส่งคำพยากรณ์มาแก้สถานการณ์บ้าๆ นี่สักที?"

      สี่ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมยังคงนั่งเฝ้าระวังอยู่บนเนินเขา ทันใดนั้น รูบี้ก็ขยับตัว เธอตื่นขึ้นมาแล้วเดินตรงมาหาผมด้วยใบหน้าที่ยังคงดูง่วงอยู่เล็กน้อย

      "ไปพักได้แล้ว" เธอพูดเสียงเรียบ "ฉันจะรับช่วงต่อ"

      "ไม่เป็นไร" ผมตอบ "ฉันดื่มกาแฟไปเมื่อกี้เลยยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่"

      รูบี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอเดินมานั่งลงข้างๆ ผม แล้วมองไปที่ท้องฟ้า "ฉันไม่ชอบกาแฟ" เธอพูด "มันทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป"

      "ก็เป็นเรื่องปกติของลูกครึ่งเทพที่ต้องต่อสู้แล้วล่ะ" ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ "ชีวิตของเรามันก็เป็นแบบนี้แหละ"

      เรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นลง "นายรู้ไหม... การได้สู้กับมิโนทอร์... มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันอยู่กับพ่อ"

      รูบี้หันมามองผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมรู้ว่าเธอฟังอยู่ "ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก...  ฉันสู้ไม่เป็นเลย... พ่อฉันต้องสู้กับมันเพื่อปกป้องฉัน... และเขาก็..."

      ผมเงียบไป ผมไม่อยากพูดต่อ รูบี้ก็ไม่ได้บังคับอะไรเธอแค่เอามือมาวางบนไหล่ของผมเบาๆ "ฉันเข้าใจ" เธอพูด "ฉันเองก็...มีเรื่องที่อยากจะลืมเหมือนกัน"

      ผมมองไปที่รูบี้ ดวงตาของเธอไม่ได้เต็มไปด้วยความเศร้า แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่ง ผมรู้ว่าเธอคงเจอเรื่องที่โหดร้ายมาไม่น้อยเหมือนกัน ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก ไปจนถึงตอนที่ผมต้องหนีจากดีทรอยต์ และเรื่องที่ผมต้องสูญเสียพ่อไปในวันเกิดอายุ 13 ปี

      รูบี้รับฟังอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้ปลอบโยนอะไร แต่การที่เธอรับฟังก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว "นายเก่งมากนะ" เธอพูด "นายรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้... นายก็เก่งมากแล้ว"

      "ขอบคุณนะ" ผมพูด "แล้วเธอล่ะ? เธอเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้างไหม?"

      รูบี้ส่ายหน้า "ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น" เธอพูด "แต่ที่ฉันรู้... คือเราสองคนเป็นเหมือนกัน... เราต้องแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้งไว้บนบ่า... และเราก็ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้"

      เรานั่งคุยกันต่อจนกระทั่งรุ่งเช้า แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงมาบนท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของผมกับรูบี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีมที่ต้องมาทำภารกิจด้วยกัน แต่เป็นเพื่อนที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง

       


     


ความคิดเห็นผู้บันทึก

วันนี้เป็นวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายจริงๆ ตั้งแต่เซอร์ไพรส์วันเกิดของรีชา การต่อสู้กับมิโนทอร์ ไปจนถึงการพูดคุยกับรูบี้ในยามค่ำคืน ผมรู้สึกดีใจที่เราสามารถทำให้รีชามีความสุขในวันเกิดได้ แม้จะต้องเจอกับเรื่องที่น่าหวาดกลัว แต่เราก็ผ่านมาได้ การได้คุยกับรูบี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ผมได้ระบายความในใจที่หนักอึ้งมานาน และเธอก็เข้าใจผมอย่างที่ไม่มีใครเคยเข้าใจ ความสัมพันธ์ของผมกับรูบี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีมที่ต้องมาทำภารกิจด้วยกัน แต่เป็นเพื่อนที่เข้าใจและรับฟังกันอย่างลึกซึ้ง ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าไม่ว่าภารกิจที่แอนตาร์กติกาจะโหดร้ายแค่ไหน เราสามคนก็จะสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12065 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-8-6 06:58
โพสต์ 12,065 ไบต์และได้รับ +4 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก การควบคุมความรัก  โพสต์ 2025-8-6 06:58
โพสต์ 12,065 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-6 06:58
โพสต์ 12,065 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-6 06:58
โพสต์ 12,065 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-6 06:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-8-6 08:59:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2025-8-7 20:19

XIX
— Ruby—
6 · สิงหาคม · 2025 · 06.00 - 18.00 น.

      เรานั่งคุยกันต่อจนกระทั่งรุ่งเช้า แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงมาบนท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเดม่อนมันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีมที่ต้องมาทำภารกิจด้วยกัน แต่เป็นเพื่อนที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง เราต่างเคยเผชิญหน้ากับความสูญเสียในวัยเยาว์ ความเจ็บปวดที่ฝังลึกในใจ และความรับผิดชอบที่หนักอึ้งในฐานะลูกครึ่งเทพ การได้แบ่งปันเรื่องราวเหล่านั้น ทำให้กำแพงที่ฉันสร้างขึ้นมาตลอดชีวิตพังทลายลงเล็กน้อย ฉันรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น...สายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าแค่คำว่าเพื่อนร่วมทีม มันคือความเข้าใจที่แท้จริง ความเคารพในความเข้มแข็งของกันและกัน และการยอมรับในบาดแผลที่ซ่อนอยู่ภายใน

      "นายคิดว่า...เราจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้จริงๆ เหรอ?" ฉันถามเดม่อน เสียงของฉันแผ่วเบากว่าที่เคยเป็น

      เดม่อนมองมาที่ฉัน ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่น "เราต้องผ่านไปให้ได้" เขาตอบ "เรามีกันสามคน...และเราจะไม่มีวันยอมแพ้"

      "ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" ฉันพึมพำ "เพราะบางที... ฉันก็รู้สึกเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า"

      เดม่อนยิ้มเล็กน้อย "เธอไม่ได้แบกมันคนเดียวหรอกนะรูบี้" เขาพูด "เราจะแบกมันไปด้วยกัน"

      คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้าง...  มากกว่าที่ฉันจะยอมรับได้

      ไม่นานนัก รีชาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เธอคงยังมีความสุขกับงานวันเกิดเมื่อคืนอยู่ ฉันกับเดม่อนช่วยกันเก็บข้าวของทั้งหมด แล้วพากันเดินกลับไปที่ฟาร์มวัวร้างที่รีชารออยู่ เราเรียกเรือมินิบานาน่าออกมาจากผ้าเช็ดปาก แล้วพากันลงเรือ มุ่งหน้าสู่แอนตาร์กติกา

      การเดินทางในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้นั้นราบรื่นเกินไปจนน่าเบื่อหน่าย แสงส้มอ่อนของ Eternal Sunshine ยังคงส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา ทำให้แยกไม่ออกว่าตอนนี้เป็นกลางวันหรือกลางคืนกันแน่ มีเพียงเสียงคลื่นกระทบเรือและเสียงลมพัดผ่านเท่านั้นที่ดังอยู่รอบตัว

      เราล่องเรือไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง รีชานั่งอยู่หัวเรืออย่างสบายใจ บางครั้งเธอก็ฮัมเพลงเบาๆ หรือไม่ก็เอาสมุดวาดรูปออกมาวาดภาพวิวทิวทัศน์รอบตัว ส่วนเดม่อนก็นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน บางครั้งเขาก็หลับตาลงพักผ่อน หรือไม่ก็มองไปที่ขอบฟ้าอย่างเหม่อลอย ฉันเองก็แค่เอนหลังพิงพนักเรือ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับกระแสลม

      "พี่เดม่อนคะ พี่รูบี้คะ อีกนานไหมคะกว่าจะถึงแอนตาร์กติกา?" รีชาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเบื่อหน่ายเล็กน้อย

      เดม่อนลืมตาขึ้น "อีกประมาณสองวันครึ่งได้มั้ง" เขาตอบพลางมองไปที่ขอบฟ้า "ถ้าเรือมินิบานาน่าไม่เสียกลางทางไปซะก่อนนะ"

      "ไม่เสียหรอกค่ะ!" รีชาเถียงทันที "เรือของหนูแข็งแรงที่สุดในโลกเลยนะคะ!"

      ฉันแค่ถอนหายใจ "ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" ฉันพูด "เพราะถ้าเสียกลางทาง พวกเราคงต้องว่ายน้ำไปเอง"

      รีชาทำหน้ายู่ "โหดร้ายจังเลยค่ะพี่รูบี้!"

      เดม่อนหัวเราะเบาๆ "ก็รูบี้ เธอก็เป็นแบบนี้แหละ" เขาพูด "แต่เธอก็พูดถูกนะ...เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์"

      "พี่เดม่อน พี่รูบี้คะ เคยคิดไหมคะว่าถ้าภารกิจนี้จบลงแล้ว... เราจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้หรือเปล่า?" รีชาถามขึ้นมาอีกครั้ง เสียงของเธอแผ่วเบาลงเล็กน้อย

      เดม่อนมองไปที่รีชา "ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน" เขาตอบ "ชีวิตของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว...หลังจากที่เราได้เจอเรื่องราวต่างๆ มากมาย"

      "แต่หนูอยากกลับไปเรียนหนังสือเหมือนเดิมค่ะ" รีชาพูด "หนูอยากไปวาดรูปที่สวนสาธารณะ...แล้วก็ไปกินพุดดิ้งที่โรงอาหาร"

      ฉันมองไปที่รีชา ใบหน้าของเธอดูเศร้าลงเล็กน้อย "บางที... เราอาจจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกแล้ว" ฉันพูด "แต่เราก็ยังสามารถสร้างชีวิตใหม่...ในแบบของเราเองได้นะ"

      เดม่อนพยักหน้าเห็นด้วย "ใช่...เราจะสร้างชีวิตใหม่...ที่เต็มไปด้วยการผจญภัย...และมิตรภาพ"

      รีชามองไปที่ท้องฟ้า ดวงตาของเธอฉายแววครุ่นคิด "หนูหวังว่าอย่างนั้นนะคะ"

      เราสามคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องราวต่างๆ ที่เคยเจอมาในค่ายฮาล์ฟบลัด เรื่องภารกิจที่ผ่านมา หรือแม้แต่เรื่องที่อยากจะทำเมื่อภารกิจนี้จบลง มันเป็นช่วงเวลาที่แปลก... ปกติฉันไม่ชอบคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ แต่การได้เห็นรีชายิ้มและเดม่อนหัวเราะ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก

      แต่แล้ว...ความสงบก็ถูกทำลายลงในพริบตา!

      จู่ๆ ผืนน้ำเบื้องหน้าก็เริ่มก่อตัวเป็นคลื่นขนาดใหญ่ มันไม่ได้เกิดจากพายุ แต่เหมือนมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ใต้ผิวน้ำด้วยความเร็วสูง!

      "ระวัง!" ฉันตะโกนบอก เสียงของฉันดังขึ้นทันที

      เดม่อนกับรีชาหันมามองด้วยความตกใจ ทันใดนั้น ร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากน้ำ!

มันคือ เคลพี!

      อสุรกายรูปร่างคล้ายม้า แต่มีผิวหนังสีเขียวเข้มราวกับสาหร่ายทะเล ดวงตาของมันเรืองแสงสีแดงก่ำ และมีแผงคอที่ดูเหมือนกระแสน้ำที่กำลังไหลวนอยู่ตลอดเวลา มันวิ่งอยู่บนผิวน้ำด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พุ่งตรงมาทางเรือของเราอย่างไม่ลังเล

      "เคลพี!" รีชาอุทานเสียงหลง ใบหน้าของเธอซีดเผือดทันที

      "มันมาได้ยังไงกัน!" เดม่อนคำรามพลางดีดแหวนขึ้นไปในอากาศ ดาบเธซีอุสเรืองแสงสีฟ้าปรากฏในมือของเขา พร้อมกับโล่อัสพิสที่ถูกดึงมาประจำการที่แขน

      ฉันไม่รอช้า ชักกระบี่เทียนหวงออกมาจากฝัก แสงทองอร่ามวูบวาบในความมืด "มันคงตามกลิ่นเดมิกอตของเรามา!" ฉันตะโกนบอก "เตรียมตัวให้พร้อม!"

      เคลพีคำรามลั่น มันพุ่งเข้าใส่เรือของเราอย่างรวดเร็ว หวังจะกระโจนขึ้นมาบนเรือเพื่อโจมตีพวกเรา

      "รีชา! ใช้พลังของเธอ!" เดม่อนตะโกนสั่ง

      รีชาไม่รอช้า เธอเรียกตรีศูลแห่งทาลาสซาขึ้นมาในมือ มันเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ แล้วใช้พลังควบคุมน้ำสร้างกำแพงน้ำขึ้นมาขวางทางเคลพี

      'โครม!'

      เสียงน้ำปะทะร่างเคลพีดังสนั่น กำแพงน้ำสลายไป แต่ก็ทำให้เคลพีชะงักไปเล็กน้อย

      "ตอนนี้แหละ!" ฉันตะโกนบอก พุ่งเข้าใส่เคลพีทันที กระบี่เทียนหวงของฉันวาดเป็นเส้นสายแสงสีทองเข้าใส่ข้อพับขาของมัน หวังจะสร้างความเสียหาย แต่เกราะของมันแข็งแกร่งเกินไป

      เคลพีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันหันมามองฉันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แล้วพุ่งเข้าใส่ฉันอย่างรวดเร็ว

      "รูบี้! ระวัง!" เดม่อนตะโกน

      ฉันหลบการโจมตีของเคลพีได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว เคลพีตัวนี้ว่องไวและแข็งแกร่งกว่าอสุรกายที่เราเคยเจอมาทั้งหมด!

      "เดม่อน! ใช้พลังของนาย!" ฉันตะโกนบอก "เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจของมัน!"

      เดม่อนพยักหน้า เขารวบรวมสมาธิ แล้วใช้พลังแปลงร่าง! ร่างของเขาเริ่มบิดเบี้ยวและขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็น ปลาวาฬเพชฌฆาตที่ดูสง่างามราวกับถูกปั้นแต่งมาอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะดุดันแต่กลับแฝงไว้ซึ่งเสน่ห์อันน่าหลงใหลอย่างประหลาด!

      ปลาวาฬเพชฌฆาตที่เดม่อนแปลงร่างมานั้นมีผิวหนังสีดำเงางาม มีดวงตาที่ดำสนิทที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และมีครีบขนาดใหญ่ที่สามารถแหวกว่ายในน้ำได้อย่างรวดเร็ว มันพุ่งตรงเข้าใส่เคลพีอย่างไม่ลังเล

      'โครม!'

      เสียงปลาวาฬเพชฌฆาตปะทะร่างเคลพีดังสนั่น ผืนน้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรง เคลพีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันถูกปลาวาฬเพชฌฆาตของเดม่อนพุ่งชนอย่างจังจนเซไปเล็กน้อย

      "ตอนนี้แหละ! รีชา!" ฉันตะโกนบอก "โจมตีที่จุดอ่อนของมัน!"

      รีชาไม่รอช้า เธอใช้พลังควบคุมน้ำสร้างกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้นมาพุ่งเข้าใส่ลำตัวของเคลพี ทำให้มันถูกดูดลงไปในกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็ว

      "รูบี้! จัดการมัน!" เดม่อนที่ยังคงอยู่ในร่างปลาวาฬเพชฌฆาตตะโกนบอก

      ฉันพุ่งเข้าใส่เคลพีทันที กระบี่เทียนหวงของฉันวาดเป็นเส้นสายแสงสีทอง ฟันเข้าที่แผงคอของมันอย่างรวดเร็ว!

      'ฉึก!'

      เสียงนั้นดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้เคลพีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แผงคอของมันขาดออก เลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง

      เคลพีกรีดร้องเสียงแหลมสูงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างกายของมันจะระเบิดออกกลายเป็นผงละอองสีทองปลิวหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหม็นไหม้จางๆ ที่ค่อยๆ จางหายไป

      หลังจากที่เคลพีสลายไป เดม่อนก็กลับคืนร่างเดิม เขาดูล้าเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนหยัดได้ รีชาเองก็หอบหายใจอย่างหนัก ส่วนฉัน...ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่เราสามารถเอาชนะมันมาได้

      ฉันมองไปที่เดม่อน เขากำลังมองมาที่ฉันเช่นกัน แววตาของเขาไม่ได้มีแค่ความเหนื่อยล้า แต่มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เราต่างรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเอาชนะอสุรกาย แต่เป็นการยืนยันถึงสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นระหว่างเราสองคน มันเป็นความรู้สึกที่แปลก... แต่ก็อบอุ่นอย่างประหลาด

      "นายคิดว่า...หลังจากภารกิจนี้จบลง... เราจะยังคงเป็นแบบนี้อยู่ไหม?" ฉันถามเดม่อน เสียงของฉันแผ่วเบาลงเล็กน้อย

      เดม่อนมองมาที่ฉัน ดวงตาของเขาฉายแววมุ่งมั่น "ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ" เขาตอบ "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น... เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ"

      ฉันพยักหน้าเล็กน้อย คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้าง... มากกว่าที่ฉันจะยอมรับได้

      เราเดินทางกันต่อในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล ตอนนี้ไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินทางของเราอีกแล้ว เรามุ่งหน้าสู่แอนตาร์กติกาอย่างไม่ย่อท้อ

       

พิชิตเคลพี ครั้งแรก +2 ตื่นรู้ [Link


ความคิดเห็นผู้บันทึก

วันนี้เป็นอีกวันที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ การเดินทางในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้นี่มันไม่เคยสงบเลยจริงๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้สู้กับเคลพีกลางมหาสมุทรแบบนี้

เดม่อนเก่งมากจริงๆ เขาใช้พลังแปลงร่างได้อย่างน่าทึ่ง และรีชาก็ใช้พลังน้ำได้ดีเยี่ยม การทำงานร่วมกันของเราสามคนมันลงตัวและมีประสิทธิภาพมาก

ตอนนี้เราใกล้จะถึงแอนตาร์กติกาแล้ว ฉันไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไรบ้าง แต่ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้ว เพราะฉันมีเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่เคียงข้างฉันเสมอ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29254 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-8-6 08:59
โพสต์ 29,254 ไบต์และได้รับ +12 EXP +10 เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก การควบคุมความรัก  โพสต์ 2025-8-6 08:59
โพสต์ 29,254 ไบต์และได้รับ +20 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก ชุดบำรุงอาวุธ  โพสต์ 2025-8-6 08:59
โพสต์ 29,254 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความศรัทธา จาก มนต์มหาเสน่ห์  โพสต์ 2025-8-6 08:59
โพสต์ 29,254 ไบต์และได้รับ +15 EXP +6 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ดาบเธซีอุส  โพสต์ 2025-8-6 08:59

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x1
x2
x14
x2
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้