/ ลาเวอร์น่า
/ เทพีชั้นรองของโรมันผู้ปกครองเหล่าหัวขโมย, คนโกง และคนโกหก
คำอธิบายทั่วไป
ลักษณะที่ปรากฏ
ชีวประวัติ
ในจักรวาลไรออร์แดน
ลักษณะรูปลักษณ์
บุคลิกภาพ
ความสามารถและพลัง
คุณลักษณะ
นิรุกติศาสตร์
เรื่องน่ารู้
คำอธิบายทั่วไป
ลาเวอร์น่า คือเทพีชั้นรองของโรมันผู้ปกครองเหล่า หัวขโมย, คนโกง และคนโกหก เธอเป็นเทพีอมตะที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์และมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของประวัติศาสตร์
ลักษณะที่ปรากฏ


ชีวประวัติ
ในปกรณัมโรมันโบราณ ลาเวอร์น่า (Laverna) คือเทพีแห่ง "เงามืดและอาชญากรรม" ที่มีประวัติลึกลับและแปลกประหลาดกว่าเทพองค์ใดในสภาโอลิมปัส โดยชีวประวัติของเธอสามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
เทพีผู้ไร้รูปร่างและจอมลวงโลก
ลาเวอร์น่าถูกรู้จักในฐานะเทพีที่เป็นตัวแทนของ พวกนักต้มตุ๋น, คนโกหก, และเหล่ามิจฉาชีพ ในตำนานเล่าว่าเธอมีเสน่ห์ที่น่าขนลุกและมีความสามารถในการปลอมแปลงตัวตนขั้นสูง เดิมทีเธอถูกพรรณนาว่ามีเพียง "ศีรษะที่ปราศจากร่างกาย" หรือบางครั้งก็เป็นร่างที่ไร้ศีรษะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สื่อว่าคำพูดและตัวตนของเธอนั้นไม่มีความจริงอยู่เลย (ไร้แก่นสาร)
ตำนานการหลอกลวงเหล่าทวยเทพ
วีรกรรมที่เป็นที่โจษจันที่สุดของเธอคือการหลอกลวงทั้งมนุษย์และเทพเจ้า:
การโกงที่ดิน: ลาเวอร์น่าเคยไปสาบานกับเจ้าของที่ดินว่าจะซื้อฟาร์มแห่งหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาจ่ายเงิน เธอกลับใช้เล่ห์เหลี่ยมทำให้พันธสัญญานั้นเป็นโมฆะและเชิดที่ดินไปฟรี ๆ
การหลอกผู้ทำบัญชี: เธอเคยทำสัญญากับเหล่านักบวชและเทพเจ้าองค์อื่น ๆ โดยอ้างว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์ให้ แต่สุดท้ายเธอก็ใช้วาทศิลป์หลีกเลี่ยงข้อตกลงจนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายกับเธอได้
เมื่อเรื่องถึงหูของเทพเจ้าเบื้องบน ลาเวอร์นาถูกเรียกไปพิพากษา แต่เธอกลับพิสูจน์ให้เห็นว่า "การขโมยของเธอคือศิลปะ" และเธอก็เป็นที่ต้องการของเหล่าหัวขโมยที่คอยสวดอ้อนวอนขอให้เธอช่วยบดบังร่องรอยอาชญากรรมของพวกตน
ในจักรวาลไรออร์แดน
บทบาทใน The Nico di Angelo Adventures
การลักพาตัวในค่ายจูปิเตอร์: ลาเวอร์น่าทำงานให้กับ พิริธูอัส, แทนทาลัส และ แมรี่ ทิวดอร์ เธอแอบลักลอบเข้ามาในค่ายจูปิเตอร์และลักพาตัวอาริเอลและคีนัวไปได้โดยที่ทั้งกองทหารโรมันและเทพเทอร์มินัสตรวจจับไม่ได้
ความวุ่นวายและการเผชิญหน้า: ในคืนต่อมาเธอได้สร้างสถานการณ์ปั่นป่วนถึง 20 จุดพร้อมกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และทำให้เฮเซลกับยาซานหลับใหลก่อนจะลักพาตัวแอสเทอเรียนไป เธอแสดงความโอหังโดยการเยาะเย้ยเฮเซลผ่านข้อความไอริสว่าอย่ามาขัดขวาง "เจ้าหน้าที่ของศาล"
การต่อสู้กับกลุ่มนิโก: เมื่อเผชิญหน้ากับนิโก วิลล์ และเฮเซล ลาเวอร์นาเรียกเหล่าอมนุษย์ว่าเป็น "ขยะ" และ "อาชญากร" เธอแสดงพลังโทรจิตซัดวิลและอมนุษย์คนอื่นๆ จนกระเด็น และที่สยดสยองที่สุดคือเมื่อนิโคฟันไม้เท้าของเธอขาด เธอกลับ ถอดหัวตัวเองออกจากร่าง แล้ววิ่งพล่านไปรอบๆ จนทุกคนขวัญผวา
จุดจบชั่วคราว: วิล โซเลซ ระเบิดพลังแสงอาทิตย์ข่มขู่จนผิวหนังของเธอพุพอง ลาเวอร์น่าพยายามหนีเข้าม่านหมอก แต่ถูก "คาโคเดม่อน" (Cacodemons) แห่งความเหงาและความเศร้าเกาะกิน จนเธอกรีดร้องและสลายร่างกลายเป็นกองเชือกเน่าๆ ทิ้งไว้เพียงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ศาลเขตซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญ
ชะตากรรมที่สวนสาธารณะ: เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่สวนโกลเดนเกตในสภาพที่กลัวเกรงเทพเจ้าองค์ใหม่ เมื่อเธอปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเทพ โดลัส (Dolus) เขาจึงทำให้เธอระเบิดกลายเป็นกลุ่มเศษด้าย และถูกส่งตัวไปไกลถึงมองโกเลียหรือแทนซาเนีย
ลักษณะรูปลักษณ์
รูปลักษณ์: ดูเหมือนหญิงมนุษย์ที่สวมชุดทำจากผ้ากระสอบมีกระเป๋าหลายใบ ผูกเอวด้วยเชือก เท้าเปล่าสกปรก ผมสีดำยุ่งเหยิง
ใบหน้า: คล้ายแมวป่า แววตาดุร้าย รูม่านตาขยายกว้าง และมีฟันที่แหลมคมมากเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป
อุปกรณ์: ถือไม้เท้าเหล็กสีดำและกระสอบผ้าใบ (นิโคเปรียบเทียบว่าเธอเหมือน "ลา เบฟานา" หรือแม่มดคริสต์มาสเวอร์ชันใจร้ายที่ขโมยของขวัญจากเด็ก)
บุคลิกภาพ
ลาเวอร์น่า เป็นเทพีที่มีบุคลิกภาพผสมผสานระหว่างความเจ้าเล่ห์เพทุบายและความดุร้ายเยี่ยงสัตว์ป่า เธอมีธรรมชาติของสิบแปดมงกุฎที่ชื่นชอบการหลอกลวงและการลอบเร้นเป็นชีวิตจิตใจ โดยมักแสดงออกด้วยท่าทีโอหังและมั่นใจในกลอุบายของตนว่าจะสามารถตบตาได้แม้กระทั่งเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเทอร์มินัส ลาเวอร์นามีสัญชาตญาณของการเอาตัวรอดที่สูงส่งแต่แฝงไปด้วยความขี้ขลาดแบบหัวขโมย เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบหรือเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่าอย่างแสงอาทิตย์ของวิล เธอจะละทิ้งความจองหองและหนีเอาตัวรอดอย่างรวดเร็วโดยไม่สนศักดิ์ศรี ความแปลกประหลาดที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอคือความผิดเพี้ยนทางกายภาพและทางจิตวิญญาณที่ทำให้เธอดูคล้ายฝันร้ายที่น่าสยดสยองมากกว่าจะเป็นเทพีผู้สูงส่ง เธอมักจะมองโลกด้วยสายตาที่เหยียดหยามและเห็นแก่ตัว โดยถือเอาความวุ่นวายและการฉกชิงวิ่งราวเป็นความถูกต้องอันชอบธรรมในแบบฉบับของเธอเอง
ความสามารถและพลัง
การควบคุมม่านหมอก (Mist Control): เชี่ยวชาญการใช้ม่านหมอกกำบังตัวเพื่อหลบหลีกการตรวจจับของเทพเทอร์มินัส และใช้ทำให้ศัตรูหลับ
พลังกระจิต (Telekinesis): สามารถใช้ไม้เท้าซัดคู่ต่อสู้ให้กระเด็นไปกระแทกผนังได้พร้อมกันหลายคน
การถอดศีรษะ (Head Detachment): สามารถแยกส่วนหัวออกจากตัวได้ ซึ่งเทพเทอร์มินัสระบุว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ระบุตัวตนของเธอได้ทันที
คุณลักษณะ
ในศาสนาโรมันโบราณ ลาเวอร์นาถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทพีองค์รองที่ค่อนข้าง "อื้อฉาว" โดยมีคุณลักษณะดังนี้:
ผู้อุปถัมภ์เหล่านอกกฎหมาย: เธอเป็นเทพีที่เหล่าหัวขโมย (Latrones) และคนโกง (Fraudatores) ให้ความเคารพอย่างลับๆ เพื่อขอพรให้การประกอบอาชญากรรมของพวกเขาราบรื่นและไม่ถูกจับได้
เทพีแห่งความมืดและเงามืด: ต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นที่มีวิหารโอ่อ่า ลาเวอร์นามักถูกบูชาใน "ป่าศักดิ์สิทธิ์" (Sacred Groves) หรือในที่ลับตาคน มีบันทึกว่าเธอมีป่าศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ใกล้กับประตูลาเวอร์นาลิส (Porta Lavernalis) บนเนินเขาอเวนไทน์ (Aventine Hill) ซึ่งเป็นเขตของชนชั้นล่างและคนพลัดถิ่น
การถวายเครื่องเซ่นด้วย "มือซ้าย": ในขณะที่เทพทั่วไปจะรับเครื่องเซ่นด้วยมือขวา (สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์) การบูชาลาเวอร์นามักทำด้วยมือซ้าย หรือทำในลักษณะที่ซ่อนเร้น เพื่อสื่อถึงกุศโลบายและการหลอกลวง
ความไร้รูปลักษณ์: ในบางตำนานกล่าวว่าเธอปรากฏกายเป็นเพียง "ศีรษะที่ลอยอยู่" หรือร่างที่ไร้ศีรษะ เพื่อสื่อว่าสิ่งที่เธอพูดกับสิ่งที่เธอทำนั้นแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง (ปากว่าตาขยิบ) หรือตัวตนของเธอนั้นไม่มีความจริงแท้อยู่เลย
นิรุกติศาสตร์
ที่มาของชื่อ "Laverna" นั้นมีการถกเถียงกันในหมู่นักภาษาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ โดยมีทฤษฎีที่น่าสนใจดังนี้:
ลาตินโบราณ Levare (การยกออก/การขโมย):
- นักภาษาศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่ามาจากกริยา "Levare" ซึ่งแปลว่า "ยกขึ้น" หรือ "หยิบออก" (to lift / to take away) สื่อถึงพฤติกรรมการขโมยหรือการหยิบของผู้อื่นไปอย่างรวดเร็ว
ภาษาอิทรัสกัน (Etruscan):
- มีความเชื่อว่าชื่อของเธออาจมีรากมาจากภาษาอิทรัสกัน ซึ่งเป็นอารยธรรมก่อนโรม โดยคำว่า "Lavour" อาจเกี่ยวข้องกับวิญญาณหรือเทพในโลกหลังความตาย (Chthonic deity) ซึ่งสอดคล้องกับการที่เธอหลบซ่อนตัวในเงามืด
ความหมายในเชิง "หลุมพราง" หรือ "ถ้ำ":
นักนิรุกติศาสตร์บางคนเสนอว่ามาจากรากศัพท์ที่แปลว่า "ห้องใต้ดิน" หรือ "ถ้ำ" (Latibulum) ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกหัวขโมยใช้ซ่อนตัวหรือเก็บของกลางที่ขโมยมาได้
ความสัมพันธ์กับคำว่า Lateo:
อาจเชื่อมโยงกับคำว่า "Latere" (ซ่อนเร้น/มองไม่เห็น) ซึ่งกลายมาเป็นคำว่า Latent ในภาษาอังกฤษ สื่อถึงธรรมชาติของเธอที่มักจะปกปิดตัวตนอยู่เสมอ
เรื่องน่ารู้
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวาย พลทหารกองร้อยที่สองได้ร่วมกันสร้าง "ศาลเจ้า" ให้เธอที่เนินเทมเพิล แต่กลับออกแบบให้ดูเหมือน "ห้องคุมขัง" แทน ซึ่งเป็นการถวายเครื่องสักการะที่ทำให้ลาเวอร์น่าต้องหวาดระแวงว่ามันปลอดภัยที่จะไปรับหรือไม่